ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสิทธิพระที่นั่งมหาบัลลังก์(ปรารถนาเป็นหนึ่งกุณฑธานเถระ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วีรพล EU 7485 4721 4 TH

    พี่พรเทพ EU 7485 4722 8 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    " โชคคือเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น แต่ดวงนั้นไม่เสมอไปมีทั้งดีและเลว "

    พ่ออาจารย์ท่านได้กล่าวถึงเรื่องโชคกับดวงไว้แตกต่างกัน จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเช้า

    วันนี้ก็จะนำมาพูดคุยกันต่อจากเมื่อวานนะครับ เกี่ยวกับเรื่องดวงชะตากับโชคชะตาว่าแตกต่างกันอย่างไร

    เมื่อพูดถึงดวงชะตานั้น พ่ออาจารย์ท่านว่ามันเป็นสิ่งที่มีขึ้นมีลงตามลิขิตดวงดาว เรียกว่าเป็นของไม่แน่นอน ไม่เสมอไป มีได้ทั้งดีทั้งเลว ด้วยว่าดวงชะตานั้นให้ผลโดยตรงกับชีวิตคน ซ้ำการเปลี่ยนแปลงของดวงชะตายังขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวด้วย ที่ว่าไม่แน่นอนนั้นก็คือดวงชะตาแม้นดีwfhก็สามารถกลับเป็นร้ายได้ หรือถ้ามันร้ายก็ย่อมเปลี่ยนแปลงเป็นดีได้เช่นกัน

    จะเห็นว่าดวงนั้นสัมพันธ์กับการกระทำ ไม่แน่นอน มีขึ้นลงและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่ในไสยเวทย์ก็ปรากฏวิชาหนุนดวงอยู่หลายรูปแบบ มีตั้งแต่ระดับสามัญขึ้นไปจนถึงระดับสูงที่ทำให้แม่ทัพนายกอง ทำให้กษัตริย์ บ้างก็ใช้ในศึกสงครามเพื่อชัยชนะ บ้างก็ทำเพื่อความรุ่งโรจน์ ทำเพื่อความเจริญด้วยหน้าที่แลเกียรติยศ

    วิชาหนุนดวงต่างๆนี้แม้ลงและหมั่นสวดมนต์คาถาปฏิบัติตนดำรงค์อยู่ในหนทางแห่งความเจริญ งดเว้นจากความเสื่อม ก็เชื่ออย่างยิ่งว่าแม้ลิขิตดวงดาว อำนาจดวงชะตาถึงจะร้ายอย่างไร ขึ้นลงอย่างไร ก็ยังเปลี่ยนแปลงให้การดำเนินชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆได้ไม่หยุด

    ทีนี้ก็จะมากล่าวถึงเรื่องโชคชะตากันบ้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าขึ้นชื่อว่าโชคแล้วนั้นย่อมมีแต่ดีทั้งหมด ไม่มีเรื่องเลวร้ายเลย เพราะโชคจริงๆแล้วก็คือสิ่งที่ดีงาม เป็นจังหวะ และโอกาสที่เลอค่า หากเรียกว่าโชคร้ายคนมักจะไปนิยามเป็นคำว่าเคราะห์หรือซวยกันมากกว่า แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงโชคแล้วชนทั้งหลายย่อมคิดถึงแต่ความสุข

    ในเรื่องของโชคนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่ามันแตกต่างจากดวง ด้วยโชคนี้เมื่อมันเกิดขึ้นสม่ำเสมอ นั่นหมายถึงบุคคลนั้นได้รับสิ่งที่ดี เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจและไม่คาดฝันอย่างสม่ำเสมอ คนที่โชคดีกับดวงดีนี้ต่างกันอยู่มากเพราะจะดวงดีอย่างไรก็ยังสัมพันธ์กับการกระทำที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงดวงนั้นได้ตลอด แต่หากโชคดีแล้ว นั่นคือลาภผลที่ยิ่งใหญ่

    หลายคนมักนำเรื่องของโชคและดวงมารวมกัน พ่ออาจารย์ท่านว่ามันคนละส่วนกัน บางทีคนที่ดวงดีชีวิตเขาอาจจะไม่มีโชคเลยก็เป็นได้ ในขณะเดียวกันคนที่ดวงไม่ดีแต่มีโชคลาภไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอๆนั้นล้วนเป็นที่อิจฉาของคนที่ดวงดีหลายๆคนได้เช่นกัน

    เช่นเดียวกับดวงชะตา ไสยศาสตร์นั้นก็มีวิชาที่ช่วยให้เกิดโชคลาภในชีวิต แม้ในคนที่ไม่มีบุญวาสนาด้านนี้ก็จะประสบพบเจอความสุข หรือสิ่งที่เรียกว่าโชคในจังหวะ โอกาส และเวลาที่ไม่คาดฝันนั้นถี่ขึ้นและบ่อยขึ้นเช่นกัน

    ดังนั้นจึงต้องแยกกันให้ออกระหว่างเรื่องโชคกับดวงชะตา เพราะ" โชคคือเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น แต่ดวงนั้นไม่เสมอไปมีทั้งดีและเลว "


    * ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ดวงดีเสมอไป และจะทำอย่างไรให้มีโชคลาภเข้ามาไม่หยุด หลายๆคนถามว่าจะทำอย่างไรจะใช้อะไรกันดี ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ

    72645_full.png
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2018
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ธีธัช EU 7488 4318 5 TH

    พี่นวรัตน์ EU 7488 4319 4 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EU 7488 4320 3 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ปอบ(2)

    เกี่ยวกับเรื่องอสุรกายภูติผี แม้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแต่ก็ยังมีคนโดนเล่นงานกันอยู่เนืองๆ ตั้งแต่หลอกหลอนให้ตกใจกลัวจนถึงปองร้ายและทำร้ายถึงแก่ชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และหลายๆคนก็คิดว่าเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ เพ้อเจ้อ ด้วยเหตุทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเพราะว่าเขายังไม่เจอกับตัวเอง

    ก็เป็นประสบการณ์เรื่องผีปอบจากพี่คนเดิมที่มาเล่าต่อให้ฟัง ซึ่งภรรยาของพี่ท่านนี้ปลอดภัยดี เลยเอาที่เค้าเล่ามาลงให้อ่านกันเป็นอุทาหรณ์ไว้ ว่าของแบบนี้ยังมีอยู่ จะได้ระวังภัยในสิ่งที่มองไม่เห็นและอย่ารอให้มันเกิดขึ้นกับตัวเอง


    เรื่องปอบ วันอังคารที่ผ่านมาไปเล่นงานแฟนของน้องที่ทำงานเดียวกัน แกท้องได้2เดือนกว่าส่งโรงบาลอำเภอแล้วไปจังหวัดต่อ คนนี้หน้าตาเนื้อตัวเขียวคล้ำไปหมด ตาลอย ไปถึงหมอปรากฏว่ามดลูกแตกได้เอาเด็กออกและตัดมดลูกทิ้งโชคดีที่ช่วยแม่ไว้ทัน ก่อนเป็นแกฝันว่าได้สู้กับหมาดำใหญ่ อุทาหรณ์สำหรับหรับคนท้องครับ
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    หลายคนที่รอตะกรุดมหาสะท้อนก็สั่งและถามกันเข้ามาอยู่เรื่อยๆจะให้เก็บไว้ให้ ถามว่าปีนี้มีออกตะกรุดมหาสะท้อนมั๊ย ซึ่งปีนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ได้ทำไว้ในรูปแบบตะกรุด จะอย่างไรต้องมาติดตามพูดคุยกันอีกที แต่รับรองว่าอาถรรพ์รุนแรงมากกว่าที่เคยเป็นประเภทตะกรุดแน่นอน ติดตามกันดีๆ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่งems
    พี่ภพพิสิษฐ์ EU 7485 5021 3 TH

    พี่ศิระ EU 7485 5022 7 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเย็น
    เกี่ยวกับปัญหาในบางเรื่อง แม้สิบปากพูดก็ไม่สนใจเท่าเจอกับตัวเอง ก็จะมาเล่าประสบการณ์ที่พี่ท่านนึงแจ้งไว้เกี่ยวกับประสบการณ์หลังจากได้ตะกรุดอริยทรัพย์มหาบุรุษสืบสกุไปบูชา

    พี่ท่านนี้เปิดกิจการแต่ประสบภาวะหาเงินลำบาก อับจนหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองยิ่งพยายามถึงยิ่งเหนื่อยไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย จึงตัดสินใจบูชาตะกรุดและเมื่อได้รับมาแล้วก็ขอบารมีครูเฒ่ามีหลวงปู่ยิ้มวัดหนองบัวเป็นที่สุด อาราธนาตะกรุดไว้ข้างๆหัวนอนขอให้ครูท่านมาเตือนมาบอกกล่าวว่าชีวิตต่อไปนี้จะทำมาหากินอะไรดี หรือจะแก้ไขปัญหากิจการทรุดโทรมนี้อย่างไร เพราะที่ผ่านมายิ่งแก้ยิ่งยุ่ง แก้ยังไงก็ไม่ขึ้น

    หลังจากนอนแล้วก็ได้ฝันเห็นสถานที่ซึ่งมั่นใจว่าคือบ้านตัวเอง แต่อยู่ในสภาพเป็นซากปรักหักพังเป็นตออิฐมีเหล็กเส้นโผล่เหมือนบ้านโดนทุบ และในบริเวณนั้นอยู่ดีๆก็มีบุรุษผู้ชายหน้าตางดงามคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ แต่บุรุษคนนี้แต่งตัวแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเพราะเค้าแต่งชุดขุนนางจีน มีหมวกขุนนางจีนเครื่องแต่งกายเป็นสีแดงตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่หมวกขุนนางก็ยังเป็นสีแดง

    พอเห็นเช่นนั้นพี่เค้าว่าผมไม่รู้นะแต่อยู่ดีๆขาผมก็เดินตามคนประหลาดคนนี้ไปซึ่งเขาเดินเข้าไปในบ้านผม ที่จริงมันเรียกว่าบ้านไม่ได้ต้องเรียกว่าซากอิฐมากกว่า ระหว่างเดินตามเขาไปนั้นก็เดินผ่านคนสองคนเป็นหนึ่งหญิงหนึ่งชายแต่ว่ากลับไม่มีใครมองเห็นคนประหลาดคนนี้ เค้าเห็นแต่เรา เราก็เดินๆตามเค้าไปจนถึงช่องบันไดเล็กๆแปลกๆที่เค้ามุดไปเราสงสัยจึงมุดตามเข้าไป พี่เค้าว่าพอออกจากช่องบันไดอยู่ดีๆก็มาโผล่ในห้องที่มีเก้าอี้หันหน้าชนกันห้องหนึ่ง

    พี่เค้าว่าเหมือนหลุดออกมาคนละมิติ พอถึงห้องนี้ชายตรงหน้าก็ถอดหมวกกับชุดขุนนางแขวนไว้แล้วหันกลับมานั่งชวนเราพูดคุย โดยบอกว่าตนเองเป็นภูมิเทวดา เป็นเจ้าที่หรือพระภูมิใหญ่บริเวณนี้ แต่ไม่ได้ลงมาดูหรือสนใจจะลงมารับฟังปัญหาอะไรมาก นานๆถึงจะมาดูซักครั้ง พอมาดูก็เห็นธุระและเรื่องเดือดร้อนต่างๆที่ตัวพี่ท่านนี้อธิษฐานไว้มากมาย

    แล้วหลังจากนั้นท่านก็พูดมาแต่สาระสำคัญที่คาใจเรามานานว่าทำไมกิจการที่บ้านถึงยิ่งตกต่ำลง ท่านว่าที่ในบริเวณนี้ไม่สมควรประกอบกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น หากเป็นไปได้ก็ให้ออกไปหาที่ทำมาหากินแห่งใหม่เสีย ตรงศาลตี่จู่เอี๊ยะก็ดี ศาลนี้เปลี่ยนมาสามครั้ง ยิ่งเปลี่ยนยิ่งเล็กลง ทั้งสกปรกทรุดโทรมเอาจริงๆท่านว่าท่านไม่เคยเข้าไปอยู่ซักครั้งเดียว ไหนจะเรื่องหนูและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลายที่เราไปวางยาดักไว้นั่นอีก สัตว์เหล่านี้เวลามันตายมันก็มักจะวิ่งเข้ามาตายเฉพาะข้างในศาลตี่จู่เอี๊ยะอยู่ทุกครั้งไป ท่านว่าท่านอยู่ไม่ได้มันสกปรก และให้สังเกตุไว้ว่าเวลามีหนูตายอยู่ในศาลสถานการณ์ในบ้านจะร้อนเป็นไฟ

    พี่เค้าว่าพอคุยเสร็จเท่านี้ก็สะดุ้งตื่นตีห้ากว่าๆพอดี เลยรีบเดินไปหาคุณแม่เพื่อปลุกมาสอบถามว่าบ้านเราเคยเปลี่ยนตี่จู่เอี๊ยะมาสามครั้งจริงมั๊ย ซึ่งแม่ก็ตอบว่าจริง แล้วก็ถามเรื่องหนู แม่ก็รับว่าเวลาวางยาหรือดักหนูจะดักตรงตี่จู่เอี๊ยะ มันจะวิ่งไปตายในศาลทุกครั้งจริงๆ เท่านี้พี่เค้าก็เลยเล่าความฝันให้แม่ฟัง ซึ่งแม่ก้บอกว่าไม่รู้จะหาศาลใหญ่จากไหนร้านแถวนี้มีแต่ขนาดเล็ก ยิ่งซื้อยิ่งเล็กลง

    แม่ดูตกใจมาก แล้วก็มาคิดกันว่าจะทำอย่างไร เพราะจะให้ย้ายกิจการกระทันหันต่อให้เป็นเทวดามาบอกก็ทำไม่ได้แน่นอน แต่อย่างน้อยก็รู้วิธีที่จะทำให้พระภูมิใหญ่พอใจ ทำให้ท่านมาท่านอยู่ในศาลและทำกิจกรรมได้อย่างที่ควรจะเป็น พี่เค้าบอกว่าผมตัดสินใจเปลี่ยนตี่จู่เอี๊ยะใหม่ทันที เลือกเอาศาลใหญ่ๆและซื้ององค์ท่านมาวางด้วย ให้ซินแสมาตั้งให้ถูกตามพิธีกรรม ตรงนี้เหลือแค่ดูแลเรื่องความสะอาดและเปลี่ยนที่ดักหนูไปตรงหน้าบ้านแทนไม่ให้สัตว์ใดๆมารบกวนตรงจุดนี้ พี่เค้าว่าหลังจากแก้ให้มันตรงจุด ทุกอย่างมันดีขึ้นทันตาเห็นจริงๆพี่เค้าว่าขอท่านให้กิจการดีๆเป็นทุนไปเปิดที่ใหม่ ไปตั้งตัวใหม่ตามการเตือนของท่าน พร้อมทั้งฝากขอบคุณพ่ออาจารยรวมไปถึงบารมีหลวงปู่เฒ่ายิ้มที่เมตตาสงเคราะห์ให้รู้เรื่องรู้ปัญหาที่สิบปีก็แก้ไม่ตกนี่ด้วย


    * ก็เป็นประสบการณ์ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ที่จริงบารมีหลวงปู่เฒ่ายิ้มในสายเครื่องมงคลพ่ออาจารย์ในรุ่นที่ใช้วิชาของท่านทำนั้น มีหลายๆคนเล่าว่าเจอหลวงปู่ยิ้มในหลายๆสถานการณ์ต่างๆกันไป ถึงกับมาเล่าว่าท่านปรากฏสังขารให้เห็นและสัมผัสจับต้องร่างกายกันมาแล้วก็มี แต่อะไรที่มันเหนือธรรมชาติมากไป กับอมตะเถระที่อยู่เหนือกาลเวลาเช่นหลวงปู่เฒ่ายิ้มด้วยก็เป็นเรื่องยากที่จะพูด ดังนั้นก็จะเล่าเฉพาะในส่วนที่พอจะเล่าได้นะครับ

    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2018
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ใครที่รอสายมหาสะท้อน หรือถามหาท้าวเวสของพ่ออาจารย์ท่าน ช่วงนี้ติดตามกันดีๆเพราะมีรายการที่สร้างยากและน่าจะโดนใจใครหลายๆคนเป็นอย่างมาก ถึงไม่ใช่ท้าวเวสแต่ก็แรงไม่แพ้กัน ...เรียกได้ว่าเหมาะแก่ยุคสมัย ใครที่ชอบของแรงหรือสายโหดไม่ควรพลาด
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พญายมราช

    ท้าวพญายมราชหรือพระยม ในเทวตำนานยุคต้นว่าท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณคือพระยม เป็นองค์เดียวกัน มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวรกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์(บ่วงบาศก์ที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤิทธิ์มากทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ มีบริวารคือ ยมฑูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก

    ซึ่งบริวารท้าวพญายมราชที่คนไทยรู้จักดีมีด้วยกัน ๒ องค์ ได้แก่ พระกาฬไชยศรี และ เจ้าพ่อเจตตคุปต์ ซึ่งมีรูปเคารพอยู่ที่ศาลหลักเมือง ทำหน้าที่จดชื่อและจับวิญญาณชั่วร้ายที่จะมารบกวนบ้านเมือง

    ท้าวพญายมราชเป็นเทวดาที่มีการกล่าวถึงในตำนานของทุกชาติพันธุ์ภาษา ของทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ต่างกันเพียงการเรียกนามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาษาเท่านั้น ส่วนหน้าที่และอำนาจนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ตำนานลัทธิข้างจีนฝ่าย มหาญาน กล่าวว่า พญายมเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง

    ตำนานท้าวพญายมราช มีการกล่าวถึงกำเนิดไว้หลากหลาย อาจเป็นเพราะพญายมเป็นตำแหน่งเทวราชผู้ปกครองยมโลก มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามมติของเทวสภา หรือบารมีที่สั่งสมมาอย่างเหมาะสมทำให้ไปเกิดเป็นท้าวพญายมราช จากเทวตำนานในยุคต้นที่กล่าวว่าท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณคือพระยม

    ด้วยในยุคต้นที่ยังไม่มีวิญญาณใดที่เหมาะสม ท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณคือท้าววิรุฬหก ทรงต้องรับภาระในตำแหน่งพญายม หรือพระยม ซึ่งก็มีตำนานได้กล่าวไว้ว่า บริวารของพญายมคือ ยมฑูต ก็คือกุมภัณฑ์พวกหนึ่งนั่นเอง แต่เมื่อมีมนุษย์มากขึ้น มีการสั่งสมบารมีหรือมีความเหมาะสมย่อมได้รับการสถาปนาให้ดำรงตำแหน่ง

    ท้าวพญายมราชองค์ปัจจุบันในอดีตชาติก่อนที่ท่านจะได้รับสถาปนาเป็นท้าวพญายมราชนั้น ท่านเป็นมนุษย์ในครั้งก่อนพุทธกาล ในยุคที่ยังมนุษย์อยู่กันเป็นชุมชนยังไม่ใหญ่นัก ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าชุมชนในหมู่บ้านเป็นผู้มีวิชาความรู้ เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในชุมชนหมู่บ้านท่านเป็นผู้นำปราบปรามแก้ไขและต้องตัดสินพิพากษา

    ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายในหมู่บ้านที่ท่านดูแลอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นผู้กระทำด้วยเกรงกลัวความผิด เพราะโทษนั้นหนักถึงกับต้องประหารให้ตายตกตามกันคือชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านในฐานะผู้ปกครองดูแลเมื่อสอบสวนแล้วไม่มีผู้ยอมรับผิด จึงได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเสกแป้งฝุ่นแล้วซัดออกไปก็จะปรากฎรอยเท้า ผู้กระทำผิด

    เมื่อตามรอยเท้านั้นไปปรากฎว่าผู้เป็นเจ้าของรอยเท้านั้นคือพ่อบังเกิดเกล้าของท่านเอง ท่านมีความเสียใจเป็นอย่างมากไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมอย่างที่สุดจึงได้ตัดสินให้ประหารพ่อ ของท่านเอง แล้วก็ออกจากหมู่บ้านเร่ร่อนไปจนท่านเสียชีวิตเพียงลำพัง เป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านมีความเที่ยงธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้

    เพราะหากท่านไม่บอกแก่ใครย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ อีกทั้งท่านก็ยังได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมีความสุขสบายไม่ต้องลำบากเร่ร่อนไปอย่างเดียวดาย เมื่อท่านได้เสียชีวิตดวงวิญญาณของท่านเป็นที่ยกย่องในเรื่องความเที่ยงธรรม เทวดาทั้งหลายจึงแสดงฉันทามติสถาปนาท่านให้ดำรงตำแหน่งท้าวพญายมราช

    องค์พญายมราชจะมีผู้ช่วยสำคัญในการไปนำดวงวิญญาณ ของสัตว์โลกมาสู่แดนปรโลก หรือแดนยมโลกคือองค์เจ้าพ่อพระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อพระกาฬชัยศรีนี้มีรูปปั้นอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง กรุงเทพมหานคร มีเทวะลักษณะเป็นเทพยดาที่สี่กร กรหนึ่งถือดวงไฟหมายถึงดวงวิญญาณ กรหนึ่งถือบ่วงบาศเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการใช้จับดวงวิญญาณทั้งปวง ขี่นกเค้าแมวเป็นพาหนะ

    พระองค์เป็นบริวารของพญายมราชทำหน้าที่เก็บดวงวิญญาณต่างๆ บ้านไหนที่จะมีคนตาย พระองค์จะทรงใช้นกแสกบ้าง นกเค้าแมวบ้าง ไปเกาะลังคาบ้านร้องเตือนให้ทราบล่วงหน้า หรือบันดาลนิมิตดีร้ายให้ทราบ หากผู้นั้นมีปัญญาจะได้รีบขวนขวายทำบุญก่อนจะหมดโอกาสในโลก

    นอกจากนี้พระองค์ยังมีบริวารเรียกว่าเหล่ายมฑูต ทำหน้าที่ไปเก็บดวงวิญญาณต่างๆให้พระองค์อีกทีหนึ่งด้วย ซึ่งเราชาวโลกจะเรียกท่านว่า พญามัจจุราชนั่นเองนอกจากนี้องค์พญายมราชยังมีบริวารที่ทำหน้าที่บันทึกการกระทำความดีความชั่ว เรียกว่าสุวัณ และสุวาณ

    สุวัณนั้นทำหน้าที่จดการกระทำความดีของผู้ที่กระทำความดีตั้งอยู่ในศีลในธรรม การจดนั้นท่านใส่สมุดทองคำ ยามรายงานองค์พญายมราชเสร็จเรียบร้อยจะทำการยกขึ้นจบเหนือหัวเป็นการ อนุโมทนา ส่วนสุวาณทำหน้าที่จดการกระทำของคนชั่วประพฤติบาปไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม การจดก็จดใส่สมุดหนังหมา เป็นการคาดโทษเอาไว้

    ในพระไตรปิฏกกล่าวว่าองค์พญายมราชนั้นเมื่อได้ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบันนั่นเป็นเบื้องต้น ครูบาอาจารย์ที่ถอดจิตได้อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวว่าองค์พญายมราชนั้นปัจจุบันท่านมีภูมิธรรมชั้นพระอนาคามี เป็นภูมิพรหม ดำรงตำแหน่งการพิพากษาตัดสินดวงวิญญาณในแดนยมโลกอย่างยุติธรรม ประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    คือดวงวิญญาณแต่ละดวงที่ตกมายังยมโลกนั้น พระองค์จะไต่ถามด้วยความเมตตาว่าระลึกถึงบุญอันใดได้บ้าง หากดวงวิญญาณนั้นๆระลึกได้แม้สักอย่างท่านจะอนุโมทนาและให้ไปรับส่วนบุญนั้นๆ หากดวงวิญญาณไม่อาจระลึกถึงคุณงามความดีใดๆได้เลยท่านก็ทรงจิตไว้เป็นอุเบกขา ว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ท่านก็จัดส่งไปลงโทษตามควรแก่ฐานานุโทษของสัตว์นั้นๆ

    ในด้านของไสยศาสตร์นั้น พระยายมราช นับเป็นเทวะราชาพระองค์หนึ่งที่มีเทพอาวุธอันทรงอานุภาพเปรียบได้กับอาวุธปรมาณู ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูงสุดเป็นที่เกรงกลัวของทั้งสามภพ

    นัยนาวุธของพระยายมหรือนัยน์ตาของท้าวพยายมนั้นมีอานุภาพมาก หากพวกกุมภัณฑ์จำนวนหลายพันเป็นอันมากถ้าพระยายมพิโรธแล้วสักว่ามองดูด้วยนัยนาวุธ กุมภัณฑ์หลายพันก็จะลุกเป็นไฟพินาศดุจหญ้าและใบไม้บนกระเบื้องร้อนฉะนั้นนัยน์ตาของพระยมหรือนัยนาวุธถือเป็นของที่มีอานุภาพสามารถทำลายล้างสารพัดสรรพสิ่งได้เป็นจุณมหาจุณ เป็นที่เกรงกลัวของภูติผีปีศาจอย่างยิ่ง

    ด้านอานิสงค์ของการบูชานับถือพญายมราชนั้น เชื่อกันว่าภูติผีปีศาจไม่กล้าระราน ผู้นั้นจะมีตบะบารมีที่น่าเกรงขาม ใครคิดร้ายด้วยทุจริตมิชอบอิจฉาตาร้อน จะแพ้ภัยด้วยตัวเขาเอง นอกจากนี้หากหมั่นบูชาพระองค์ท่านเสมอๆท่านว่าจะห่างไกลจากความป่วยไข้มี อายุยืนนาน หากรับราชการหรือทำมาค้าขายด้วยความซื่อตรงก็จะบังเกิดความเจริญมีความสุขใน ชีวิตยิ่งๆขึ้นไป

    image.jpg
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ติดตาม...เครื่องมงคลในสายบารมีท้าวพญายมราชกันนะครับ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นเดียวและครั้งเดียวแบบทิ้งทวนและเป็นเอกลักษณ์ของพ่ออาจารย์มากๆ กับการสร้างเครื่องมงคลสายยมเทพที่มีความรุนแรงยิ่งกว่ามนต์พระกาฬหรือวิชามหาสะท้อนใดๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2018
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเย็น

    มีจองล่วงหน้ากันหลายท่านโดยที่ยังไม่เห็นอะไรเลยก็ใจเย็นไว้ก่อนนะครับ รอบเย็นนี้ก้จะมาพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับวิชาหนึ่งในหลายๆวิชาที่เป็นส่วนประกอบแบบลงตัวซึ่งพ่ออาจารย์ท่านใช้ลงในพญายมราชของท่าน นั่นก็คือวิชาลอยเคราะห์ที่ครั้งหนึ่งพ่ออาจารย์ท่านเคยลงตะกรุดฝังไว้ในพญางั่งนั่งแพะนั่นเอง

    ดังนั้นก็เลยจะถือโอกาสยกส่วนหนึ่งของวิชาลอยเคราะห์ที่นานๆครั้งพ่ออาจารย์ท่านจะทำให้ได้ใช้กัน ยิ่งมาอยู่ในรูปยมเทพผู้เป็นพรหมอนาคามียิ่งมีอานุภาพอันหาประมาณมิได้ จะเรียกว่าพิเศษกว่าปกติก็ได้จะอย่างไรอันนี้ต้องรอติดตามกัน แต่วันนี้ให้อ่านกันเพียงคร่าวๆก่อนเท่านั้น

    วิชาลอยเคราะห์นั้นเป็นวิชาชั้นสูงที่ท่านต้องลงเสกเก็บไว้เมื่อถึงกาลถึงวาระจริงๆเท่านั้นจึงจะใช้ เป็นของที่มีอานุภาพมาก ท่านว่าความหมายมันก็ตรงตัว คือลอยอยู่เหนือเคราะห์กรรม คล้ายๆกับการตกตะกอนของน้ำ เคราะห์กรรมอยู่ส่วนหนึ่ง น้ำอยู่ส่วนหนึ่ง ลอยแยกจากกัน เคราะห์กรรมนั้นมิได้หายหากแต่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรา ดุจดั่งว่าเวทย์วิชานี้คือกำแพงที่ขวางกั้นน้ำกับตะกอนเช่นนั้น ที่ว่าสร้างยากนั้นก็เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม

    แต่ตอนลงวิชานั้น ท่านไม่ได้ลงเฉพาะวิชาลอยเคราะห์ ท่านเพิ่มในส่วนของไสยเวทย์เข้าไปด้วย ท่านว่ากลืนกันทั้งพุทธทั้งไสย วิชาที่เพิ่มเข้าไปนี้แต่เดิมเป็นวิชาของพราหมณ์ในยุคทมิฬโบราณ วิชานี้แม้บ้านเมืองที่ล่มจมก็กู้ขึ้นมาได้ ช่วยเร่งผลิดอกออกผลให้เจริญรุ่งเรือง ลบล้างคำสาปคำสาบานอันติดเนื้อต้องตัวมาแต่อดีตชาติ

    คำสาปคำสาบานอันเราได้ล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด ในชีวิตหนึ่งๆของสัตว์โลกที่วนเวียนอยู่ในสงสารวัฏนี้ ท่านว่าเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราสั่งสมสิ่งเหล่านี้มามากมายเพียงไหน จะรุ่งโรจน์มันก็รุ่งไม่ได้เพราะติดทั้งกรรมทั้งคำสาปแช่งต่างๆมากมายที่ประเดประดังกันเข้ามา...

    ...วิชานี้ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงการลอยบาปลอยเคราห์กรรม ลบล้างคำสาปคำสาบานอาฆาตมาตรร้ายต่างๆเท่านั้น แต่ยังกันและแก้ได้สารพัดด้วย เป็นทั้งมหากันในตัวเอง ไม่ให้มีสิ่งอุบาทว์จัญไรใดมาย่ำยีบีฑา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ กันทั้งคุณไสยอวิชชา กันไว้ดุจเกราะเพชรปกป้องตนเองเช่นนั้น

    ท่านว่ากันไว้นี่แหละดี คนเราถ้าเจออุปสรรคไม่มีอะไรมากันเอาไว้มันเจริญยาก ซ้ำยังแก้ แก้ที่ว่านี้คือแก้ไขพฤติการณ์ของเจ้าของให้มีความเห็นถูก แก้ในโรคร้ายสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตกต้องชะตาของผู้บูชาอยู่ แก้สิ่งที่จองจำชีวิตเราไว้เดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ท่านว่ารู้เองเห็นเอง สิ่งพวกนี้หายหมด ใครที่ทำอะไรไม่เจริญ หาเช้ากินค่ำ หรืออยากประสบความสำเร็จ ด้วยเกรงว่าจะติดเวรกรรมคำสาปสรรค์ใดๆ ท่านว่าเลิกคิดไปได้เลย เราทำไว้ให้ดีแล้วให้เจ้าของและผู้ที่คู่ควรเขามาเอาไปใช้บูชา

    * คร่าวๆไว้เพียงเท่านี้ก่อนพรุ่งนี้ห้ามพลาดกันนะครับ

    image.jpg
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อผลาญลิขิตฟ้าปกาศิตยมราชธรรมเทพพิพากษา( ตะกรุดทัณฑ์สวรรค์โองการพระยม,หุ่นแพะล้างบาปรับกรรม)

    เหรียญผลาญลิขิตฟ้า คือมงคลวัตถุที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจสร้างเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการดับล้าง ทำลายโซ่ตรวนและชะตากรรมที่ถูกกำหนดหรือจารึกไว้ ซึ่งไม่อาจบิดเบือนหรือแก้ไขได้ และอีกนัยน์หนึ่งก็คือการก้าวข้ามบุญวาสนาแต่กาลก่อนที่ส่งผลสนองจองจำให้เราไม่อาจก้าวหน้าหาความเจริญในชะตาชีวิตได้

    ในอนันตจักรวาลนั้นมีภพย่อยมากมาย แต่ก็ปรากฏภูมิใหญ่ๆทั้งหมดเพียงสามภูมิเท่านั้นหรือที่เราเรียกกันว่าไตรภูมินั่นเอง หากไม่นับรวมพื้นโลกที่เราอาศัยอยู่หรือสวรรค์แล้ว นรกก็นับได้ว่าเป็นดินแดนอันลึกลับและไม่มีใครอยากเฉียดกรายเข้าใกล้มากที่สุด ถึงกระนั้นนรกภูมิก็ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์โลกผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้ ด้วยเมื่อถึงกาลกิริยาจำเป็นต้องไปรับคำพิพากษาจากพญามัจจุราชเสียทั้งสิ้น

    มหาพรหมอนาคามีผู้เป็นนายเหนือหัวแห่งนรกภูมิ มีวิมานอันอยู่ในภูมินรกปกครองทวยเทพทั้งหลายที่มาทำหน้าที่ต่างๆในภูมินั้นรวมไปถึงสัตว์นรกทั้งปวง เราจะรู้จกกันดีในนามของยมเทพหรือจะเรียกว่าพระธรรมราชบ้าง แลธรรมเทพก็ดี เมื่อพ่ออาจารย์ท่านจะสร้างเครื่องมงคลที่ให้ผลเหนือกรรมลิขิตแลสัมพันธ์กับโชคและดวงนั้น โดยฉันทามติแห่งครูเฒ่าและองค์เทพทั้งหลายไม่ว่าจะทิพย์กายและอสุรกายก็ดี ต่างพร้อมใจกันอนุญาติและอัญเชิญพระธรรมบดียมราชให้มาแผ่บารมีคุ้มเกรงผู้เคารพศรัทธาโดยมติพ่อแม่ครูอาจารย์เหนือหัว

    พระธรรมบดียมราชเจ้าแห่งนรกภูมินั้น เมื่อในสมัยพุทธกาลได้มีโอกาสฟังเทศน์จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็มีดวงตาเห็นธรรมบรรลุพระโสดาบัน ในกาลต่อมาก็ถึงซึ่งภูมิธรรมชั้นพระอนาคามี เป็นภูมิพรหมสุทธาวาสกล่าวได้ว่ามีทั้งวิมานอยู่ในปัญจสุทธาวาสมหาพรหมแลเมื่อจะเสด็จออกพิพากษาดวงวิญญาณทั้งหลายก็จะปรากฏองค์อยู่ในวิมานแดนนรกภูมิ

    พ่ออาจารย์ท่านว่าหลายๆคนมักจะคิดว่าพญายมท่านน่ากลัว แต่ข้อเท็จจริงแล้วท่านเป็นท้าวมหาพรหมลำดับสูงสุดในรูปพรหม ดังนั้นคนทั้งหลายจึงมักเห็นท่านตามแต่ตะกอนจิตใจจะปรุงแต่ง หากเป็นคนบาปทุจริตก็จะเห็นรูปกายท่านดูน่าสยดสยองแลหวาดกลัว แต่หากตั้งมั่นในธรรมสุจริตก็จะพบกับรูปกายที่สวยงามเกินเทวราชและเหล่าพรหมทั้งหลาย อันท้าวพญายมราชนั้นท่านดำรงตำแหน่งคอยพิพากษาตัดสินดวงวิญญาณในแดนยมโลกอย่างยุติธรรม ประกอบด้วยจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมกับคณะผู้ช่วยของท่าน ผู้ช่วยของพระยมนอกจากคณะยมฑูตกับนายนิรยบาล สุวัน สุวานแล้วยังมี พระจิตตคุปต์ และพระกาฬไชยศรี เป็นต้น

    ด้วยมติแห่งครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ พ่ออาจารย์ท่านว่าผู้ใดก็ดี ที่จะได้พบ ได้เข้าเฝ้าพระธรรมบดียมราชนั้นล้วนแต่เป็นผู้ตกตายรอการเกิดใหม่ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงถือคติแห่งพระเวทย์ว่าเมื่อเราสร้างพระยมนี้ แม้ใครสักการะบูชาก็เท่ากับว่าเขาได้พบกับองค์ยมราชแล้ว ชีวิตนั้นถือว่าได้กำเนิดใหม่ ได้เกิดในรูปใหม่ พ้นจากสภาวะเดิมแล้ว หลุดพ้นจากกงล้อกรรมและลิขิตฟ้าที่จองจำพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนทั้งหลาย พ้นจากโรคร้ายแลมีอายุยืนนานสืบไป

    โดยปกติแล้วอานิสงค์ของการบูชานับถือพระยมนั้นเชื่อกันว่าภูติผีปีศาจไม่กล้าระราน คนผู้นั้นจะมีตบะบารมีที่น่าเกรงขาม ผู้ที่คิดร้ายด้วยทุจริตมิชอบอิจฉาตาร้อนจะแพ้ภัยตัวเอง นอกจากนี้หากหมั่นบูชาพระองค์ท่านเสมอๆ ท่านว่าจะห่างไกลจากความป่วยไข้ มีอายุยืนนาน หากรับราชการหรือทำมาค้าขายด้วยความซื่อตรงก็จะบังเกิดความเจริญมีความสุขในชีวิตยิ่งๆขึ้นไปแต่สิ่งที่สำคัญนอกจากนั้น พ่ออาจารย์ท่านก่อนจะนำธาตุกายสิทธิ์ทั้งหลายมาเทด้วยไฟพิธีนั้น ท่านได้หล่อหลอมธาตุนำมาลงกำกับด้วยหัวใจยมราชเสียคำรบหนึ่ง ก่อนจะล้อมด้วยวิชายมบาลใจอ่อนแม้กระทั่งตอนเทเครื่องมงคลนั้นท่านก็เดินคาถายมบาลใจอ่อนอยู่ตลอดเวลา

    วิชายมบาลใจอ่อนเมื่อนำมาใช้กำกับในการสร้างพระธรรมบดียมราชนั้น ท่านว่าโดยปกติแล้ววิชานี้ แม้ยมบาลผู้รักษากฏเหล็กดำรงค์อยู่ในสุจริตเที่ยงตรงไม่โอนอ่อนผ่อนตามผู้ใด ไม่มีสิ่งใดทำให้ท่านเอนเอียงได้ ก็ยังต้องผ่อนปรนยอมให้กับเรา จึงเป็นที่สุดแห่งวิชามหาเสน่ห์ที่พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจลงกำกับทำอาถรรพ์ไว้กับรูปพระยม * พ่ออาจารย์ท่านว่าพระยมนี้ แตกต่างจากเทพองค์อื่น ด้วยปกติท่านจะสัตย์ซื่อ ใจแข็ง แต่เราใช้คติพระเวทย์และมายาศาสตร์สร้างรูปเคารพท่านด้วยวิชายมบาลใจอ่อน นั่นก็เพื่อให้ท่านโอนอ่อนตามใจและให้พรทุกประการดั่งใจผู้บูชาปรารถนา อันพรของพระธรรมบดียมราชนายเหนือหัวแห่งนรกภูมินั้น ถือได้ว่าเป็นพรวิเศษด้วยเรากำกับเวทย์ยมบาลใจอ่อนไว้ถ้าไม่ขอสิ่งใดที่หนักปากและยากเกินกว่าจะเป็นไปได้แล้วสิ่งนั้นย่อมสำเร็จโดยพลัน ด้วยพระยมท่านถือสัจจะยิ่งชีพ ไม่ใช่เพียงแต่ยกมือให้พรไปเรื่อย แต่หากให้พรผู้ใดแล้วท่านจะติดตามงานของท่านเสมอจนประสบความสำเร็จ แม้จะต้องแหกกฏเหล็ก ฝืนลิขิตฟ้าแลกฏแห่งกรรมก็ตาม แต่หากพระองค์เผลอให้พรผู้ใดแล้วก็จำต้องช่วยเหลือให้ได้ดั่งในกรณีคืนชีวิตให้พระสัตยวานที่ถึงกาลสิ้นอายุขัยนั่นเอง

    พ่ออาจารย์ท่านสร้างพระธรรมบดียมราชไว้ด้วยศิลป์แบบไทยโบราณโดยประทับนั่งทรงไม้เท้ายมทัณฑ์ที่จะใช้ลงโทษทุกสรรพชีวิตอันจะคิดร้ายและจ้องทำลายผู้ศรัทธา อีกพระหัตถ์หนึ่งทรงไว้ซึ่งนิ้วดัชนีหรือชี้นิ้วเพชรพิพากษาสิ่งต่างๆให้เป็นไป นิ้วเพชรปกาศิตนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเวลาเราเอาไปบูชาจะขอพรอธิษฐานอะไร ให้จรดนิ้วเพชรนี้ไว้บริเวณหน้าผากของตนแล้วอธิษฐานใจตามปรารถนาเถิด พระองค์จะช่วยให้กาลทุกสิ่งที่เดือดร้อนคลี่คลาย พร้อมกับเติมเต็มความสุขให้ถึงพร้อม ท่านว่าอยากจะขออะไรก็ให้คิดให้ดี อย่าไปขออะไรที่ไม่มีวันเกิดขึ้นหรือเป็นไปได้ก็พอ

    ด้านหลังองค์พระนั้น พ่ออาจารย์ท่านอุดมวลสารและกายสิทธิ์สำคัญดังนี้
    - หุ่นแพะลอยเคราะห์ล้างบาปรับกรรม วิชาแพะพ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญนัก เพราะมันเป็นตัวรับเคราะห์กรรมแทนเจ้าของ แพะของท่านนั้นมันกินบาปเคราะห์เป็นอาหาร ซ้ำยังเป็นแพะตัวผู้ตัวจ่าฝูงที่เป็นเอกด้านเสน่ห์มหานิยม ดั่งที่ว่าตัวผู้จ่าฝูงตัวเดียวได้ตัวเมียทั้งฝูง แพะนี้ท่านทำเพื่อให้คนใช้นำไปบูชาโดยหวังประโยชน์ใหญ่ให้คนใช้นิราศทุกข์จริงๆ โดยท่านได้ใช้ความเพียรอุตสาหะหาฤกษ์ยามลงตะกรุดลอยเคราะห์เก็บไว้ทีละดอกๆ เอาแต่เนื้อตะกรุดเท่านั้นไม่ให้มีโลหะสิ่งใดเจือปนมาเทหล่อเป็นแพะล้างบาปรับกรรมรุ่นนี้
    วิชาลอยเคราห์นี้สร้างยากมากเพราะเป็นวิชาชั้นสูงที่ท่านต้องลงจารตะกรุดเสกเก็บไว้เพื่อที่จะใช้เมื่อถึงกาลถึงวาระจริงๆเท่านั้น เป็นของที่มีอานุภาพมาก ท่านว่าความหมายมันก็ตรงตัว คือลอยอยู่เหนือเคราะห์กรรม คล้ายๆกับการตกตะกอนของน้ำ เคราะห์กรรมอยู่ส่วนหนึ่ง น้ำอยู่ส่วนหนึ่ง ลอยแยกจากกัน เคราะห์กรรมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรา ดุจดั่งว่าเวทย์วิชานี้คือกำแพงที่ขวางกั้นน้ำกับตะกอนเช่นนั้น ที่ว่าสร้างยากนั้นก็เพราะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม ท่านว่าไม่มีใครอยากจะทำให้กันหรอก ตอนเรียนมาท่านก็ย้ำหนักหนาว่าต้องเลือกคนให้ ไว้ทำยามบ้านเมืองคับขัน ประชาชนเดือดร้อนข้าวยากหมากแพง
    พ่ออาจารย์ท่านก็สร้างเก็บไว้ ลงจารไว้ตามวาระโอกาสที่นานๆจะมีฤกษ์เสียครั้งหนึ่ง โดยลงจารในฤกษ์ที่กำหนดทำสะสมมาเรื่อยๆ แต่ตอนลงนั้น ท่านไม่ได้ลงเฉพาะวิชาลอยเคราะห์ ท่านเพิ่มในส่วนของไสยเวทย์เข้าไปด้วย ท่านว่ากลืนกันทั้งพุทธทั้งไสย วิชาที่เพิ่มเข้าไปนี้แต่เดิมเป็นวิชาของพราหมณ์ในยุคทมิฬโบราณ วิชานี้แม้บ้านเมืองที่ล่มจมก็กู้ขึ้นมาได้ ช่วยเร่งผลิดอกออกผลให้เจริญรุ่งเรือง ลบล้างคำสาปคำสาบานอันติดเนื้อต้องตัวมาแต่อดีตชาติ
    คำสาปคำสาบานอันเราได้ล่วงเกินผู้หนึ่งผู้ใด ในชีวิตหนึ่งๆของสัตว์โลกที่วนเวียนอยู่ในสงสารวัฏนี้ ท่านว่าเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราสั่งสมสิ่งเหล่านี้มามากมายเพียงไหน จะรุ่งโรจน์มันก็รุ่งไม่ได้เพราะติดทั้งกรรมทั้งคำสาปแช่งต่างๆมากมายที่ประเดประดังกันเข้ามา
    ตะกรุดลอยเคราะห์นี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราสร้างเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ไม่ได้สนใจว่าจะเคราะห์หรือจะกรรม เพียงแต่จะสืบสานพระเวทย์โบราณกับของที่ครูบาอาจารย์ท่านมอบฝากไว้ให้มาเพียงเท่านั้น วิชาสองส่วนนี้ถ้าแยกกันก็แล้วไป ถ้ารวมกันนั้นจะเป็นสุดยอดวิชาในสายบุญฤทธิ์ที่หาสิ่งใดมาเทียบเคียงเสมอเหมือนมิได้ คนใช้ต้องติดเนื้อติดตัวไว้เสมอเพื่อให้บรรเทาเคราะห์กรรมตนเอง ซ้ำยังลบล้างคำสาปคำสาบานความอาฆาตมาตรร้ายอันติดเนื้อต้องตัวมานับแต่อดีตกาล อย่าว่าแต่ปัญหาส่วนตัวเลย วิชานี้แม้บ้านเมืองก็ยังกู้ได้ ให้ผลใหญ่ถึงปานนั้น เอาไปเพื่อหวังประโยชน์ใหญ่ นั่นคือปลดทุกข์ของสัตว์ สัตว์ทั้งหลายนั้นจมเคราะห์จมทุกข์ แต่ก็ยังไม่หมดหวัง เพื่อจะออกจากทุกข์นั้น หาใช่เพื่อต้องการเสวยสุข แต่เพื่อต้องการโอกาสและสิ่งที่ดีกว่า จะได้ทำบุญเพาะบ่มอบรมจิตตนเอง เดินไปในสายบารมีเราจึงทำตะกรุดลอยเคราะห์นี้เสียครั้งหนึ่ง
    วิชานี้ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงการลอยบาปลอยเคราห์กรรม ลบล้างคำสาปคำสาบานอาฆาตมาตรร้ายต่างๆเท่านั้น แต่ยังกันและแก้ได้สารพัดด้วย เป็นทั้งมหากันในตัวเอง ไม่ให้มีสิ่งอุบาทว์จัญไรใดมาย่ำยีบีฑา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตตกต่ำ กันทั้งคุณไสยอวิชชา กันไว้ดุจเกราะเพชรปกป้องตนเองเช่นนั้น ท่านว่ากันไว้นี่แหละดี คนเราถ้าเจออุปสรรคไม่มีอะไรมากันเอาไว้มันเจริญยาก ซ้ำยังแก้ แก้ที่ว่านี้คือแก้ไขพฤติการณ์ของเจ้าของให้มีความเห็นถูก แก้ในโรคร้ายสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ตกต้องชะตาของผู้บูชาอยู่ แก้สิ่งที่จองจำชีวิตเราไว้เดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ท่านว่ารู้เองเห็นเอง สิ่งพวกนี้หายหมด ใครที่ทำอะไรไม่เจริญ หาเช้ากินค่ำ หรืออยากประสบความสำเร็จ ด้วยเกรงว่าจะติดเวรกรรมคำสาปสรรค์ใดๆ ท่านว่าเลิกคิดไปได้เลย เราทำไว้ให้ดีแล้ว ให้เจ้าของและผู้ที่คู่ควรเขามาเอาไปใช้บูชา
    เมื่อพ่ออาจารย์ท่านลงตะกรุดลอยเคราะห์เสร็จท่านก็เสกเก็บไว้ ท่านว่าเสกจนเต็มวิชาจนได้นำตะกรุดทุกดอกมาหล่อหลอมในรูปแบบ"แพะลอยเคราะห์รับบาปล้างกรรม" ด้วยในอดีตที่ท่านลงตะกรุดลอยเคราะห์นั้นท่านได้ถือสัจจะวาจาไว้แล้วว่าจะทำในรูปแบบตะกรุดเพียงครั้งเดียว วาระนี้ท่านจึงนำตะกรุดไปเทเป็นหุ่นแพะเสกขึ้นรูปทรงวิชาไว้ให้ใช้รับบาปล้างกรรมแทนตัวผู้บูชาได้อีกด้วย ท่านสั่งให้บอกเค้ากันสั้นๆว่า แม้เคราะห์อันเกิดกับมหานคร เกิดแต่สรรพชีวิตหมู่มาก วิชานี้ยังแก้ไขจากตกต่ำแล้วทำให้เจริญได้ นับประสาอะไรกับตัวบุคคล
    - ตะกรุดทัณฑ์สวรรค์โองการพระยม เป็นที่สุดในสายวิชามหาสะท้อนย้อนกรรมกลับไปสนองผู้ปองร้ายและทำร้ายเราในทุกรูปแบบ ดุจดั่งพระยมท่านลงโทษคนกระทำผิดคิดชั่วให้ได้รับผลกรรมนั้น นั่นคือการสะท้อนย้อนกลับโดยฉับพลันทันที เรียกได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ผู้บูชาตะกรุดมีผู้ประสงค์ร้ายหรือคิดไม่ดีนั้น อานุภาพของตะกรุดจะสะท้อนผลร้ายกลับไปร้อยเท่าพันทวีเป็นเหตุให้ต้องมาขอขมาเรา หากไม่มาขอขมาแก่เราแล้วก็ไม่สามารถลบล้างได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าที่ผ่านมานั้นเราจะไม่ได้ทำตัวนี้ให้ใครมากนัก เพียงมหาสะท้อนงานศพก็นับได้ว่าแรงและมีกำลังจนคนเอาไปใช้เกิดประสบการณ์ถามหากันว่ามากแล้ว แต่ตัวนี้ยังถือได้ว่าแรงกว่านั้น แรงกว่าแม้มนต์พระกาฬสะท้อนกลับอันมีอาถรรพ์จนถึงขั้นวิบัติมีอันเป็นไปต่างๆนานัปการ เมื่อเห็นว่ากำลังสร้างรูปพระยมนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงลงตะกรุดทัณฑ์สวรรค์โองการพระยมไว้ให้คู่กัน ท่านว่ารูปกับวิชานั้นมีความสัมพันธ์กันและจะเสริมส่งซึ่งกันและกัน ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดบอกได้สั้นๆแต่เพียงว่านี่คือวิชาของพระธรรมบดียมราช ดังนั้นเมื่อทำวิชาท่านจึงต้องใช้รูปท่านกำกับไว้ ผู้บูชาจะได้ไม่พลั้งเผลอผิดพลาดนำไปใช้ก่อกรรมสร้างเวรใดๆ เอาแค่ให้สะท้อนย้อนสิ่งอัปมงคลทั้งหลายตามวินิจฉัยแห่งยมเทพนั้นก็พอ
    - หญ้าคาพรมน้ำมนต์หลวงปู่ฝั้น ตามคติพรหมณ์หญ้าคาถือว่าเป็นของสูงเป็นมงคล เคยใช้เป็นที่รองหม้อน้ำอมฤตที่พระศิวะใช้ดื่มมาเเล้ว ส่วนคติตามพระพุทธศาสนานั้น มหาโพธิบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับทรงชำระมารทั้งหลายได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยานั้น ก็เพราะทรงใช้หญ้าคาปูรองนั่งนี่เอง ชาวพุทธจึงถือว่าหญ้าคาเป็นหญ้ามงคลเป็นสิ่งที่ใช้กำจัดศัตรู เภทภัย โรคา พญามารต่างๆให้สูญหาย ด้วยเหตุนี้พระสงฆ์จึงนิยมใช้หญ้าคามาพรมน้ำมนต์สืบมา พ่ออาจารย์ท่านว่าหลวงปู่ฝั้นนั้นท่านมีจิตเมตตาสงเคราะห์คนไม่เลือกชั้นวรรณะตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องรดน้ำมนต์นั้นจะมีคนไปกราบให้ท่านประพรมให้อยู่เสมอไม่ขาดระยะ อันหญ้าคาที่ท่านใช้รดน้ำมนต์นั้นย่อมเป็นของดีด้วยสิ่งใดก็ตามที่พระอรหันต์ท่านใช้เป็นประจำย่อมมีอานุภาพมาก ยิ่งได้จุ่มแช่ในน้ำมนต์ของท่านมานานนับปี ทั้งผ่านมือ ผ่านการสวดว่าคาถาและคำให้พรต่างๆ พ่ออาจารย์ท่านจึงนำมาฝังไว้เป็นสิริมงคลให้คนใช้อาราธนาปลอดภัยจากเภทภัยและสิ่งเบียดเบียนทั้งหลายไม่ว่าจะรูปธรรม นามธรรมใดๆก็ตาม
    - ผงยาดำกลืนทุกข์ ความทุกข์อันได้แก่การใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ติดอยู่ในสภาวะที่บีบคั้น หรือสภาพที่ทนได้ยาก รวมไปถึงความไม่สบายทั้งกายและใจต่างๆก็ดี โดยเฉพาะปกิรณกทุกข์ คือทุกข์ต่างๆที่ฉาบฉวยหมุนเวียนเข้ามาไม่ว่างเว้น ทั้งความเสื่อมนานาชนิดไม่ว่าจะเสื่อมลาภ เสื่อมยศ...บรรดามี ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเห็นเป็นสำคัญว่าคนนั้นหนีไม่พ้นจากทุกข์ฉาบฉวยทั้งหลาย เมื่อท่านสร้างพญายมราช ท่านจึงนำผงยาดำกลืนทุกข์นั้นมาอุดไว้ด้านหลัง ท่านว่าเวลาห้อยบูชาผงนี้จะเปล่งรัศมีของเขาคลุมทั่วร่างกายคนใช้เอาไว้ ความทุกข์ใดๆก็ดีเขาจะกลืนกินและรับไว้หมด สังเกตง่ายๆหลังจากห้อยบูชา อย่างน้อยความทุกข์ทางใจจะค่อยๆหายไปอย่างน่าฉงน จะรู้สึกคิดบวก มีกำลังใจ รู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด ด้วยผงยาดำนี้มันจะกลืนกินความทุกข์ทั้งหลายไม่ว่าจะทุกข์ฉาบฉวยหรือทุกข์ที่เกิดจากสภาวะสังขารให้เรามีอารมณ์เบิกบานตลอดเวลา พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่มีทุกข์ ไม่มีโรค ความโศกหาย ภัยร้ายไม่เกิดขึ้น ชีวิตย่อมมีความสุขสมควรแก่อัตภาพนั่นเอง


    พ่ออาจารย์ท่านสร้างเหรียญหล่อผลาญลิขิตฟ้าปกาศิตยมราชธรรมเทพพิพากษาไว้ทั้งหมด 5 องค์ ท่านว่าองค์พระทุกองค์นั้นล้วนผูกพันธ์กับลิขิตชะตาของผู้ใช้อยู่ กล่าวคือมีเจ้าของถือครองกันครบทุกองค์ เป็นของเฉพาะกาล เฉพาะวาระที่ท่านพลีกรรมบวงสรวงและใช้เวลาในการสร้างและหามวลสารยาวนาน คนที่ได้บูชานั้นจะเป็นลูกรักของพญายมราช มีบุญบารมีสัมพันธ์กันมาแต่ภพเก่าก่อนในทางใดทางหนึ่ง เมื่อจะได้เกื้อหนุนกันให้สำเร็จกิจแห่งภพ ท่านจะดลบันดาลให้รับรู้แลเกิดความสนใจ พึงใจ ขึ้นมาเอง

    คาถาบูชา
    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ (สามจบ)
    โอม พระยะมะราชะ อุปาทะวะตายะ มะหิงสาพาหะนายะ ทักขิณะทิสะฐิตายะ อาคัจฉาตุ ภุญชะตุ ขิปปะยะตุ วิปปะยะตุ สะวาหะ สะวาหายะ สัพพะอุปาทะวะวินาสายะ สัพพะอันตะรายะวินาสายะ สุขขะวัฑฒะโกโหตุ อายุ วัณณะ สุขะ พะลัง อัมหากังรักขันตุ สะวาหะ สะวาหายะ


    * เหรียญหล่อผลาญลิขิตฟ้าปกาศิตยมราชธรรมเทพพิพากษา เปิดให้สั่งจองเฉพาะทาง PM โดยให้แจ้งชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดไว้ด้วย พ่ออาจารย์ท่านจะทำการเจิมประสิทธิฝากผู้บูชาไว้เป็นลูกหลานพระธรรมบดียมราช ให้ท่านคุ้มเกรงตามแต่จะทรงพระกรุณาอีกวาระหนึ่ง รายได้สมทบทุนไถ่ชีวิตโคกระบือต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญหล่อผลาญลิขิตฟ้าปกาศิตยมราชธรรมเทพพิพากษา( ตะกรุดทัณฑ์สวรรค์โองการพระยม,หุ่นแพะล้างบาปรับกรรม) บูชา 4,000 บาท

    31946451_2189615704658172_5122004282962345984_n.jpg 31945455_2189615711324838_7385520419538731008_n.jpg
    31957531_2189615697991506_7476834082836447232_n.jpg
    108_201707271059001.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    วันนี้มีประสบการณ์เข้ามาสามเรื่อง เดี๋ยวจะยกมาพูดคุยรอบพรุ่งนี้นะครับ;)
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเช้า
    อรุณสวัสด์ครับ วันนี้ก็จะมาพูดคุยกันยามเช้าเหมือนเดิม โดยเมื่อวานนี้มีคนเล่าประสบการณ์ไว้คร่าวๆสามท่านผมก็ยังไม่มีโอกาสสอบถามอะไรกลับไปได้แต่เปิดอ่านเพราะยุ่งๆทั้งวัน วันนี้ก็เลยจะนำมาเล่าต่อให้ฟังกัน

    - ท่านแรกเป็นเรื่องของพระเจ้าสัวจักรพรรดิมังกร พี่ท่านนี้เล่าสั้นๆว่าเห็นรังสีหมายถึงแสงสีแดงเปล่งออกมาจากองค์พระ ครู่หนึ่งก็หายไป
    * ตรงนี้คือการมองเห็นด้วยตาเปล่า ก็เป็นการกระตุ้นให้ผู้บูชารู้ว่าพุทธานุภาพนั้นมีกำลังอยู่จริง หรือจะเป็นการแสดงออกทางปาฏิหาริย์ใดๆก็ดีของเครื่องมงคลนั้น แม้ว่าตนเองจะไม่มีสื่อหรือสัมผัสใดๆก็ยังปรากฏออกมาให้เห็นชั่วครู่ เพื่อให้รู้เห็นกับตาว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่จริง ส่วนรังสีสีแดงที่เห็นในความเข้าใจของผมนะคือมันคือความเฮงเลยก็ว่าได้เพราะเป็นสีแดงที่เกิดจากพระเจ้าสัวจักรพรรดิมังกรแสดงออกมา คนจีนเค้าถือว่ามันเป็นสื่อถึงความสุขและความโชคดี เหมือนมังกรฟ้าท่านให้พรมงคลกับผู้สวมใส่ แต่ในส่วนความเชื่อของพุทธคุณพระเครื่องเกี่ยวกับรังสีสีแดงก็มีรายละเอียดอธิบายไว้เช่นกันว่า หมายถึง การกระฉับกระเฉง ความทะเยอทะยาน ความภาคภูมิใจ เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำงาน และในวัตถุมงคลถือว่าเป็นอำนาจปกป้องคุ้มครอง ข่มอาถรรพ์คุณไสยและทางมหาอำนาจด้วย ซึ่งจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็สุดแล้วแต่ใจผู้ครอบครองจะปรารถนาให้เป็น แต่ส่วนตัวผมเชื่อแบบคติจีน เพราะเทพมังกรฟ้าก็เป็นคติของจีนอยู่แล้ว

    - ท่านต่อมาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะถือว่าได้เปิดโลกทัศน์ของผมพอสมควร พี่ท่านนี้บอกว่าบูชามงคลวิหคฟ้าสาลิกาสวรรค์มหาภูติกินนารีไป แล้วก็ได้อธิษฐานขอแม่สาริกาจงปรากฏให้เห็นและสัมผัสบารมีบ้าง ก็เลยได้ประสบการณ์แปลกประหลาดที่พอจะเล่าได้คร่าวๆนั่นคือเรื่องสัมผัสพิเศษ เริ่มตั้งแต่บูชาแม่สาริกามาก็เหมือนกับว่ามีคนมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ พอขึ้นรถเมล์ก็โดนคิดเงินสองคนทั้งๆที่ขึ้นไปคนเดียว ทีแรกยังคิดว่าไม่มีอะไรเพราะกระเป๋ารถเมล์คงตาพร่า แต่พอไปมหาลัยกลับมีเพื่อนทักว่าทำไมพาสาวสวยมาเปิดตัวแล้วไม่แนะนำให้ใครรู้จัก เห็นเดินตามกันต้อยๆทั้งยังเข้ามานั่งเรียนในห้องด้วย ซึ่งผมไปคนเดียวและไม่มีใครอยู่ข้างๆตลอดทั้งวันจริงๆ ในห้องเรียนก็คนรู้จักกันเพื่อนกันทั้งนั้นไม่มีคนแปลกหน้าเลยแต่ที่มั่นใจสุดๆก็คือตอนนอน มันเหมือนเรารู้สึกว่านอนกอดอะไรอยู่ แน่นอนว่าเหมือนนอนกอดผู้หญิง จมูกก็ได้กลิ่นหอมๆเหมือนกลิ่นดอกไม้อะไรก็ไม่ทราบ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง ได้แต่คิดว่าเชื่อแล้ว พอแล้ว เอาแค่นี้พอ ต่อไปจะขอพรเรื่องการเรียนกับความสำเร็จไม่ท้าทายแม่สาริกาอีกแล้ว ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา...
    * เรื่องประสบการณ์เฉพาะตัวแบบนี้ ทีแรกผมก็คิดว่าที่พ่ออาจารย์ท่านกล่าวเรื่องภูติสาลิกา หมายถึงว่าท่านเสกจนมีตัวมีตนขอได้ไหว้รับจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีตัวมีตนจนปรากฏเช่นนี้ เพราะไม่ค่อยจะได้ยินซักเท่าไหร่ว่าจะมีสาลิกาที่ไหนเฮี้ยนและปรากฏรูปจำแลงออกมาเหมือนมนุษย์ แต่ก็เอาเป็นว่าสาลิการุ่นนี้มีอะไรไม่ธรรมดาอีกเยอะ เอาไว้รอให้รู้เองเห็นเอง และถ้ามีประสบการณ์ใดแชร์เข้ามาจะรีบนำมาเล่าต่อ

    - อีกท่านหนึ่ง เป็นเรื่องของซุ้มกอยอยศพระเจ้าก่อเกิด ด้วยส่วนตัวนับถือท่านปู่ ท่านย่า หมายถึงองค์อินทร์กับแม่สุชาดามาก เมื่อได้ซุ้มกอมาบูชาก็ได้โชคใหญ่ พี่เขาเล่าว่าฝันเห็นท่านปู่ท่านย่ามาหา โดยที่ท่านย่าบอกกับตัวเองว่าเราทั้งสองอยู่ในพระองค์นี้ ที่มาหานี่ก็เพราะจะให้ทุนไว้สร้างตัว พร้อมกับสอนคาถาซึ่งตนเองก็ยังจำได้อยู่ ท่านว่าให้ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ส่วนตัวก็ไม่เข้าใจว่าเป็นคาถายังไงเพราะมันก็เป็นแค่ประโยคภาษาไทยสามประโยคนี่แหละ มีความหมายว่าให้เก็บเงินที่ได้ให้ดี...ทำนองนั้น จึงมานั่งคิดดูว่าจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ อยู่ดีๆเงินคงไม่ปลิวมาแน่ๆ ก็เลยได้ลองเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งมาหนึ่งชุด ซึ่งพี่เขาว่าเขาดีใจมากเพราะตรวจรางวัลแล้วรีบนำไปขึ้นเงินเนื่องจากตัวเขาถูกรางวัลที่สามสี่ใบ จึงได้นำเงินส่วนหนึ่งนั้นไปทำบุญอุทิศถวายให้ท่านปู่ ท่านย่าตลอดจนพ่ออาจารย์และครูบาอาจารย์ทุกองค์เป็นที่สุด ทั้งยังฝากบอกคนที่บูชาซุ้มกอยอยศว่าให้รักษากันให้ดี เพราะพระเครื่องที่ท่านปู่ ท่านย่าลงมารักษาด้วยองค์เองนั้นหาได้ไม่มากอย่างแน่นอน
    * ประสบการณ์แบบนี้เป็นเรื่องโชคลาภ ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านทำพระซุ้มกอก็แน่นอนอยู่แล้วว่าท่านจะเน้นไปทางโชคลาภแบบฟลุ๊คๆโดยเฉพาะการเสี่ยงโชคตลอดจนการทำงานทำมาหากินมากที่สุด เพื่อให้คนบูชาใช้แทนของเก่าได้ ได้ลืมตาอ้าปาก และยังได้บารมีของพระอินทร์ล้านช่องหรือท่านปู่ท่านย่ามาเป็นกำลังส่งเสริมด้วย ก็มีแจ้งมาสองคนแล้วเรื่องท่านปู่ท่านย่าในซุ้มกอยอยศที่เมตตาแสดงสื่อและเจตนาในการให้โชคลาภออกมา ก็ขอให้ได้กันเรื่อยๆ ได้มาแล้วก็อย่าลืมเก็บ อย่าลืมสร้างกุศลให้ครูบาอาจารย์จะได้ยิ่งได้ยิ่งมีมากยิ่งๆขึ้นไป

    image.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2018
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่นฤชา EU 7485 5489 5 TH

    พี่พรเทพ EU 7485 5490 4 TH
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    มีคำถามเข้ามาเดี๋ยวจะยกมาพูดคุยวันพรุ่งนี้นะครับ:D
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พูดคุยรอบเช้า
    อรุณสวัสดิ์ครับ มีถามหาของเก่าๆที่ผู้เคยได้ใช้มีประสบการณ์เข้ามา เดี๋ยวจะรับเป็นธุระไว้เพราะไม่รู้ว่าพ่ออาจารย์ท่านจะให้เอาออกหรือเปล่า ก็ต้องตามพูดคุยกันก่อนส่วนวันนี้ผมติดภารกิจทำบุญที่อยุธยาก็อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ ยามเช้าก็จะนำแนวการปฏิบัติคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ลงไว้ให้อ่านกันคร่าวๆ

    แนวทางการปฏิบัติให้ถึงความหลุดพ้น.......ธรรมจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บันทึกโดยพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ( ปัจจุบันพระราชธรรมเจติยาจารย์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ) ณ วัดป่าบ้านนามน กิ่ง อ. โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พ.ศ. ๒๔๘๖

    ๑. การปฏิบัติ เป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่าธรรมของพระตถาคต เมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอม (สัทธรรมปฏิรูป) แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อเมื่อมาฝึกหัดปฏิบัติจิตใจกำจัดเหล่า กะปอมก่า คือ อุปกิเลส แล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่ และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิมด้วย

    ๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
    ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อนแล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษ ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คือเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย

    ๓. มูลมรดกอันเป็นต้นทุนทำการฝึกฝนตน
    เหตุใดหนอ ปราชญ์ทั้งหลาย จะสวดก็ดี จะรับศีลก็ดี หรือจะทำการกุศลใดๆ ก็ดี จึงต้องตั้ง นโม ก่อน จะทิ้ง นโม ไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นโม ก็ต้องเป็นสิ่งสำคัญ จึงยกขึ้นพิจารณา ได้ความว่า น คือธาตุน้ำ โม คือ ธาตุดิน พร้อมกับบาทพระคาถา ปรากฏขึ้นมาว่า มาตาเปติกสมุภโว โอทนกุมฺมาสปจฺจโย สัมภวธาตุของมารดาบิดาผสมกัน จึงเป็นตัวตนขึ้นมาได้ น เป็นธาตุของ มารดา โม เป็นธาตุของ บิดา ฉะนั้นเมื่อธาตุทั้ง ๒ ผสมกันเข้าไป ไฟธาตุของมารดาเคี่ยวเข้าจนได้นามว่า กลละ คือ น้ำมันหยดเดียว ณ ที่นี้เอง ปฏิสนธิวิญญาณเข้าถือปฏิสนธิได้ จิตจึงได้ถือปฏิสนธิในธาตุ นโม นั้น เมื่อจิตเข้าไปอาศัยแล้ว กลละ ก็ค่อยเจริญขึ้นเป็น อัมพุชะ คือเป็นก้อนเลือด เจริญจากก้อนเลือดมาเป็น ฆนะ คือเป็นแท่ง และ เปสี คือชิ้นเนื้อ แล้วขยายตัวออกคล้ายรูปจิ้งเหลน จึงเป็นปัญจสาขา คือ แขน ๒ ขา ๒ หัว ๑ ส่วนธาตุ พ คือลม ธ คือไฟ นั้นเป็นธาตุเข้ามาอาศัยภายหลังเพราะจิตไม่ถือ เมื่อละจากกลละนั้นแล้ว กลละก็ต้องทิ้งเปล่าหรือสูญเปล่า ลมและไฟก็ไม่มี คนตาย ลมและไฟก็ดับหายสาปสูญไป จึงว่าเป็นธาตุอาศัย ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ธาตุทั้ง ๒ คือ นโม เป็นเดิม
    ในกาลต่อมาเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องอาศัย น มารดา โม บิดา เป็นผู้ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาด้วยการให้ข้าวสุกและขนมกุมมาส เป็นต้น ตลอดจนการแนะนำสั่งสอนความดีทุกอย่าง ท่านจึงเรียกมารดาบิดาว่า บุพพาจารย์ เป็นผู้สอนก่อนใครๆ ทั้งสิ้น มารดาบิดาเป็นผู้มีเมตตาจิตต่อบุตรธิดาจะนับจะประมาณมิได้ มรดกที่ทำให้กล่าวคือรูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิมทรัพย์สินเงินทองอันเป็นของภายนอกก็เป็นไปจากรูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้ไม่มีแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชื่อว่าไม่มีอะไรเลยเพราะเหตุนั้นตัวของเราทั้งตัวนี้เป็น "มูลมรดก" ของมารดาบิดาทั้งสิ้น จึงว่าคุณท่านจะนับจะประมาณมิได้เลย ปราชญ์ทั้งหลายจึงหาได้ละทิ้งไม่ เราต้องเอาตัวเราคือ นโม ตั้งขึ้นก่อนแล้วจึงทำกิริยาน้อมไหว้ลงภายหลัง นโม ท่านแปลว่านอบน้อมนั้นเป็นการแปลเพียงกิริยา หาได้แปลต้นกิริยาไม่ มูลมรดกนี้แลเป็นต้นทุน ทำการฝึกหัดปฏิบัติตนไม่ต้องเป็นคนจนทรัพย์สำหรับทำทุนปฏิบัติ

    ๔. มูลฐานสำหรับทำการปฏิบัติ
    นโม นี้ เมื่อกล่าวเพียง ๒ ธาตุเท่านั้น ยังไม่สมประกอบหรือยังไม่เต็มส่วน ต้องพลิกสระพยัญชนะดังนี้ คือ เอาสระอะจากตัว น มาใส่ตัว ม เอาสระ โอ จากตัว ม มาใส่ตัว น แล้วกลับตัว มะ มาไว้หน้าตัว โน เป็น มโน แปลว่าใจ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้ทั้งกายทั้งใจเต็มตามส่วน สมควรแก่การใช้เป็นมูลฐานแห่งการปฏิบัติได้ มโน คือใจนี้เป็นดั้งเดิม เป็นมหาฐานใหญ่ จะทำจะพูดอะไรก็ย่อมเป็นไปจากใจนี้ทั้งหมด ได้ในพระพุทธพจน์ว่า มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ พระบรมศาสดาจะทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติออกไปจาก ใจ คือมหาฐาน นี้ทั้งสิ้น เหตุนี้เมื่อพระสาวกผู้ได้มาพิจารณาตามจนถึงรู้จัก มโน แจ่มแจ้งแล้ว มโน ก็สุดบัญญัติ คือพ้นจากบัญญัติทั้งสิ้น สมมติทั้งหลายในโลกนี้ต้องออกไปจากมโนทั้งสิ้น ของใครก็ก้อนของใคร ต่างคนต่างถือเอาก้อนอันนี้ ถือเอาเป็นสมมติบัญญัติตามกระแสแห่งน้ำโอฆะจนเป็นอวิชชาตัวก่อภพก่อชาติด้วยการไม่รู้เท่า ด้วยการหลง หลงถือว่าเป็นตัวเรา เป็นของเราไปหมด


    035.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    พรุ่งนี้ติดตามเรื่องพูดคุยกันดีๆนะ ห้ามพลาดเลย
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,097
    ค่าพลัง:
    +16,623
    แม้จะออกเจ้าปู่พญายมราชไปแต่พระนั้นมีน้อยและคนไม่ได้ก็มีอีกเกินสิบราย ยิ่งทำให้กระแสถามหาตะกรุดมหาสะท้อนมาใช้แทนยิ่งมีกันต่อเนื่องและหนักขึ้นกว่าเดิมเพราะเจ้าปู่พญายมนั้นไม่เพียงพอให้คนที่ศรัทธาได้เช่าบูชา ด้วยหลายๆเหตุผล รวมไปถึงค่าบูชาตะกรุดมหาสะท้อนที่ต่ำกว่าและหลายคนจับต้องได้ทั้งยังเช่ากันได้หลายดอก บางคนนำไปแจกคนในครอบครัวก็ยังมี ซึ่งเกี่ยวกับตะกรุดมหาสะท้อนนั้นพรุ่งนี้จะเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังว่าจะให้ออกมาในทิศทางไหน แจ้งไว้ตรงนี้อีกทีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤษภาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...