รุมโต้คำทำนาย“เด็กชายปลาบู่”-ยัน“เขื่อนภูมิพล”ไม่แตกแน่

ส่วนช่วงเวลาที่เขื่อนจะแตก การบอกกันโต้งๆ ชี้กันชัดๆ ว่าวันนั้นวันนี้ เวลานั้น วินาทีนี้ ทำไม่ได้

เพราะอาจจะเป็นสิ้นปี 2012 ต่อเนื่องต้นปี 2013 รึอีก 200 ปีข้างหน้าก็ได้

มันเป็นเรื่องการคลิกกันอย่างสอดคล้อง ของปัจจัยหลายอย่าง ที่บังเอิญมาสอดรับกันอย่างลงตัว พอดิบพอดี

 

จะพูดอะไรให้ฟัง จะได้ตาสว่างกันขึ้นมาบ้าง

สมัยก่อนหลายสิบปี น้ำท่วมมีทั่วไปทั้งประเทศ รุนแรงกว่านี้มากมาย ถนนขาด ทางการเขาก็สร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม เพื่อกั้นน้ำเพื่อช่วยเหลือการเกษตร ทีนี้มาปีนี้น้ำมันท่วมรุนแรงเพราะไม่รู้จักบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบ ข้าราชการมันไม่คุยกัน เรื่องมันเป็นแบบนั้น แต่ว่าน้ำเขาต้องการจัดการทั้งระบบ พอมันไม่สัมพันธ์กันจนถึงวิกฤติ มันก็แสดงผลออกมา นี่ปัญหาน้ำท่วมจึงไม่ใช่สัญญาณภัยพิบัติ

ประการต่อมา เรื่อง ดร สมิทธิ์ ที่ออกมาทำนายสึนามิ ทีเดียว ดังไปจนใครๆพูดมาจนถึงทุกวันนี้ว่า ไม่เชื่อดร สมิทธิ์ ทั้งๆที่ สึนามิ มันเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติของประเทศที่ติดทะเล ที่ญี่ปุ่นเขามีมานานแล้ว
ดังนั้นการที่ คนทำนายว่าบ้านเมืองเราจะเกิดสึนามิ แล้วเกิดขึ้นจริง มันจึงไม่ใช่ว่าเป็นการทำนายที่แม่นยำ เหมือนคน ทำนายว่า ระวังนะฝนจะตก มันก็แน่อยู่แล้วมันมีโอกาสนี่

ประการต่อมา เรื่องแผ่นดินไหว เรื่องแผ่นดินไหวนี้มีทั่วโลก ยิ่งที่ญี่ปุ่น ที่อเมริกา เขามีมาจนเป็นปกติ
แต่ว่าโดยธรรมชาติแล้ว มันไม่ไหวรุนแรงนัก เรียกว่า สิ่งก่อสร้างต่างๆ ในต่างประเทศใหญ่ๆ โตๆ เขายังไม่กลัวเลย เพราะเขาซื่อสัตย์ออกแบบตึกราบ้านช่อง ป้องกันอย่างดี ทีนี้ เขื่อนต่างๆในประเทศไทย แข็งแกร่งมาก เรียกว่าถ้าโลกไม่แตก เขื่อนมันก็ไม่แตกง่ายๆ

ประการต่อมา เราอย่าลืมว่า ทุกวันนี้ ที่เราเห็นว่า ทำไมมันมีข่าวภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย นั่นเป็นเพราะว่า สื่อทุกวันนี้มันเชื่อมถึงกันทุกแหล่ง คนทั่วโลกจึงรับรู้ข่าวสารกันมากมาย ทั้งๆที่แต่ก่อนหลายสิบปีมันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่คนไม่ได้เล่นเน็ต ก็ไม่รู้ข่าวสาร มันก็ไม่มีปัญหาเรื่องการตื่นตระหนกแบบทุกวันนี้

ประการต่อมา กระแสเรื่องภัยพิบัตินี้มันเกิดมาจาก พวกคำทำนายบ้าๆบอๆ ในหนังสือที่อ้างว่า เทวดามาบอก หรือ เป็นผู้วิเศษเกิดมาเพื่อช่วยเหลือ เตือนภัย นี่แหละเป็นต้นเหตุ แล้วพอมันมีเชื้อ ทำให้คนในเว็บพลังจิตบ้ากันจนถึงตั้งสมาคม ภัยพิบัติ อย่างไม่ไปทำมาหากินอย่างอื่นวันๆบ้าแต่เรื่องภัยพิบัติ ตัวเองบ้าคนเดียวไม่พอ ไปลากพวกลากพ้องมาบ้าตาม ทีนี้คนอื่นที่เขาไม่รู้เขามาอ่าน เขาก็ยิ่งบ้าตาม มันเลยบ้ากันเป็นกระแสแผ่ไปทั่วยังกับขี้กลาก ทีนี้พอเกิดอะไรนิดหนึ่ง มันก็เลยทึกทักเอาเป็นจริงเป็นจัง

ไอ้หมอเดาเพี้ยนๆ ก็พลอยตามกระแสไปด้วย ออกมาทำนาย อย่างหน้าด้านๆ เวลามันทำนายผิดมันไม่ออกมาพูดสารภาพความผิด แต่พอมันทำนายถูกเพียงเสี้ยว มันโม้ไปทั้งชีวิตของมัน
นี่แหละพวกปาก...

 

อีกประเด็นหนึ่ง ไม่อยากจะพูด แต่คิดดูแล้วต้องพูด คือ พระเกจิ ที่ออกมาบอกว่า จะเกิดภัยพิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าพวกลูกศิษย์ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดเอามาประโคมข่าวกันเอง หรือว่า ท่านพูดเตือนออกมาจากปากท่าน แต่สิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เช่นนาคกวาดน้ำมาครึ่งโลก นี่ถ้านาคมันมีกำลังอำนาจขนาดนั้นจริง จะไม่มีผู้มีอำนาจมากกว่านาคนั้นเลยหรือ ที่สามารถห้ามการกระทำนาคได้ และอีกประการก็ในเมื่อคนที่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นจริงก็ทำไมไม่หาทางแก้ พอถามเข้า อ้างว่าเป็นบุญเป็นกรรมของคน แล้วท่านจะพูดมันทำไม

สุดท้าย พระศาสดากล่าวเอาไว้แล้วว่า ไม่มีอำนาจใดใหญ่เกินกรรม คำพูดนี้เป็นหัวใจเคล็ดวิชชาของศาสนาพุทธ หมายความว่า หากมนุษย์ยังมีกรรมดีอยู่ ไม่ผิดศีล5 ต่อให้เอาระเบิดมาจุดตรงหน้าก็ไม่ระเบิด เพราะอำนาจกรรมดี ที่คอยสร้างจะจัดสรรไม่ให้พบเจอสิ่งไม่ดี

ดังที่พระศาสดาทดลองบุญพระสีวลีให้ไปในทางกันดาล ขาดผู้คน อย่างไรพระสีวลีก็ไม่มีทางอด เพราะอำนาจกรรมนั้นจัดสรรให้ไม่อด

ทีนี้เรื่องภัยพิบัติ หากเรากลัว เราทำความดีสิ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตกทุกข์ได้ยาก คิดช่วยเหลือป้องกันเกื้อกูลกัน เห็นสัตว์ตกทุกข์ได้ยากก็ช่วยเขาบ้าง กินเนื้อเขามาก็ทำบุญให้เขา นี่ผลบุญนี้จะเป็นกรรมดี เป็นอำนาจ ที่จะช่วยเหลือเราไม่ให้ตกไปในภัยพิบัติ

นี่ฝากเอาไว้ จะได้หายเพ้อเจ้อ แล้วตั้งหน้าตั้งตา ทำกรรมดี ให้อำนาจกรรมดีนั้นเหนือกรรมไม่ดี แล้วเราจะรอดปลอดภัย

 

แล้วที่ครูบาอาจารย์ท่านออกมาเตือนละครับไม่ใช่ดร.สมิทร์คนเดียวซะที่ไหน ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนนี่ครับ กรรมใครกรรมมัน ฮูใครฮูมัน

 

ผมไม่สนหรอกว่าใครจะเตือนมาอย่างไร แต่ครูบาอาจารย์ผมไม่เคยเตือนแบบนี้
พระศาสดาผมไม่เคยสอน ไม่เคยแนะให้บ้ากับเรื่องพวกนี้ มีแต่เตือนว่าอย่าไปฟัง พวกตื่นข่าว พวกอ้างตัวว่าเป็นอาจารย์รู้มากทั้งหลาย

 

ผมเห็นด้วยกับคุณพนมกุเลนครับมีเหตุผลดี เพราะที่พม่ามีแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น
และมีขนาดเพิ่มขึ้นจริงในเวลาที่ผ่านมา ลักษณะอย่างนี้พอจะมองว่าเป็น
เค้าลางได้ครับ ดังนั้นการไม่ประมาทย่อมดีที่สุด ท่านใดจะพิจารณาแล้วมี
ความเห็นอย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละท่านนะครับ
ซึ่งแต่ละคนก็มีแตกต่างกันไป ผมเคารพทุกความเห็นของทุก ๆ ท่านครับ
แต่อย่างน้อยหลายท่านดูว่ามีใจฝักใฝ่ในธรรมอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีครับ
ขอให้เจริญในธรรมตามสมควรแก่เหตุนะครับ

 

บ้านเกิดผมอยู่ที่พังงา ใกล้เขาหลัก
ตอน กลางปี 41 นั้นผมอยู่ภูเก็ต ข่าวสึนามิมา ไปนั่งรอบนที่สูงคือเขารัง ก็ไม่มีความเคลื่อนไหว จนลืม ลืม และลืมไป
มาถึงตอนนี้ คาดคิดว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง และท้าวเทพกษัตรีท้าวศรีสุนทรและท่านอื่นๆ ปกปักไว้

ปี 43 ก็มาเรียนที่กรุงเทพ หลังจากนั้นอีก 6 ปี ครึ่ง คือปี 47 สึนามิก็ถล่ม
ก่อนหน้านั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เตือนลุงไว้ว่าวันอาทิตย์ห้ามออกจากบ้าน แต่ลุงไปนอนบ้านอีก
หลังที่ชายหาด ตอนวันเสาร์เพราะทำรีสอร์ทและเช้าวันนั้นคือวันอาทิตย์ที่ 26 ธค. 2547

นับจากนั้นมาอีก 6 ปีครึ่งก็จะตก กลางปี 54 ช่วงที่คำทำนายสึนามิมาอีกครั้ง

เลื่อนกับลืมนี่ ผมมีความเห็นว่าค่อนข้างจริง พ่อสอนเสมอว่า หลักการทั่วไปแล้วเค้าเหล่านั้น รอจังหวะและเวลาที่เราอ่อนแอที่สุด และในทางภัยพิบัตินั่นคือเวลาที่เราประมาทที่สุด

ปีใหม่ซานติก้า เช้าหลังคริสมาสต์ สึนามิ

ไม่ใช่หมายถึงผมสร้างกระแสปลายปี 54 นี้นะ แต่ผมหมายถึงช่วงเวลาที่มนุษย์หมู่มากกำลังประมาท นั่นแหละ

เรื่องเหล่านี้เตือนกันได้ยาก เพราะ 4 ธาตุ คือดินฟ้า คือลิขิตสวรรค์ บ้านเกิดผมนับว่าเป็นเมืองบุญ
แทบไม่ได้รับการเตือนเลยในปี 47 มีแต่การห้ามบางอย่างเช่นห้ามออกจากบ้านในวัน
อาทิตย์ที่เล่าไป ตอนนี้มีโอกาสรับทราบ แน่นอนว่าการเลื่อนและความประมาทมาอีกแน่ คงต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาทกันต่อไป ซึ่งระวังได้ยากมากเรามนุษย์ปุถุชน...

 

มีหลายท่านเลยครับที่ออกมาเตือนก่อน ผมมีสตินะ ลองหาดูซิ อย่างน้อยๆ ข้อมูลจากลูกศิษย์อาจารย์รัตน์และคุณฮั้วโต๋ได้เตือนในกระทู้ตั้งแต่ช่วงก่อนและกลางปีไปแล้ว ผมลองนั่งหาย้อนหลังดูแล้ว ผมพึ่งมาหาดูสองสามวันนี้ละ ลองหาดูเองนะครับจะได้เป็นการเชื่อแบบมีสติ
ตัวผมเองก็หาดูแล้วเช่นกัน แต่ยังไงไม่ว่าทราบคำทำนายหรือไม่ ผมพยายามมีสติและไม่ประมาทเป็นฐานครับ

 

ผมเชื่อคับ...แต่จะเกิดเมื่อไรไม่รู้.....วันเวลาไม่แน่นอน.....ครูบาอาจารย์หลายๆท่านก็กำลังภาวนาช่วยกันอยู่.......

 

อยากให้ทุกท่านเชื่อทุกอย่าง อย่างมีสติ และจะระวังเอาไว้ก่อนก็ไม่ได้เสียหาย เพราะเป็นการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท

ที่สำคัญอย่าลืมพรหมวิหาร4 เมตตา กรุณา มุฑิตา และ ข้อ

อุเบกขา กันนะครับ

 

ต้องฟังดีๆนะคะ. ลุงเขาว่าวันปีใหม่ ปี2555 แต่ไม่รู้ว่าปีใหม่ไทย หรือปีใหม่สากลนี้.
ต้องรอดูสงการนต์นี้มังคะ ยังไงขอให้คนดีทุกคนปลอดภัยคะ

 

น่าจะมีสารคดีพิสูจน์ความจริงเรื่องของปลาบู่น่ะครับ สอบถามบุคคลที่เกี่ยวข้องตอนมีชีวิต เอาให้แน่ชัดลงไปเลยตามที่ลุงทองใบแกอ้าง เพราะที่มาส่วนมากยังคลุ่มคลืออยู่

 

ก็ลองไปถามลุงแกดูสิครับจะได้หายสงสัย

 

ผมว่าคำทำนายทั้งหลายมันดูน่าเชื่อขึ้นมาเพราะมันไปประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่คาดว่าจะเกิดภัยพิบัติของนักวิทยาศาสตร์ในปี 2012

- Pole Shift

- Solar Flare

เอาแค่ 2 อย่างนี้โลกก็อ่วมแล้วครับ
น้ำท่วมปีนี้มันแค่การบริหารจัดการห่วยๆ
แต่น้ำทะเลและพายุรุนแรงในปีหน้านี่สิของจริง

ลองค้นหาข้อมูลดูกันเองนะครับ

 

แล้วคุณรู้ไหมว่า เด็กชายปลาบู่ี คือใคร ทำไมถึงทายเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้มากมาย ​

ไว้จะมาเฉลย แล้วจะทราบว่าทำไมเขาถึงทายหรือพูดไว้ซะมากมาย​

 

รอชมคำเฉลยอยู่ครับ ให้ไวคนเขาจะได้เลิกแคลงใจ

 

ภัยที่น่ากลัวที่สุด
ก็ภัยจากมนุษย์เนียแหละครับ​

 

อยากฝากไปถึงผู้ว่าคนนี้หน่อยว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ลองใช้สมองบวกกับสติคิดไตร่ตรองหลายๆรอบก่อนแล้วค่อยมาโต้ว่าไม่ๆๆๆ.... ดูเหมือนว่าท่านมั่นใจเหลือเกิ๊น... แต่เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตาดำๆแถวนั้น ท่านน่าจะลงทุนอีกสักหน่อยทำตามที่เขาเตือนมาก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน มีแต่ได้กับได้ หากเกิดขึ้นจริงก็ได้ทั้งความเสียหายน้อยลงและประชาชนมีความอุ่นใจมากขึ้น แล้วยังจะทำให้ประชาชนรักท่านเพิ่มขึ้นไปอีก อันนี้ว่าตามความเป็นจริง ไม่ได้เชื่อหรือเถียงหัวชนฝาว่าจะไม่เกิดขึ้นจริง แต่รวมๆแล้วก็คือ กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วแก้ไม่ทัน... ท่านว่าจริงมั๊ย!!!

 

เช่นกัน ภัยจาก น้ำ มือมนุษย์ที่น่ากลัวที่สุด

ผู้นำประเทศมหาอำนาจ ที่พยายามจะครอบครอง ควบคุมโลก
ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของตน
และนั่น คือการทำลายโลก

 

อย่างน้อยปลาบู่ก็มาเตือนสติให้เราอยู่ในความไม่ประมาท
จะเกิดไม่เกิดมันอีกเรื่องหนึ่ง