ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จสรรพกิจบุญญาธิการวงแหวนควบคุมชะตา(ดึงกุศลกรรม) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ร่วมทำบุญบูชา พระนารายณ์แปลงชีวิตลอยเคราะห์บำเพ็ญกรรม(ศักติเกาโมทกี)

    ด้วยมนุษย์นั้นมีชะตาเป็นของตัวเองจะเรียกว่ากรรมลิขิต หรือพรหมลิขิตก็เรียก การจะเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือชะตาลิขิตนั้นนอกจากวิธีเดิมๆเช่นการไหว้ขอบนบานศาลกล่าวแล้วมนุษย์ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าสามารถทำอะไรได้อีก พ่ออาจารย์ท่านว่าแต่เดิมนั้นวิชาที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาแลเคราะห์กรรมของมนุษย์ได้ โดยประโยชน์ใหญ่ของสิ่งนี้ก็คือการที่มนุษย์สามารถทำและเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองไม่ต้องรั้งรอชะตาวาสนาหรือพรหมลิขิตใดๆทั้งสิ้น กล่าวง่ายๆคือยังมีกำลังก็ทำได้เอง วิธีนี้เรียกว่าการบำเพ็ญกรรม วิชานี้ท่านว่าไม่ใช่แค่มีผลทำให้คนดีชั่ววันข้ามคืน หากแต่จะมีผลแบบยาวๆ ในระยะยาว กล่าวได้ว่าแปลงรากฐานจนมั่นคง แปลงเคราะห์ เปลี่ยนชะตาชีวิตทุกชาติภพตลอดไป

    เมื่อคนมีทุกข์มีความเดือดร้อนก็มักจะหาที่พึ่งบอกกล่าวกราบไหว้ด้วยหวังความสุข สมหวัง จะในด้านความสำเร็จ การเลื่อนตำแหน่ง การประมูลงาน การทำธุรกิจค้ากำไรให้เจริญงอกงาม ความเจริญเติบโต โชคลาภ ชัยชนะ ความสมหวัง สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นบ้างไม่เกิดขึ้นบ้าง กล่าวได้ว่าถึงมีผลก็ไม่เสถียรด้วยไม่ได้เปลี่ยนที่ตัวเอง ไม่ได้แก้ที่ชะตา ไม่ได้ปรับรากฐาน ทำให้ไม่มีผลในระยะยาว พ่ออาจารย์ท่านจึงตั้งใจแต่แรกที่จะนำวิชาบำเพ็ญกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงพระเคราะห์และชะตาของคนนั้นมาใช้คู่กับวิชาลอยเคราะห์ "ที่ว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากใช้วิชาบำเพ็ญกรรมแล้ว ท่านว่าทำดีก็ต้องได้ดี ทำบุญก็ต้องได้บุญ ทำสิ่งใดย่อมเห็นผลประจักษ์ในสิ่งนั้นทันตาไม่มีอุปสรรคใดๆมากั้นขวางชะลอได้นี่คือสิ่งที่เรียกว่าบำเพ็ญกรรม ให้ชีวิตดีได้ด้วยการกระทำของตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้มีแต่ดีกับดี อย่างน้อยเงื่อนไขก่อนที่ชีวิตเขาจะดี นิสัยเขาก็ต้องดีขึ้นหลายส่วน ท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ใหญ่เช่นนี้จึงตั้งใจจะทำไว้ให้ใช้กันคราหนึ่ง ทั้งยังได้รวมวิชาลอยเคราะห์ที่สำคัญของท่านไว้ด้วย กล่าวคือแม้จะมีปัญหาอุปสรรคหนักหนาแค่ไหนทุกอย่างต้องลอยผ่านพ้นไปได้เหมือนเคราะห์กรรมที่ลอยทวนกระแสน้ำสวนทางไม่กลับมาต้องตัวเรา ให้เรื่องยากเย็นแสนเข็ญและอุปสรรคทั้งหลายพ้นผ่านภายในพริบตา

    เมื่อจะทำวิชาลอยเคราะห์บำเพ็ญกรรมแปลงชีวิตนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าครูท่านกำหนดไว้ชัดเจนต้องทำเป็นรูปพระนารายณ์เท่านั้น ตัวพ่ออาจารย์ท่านก็เห็นว่าเป็นโอกาสอย่างดี จะได้ทำเครื่องมงคลแทนครูองค์พระวิษณุเจ้าให้ผู้มีศรัทธาทั้งหลายได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่ตนปรารถนาไปพร้อมกันทีเดียว เช่นนั้นเมื่อท่านหล่อพรหมสฮัมบดีรุ่นแรกของท่าน ท่านจึงหล่อพระนารายณ์สำคัญชุดนี้ไว้พร้อมกัน เป็นอาถรรพ์แฝดที่ว่าเมื่อมีผู้สร้างก็ต้องมีผู้ปกปักรักษาเกิดขึ้นพร้อมๆกันด้วยพระนารายณ์เป็นมหาเทพผู้ปราบยุคเข็ญ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้สร้างพระนารายณ์มหาปราบยุคขึ้นเป็นครั้งแรกเพราะพระนารายณ์นับเป็นเทพเจ้าสูงสุดที่มีเทวฤทธิ์เหนือเทพเจ้าอื่น มีหน้าที่ปราบปรามจักรวาล เป็นมหาเทพผู้อำนวยความสุข ความสงบ ความสบายให้ถึงพร้อมแก่ผู้บูชา แม้คราวใดที่โลกหรือศิษย์มีทุกข์เดือนร้อนจะถึงกาลแตกดับ พระนารายณ์จะอวตารลงมาปราบปรามสร้างความสงบสุขแก่โลกทุกครั้งไป เรียกว่าเมื่อเดือดร้อนคราใดก็มีท่านนี่แหละคอยคืนความสุขให้ครานั้น เช่นนี้คนที่เดือดร้อนก็ต้องพึ่งท่านเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ธำรงค์รักษาจักรวาล สถาปนาระบบคุณธรรมขึ้นในโลกให้มนุษย์และเทวดามีแนวทางการบำเพ็ญบุญเป็นกุศโลบายก็ว่าได้ ด้วยวิชาบำเพ็ญกรรมนั้นเป็นหลักใหญ่ของระบบคุณธรรมในพระศรีหริวิษณุเจ้า เมื่อทำแล้วจะให้ได้ผลสูงสุดก็ต้องทำเป็นรูปของท่าน ดุจว่าให้คุณพระอวตารนั้นอยู่กับเรา คอยบำเพ็ญกรรมร่วมกันไปกับเรา ส่งเสริมให้พื้นฐานความคิด จิตใจ แลชีวิตของเราดีขึ้นได้แบบก้าวกระโดดนั่นเอง

    ด้วยปกตินั้นพระนารายณ์ตำรับพ่ออาจารย์ก็มีเทวคุณคุณสูงอยู่แล้ว เป็นที่รู้กันว่าใช้ได้ทุกทาง ทั้งหนุนดวง เสริมดวง และยังมีคุณด้านมหาปราบ ปราบสิ่งเลวร้าย ขจัดทำลายอุปสรรคขวากหนามเคราะห์กรรมต่างๆ แม้คนทำมาหากินประกอบอาชีพกิจการงานใดๆ พระนารายณ์ของท่านก็จะช่วยเสริมดวงชะตาและหนุนกิจการงานต่างๆให้ดีขึ้น เช่นนั้นคนที่รู้ว่าพระนารายณ์ของพ่ออาจารย์ท่านให้คุณมากจึงมักนิยมกันอยู่มากถึงขนาดว่าแม้ท่านจะแกะสลักองค์ใหญ่เท่าโทรศัพท์ไอโฟนก็ยังมีผู้มีอันจะกินยอมห้อยบูชาไม่ห่างตัว เมื่อพระนารยณ์เสด็จปราบจักรวาลถือเป็นมหาปราบชั้นสูง เหนือเทพ พรหม ยมยักษ์ ทั้งปวง คนที่บูชาพระนารายณ์ตำรับนี้ถึงมีศัตรูหมู่มารก็จะถึงกาลพ่ายแพ้แก่บารมี มีชัยชนะ มีเดช มีศรี มีตบะเดชะ เป็นมหาอำนาจแก่ผู้พบเห็น เป็นทั้งมหาปราบ มหาอำนาจชั้นสูง ด้วยแรงครูจะผลักให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ใช้ป้องกันได้สารพัด แม้นึกคิดสิ่งใดก็สมใจปราถนา กลับดวงจากร้ายกลายเป็นดีได้ จากดีก็ดีมากขึ้นเป็นทวีคูณ รู้ๆกันว่าขอแค่เป็นคนที่เดือดร้อนได้ใช้พระนารายณ์ตำรับพ่ออาจารย์แล้วที่เห็นๆมาก็ได้ผลดีชีวิตก้าวหน้าไม่ตกยากทุกราย พลิกดวงชะตาให้ดีขึ้นได้หมด ดุจพระนารายณ์อวตารลงมาปราบยุคเข็ญให้แผ่นดินร่มเย็นทั้งพลิกฟ้าหนุนดวงชะตาชีวิตให้ดีขึ้นได้

    พ่ออาจารย์ท่านลงคาถานารายณ์อวตารทั้งสิบปางใหญ่เป็นชนวนสำคัญในการหล่อรูปครูเพื่อจะทำพระนารายณ์ตำรับฮินดูอย่างแท้จริง ทั้งยังเตรียมมวลสารที่เกี่ยวเนื่องด้วยการทำผงวิชาของพระนารายณ์ทั้งสิ้นเอาไว้เป็นการเฉพาะด้วยได้แก่ ผงที่ได้จากการถอดยันต์นารายณ์อวตาลทั้งร้อยแปดปางลบถมย่อสูตรพิศดาร ผงสูตรนารายณ์ปราบเก้าโลก ผงนารายณ์สิบปาง ผงนารายณ์เบิกฟ้า ผงนารายณ์เบิกป่า ผงนารายณ์เบิกบาดาล ผงโองการพินธุนารายณ์ ผงนารายณ์ปราบไตรจักร ผงนารายณ์พลิกแผ่นดิน ผงนารายณ์กลึงจักร ผงนารายณ์เกลื่อนสมุทร ผงนารายณ์ตวาดป่าหิมพานต์ ผงนารายณ์เตล็ดไตรจักร ผงนารายณ์ขว้างจักร ผงนารายณ์ทรงเมือง ผงนาราย์ถอดรูป ผงนารายณ์แปลงรูป ผงนารายณ์บันลือสีหนาท ท่านได้นำผงสำคัญนี้มาเข้ากับผงว่านยาที่เตรียมไว้ทั้ง ว่านดอกทอง ว่านกลิ้งกลางดง ผงนางอกแตกที่ลบจากการผสมเถ้าธนบัตร(ถือคติรวย+เสน่ห์ไปพร้อมๆกัน)...และผงเมตตาทั้งหลายเลือกเฉพาะให้ผลทางเมตตาหนึ่ง เป็นเสน่ห์หนึ่ง เป็นมหานิยมหนึ่ง เป็นผูกมิตรหนึ่ง เป็นจูงจิตจูงใจหนึ่ง เป็นมหาละลวยหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อทำพระนารายณ์แล้วจะให้ชีวิตคนใช้ร้อนเกินไปไม่ได้ จะดุเกินไปก็ไม่ได้ เพราะคติแต่โบราณเจ้านายเหนือหัวก็เชื่อกันนักหนาว่ารูปพระนารายณ์นี้เป็นของร้อน พ่ออาจารย์ท่านว่าหากทำเป็นจะไม่ร้อนเลยซ้ำด้วยคุณพระนารายณ์จริงๆนั้นเป็นเทวะกษัตริย์ที่มีทุกสิ่งบริบูรณ์เพียบพร้อมจนหาสิ่งใดเสมอไม่ได้ ท่านนำผงสูตรวิชาสำคัญต่างๆผสมกับผงสูตรลับเฉพาะนั่นคือผงลอยเคราะห์ ผงแปลงชีวิต ผงบำเพ็ญกรรม อันเป็นตำรับสำคัญที่หาคนรู้ได้ยากยิ่งเมื่อจะทำรูปพระนารายณ์อวตารให้เกิดคุณสูงสุดกับมนุษย์ใส่ลงไปด้วย ท่านว่าเท่านี้องค์นารายณ์ก็จะบรรดาลให้สิ่งที่พวกเธอปรารถนาสำเร็จประสงค์ ท่านจะบำเพ็ญกรรมเปลี่ยนชีวิตไปพร้อมกับเธอ น้อมนำให้ชีวิตเธอเกิดผลดีเจริญด้วยสวัสดิมงคลทั้งสิ้น

    ด้านหลังนั้นนอกจากจะอุดผงสำคัญแล้ว โองการพระศรีหริวิษณุท่านยังให้เราทำเทพศาสตราฝังไว้ด้วย ท่านว่าจะให้วิชามาลงตะกรุดแล้วนำมาประกอบกันเป็นรูปคฑาขึ้นมาอันคฑานั้นก็มีนามว่าเกาโมทกี พ่ออาจารย์ท่านว่าโองการมาอย่างไรเราก็ทำตามคำสั่งท่านไปเพราะเราเองก็ตื่นตาตื่นใจจริงๆว่าวิชาลงตะกรุดเหล่านี้เป็นพระเวทย์สำคัญจริงๆ อันคฑาเกาโมทกีนั้นบ่งบอกฐานะของผู้ถูกคุ้มครองของพระนารายณ์ท่าน เป็นการปรากฏรูปเทพศาสตราที่แสดงสถานะว่านี่คือศิษย์ในความคุ้มครองและปกปักรักษาของท่านไม่ให้สิ่งใดมาล่วงเกิน นอกจากนี้คฑานั้นยังสร้างความเยือกเย็นให้กับจิตใจผู้ถือ พ่ออาจารย์ท่านว่าอาวุธวิเศษของพระนารายณ์ชิ้นนี้เรียกได้ว่าแทบจะเป็นของสำคัญที่ถูกลืมก็ว่าได้เพราะหากคนพูดถึงพระนารายณ์ก็จะนึกถึงเทพศาสตราชนิดหนึ่งนั่นคือจักรวัชรนาถ แต่ความเป็นจริงแล้วองค์พระศรีหรินั้นท่านย่อมทรงคฑาเสมอไม่ห่างกายทั้งยามหลับยามตื่นทีเดียว อาวุธที่ถูกลืมนี้บ่งบอกลักษณะความเยือกเย็นของผู้มีอำนาจปกครองตรีโลก ทั้งยังใช้สำเร็จโทษผู้ทำความชั่วร้ายโดยเฉพาะเหล่าอสูรซึ่งเป็นศัตรูกับเทพเจ้า เรียกว่าเป็นคฑาที่ใช้สร้างกฏระเบียบสร้างอำนาจปกครองเป็นของสำคัญที่ทรงถือไว้ตลอดเวลา แต่โดยเนื้อแท้แล้วคฑาเกาโมทกีนั้นคือจิตวิญญาณแห่งมหาศักติอันมีนามว่าเกาโมทกีนั่นเอง ด้วยเป็นเทวนารี มีชีวิต มีรูปนามที่เป็นศักติปรากฏออกมาในรูปคฑาสำคัญนี้ อำนาจของพระเทวีนั้นแสดงถึงปฐมความรู้เป็นความรู้อันมีแต่กำเนิด เป็นวิชชา พระศรีหริท่านบอกว่าคฑาเกาโมทกีนั้นถือเป็นตัวแทนของความรู้แรกสุดในการกำเนิดจักรวาลนั่นคือกาลเวลา... ด้วยเป็นการบ่งบอกสถานะศิษย์ของพระองค์ท่านทั้งยังมีอำนาจรุนแรงดุจสายฟ้าใช้เหวี่ยงฆ่าอสูรได้เป็นจำนานมาก เช่นนั้นองค์ศรีหริท่านจึงเจาะจงให้ทำคฑานี้ฝังไว้ ท่านว่าเพื่อเป็นจุดสูงสุดในการควบคุมกาลเวลาอย่างหนึ่ง เมื่อกาลเวลาอันเป็นกฏธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่สูงสุดอยู่ข้างเราทั้งยังดำรงค์อยู่ในตัวของเราแล้วทุกสิ่งก็จะเกิดขึ้นได้เสมอด้วยอำนาจของศักติเกาโมทกีนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าจิตวิญญาณศักติของคฑาเกาโมทกีนั้นถ้าใครตาดีจะเห็นได้ว่าพระนางเป็นเทวีองค์เล็กๆเหมือนเด็กนั่นแหละ หากจะขอพรกับพระนางก็ให้นึกถึงเทวีองค์เล็กๆแบบเด็กๆ หรือถ้าท่านปรากฏรูปให้เห็นนั่นก็นับว่าเธอโชคดีอย่างมาก

    พ่ออาจารย์ท่านเชิญคุณพระนารายณ์ประสิทธิ์ไว้จนบริบูรณ์แล้ว ท่านว่าเมื่อโลกเดือดร้อนคนก็นึกถึงพระนารายณ์ให้มาแก้ไขทุกครั้งไป แต่ครานี้ฉันขอเอาไว้ ไม่ใช่ให้ท่านแก้ไขโลก หากแต่ให้มาแก้ไขชีวิตพวกเธอ ใครที่กรรมหนักก็เอาท่านไปช่วยสะเดาะเคราะห์ เพราะท่านจะปรากฏรูปมาขับไล่ความชั่วร้ายเลวทรามทั้งหลาย ให้สังเกตดูตัวเองเลยว่าที่ผ่านมานี้มีเคราะห์ โทษ ทุกข์หรือยัง มองให้ออกว่าชีวิตตัวเองสิ่งเหล่านี้เข้ามาหาหรือยัง ที่บ้านมีความสุขดีไหม ครอบครัวมีความอบอุ่นดีหรือเปล่า ทำมาหากินสะดวกสบายเหมือนก่อนหรือเปล่า ครอบครัวทะเลาะกันบ่อย ไม่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน การงานมีปัญหาโน่นปัญหานี่จุกจิก ทั้งเจ้านายลูกน้องไม่เกื้อกูลอุดหนุนเราทำมาค้าขายทำธุรกิจการงานเงียบเหงาซบเซามีปัญหาแล้วทำมาหากินไม่ขึ้น...ทำอะไรไม่เจริญ นั่นแหละท่านว่าให้เอาองค์นารายณ์นี้สะกดทุกข์ไว้ ความทุกข์ที่ทำให้ใครตกต่ำย่ำแย่ไปตามๆกันจะไม่เกิดขึ้นแก่เราเลยถ้าเราอยู่ในความคุ้มครองของพระนารายณ์

    จะขอพรหรือขอพระนารายณ์ให้ช่วยในเรื่องใดๆ ถ้าเรื่องร้อน เรื่องใหญ่ หรือเอาง่ายๆว่าเธอรีบก็ให้จุดธูป16ดอก เทียนขาว1คู่ บอกกล่าวเอาแต่สิ่งดีๆไม่ต้องใช้คาถาใดๆใช้ภาษาไทยที่ตัวเองพูดฟังแล้วเข้าใจนี่แหละสื่อใจบอกไปถึงท่านด้วยความจริงใจ เหมือนเราพูดคุยกับครูบาอาจารย์ถ้าเป็นคนเจ็บไข้บนให้โรคหายก็หาย ทุกสิ่งหากไม่ใช่คุรุกรรมมาเบียดเบียนและเจ้าตัวยังพอมีบุญกุศลอยู่บ้างอันนี้จะเห็นผลไว ติดขัดในเรื่องใดปรารถนาอะไรก็บอกกล่าวท่านไป เห็นผลแล้วก็เอาพระพุทธรูปหน้าตักห้านิ้วไปถวายวัดวาอารามกล่าวอุทิศกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เบียดบังเรา อย่าบนด้วยของคาวให้บนด้วยพวงมาลัย ดอกไม้หอม น้ำอบ น้ำปรุงและผลไม้เท่านั้น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าได้ทำพระนารายณ์บำเพ็ญกรรมครั้งนี้ก็ไม่เสียทีที่เรียนวิชามา ผงทั้งหลายนั้นก็มีคุณต่างๆกันทั้งสิ้น ยิ่งคฑาเกาโมทกีนั้นก็ยิ่งน่าอัศจรรย์เข้าไปใหญ่ เอาว่าความรู้สึกฉันถือว่านี่ดีที่สุดศักดิ์สิทธิ์มาก เหมาะสมกับปัญหาชีวิตคน เอาไปแล้วก็เอาไปใช้ถ้าไม่ใช้กลัวห้อยแล้วมันจะหนักคอก็อย่าเอาไป ฉันเสียดายของด้วยไม่ใช่ว่าจะทำขึ้นมาได้ง่ายๆเลย ถึงจะไม่สวยเลิศเลอแบบสมัยนิยมแต่ถ้าคนดูงานหล่อโบราณเป็นก็จะรู้ว่ามีเสน่ห์อย่างมาก วิชาบำเพ็ญกรรมสำคัญขององค์ศรีหรินี้ท่านว่ารับสัจจะไว้ว่าจะทำให้หนเดียว ใครมีบุญหรือมีทางเดินร่วมกันกับพระองค์ท่าน(สายพระนารายณ์)ก็ให้มาเอาไป ด้วยพระนารายณ์นี้ท่านรักในศานุศิษย์ของท่านมากดั่งที่ท่านกล่าวไว้
    เราคือเจ้าของทุกสรรพสิ่ง
    เราคือนายเหนือหัวที่เต็มไปด้วยอำนาจในการควบคุมธรรมชาติของเราเอง
    เราได้ใช้อานุภาพของเรา เนรมิตให้เราได้เกิดมา
    เมื่อใดที่ความถูกต้องเสื่อมลง และความไม่ถูกต้องเจริญขึ้น
    เราจะกลับมาเกิดอีกครั้ง
    เพื่อปกป้องผู้ที่กระทำถูกต้อง
    และเพื่อทำลายผู้กระทำไม่ถูกต้อง
    เราจะนำสิ่งที่ถูกต้องกลับมาและให้ตั้งอยู่เช่นเดิม
    เราจะกลับมา​


    คาถาบูชา
    โอม นารายะนายะ วิทมะเหวาสุเทวายะ ธีมะหิตันโน วิษณุ ประโจทะยาต

    * พระนารายณ์ชุดนี้เป็นของเก่าที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างไว้นานแล้วและนำออกมาให้บูชากัน รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กกำพร้าต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระนารายณ์แปลงชีวิตลอยเคราะห์บำเพ็ญกรรม(ศักติเกาโมทกี) บูชา 2,500 บาท


    51099696-596816504081164-1639584944701308928-n.jpg 51159258-1525545867589885-7839127695379136512-n.jpg
    50996733-296758427533255-6247453274073464832-n.jpg
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ภาคภูมิ EW 4024 9225 5 TH

    พี่แมน EW 4024 9226 9 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ตอบ PM ครบนะครับ พระนารายณ์รุ่นนี้แรงจริง ไปตามคนมาได้ เดี๋ยวยกมาคุยกันต่อพรุ่งนี้รับรองใครพลาดน้ำตาตกในทีหลังแน่นอน มีไม่กี่รุ่นจริงๆที่พระจะตามหาคนครอบครอง
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พระนารายณ์

    เกี่ยวกับองค์พระนารายณ์ของพ่ออาจารย์นั้น มีหลายคนบอกว่าท่านไปตามมา กล่าวคือเขาเห็นรูปนิมิตปรากฏ บางคนก็ฝันเห็น บางคนก็สังหรณ์ใจว่าพ่ออาจารย์จะออกพระนารายณ์ ซึ่งมีทั้งที่ทักมาถามและไม่ทักมาถามบางรายรู้ล่วงหน้าเป็นอาทิตย์บางรายก็เป็นเดือน นับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่พอจะบอกได้ดังๆว่า นี่ใช่มั๊ยที่เขาเรียกว่าพระมีเจ้าของ มีความผูกพันธ์กับคนใช้ มีวาสนาต่อกัน เหตุการณ์ต่างๆยิ่งเกี่ยวกับพระเป็นเจ้าที่นานๆพ่ออาจารย์ท่านจะสร้างซักทีด้วยแล้ว กล่าวได้เลยว่าคงไม่มีเรื่องบังเอิญ วันนี้ก็เลยจะนำเรื่องของพระนารายณ์มาให้อ่านกันต่ออีกส่วนหนึ่ง

    พระวิษณุเทพแห่งความรุ่งเรือง ผู้ปกป้องคุ้มครองสรรพชีวิต กล่าวกันว่าหนึ่งวันของพระพรหมาเท่ากับยุค 4 ยุค 1000 ครั้ง และในชั่วชีวิตหนึ่งของพระพรหมา พระอินทร์ 14 องค์จะตกมาจากสวรรค์และสิ้นชีวิต อายุของพระพรหมา 2 องค์จะเท่ากับอายุของพระวิษณุ 1 องค์

    พระนารายณ์หรือพระวิษณุ มหาเทพผู้รักษาคุ้มครองโลกมีคุณสมบัติ คือ สัตตวคุณ(ความดี-ความบริสุทธิ์) มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อยและสมดุล หมายถึง ผู้ที่ได้เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำคือกำลังบรรทมอยู่เหนือหลังพญานาคราช เป็นมหาเทพที่มีหน้าที่รักษาโลกให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ในขณะที่สร้างโลกพระนารายณ์จะอวตาร เพื่อจะลงมาช่วยปราบยุคเข็ญในโลกโดยพระองค์อวตารเป็นจำนวนมากถึง 10 ครั้ง ได้แก่ อวตารเป็น ปลา เต่า หมูป่า นรสิงห์ พราหมณ์ถือขวานเพชร พราหมณ์เตี้ย พระราม พระกฤษณะ พระพุทธเจ้า บุรุษที่ชือกัลลี

    พระนารายณ์มี 4 กร ทรงถือคฑา สังข์ จักร และดอกบัว มีพาหนะเป็นพญาครุฑ มีพระชายาคือพระนางลักษมีเทวีแห่งความมั่งคั่งและเทวีแห่งความดีงาม มักปรากฏให้ประจักษ์ในรูปกายอันงดงามที่สุดฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์สดใสสว่างราวกับทองคำ เรือนร่างประดับด้วยเครื่องอาภรณ์อันวิจิตรตระการตา มีความอ่อนโยนยิ้มแย้มอยู่เสมอ พระองค์โปรดการเอื้อเฟื้อ โปรดการมอบความสุขแก่มวลมนุษย์ พระองค์เป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิฐานและการชนะทุกสิ่ง เป็นผู้ประทานแสงสว่างส่องกระจายไปยังทุกสากลโลก ทรงล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่าง ทรงล่วงรู้ความนึกคิดภายในจิตใจของสรรพชีวิต ทรงตัดสินปัญหาด้วยสำนึกอันสูงสุดแห่งพระเป็นเจ้า ทรงขจัดบาป ขจัดความขัดข้องต่างๆ และเมื่อเราขอพรเราต้องระลึกนึกถึงพระองค์ พรที่เราขอนั้นก็จะสัมฤทธิ์ผลตามที่ต้องการ

    พระวิษณุที่คนนึกถึงในฐานะเทพผู้มีจิตใจประกอบไปด้วยสิ่งที่ดี พระองค์ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของโลก เนื่องจากทรงคิดเช่นนี้พระองค์จึงต้องอวตารมาเกิดในโลกมนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า การอวตารนี้มีทั้งมาแบบหมดทั้งตัว เรียกว่า “อวตาร” มาเพียงบางส่วน เรียกว่า “อํศาวตาร” มาแบบเฉพาะกิจ เรียกว่า “อาเวศ”

    “แท้จริงแล้วฉันไม่เกิด ไม่เปลี่ยนแปลง ฉันเป็นเจ้าของทุกสิ่งและเป็นนายที่มีอำนาจเต็มในการควบคุมธรรมชาติของฉันเอง ถึงกระนั้นก็ตามฉันได้ใช้พลังอำนาจของฉันทำให้ฉันเกิดมา เมื่อใดความถูกต้อง(ธรรม)เสื่อมและความไม่ถูกต้อง(อธรรม)เจริญ ฉันก็จะถือกำเนิดแบบมีร่างกายขึ้นมา เพื่อปกป้องผู้ที่ทำถูกต้องและเพื่อทำลายล้างผู้ทำไม่ถูกต้อง เพื่อนำสิ่งที่ถูกต้อง(ธรรม)กลับมาประดิษฐานใหม่ ฉันจะเกิดทุกยุคทุกสมัย”


    gar-exoticindiaart2.jpg
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ฐิตกาญจน์ EW 4024 8334 1 TH

    พี่กฤตยชญ์ EW 4024 8335 5 TH

    พี่ปกรณ์เกียรติ EW 4024 8336 9 TH
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้จะฝากคำถามก็ PM กันไว้นะ แล้วมาติดตามพูดคุยกันต่อด้วยเกี่ยวกับหลายๆคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ จะหยิบยกขึ้นมาตอบกันไปเรื่อยๆ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พลาด(1)

    ช่วงนี้ที่คนปรึกษาเยอะที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องชีวิตในแบบต่างๆ หนักๆก็ถามกันมาเรื่องปากท้อง แต่พอย่อยข้อมูลหลายๆคนพูดตรงกันว่า พลาดบ่อย พลาดในที่นี้คือการงานไม่ได้ดั่งใจบ้าง ไม่สมหวังบ้าง ทำอะไรก็พลาด ถ้าตัดไอ้คำว่าพลาดตัวนี้ให้น้อยลงได้ชีวิตจะดีมาก พอถามดูรวมๆว่าพลาดกันเรื่องอะไรก็มีตั้งแต่ใช้ชีวิตผิดพลาด ลงทุนพลาด ลงแรงพลาด เหนื่อยฟรี เข้าเนื้อ เจ็บตัว แต่ถามว่าไอ้ที่ผิดพลาดนี้มันเกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์มั๊ย เราก็มานั่งย่อยข้อมูลที่เขาตอบๆกันมานั่นคือไม่มีใครพลาดไปทุกเรื่อง แต่พอพลาดแล้วก็มักจะจดจำสิ่งที่ผิดพลาดแล้วสรุปรวมๆว่าพลาดไปแล้วบ้าง ชีวิตแย่บ้าง ทำอะไรก็พลาดก็ผิดบ้าง

    อันนี้จะไม่พูดถึงสังคมทางวงกว้างหรือบริบทของเศรษฐกิจ เพราะถือว่าสิ่งนี้มันส่งผลกระทบโดยรวมกับทุกคน เรียกว่าเจอเหมือนกันหมด แต่ทำไมคนหลายคนถึงปักใจกับคำว่าพลาดในชีวิตและนำมาจดจำจนขึ้นใจมากกว่าวันเวลาดีๆที่เขาเจอ ในขณะที่คนอีกกลุ่มหนึ่งมองเรื่องผิดพลาดเหล่านี้เป็นประสบการณ์ว่าเล็กน้อยแล้วก็ข้ามผ่านมันไปไม่นำมาจดจำ ตรงๆเลยก็คือมีอยู่สองกลุ่มเท่านี้แหละคือพลาดแล้วจำย้ำคิดย้ำทำ กับพลาดแล้วช่างมันไม่มีผลกระเทือนต่อความคิดและอารมณ์ในระยะยาว

    ทีนี้จากที่ได้พูดคุยกันมานานๆเลยสำหรับสมาชิกกระทู้ของเราบางคน เราก็จะรู้ว่าพื้นฐานเขาเป็นอย่างไรทั้งจากดวงชะตาที่เขาฝากๆมาให้พ่ออาจารย์ท่านดูกัน หรือเวลาเขาปรับทุกข์ เค้ามีเรื่องยินดี เค้าเล่าเหตุการณ์ที่เจอเป็นประสบการณ์ในสังคมของเขา เราก็จะพอมีมุมมองคร่าวๆว่า คนๆนี้มีพื้นฐานทางสังคม ครอบครัว และการเงินตลอดจนความประพฤติเป็นอย่างไร บางคนนี่รู้แม้แต่กิจกรรมที่ชอบๆไปทำแล้วมาเล่ามาแชร์

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่ย้ำคิดย้ำทำอยู่กับความผิดพลาด ก้าวไม่พ้น ไม่ตัดเศษกรรมที่ติดอยู่ในใจตัวเองเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนฐานะกลางๆ ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมองจากคำพูด ความคิด ทัศนคติเขาแม้จะไม่รู้ฐานะสังคม แต่พอรู้งานที่เขาทำเราก็สรุปได้ว่าคนพวกนี้คือยอดของปิรามิด เวลาคุยก็เหมือนเราคุยกับนักปราชญ์ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้พัฒนาปัญญาหรือมุมมองเราด้วย

    จากที่ถามๆกันมาเกี่ยวกับความผิดพลาดในชีวิตหลายๆเรื่อง เช่นไปทำแท้งมา เคยไปทำร้ายบุพการีก็มี เคยคึกคะนองข่มขืนคนตอนรุ่นๆก็มี... นี่พวกนี้มันเป็นประเภทกรรมหนักไล่ลงไปจนถึงพลาดเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็เอาว่าหลายคนมีเรื่องที่ติดค้างคาใจ ติดอยู่ในใจเป็นเศษกรรมที่ตัดไม่ขาด ก้าวไม่พ้น แล้วก็ใช้ชีวิตเดินวนในคำว่าพลาดไปเรื่อยๆเลยปรึกษาว่ามีอะไรมั๊ยที่จะลดทอนให้ความรู้สึกนี้ ตลอดจนเรื่องพลาดๆผิดๆในชีวิตให้มันลดลง....


    *** ก็ขอติดการบรรยายไว้เท่านี้ก่อนนะ เรียกว่าเป็นตอนที่ 1 เดี๋ยวจะนำมาพูดคุยกันต่อในตอนที่ 2 และ 3 ต่อไป อันนี้บอกเลยว่าติดตามอ่านหน่อย เพราะเรื่องมันยาว แล้วที่เอามาพิมพ์ก็คือพยายามย่อยข้อมูลของหลายๆคนแล้วนำมาถ่ายทอด

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันต่อนะ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พลาด(2)

    เมื่อมาดูจากเรื่องราวต่างๆที่หลายๆคนสอบถามเข้ามา ก็ทำให้ทราบว่าบางครั้งเรื่องพลาดเล็กๆน้อยๆก็มักจะลุกลามจนเป็นชนวนผลเหตุใหญ่โตยากที่จะแก้ไขต่อไปได้ ทั้งคำว่าพลาดยังเป็นนามธรรมอย่างหนึ่งที่จับต้องไม่ได้ หลายๆคนที่ไม่อยากมีชีวิตผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงปรึกษากันเข้ามาตลอดว่ามีอะไรพอรับมือได้บ้างไหม

    ทีนี้เมื่อมีคำถามก็ต้องย้อนความไปที่พ่ออาจารย์ท่าน เพราะแต่เดิมท่านว่ามี แต่ตัวท่านเองก็ซ่อน ก็งำประกายเอาไว้เหมือนกัน ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย หากแต่มีปรากฏมานมนานกาเลแล้วในตระกูลเศรษฐีที่รู้วิชานับแต่โบราณ ก็มักจะเสาะหาแร่ทนสิทธิ์นี้มาทำวิชาใช้เก็บไว้เป็นของประจำตระกูลเศรษฐีเพื่อกันความตกต่ำมาหลายชั่วอายุคน เจ้าสัวบางสกุลนั้นถึงกับเก็บแร่นี้ไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษล่องสำเภามาจากเมืองจีนก็มี ซึ่งแร่นี้จะกล่าวขยายความต่อไปว่าคืออะไร แต่เหตุผลกลใหญ่ในลักษณะที่ตัวแร่นั้นเป็นของประเสริฐกว่าธาตุกว่ากายสิทธิ์ชนิดอื่นก็คือ ใช้ป้องกันความผิดพลาดในตระกูล หรือที่จะเกิดกับคนในสกุลนั่นเอง

    เช่นนั้นพระเกจิโบราณตั้งแต่ยุคสมเด็จพระพนรัตเรื่อยๆลงมา พ่ออาจารย์ท่านว่าเวลาจะสร้างพระอะไรก็มักจะเสาะหาแร่ชนิดนี้มาทำวิชาใส่ไว้เป็นชนวนซักเล็กน้อยในการหล่อหลอม มีทั้งหาได้บ้าง หาไม่ได้บ้าง ดังนั้นเพระเครื่องพระกรุบางประเภทที่คนมีโอกาสได้ใช้ ชีวิตเขาจึงรุ่งโรจน์โดยส่วนเดียว เพราะว่าชีวิตเขาไม่มีสิ่งที่ผิดพลาดหรือเป็นอันตรายมากล้ำกรายนั่นเอง

    แร่สำคัญนี้เป็นเเร่โบราณที่ตกทอดของตระกูลเศรษฐีที่ส่งมอบมาให้พ่ออาจารย์ท่านใช้หลอมพระด้วยเนื้อแร่ล้วนๆให้กับเขาเพื่อจะได้แจกจ่ายเฉพาะลูกหลานในสกุล ซึ่งเมื่อพ่ออาจารย์ท่านรับมาแล้วท่านก็รับปากว่าจะทำให้แต่ท่านขอตัวแร่นั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสียก้อนหนึ่ง ก้อนแร่นี้ท่านว่าแปลกด้วยเทพที่รักษานั้นแตกต่างกับเทวดทั้งหลายอยู่มาก... ท่านก็ประจุคุณปลุกเสกแร่ของท่านไปเรื่อยๆจนมีโอกาสได้นำแร่ไปขอบารมีหลวงพ่อฤาษีท่านเสกให้อีกหลายวาระ ด้วยญาณทัศนะของท่านถึงกับออกปากมาว่า"แร่โบราณนี้ดีนะ กันพลาด กันชีวิตคนอับเฉาได้"

    จนปัจจุบันนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้นำก้อนแร่มาทุบและสร้างพระสำเร็จตัดกรรม.. ท่านจึงนำเนื้อแร่เป็นก้อนๆมาฝังบรรจุไว้ ด้วยตั้งใจแบ่งให้ผู้มีวาสนาได้ใช้แล้วก็นำเสกมาเรื่อยๆตามสายวิชาของท่านนานหลายปี เพราะท่านว่าจะทำของตัดกรรมก็ต้องขอเมตตาครูบาอาจารย์ซึ่งเป็นทิพย์กายลงกันให้ครบทุกองค์ จวบจนเมื่อไม่กี่วันก่อนย้อนไปมีคนแอดไลน์มาสอบถามหาเครื่องมงคลรุ่นเก่าๆซึ่งก็หมดแล้วแทบจะทั้งนั้น เรียกว่าขานชื่ออะไรมาก็หมดจนคนถามเริ่มหัวเสีย ประมาณว่าถามอะไรก็หมด ทีนี้เลยถามกลับมาว่ามีอะไรพอจะออกให้บูชาก่อนได้มั๊ย เราก็ตอบไปตรงๆว่ามีสำเร็จตัดกรรมนะ แต่ยังไม่ได้ลงข้อมูลเพราะของมีน้อยมาก พี่คนนี้ก็ดีใจขอบูชาทันทีทั้งที่ไม่ได้รู้อะไรเลย เรียกว่าเกิดศรัทธาอย่างจริงใจขึ้นมาเสียแบบนั้น

    พอได้นำไปบูชาแล้วอย่างที่บอกว่าว่าแร่ที่ฝังนี้ท่านเคยนำให้หลวงพ่อฤาษีเสกแผ่เมตตาอธิษฐานจิตให้หลายวาระ พอนำไปบูชาก็ไม่พลาดเพราะเขาฝันเห็นหลวงพ่อฤาษีจริงๆ พี่เค้าเล่าว่าตัวเขาเคยเจอหลวงพ่อหลายครั้ง แต่นับตั้งแต่ท่านมรณภาพไปก็ไม่เคยฝันเห็นท่านเลย พอได้พระสำเร็จตัดกรรมมาอยู่ดีๆก็นึกถึงท่านฝันเห็นท่านอีก เจ้าตัวก็นึกแปลกใจ พี่เขาเล่าว่าผมเอาองค์พระนี้วางไว้ข้างๆหมอนถวายดอกไม้พวงมาลัยแล้วก็สวดมนต์ปกติบูชาพระพุทธคุณ ตอนนอนก็ฝันว่าไปเจอหลวงพ่อฤาษีโดยตัวเขากับหลวงพ่ออยู่บนห้องโดยสารเครื่องบิน และหลวงพ่อมีกิจนิมนต์ไปเชิญพระพุทธรูปโบราณขึ้นมา อารามดีใจก็กราบเรียนพูดคุยกับท่านเสียมากเพราะคิดถึงกัน แต่น่าแปลกเพราะหลวงพ่อกลับนิ่งเงียบได้แต่มองตาเขาไม่ตอบเขาเลยซักคำ ท่านนิ่งเงียบพลางจ้องมองมาตลอดในขณะที่พี่เขากำลังพูดต่างๆนาๆ แต่อยู่ดีๆหลวงพ่อท่านก็พูดว่าให้กลับไปบำเพ็ญบารมีอีก 13 ปี จนอายุพ้น 49 ก่อนค่อยกลับมาเจอกันใหม่

    ซึ่งพอตื่นพี่เค้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย แต่พอพบแม่เขาก็เล่าว่าฝันเห็นหลวงพ่อฤาษีด้วยแหละ ท่านพูดเลขมาตรงๆเลยสงสัยงานนี้จะถูกหวยใหญ่ (ในใจก็สบประมาทว่าพูดไปนั่น แต่ตั้งแต่รู้จักท่านก็ไม่ได้เคยได้ยินท่านพูดกับเราเป็นตัวเลขเลย) พี่เค้าว่าตอนนั้นแม่ก็ถามว่าหวยจะออกอะไร ตัวเขาก็เลยพูดไปว่า สิบสาม สิบสี่นี่แหละ เพราะตอนนั้นเหมือนมีอะไรดลใจให้ลืมเลขเก้าคิดยังไงก็คิดไม่ออก นึกออกแต่ 134 สามตัวแค่นั้นก็เลยบอกแม่ไปตรงๆว่าจริงๆมีสี่ตัวนะแต่ลืม จำได้แค่สาม ซึ่งคุณแม่เขาก็ถามว่าจะซื้อหวยมั๊ย เพราะปกติครอบครัวเขาไม่เล่นหวยเลย แต่อยู่ดีๆก็มีเลขซึ่งปกติจะไม่มี พี่เค้าเลยบอกแม่ว่าโทรหาป้าให้หน่อยซื้อสามตัวนี้ซักห้าพันบาท(เล่นหนักจริงๆ)

    ไม่ต้องพูดถึงว่าหวยออกมาแล้วจะยิ้มกันขนาดไหน ก็น่าแปลกอยู่มากเหมือนคนไม่มีวาสนา คือหากปล่อยไว้ตามปกตินิสัยไม่มานั่งคุยกับแม่โชคก็คงไม่เกิด ตัวเลขในความฝันอยู่ดีๆก็ลืมดื้อๆไปหนึ่งตัว แถมแม่ก็มาถามมาย้ำให้ซื้อหวย แบบนี้น่าจะพอเรียกได้ว่าไม่พลาด หรือว่าจะเป็นอาถรรพ์ของกันพลาด กันชีวิตอับเฉานี้จริงๆ


    *** เรื่องที่เล่านี้ก็เป็นกรณีตัวอย่างว่า แม้คนที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ยังใช้ได้ เป็นปาฏิหาริย์บนความบังเอิญที่ไม่น่าจะเจอ เพราะเค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแร่นี้หลวงพ่อฤาษีเคยอธิษฐานจิตให้หลายวาระ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและเขาได้มอบเงินจำนวนมากมาถวายพ่ออาจารย์ให้ใช้ในงานการกุศลต่างๆ พร้อมทั้งอยากจะขอบูชาสำเร็จตัดกรรมทั้งหมดไปแจกกับคนในสกุลบ้าง หากแต่ว่าท่านจำกัดไว้ให้ได้เท่านั้น ท่านว่าวาสนาเขามีเท่านั้น เฉพาะองค์พระที่เขาบูชาไปก็จะเบิกเส้นทางชีวิตใหม่ๆให้เขาได้อีกหลายสาย เป็นวาสนาที่ต่อเนื่องยาวไปไม่สิ้นสุดไม่จำเป็นต้องใช้เยอะแยะอะไรเลย เราก็เลยบอกพี่เขาไปตรงๆซึ่งเขาก็เข้าใจได้ ...เดี๋ยววันนี้ใครจะฝากคำถามก็ PM ไว้นะครับ

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    เกี่ยวกับแร่...(กันพลาด)ที่ฝังในสำเร็จตัดกรรมนั้น มีหลายคนสอบถามให้เอาออกมาให้บูชาเป็นของขวัญในฤกษ์ตรุษจีนล่วงหน้าคือพรุ่งนี้ เพราะเกรงว่าวันตรุษจะไม่มีเวลามาจองแล้วพลาดโอกาส ซึ่งรายการนี้ต้องแจ้งแต่ต้นว่ามีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเพราะพ่ออาจารย์ท่านใช้เลี่ยมห้อยอาราธนาเององค์หนึ่ง และผมก็ตั้งใจจะบูชาไว้เององค์หนึ่งเช่นกันทำให้พระเหลือจำนวนน้อย ดังนั้นที่ขอมาว่าจะลงให้พรุ่งนี้ใครมีวาสนาสอดคล้องกันก็เอาไป หมดคือหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2019
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    พรุ่งนี้ติดตามพูดคุยกันนะครับ ห้ามช้า... กันพลาด
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จตัดกรรมต้านสวรรค์มนต์ชุบตัวเปลี่ยนชีวิต(กันพลาด)

    มีคนเคยถามพ่ออาจารย์ว่าตัวท่านสร้างพระไว้หลายรุ่น ตัวท่านเองจะใช้รุ่นใหนดี ท่านตอบกลับไปว่าสำเร็จตัดกรรมสิดีทุกด้านใช้แล้วเจริญรุ่งเรือง...เพราะอะไร เพราะสำเร็จตัดกรรมนี้หวังอะไรรับรองไม่ผิดหวัง เพราะกว่าจะทำวิชาเสกได้ฉันต้องเชิญเทพทั้งโสฬส(อัญเชิญเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้า)ลงเสกครอบจนมั่นใจว่าองค์พระต้องมีอานุภาพให้ครบ คนเขาเอาไปถือเอาไว้คุ้มครองชีวิตต้องร่มเย็นเป็นสุขดำเนินชีวิตดั่งครอบอยู่ในร่มเงาของพระศาสดา มีความสมบูรณ์ ส่งให้ชีวิตดีขึ้น เจริญรุ่งเรืองขึ้นหันหน้าไปทิศใดทางใดไม่เห็นปัญหา ตัดและขจัดปัญหาอุปสรรคได้หมด คำว่าสำเร็จตัดกรรมนี้ก็คือลดกรรม งดวาระกรรม ทอนกรรมให้เบาลงน้อยลง ทำให้สัญญากรรมขาด ให้ชีวิตสำเร็จ ไม่ว่าจะกรรมอันก่อเนื่องเป็นเวรภัยใดๆในชาติสงสารก็ดีที่ทำให้ชีวิตตนมีปัญหาเรื่องต่างๆ จะเป็นปัญหาขัดขวางนานัปการ ทั้งความจน ปัญหาเงิน ปัญหางาน ปัญหาการเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาความรัก ปัญหาเกี่ยวกับคน... รวมไปถึงสิ่งที่ผูกกรรมเหล่านั้นไว้ไม่ว่าจะคำสาปแช่งก็ดี เคราะห์ก็ดี เจ้ากรรมนายเวรก็ดี อำนาจฝ่ายต่ำ ฝ่ายสูง ที่ต่อต้านความเจริญของเราฉุดชีวิตเราลงสู่ที่ต่ำก็ดี สิ่งเหล่านี้ท่านว่าต้องตัดหมดจึงชื่อว่าสำเร็จตัดกรรม

    พ่ออาจารย์ท่านว่าจะทำของให้เขาใช้ ให้ชีวิตผ่อนหนักเป็นเบา หากเบาก็ให้สูญไปก็ต้องทำเป็นรูปพระศาสดา อาศัยพระบารมีทั้งสี่อสงไขยแสนกัลป์ที่ทรงบำเพ็ญบรรลุอภิเษกสัมโพธิณาณเป็นพระศาสดาผู้เลิศกว่ามนุษย์ เทวดา มาร พรหม ไม่มีใครเสมอได้ ท่านผ่านและชนะอุปสรรคทั้งหมดทั้งสิ้นฉันใด การอัญเชิญพระพุทธบารมีของพระองค์เฉพาะกาลนี้ก็จะลดทอน บรรเทา ให้วงจรชีวิตพ้นจากปัญหา ให้มีชีวิตความเป็นอยู่เหนืออุปสรรคทั้งปวงเช่นนั้น ทั้งนี้ยังต้องขอเมตตาองค์พระใหญ่ท่านให้ทำให้ ให้ท่านเสกจนพุทธรัศมีปรากฏจึงจะใช้ได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเธอรู้มั๊ย ฉันต้องเสกพระสำเร็จตัดกรรมชุดนี้ในน้ำมนต์ เสกจนฉัพพรรณรังสีทั้งหกทอแสงเหนือองค์พระชนิดเห็นได้ด้วยตาเนื้อนั่นแหละถึงจะสำเร็จ ด้วยเป็นพระที่ครอบพุทธรัศมีจึงดีเรื่องเสริมดวง,ความรุ่งเรืองของหน้าที่การงาน,แหวกอุปสรรค,คลายเคราะห์โศกเป็นที่สุด อันพระรัศมีหรือฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้านั้น ก็มีอยู่ 6 ประการคือ 1.สีเขียว เรียกนีละกสิณ (เขียวเข้มเหลือบม่วง เหมือนดอกอัญชัน) 2.สีเหลือง เรียกปีตะกสิณ (เหลืองเหมือนสีของดอกหรดาลทอง) 3.สีขาว เรียกโอทากะกสิณ ขาวเหมือนแผ่นเงินแท้ 4.สีแดง เรียกโลหิตตะกสิณ แดงเปลวเพลิง 5.สีหงสบาท เรียกมัญเชฏฐะ สีหงสบาทมีสีคล้ายดอกเซ่ง หรือดอกหงอนไก่ 6.สีเลื่อมพรายปภัสสร สีเหลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก เมื่อพุทธรัศมีหรือฉัพพรรณรังสีปรากฏขึ้น เหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆจะต้องหายไป อันตรายต่างๆจะหมดไป นี่เป็นการตัดกรรมอย่างหนึ่ง ไม่ว่ากรรมนั้นจะหนักหรือเบา ถ้าไม่ส่งผลมาจากอนันตริยกรรมแล้วทั้งหมดย่อมบรรเทาได้ แม้อัปมงคลทั้งหลายก็ต้องจางหายไปด้วยเช่นกัน

    พระสมเด็จรุ่นนี้นอกจากเสกจนพุทธรัศมีปรากฏแล้ว ท่านยังใช้ผงที่มีคุณชนิดค่าควรเมืองหลายสกุลด้วยกันมาผสมสร้างเป็นองค์พระ ผงหลักเลยก็คือผงหนูตกถังข้าวสาร มีอานุภาพทางแสวงหาทรัพย์สินให้เติมเต็มได้ไม่มีพร่อง เหมือนถังข้าวสารตักไม่หมดใช้ไม่พร่อง ทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทองถึงขาดไปก็หามาเติมเต็มได้ตลอดเวลา ผู้ใช้จะมีดวงเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ ดั่งว่ามีบุญได้ถือแก้วสารพัดนึกที่บันดาลความร่ำรวย ความสมหวังมาให้ผู้ครอบครอง พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจจะให้พระสมเด็จรุ่นนี้นอกจากตัดกรรมแล้วยังมีมีอุปเท่ห์เกี่ยวกับเงินทอง ความมั่งคั่งร่ำรวย เพิ่มทรัพย์เพิ่มสมบัติ ทำมาหากินต้องเหลือเก็บ แม้บูชาไว้กับตัวไว้กับบ้านจะมีลาภมหาศาลเงินทองเติบโตมาก ท่านว่าผงหนูตกถึงนี้คนใช้จะรวยไม่จบไม่สิ้น ไม่มีความอดอยากยากจน ขออย่างเดียวได้ดีแล้วอย่านำไปบอกใคร ให้เก็บไว้เป็นความลับเท่านั้นก็พอ

    ท่านนำผงหนูตกถังมาผสมกับผงข้าวปากบาตรหลวงปู่ขาวและเข้ากับผงพุทธคุณทั้งห้าตามตำรา สมเด็จโตวัดระฆัง ประกอบด้วย ผงพุทธคุณ, ผงมหาราช, ผงตรีนิสิงเห, ผงอิทธิเจ และผงปัถมัง นอกจากนี้ท่านยังผสมผงวิเศษต่างอีกเป็นจำนวนมากทั้งผงภูติพระเจ้า,ผงหนุนดวง,ผงค้ำดวง,ผงสิบสองนักษัตรหลวงปู่เทียน,ผงนะทั้งร้อยแปดตัวซึ่งต้องเสกเดินหน้าถอยหลังย้ายรูปจนสำเร็จ ท่านเอาผงเหล่านี้มาเข้าด้วยผงธาตุข้าวอธิษฐานพระปัจเจกพุทธเจ้าที่มีอานุภาพดุจแก้วสารพัดนึกแม้คิดหวังสิ่งใดหากไม่ผิดศีลธรรมก็จะสำเร็จประโยชน์ได้โดยฉับพลันด้วยแรงอธิษฐานของพระปัจเจกโพธิเจ้านั้น,ผงโสฬสภูมิ(เทวดาให้)ท่านว่าผงนี้แรงนักแม้ได้ผสมในอะไรก็จะหนุนอาถรรพ์สิ่งนั้นให้แรง ให้ดีขึ้นนับพันนับหมื่นเท่าท่านจึงนำมาใช้เมื่อสร้างสำเร็จตัดกรรมนี้,ผงหนุนชะตาค้ำไตรจักร ท่านว่าคนที่บูชาจะค้ำชูหนุนดวงไม่ให้ตก ไม่ให้ต่ำ ทั้งยังแก้เคราะห์กรรมได้,ผงตรีนิสิงเหซ่อนหาให้คุณทางขับเสนียดจัญไรสิ่งอัปมงคลคุณคนคุณผีวิญญานร้ายออกจากตัวเรา,ผงพรหมโลกามีคุณด้านอำนวยผลสวัสดิมงคล ประสิทธิโชคลาภ และมีอายุยืนยาว

    ผงเหล่านี้ท่านว่าเล็กดีแต่ก็พริกขี้หนู เผ็ดร้องไม่ออกเชียว เห็นแบบนี้แต่ละอย่างก็มีอาถรรพ์มากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตคนได้ หากใครได้ไว้บูชาให้ตั้งจิตอธิษฐานเอาเถิดจะไม่มีวันตกอับ ตกต่ำ จนกว่าใคร คำว่าอดอยาก ยากจน หม่นหมองจะไม่เกิดขึ้นเลย ขอให้คนใช้มั่นคงในพระรัตนตรัยนะอธิษฐานเอาจะได้ผลยิ่งกว่าแก้วสารพัดนึกอีก ถ้าเดือดร้อนมีทุกข์ภัยไข้เจ็บอย่างไรก็เอาพระอธิษฐานทำน้ำมนต์กินอาบเอาปราบได้หมด ใช้ของฉันนี้เน้นแต่ผงพระพุทธคุณไม่ต้องเอาผงกระดูกผีสางที่ไหน จะได้รู้ว่าคุณพระ คุณเทพ คุณพรหมก็วิเศษเหมือนกัน แรงไม่ตกเชียวล่ะ

    องค์พระสำเร็จตัดกรรมนั้น พ่ออาจารย์ท่านว่าฝังแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์เฉพาะทางไว้ รวมถึงตะกรุดที่ลงจากคุณวิชาเอกอุที่ท่านมั่นใจโดยเฉพาะ ได้แก่
    - แร่กันอับเฉา(กันพลาด) โบราณเขาเอาไว้ถ่วงท้องเรือสำเภา เวลาคนเดินทางแสวงโชคล่องเรือมานี่เขาก็จะหยิบแร่ที่ถ่วงท้องเรือออกมาเป็นที่ระลึกถือว่าเป็นของสิริมงคลด้วยอยู่ท้องสำเภายังถ่วงให้พ้นคลื่นลมแลภัยพิบัติได้ แม้เรื่อที่ว่างยังถ่วงให้เต็มได้ นี่เป็นเคล็ดแต่โบราณเอาไว้เริ่มตั้งตัว ดั่งว่าหยิบทรัพย์ ได้ทรัพย์ในสำเภามาครอบครองเป็นอาถรรภ์แฝด ซ้ำแร่ถ่วงท้องสำเภานี้ยังมีดีในตัวเองโบราณว่ามีคุณตามเคล็ดกันพลาดกันอับเฉาได้ครอบคลุมทั้งสิ้น หมายถึงกันสิ่งไม่ดี กันชีวิตอัปปาง กันชีวิตล่มจม ปิดทางให้ตั้งตัวได้เจริญขึ้นโดยส่วยเดียวไม่มีวิบัติภัยใดๆเลย แร่สำคัญนี้พอถ่ายทอดสืบสกุลจากรุ่นสู่รุ่นในตระกูลเศรษฐี ตัวแร่จึงถูกเคารพในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษซึ่งมีเทวดารักษา คนในสกุลมักจะนำมาอธิษฐานขอพรเพื่อเข้าถึงพลังงานและสิริมงคลเบื้องสูง พ่ออาจารย์ท่านว่าแร่ก้อนนี้นอกจากจะดีทางกันพลาดกันอับจนแล้ว ยังมีดีด้านมหาสะกดให้ฝูงชนหลงเมามัวเคลิบเคลิ้มได้อย่างประหลาดเป็นไปด้วยอานุภาพเทวดา เธอลองคิดเอาเถิดว่าเพียงก้อนแร่ก้อนหนึ่งยังทำให้คนนับสิบในสกุลยึดถือกราบไหว้มาหลายชั่วอายุคนนับร้อยๆปีตั้งแต่ต้นกรุงได้นี่แร่ก้อนนี้ต้องมีอาถรรพ์และวิเศษกว่าแร่ชนิดเดียวกันขนาดไหน ท่านว่าแร่นี้เมื่อนำมาพกพาจะเสริมส่งตบะ เพิ่มวาสนา เติมบุญบารมี ต่อชะตาชีวิตทำให้เกิดความก้าวหน้าในการงาน มีความสุขความเจริญรุ่งเรือง แม้ต้องอาถรรพ์ดวงตกก็หนุนชะตาได้เป็นอย่างดี พ่ออาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าแร่นี้ได้ซึมซับ ความสุข ความบริบูรณ์มาชั่วรุ่นเศรษฐีหลายอายุคน ซึมซับความสุขมายาวนานไม่รู้จักคำว่าตกต่ำยากจน มีอาถรรพ์ดุจสำเภาที่ฝ่าคลื่นลมข้ามน้ำข้ามทะเล ฝ่าคลื่น ฝ่าพายุมรสุมวิบากกรรมผ่านพ้นได้นับกาลเวลาไม่ถ้วน เช่นนี้ท่านจึงนำแร่มาอธิษฐานจิต ทั้งยังได้ขอบารมีหลวงพ่อฤาษีเสกให้หลายวาระจนประจักษ์แก่ใจว่าอานุภาพเต็ม ท่านจึงบอก ขอกับเทวดาที่รักษาแร่ให้ออกไปสร้างกุศลใหญ่ แล้วนำแร่มาทุบฝังพระสำเร็จตัดกรรมนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเราขอเขาให้ไปหนุนคนที่ได้ไป ให้เจริญขึ้นโดยส่วนเดียวเหมือนที่เขาเคยสร้างคน เปลี่ยนคนติดสำเภาธรรมดาให้ตั้งตัวเป็นเจ้าสัวในเมืองกรุง เป็นเศรษฐีค้าสำเภาได้สืบทอดลูกหลานมาหลายร้อยปีโดยที่สกุลนี้ไม่มีตกต่ำเลย
    - ก้อนชนวนเจ้าสัวหลวงปู่บุญ ก้อนชนวนนี้ที่พ่ออาจารย์ท่านตัดแบ่ง ในอดีตท่านจะใช้ฝังพระเจ้าสัวไม้แกะของท่านให้คนที่ได้บูชาไปนำไปค้าขายขอโชคลาภได้สมดั่งใจนึก ด้วยเป็นธาตุเป็นพลังงานที่หลวงปู่บุญอธิษฐานไว้ ท่านว่าเราบอกกล่าวให้กับหลวงปู่บุญท่าน มีก้อนชนวนนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน เหมือนใช้พระเจ้าสัวท่านเลย
    - พระธาตุเสด็จ พ่ออาจารย์ท่านนำพระธาตุที่มีฤทธิ์นั่นคือชุดพระธาตุกลุ่มที่เสด็จไปมาได้เองในอากาศมาฝังไว้ตรงอกองค์พระเป็นกรณีพิเศษ ท่านว่าพระธาตุเสด็จนั้นมีฤทธานุภาพแก่กล้าและแสดงฤทธิ์ได้ฉันใด ก็จะได้แสดงฤทธิ์เป็นสิริมงคลนานัปการให้กับผู้ได้ทำสักการบูชาเช่นนั้น
    - ตะกรุดเจ้าสัวตั้งตัว เป็นวิชาที่ครูบาจารย์ครั้งโบราณสืบทอดกันมามีพุทธคุณทางโชคลาภอย่างเอกอุ ท่านว่าเก็บไว้กับตัวจะมีกินมีใช้ไม่ขาด คนไม่มีโชคจะมีโชค โชคลาภเงินทองจะเข้ามาแบบไม่คาดฝัน แม้เอาไว้ใต้หมอนก็ป้องกันฝันร้ายทำให้ฝันดีหากมีวาสนาเทวดาก็จะมาบอกนิมิตนำพาลาภลอยมาให้ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้นับว่าประหลาดเพราะมีอาถรรพ์มากถึงขนาดคนงอมืองอเท้าทำอะไรไม่ได้ แม้นอนอยู่เฉยๆก็ยังมีกิน มีใช้เหมือนคนปกติได้ ท่านว่าฉันทำไว้ให้ตั้งตัว แต่ไม่ได้สนับสนุนใครให้ขี้เกียจจนไม่ทำอะไรหรอกนะ
    - ตะกรุดทำลายอุปสรรค ท่านว่าเอาไว้ขจัดอุปสรรคและตัวขัดขวางทางทรัพย์ เป็นมหาโชคมหาลาภ ทั้งยังคุ้มครองป้องกัน ปัดเป่าอาถรรพ์ ทำลายคุณไสย ขับไล่ภูตผีปีศาจ เป็นมหาระงับเคราะห์เหตุเภทภัยและภยันตรายทั้งปวงอีกด้วย ท่านถือคติที่ว่าคนเรานั้นถ้าชีวิตไม่มีอุปสรรคแล้ว โชคลาภก็จะเข้ามาได้เอง พออุปสรรคไม่มีโชคลาภก็เกิดขึ้นแล้ว เงิน ทอง ความสุขที่ปรารถนามันก็จะพุ่งเข้าสู่ตัวเราโดยตรง พ่ออาจารย์ท่านว่าที่จริงมันพุ่งหาตะกรุดนะ แต่เราเป็นคนพกตะกรุดก็เท่ากับว่ามันพุ่งเข้าหาตัวเรา

    พระสำเร็จตัดกรรมรุ่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเราเป่ามนต์ชุบตัวเปลี่ยนชีวิต ขอพระยม พระกาฬท่านให้พลิกบัญชีเจ้ากรรมนายเวรทั้งหมดคลี่คลายปัญหาให้เป็นรายบุคคลไป ท่านว่าพอได้ไปก็อธิษฐานจิตบอกกล่าวเอาเลยชีวิตจะได้เบาขึ้น สบายขึ้นนับจากวันนี้ไป นอกจากนี้พระรุ่นนี้ยังให้คุณแปลกๆอีกประการหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าด้วยอานุภาพของภูติพระเจ้าท่านจะคอยบอกโชคบอกลาภเตือนภัยล่วงหน้า อธิษฐานอะไรก็ใช้ได้หมดจะให้ช่วยเรียกเงิน เรียกลูกค้า ดึงดูดโชคลาภเงินทองทรัพย์สมบัติของมีค่าสารพัด เรียกได้ว่าผู้เป็นเจ้าของสามารถอธิษฐานกับองค์พระทุกเรื่องตามเหตุที่พึงเป็นไปได้ ซ้ำตัวแร่กันอับเฉานี้ท่านว่าให้พกไว้กับตัวเถิดเขาจะซึมซับกลิ่นอายของเราผูกเอาความเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณบรรพบุรุษของแต่ละคนที่ยังวงเวียนอยู่ในภพภูมิอันเป็นสุขคติภูมิทั้งหลาย เนื่องจากมีจิตของบรรพบุรุษคอยช่วยเหลืออยู่นั่นเองก็จะทำให้ลูกหลานร่ำรวยและเจริญขึ้นโดยลำดับขั้น องค์พระนี้ก็ให้หมั่นเอาไว้สวดบทพระพุทธคุณเจริญสติก็จะหนุนดวงสกุลให้เจริญขึ้นสืบไป ด้วยเทวดาที่รักษาแร่รวมไปถึงบรรพบุรุษของแต่ละคนก็จะบันดาลให้มีนิมิตต่างๆเช่นฝันเห็นช่องทางการทำมาหากินที่จะทำให้รวย ทำให้เกิดนิมิตสิริมงคลทั้งหลายเช่นนี้

    คาถาบูชา
    พุทโธ สัพพัญญุตะญาโณ มหาชนานุกัมปะโก ธัมโม โลกุตตะโรวะโร สังโฆ มังคะผะลัฎโฐจะ อิจเจตังระตะนัตตะยัง เอตัสสะ านุภาเวนะ สัพพะทุกขาอุปัททะวา อันตะรายาจะนัสสันตุ ปุญญะลาภะมหาเตโช สิทธิกิจจัง สิทธิลาโภ สัพพะโสตภีภะวันตุเมติ

    * พระสำเร็จตัดกรรมรุ่นนี้ ท่านว่ามีให้บูชาเหลือแค่สี่องค์เท่านั้นใครมีวาสนาสอดคล้องกันก็เอาไป หมดคือหมด รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น ผู้บูชาให้แจ้งชื่อและสกุลตนเอาไว้ด้วยท่านจะบอกกล่าวทำการประสิทธิให้ รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา สำเร็จตัดกรรมต้านสวรรค์มนต์ชุบตัวเปลี่ยนชีวิต(กันพลาด) บูชา 4,000 บาท

    51783735-290959901597385-5397113619924123648-n.jpg 51112765-252589835641019-8394747934922506240-n.jpg
    51044285-2192468470797079-5556211814296977408-n.jpg
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ธีรนันท์ EW 4024 9552 6 TH

    พี่วิชัย EW 4024 9553 0 TH

    พี่วิชัย(ราชดำเนิน) EW 4024 9554 3 TH
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ตอบ PM ครบนะครับ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ฝุ่น
    รู้จักฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่มากับมลภาวะ และวิธีการเลือกหน้ากากป้องกัน
    เป็นข่าว Talk of The Town กันหนักมากในช่วงนี้กับปัญหาฝุ่นละอองเป็นพิษในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าท้องฟ้าสีหม่นในยามเช้าแผ่ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นคือ มลพิษทางอากาศที่สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย แล้วเจ้าฝุ่นร้าย PM 2.5 คืออะไร? มาจากไหน? แตกต่างจากฝุ่นละอองทั่วไปในอากาศอย่างไร? อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่? แล้วสุดท้ายเราจะมีวิธีป้องกันตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างไร? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจให้กับคุณ

    PM2.5 คืออะไร?
    คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง

    พูดง่ายๆ คือ ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว แต่เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ในอากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกัน

    ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว

    ฝุ่นละอองมาจากไหน?
    สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง

    ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ และเจ้าฝุ่นjavascript:void(null);ร้ายมักวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในยามเช้า

    มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?
    ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้

    ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเรามาก แล้วส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา ดังนี้

    • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
    • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
    • สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ด้วย
    ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5

    1. ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
    2. หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้
    3. ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
    4. ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย
    5. รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)
    6. ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือที่โล่งแจ้ง ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรัง สำหรับคนทั่วไปอย่างน้อยให้ใส่ “หน้ากากอนามัย” โดยต้องใส่ให้ถูกต้องวิธี คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก ให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอยพับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละอองในรอยพับ ทำให้หายใจลำบาก

    ประเภทของหน้ากากอนามัยและการเลือกใช้ให้เหมาะสม

    1.หน้ากากอนามัยชนิดN95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เป็นหน้ากากที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ

    2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ3ชั้น หรือที่เรียกว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป เน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ แต่หากเป็นเชื้อไวรัสซึ่งมีอนุภาคเล็กระดับไมครอน อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เพียงพอหากต้องการป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ

    3.หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้ายjavascript:void(null);ระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่เหมาะกับการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อดี คือ ประหยัด สามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำลับมาใช้ใหม่ได้

    สรุป ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่วิธีที่ดีสุด คือ การแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันคืนอากาศบริสุทธิ์ให้พวกเราทุกคน โดยควบคุมเจ้าฝุ่นร้าย PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐาน





     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    วันนี้วันตรุษจีน วันถือ ไม่ได้ส่งของหรือนัดรับใครเลย แต่จะส่งให้รวบยอดพรุ่งนี้ทีเดียวนะครับ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    แจ้งการส่งems
    พี่วิชัย EW 4024 8700 3 TH

    พี่ศิระ EW 4024 8702 5 TH

    พี่กฤตยชญ์ EW 4024 8707 9 TH

    พี่สุทธิธรรม EW 4024 8708 2 TH

    พี่พรเทพ EW 4024 8709 6 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ EW 4024 8710 5 TH
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    ตอบpm ครบนะครับ ปิดรายการพระสมเด็จแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ติดตามพูดคุยกันนะ
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    จิต คืออะไร
    รุณสวัสดิ์ครับ มีคนถามเรื่องการฝึกจิตเข้ามาบ่อย วันนี้ก็มาทำความรู้จักกับจิตของตัวเองกันดูก่อนนะครับ

    จิต คืออะไร อยู่ที่ใด และธรรมชาติของจิต

    เป็นที่สงสัย ใคร่รู้ของปุถุชนมาแต่โบราณกาล ตลอดทุกยุคสมัย เพราะความต้องการใคร่รู้ว่า จิตบ้างวิญญาณบ้างเป็นอะไร อยู่ที่ใด เพื่อหวังเข้าใจบ้าง หวังควบคุมและบังคับจิตหรือวิญญาณได้บ้าง หวังใช้ประโยชน์จากจิตบ้าง หวังในภพภูมิหรือชาติหน้าบ้าง หรือแม้แต่นักปฏิบัติธรรมเพื่อหวังประโยชน์ไปในทางดับทุกข์อันดีงาม ดังนั้นจึงมีผู้พยายามแสวงหาคำตอบเหล่านี้ทั้งทางด้านปัญญา สมาธิ และไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์มาเป็นเวลาช้านานมาโดยตลอด จนกล่าวว่าเป็นปัญหาโลกแตก จึงไม่มีผู้ใดสามารถตอบปัญหานี้ได้อย่างถูกต้องดีงาม จนกระทั่งบังเกิดมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง พระองค์นั้นที่ได้ทรงหงายของที่คว่ำอยู่ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง ด้วยการตามประทีปในที่มืด ด้วยเห็นว่าผู้มีจักษุคือปัญญาคงเห็นได้ เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ด้วยพระมหากรุณาคุณอันยิ่งนั่นเอง

    จิตนั้นถ้าพยายามหาตัวหาตนว่าเป็นอะไร อยู่ที่ใดแล้ว โดยไม่เข้าใจธรรมหรือสภาวธรรม(ธรรมชาติ)แล้ว ก็จะเป็นดังที่ท่านหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้กล่าวแสดงไว้ในเรื่อง "จิตคือพุทธะ" อันเป็นส่วนหนึ่งของ"คำสอนของฮวงโป"เช่นกัน

    "จิตหนึ่ง นี้เป็นสิ่งที่เห็นตำตาเราอยู่แท้ๆ แต่ลองไปใช้เหตุผล(ว่ามันเป็นอะไร เป็นต้น) กับมันเข้าดูซิ เราจะหล่นลงไปสู่ความผิดพลาดทันที สิ่งนี้เป็นเสมือนกับความว่าง อันปราศจากขอบทุกๆด้าน ซึ่งไม่อาจจะหยั่ง หรือวัดได้" (จาก อตุโล ไม่มีใดเทียม, น.๔๒๓)

    จิต ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ที่บ้างก็เรียกกันว่ามโน บ้างก็เรียกว่าหทัย บ้างก็เรียกว่ามนายตนะ บ้างก็เรียกว่ามนินทรีย์ บ้างก็เรียกว่าวิญญาณ ฯ. หลายท่านพยายามหาว่า จิตคืออะไร? เป็นอะไร? อยู่ที่ใด? บ้างก็ว่าเจตภูต บ้างก็ว่าปฏิสนธิวิญญาณที่ลอยละล่องท่องเที่ยวแสวงหาภพใหม่หรือที่เกิดบ้าง บ้างก็ว่ากายทิพย์ บ้างก็ว่าคือสมอง บ้างก็ว่าหัวใจ บ้างก็ว่าอยู่ที่กลางอก บ้างก็ว่าอยู่ที่กลางศูนย์กาย บ้างก็ว่ากลางหน้าผาก บ้างก็ว่าเกิดมาแต่ชาติปางก่อน ฯลฯ. ล้วนแล้วแต่ปรุงแต่งกันไปต่างๆนาๆ กล่าวคือเป็นไปตามความเชื่อที่ถ่ายทอดหรือสืบต่อกันมา หรือตามความเข้าใจของตัวของตน ตามอธิโมกข์ ฯ. จึงต่างล้วนตกลงสู่หลุมพรางของความผิดพลาด หรือมายาของจิตทันที จึงเป็นไปดังคำกล่าวข้างต้นที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโลได้กล่าวไว้นั่นเอง

    จิตนั้น ตามความเป็นจริงแล้วก็เป็นอายตนะภายนอกและภายในในผู้ที่ยังดำรงขันธ์หรือชีวิตอยู่ จิตหรือวิญญาณหนึ่งๆก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แล้วตั้งอยู่อย่างแปรปรวน แล้วย่อมดับไปเป็นธรรมดา จิตจึงมีสภาพที่เกิดดับ เกิดดับๆๆ...เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา อันเป็นไปตามกระบวนธรรมของขันธ์ ๕ นั่นเอง ดังแสดงไว้ในชาติธรรมสูตร

    ชาติธรรมสูตร

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอาราม ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี

    ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงมีความเกิด(คือชาติ)เป็นธรรมดา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งทั้งปวงที่มีความเกิดเป็นธรรมดาคืออะไรเล่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย คือ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส(ผัสสะ)
    ความเกิด
    (ของจิตหรือวิญญาณหนึ่งขึ้น จนยังให้เกิดเวทนาขึ้นด้วย)เป็นธรรมดา

    (กล่าวคือเกิดแต่เหตุปัจจัยดังนี้ ตา anicross01_red.gif รูป anired02_next.gif จักษุวิญญาณ anired02_next.gif จักษุผัสสะ anired02_next.gif ...จิตหนึ่งก็มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แล้วยังให้เกิดเวทนาเป็นธรรมดา)


    edu-photo-197576089587.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,107
    ค่าพลัง:
    +16,625
    มีถามหาว่ามีเครื่องรางสายพราหมณ์(สายเทพตำรับฮินดู)แบบแรงๆเน้นๆ เป็นสายวิชาแขกล้วนๆไม่ใช่สายเทพกึ่งพุทธมั๊ย อันนี้ก็เดี๋ยวเอาไว้ติดตามพูดคุยกันนะครับ เดี๋ยวรอบพรุ่งนี้จะยกมาพูดกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...