ร่วมสร้างพระศิลปะอีสาน "พระเจ้าแสนหลวง" หน้าตัก ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ถวายวัดเก่าหนองบัว

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย มายศ, 11 มกราคม 2014.

  1. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    อา ๑๙ ม.ค. ๒๕๕๗

    ประมาณบ่ายโมง นำขันหมากเบ็งคู่หนึ่งถวายพระเจ้าใหญ่องค์หลวง ขอบารมีพระเจ้าใหญ่องค์หลวง และพระครูวิลาสกิจจาทร (บัวสอน) วัดหลวง ตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอดอนมดแดง และเจ้าอาวาสวัดหลวง อุบลราชธานี เพื่อร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง

    ประมาณบ่าย ๒ โมง นำขันหมากเบ็งคู่หนึ่งถวายพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง (อินแปง) ขอบารมีพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เพื่อร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง

    + + + + + + + + + + +

    พระเจ้าใหญ่องค์หลวง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง หน้าตัก ๓ เมตร มีความงามเป็นพิเศษ ด้วยต้อง “เบญจลักษณะ” ที่มีความยาวห้าคืบพระสุคต หรือ ลักษณะที่เท่ากันห้าประการ ดังนี้
    ๑. พระเพลา (หน้าตัก) จากพระชานุ (หัวเข่า) ด้านซ้ายถึงพระชานุด้านขวา
    ๒. เฉวียงจากพระชานุซ้ายถึงพระอังสา (บ่าไหล่) ขวา
    ๓. เฉวียงจากพระชานุขวาถึงพระอังสาซ้าย
    ๔. ปลายพระองคุลี (นิ้วมือ) ข้างขวาที่วางพาดพระชานุถึงพระนลาฏ (หน้าผาก)
    ๕. รอบพระเศียร (ศีรษะ)

    เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ หรือ เจ้าคำผง บุตรพระตา ได้นำช่างเวียงจันทร์มาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๒๔ หลังสร้างวัดหลวงซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของเมืองอุบลได้ ๒ ปี ก่อนหน้านี้ท่านตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เกาะกลางแม่น้ำมูลหรือดอนมดแดง แต่มีปัญหาอุทกภัยจึงย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่ดงอู่ผึ้ง หรือบริเวณวัดหลวงในปัจจุบัน ชื่อวัดหลวงมาจากชื่อเรียกเจ้าคำผงในสมัยนั้น ผู้คนมักเรียกท่านว่า "เจ้าองค์หลวง" หรือ "อาชญาหลวงเฒ่า" อาชญาเป็นฐานันดรศักดิ์ของเมืองลาว ใช้เรียกบุตรชายที่เกิดจากเจ้าที่เป็นหญิงที่สมรสกับชายสามัญ

    ในความรู้สึกส่วนตัว พระเจ้าใหญ่องค์หลวงเป็นพระใหญ่ศิลปล้านช้างที่งดงามจริง ๆ ซุ้มเรือนแก้วก็อ่อนช้อยรับกับองค์พระอย่างลงตัว

    [​IMG]

    คาถาบูชาพระเจ้าใหญ่องค์หลวง เพิ่งสร้างเมื่อ ๕ มกราคม ๒๕๕๗ อุโมทนาด้วยครับ

    + + + + + + + + + + +

    คำนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์หลวง

    ตั้งนะโม ๓ จบ

    ยา สา โข ราชิการาเม.............อุปปะละราชะธานิยัง
    มะหันตี จะ มะหาเตชา............สุวัณณะสิริสัมภะวา
    ราชิกา ปะวะรา พุทธะ-............ปฏิมา จะ สิรินธะรา
    กาเยนะ วะจะสา เจวะ.............เอตัง ปูเชมะ เจตะสา
    มะยัง โข เตชะสา โหมะ...........นิโรคา นิรุปัททะวา
    นิพภะยา จะ นิราพาธา.............นิสโสกา พยาธิวิคคะตา
    อันตะรายา วินัสสันตุ...............ภะวะตุ ชะยะมังคะลัง
    สัพพะทา อิธะ สัพพัตถะ...........สัพพะโสตถี ภะวันตุ โนฯ

    คุณวิชชา คุณอุไรวรรณ เกษมสุข และครอบครัว
    สร้างถวายวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๗

    [​IMG]

    บรรยากาศภายในวิหารพระเจ้าใหญ่องค์หลวง บ้าน ๆ สบาย ๆ

    [​IMG]

    วิหารพระเจ้าใหญ่องค์หลวง

    [​IMG]

    อนุเสาวรีย์เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ หน้าวิหารพระเจ้าใหญ่องค์หลวง อัฐิของท่านอยู่ที่วัดหลวงแห่งนี้ ช่วงเดือนพฤศจิกายนมีการไหว้บวงสรวงท่านเป็นประจำ

    [​IMG]

    พระครูวิลาสกิจจาทร (บัวสอน) วัดหลวง อุบลฯ เมตตาจารแผ่นทองร่วมหล่อพระเจ้าแสนหลวง ท่านกล่าวประมาณว่า เมืองไทยเหมือนถูกต้องคำสาปจากเมืองลาวเมื่อครั้งไปเผาเมืองเวียงจันทร์หลังศึกสมเด็จพระเจ้าอนุวงศ์ การสร้างบุญใหญ่เพื่อชักชวนผู้มีกระแสรับรู้ที่เคยเป็นอริกัน ได้มาขอขมาซึ่งกันและกัน อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน จะช่วยในส่วนนี้ได้

    [​IMG]

    พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง (อินแปง) หลังจากการบูรณะครั้งใหญ่ ได้ยินว่าเดือนเมษายนนี้จะมีพิธียกยอดฉัตรวิหารพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  2. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    สำหรับผู้ต้องการบอกบุญต่อ ผ่านสื่อออนไลน์ ตอนนี้ไฟล์โบรชัวร์แบบ jpg เสร็จแล้ว และอยู่ในหน้า ๑ ครับ

    + + + + + + + + + + +

    งานต่อไปก็พิมพ์โบรชัวร์ อาร์ตมัน ๔ สี ๑๓๐ แกรม ๒๐,๐๐๐ แผ่น ราคาแผ่นละ ๖๒ สต. จาก http://naitamtook.com/

    [​IMG]

    ซื้อแผ่นทองแดงขนาด ๕ คูณ ๕ นิ้ว เบื้องต้น ๕๐๐ แผ่น ราคาแผ่นละห้าบาท จากเฟซบุ๊กที่แสดง สำหรับให้ผู้ร่วมบุญได้จารอุทิศบุญก่อนสร้างพระเจ้าแสนหลวง พระแห่งอภัยทานและกัลยาณมิตร สำหรับประดิษฐานที่ศาลาพุทธชยันตี เสาไม้พันชาติ ต.บ้านไทย อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  3. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    มุมวิชาการ

    + + + + + + + + + + +

    ทำไมหล่อทองแดงจึงยากกว่าหล่อทองเหลือง

    รูปข้างล่างเป็นแผนภาพเฟสของทองแดง-ทองเหลือง (Cu-Zn phase diagram) แกนตั้งเป็นอุณหภูมิ แกนนอนเป็นสัดส่วนของสังกะสี (Zn) แกนนอนซ้ายสุดคือมีสังกะสีผสมร้อยละ 0 แสดงว่าไม่มีสังกะสีผสมเลย จึงเป็นทองแดงบริสุทธิ์ (Pure Copper) เมื่อเจือทองเหลืองมากขึ้น เส้นลิควิดัส (Liquidus - เส้นที่แบ่งเฟสของเหลว (Liquid) กับของแข็งเฟสอัลฟาผสมของเหลว (อัลฟา + L) ) ลาดเอียงลงมาจากอุณหภูมิ ๑,๐๘๕ เซลเซียส ซึ่งเป็นจุดหลอมเหลวของทองแดงบริสุทธิ์ ทองเหลืองทั่วไปจะมีสังกะสีเป็นส่วนประกอบร้อยละ ๓๐ เมื่อลากจากแกนนอนที่มีสังกะสีร้อยละ ๓๐ ขึ้นไปบรรจบเส้นเหลืองด้านบนสุด จะเป็นจุดหลอมเหลวของทองเหลืองที่คาดว่าใช้หล่อพระทั่วไป หรือ ๙๖๐ เซลเซียส ดังนั้นการหล่อทองแดงต้องการอุณหภูมิสูงกว่าการหล่อทองเหลือง ๑๒๕ เซลเซียส ถ้าขณะเทอุณหภูมิต่ำเกินไปก็จะทำให้คุณภาพการหล่อไม่ดี

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  4. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ผู้เชี่ยวชาญการสร้างพระให้คำปรึกษาอะไรบ้าง

    + + + + + + + + + + +

    นายช่างหล่อพระคนหนึ่ง

    ๑. งานหล่อทองแดงคิดเป็น ๓ เท่าของงานหล่อทองเหลือง พระหน้าตัก ๙๔ นิ้ว หนักประมาณ ๑ ตัน ใช้ทุนทรัพย์ในการหล่อราว ๗ แสนบาทรวมค่าปั้น ดังนั้นหล่อทองแดงคิดเป็นเงิน ๒.๑ ล้านบาท
    ๒. งานหล่อทองแดงต้องใช้ดินไทยหล่อเพื่อความมั่นใจในผลงาน ไม่ได้ใช้ปูน ค่าใช้จ่ายย่อมสูงขึ้น
    ๓. โรงหล่อเกรดบี ไม่น่าหล่องานแบบนี้ได้ แนะนำให้ใช้โรงหล่อเกรดเอ
    ๔. งานทองเหลืองซ่อมงานง่ายกว่างานทองแดง
    ๕. โรงงานในรอบนอก ไกล ๆ อาจไม่สามารถทำงานหล่อทองแดงขนาดใหญ่ได้ แนะนำโรงงานที่มีชื่อเสียงแถบอยุธยา

    + + + + + + + + + + +

    ช่างปั้นคนหนึ่ง

    ๑. แนะนำให้ใช้บริการงานหล่อที่ศิลปินใช้บริการแถบอยุธยา แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากสำหรับงานหล่อทองแดง

    + + + + + + + + + + +

    ผู้เคยสร้างพระใหญ่

    ๑. พระหน้าตัก ๓ เมตร เนื้อทองเหลือง เมื่อปี ๒๕๕๑ ยังใช้ปัจจัยไปล้านกว่าบาท พระหน้าตัก ๒.๓๙ เมตร เนื้อทองแดง ถ้ามีโรงหล่อรับสร้างในราคา ๒ ล้านบาท ให้รีบเซ็นสัญญา เพราะถูกมาก
    ๒. การสร้างพระใหญ่ควรมีเงินในมือให้พร้อมก่อนแล้วจึงดำเนินการสร้าง มิฉะนั้นจะมีปัญหาตามมามาก

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  5. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    เลขพุทธศาสตร์เหนือชั้นกว่าเลขวิทยาศาสตร์หลายขุม

    + + + + + + + + + + +

    ตอนที่ ๓ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีมานานแสนนาน

    โดย สยาม สงวนรัมย์

    จากตอนที่แล้ว “หนึ่งอสงไขย เท่ากับ ๑ ตามด้วยศูนย์ ๑๖๘ ตัว”

    ๑ อสงไขย เท่ากับ ๑ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐

    จะว่าเลขเยอะก็เยอะ จะว่าน้อยก็น้อย สำหรับ ๑ อสงไขย ขึ้นกับว่าเทียบกับจำนวนของอะไร เช่น เทียบกับอายุมนุษย์ปัจจุบันในหน่วยปีมนุษย์ที่มีอายุราว ๆ ๘๐ ปี ๑ อสงไขยก็นับว่าเยอะมาก เทียบกับอายุของโลก (โลกหรือจักรวาลหมายถึง บริเวณที่มีมนุษย์ ๔ ทวีป สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น นรกขุมใหญ่ ๘ ขุม) ในหน่วยปีมนุษย์ ที่บาลีเรียกว่า “มหากัป” หรือบางทีก็เรียกสั้น ๆ ว่า “กัป” ก็นับว่าสั้นนัก เพราะ ๑ อสงไขยปี เป็นเพียงอายุของมนุษย์คนหนึ่งในยุคที่มนุษย์อายุยืนที่สุดเท่านั้น แต่ที่แน่ ๆ สเกลตัวเลขในพระบาลีอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเหนือชั้นกว่าสเกลตัวเลขของโลกตะวันตกอย่างไม่เห็นฝุ่น ตัวเลขที่ยิ่งใหญ่อย่างจำนวนอะโวกราโดที่กล่าวว่า ๑ โมลมีอะตอมหรือโมเลกุลจำนวนเท่าใด ก็ยังใช้แค่ ๖ ตามด้วยศูนย์ ๒๓ ตัว (๖ ๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐)

    ถ้าอยากรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมากยาวนานเพียงใด พระพุทธศาสนาเจอยากขนาดไหน ทำไมเขตนาบุญแห่งพระพุทธศาสนาจึงเป็นเนื้อนาบุญอันอุดม เราก็ต้องรู้ว่า ๑ มหากัป นานแค่ไหนก่อน จากนั้นก็มาคิดถึงโอกาสที่จะเจอ

    พระพุทธเจ้าตรัสว่าสังวัฏฏกัป สังวัฏฏัฏฐายีกัป วิวัฏฏกัป และวิวัฏฏัฏฐายีกัป ไม่สามารถนับได้โดยง่ายว่า เท่านี้ปี, เท่านี้ ร้อยปี, พันปี, แสนปี แต่ละกัปเหล่านี้กินเวลา ๑ อสงไขยกัป ซึ่งคิดเป็นระยะเวลา ๑ ใน ๔ ของ ๑ มหากัป อันเป็นเวลาที่นับจากโลกเริ่มถูกทำลายจนเกิดใหม่และก็เริ่มถูกทำลายอีกครั้ง นั่นหมายความว่า มหากัปก็เป็นเวลาที่ไม่สามารถนับได้โดยง่าย สิ่งที่นำเสนอเป็นเพียงแนวทางการหาตัวเลขตามแนวคิดคณิตศาสตร์ ภายใต้สมมติฐานที่ปรัมปราจารย์ได้กล่าวไว้ว่า ผ่านไป ๑๐๐ ปี ถ้าหมู่สัตว์โดยรวมสร้างกุศลกรรม อายุจะจำเริญยืนยาวขึ้น ๑ ปี ถ้าหมู่สัตว์โดยรวมสร้างอกุศลกรรม อายุจะถดถอยลง ๑ ปี

    [​IMG]

    เมื่อถึงยุควิวัฏฏัฏฐายีกัป มนุษย์ยุคแรกลงมาเกิดบนโลกที่เพิ่งสร้างเสร็จแบบโอปปาติกะจากพรหมโลก คือเกิดแบบโตทันทีเหมือนเทวดา ยังไม่มีเพศ มีรัศมีสว่างไสว เหาะเหินเดินอากาศได้ อิ่มด้วยปีติ ไม่เสพกามคุณใด ๆ ต่อมามีมนุษย์ใจโลเล เห็นรสแผ่นดินน่าลิ้มลอง ก็ลองชิมดูโดยนำรสแผ่นดินมาแต่ที่ลิ้น รสชาติก็ซาบซ่านอร่อยถูกใจ เลยชวนกันมากินรสแผ่นดิน อาหารเหล่านี้จัดเป็นอาหารทิพย์ไม่มีกากแต่ก็ยังถือว่าหยาบจากปีติ ทำให้รัศมีหายไป เหาะไม่ได้ เกิดความมืดมาครอบงำ พระอาทิตย์และพระจันทร์จึงเกิดขึ้น ต่อมารสแผ่นดินหายไป มีง้วนดินซึ่งเป็นอาหารทิพย์ที่หยาบกว่ามาแทน มนุษย์ก็เปลี่ยนมากินง้วนดิน ต่อมาง้วนดินหายไป เกิดเครือดินขึ้นมาแทน มนุษย์ก็มากินเครือดินอันเป็นอาหารทิพย์ที่หยาบที่สุด หลังจากนั้นเครือดินหายไป มีข้าวสาลีขึ้นมาแทน ข้าวสาลีนี้เป็นอาหารหยาบ กินแล้วมีกาก เกิดอวัยวะขับถ่ายขึ้นพร้อม ๆ กับเพศ เกิดการสมสู่กัน เกิดการสร้างบ้านเพื่อเป็นเรือนสมสู่ ข้าวสาลีก็หยาบขึ้นมีกากมีรำ มีมนุษย์เกียจคร้าน เริ่มสะสมข้าวสาลี และเริ่มมีการลักขโมย กษัตริย์คนแรกเกิดขึ้นด้วยเหตุที่ผลผลิตข้าวสาลีมีจำกัด ไม่ได้มีอย่างกินไม่หมดเหมือนแต่ก่อน จึงต้องมีการแบ่งปันเขตที่ดิน มีการกำราบคนพาล โดยผลผลิต ๑๐ จะถูกแบ่งให้กษัตริย์ ๑ จากนั้นมนุษย์เริ่มสร้างอกุศลกรรมที่หยาบขึ้นเรื่อย ๆ อายุก็ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือ ๑๐ ปี อันเป็นจุดต่ำสุดของการสร้างกุศล และเป็นจุดสูงสุดของการสร้างอกุศล มนุษย์ไม่ดีก็จะล้มตายไป เหลือแต่มนุษย์ดี ๆ แล้วก็ร่วมกันสร้างกรรมดีกันใหม่ อายุก็ยืนขึ้นจนถึงอสงไขยปีอีกครั้ง แต่การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอายุมนุษย์หรือหมู่สัตว์ไม่ได้เป็นอัตราคงที่ ๑๐๐ ปี เพิ่มหรือลด ๑ ปี เสมอไป เพราะถ้าอัตราการสร้างบุญสูง พ่อแม่อายุ ๑๐ ปี ก็อาจมีลูกอายุ ๒๐ ปี มีหลายอายุ ๓๐ ปีได้ หรือในบางช่วงอาจมีช่วงอายุที่นิ่งก็ได้ เวลาที่มนุษย์อายุ ๑ อสงไขยปี – ๑๐ ปี – ๑ อสงไขยปี เรียกว่า ๑ อันตรกัป (ดูรูปด้านบน) ดังนั้นถ้าเราคิดว่าเลขอสงไขยเยอะ ระยะเวลา ๑ อันตรกัป ในหน่วยปีมนุษย์นี่ย่อมเยอะสุด ๆ เช่นเดียวกัน เพราะเราต้องเริ่มนับเป็นลำดับจาก (มนุษย์อายุ ๑ อสงไขย) ผ่านไป ๑๐๐ ปี (มนุษย์อายุ ๑ อสงไขย ลบ ๑) ผ่านไปอีก ๑๐๐ ปี (มนุษย์อายุ ๑ อสงไขย ลบ ๒) ผ่านไป ๑๐๐ ปีเป็นจำนวน ๑ อสงไขยหย่อน ๑๐ ครั้ง มนุษย์จะมีอายุเหลืออายุ ๑๐ ปี นับได้กึ่งอันตรกัป หรือ ๑๐๐ x (๑ อสงไขย – ๑๐) = ๑๐๐ อสงไขย หย่อน ๑๐๐๐ ปี เนื่องจากหนึ่งพันปีน้อยมากเมื่อเทียบกับ ๑๐๐ อสงไขย ระยะเวลากึ่งอันตรกัปจึงประมาณ ๑๐๐ อสงไขย ปีมนุษย์ ดังนั้น ๑ อันตรกัปจึงเท่ากับ ๒๐๐ อสงไขย ปีมนุษย์ ภายใต้สมมติฐานอัตราการขึ้นลงของอายุคงที่ ๑๐๐ ต่อ ๑ เป็นเช่นนี้ ๖๔ รอบ เรียกว่า ๑ อสงไขยกัป ถ้าเป็นอสงไขยที่แผ่นดินมีมนุษย์หรือหมู่สัตว์อาศัยอยู่เรียกว่า วิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป

    ๖๔ อันตรกัป (หรืออันตรากัลป์) = ๑ อสงไขยกัป

    ปลายวิวัฏฏัฏฐายีกัป ราว ๑ แสนปีก่อนโลกที่อยู่ต่ำกว่าชั้นอาภัสสราพรหมถูกทำลายด้วยไฟ น้ำกรด หรือลม หมู่สัตว์จะบำเพ็ญฌานจนได้ไปเกิดเป็นพระพรหมตั้งแต่ชั้นอาภัสราพรหมขึ้นไป เมื่อครบอายุวิวัฏฏัฏฐายีกัปก็จะกินเวลาไป ๑ อสงไขยกัป สิ้นสุดยุคที่หมู่สัตว์ที่อยู่ต่ำกว่าอาภัสราพรหมจะอาศัยได้ เหล่าพรหมที่อยู่ตั้งแต่อาภัสราพรหมขึ้นไปจะเฝ้าดูโลกเบื้องล่างถูกทำลาย เรียกช่วงแห่งการทำลายล้างนี้ว่า สังวัฏฏอสงไขยกัป ใช้เวลาในการทำลายโลกจนอณูสุดท้ายเท่ากับ ๑ อสงไขยกัป

    เมื่อโลกถูกทำลายหมด ก็จะมีแต่ความมืดและว่างเปล่าแผ่ไปทั่วโลกเบื้องล่างกินเวลาอีก ๑ อสงไขยกัป เรียกช่วงเวลานี้ว่า “สังวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป”

    จากนั้นเป็นเวลาสร้างโลกโดยมหาเมฆที่ทำให้ฝนตกทั่วจักรวาล น้ำจะงวดและข้นขึ้นเป็นปุ่มปม แล้วกลมเป็นดุดหยดน้ำบนใบบัว พรหมโลกชั้นล่าง ๓ ชั้น สวรรค์ ๖ ชั้น มนุษย์ ๔ ทวีป และนรก ๘ ขุมใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้น เกิดดอกบัวพยากรณ์จำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปนี้เมื่อโลกสร้างเสร็จ กินเวลาไปอีก ๑ อสงไขยกัป เรียกโลกในช่วงก่อร่างสร้างตัวนี้ว่า “วิวัฏฏอสงไขยกัป”

    ต่อมาพระพรหมที่สิ้นอายุก็จะมาเกิดเป็นมนุษย์คนแรกของโลก ย้อนกลับมาสู่ วิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป อีกครั้ง

    สเกลเวลาของโลกจึงเป็นดังนี้

    ๑ สังวัฏฏอสงไขยกัป + ๑ สังวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป + ๑ วิวัฏฏอสงไขยกัป + ๑ วิวัฏฏัฏฐายีอสงไขยกัป = ๑ มหากัป
    ๖๔ อันตรกัป + ๖๔ อันตรกัป + ๖๔ อันตรกัป + ๖๔ อันตรกัป = ๑ มหากัป
    ๒๕๖ อันตรกัป = ๑ มหากัป
    ๒๕๖ x ๒๐๐ อสงไขย ปีมนุษย์ = ๕๑ ๒๐๐ อสงไขย ปีมนุษย์ = ๑ มหากัป

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงบำเพ็ญบารมีหลังจากได้พุทธพยากรณ์ ๔ อสงไขย กำไร (หรือเศษ) แสน มหากัป จึงหมายถึง
    [๔ อสงไขย + ๑ แสน] มหากัป

    ๔ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๑๐๐๐๐๐ มหากัป

    หรือ
    [๔ อสงไขย + ๑ แสน] x (๕๑๒๐๐ อสงไขย ปีมนุษย์) = (๒๐๔๘๐๐ อสงไขยอสงไขย + ๕๑๒๐ ล้านอสงไขย) ปีมนุษย์
    หรือเท่ากับ

    ๒๐๔๘๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๕๑๒ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ๐๐๐๐๐๐๐ ปีมนุษย์


    หรือราว ๒๐๔๘๐๐ โกฏิๆๆๆ ... (ว่าโกฏิสี่สิบแปดครั้ง) ... กับเศษอีก ๕๑๒ ล้านโกฏิ ๆๆๆ (ว่าโกฏิอีกยี่สิบสี่ครั้ง) ... ปีมนุษย์

    นี่แค่บำเพ็ญบารมีหลังได้รับพุทธพยากรณ์นะครับ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงเป็นพระพุทธเจ้าประเภทสร้างบารมีใช้ปัญญานำ ก่อนหน้านี้ต้องนึกในใจว่าปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ๗ อสงไขยกัป จากนั้นต้องเปล่งวาจาปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าอีก ๙ อสงไขยกัป รวมกับอีก ๔ อสงไขย ๑ แสน มหากัป หลังจากได้พุทธพยากรณ์ เป็น ๒๐ อสงไขย ๑ แสน มหากัป สำหรับการบำเพ็ญบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเป็น ๕ เท่าของตัวเลขที่คำนวณไว้

    นี่ไง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพบยาก เพราะ ๔ อสงไขยเศษแสนมหากัป มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียง ๒๘ พระองค์นับจากพระตัณหังกรพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ต้นในสารมัณฑกัป เขตนาบุญแห่งพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์รวมกัน เหมือนเป็นตลาดบุญที่จัดโปรโมชั่นพิเศษอันมีระยะเวลาสั้นมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เมื่อเทียบกับเวลาที่ผ่านไป

    ผมขอชักชวนท่านผู้อ่าน วางใจให้ดี ๆ น้อมใจให้หนัก ๆ ปลื้มปีติเหมือนคนเจียนตายแล้วหาย เหมือนเจอะโอเอซิสในทะเลทราย มาร่วมกันสร้างพระเจ้าแสนหลวง อันเป็นพระแห่งอภัยทานและกัลยาณมิตร เพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณอันประมาณมิได้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ได้รอนแรมฟันฝ่าสังสารวัฏอันไม่มีต้นไม่มีปลายสุดแสนโหดร้ายจนได้พระโพธิญาณเป็นแสงสว่างนำทางหมู่สัตว์ไปสู่หนทางดับทุกข์ที่ไม่มีใครในจักรวาลทำได้เช่นพระองค์

    พระศรีอริยเมตไตรย ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระวิริยะธิกะพุทธเจ้า ใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๔ เท่าของพระพุทธเจ้าแบบปัญญาบารมี หรือ ๘๐ อสงไขย ๑ แสน มหากัป หรือ ๒๐ เท่าของตัวเลขที่คำนวณไว้ น้อมอนุโมทนาในทุกบุญที่พระศรีอริยเมตไตรยทรงบำเพ็ญมานานแสนนานด้วยเศียรเกล้า

    ...วิทยาศาสตร์อาจหน้า.........เชื่อถือ
    บ้างก็เชื่อว่าคือ...................ฝุ่นฟุ้ง
    พุทธศาสตร์เลื่องลือ.............คือแผ่น ดินแฮ
    งามสง่าดั่งสายรุ้ง................ล่วงพ้นพื้นดิน

    ขอน้อมถวายบุญแห่งการเผยแพร่ความรู้เหล่านี้เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และขอน้อมอุทิศบุญแด่พระยาธรรมปรีชา (แก้ว) ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมทำไตรภูมิโลกวินิจฉยกถาทุกรูปทุกนามเทอญ

    + + + + + + + + + + +

    เรื่องต่อไป "วิทยาศาสตร์เป็นสับเซตของพุทธศาสตร์"

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  6. นทีสีทันดร

    นทีสีทันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +1,002
    ได้ร่วมทำบุญ จำนวน 59 บาท โอนผ่านธ.กรุงไทยเวลา 21.22 น. วันที่ 24/1/2557 ครับ
     
  7. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    อนุโมทนากับคุณนทีสีทันดรครับ
    ขอผลบุญใหญ่จงมีแก่คุณนทีสีทันดร

    + + + + + + + + + + +

    เมื่อบ่ายวันพฤหัสเข้าไปตรวจต้นฉบับแผ่นพับ "พระเจ้าแสนหลวง" เห็นมีบางส่วนควรแก้ไขปรับปรุง จึงกลับมาแก้ที่บ้านในเช้าวันศุกร์ ก็เลยนำไฟล์แผ่นพับที่หน้าแรกออกไปก่อน เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบว่ามีการแก้ไข ขณะนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงนำไฟล์แผ่นพับมาลงใหม่ทั้งที่นี่ (หน้า ๒) และใต้วัตถุประสงค์ (หน้า ๑)

    คาดว่าแผ่นพับ ๒ หมื่นแผ่นจะพิมพ์เสร็จวันอังคารบ่าย แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปเอาเมื่อใด ช้าที่สุดคงไม่เกินวันพฤหัสที่ ๓๐ ม.ค. ผู้ใดต้องการบอกบุญต่อด้วยแผ่นพับจริง สามารถแจ้งได้ที่ kssayam@gmail.com

    + + + + + + + + + + +

    การโอนเงิน ถ้าต้องการทราบว่าของใครเป็นใครในหน้าสมุดธนาคาร ให้ใส่จุดทศนิยม (เศษสตางค์) ไว้เป็นจุดสังเกตให้ตัวเอง และถือเป็นเงินบริจาคแถมได้ครับ เช่น 100.28 บาท

    + + + + + + + + + + +

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  8. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ใครชอบของแถม การโอนเงินติดเลขทศนิยมแถมทำบุญ โน้มจิตน้อมใจดี ๆ ได้ผลใหญ่แน่นอน นักสร้างบุญบารมีควรเข้าใจทุกช็อตของการทำบุญ โดยเฉพาะเรื่องที่มีรับรองในพระไตรปิฎก ดั่งเรื่องของนางวิสาขามิคารมารดา มหาอุบาสิกาผู้เป็นเลิศด้านทายิกา

    เรื่องนางวิสาขา อยู่ในพระสุตตันตปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ หน้าที่ ๘๗-๘๘ หลังจากธนัญชัยเศรษฐีย้ายภูมิลำเนาจากกรุงราชคฤห์ไปสู่แคว้นโกศล มิคารเศรษฐีได้สู่ขอนางวิสาขาให้ปุณณวัฒนกุมารผู้เป็นบุตร ธนัญชัยเศรษฐีผู้บิดาของนางวิสาขาต้องการให้วัวแก่ธิดาท่าน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ที่บ้านสามี ก็ให้พนายไปต้อนวัวออกไปในที่ดินที่ยาว ๑๒ กิโลเมตร (๓ คาวุต) กว้าง ๕๐ เมตร (๑ อุสภะ) คิดเป็นพื้นที่ ๖ ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ ๓,๗๕๐ ไร่ พอวัวยืนเบียดกันเต็มพื้นที่ ธนัญชัยเศรษฐีก็บอกว่าพอแล้วแก่ธิดาท่าน ปรากฏว่ามีวัวและแม่วัวนมที่มีแรงมากกระโดดออกจากคอกตามไปอีกอย่างละ ๖ หมื่นตัว ยังมีลูกวัวและวัวอื่น ๆ จำนวนเท่านั้นจำนวนเท่านี้ ตามไปแถมอีก ด้วยผลบุญที่นางวิสาขาได้เคยถวายนมโค ๕ อย่าง คือ นมสด นมส้ม เนยใส เนยข้น เปรียง (นมส้มผสมนํ้าแล้วเจียวให้แตกมัน) เป็นสังฆทานแก่ภิกษุจำนวน ๒๐,๐๐๐ รูป ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนนั้นนางวิสาขามีนามว่าพระนางสังฆทาสี น้องสุดท้องในธิดาทั้ง ๗ ของพระเจ้ากิกิ แม้เมื่อภิกษุหนุ่มและสามเณรปิดบาตรห้ามอยู่ว่าพอแล้ว แต่พระนางสังฆทาสียังรับสั่งว่านี่อร่อย นี่น่าฉัน จึงได้ถวายอีก ทำให้วัวเหล่านั้นมีเรี่ยวแรงกระโดดข้ามรั้วตามนางวิสาขาไป แม้จะถูกห้ามไว้ด้วยการปิดคอกก็ตาม

    สเกลเรื่องคน เรื่องอาคารสถานที่ เรื่องสิ่งของเครื่องใช้ เรื่องความปราณีต ในสมัยพุทธกาลเหมือนวงออร์เคสต้าวงใหญ่ ในสมัยนี้เหมือนวงสะล้อซอซึง เพราะแค่วัวที่เศรษฐีให้ ถ้ามีความยาวจมูกถึงหาง ๒.๖๐ เมตร มีความกว้างของลำตัว ๑ เมตร คำนวณออกมาได้วัว ๒ ล้าน ๓ แสนตัว ถ้ารวมที่โดดออกมาแล้ววิ่งตามไปด้วยก็น่าจะราว ๆ ๒ ล้าน ๕ แสนตัว อภิมหาเศรษฐีสมัยนี้มีใครบ้างที่มีสมบัติแล้วได้อารมณ์อลังการประมาณนี้ นี่ยังไม่รวมถึงการที่นางวิสาขาขายเสื้อคลุมตัวเดียว ที่ชื่อว่ามหาลดาปสาธน์ แล้วเอาไปสร้างวัดใหญ่ ๆ งาม ๆ ชื่อพระวิหารบุพพาราม ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนานถึง ๖ ปี ในวัดมีปราสาทยอดโลหะ (ทองคำ) เรียกว่าโลหะปราสาท ปราสาทนี้มี ๒ ชั้น ๆ ละ ๕๐๐ ห้อง เสื้อคลุมราคาแพงมากจึงไม่มีคนซื้อ นางวิสาขาก็ซื้อเอง คิดเป็นเงิน ๙๐ ล้าน ๑ แสน กหาปณะ ในภาพรวม ถ้าเหมารวมทั้งวัดซึ่งมีพันห้อง ห้องเกรดซีสำหรับให้สงฆ์ใช้สอย รวมต้นทุนจากการสร้างฐานรากหลังคาและจิปาถะ น่าจะตกห้องละเก้าแสนบาทในสมัยนี้ ด้วยนิสัยการถวายของปราณีตแห่งนางวิสาขาย่อมทำเป็นแต่ห้องเกรดเอ เมื่อรวมค่าตบแต่งน่าจะราคา ๑๐ เท่าของห้องเกรดซี หรือห้องละ ๙ ล้านบาท พระวิหารบุพพารามมีพันห้องก็เก้าพันล้านบาท กหาปณะหนึ่งจึงก็มีค่าราว ๑๐๐ บาท

    บูรพาจารย์บางท่านให้ค่าเงินกหาปณะแลกเงินบาทได้น้อยกว่านี้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะสมัยก่อนเงินบาทแพง เป็นที่รู้กันว่าเงินบาทเฟ้อขึ้นเรื่อย ๆ อัตราแลกเปลี่ยนก็เปลี่ยนค่าตามเงินเฟ้อ เรื่องราวอะไรที่ชัดเจนทั้งบุคคล สถานที่ เหตุการณ์ รายละเอียดสำคัญ ที่อายุ ๒ พันปีอัพ ผมยกให้พระไตรปิฎกเป็นที่ ๑

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวง จงถึงแก่เมณฑกเศรษฐี ธนัญชัยเศรษฐี สุมนาเทวี นางวิสาขามหาอุบาสิกา มิคารเศรษฐี ปุณณวัฒนกุมาร ตลอดจนทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับทุกท่านที่เอ่ยนามมาเทอญ

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  9. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    [​IMG]

    รูปบน ฐิตะธรรมศาลา วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ประมาณ ๘ โมงเช้า พระสงฆ์จะเดินเข้าสู่อาสนะ ภัตตาหารที่นำมาถวายจะถูกวางใส่ถาดที่โรงครัว เพื่อให้พระสงฆ์ที่อยู่ที่ศาลานี้ไปนำบาตรไปรับ การเปล่งวาจาถวายสังฆทานจะทำที่นี่ อุบาสกอุบาสิกาหากต้องการถวายสังฆทานอื่น ๆ ก็ทำที่นี่เช่นกัน เมื่อมองไปยังพระประธาน ด้านขวามือสุดที่จะเป็นส่วนของผู้ทรงศีล อุบาสกจะนั่งโถงด้านขวา ในขณะที่อุบาสิกาจะนั่งโถงด้านซ้าย


    จ ๒๐ ม.ค. ๒๕๕๗

    ช่วงเช้า อากาศเย็นทีเดียว เสาะหาน้ำผึ้งสวนจิตรดาที่เป็นหลอดสำหรับถวายเป็นสังฆทานที่วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เข้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นไป ๔ ร้าน ไม่มี ไปได้น้ำผึ้งขวดซึ่งจำหน่ายโดยกลุ่มสตรีที่ออกร้านขายเสื้อผ้าใกล้ ๆ กับสี่แยกเลี่ยงเมืองตัดกับถนนศรีสะเกษราคา ๑๓๐ บาท

    วัดป่านานาชาติ เป็นวัดที่ดำเนินรอยตามพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมวินัยของพระองค์ผ่านไปสู่หลวงพ่อชาวัดหนองป่าพง บางทีก็เรียกสั้น ๆ ว่าสายวัดหนองป่าพง ผมเองก็ไม่ได้รู้ตัวว่าจะต้องมาเกี่ยวพันกับพระสายนี้ ที่ไหนได้บ้านคุณแม่ของแม่ยายอยู่ไม่ห่างจากวัดหนองป่าพง ก็ทราบว่าแต่ก่อนหลวงพ่อชาเมื่อสมัยที่ยังไม่มีชื่อเสียงก็บิณฑบาตผ่านเขตบ้านท่าน สมัยนั้นเป็นที่นา หน้าฝนท่านก็ลุยน้ำมาบิณฑบาต พ่อตาผมสมัยเป็นทหารก็เคยเข้าเวรเฝ้าท่านที่วัดหนองป่าพง หลวงปู่ดำรง พรหฺมสโร พระอธิการวัดเก่าหนองบัว วัดที่จะนำพระเจ้าแสนหลวงไปประดิษฐาน ก็เป็นศิษย์ใกล้ชิดท่านสมัยเป็นตาผ้าขาว คือหลวงปู่อยากบวชตั้งนานแล้ว แต่ภรรยาท่านยังไม่ยินยอม ตอนอายุ ๖๐ ปีนั่นแหละถึงจะได้บวช ตอนนี้ท่านก็อายุ ๘๔ ปี พรรษา ๒๔ ท่านเป็นพระที่ผิวพรรณดี ดูแข็งแรง ความคิดยังว่องไว บุตรชายของหลวงปู่ดำรงก็บวชเป็นพระอยู่ด้วยกัน ผู้คนนิยมเรียกท่านว่าพระอาจารย์ทนาย (พูลศักดิ์ ถิรวังโส) เพราะแต่ก่อนท่านเป็นทนาย ตอนนี้ท่านน่าจะพรรษา ๑๐ ได้แล้ว พระอีกรูปหนึ่งที่อยู่ที่วัดเก่าหนองบัวคือพระอาจารย์กัณหา ฉายาธมฺมทีโป ท่านแก่พรรษากว่าพระอาจารย์พูลศักดิ์

    ย้อนกลับมาที่วัดป่านานาชาติ ที่เขียนถึงทำให้นึกถึง “ธรรมเจดีย์” อันเป็นพระวาจาเคารพธรรม ซึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตรัสไว้ต่อหน้าพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าในช่วงบ่าย ท่านตรัสพระวาจานี้ก่อนเสด็จสวรรคตในยามใกล้รุ่งของวันถัดไป ที่ศาลาใกล้ประตูเมืองเข้ากรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นพระองค์มีพระราชประสงค์จะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมกับการถวายความเคารพอย่างสุดซึ้งด้วยการซบพระพักตร์แนบพระยุคลบาทและทรงจุมพิตพระยุคลบาท อาจเป็นเพราะความสับสนที่พระองค์ทรงใช้พระราชอำนาจประหารคนใกล้ตัวที่ฝีมือและซื่อสัตย์สุจริตคือพันธุละเสนาบดี พร้อมบุตร ๓๒ คน ท่านพันธุละเสนาบดีมีฝีมือยิงธนูเป็นเลิศ ด้วยธนูดอกเดียวท่านสามารถยิงทะลุเหล่าเจ้าลิจฉวีขณะวิ่งรถเป็นแนวเส้นตรงได้ ๕๐๐ พระองค์ เมื่อครั้งพาพระนางมัลลิกาผู้เป็นภริยาและกำลังแพ้ท้องไปดื่มและอาบน้ำที่สระโบกขรณี เมืองไพสาลี อันเป็นที่หวงแหนของเจ้าลิจฉวี สาเหตุแห่งการอสัญกรรมของพันธุละเสนาบดีน่าจะมาจากการที่ท่านได้รับการสาธุการจากมหาชนในการตัดสินคดีความ จนได้รับแต่งตั้งให้ตัดสินความเพียงผู้เดียวจากพระเจ้าปเสนทิโกศล สร้างความไม่พอใจกับผู้เสียผลประโยชน์ จนยุยงให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเชื่อว่าพันธุละเสนาบดีกำลังจะเป็นกบฏ เมื่อโลภ โกรธ หลง บังตา อะไรก็เกิดขึ้นได้

    นอกเหนือไปจากแคว้นมคธ ที่มีพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นองค์ศาสนูปถัมภก แคว้นโกศลเป็นอีกแคว้นหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับเพื่อโปรดหมู่สัตว์นานเป็นพิเศษ โดยมีพระเจ้าปเสนทิโกศลองค์อุปถัมภ์ ร่วมกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และนางวิสาขามหาอุบาสิกา ส่วนหนึ่งของธรรมเจดีย์ พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสถึงความเลื่อมใสในธรรม เพราะธรรมวินัยทำให้ภิกษุสมัครสมานกัน ชื่นชมกัน ไม่ทะเลาะกัน, ทำให้ภิกษุมีรูปงามและเอิบอิ่ม มีความขวนขวายน้อย มีชีวิตด้วยอาหารผู้อื่นให้, ทำให้ภิกษุเงียบเสียงขณะฟังธรรม โดยไม่ต้องใช้อาชญาและศาสตรา ธรรมเจดีย์เหล่านี้สามารถสัมผัสได้ที่วัดป่านานาชาติ

    ก่อนถวายน้ำผึ้งเป็นสังฆทาน ก็นำแผ่นทองใส่พานตั้งไว้ข้างตัวเพื่อขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดป่านานาชาติมาร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าปเสนทิโกศล และจงถึงแก่พันธุละเสนาบดี พระนางมัลลิกา บุตรของพันธุละเสนาบดีและพระนางมัลลิกา และทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับท่านที่ได้เอ่ยนามมาเทอญ

    + + + + + + + + + + +

    อ่านเรื่องราวของพระเจ้าปเสนทิโกศลกับธรรมเจดีย์ได้ที่

    พระสุตตันตปิฎกฉบับมหามงกุฎราชวิทยาลัย มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ หน้า ๑๙๓-๒๑๐ และ


    รูปล่าง ซ้าย ฐิตะธรรมศาลา, กลาง โรงครัว, ขวา ลานจอดรถเล็ก ๆ ในวัดป่านานาชาติ
    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  10. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ ๒๐ ม.ค. นำแผ่นทองเหลืองไปขอบารมีศาลปะกำเมือง พระยาสุรินทรภักดี และศาลหลักเมืองสุรินทร์ เพื่ออัญเชิญท่านทั้งหลายมาร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง

    + + + + + + + + + + + +

    [​IMG]

    จากเวบไซต์ ศูนย์คชศึกษา อบจ.สุรินทร์

    ศาลปะกำ เป็นเสมือนเทวาลัย ที่สิงสถิตของวิญญาณบรรพบุรุษและผีปะกำ ตามความเชื่อของชาวกูย นิยมปลูกสร้างไว้ในชุมชน คุ้มบ้าน หรือที่บ้านของทายาทฝ่ายบิดา มีลักษณะเป็นเรือนไม้คล้ายหอสูง มีเสาสี่ต้น หันหน้าไปทางทิศเหนือ ณ ตำแหน่งที่เงาบ้านไม่ตกทับตัวศาลและเงาศาลไม่ตกต้องตัวบ้าน ศาลปะกำใช้เป็นที่เก็บรักษาหนังปะกำ และอุปกรณ์ในการคล้องช้าง ชาวกูยเลี้ยงช้างเชื่อว่าหากจะทำกิจการอันใด ต้องทำพิธีเซ่นไหว้ เพื่อบอกกล่าวและขอพรผีปะกำ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเสี่ยงทายผลที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ

    การเซ่นผีปะกำ จะกระทำโดยหมอช้างอาวุโส เจ้าของบ้าน และญาติพี่น้อง นำของเซ่นไหว้ไปยังศาลปะกำ จุดเทียนแล้วอัญเชิญผีปะกำและวิญญาณบรรพบุรุษรับเครื่องเซ่นไหว้พร้อมกับขอพรเพื่อให้มีโชคลาภในกิจการนั้น ๆ ในการเซ่นผีปะกำ มีหลักว่าผู้ทำพิธีและขึ้นศาลปะกำได้จะต้องเป็นผู้ชาย ลูกหลานของต้นตระกูล ผู้เป็นเจ้าของศาลปะกำ บุคคลอื่นห้ามขึ้นโดยเด็ดขาด และโดยเฉพาะสตรีห้ามแตะต้องหนังปะกำเด็ดขาด ดังนั้น ผู้เข้าร่วมพิธี จึงต้องนั่งอยู่ที่พื้นดินล้อมรอบศาลปะกำ

    + + + + + + + + + + +

    [​IMG]

    พระยาสุรินทรภักดี (เชียงปุ่ม) – ประวัติโดยย่อจากพงษาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาณ

    ในปี พ.ศ. ๒๓๐๒ สมัยพระเจ้าเอกทัศน์ พระยาช้างเผือกได้แตกโรงออกไปอยู่ป่าดงทางตะวันตกของเมืองจำปาศักดิ์ ฝั่งใต้ของแม่น้ำมูล เชียงปุ่ม แห่งบ้านโคกเมืองที่ ได้ร่วมกับชาวส่วยป่าดง ตากะจะและเชียงขันแห่งบ้านประสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนใหญ่ เชียงฆะแห่งบ้านดงยา (ต่อมาเรียกบ้านโคกอัดจะ) นายเชียงสี (อีกชื่อคือตาพ่อควาน) แห่งบ้านกุดหวาย (ต่อมาเรียกบ้านเมืองเตา) นำสองพี่น้องและไพร่พลที่พระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าให้ตามพระยาช้างเผือกกลับกรุง และสามารถนำกลับไปได้ พระเจ้าเอกทัศน์โปรดตั้งให้ เชียงปุ่มเป็นหลวงสุรินทรภักดี ตากะจะเป็นหลวงแก้วสุวรรณ เชียงขันเป็นหลวงปราบ เชียงฆะเป็นหลวงเพชร และเชียงสีเป็นหลวงศรีนครเตา ควบคุมเขมรส่วยป่าดงในตำบลที่ตนอยู่ ขึ้นกับเมืองพิมาย เมืองพิมายเห็นว่าบ้านโคกเมืองที่เป็นบ้านน้อย จึงยกให้มาอยู่ตำบลคูประทายสมัน ซึ่งเป็นบริเวณตัวจังหวัดสุรินทร์ในปัจจุบัน ต่อมานายกองเขมรส่วยป่าดงได้นำของป่าได้แก่ช้าง ม้า แก่นสน ยางสน ปีกนก งาช้าง ขี้ผึ้ง ไปส่งกรุงศรีอยุธยา จึงโปรดเกล้าตั้งให้ หลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุ่ม) เป็นพระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางเจ้าเมืองปกครองเมืองปะทายสมันซึ่งยกฐานะมาจากบ้านคูปะทาย หลวงแก้วสุวรรณเป็นพระไกรภักดีศรีนครลำดวนเจ้าเมืองปกครองเมืองขุขันธ์ซึ่งยกฐานะมาจากบ้านปราสาทสีเหลี่ยมดงลำดวน หลวงเพชรเป็นพระสังฆะบุรีศรีนครอัดจะเจ้าเมืองปกครองเมืองสังฆะซึ่งยกฐานะมาจากบ้านดงยาง หลวงศรีนครเตาเป็นพระศรีนครเตาเจ้าเมืองปกครองเมืองรัตนบุรีซึ่งยกฐานะมาจากบ้านกุดหวาย

    สองพี่น้องที่ติดตามช้างเผือกบ้างก็ว่าเป็นว่าที่รัชกาลที่ ๑ และพระราชอนุชา ถ้านับอายุก็ ๒๓ ปี กับ ๑๖ ปีตามลำดับ

    พระยาสุรินทรภักดี (เชียงปุ่ม) ได้ช่วยราชการสงครามกับรัชกาลที่ ๑ และพระราชอนุชาไว้มาก เช่น เมื่อครั้งศึกจำปาศักดิ์ที่เจ้าเมืองนางรองสมคบคิดกับเจ้าเมืองจำปาศักดิ์แข็งเมืองในปี พ.ศ. ๒๓๒๐ ครั้งนี้กรุงธนบุรีได้ผนวกลาวใต้ คือล้านช้างจำปาศักดิ์ และเขมรป่าดง คือ แถบเมืองสุรินทร์ ขุขันธ์ สังขะ ไว้ในขอบขัณฑสีมา เมื่อครั้งศึกเวียงจันทร์ที่พระเจ้าสิริบุญสารส่งพระยาสุโพมาตีดอนมดแดงหรืออุบลราชธานีในปัจจุบันจนพระวอถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ.๒๓๒๑ ครั้งนี้กรุงธนบุรีได้ผนวกล้านช้างเวียงจันทน์ และล้านช้างหลวงพระบาง ไว้ในขอบขัณฑสีมา และความดีความชอบครั้งสำคัญน่าจะเป็นสงคราม ๙ ทัพ ในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ จึงได้รับการปูนบำเหน็จอวยยศเป็น “พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง” ในปีถัดมา และมีการเปลี่ยนชื่อเมืองประทายสมันเป็น “เมืองสุรินทร์” เพื่อเป็นเกียรติยศพิเศษแด่ท่าน เมื่อดูจากราชทินนาม ณรงค์แปลว่าสงคราม จางวางคือข้าราชการชั้นสูงในกรมมหาดเล็ก หรือข้าราชการระดับผู้กำกับ หรือหัวหน้าข้ารับใช้เจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือเจ้านายที่ทรงกรม หากท่านมาจากเมืองสุรินทร์เมืองช้าง คงไม่น่าแปลกใจที่ท่านจะเชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เป็นพิเศษ และการที่เกี่ยวกับช้างนี้เองที่น่าจะทำให้ท่านได้ใกล้ชิดกับเจ้านายชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ ๑ และดูจากอาวุธที่ท่านถือในมือคือง้าว คงไม่ต้องสงสัยถือความเก่งกล้าสามารถของท่านบนหลังช้าง แม้แต่ในตอนปลายพระชนมวารของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ พระองค์ทรงโปรดให้หัวเมืองเมืองสุรินทร์ สังฆะ และขุขันธ์ ขึ้นตรงกับกรุงเทพโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเมืองพิมายและเมืองนครราชสีมา ด้วยมีพระราชวินิจฉัยว่าเมืองทั้ง ๓ มีความชอบมากเพราะเคยร่วมราชการสงครามกับพระองค์มาหลายครั้ง

    พระยาสุรินทรภักดี (เชียงปุ่ม) เป็นต้นสกุล “อินทนูจิตร”

    + + + + + + + + + + +

    [​IMG]

    ศาลหลักเมืองสุรินทร์

    ปี พ.ศ.๒๕๑๓ หลักเมืองสุรินทร์ทรุดโทรมมาก นายสองเมือง ศรีสุรินทร์ หรือ นายสอง ได้รับอาสาเป็นผู้จัดหาเงินบริจาคมาบูรณะ นายสองได้ฝึกเด็กหนุ่มในสุรินทร์เชิดสิงโตเพื่อออกเล่นคารวะชาวบ้านหาเงินบริจาคในจังหวัดสุรินทร์ และอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์

    [​IMG]

    วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมเสาหลักเมืองไม้ชัยพฤกษ์ และมีพระราชดำรัสว่า "การสร้างเสาหลักเมืองที่ดี เป็นหลักของความสามัคคีของชาวสุรินทร์จงมีความสามัคคีกัน สร้างความเจริญก้าวหน้า ขอให้ชาวจังหวัดสุรินทร์ จงมีความร่มเย็นเป็นสุข"

    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กรมศิลปากรออกแบบอาคารศาลหลักเมืองสุรินทร์ใหม่ด้วยงบประมาณ ๑๒ ล้านบาท หลักเมืองจึงมีลักษณ์สวยงามดังปรากฏในปัจจุบัน

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงถึงแก่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตศาลปะกำเมืองสุรินทร์ พระยาสุรินทรภักดี (เชียงปุม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตศาลหลักเมืองสุรินทร์ นายสองเมือง ศรีสุรินทร์ เทพพรหมในเมืองสุรินทร์ ช้างเมืองสุรินทร์ ตลอดจนทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับเมืองสุรินทร์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และอนาคต เทอญ

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  11. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    วิทยาศาสตร์เป็นสับเซตของพุทธศาสตร์

    + + + + + + + + + + +

    ตอน ๑ ความนิ่งมิเคยนิ่งกลับวิ่งไหว

    โดย สยาม สงวนรัมย์

    ปัญหาการเคลื่อนที่เป็นเรื่องขบคิดมาตั้งแต่สมัยอาริสโทเทิล (พ.ศ. ๑๖๐-๒๒๒) และได้ทราบว่าการเคลื่อนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเมื่อเวลาเปลี่ยนไป เรียกอัตราส่วนนี้ว่าอัตราเร็ว เช่น รถม้าวิ่งได้ระยะทาง ๘ กิโลเมตร ใช้เวลา ๑ ชั่วโมง หมายความว่า รถม้ามีอัตราเร็ว ๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่สามารถพยากรณ์การเคลื่อนที่ทั่วไปของวัตถุได้ นอกจากนี้อาริสโทเทิลยังได้พยากรณ์ไว้ว่าของที่หนักกว่าจะตกเร็วกว่าของที่เบากว่า ปัญหาการเคลื่อนที่พบทางตันที่อัตราเร็วเป็นระยะเวลาร่วม ๒ พันปี จนกระทั่งกาลิเลโอ (พ.ศ. ๒๑๐๗-๒๑๘๕) ได้แย้งความคิดของอาริสโทเทิลโดยกล่าวว่า ในสูญญากาศ ปล่อยวัตถุเบาและวัตถุหนักพร้อมกัน จะตกถึงพื้นพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นหลายอย่างที่ขัดแย้งต่อคริสตจักร เช่น เชื่อว่าโลกกลม และดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาลไม่ใช่โลก แม้ความเห็นเหล่านี้ทำให้เกิดการตื่นตัวในแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ แต่ก็ทำให้กาลิเลโอต้องถูกกักบริเวณ ขนาดอยากจะออกนอกเมืองไปรักษาตาก็ยังมิสามารถไปได้

    พระเอกขี่ม้าขาวตัวจริง สุดยอดจีเนียสแห่งยุคที่มาแก้ปัญหาการเคลื่อนที่จนทำให้ชาวโลกจูบจันทร์ด้วยฝ่าเท้าได้ก็คือเซอร์ ไอแซก นิวตัน (พ.ศ. ๒๑๘๖-๒๒๗๐) ผมเคยถามนักศึกษาว่าเชื่อไหมว่าแอปเปิลหล่นใส่หัวนิวตัน แล้วทำให้นิวตันปิ๊งขึ้นมาในบัดดล จนสร้างกฎการเคลื่อนที่ออกมา ๓ ข้อ แล้วผมก็ถามต่อ ถ้านิวตันอยู่เมืองไทย เห็นมะพร้าวมีลูกเต็มทลาย อัจริยบุรุษอย่างนิวตันจะไปนอนใต้ต้นมะพร้าวไหม ฉันใดก็ฉันนั้น แม้แต่การปล่อยลูกบอลที่หอเอนเมืองปิซาของกาลิเลโอ เคยเกิดขึ้นไหม ก็ถ้าแนวคิดมันทะลุปรุโปร่งโล่งตลอดจนหายสงสัย แล้วจะไปพิสูจน์ข้อสงสัยเพื่ออะไรในเมื่อเข้าใจแล้ว ผู้มีภูมิก็แค่อธิบาย ผู้ยังภูมิไม่ถึงก็ฟังไป เชื่อก็เชื่อ อยากพิสูจน์ไปลองเอง ว่าไปแล้วกฎข้อที่ ๑ ของนิวตันนี่สุดยอดมาก ๆ ด้วยเป็นสภาพที่ไม่เคยมีจริงในโลกนี้ มันสมองของนิวตันสามารถจินตนาการมองหาสภาพที่ไม่มีจริง แล้วนำสภาพดังกล่าวมาอ้างอิงจนเห็นสภาพที่มีจริงคือกฎข้อที่ ๒ ได้! เกิดกฎการเคลื่อนที่ ที่อธิบายการเคลื่อนที่ของเทหวัตถุในท้องฟ้าได้ทั่วจักรวาล บราโว! นิวตัน!

    กฎข้อที่ ๑ ของนิวตันกล่าวว่า หากไม่มีแรงทำให้วัตถุเสียสมดุลมากระทำวัตถุ วัตถุนิ่ง ก็จะนิ่งไปตลอดกาล หรือ วัตถุวิ่งไปด้วยอัตราเร็วคงที่ ก็จะวิ่งไปด้วยอัตราเร็วคงที่ไปตลอดกาล ท่านผู้อ่านเคยเห็นอะไรนิ่งไปตลอดกาลไหม ถ้าบอกภูเขานิ่ง ก็ลองออกไปอยู่ที่ดวงจันทร์ แล้วมองกลับมาที่ภูเขาลูกนั้น อาจจะบอกว่าไกลไปมองไม่เห็น โอเค สมมติว่ามองเห็น ก็จะเห็นว่าภูเขาขยับไปตามการหมุนของโลก และท่านผู้อ่านอยู่บนโลกเคยเห็นอะไรวิ่งด้วยอัตราเร็วคงที่ไปตลอดกาลไหม ไม่ว่าอะไรวิ่ง สุดท้ายก็ต้องนิ่ง อะไรที่มันเหมือนนิ่ง แต่ก็กลับไม่นิ่ง นิวตันไม่เคยออกนอกโลกแล้วมองกลับมา นิวตันไม่เคยเห็นวัตถุที่วิ่งด้วยอัตราเร็วคงที่ตลอดกาล แต่นิวตันกลับรู้ว่ามีสภาพนั้นอยู่ ผมถึงกล้าบอกไงว่านิวตันนี่สุดยอดแห่งจินตนาการของจริง

    ทีนี้มาถึงกฎข้อที่ ๒ ของนิวตัน กฎข้อนี้กล่าวว่า ถ้ามีแรงกระทำให้วัตถุเสียสมดุล วัตถุนั้นจะวิ่งไปตามแรงด้วยความเร่งที่เป็นสัดส่วนตรงกับแรงนั้น คือออกแรงดึงหรือดันวัตถุมาก ก็เกิดความเร่งมาก ออกแรงดึงหรือดันวัตถุน้อย ก็เกิดความเร่งน้อย นี่แสดงว่านิวตันก้าวล้ำไปอีกขั้นจากยุคของอาริสโทเทิล เพราะนิวตันเข้าถึงความเร่ง ซึ่งเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงของความเร็วเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ผ่านไป ในขณะที่อาริสโทเทิลไปได้แค่ความเร็วซึ่งเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ผ่านไป ทำไมอาริสโทเทิลไปไม่ถึงความเร่ง คำตอบคือเพราะอาริสโทเทิลไม่เห็นกฎข้อที่ ๑ ของนิวตันนั่นเอง ความลับแห่งการเคลื่อนที่จึงถูกไขออกโดยนิวตัน อยากจะเอาวัตถุใด ไปที่ใด เราก็ควบคุมความเร่งสิ นิ่ง เหยียบคันเร่ง เหยียบเบรก แล้วก็หยุด

    ความจริงกฎแค่สองข้อของนิวตันน่าจะเพียงพอต่อการท่องเที่ยวทั่วจักรวาลของยานอวกาศลำน้อย ๆ ที่ไหนได้นิวตันมีแนวคิดที่ล้ำยิ่งไปอีก แนวคิดแห่งการสะท้อนกลับของแรง นั่นคือเมื่อ ๒ วัตถุสัมผัสกันและมีแรงกระทำซึ่งกันและกัน วัตถุทั้งสองจะรับแรงที่มีขนาดเท่ากัน ในแนวเดียวกัน แต่มีทิศทางตรงข้ามกัน นี่เองที่ทำให้เราสามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาวัตถุที่ไม่เกิดความเร่งได้ และทำให้เราสามารถหาได้ว่าแรงต่าง ๆ ที่กระทำกับวัตถุได้ ทำให้เราสามารถออกแบบให้มีขนาดเหมาะสมในการรองรับแรงที่มากน้อยไม่เท่ากันในแต่ละสถานการณ์

    เซอร์ ไอแซก นิวตัน เป็นคนร่วมสมัยกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) และเจ้าพระยาวิชชาเยนทร์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจที่เจ้าพระยาวิชชาเยนทร์ (พ.ศ. ๒๑๙๐-๒๒๓๑) จะเป็นผู้ทรงภูมิจนมีผู้คนจำนวนมากไม่พอใจ คิดง่าย ๆ พระเจ้าอยู่หัววัดภูมิเหล่าเสนาโดยหาคนอาสาไปชั่งน้ำหนักปืนใหญ่ ไม่มีเสนาคนไหนอาสา เพราะกิโลพังแน่ ออกญาวิชชาเยนทร์ไม่รอช้า รับอาสาชั่งน้ำหนักปืนใหญ่ โดยการนำปืนใหญ่ลงเรือ แล้วขีดเส้นระดับน้ำที่กาบเรือเสร็จยกปืนใหญ่ออก จากนั้นก็เอาอิฐที่ทราบน้ำหนักแต่ละก้อนถ่วงเรือจนเรือจมระดับเดียวกับตอนที่ใส่ปืนใหญ่ นับอิฐแล้วคูณจำนวนอิฐด้วยน้ำหนักอิฐแต่ละก้อนก็จะได้น้ำหนักปืนใหญ่ หุหุหุ ถ้าเป็นยุคมองโกลครองเมือง คนทำไม่ได้ ไร้ความรู้ มีแต่ตัว หัวไม่มีนา ที่ออกญาวิชชาเยนทร์เก่งเป็นเพราะท่านหลุดมาจากยุคที่โลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แผ่นดินสยามขณะนั้น จะว่าไปก็ดูออกจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอยู่ เรื่องไม่ดีของท่านก็มี แต่ก็เป็นเรื่องของท่าน

    อ่านถึงตรงนี้พอเดากันออกหรือยังว่าสิ่งที่นิวตันค้นพบเป็นการขยายความในเรื่องใด หรือคล้ายกับสิ่งใดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ถ้ายังนึกไม่ออกโปรดอ่านตอนต่อไปครับ

    ทิ้งท้ายด้วยส่วนหนึ่งของกลอน "บัญชาการรบ" ที่ผมแต่งขึ้น

    ...ความลวงคอยลบความจริงทิ้ง.............ความนิ่งมิเคยนิ่งกลับเคลื่อนไหว
    ใดใดในโลกล้วนเลื่อนไป.....................แรงกรรมนำใจให้วุ่นว้า

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวง จงเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จงถึงแก่ออกญาวิชชาเยนทร์, อาริสโทเทิล, กาลิเลโอ, เซอร์ ไอแซก นิวตัน ตลอดจนทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับท่านทั้งหลายที่เอ่ยพระนาม/นามเทอญ

    อนุเสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ลพบุรี (รูปจาก Wikipedia)

    [​IMG]

    เจ้าพระยาวิชชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ชาวกรีก ผู้เป็นสมุหกลาโหมชองสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (รูปจาก Wikipedia)

    [​IMG]

    รูปปั้นของอาริสโทเทิล (รูปจาก Wikipedia)

    [​IMG]

    กาลิเลโอ (รูปจาก Wikipedia)

    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xmMCvv1jLpptrUpF" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/e14/kC9GhZ.jpg" /></a>

    เซอร์ ไอแซก นิวตัน (รูปจาก Wikipedia)

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  12. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ช่วงปลายปี ๒๕๕๖ ไปขอบารมีที่ใดเพื่อสร้างพระเจ้าแสนเจ้าแสนหลวงบ้าง (๑/๗)

    + + + + + + + + + + +

    ๒๖ ธ.ค. ๒๕๕๖ วัดพระพุทธบาทสี่รอย จ.เชียงใหม่

    ขอบารมีพระพุทธบาทสี่รอย มหัศจรรย์แห่งมงคลจักรวาล ใครได้บูชาพระพุทธบาทสี่รอยเวลานี้กำไรที่สุด เพราะจะได้พบพระบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ นับจากพระกกุสันโธพุทธเจ้า พระโกนาคมพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า และพระสมณโคดมพุทธเจ้า เมื่อถึงยุคพระศรีอริยเมตตรัยพุทธเจ้า พระองค์จะประทับรอยพระบาทอีกครั้ง เป็นการรวมรอยพระพุทธบาททั้งหมดให้เหลือเพียงรอยเดียว

    ตามอุรังคธาตุนิทาน รอยพระพุทธบาทจะพบในที่ห่างไกลจากเมืองที่มีความเจริญในพระพุทธศาสนาในระยะแรก กาลผ่านไปพระศาสนาจะเสื่อมที่เมืองศูนย์กลาง แต่จะเจริญแพร่ไปทางเมืองที่มีรอยพระพุทธบาท

    [​IMG]

    ขอบารมีพระศรีอริยเมตตรัยในโบสถ์ คุณเนาวสถิตย์สร้างไว้ได้อย่างงดงามมาก ตอนที่ขอบารมีมีหมู่คณะสวดคาถาชินบัญชร จึงได้มีโอกาสร่วมสวดคาชินบัญชรเบื้องหน้าพระพักตร์พระศรีอาริย์ด้วย

    [​IMG]

    มีจังหวะก็ขอทำบุญสร้างซุ้มประตูใหญ่อันวิจิตรในโบสถ์ (ตอนทำไม่ได้ถ่ายรูปไว้ รูปซองมาจากที่เคยถ่ายไว้ เผื่อใครต้องการเลขบัญชีร่วมบุญ) ที่จะมีกำหนดการยกพระประดิษฐานในงานปีนี้ วันเพ็ญเดือน ๔ ตรงกับวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๗ เมื่อปี ๒๕๕๖ มาร่วมงานปีแล้ว สุดยอดงานบุญแห่งประเทศ เพราะปิดภูเขาทำบุญจริง ๆ เดินจากวัดหนองก๋าย อาบแสงจันทร์เพ็ญ จูงรถอัญเชิญน้ำสรงพระพุทธบาทสี่รอยพระราชทาน สองข้างทางมีแสงเทียนจากหมู่กัลยาณมิตรที่นำอาหารเครื่องดื่มมาเลี้ยงเป็นจุด ๆ ตลอดทาง ลมเย็น ๆ พอดีกับกายอุ่น ๆ ที่เกิดจากการค่อย ๆ เดินขึ้นเขาลงเขารวมระยะทาง ๑๖ กิโลเมตร ทั้งคืน บนถนนคอนกรีต ท่ามกลางเสียงป่าที่โอบล้อมด้วยเขา เคล้าเสียงลำธารที่รินไหล

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอบารมีครูบาเจ้าศรีวิชัย พระนเรศวรมหาราช พระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช และขอบารมีล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ และเจ้าดารารัศมีที่วิหารเจ้าดารารัศมี (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    วัดถ้ำเมืองนะ

    เลย อ.เชียงดาว ไปราว ๕๐ กิโลเมตร ก่อนถึงวัดถ้ำเมืองนะเล็กน้อยจะเห็นหุบเขาและภูเขา เลยเขาเป็นคือพม่า

    [​IMG]

    ขอบารมีสิ่งศักดิ์วัดถ้ำเมืองนะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พี่ยักษ์ แม่ชีหนูนาบอกว่าหลวงตาม้าไปธุระ ได้สวดจักรพรรดิรอบบ่ายโมง แม้ไม่เต็มเวลาแต่ก็รู้สึกดี มาที่นี่ครั้งแรกเมื่อปี ๕๑ ถือศีลไม่กินข้าวเย็น กินแต่กล้วย อธิษฐานอยู่แต่ถ้ำสี่ห้าวัน หกโมงเช้าก็สวด บ่ายโมงก็สวด หกโมงเย็นก็สวด สองทุ่มครึ่งก็สวด นอนก็นอนในถ้ำราวสี่ทุ่ม หลับดีมาก ถึงเวลาตื่นก็ราวตีสี่ ว่างก็ช่วยกันร้อยประคำ เป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ ออกจากถ้ำกินข้าวแกงมื้อสาย ๆ ที่เชียงดาว รู้สึกเลยว่าสัมผัสที่กระเพาะมันแปลก ๆ สงสัยกินกล้วยมาหลายวัน จึงรู้สึกได้ว่าอาหารทั่วไปหยาบมากเมื่อเทียบกับกล้วยน้ำว้า เมื่อไหร่หนอจะมีใครมาสนับสนุนให้ส่งกล้วยน้ำว้าขายทั่วโลก ยาฆ่าแมลงก็ไม่ต้องใช้ เปลือกก็หนากว่ากล้วยหอม เก็บไว้ได้นานกว่า ช้ำยากกว่า กินแล้วก็ไม่มีลมเหมือนกล้วยหอม เปลี่ยนอาหารเช้าคนอเมริกาจากแพนเค้กราดน้ำผึ้ง เป็นกล้วยน้ำว้าจิ้มน้ำผึ้ง คงทำให้คนอเมริกาจำนวนมากสุขภาพดีขึ้น กล้วยน้ำว้า, the best fruit!

    [​IMG]

    วิหารจักรพรรดิ ดูขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่วิจิตรอลังการ

    [​IMG]

    พระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิ สมเด็จองค์ปฐม

    [​IMG]

    นางฟ้าถือโคมไฟ ใครคิด สุดยอดมาก เพราะนางฟ้าลอยเด่นเป็นสามมิติออกมา

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    วัดบ้านเด่น ครูบาเทือง อ.แม่แตง เชียงใหม่

    ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดบ้านเด่น วัดนี้อยู่บนภูเล็ก ๆ สวยงาม วิจิตร อลังการมาก ใครยังไม่ได้ไปควรไปด่วน!
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่

    ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องกับวัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ และหัวเมืองเหนือทั้งหมด

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงเกิดขึ้นกับทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธบาทสี่รอย วัดถ้ำเมืองนะ วัดบ้านเด่น และวัดเจดีย์หลวง เทอญ

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  13. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    เมื่อวานช่วงค่ำ (๓๐ ม.ค. ๒๕๕๖) ได้ไปกราบเรียนแจ้งความคืบหน้าของการสร้างพระเจ้าแสนหลวงกับ พระอาจารย์ทองจันทร์ พุทฺธญาโณ ที่พักสงฆ์หุบเขาผาจันทร์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

    [​IMG]

    ความคืบหน้านี้ได้แก่ การนำรูปพระที่ช่างปั้นที่กาฬสินธุ์ (อยู่ตอนท้ายหน้า ๑) ไปให้ท่านพิจารณา และแจ้งว่าแผ่นพับสำหรับบอกบุญได้พิมพ์เสร็จแล้ว ๒๐,๐๐๐ แผ่น (แวะคราวที่แล้ววันที่ ๙ ม.ค. ๒๕๕๗ เพื่อนำโบรชัวร์ถวายท่านตรวจ) ตอนกลับแหงนมองท้องฟ้าวันพระไร้จันทร์ที่หุบเขาผาจันทร์ สุดยอดครับ ดาวสว่างไสวสวยงามมาก เฮ่อ ช่างแตกต่างจากกรุงเทพฯ จริง ๆ

    [​IMG]
    รูปบน จากซ้ายไปขวา พระอาจารย์ทองจันทร์ พุทฺธญาโณ, หลวงปู่ดำรง พรหฺมสโร, พระอาจารย์กัณหา ธมฺมทีโป, พระอาจารย์พูลศักดิ์ ถิรวังโส (พระอาจารย์ทนาย) เมื่อครั้งพระสงฆ์จากวัดเก่าหนองบัว ต.บ้านไทย อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ไปนมัสการพระอาจารย์ทองจันทร์ ณ ที่พักสงฆ์หุบเขาผาจันทร์ อ.ปากช่อง จ.อุบลราชธานี และขอคำปรึกษาการสร้างพระ วันนั้นผมได้นำแบบที่แก้สัดส่วนเศียรพระแสนไปให้พระอาจารย์ทองจันทร์และหลวงปู่ดำรงพิจารณาด้วย ถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ธ.ค. ๒๕๕๖

    ความคืบหน้าจะแจ้งพระสงฆ์ ๒ แห่ง แห่งหนึ่ง คือ วัดเก่าหนองบัว อุบลราชธานี (หลวงปู่ดำรง และพระอาจารย์ทนาย) แวะไปถึงวัดได้ก็จะแวะ หรือไม่ก็โทรศัพท์เรียนปรึกษาพระอาจารย์ทนาย ล่าสุดที่โทรศัพท์เรียนปรึกษาพระอาจารย์ทนายก็วันพุธที่ ๒๙ ม.ค. ที่ผ่านมา อีกแห่งหนึ่งก็ คือ ที่พักสงฆ์หุบเขาผาจันทร์ (หลวงพ่อทองจันทร์) เหตุที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทองจันทร์เพราะทั้งหลวงปู่ดำรงและพระอาจารย์ทนายนับถือท่านมาก ท่านทั้งสองจึงได้ขอคำปรึกษาจากท่าน ท่านก็แนะนำให้สัดส่วนเศียรของพระแสนลงให้ดูสมส่วนกับองค์พระเจ้าแสนหลวงซึ่งเป็นพระใหญ่ ผมก็ดำเนินการปรับแก้ดังเห็นความแตกต่างได้จากโบรชัวร์ อีกทั้งท่านยังช่วยสนับสนุนการสร้างพระเจ้าแสนหลวงเมืองอุบล เป็นปัจจัยที่นับว่ามากอยู่ (ถ้าจำไม่ผิด ท่านเป็นคนอุบล) แม้จะอายุ ๖๐ ปี แต่หลวงพ่อทองจันทร์ก็พรรษา ๔๐ หลวงปู่ดำรงเล่าให้ผมฟังว่าท่านเป็นพระเถระรูปหนึ่งที่หลวงพ่อชาเคยกล่าวชมเชยไว้ ผมไม่รู้หรอกว่าจริง ๆ แล้วท่านเป็นอย่างไร เพราะเพิ่งเคยพบท่านเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่เมื่อมีโอกาสได้กราบท่าน ได้ฟังท่าน ก็รู้สึกได้ว่าสามารถกราบท่านได้อย่างสนิทใจ

    พระอาจารย์ถามเรื่องกำหนดการสร้างพระ ผมก็เรียนตามตรงว่าตอนแรกที่คิดสร้างกับหมอหน่อย ว่าจะสร้างถวายให้ทันวันเกิดหลวงปู่ดำรง คือ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ แต่ต้องหาปัจจัยในการสร้าง ๒ ล้านบาท โดยเน้นการบอกบุญ ก็อาจจะเสร็จไม่ทันที่คาดไว้ (ด้วยแนวคิดการสร้างพระเพื่อเป็นพระแห่งอภัยทานและกัลยาณมิตร และเป็นพระแห่งมหาชน ที่มีขนาดใหญ่หน้าตักเกือบ ๒ เมตรครึ่ง เนื้อพิเศษคือทองแดง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ทำให้คาดการณ์ไว้ตอนแรกเริ่มว่าใช้งบราว ๑ ล้านบาท พอสอบถามข้อมูลพบว่าแพงกว่าที่คิดมาก ก็เลยขยับงบประมาณการณ์ขึ้นเป็น ๒ ล้านบาท) ผมจึงเรียนท่านต่อไปว่าไม่ทันก็คงไม่ทัน เพราะผู้รู้แนะนำว่าการว่าจ้างสร้างพระต้องมีเงินอยู่ในมือให้ครบก่อน มิฉะนั้นจะมีปัญหาตามมา ท่านก็แนะนำกลับว่าถ้าทำอะไรผูกรัดกับตัวเองมากเกินไป ทำแล้วจะไม่มีความสุข นอกจากนี้ก็นำรูปที่ผมไปขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต่าง ๆ ช่วงส่งปีเก่าเข้าปีใหม่ ได้แก่ พระพุทธบาท ๔ รอย, วัดถ้ำเมืองนะ, วัดบ้านเด่น (ครูบาเทือง), วัดเจดีย์หลวง, วัดพระธาตุหริภุญชัย, อนุเสาวรีย์พระแม่เจ้าจามเทวี, พุทธธรรมนคร ที่ปฏิบัติธรรมพระแม่เจ้าจามเทวี (ลำพูน), วัดพระธาตุสุโทนมงคลเจดีย์ (เด่นชัย), วัดสัมพันธวงศ์ (กรุงเทพ), วัดถ้ำวัฒนมงคล (ชลบุรี), วัดหลวง (อุบลราชธานี), วัดป่าใหญ่ (อุบลราชธานี) เป็นต้น

    รูปล่างเป็นภาพประกอบเรื่องความประทับใจของพระอาจารย์ทองจันทร์ ที่มีต่อหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของท่าน อ่านแล้วเห็นสัจธรรมสำหรับคนปฏิบัติธรรม “อยากบ่ได้ หมดอยากได้” เรื่องราวเป็นมาอย่างไรก็อ่านรูปถัดไปได้เลย

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  14. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ขออภัยที่มาอัพเดตช้าครับ
    ขอผลบุญใหญ่จงถึงแก่ทุกท่านที่ร่วมบุญสร้างพระเจ้าแสนหลวงครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  15. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ช่วงปลายปี ๒๕๕๖ ไปขอบารมีที่ใดเพื่อสร้างพระเจ้าแสนเจ้าแสนหลวงบ้าง (๒/๗)
    (วันพฤหัสที่ ๒๖ ธ.ค. ๒๕๕๖ ไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย วัดถ้ำเมืองนะ วัดบ้านเด่น (ครูบาเทือง) วัดลำปางหลวง)

    + + + + + + + + + + +

    วันศุกร์ที่ ๒๗ ธ.ค. ๒๕๕๖
    ราว ๗ โมงเช้า ไปขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดพระธาตุหริภุญชัย ลำพูน ไปแต่เช้าเงียบ สงบ สวยงาม ดีมากครับ
    [​IMG]

    พระประธาน ๓ องค์ ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทองในวิหารหลวง
    [​IMG]

    จากซ้ายไปขวา วิหารพระเจ้าละโว้ วิหารพระเจ้าแดง สุวรรณเจดีย์ (เจดีย์ปทุมวดี)
    [​IMG]

    พระประธานปางอุ้มบาตรในวิหารพระเจ้าละโว้
    [​IMG]

    พระเจ้าแดง
    [​IMG]

    ประวัติสุวรรณเจดีย์ (เจดีย์ปทุมวดี)
    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    ๘.๓๐ น. ไปอนุเสาวรีย์พระแม่เจ้าจามเทวี ลำพูน เพื่อขออัญเชิญพระแม่เจ้าร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง พระแม่เจ้าเป็นนักรบที่เก่งกล้าสามารถในยุคละโว้
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    ๙ โมงเศษ ไปถึงพุทธนครธรรม สถานที่ที่พระแม่เจ้าจามเทวีเคยปฏิบัติธรรม อยู่ทางไปลำปาง ทางซ้ายมือ ห่างจากลำพูนไม่น่าเกิน ๑๐ กิโลเมตร

    บรรยากาศร่มรื่น สบาย ๆ เรือนรับรองก็น่าอยู่
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ห้องนี้เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนพระแม่เจ้าจามเทวี และพระพี่เลี้ยง ๒ พระองค์ คือเจ้าหญิงปทุมวดีและเจ้าหญิงเกษวดี ซึ่งเป็นพระนัดดาของพระเจ้ากรุงละโว้ ทั้ง ๓ พระองค์อยู่ในชุดปฏิบัติธรรม
    [​IMG]

    บรรยากาศภายในก็โปร่งโล่ง มีรูปหลวงพ่อชาด้วย สอบถามได้ความว่าที่นี่ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อชา ช่างประจวบเหมาะจริง ๆ
    [​IMG]

    คณะกรรมการของมูลนิธิพุทธนครธรรม สุภาพสตรีที่อยู่ตรงกลางคือคุณโมจิ ลองเสริชหาในเนตดูนะครับว่าคุณโมจิเกี่ยวข้องกับพระแม่เจ้าจามเทวีอย่างไร คุณโมจิและพี่ปราณีตลอดจนน้อง ๆ ที่มูลนิธิพุทธนครธรรมใจดีมากครับ ก่อนถึงเชียงใหม่เมื่อวันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ผมกับพระมหาปิยะและหลวงพี่อีกรูปหนึ่งได้แวะที่นี่ก่อนแล้ว และได้ฝากแผ่นทองเพื่อขอบารมีจากพระแม่เจ้าจามเทวีเพื่อจะกลับมารับในวันนี้ นอกจากจะได้แผ่นทองที่ฝากไว้ คนในมูลนิธิยังร่วมจารแผ่นทองและมอบปัจจัยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อร่วมสร้างพระเจ้าแสนหลวง วัดเก่าหนองบัว จ.อุบลราชธานีด้วย
    [​IMG]

    วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนเพราะตีสองแล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปจะมาเล่าต่อครับ ว่าไปไหนแล้วบ้าง รวมถึงเรื่องวิทยาศาสตร์เป็นสับเซตของพุทธศาสตร์ นอกจากนี้ก็จะนำแผ่นทองที่ครูบาอาจารย์ตลอดจนมิตรสหายได้จารให้ และที่ขอบารมีจากที่ต่าง ๆ มาให้ดูแต่อาจไม่ทั้งหมด

    ป.ล. ล่าสุดได้รับจดหมายจากคุณดำรงศักดิ์ อยู่ดีรัมย์ จ.สุรินทร์ ที่ส่งทองและปัจจัยร่วมทำบุญหล่อพระเจ้าแสนหลวงแล้วครับ ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวง จงถึงแก่คุณดำรงศักดิ์ อยู่ดีรัมย์ และทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวข้องกับคุณดำรงศักดิ์ อยู่ดีรัมย์ เทอญ

    + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวง จงถึงแก่พระแม่เจ้าจามเทวี เจ้าหญิงปทุมวดี เจ้าหญิงเกษวดี ตลอดจนพระเจ้ากรุงละโว้ และทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับวัดพระธาตุหริภุญชัย และพระแม่เจ้าจามเทวีเทอญ

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  16. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    วิทยาศาสตร์เป็นสับเซตของพุทธศาสตร์

    + + + + + + + + + + +

    ตอน ๒ มองโลกให้สูงเสียดยอดหาว

    โดย สยาม สงวนรัมย์

    ความเดิมตอนที่แล้ว นิวตันสุดยอดมาก มองเห็นโลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วของวัตถุ จนนำไปสู่แรงที่ทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงความเร็ว และทิ้งท้ายไว้ด้วยคำถามที่ว่าสิ่งที่นิวตันค้นพบเป็นการขยายความในเรื่องใด หรือคล้ายกับสิ่งใดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

    คำตอบก็คือ กฎข้อที่ ๑ ของนิวตันก็คือสภาพที่หลุดพ้นจากทุกแรง หรือสภาพที่มีแรงมากระทำแต่กระทำแล้ววัตถุยังสมดุลอยู่ ทำให้วัตถุที่คงสภาพเดิมไปตลอดกาล วัตถุเปรียบได้กับจิตหลุดพ้น ไม่ว่าถูกสิ่งเร้าใดกระทบจิต ก็ไม่ทำให้จิตไปยึดมั่นถือมั่นกับอารมณ์นั้น จิตจึงไม่ถูกบิดเบือนจากอวิชชา จึงไม่สั่นไหวหรือเคลื่อนที่ไปตามกิเลสที่มาเย้า ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แม้สภาพดังกล่าวในโลกโลกียะจะไม่มีจริงก็ตาม ในขณะที่แรงของนิวตันก็เปรียบเทียบได้กับแรงกรรมนั่นเอง เมื่อจิตยังไม่หลุดพ้น จิตยังคงสั่นไหวเมื่อถูกแรงกรรมกระทำ ความสั่นไหวก็คือการเคลื่อนที่ของวัตถุด้วยความเร่ง พอหมดเหตุหมดปัจจัย จิตก็หยุดสั่นได้เหมือนกัน แต่พอมีเหตุมีปัจจัยจากแรงกรรมมากระทำอีกจิตก็สั่นต่อ และทุกครั้งที่จิตเกิดการสั่นไหว จิตก็จะบันทึกไว้เพื่อรอรับผลจากการสั่นไหวซึ่งก็คือวิบากกรรมในอนาคต แรงที่ทำให้เกิดการสั่นไหวของจิตจึงเปรียบเทียบได้กับแรงกรรม ในขณะที่วิบากกรรมที่เกิดจากแรงกรรมในอดีตอาจเปรียบเทียบได้กับแรงปฏิกิริยาตามกฎข้อที่ ๓ ของนิวตัน จะต่างกันก็ตรงที่ตามกฎข้อที่ ๓ แรงกิริยากับแรงปฏิกิริยาเกิดพร้อมกัน ในขณะที่ผลกรรมนั้นมีความหน่วงของเวลาก่อนส่งผล

    เมื่อ ๒๖๐๒ ปีก่อน พระพุทธเจ้าพบสภาพหลุดพ้นของจิตคือนิโรธ พบหนทางไปสู่สภาพหลุดพ้นของจิตคือมรรค พบสภาพที่จิตเคลื่อนที่คือทุกข์ และพบเหตุที่ทำให้จิตเคลื่อนที่คือสมุทัย ในขณะที่เมื่อ ๓๒๗ ปีก่อน นิวตันพบสภาพหลุดพ้นของวัตถุคือสภาพที่วัตถุนิ่งหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ไปตลอดกาลตามกฎข้อที่ ๑ พบหนทางไปสู่สภาพหลุดพ้นของวัตถุคือการนำแรงที่ทำให้วัตถุไม่สมดุลออกไปจากวัตถุ พบสภาพที่วัตถุเคลื่อนที่คือวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร่งตามกฎข้อที่ ๒ และพบเหตุที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่คือแรงที่อยู่ในกฎข้อที่ ๓

    ด้วยเหตุที่จิตเป็นของละเอียดเห็นได้ยากกว่าวัตถุ อีกทั้งความรู้ที่นิวตันค้นพบก็ยังไม่สามารถทำให้นิวตันเป็นที่พึ่งสูงสุดของพวกเราชาวพุทธได้ เพราะนิวตันยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิด ในขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ สภาพจริงที่นิวตันค้นพบคือวัตถุไร้จิตวิญญาณทั้งหลาย เช่น ดวงดาว กำลังเคลื่อนที่ด้วยแรงที่ต่างฝ่ายต่างกระทำซึ่งกันและกันตามกฎแรงดึงดูดระหว่างมวล ก็ถือเป็นกฎแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นอนิจจัง อันอยู่ในไตรลักษณ์ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ อันเป็นหลักการใหญ่คลุมสิ่งที่นิวตันค้นพบ ถ้าเรามองว่านักวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาความจริงท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับที่นิวตันได้ค้นหาความจริงของวัตถุที่เปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนความเร็ว หรือแม้แต่เปลี่ยนความเร่งได้ นั่นแสดงว่าวิทยาศาสตร์กำลังค้นหาสิ่งที่เป็นสับเซตของกฎไตรลักษณ์สองข้อ คือ ทุกขังและอนิจจัง ที่กล่าวไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกทนสภาพเดิมไม่ได้จึงเปลี่ยนแปลงไป ผมจึงบอกว่า “วิทยาศาสตร์เป็นสับเซตของพุทธศาสตร์”

    ว่ากันตามจริงนิวตันรู้ชัดแค่วัตถุหรือรูปอันไร้จิตวิญญาณจะขยับไปทางไหน ด้วยเหตุอันใด ในขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้ารู้ชัดกว่าหลายขุมว่า รูปที่มีจิตวิญญาณในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะเป็นอะไร ด้วยเหตุอันใด ด้วยพระญาณอันไม่มีประมาณจากการบำเพ็ญบารมีอย่างยาวนานถึง ๒๐ อสงไขยกับอีกแสน มหากัป สำหรับพระปัญญาธิกะพุทธเจ้า

    ทิ้งท้ายไว้ว่า อัลเบิร์น ไอสไตน์ (พ.ศ. ๒๔๒๒-๒๔๙๘) เทพแห่งฟิสิกส์บอกว่ามวลสลายเป็นพลังงานได้มหาศาล นักวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์แล้วด้วยการสร้างระเบิดปรมาณู แต่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าบางรูปทำได้ยิ่งกว่านั้นเมื่อกว่า ๒๕๐๐ ปีก่อน เพราะสามารถทำในกระบวนการย้อนกลับได้ ด้วยการใช้จิตสร้างพลังงานแล้วเปลี่ยนพลังงานเป็นมวล! มวลที่จับต้องได้ ดังปรากฏในพระไตรปิฎกว่า

    “ฝ่ายพระเรวตเถระ ทราบการเสด็จมาของพระศาสดา จึงนิรมิตพระคันธกุฎีเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า นิรมิตวิหาร ที่จงกรม และที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันจำนวนเพียงพอแก่ภิกษุสงฆ์ ณ ที่อยู่ของตนนั่นแหละ แล้วออกไปทำการต้อนรับพระตถาคตเจ้า พระศาสดาเสด็จเข้าไปยังพระวิหารตามหนทางที่ประดับตกแต่งแล้ว”

    จะว่ามหัศจรรย์ก็มหัศจรรย์ จะว่าเฉย ๆ ก็เฉย ๆ เพราะมีเหตุให้เกิดก็เกิด หมดเหตุให้เกิดก็ดับ

    บางส่วนของกลอน “บัญชาการรบ” ครับ

    ...มองโลกให้สูงเสียดยอดหาว......................ดั่งดาวเทียมสูงเสียดยอดสรวง
    มองโลกด้วยดาวเทียมสามดวง.......................จึงล่วงรู้พิกัดชัดตัวตน

    เกร็ดน่ารู้ต่าง ๆ โดยมีพระพุทธศาสนาเป็นศูนย์กลางของความรู้ยังมีอีกมาก ไว้มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังต่อครับ

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงถึงแก่ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ตลอดจนทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับท่านเทอญ
    (รูปจากวิกิพีเดีย เป็นรูปถ่ายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔)
    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  17. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ช่วงปลายปี ๒๕๕๖ ไปขอบารมีที่ใดเพื่อสร้างพระเจ้าแสนเจ้าแสนหลวงบ้าง (๓/๗)

    + + + + + + + + + + +

    วันศุกร์ที่ ๒๗ ธ.ค. ๒๕๕๖ (ต่อ) ไปขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดพระธาตุลำปางหลวง อุทิศบุญกุศลการสร้างพระเจ้าแสนหลวงให้ท้าวมหายศ

    + + + + + + + + + + +

    ประวัติพ่อเจ้าทิพย์ช้าง

    ก่อนกรุงแตกราว ๓๖ ปี เชียงใหม่และลำพูนเป็นเมืองขึ้นของพม่า ในขณะที่ลำปางขาดเจ้าผู้ครองนคร มีแต่ขุนเมือง ๔ คนที่ไม่รักใคร่กลมเกลียวกัน ท้าวมหายศแม่ทัพเมืองลำพูนจึงยกทัพตีลำปางแตก และได้ใช้วัดพระธาตุลำปางเป็นกองบัญชาการ
    ตอนนั้นสมภารวัดพระแก้วชมพูผู้เชี่ยวชาญโหราจารย์ได้ทำนายว่า หนานทิพย์ช้าง พรานป่าแห่งปงยางคก (บ้านคอกวัว) จะเป็นผู้กอบกู้อิสรภาพเมืองลำปาง ด้วยเป็นผู้มีปัญญาและเก่งกล้าสามารถ ตลอดจนชำนาญการใช้ปืน ท่านจึงแต่งตั้งให้หนานทิพย์ช้างเป็น “เจ้าทิพย์เทพบุญเรือน” หนานทิพย์ช้างได้นำไพร่พลชาวลำปางกว่า ๓ ร้อยคนล้อมวัดพระธาตุลำปางหลวงเพลาเที่ยงคืน

    ในขณะที่หนานทิพย์ช้างและทหารสนิทได้ปลอมตัวเป็นทหารพม่าทำสาส์นปลอมลักลอบเข้าไปทางท่อระบายน้ำด้านหลังพระเจดีย์ เมื่อเข้ามาได้ ทหารสนิทได้ไปประจำที่ประตูทั้ง ๓ ด้าน ส่วนหนานทิพย์ช้างได้นำสาส์นปลอมไปให้ท้าวมหายศซึ่งกำลังเล่นหมากรุกอยู่หน้าพระเจดีย์ และบอกว่าชายาของท่านที่เมืองลำพูนใช้ให้นำสาส์นนี้มา เมื่อส่งสารเสร็จหนานทิพย์ช้างจึงถอยออกมาให้ได้ที่ แล้วใช้ปืนคาบศิลาที่พกติดตัวไปด้วยยิงท้ายมหายศสิ้นชีพกลางวงหมากรุก ลูกกระสุนปืนได้ทะละไปถูกรั้วทองเหลืองของพระเจดีย์ปรากฏเป็นรูกลมสองรู จากนั้นทหารที่ประตูทั้ง ๓ ด้านก็เปิดประตูวัดให้ไพร่พลชาวลำปางเข้ามาขับไล่ทหารพม่า เมื่อทหารพม่าเห็นแม่ทัพของตัวเองตายประกอบกับเสียงโห่ร้องที่มาจากประตูทั้ง ๓ ด้านจึงขวัญเสียและหนีไป ไพร่พลชาวลำปางได้ขับไล่ทหารพม่าจนถึงดอยดินแดงซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดลำพูน

    เมื่อขับไล่ทหารพม่าได้แล้ว สมภารวัดพระแก้วชมพูพร้อมชาวเมืองลำปางได้ร่วมใจปราบดาภิเษกหนานทิพย์ช้างเป็นเจ้าผู้ครองนครลำปาง ซึ่งมีพระนามว่า “เจ้าพระยาสุลวฤๅชัยสงคราม” และเป็นต้นตระกูลเจ้านายฝ่ายเหนือสืบเนื่องมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

    + + + + + + + + + + +

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงถึงแก่ เจ้าพระยาสุลวฤๅชัยสงคราม (หนานทิพย์ช้าง) ครูอาจารย์และญาติมิตรบริวารทั้งหลายของเจ้าพระยาสุลวฤๅชัยสงคราม ทุกรูปทุกนามที่ฝากกระแสบุญไว้กับพระธาตุลำปางหลวง ท้าวมหายศ และทุกรูปทุกนามที่เกี่ยวเนื่องกับการรบระหว่างชาวลำปางกับพม่าเทอญ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    รูปพระธาตุลำปางหลวงที่ใช้ผ้าขาวปูรองรับแสงภายในห้องมืด (อาคารเล็ก ๆ ทางด้านหลังซ้ายขององค์พระธาตุฯ) ผ่านรูเข็ม
    [​IMG]

    อนุเสาวรีย์พ่อเจ้าทิพย์ช้างนอกกำแพงวัดพระธาตุลำปางหลวง ต้นสกุลเจ้าเมืองเหนือ
    [​IMG]

    รอยกระสุนปืนที่ยิงท้าวมหายศ
    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  18. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    เคล็ดแห่งการบอกกล่าวเทวดา

    โดย สยาม สงวนรัมย์

    + + + + + + + + + + +

    บางคนที่อ่านอาจสงสัยว่าการขอบารมีเพื่อมาสร้างพระหมายถึงอะไร? การขอบารมีก็คือการตั้งจิตอธิษฐานเพื่ออัญเชิญเทพพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสถานที่นั้นมาร่วมสร้างพระ การจะให้ท่านรับรู้มีกระบวนการอยู่ เริ่มต้นจากการแสดงความเคารพในคุณของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเสียสละทนทุกข์ในสังสารวัฏอันนานแสนนานทั้ง ๆ ที่บารมีของพระองค์สามารถทำให้พระองค์พ้นทุกข์ได้ก่อนหน้า พระองค์ทรงสั่งสอนหมู่สัตว์จำนวนมากทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ การแสดงความเคารพนบนอบ ทำได้ด้วยการยกมือพนม ใจก็น้อมเป็นมโนภาพในอาการนอบน้อมเบื้องหน้าองค์พระ จะคิดว่าองค์พระยืนแล้วเราหมอบไหว้อยู่เบื้องพระยุคลบาทก็ได้ แล้วเปล่งวาจาว่านะโม ๓ จบ เพื่อนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งสามปณาม คือ กาย วาจา ใจ

    จากนั้นเราก็ยืนยันตัวเองว่าเรากับเทพพรหมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไปขอบารมีมีที่พึ่งเดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เพราะที่พึ่งอื่นไม่สามารถทำให้พ้นทุกข์ได้ มีเพียงพระรัตนตรัยเท่านั้นที่ทำให้พ้นทุกข์ได้ นี่เองเป็นเหตุให้นาบุญในเขตพระพุทธศาสนามีค่ามาก ทำน้อยได้มาก ทำมากยิ่งได้มากยิ่งขึ้น การถึงไตรสรณคมน์ทำได้ด้วยการเปล่งวาจายืนยันเจตนารมย์ของตัวเองว่า “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” ถ้ามั่นใจกล่าวครั้งเดียวก็พอ

    ขั้นตอนต่อไปเปรียบได้กับการอาบน้ำแต่งตัวอบน้ำหอมให้มีสง่าราศีก่อนที่จะพูดคุยกับแขกผู้มีเกียรติ ขั้นตอนนี้คือการสมาทานศีลด้วยตนเอง จะเรียกว่าอธิษฐานให้ตัวเองมีศีลก็ได้ ศีลห้าเป็นศีลของมนุษย์ มนุษย์สมาทานได้เองโดยที่ไม่ต้องรอพระสงฆ์มานำ ถ้ารู้ว่าศีลห้าประกอบด้วยอะไรบ้าง ทันทีที่เปล่งวาจาแสดงใจที่ต้องการรักษาศีล ๕ ว่า “ข้าพเจ้าขอสมาทานศีลห้า อันประกอบด้วยองค์ห้า” ก็ถือว่ามีศีลบริสุทธิ์แล้ว เมื่อศีลบริสุทธิ์ ใจก็สบาย ไม่กังวล อดีตจะทำอะไรมาก็ช่าง แต่ตอนนี้ข้ามีศีล อารมณ์ควรจะมีประมาณนี้ เพราะการสมาทานศีลต้องมีจิตใจห้าวหาญ เนื่องจากศีลวัดความมั่นใจ เหมือนจะออกรบต้องฮึกเหิม เหมือนเรือจะล่มแต่ไม่กลัวตายเพราะสมาทานศีล ผมบอกนักศึกษาของผมที่เรียนวิศวะและกินเหล้าอยู่เนือง ๆ ว่า กินเหล้าวันละ ๔ ชั่วโมง กินเสร็จสมาทานศีลด้วยตัวเองแบบมั่น ๆ ก็มีศีลอีก ๒๐ ชั่วโมง ตายไปท่านยมบาลจะจับลงยมโลกียนรกขุมที่ ๔ ชื่อตามโพทนะนรก นรกที่ดื่มน้ำทองแดงแทนน้ำนั่นแหละ อย่างน้อยตายไปก็ยังมีความมั่นใจเป็นเพื่อนร่วมต่อรองกับท่านยมบาลได้ว่าตลอดชีวิตเป็นคนมีศีลมากกว่าทุศีล น่าเป็นเหตุให้ขึ้นสวรรค์ได้ ส่วนคนที่ไม่ได้สมาทานศีลหลังกินเหล้าต่อรองไม่ได้ จิตตกก่อนตาย อบายภูมิเห็น ๆ การสมาทานหรือการอธิษฐานศีลของมนุษย์นั้นสำเร็จได้ด้วยการเปล่งวาจา เพราะถ้านึกในใจใครจะรู้ว่านึกอะไรอยู่ แต่ถ้าเปล่งวาจาก็ถือว่ายืนยันด้วยวาจาชัดถ้อยชัดคำ คนอื่นได้ยินหรือไม่เป็นเรื่องของคนอื่น เราได้ยินของเราคนเดียวพอแล้ว เพราะศีลที่เราอฐิษฐาน เป็นเรื่องหลักของเรา เป็นเรื่องรองของคนอื่น

    นั่นคือพอเรามีศีลบริสุทธิ์อย่างมั่นใจ ประกอบกับวางใจให้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อีกทั้งเราเป็น “เจ้าของแผ่นทอง” ที่จะนำไปขอบารมี ให้เราตัดความเป็นเจ้าของในแผ่นทองนั้น เพื่อสละทรัพย์นี้ไปหล่อเป็นพระปฏิมา สืบทอดพระพุทธศาสนา สำหรับถวายเป็นสังฆทาน อุทิศบุญกุศลให้กับท่านที่เราไปขอบารมี เมื่อสิ่งดี ๆ ที่กล่าวมา รวมตัวกันในใจ ย่อมถือว่าใจมีกัลยณธรรม อันปราศจากความตระหนี่ ส่งผลให้เกิดกลิ่นที่พิเศษกว่ากลิ่นหอมของดอกไม้ทั่วไป กล่าวคือฟุ้งหอมทวนลมได้ ทำให้เทวดารับรู้ได้ เทวดาเหล่านั้นย่อมกล่าวสรรเสริญเกียรติคุณของคน ๆ นั้น (พระสุตตันตปิฎก ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ ๑๑๘) นี่เองจึงเป็นเคล็ดแห่งบอกกล่าวเทวดาเพื่อขอบารมี

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  19. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    วิศวลาดกระบังยุคใหม่

    + + + + + + + + + +

    ใครเป็นศิษย์เก่าวิศวลาดกระบัง อาจไม่เคยได้ฟังเรื่องแบบนี้ เพราะเคยเล่าให้รุ่นเดียวกันฟัง ก็ยังรู้สึกได้เลยว่าเป็นไปได้หรือ ใครไม่ใช่ศิษย์เก่าวิศวลาดกระบังก็อ่านดี เพราะนี่อาจเป็นสิ่งที่คุณอาจเคยสงสัย และอาจมองหาว่ามีใครบ้างกำลังทำสิ่งนี้ นั่นคือ “ปฏิรูปการศึกษา”

    ทำไมลูกหลานเราเรียนมัธยมแล้วต้องสอบสารพัดสอบในบางสิ่งที่ไม่ได้เรียน ลูกหลานเราต้องเรียนพิเศษจนผู้ปกครองเสียเงินตั้งมากมาย แถมลูกหลานเรายังหมดเวลาไปกับการเรียนแทนที่จะได้อยู่กับเรากับญาติมิตร ความอบอุ่นสูญหายไป เมื่อวานผมถามนักศึกษาที่เคยสอบ PAT1 (วิชาคณิตศาสตร์เก็บคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย) แล้วก็ตั้งคำถามว่าสงสัยไหม ทำไมต้องมาทำข้อสอบสำหรับให้เทวดาทำ นักศึกษาหัวเราะกันทั้งห้อง สิ่งเหล่านี้ไม่ปรากฏในวิชาคณิตศาสตร์วิศวกรรมที่นี่ เพราะเราเห็นทุกข์ของนักศึกษา เราจึงเน้นให้นักศึกษาเรียนอย่างมีความสุขที่นี่

    ต้องขอบคุณผู้คิดอัตลักษณ์ดี ๆ ให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

    “ซื่อสัตย์ ใฝ่รู้ สู้งาน”

    และพันธกิจที่มุ่งเน้น “ด้านการเรียนการสอน” และทำนุบำรุง “ศิลปะ วัฒนธรรม”

    วิศวลาดกระบัง “ปฏิรูปการศึกษาคณิตศาสตร์” เพื่อนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ก่อนใคร ๆ ในประเทศไทย ปริศนาสมัยเรียนปีหนึ่งเรียน math ไปเพื่อ? ถูกแก้แล้ว เรียนแล้วไม่เข้าใจไม่เห็นภาพ ตอนนี้นักศึกษาจำนวนหนึ่งเริ่มเห็นแล้ว และจะมีนักศึกษาเข้าใจจนเห็นภาพเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอะไร? เพราะนักศึกษาทุกคนใช้ตำรามาตรฐานนานาชาติจากต่างประเทศ ทำการบ้านผ่านระบบอีเลิร์นนิง มีหัวหน้าดูแลกันเอง แม้แต่ห้องสอบที่ไม่ต้องคุมสอบก็ทำมาแล้วเหมือนกับที่มหาวิทยาลัยมาตรฐานในสหรัฐอเมริกาเป็น เราสอนให้นักศึกษามีความมั่นใจในความรู้ เมื่อนักศึกษามั่นใจในความรู้ก็จะเกิดความซื่อสัตย์

    และที่สำคัญเราได้ปลูกฝังการทำบุญตามแบบพระพุทธศาสนาให้นักศึกษา เพื่อใช้บุญหนุนอนาคต ร่วมกันสรงน้ำพระราหุลเถระ ร่วมกันสร้างทองคำหุ้มยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ร่วมจารแผ่นทองสร้างพระในเดือนมาฆบูชา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่/อุทิศบุญกุศลให้ พระจอมเกล้า เจ้าคุณทหาร (วร บุนนาค) ท่านเลี่ยมผู้บริจาคที่ดินให้สถาบันฯ หลวงพรตพิทยพยัตผู้ที่ท่านเลี่ยมอุทิศบุญแห่งการยกที่ดินให้นอกเหนือจากเจ้าคุณพ่อคือท่านเจ้าคุณทหาร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถาบันฯ ครูบาอาจารย์ในอดีต แม้แต่เซอร์ ไอแซก นิวตัน และผู้ที่ทำให้วิชาแคลคูลัสเจริญงอกงาม เราก็อุทิศบุญไปถึงท่านเพื่อแสดงความกตัญญู ปีนี้เป็นพระเจ้าแสนหลวง เมืองอุบล ปีหน้าว่ากันใหม่ว่าเป็นที่ใด

    ถึงเวลาหรือยังที่เราจะร่วมกันปฏิรูปการศึกษา เพื่ออนาคตประเทศไทยที่แท้จริง ถ้าอยากทราบเราทำอะไรบ้าง ส่งจดหมายมาคุยกันได้ครับ

    ขอผลบุญใหญ่จงถึงแก่ผู้ร่วมบุญสร้างพระเจ้าแสนหลวงทุกรูปทุกนาม

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014
  20. มายศ

    มายศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +581
    ได้จดหมายแผ่นทองชนวน ๔ ฉบับแล้วครับ (ยังไม่ได้เปิดซอง)

    คุณพิชาพรรณ สมุทรปราการ
    คุณบุณณ์รมณ สัมพันธ์เวชกุล ปทุมธานี
    คุณ Lucy2013 เบตง
    คุณวรากร เกิดทรัพย์ กรุงเทพฯ

    ขอผลบุญใหญ่แห่งการสร้างพระเจ้าแสนหลวงจงถึงแก่ท่านทั้งสี่และผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับท่านทั้งสี่ทุกรูปทุกนามเทอญ

    + + + + + + + + + + +

    Facebook: ร่วมสมโภช “พระเจ้าใหญ่แสนหลวง” ที่จุดนัดพบแห่งกัลยาณมิตร เมืองอุบล เร็ว ๆ นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...