รายงานภัยพิบัติประจำวัน

13:00 ตำแหน่งล่าสุดของดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ ซึ่งทาง JMA ประกาศการก่อตัวเช้านี้

 

ถนนทางขึ้นบ่อเกลือ สายปัว-บ่อเกลือ ทางอุทยานดอยภูคา จ.น่าน ดินทรุด ทางขาด ประมาณ กม. 31 จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหลายวัน (เครดิตภาพ ชมรมคนกู้ภัยจังหวัดเชียงใหม่)

 

คนน่านวิตกหนัก ดินสไลด์ ถนนทรุดระนาว-เตือน 6 ชุมชนเมืองย้ายของด่วน


สภาพถนนเส้นทาง 1148 ท่าวังผา จ.น่าน - เชียงคำ จ.พะเยา ถูกน้ำกัดเซาะถนนเสียหาย ผู้ใช้ถนนสายดังกล่าวต้องใช้ความระมัดวังเป็นพิเศษ

น่าน - เทศบาลเมืองน่านส่งรถติดเครื่องขยายเสียงประกาศเตือนชาวบ้าน 6 ชุมชนริมน้ำน่านเก็บข้าวของขึ้นที่สูงด่วนเตรียมรับมือน้ำน่านทะลัก ขณะที่ชาวบ้านหลายพื้นที่วิตกหนัก หลังเกิดดินสไลด์-ถนนทรุดระนาว แขวงการทางฯ สั่งปิดทางขึ้นดอยภูคาชั่วคราวแล้ว

วันนี้ (30 ก.ค.) นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีฯ ได้นำรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงประกาศแจ้งเตือนประชาชนบ้านริมแม่น้ำ 6 ชุมชน ได้แก่ บ้านภูมินทร์, บ้านท่าลี่, บ้านพวงพะยอม, บ้านดอนศรีเสริม, บ้านพญาภู และบ้านสวนตาล ให้เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นที่สูง และติดตามฟังข่าวสารการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิด

พร้อมกับประสาน พล.ต.ชีวัน โหละบุตร ผบ.จังหวัดทหารบกน่าน นำกำลังทหารเข้าช่วยชาวบ้านขนย้ายข้าวของหนีน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 6 จุดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่จะไหลมาจากทางสายเหนือเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ

นายกเทศมนตรีเมืองน่านกล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่จุดวิกฤตแล้ว น้ำได้ไหลเข้าจุดที่การสร้างพนังกั้นน้ำยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งมีหลายจุดที่จะทำให้น้ำไหลเข้าท่วม แต่ก็ถือเป็นการทดสอบพนังกั้นน้ำที่กำลังสร้าง โดยเฉพาะจุดที่สร้างเสร็จตลอดริมน้ำน่านที่มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร และขอให้ประชาชนช่วยตรวจสอบบริเวณที่สร้างเสร็จแล้วจุดไหนที่ยังมีความบกพร่องน้ำยังสามารถเล็ดลอดเข้าได้เพื่อจะได้เข้าไปแก้ไข

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องยังทำให้เกิดดินสไลด์ ถนนทรุดหลายจุด โดยเฉพาะเส้นทางไปสู่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จนแขวงการทางน่านที่ 2 ต้องประกาศปิดเส้นทางชั่วคราว พร้อมกับนำเครื่องจักรเข้าซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนแล้ว

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า ถนนเส้นทาง 1148 ท่าวังผา จ.น่าน-เชียงคำ จ.พะเยา ถูกน้ำกัดเซาะถนนเสียหาย ผู้ใช้ถนนสายดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ขณะที่ชาวบ้านป่าเลา หมู่ที่ 6 ต.พระพุทธบาท อ.เชียงกลาง จ.น่าน กำลังหวาดวิตกกับสภาพดินที่ทรุดตัวกัดเซาะแนวตลิ่ง โดยเฉพาะที่บ้านนางจันทร์ดี นิลคง บ้านเลขที่ 153 หมู่ที่ 6 น้ำป่าจากลำห้วยหุยได้กัดเซาะจนทำให้ดิน-เสาบ้านทรุดลง หลังจากเล้าไก่ และคอกหมูที่อยู่ริมห้วยถูกน้ำพัดหายไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นผนังปูนบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้เกิดรอยร้าว จนเกรงจะไม่ปลอดภัยต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติใกล้เคียงแทน พร้อมๆ กับเร่งหาไม้ไผ่มาทำพนังกั้นตลิ่งริมลำห้วยหุย หวังช่วยต้านแรงน้ำระดับหนึ่ง

ชาวบ้านบอกว่า การขุดลอกแม่น้ำน่านทำให้กระแสน้ำไหลเร็วจนเกิดการเซาะตลิ่งและเข้าท่วมบ้านเรือน ไร่นา วอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำ ซึ่งขอมาหลายปีก็ยังไม่ได้

ด้านนายกาจพล เอิบสุขสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ร่วมกับเทศบาลตำบลพระพุทธบาท อ.เชียงกลาง ได้เข้าสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือ เร่งจัดสรรงบประมาณมาช่วยซ่อมแซม

ขณะที่เขตเมือง น้ำจากลำน้ำน่านเริ่มทะลักเข้าสู่ชุมชนที่อยู่ริมน้ำมากขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านพญาภูน้ำเอ่อล้นจากบริเวณที่การก่อสร้างพนังกั้นน้ำริมน้ำน่านยังไม่แล้วเสร็จเข้าสู่ย่านชุมชนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเทศบาลเมืองน่านได้นำกระสอบทรายไปอุดบริเวณดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่น้ำก็ยังทะลักเข้ามาเรื่อยๆ











โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2556

 

ผู้ว่าฯ อยุธยาสั่ง จนท.ติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด หวั่นท่วมซ้ำ

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และสำนักโครงการชลประทานจังหวัดฯ ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ถึงแม้จะยังไม่มีผลกระทบกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็ตาม
ทั้งนี้ พบว่าวันนี้มวลน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์อยู่ที่ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอบางบาล ต่ำกว่าตลิ่ง 3.80 เมตร อำเภอบางไทร ต่ำกว่าตลิ่ง 3 เมตร ขณะที่เขื่อนพระรามหกยังไม่ปล่อยน้ำลงมายังแม่น้ำป่าสัก อย่างไรก็ตามไม่ได้นิ่งนอนใจต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยของจังหวัด นายวิทยา กล่าวว่า มีโครงการก่อสร้างและยกระดับถนนเป็นคันกั้นน้ำถนนสายบ้านเกาะ-สถานีรถไฟ และสาย อบต.บ้านเกาะ-อบต.หันตรา พร้อมเสริมแบริเออร์สูง 1 เมตร ระยะทาง 7.754 กิโลเมตร
พร้อมกันนี้ จังหวัดยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก ตำบลหันตรา ตำบลบ้านเกาะ ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา

 

06:32 ทาง JTWC ประกาศการก่อตัวของพายุดีเปรสชัน 09W ในทะเลจีนใต้แล้ว ภาพกลุ่มเมฆฝนของพายุจะดึงกระแสลมตะวันตกให้ผ่านไทย

 

เชียงรายน้ำป่าพัดเด็กสูญหาย-ปภ.เสนอ 13 อำเภอ ประกาศพิบัติภัย



เชียงราย 31 ก.ค.-ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำป่าหลากท่วมจังหวัดเชียงราย ล่าสุด ในพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะบนดอยหัวแม่คำแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำคำ ซึ่งขณะนี้แม่น้ำคำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วเอ่อท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรในพื้นที่บ้านม่วงหมูสีและบ้านม่วงคำใหม่ ต.แม่คำ อ.แม่จัน ขณะเดียวกันเกิดเหตุน้ำป่าพัดเด็กชายวัย 3 ขวบ ชาวไทยใหญ่หายไป ขณะพ่อแม่พาเดินมากับแฝดน้องบริเวณริมแม่น้ำคำ ม.22 บ้านตาโต่ ต.แม่สลองใน เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างเร่งค้นหา

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายสรุปความเสียหายเบื้องต้นน้ำป่าหลากและดินโคลนถล่ม 15 อำเภอ บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 5 หลัง บางส่วน 19 หลัง พื้นที่การเกษตร 45,000 ไร่ เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ1 ราย สูญหาย 1 ราย สะพานและถนนอีกหลายแห่ง ซึ่ง ปภ.เตรียมเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศพื้นที่พิบัติภัยฉุกเฉิน 13 อำเภอ คือ อ.เทิง อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย อ.แม่ฟ้าหลวง อ.เชียงแสน อ.พญาเม็งราย อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ อ.เมือง อ.พาน อ.ขุนตาล และ อ.ดอยหลวง เพื่อจะนำงบประมาณเข้าช่วยเหลือเยียวยา พร้อมเฝ้าระวังแม่น้ำทุกสายที่มีปริมาณน้ำสูงขึ้น

.-สำนักข่าวไทย

 

10:00 ทุกหน่วยงานจับตาดูพายุดีเปรสชัน 09W ในทะเลจีนใต้ ซึ่งกำลังทวีกำลังแรงขึ้น มีโอกาสกลายเป็นพายุโซนร้อนซึ่งจะได้รับชื่อเรียกว่าเชบี (ภาษาเกาหลี) โดยเส้นทางพายุจากหน่วยงานในประเทศต่างๆเป็นไปดังภาพนี้

 

<a href="http://pic.free.in.th/id/4f4383687593b73bb489796f1f213917" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/ih/130731111734.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

สังเกตุตำแหน่งที่เกิดของลูกปี 2522 ครับ ตำแหน่งใกล้เคียงกับลูกที่เกิดตอนนี้เลย หากปัจจัยเอื้อก็มีโอกาสเหมือนกัน

 

แม่น้ำปราจีนฯ จ่อท่วมตลาดกบินทร์-ถนนทรุดยาว



ปราจีนบุรี 31 ก.ค.- ชาวบ้านเนินหอม ปราจีนบุรี เร่งทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำท่วมลดเป็นปกติ ขณะที่แม่น้ำหลักขึ้นสูงปริ่มตลิ่งแล้ว ตลาดกบินทร์เสี่ยงท่วม ถนนทรุดยาว

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปราจีนบุรี หลังน้ำป่าบนเขามดแดงและเขาอีโต้ เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไหลหลากลงสู่คลองจันทุและเอ่อท่วมบ้านบ่อแร่-ธารเลา ต.เนินหอม อ.เมือง เดือดร้อน 40 หลังคาเรือน เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) ล่าสุดสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ชาวบ้านเร่งทำความสะอาดสถานที่และซ่อมแซมความเสียหาย ส่วนใหญ่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำวันที่ไม่สามารถนำออกมาได้ทัน จึงอยากให้หน่วยงานรัฐจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือตรวจซ่อม

ส่วนอำเภอกบินทร์บุรียังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากแม่น้ำปราจีนบุรีเริ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงตลาดเก่าเทศบาลกบินทร์ น้ำปริ่มขอบตลิ่งแล้ว ชาวบ้านเริ่มขนของขึ้นบนที่สูงเพราะหากฝนตกลงมาอีกน้ำจะเอ่อท่วมทันที นอกจากนี้ ถนนในตลาด สาย 33 (ถนนสุวรรณศร สายเก่า) ตั้งแต่โรงยิม สนามกีฬา จนถึงถนนสายหลัก ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ทรุดเป็นทางยาวอย่างเห็นได้ชัด เทศบาลฯ ติดป้ายเตือนให้ระมัดระวังการใช้เส้นทาง.

-สำนักข่าวไทย

 

กรมทรัพยากรธรณีติวเข้มเครือข่ายเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภาคเหนือ

เชียงใหม่ 31 ก.ค.- นายพิทักษ์ รัตนจารุรักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดสัมมนาเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยครอบคลุมทั้งระบบต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ วันนี้ (31 ก.ค.) ที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ เข้าใจในกระบวนการเตือนภัยและร่วมกันเฝ้าระวังอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้เสี่ยงภัยสูง โดยพื้นที่เสี่ยงหลักด้านภัยพิบัติทางธรณีส่วนมากอยู่พื้นที่ 6 จังหวัดภาคเหนือ 320 ตำบล 1,800 หมู่บ้าน คือ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน อุตรดิตถ์และสุโขทัย

นายพิทักษ์ กล่าวว่า ปัญหาที่พบมากคือพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ อยู่ใกล้ชุมชนมากขึ้น เนื่องจากมีการบุกรุกป่าและชุมชนอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่เหล่านั้นมากขึ้น รวมทั้งภาวะโลกร้อน ดังนั้น จำเป็นต้องให้ประชาชนได้ตระหนักเข้าใจที่จะเฝ้าระวังภัย เพราะทางกฎหมายไม่สามารถห้ามประชาชนเข้าไปอยู่พื้นที่เหล่านั้นได้ แม้จะมีการประกาศเตือนแล้ว แต่การอพยพชุมชนก็ยังเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการแก้ไข.


- สำนักข่าวไทย

 

'หนองหาร'วิกฤติฝนห่าใหญ่ น้ำทะลักท่วมพื้นที่การเกษตร



หนองหารวิกฤติน้ำเกินรองรับ ขณะที่เขตเทศบาลนครสกลนครเจ้าหน้าที่ยังคงสูบน้ำตลอด 24 ซม. หากไม่มีฝกตกเพิ่มคาดว่าจะกลับสู่สภาวะปกติ ขณะที่อุตุฯ เตือนมีฝนเพิ่มอีก 2-3 วัน

วันที่ 31 ก.ค. ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำเอ่อท่วมหลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ล่าสุดยังพบว่าปริมาณน้ำหนองหาร มีปริมาณน้ำเก็บเกินความจุ ประมาณที่ 110 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตร จากความจุที่เก็บได้ประมาณ 266 ลูกบาศก์เมตร เพราะต้องรองรับน้ำจากลำน้ำสาขามากถึง 14 สาย ส่งผลให้มีปัญหาน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่ อ.เมือง อ.โพนนาแก้ว และ อ.โคกศรีสุพรรณ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงประมาณ 40,000–50,000 ไร่ โดยได้เร่งระบายน้ำให้ไหลลงสู่แม่น้ำโขงให้มากที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาน้ำเอ่อท่วมในพื้นที่รอบหนองหารหากไม่มีฝนตกลงมาต่อเนื่องคาดว่าสถานการณ์น้ำจะดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในหนองหารที่มีมากไม่สามารถรองรับน้ำได้อีกแล้ว

ขณะเดียวกันในส่วนของเทศบาลนครสกลนคร ได้ระดมเจ้าหน้าที่สูบน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ยังเหลือชุมชนหนองสนม และชุมชนหนองบัวใหญ่ ที่เหลือระดับน้ำประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งถ้าไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มวันนี้จะเข้าสู่สภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดสกลนครรายงานว่า ได้มีร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออกยังคงมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนาแน่นและมีฝนหนักบางแห่ง ในระยะนี้ มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองกระจาย (ประมาณ 60% ของพื้นที่) และมีฝนตกหนักบางแห่ง


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์