รวมเรื่องกฎแห่งกรรม ของ ท.เลียงพิบูลย์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Jt Odyssey, 27 สิงหาคม 2012.

  1. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] "อ้ายตาล อ้ายคนทรยศ ใจมึงเลวยิ่งกว่าสัตว์ มึงเลวยิ่งกว่า สัตว์ มึงแทนคุณกูด้วยการผลักกูตกน้ำ เสียดายที่กูหลงคิดว่า มึงเป็นเพื่อนตาย หลงรักและไว้ใจมึง ความโลภเปลี่ยนจิตใจของมึง ให้กลายเป็นสัตว์ป่า มึงฆ่ากูเพื่อหวังจะได้สมบัติของกูใช่ไหม อย่าหวังเลยว่า จะครอบครองสมบัติของกูไปได้ตลอดรอดฝั่ง กูจะ ไม่ให้มึง จำไว้นะอ้ายตาล อ้ายเพื่อนทรยศ กูจะเอาสมบัติของกู" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ลุงตกใจมาก ร้องอ้อนวอนต่อสายปากคอสั่น เพื่อจะขอ ลุกะโทษ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "สายเอ๋ย ยกโทษให้กันเถิด กันผิดไปแล้ว กันได้ทรยศ ต่อเพื่อน กันฆ่าเพื่อนยกโทษให้กันเถิดสาย ถึงอย่างไรแกก็ตาย ไปแล้ว อย่าจองเวรจองกรรมกันเลย เท่าที่อยู่มาทุกวันนี้กันก็ ทนทุกข์ทรมานจิตใจมากแล้ว" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เสียงผีสางของสายหัวเราะดังลั่น
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "น่าขำมากอ้ายตาล มึงฆ่ากูเพื่อหวังสมบัติของกู แล้ว ไม่ให้กูจองเวร ยังมีหน้ามาอ้อนวอนกูอีก กูจะไม่ยอมยกโทษให้มึง อ้ายเพื่อนทรยศ อ้ายคนใจสัตว์ หมามันยังมีความกตัญญูดีกว่า มึงเสียอีก มึงมันฉลาดมาก แต่จงคอยรับกรรมของมึงให้ดี จำไว้นะ อ้ายตาล อ้ายเนรคุณ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    พูดแล้วสายก็เดินตรงเข้าไปในห้อง ซึ่งเมียของลุงนอนอยู่ ลุงกลัวสายจะเข้าไปทำร้ายเมีย จึงรีบตะโกนเสียงหลงว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อย่า! สาย อย่าไปทำอันตรายเมียข้า เขาไม่รู้เรื่องอะไร ข้าเอง ข้าคนเดียวเท่านั้น" [/FONT][FONT=&quot]แล้วลุงก็สะดุ้งตกใจตื่น เหงื่อโทรมตัว ด้วยความหวาดกลัว ก็พอดีได้ยินเสียงเมียของลุงครวญครางอยู่ ใน ห้อง ลุงยิ่งตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู คิดว่าสายจะบีบคอหรือทำร้าย หล่อน แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็ทราบว่า หล่อนกำลังเจ็บท้องจะ คลอดลูก จึงรีบให้คนไปตามหมอตำแยมาทันที เห็นเมียลุง ทำหน้านิ่วคิ้ว ขมวดด้วยความเจ็บปวด เพราะเป็นท้องสาว ลุงได้ ช่วยเหลือ ปลอบโยน เอาใจ เพื่อให้คลายความเจ็บปวดลงบ้าง ไม่ช้าหมอ ตำแยก็มาถึง รีบจัดการช่วยเหลือตามวิธีของแก ลุงก็ออก มานั่งอยู่นอก ห้องด้วยใจเป็นห่วง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ในไม่ช้าก็คลอดบุตรออกมาเป็นชาย ลุงดีใจมากที่ได้ ลูกชายหัวปี แต่แปลกเด็กที่คลอดออกมานี้ไม่ร้องเหมือนเด็กอื่นๆ เดือนหนึ่งผ่านไปก็แล้ว ๒ เดือนก็แล้ว ไม่เคยร้องเลย กินนมแล้ว ก็นอนหลับ เมียของลุงสงสารและเป็นทุกข์ว่าโตขึ้นจะเป็นใบ้ เที่ยวถามคนรู้จักว่า ทำอย่างไรดีจึงจะให้ลูกร้องได้เหมือนเด็กอื่นๆ บางคนแนะให้เอาใบพลูมาลนไฟ แล้วเอาไปตบที่ปากเด็กบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล เด็กคงไม่ร้องไม่พูดอย่างเดิม[/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันหนึ่งลุงจำได้ว่า เมียของลุงจะไปอาบน้ำ และฝากลูก ยังแบเบาะให้ดูแล ลุงก็นั่งเล่นกับเด็ก แต่ขณะที่เล่นเย้าหยอกอยู่นั้น เองอดนึกไม่ได้ว่า เด็กคนนี้อาจจะเป็นสายมาเกิด เพื่อมาทวงสมบัติ ของเขาคืนก็ยิ่งกลัว มองดูหน้าเด็กยิ่งเหมือนหน้าของสาย จะเป็น ด้วยตาลุงฝาดหรือเป็นเพราะอะไรก็เหลือเดา[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ตาลุงจ้องหน้าเด็ก ยิ่งมองก็ดูคล้ายจะกลายเป็นหน้าสาย ขึ้นมาทันที หน้านั้นแสยะยิ้มเยาะๆ ลุงตกใจกลัวสุดขีด จะเป็นบ้า คว้าคอลูกได้ก็จะบีบให้ตายคามือ ก็พอดีแม่เด็กโผล่เข้ามา เมื่อ เห็นลุงแสดงกิริยาเช่นนั้น ก็ตกใจร้องตวาดว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หยุดนะ นั่นคุณจะทำอะไรลูก คุณทำไมใจร้ายอย่างนี้"[/FONT][FONT=&quot] หล่อนพูดพลางก็ร้องไห้พลาง ผลักลุงให้ออกห่างจากเด็กทันที ลุงเองก็ตกตะลึงไม่นึกว่า เขาจะกลับมาเร็วเช่นนี้ ทราบภายหลัง ว่าลืมของไว้ในห้อง เมื่อได้สติจึงพูดแก้ตัวว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "โธ่ หล่อนนึกว่าฉันจะฆ่าลูกของตัวเองได้ลงคอ ฉันอยาก จะให้มันร้องไห้จะได้หายใบ้ เชื่อฉันเถิด ฉันไม่ใจร้ายพอที่จะฆ่า ลูกได้หรอก" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมียของลุงไม่ยอมเชื่อ วันนั้นหล่อนโกรธมาก ชี้หน้าว่าลุง อย่างหมดความเกรงกลัวว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "คุณเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็น คนเห็นแก่ตัว ไม่เคยมีใจเมตตากรุณาต่อคนยากคนจน ถ้าฉันไม่เห็น กับตาแล้ว ฉันจะไม่ยอมเชื่อว่าคุณใจร้าย คุณใจร้ายกับคนอื่น ยังไม่พอ ไม่นึกว่าจะมาใจร้ายกับลูกของตัวเอง เพื่อนบ้านที่ยากจน ตกทุกข์บากหน้ามาหาคุณ ก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากคุณ คุณต้องการจะคบแต่คนรวย คบคนที่จะทำประโยชน์ให้กับคุณได้ เท่านั้น คนไหนที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับคุณ คุณก็ไม่คบเขา ฉันจะ ทำบุญทำทานก็ห้าม อ้างว่าเสียเงินเสียทอง และไม่ได้รับประโยชน์ ตอบแทน วันนี้ฉันเหลืออดแล้ว คุณใจร้ายแก่คนอื่นยังไม่พอ ยังจะฆ่าลูก ให้ฉันเห็นตำตา อย่างนี้ฉันทนอยู่กับคุณไม่ไหวแล้ว"[/FONT][FONT=&quot] หล่อนพูดพลางร้องไห้พลาง หล่อนไม่เคยโกรธมากเหมือนวันนี้เลย ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ลุงเองก็พูดไม่ออก จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะที่หล่อน พูดมานั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น ลุงไม่กล้าจะบอกว่า อ้ายเด็กลูกเราคนนี้ มันคือสายที่เกิดมาเพื่อทวงหนี้ของมัน จะยอมให้หล่อนรู้ความเลว ของลุงไม่ได้เป็นอันขาด วันนั้นป้าของหล่อนเข้ามาห้าม หล่อนจึง ยอมนิ่ง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ตั้งแต่วันนั้นมาหล่อนไม่ยอมให้เด็กคนนั้นพ้นสายตาหล่อน เป็นอันขาด คอยระวังอย่างใกล้ชิด ฉะนั้นการระหองระแหง ระหว่าง เราทั้งสองก็เกิดขึ้นเสมอๆ ลุงรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลยตั้งแต่ลูกเกิด มาจนเดินได้แล้ว แต่ก็ไม่ยอมพูด ไม่เคยเรียกพ่อและแม่ให้เป็นที่ ชื่นใจสักคำ[/FONT]
    [FONT=&quot]
    วันสำคัญที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของลุงก็มาถึง วันนั้น ลุงจำไม่ผิดว่า เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ปกครองไพร่ฟ้าประชาชน ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากัน ประชาชนทั้งชาวไทยและชาว ต่างประเทศที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ต่างมีความจงรักภักดีต่อ พระองค์มาก เมื่อถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาก็มีโอกาสที่จะแสดง จิตใจที่จงรักภักดีออกมาได้ปีละครั้ง ต่างก็ชื่นชมยินดีร่วมกันจัดงาน เฉลิมฉลองเป็นงานใหญ่ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนทั่วประเทศ ไม่มีงานใดที่จะยิ่งใหญ่และร่วมมือ ร่วมใจกันเท่างานนี้ ก่อนจะถึงวันงานหลายวันประชาชนต่างก็ ตกแต่งซุ้มติดคำขวัญถวายพระพร ประดับด้วยประทีปโคมไฟและ ธงช้างเผือก งดงามน่าดูทั่วทุกหนทุกแห่ง ต่างประกวดประขันกัน แม้ฝรั่งต่างก็ตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้าเขียนคำขวัญเป็นภาษาฝรั่ง ประดับธงชาติของตัวคู่กับธงช้างเผือก จุดประทีปโคมไฟดูสวยงาม ยิ่งนัก วัดทุกๆวัดไม่ว่าจะเป็นวัดไทย วัดพวกเข้ารีตหรือสุเหร่าแขก ต่างก็ตั้งซุ้มขึ้นที่หน้าวัด ประดับโคมไฟสีต่างๆ เพื่อแสดงความจงรัก ภักดี ส่วนรถไอซึ่งฝรั่งเป็นผู้จัดการก็มีการตบแต่งรถเพื่อเข้าประกวด ประขัน มีรางวัลพิเศษสำหรับรถที่ตบแต่งได้สวยงามที่สุด หรือแต่ง ได้ขบขันกว่าคันอื่น ฉะนั้นพอรุ่งเช้าของวันเฉลิมพระชนมพรรษา พวกเด็กๆ พากันตื่นเต้นมาก พอตื่นเช้าขึ้นมานั่งข้างถนนคอยดู รถไอแล่นผ่านไปมา แต่ละคันก็ตบแต่งกันแปลกๆ บางคันทำกันเป็น รูปฤาษีพาหนุมานไปถวายเจ้าลงกา บางคันก็ทำเป็นรูปวันทอง ห้ามทัพ มีพระไวกำลังนั่งกราบเปรตวันทองซึ่งมีไฟจุดที่หัว ส่วนมาก มักตบแต่งตุ๊กตาเหล่านี้ไว้ที่ตะแกรงหน้ารถหรือบนหลังคา ส่วนที่ ตัวรถก็ประดับด้วยอุบะดอกไม้สด ได้แก่พวกดอกมะลิ ดอกจำปาและ กุหลาบ ส่งกลิ่นหอมตลบและสวยงามมาก การประกวดกันนี้เป็นที่ สนุกสนานทั้งคนโดยสารและคนขับ พวกชาวบ้านนอกก็อุ้มลูก หลานแต่งตัวสีฉูดฉาด เข้าดูการประกวดประขันและมหรสพ การละเล่นต่างๆ ที่มีทั่วกรุง แม้แต่ชาวอินเดียซึ่งส่วนมากรับจ้าง เฝ้ายาม รับจ้างเป็นโปลิศ ก็มีความจงรักภักดี ร่วมกันจัดละครแขก เรื่องรามเกียรติ์ซึ่งหาดูยากในยามปกติ ตามสุเหร่าต่างๆก็พากัน ประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม เพื่อให้องค์พระมหากษัตริย์เจริญ พระชนมมายุยืนนาน เอกชนบางแห่งก็ได้ตั้งโรงทานแจกอาหารแก่ คนทั่วไป อาหารส่วนมากเป็นพวกขนมจีน แกงเผ็ดต่างๆ ลอดช่อง น้ำกะทิ บางแห่งก็แจกอัฐิเงินคนละ ๑ เฟื้อง บางแห่งก็แจกคนละ ๑ สลึง แล้วแต่ผู้ศรัทธาที่จะร่วมการกุศลในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ส่วนทางน้ำนั้นสองฟากฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในตอนกลางคืนระยิบ ระยับไปด้วยแสงไฟ ตามโรงสีที่อยู่ริมน้ำก็มีการละเล่นแทบทุกแห่ง เรือเดินทะเลที่จอดอยู่ในลำน้ำก็จัดธงทิว และตบแต่งโคมไฟสว่าง ไปทั่วท้องน้ำ ในเรือใหญ่มีการเลี้ยงดูเต้นรำอย่างสนุกสนาน พวก ประชาชนนอกจากจะมีความสนุกสนานแล้วยังมีความชื่นอกชื่นใจ ที่ได้ร่วมกัน จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาแด่พระมหากษัตริย์ที่รักยิ่ง[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]อันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถอย่างเยี่ยมยอดพระองค์หนึ่ง พระองค์ได้ทรงนำสยามรัฐนาวาฝ่ามรสุมของบรรดานักล่าเมืองขึ้น ของชาติมหาอำนาจในสมัยนั้น นักล่าเมืองขึ้นเหล่านั้นทำให้ประเทศ เล็กประเทศน้อย เพื่อนบ้านใกล้เคียงตกเป็นเมืองขึ้น เว้นแต่สยาม ประเทศเดียว เป็นจุดสุดท้ายที่นักล่าเมืองนั้นพยายามจะแผ่อำนาจ เข้ามาครอบครอง เช่นนำเรือมารุกรานทางอ่าวสยาม นำความ โกรธแค้นมาสู่ประชาชนพลเมืองแลทหารเป็นอันมาก ต่างก็จะขอ อาสาเอาชีวิตเข้ามาป้องกันบ้านเกิดเมืองมาดร แม้กระทั่งพระภิกษุ สงฆ์ ก็จะขอลาสิกขาอาสาป้องกันประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ แต่ด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุมรอบคอบของพระองค์ ทรงเล็งเห็นว่า การต่อสู้นั้นนอกจากจะเสียเลือดเนื้อและชีวิตของไพร่บ้านพลเมืองแล้ว ก็ไม่ยังประโยชน์อะไรนอกจากจะเสียเปรียบทุกด้าน เพราะสยาม ยังไม่พร้อมที่จะทำสงคราม พระองค์จึงทรงห้ามไว้ และให้ความ เห็นอกเห็นใจในความภักดีของพลเมือง ทั้งๆที่โกรธแค้นกันทั่ว ประเทศอยากจะประหารผู้รุกรานให้สมแค้น เมื่อพระองค์ห้ามก็มิได้ มีผู้ใดฝ่าฝืน พระองค์สู้เสียสละแผ่นดินบางส่วนเพื่อแลกกับประเทศ ทั้งประเทศ จากนั้นพระองค์ก็มิได้ทรงนิ่งนอนพระทัย อุสาหะ วิริยะ สละความสุขส่วนพระองค์ เสด็จฝ่าคลื่นลมและทางทุรกันดารจาก ประเทศสยามไปสู่ทวีปยุโรป ทรงพบปะกับประมุขของประเทศชาติ ต่างๆ เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ด้วยพระอัธยาศัยละมุนละมัยของ พระองค์ ทำให้ทรงเป็นที่รักใคร่ และเป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจในบรรดา ประมุขของประเทศ และเจ้านายชั้นสูงในยุโรป อย่างไม่เคยมี พระมหากษัตราธิราชประเทศในเอเชีย เคยรับเกียรติอันสูงยิ่ง เช่นนี้มาก่อน เมื่อพระองค์เสด็จกลับสยาม ต่างก็พากันอาลัยรัก อย่างสุดซึ้งเหมือนญาติสนิท ประเทศไทย ดินแดนแห่งช้างเผือกก็ เป็นที่รู้จักของนานาประเทศตลอดมา ทำให้พวกนักล่าเมืองขึ้น ที่หมายมั่นประเทศสยามเป็นจุดหนึ่งก็สงบ ไม่กล้ารุกรานต่อไป เป็นเพราะพระองค์ทรงสุขุมและปรีชาสามารถ ประเทศสยามจึงได้ อยู่เย็นเป็นสุข พระเกียรติคุณและพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงทำ เพื่อประโยชน์ของประเทศนั้นยิ่งใหญ่ และได้ปรากฏแก่ประชาชน และชาวโลกมาแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ฉะนั้นประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศซึ่งได้มาพึ่ง พระบรมโพธิสมภาร จึงพากันขนานพระนามว่า [/FONT]
    [FONT=&quot]"สมเด็จพระปิยมหาราช"[/FONT][FONT=&quot] คุณธรรมความดีของพระองค์สมัยนั้น เป็นที่เคารพรัก ใคร่ฝังใจ เป็นนิสัยสันดานประจำตัวของชาวไทยทั่วไป หากมีใคร ไม่ชอบหน้าใครหรือมีการโกรธเคืองส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเหตุ อันใดก็ตาม เมื่อจับกลุ่มพูดถึงคุณงามความดีของในหลวงต่างก็ ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าหากัน จนลืมความโกรธเคืองไม่ชอบหน้าชอบตา ก็หายสิ้น จนพูดกันติดปากในสมัยนั้นว่า "ถ้าได้พบพระพักตร์ ในหลวงเพียงครั้งหนึ่ง เป็นศิริมงคลแก่ผู้พบพระองค์ท่านไป ๗ วัน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ส่วนลุงนั้นแม้จะเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ต่อคนอื่น เป็นคนใจร้ายก็จริง แต่ลุงก็ไม่ได้ขาดความจงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลุงได้ตกแต่งบ้านด้วยประทีป โคมไฟเหมือนกัน แล้วแจกอัฐิเงินให้คนในบ้าน อนุญาตให้ออกไป เที่ยวชมงานได้ ในคืนวันนั้นพวกคนใช้ในบ้านและพวกคนงาน ได้ออกไปเที่ยวงานกันหมด คงเหลือลุง เมียและลูก เมียของลุง ไม่ได้ไปเที่ยวงาน เพราะเจ้าลูกใบ้ไม่ค่อยสบายจึงนอนแต่หัวค่ำ ส่วนป้าของเมียของลุงก็ไปดูละครแขก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ลุงไปกินเลี้ยงมากลับแต่หัวค่ำ รู้สึกตัวว่าออกจะเมามากสักหน่อย จึงตั้งใจจะเข้านอน ห้องนอนของลุงอยู่คนละห้องกับเมียตั้งแต่เกิด ระหองระแหงกัน เมียและลูกนอนอยู่อีกห้องหนึ่ง ลุงเดินผ่านห้อง นอนของเมียและลูกเห็นปิดไฟ เข้าใจว่าคงจะหลับกันแล้ว ลุงจึง เข้า นอนแต่ไม่ได้ปิดประตูห้อง พอใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงหนึ่ง ซึ่งทำ ให้ลุงต้องสะดุ้งตกใจกลัว พยายามจะลุกขึ้นหนีแต่ไม่สำเร็จ เพราะ รู้สึกเหมือนเนื้อตัวมันหนักหมดกำลังแรง กระดุกกระดิก ไม่ไหว แม้แต่จะพลิกตัวก็ทำไม่ได้ ลุงขอสารภาพว่ากลัวจนสุดขีด เพราะเสียง นั้นคือเสียงของเจ้าสาย นั่นเอง ลุงลืมตาไม่ขึ้น มองอะไร ไม่เห็น เสียงหัวเราะใกล้เข้ามา[/FONT]
     
  3. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] "ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ! อ้ายตาล ถึงเวลาของมึงแล้ว ถึงเวลาที่มึง จะต้องใช้เวรใช้กรรมที่มึงสร้างไว้ จงเตรียมตัวเถิด อ้ายตาล อ้าย เพื่อนทรยศ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] พอลุงได้ยินเสียงนั้น มันหนาวสั่นเข้าไปในหัวใจกลัวแทบ จะเป็นบ้า ลุงพยายามตั้งสติแข็งใจอ้อนวอนว่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "สาย ข้ากลัวแล้ว อย่าฆ่าข้าเลย ข้ากลัวตาย สงสารข้าเถิด ไหนๆ ข้าก็ผิดไปแล้ว"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เสียงหัวเราะดังก้องขึ้นอีกครั้ง แล้วสายก็กล่าวขึ้นด้วยความ เคียดแค้นว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "มึงเคยฆ่ากูด้วยน้ำมืออย่างเลือดเย็น มึงไม่เคยคิดสงสาร กูเลย ถึงคราวมึงบ้าง มึงกลับกลัวตาย มึงไม่เคยนึกถึงตอนที่ มึงมีแต่ความโลภ ตาลกูเคยรักมึงมาก แต่มึงสิกลับไม่รักกู ทรยศต่อกู กูจะฆ่ามึงด้วยไฟ กูจะเผามึงทั้งเป็น" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงตกใจกลัว ลืมตาไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าสายกำลังจะทำอะไรกับ ลุง ได้ยินเสียงพูดอีกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อ้าว! อ้ายตาล มึงจงลืมตาขึ้นดูโลกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มึงจะตายไป" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อลุงลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจสุดขีดจนขนลุกชัน เพราะผู้ที่ แลเห็นคืออ้ายใบ้ลูกของลุง ยืนถือตะเกียงลานลุกโพลง ตามธรรมดา ตะเกียงดวงนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน ลุงกระดิกตัวไม่ไหว ได้แต่ นอนทำตาปริบๆ รอความตายเท่านั้น อ้ายใบ้เด็กอายุเพียง ๓ ขวบ สามารถยกตะเกียงลาน ซึ่งหนักเกินกำลังได้อย่างว่องไว ทำท่าจะ ขว้างมาที่มุ้งที่ซึ่งลุงนอนอยู่ ลุงหลับตากลัวร้องเสียงหลงว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อย่า! อ้ายหนูอย่าขว้างมา! ประเดี๋ยวจะไหม้หมด โอ๊ย! กลัวแล้ว อย่า! อย่า!" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ทันใดนั้น ตะเกียงลานในมือของอ้ายใบ้ก็ขว้างมายัง ข้างที่นอนของลุงทันที ลุงตกใจนอนตัวแข็งหลับตาสั่นหน้า แล้วร้องตะโกนว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "โอ๊ย! ไฟไหม้แล้ว ชาวบ้านชาวช่องฉิบหายหมดแน่"[/FONT][FONT=&quot] แม้ลุง จะตะโกนสุดเสียงเพียงไร แต่ก็รู้สึกว่าเสียงอยู่แต่ในลำคอเท่านั้น แต่สายก็สามารถได้ยินและเข้าใจดีทุกๆ คำที่ออกจากคอของลุง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เสียงหัวเราะ [/FONT]
    [FONT=&quot]"ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ!"[/FONT][FONT=&quot] ดังขึ้นก้องห้อง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "มึงไม่ต้องห่วงชาวบ้านหรอก ชาวบ้านเขาไม่ได้ทำบาป อย่างมึง เขาจึงไม่เดือดร้อนจากไฟคราวนี้" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงตะโกนของชีวิตอีก [/FONT]
    [FONT=&quot]"โอ๊ย! สาย เอ็งไม่เห็นกับข้าก็เห็น กับท่านอาจารย์ของเราเถิด อย่าฆ่าข้าเลย ข้ากลัวแล้ว"[/FONT][FONT=&quot] ลุงคิดว่าคง หมดหวังแล้วคงจะต้องตายเป็นตอตะโกอยู่ในกองไฟ ในไม่ช้า ไฟได้ลาม ไหม้มุ้งหมอนและผม กลิ่นเหม็นคลุ้ง ลุงนึกถึงท่าน อาจารย์ขึ้นมาได้ จึงตะโกนบอกไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลวงพ่อครับ ช่วยผมด้วย ผมจะตายอยู่แล้ว" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เสียงหัวเราะอีก
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ฮ่ะ! ฮ่ะ! เวลามึงตาย มึงจึงนึกถึงอาจารย์ เวลามึงร่ำรวย มึงไม่เคยนึกถึงท่านเลย เอาละเพื่อเห็นแก่อาจารย์ซึ่งเป็นที่เคารพ ของกู และมึงกลัวตาย จำไว้นะมึงจะยังไม่ตาย ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ! กูก็จะไม่ให้มึงตาย มึงยังไม่ตาย แต่มึงจะมีเงินเกิน ๔ สลึงไม่ได้ จำไว้นะอ้ายตาล" [/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]

    [FONT=&quot]ทันใดนั้นเองกำลังของลุงก็กลับดีขึ้นเหมือนเดิมอย่าง ประหลาด ลุงตาลีตาลานลุกขึ้น ไฟกำลังไหม้อยู่รอบตัว ติดเสื้อผ้า ที่ลุงใส่ ลุงรวบรวมกำลังพุ่งตัวออกจากห้องแล้วก็หมดสติไป ด้วยความหวาดกลัว ระคนกับความปวดแสบปวดร้อน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  4. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ........จะนานเท่าใดไม่รู้ พอลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งก็มองเห็น พระสงฆ์ สามเณรและลูกศิษย์วัดมาล้อมรอบตัวลุง พระสงฆ์อาวุโส ผู้หนึ่งท่าทางใจดี ดวงหน้าและสายตาแสดงว่ามีความเมตตากรุณา ถือถ้วยมีช้อนเงินเล็กๆ ตักน้ำในถ้วยนั้นมาหยดที่ปากลุง รู้สึกว่า จะเป็นยาชนิดหนึ่งชุ่มในลำคอ มองเห็นพระท่านเงยหน้าขึ้น มองดู ตากัน แล้วต่างก็ยิ้มด้วยความพอใจที่เห็นลุงฟื้น สามเณรองค์หนึ่ง ถือชามมีขนไก่ค่อยๆ ทาตามแขนขาของลุง รู้สึกตัวว่านอนอยู่ บนเตียงแขกฮินดู ตัวของลุงรองไว้ด้วยใบตองแถมปิดคลุมด้วยใบตอง บนตัวและมีผ้าห่มทับใบตองอีกชั้นหนึ่ง เพราะตามตัวเต็มไปด้วย บาดแผลและน้ำเหลือง เมื่อสามเณรองค์นั้นเอาขนไก่จุ่มลงในชาม แล้วค่อยๆทาตามตัว รู้สึกว่าความปวดแสบปวดร้อนค่อยคลายลง เย็นวาบและสบายขึ้น ยังพูดอะไรไม่ได้ นอกจากมองไปทางซ้ายที ขวาที มองดูใบหน้าพระภิกษุสงฆ์องค์เจ้าซึ่งเต็มไปด้วยความเมตตา กรุณา เรียกลูกศิษย์ให้ไปต้มข้าวเพื่อเอาน้ำข้าวมาให้กิน ลุงคิดทบทวน เหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่นึกไม่ออกว่าเข้ามาอยู่ในวัดนี้ได้อย่างไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาพระท่านเล่าให้ฟังว่า ย่ำรุ่งวันนั้นท่านกำลังจะลงจาก กุฏิไปบิณฑบาต มองไปตามศาลาวัดเห็นมีเตียงมาตั้งอยู่ แต่ไม่เห็น มีคนอยู่ในบริเวณนั้น จึงเดินเข้าไปดู เห็นลุงนอนสลบอยู่บนเตียง คิดว่าตายแล้วและญาติเอามาทิ้ง เพื่อให้ทางวัดจัดการศพให้ แต่เมื่อ ท่านพิจารณาดู เห็นว่ายังไม่ตายเพียงสลบไปเท่านั้น พอดีกับท่าน เป็นพระหมอรักษาคนทั่วไปเป็นทาน ท่านมียาพร้อม จึงเอาใจ ใส่รักษาพยาบาลลุงจนฟื้น และประคับประคองจนค่อยหายวัน หายคืน ชีวิตของลุงก็รอดมาดูโลกอีกครั้งหนึ่งในฐานะคนพิการ หมดตัว ต้องอาศัยข้าวพระและนอนศาลาวัดอย่างที่หลานเห็นอยู่ ทุกวันนี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ต่อมาเมื่อค่อยหายเป็นปกติ ลุงจึงขอร้องพวกลูกศิษย์วัด ให้ช่วยหาบ้านที่เกิดไฟไหม้ขึ้นเมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษา และให้ช่วยสืบด้วยว่าคนในบ้านเป็นอย่างไรบ้าง ลุงไม่มีเงินจะจ้างเขา จึงได้แต่อาศัยไหว้วานเขาเท่านั้น คนที่ไปสืบมาบอกว่าเมื่อคืนนั้น เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ร้านค้าเครื่องปั้นลายคราม บ้านที่อยู่ใกล้เคียง ที่เกิดเหตุไม่มีใครเสียหายเลย เจ้าของบ้านถูกไฟครอกอาการปางตาย ส่วนร้านค้าถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง คืนวันนั้นถ้ามีลูกจ้างอยู่ในบ้าน พร้อมเพรียงกัน เหตุการณ์ก็คงจะไม่ร้ายแรงถึงเพียงนี้ แต่บังเอิญ คนในบ้านพากันไปเที่ยวดูงานกันหมด และยังได้ทราบจากชาวบ้าน อีกว่า เจ้าของบ้านที่ถูกไฟครอกนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว โหดร้าย ชาวบ้านแถบนั้นไม่มีใครชอบ เมื่อวันไฟไหม้นั้นเมียเจ้าของบ้าน หนีรอดออกมาทั้งลูกใบ้ ได้ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ให้ช่วยผัว ซึ่งนอนสงบอยู่ในบ้านออกมาก่อนที่ไฟจะไหม้หมดหลัง หลังจาก ไฟสงบแล้วเมียเจ้าของบ้านก็เข้าไปคุ้ยเขี่ยเถ้าถ่านของที่ไหม้ได้ทอง ก้อนใหญ่ ซึ่งละลายอยู่ในกองเถ้าถ่านและได้เงินที่ละลายเป็นก้อน หล่อนได้ย้ายไปเช่าบ้านหลังหนึ่งอยู่ ฝ่ายสามีนั้นสลบไสลไม่ได้สติ ไม่มีทางรอด และบังเอิญบุตรซึ่งเป็นใบ้ ก็เกิดเจ็บหนักขึ้นมาอีก พอดีมีญาติผู้ชายทางฝ่ายภรรยามาเยี่ยม จึงได้แนะนำว่า ในบ้าน เดียวกันมีคนเจ็บหนักสองคนไม่ดี โบราณถือ ควรจะแยกเอาสามี ซึ่งอาการหนักใกล้จะตายไปไว้ที่วัด เพราะมีทางรอดน้อยมาก เมื่อตายทางวัดก็จะได้จัดการศพให้ อำแดงจำปีก็เลยจ้างคนแอบนำ สามีไปไว้วัดแห่งหนึ่งซึ่งมีหมอพระ เพราะคิดว่าบางทีกุศล พระ ท่านอาจช่วยให้รอดได้บ้าง ต่อมาภายหลังลูกใบ้ก็ตาย ฝ่ายอำแดง จำปีเศร้าโศกมาก จึงอพยพจากบางกอกไปหัวเมืองพร้อมกับญาติ คนนั้นและป้าของหล่อน ชาวบ้านเองก็ไม่ทราบว่าหล่อนอพยพ ไปอยู่ไหนเพราะไปทางเรือ ส่วนสามีของหล่อนก็เข้าใจว่าคงจะ ตายไปแล้ว เมื่อลุงรู้เรื่องราวก็สลดใจมาก เพราะลุงคนเดียวที่ทำ กรรมชั่วจึงได้รับกรรมสนองเช่นนี้ เมียของลุงเขาคงนึกว่า ถึงจะ หายร่างกายก็ไม่สมประกอบ คงจะอายชาวบ้านที่สามีของตัวรูปร่าง ผิดคน จึงได้หนีไปหัวเมือง เรื่องราวของลุงต่อมาก็อย่างที่หลาน เห็นอยู่ในเวลานี้ เรื่องราวของลุงตาลที่จารลงในใบลานก็จบลงเท่านี้[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อข้าพเจ้าทราบเรื่องราวของลุงตาลจบแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึก เห็นใจในเคราะห์กรรมของแกอยู่อย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง[/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันหนึ่งหลังจากนั้น ข้าพเจ้าได้ไปหาลุงตาลที่ห้องแถว ร้างนั้น ข้าพเจ้าเห็นชายผู้หนึ่งแต่งตัวภูมิฐานกำลังพูดกับลุงตาลอยู่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงลุงตาลว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ผมบอกว่า ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนเลยจริงๆ นะครับ ที่คุณว่าพี่ใหญ่นั้นเป็นใครผมก็ไม่เคยรู้จัก" [/FONT][FONT=&quot]เสียงชายผู้นั้นพูดอย่าง อ่อนใจว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "โธ่ตาล แกควรจะดีใจที่มาพบเพื่อนเก่า จำกันไม่ได้หรือ อ้ายแกละไงเล่า ไม่น่าเลยที่แกทำเป็นไม่รู้จัก อย่าปิดบังเลยเพื่อน กันไปบอกพี่ใหญ่ว่าแกอยู่ที่นี่ วันนี้พี่ใหญ่ติดราชการมาไม่ได้ พรุ่งนี้คงมาหาแก พี่ใหญ่คิดถึงแกได้สืบหาแกมานานแล้ว พี่ใหญ่ ไปทำราชการอยู่หัวเมืองนานปี ย้ายเข้ามาในกรุงก็ถามถึงพวกเรา ทุกคน พี่ใหญ่เศร้าโศกมากเมื่อทราบเรื่องของแกกับสาย ไม่คิดว่า สายตายเร็ว และแกจะต้องมาทนทุกข์อย่างนี้" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ผู้พูดเว้นระยะเพื่อฟังคำตอบของลุงตาล แต่ลุงตาลสั่นหัว แล้วก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่เคยรู้จักใครเลย ข้าพเจ้าเองก็มองดูด้วย ความสมเพช แม้ข้าพเจ้าจะรู้เรื่องอะไรดีก็พูดไม่ได้ เพราะได้รับปาก ลุงตาลไว้ว่าจะไม่เปิดเผยให้ใครทราบ การสนทนาเริ่มต้นอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ มาทราบเมื่อตอนปลายแล้ว จับเค้าได้ว่าลุงตาล ไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆ จากเพื่อนเก่าของแกเลย ข้าพเจ้าเห็น ชายคนนั้นมีสีหน้าสลดและท่าทางอ่อนใจ เมื่อลุงตาลไม่ยอมรับ เป็นเพื่อนเก่า ข้าพเจ้าเห็นใจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งรักเพื่อน ต้องการ จะช่วยเหลือเพื่อนยามตกยาก อีกฝ่ายหนึ่งแม้จะเคยสร้างกรรมและ เห็นแก่ตัวมาแล้วก็ดี แต่บัดนี้ไม่ยอมเห็นแก่ตัว ไม่ยอมรับความช่วย เหลือใดๆ จากเพื่อนเก่าเลย เพราะรู้ว่าตนมีบาป แล้วก็ก้มหน้า รับกรรมจนกว่าจะสิ้นเวร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  5. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] เมื่อฝ่ายหนึ่งอ้อนวอนไม่ได้ผลแล้ว ก็ล้วงเงินมาจากกระเป๋า วางไว้ที่มือของลุงตาล แล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "นี่ อ้ายแกละเพื่อนเก่าของแกให้ไว้ใช้ก่อน เมื่อแก ไม่ยอมรับว่าเป็นเพื่อนของกัน พรุ่งนี้พี่ใหญ่คงจะมาหาแก คงจะ รู้เรื่องดีกว่านี้ กันไปละ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ว่าชายคนนั้นก็รีบเดินไป ทิ้งให้ลุงตาลแกตกตะลึง ไม่ทันได้พูดโต้แย้งอย่างไร เมื่อชายผู้นั้นเดินไปไกลแล้ว น้ำตาของแก ก็ไหลออกมาอาบแก้ม ข้าพเจ้าเข้าไปปลอบโยนและถามว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"ทำไมลุงถึงไม่ยอมรับว่าเป็นเพื่อนกับเขาล่ะ" [/FONT][FONT=&quot]แกสะอื้น และ กำเงินในมือแน่น พูดค่อยๆว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลานเอ๋ย ชาตินี้เราตายจากกันแล้ว เพราะลุงชั่วก็ต้อง ไปตามทางของคนชั่ว ชีวิตของลุงคงอยู่ไม่ได้นาน คงหมดกรรม หมดเวรเสียที" [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงถามแกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ทำไมจึงพูดแต่สิ่งที่ไม่เป็นมงคลเช่นนี้ ลุงรู้ได้อย่างไร" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงตาลไม่ได้พูดอะไร แบมือให้ข้าพเจ้าเห็นเงินสี่บาท ที่ชายผู้นั้นให้ไว้ เมื่อนิ่งไปสักครู่แกจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า "นี่แหละ หลานเอ๋ย หลานก็รู้เรื่องราวของลุงหมดแล้ว จำคำของลุงไว้นะ วิชา ความรู้นั้นต้องคู่ไปกับศีลธรรม จึงจะมีความเจริญแก่ตัว สำหรับ ลุงมารู้ตัวก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว" ข้าพเจ้ารับคำแก ต่อมาแกก็ สนทนากับข้าพเจ้าด้วยท่าทางรื่นเริงขึ้น ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจ และในเย็นวันนั้นเอง หลังจากข้าพเจ้ากลับจากคุยกับลุงตาลสักพัก ใหญ่ๆก็มีคนมาบอกกับข้าพเจ้าว่า ลุงตาลอุตส่าห์พาร่างอัปลักษณ์ เข้าไปดื่มเหล้าในร้านซึ่งอยู่ใกล้ปากซอยนั้น ครั้งแรกจีนเจ้าของร้าน ไม่ยอมขายให้ เพราะกลัวว่าไม่มีเงินจ่าย แต่ลุงตาลเอาเงินสี่บาทที่ ชายแปลกหน้าให้ไว้วางบนโต๊ะ จีนเจ้าของร้านจึงยอมขายให้ แกดื่ม ติดๆกันหลายแก้จนเมาฟุบลงในร้านเหล้านั้นเอง น่าแปลกใจ เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นลุงตาลดื่มเหล้ามาก่อนเลย นับตั้งแต่แก พิการมา ข้าพเจ้าตกใจเมื่อรู้ว่าแกเมา จึงรีบไปดูแกที่ร้านเหล้าซึ่ง ไม่ไกลจากบ้านข้าพเจ้านัก ก็เห็นลุงตาลเมามาก ข้าพเจ้าได้เข้าไป อ้อนวอนให้หยุดดื่ม รู้สึกว่าแกยังมีสติอยู่ และพูดออกมาว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อ้ายหลานชาย ลุงขอดื่มเป็นครั้งสุดท้าย อย่าลืมคำของลุงนะ จงดูลุงเป็นตัวอย่าง"[/FONT][FONT=&quot] แล้วแกก็ฟุบไปกับโต๊ะอีก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    จีนเจ้าของร้านไม่มีความสบายใจ คิดเงินค่าเหล้าแล้วทอน สตางค์ให้แกเสร็จ เงินที่เหลือคงมีจำนวนสามบาทกว่าเจ้าของร้าน ได้จัดการห่อเรียบร้อย แล้วขอดใส่ผ้าขาวม้าที่เอวลุงตาลไว้อย่าง แน่นหนาเพื่อกันตกหาย และบอกให้ข้าพเจ้าเป็นพยานให้ด้วย เพราะกลัวว่าเมื่อเวลาสร่างเมาแล้วลุงตาลจะมาทวงอีก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าเห็นลุงตาลเมามาก ก็คิดว่าควรจะไปส่งถึงที่พัก จึงได้จัดการเรียกรถลากมาเพื่อจะนำไปส่ง เมื่อข้าพเจ้าเรียกรถลาก มาแล้ว และเข้าไปพยุง ลุงตาลก็ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ขอบใจมากหลานชาย ไม่ต้องไปส่ง ลุงไปเองได้ ลุงไม่เมา"[/FONT][FONT=&quot] พูดพลางก็หยิบไม้สอดเข้าใต้รักแร้ แล้วจัดแจงพยุงตัว ออกจากร้านเหล้าไป ทำให้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์หลายคนในร้านเหล้า รวมทั้งข้าพเจ้าแปลกใจมาก เพราะทุกคนเห็นแกหมดสติไปแล้ว แต่ชั่วระยะ บัดเดี๋ยวใจก็หายเมาเป็นปกติ นับเป็นเรื่องแปลกมาก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ต่อจากวันนั้น ลุงตาลก็ไม่มีโอกาสได้ออกมานั่งที่ปากซอยอีก เพราะแกได้ถึงแก่กรรมลงในคืนวันนั้นเอง ท่ามกลางความอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวปราศจากพี่น้อง ญาติ มิตรสหายจะมาเห็นใจแกเป็นครั้ง สุดท้าย นอกจากภิกษุสามเณรในวัดนั้นได้เฝ้าดูแกอยู่จนวาระ สุดท้าย[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวด้วยความเศร้าสลดใจเป็นที่สุด แม้ว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ญาติของแกก็ตาม ก็อดจะเสียน้ำตาเพราะความรักและ สงสารลุงตาลไม่ได้ ถึงแกจะเคยชั่วมาแล้วก็ตาม แต่ในบั้นปลาย ของชีวิตก็รู้สึกผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป แสดงน้ำใจอันเป็นลูกผู้ชาย ที่แท้จริง ยอมรับว่าตนเองผิดได้อย่างหน้าชื่น ข้าพเจ้ายังเคารพรักแก เมื่อแกตายลงก็คล้ายกับได้สูญเสียญาติผู้ใหญ่ไปแล้วอย่างไม่มีวัน กลับมาพบกันได้อีก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    พอรุ่งขึ้นจากวันที่แกตายข้าพเจ้าได้ทราบว่า คนที่เคยอ้างกับ ลุงตาลว่าชื่อแกละเมื่อเด็กๆ พร้อมกับชายท่าทางสง่า หรือท่าน ข้าราชการที่ข้าพเจ้าเคยเห็นเมื่อกระบวนกฐินพระราชทานผ่านไป วันนั้น ได้ไปที่วัดสอบถามหาลุงตาลกับพระภิกษุสงฆ์ แต่น่าเสียดาย ที่ท่านทั้งสองนั้นต้องผิดหวัง เพราะได้พบเพียงร่างที่ปราศจาก วิญญาณของลุงตาล ที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาวอยู่กลางศาลาวัดเท่านั้น เพราะยังไม่ทันจะใส่โลง รู้สึกว่าท่านทั้งสองจะมีความอาลัยและสลด ใจในชะตากรรมของลุงตาลมิใช่น้อย จากนั้นศพของลุงตาล ซึ่งเดิม จะต้องเป็นศพผีไม่มีญาติ ก็กลายเป็นศพที่มีเจ้าภาพเป็นผู้มีเกียรติ ในรอบปีของวัดนั้น[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เรื่องอันน่าเศร้าสลดใจของชีวิตแต่หนหลังของลุงตาล [/FONT]
    [FONT=&quot]"คนมีบาป" [/FONT][FONT=&quot]ก็อวสานลงเพียงเท่านี้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]สวัสดี[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]

    [/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    credit mindcyber.com!


    [​IMG]

     
  6. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]กฎแห่งกรรม เรื่องที่ [/FONT][FONT=&quot]18 จากหนังสือกฎแห่งกรรม ฉบับสมบูรณ์ ของ ท.เลียงพิบูลย์[/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องเวร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อก่อน พ[/FONT][FONT=&quot].ศ. 2501 ….[/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นเวลาที่ชีวิตของข้าพเจ้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานจิตใจอย่างแสนสาหัส[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ทนแทบไม่ไหวเกือบจะระเบิดออกมาเป็นความบ้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]เพราะข้าพเจ้าเป็นผู้ถือความเป็นธรรม[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]สิ่งใดที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม ข้าพเจ้าไม่ยอมปฏิบัติและไม่ยอมเห็นด้วย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]การที่ข้าพเจ้าต้องตกอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้หลงอำนาจคนหนึ่ง ที่มีจิตใจหยาบช้า เอาแต่อารมณ์ของตนเองเป็นใหญ่ เห็นแก่ตัวโดยไม่ได้คำนึงถึงหลักธรรม แม้ใครเดือดร้อนก็ช่าง หวังแต่ให้ได้ผลประโยชน์ส่วนตัวก็แล้วกัน [/FONT][FONT=&quot]เป็นธรรมดาอยู่เอง เมื่อความเห็นไม่ลงรอยกันเช่นนี้ สายตาย่อมไม่กินกัน ข้าพเจ้าเริ่มถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] นอกจากนั้นข้าพเจ้ายังได้รับคำพูดดูหมิ่นเสียดสีจากพวกประจบสอพลอ ทำนองนายว่าขี้ข้าพลอย ใช้คำพูดแดกดัน เยาะเย้ย ถากถาง จนในบางครั้งข้าพเจ้าแทบจะกระอักออกมาเป็นโลหิต เพราะความโกรธแค้น แต่ข้าพเจ้าสามารถทนอยู่ได้ก็เพราะความซื่อสัตย์สุจริตปฏิบัติงานมาแต่เก่าก่อน เจ้านายชั้นสูงยังมีใจเป็นธรรมอยู่บ้าง เห็นความดีของข้าพเจ้า จึงเป็นเหมือนเกราะแก้วคอยป้องกันภัยเหล่าอธรรมไว้ได้ โดยไม่สามารถสั่งให้ข้าพเจ้าพักงาน เพื่อหวังตำแหน่งให้ลูกน้องผู้ใกล้ชิดประจบสอพลอได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ฉะนั้นจึงถูกกลั่นแกล้งทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ทนอยู่ไม่ได้ จนลาออกไปเอง แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมลาออก คิดว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม จึงถูกแกล้งจนประสาทเกือบเสีย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลายครั้งต้องไปนอนคิดด้วยความกลัดกลุ้มใจ เพราะทั้งเจ็บทั้งแค้น รู้สึกมีอาการสมองมึนชา ประสาทหลงลืมเหมือนจะครึ่งหลับครึ่งตื่น บางครั้งเกือบจะไม่รู้กาลเวลาว่าเช้าหรือเย็น กลางคืนหรือกลางวัน คล้ายกับถูกผีอำ จิตใจไม่มีสติจะคิดอะไรได้ ครั้นรู้สึกตัวก็พยายามทำใจนิ่งสงบ หยุดคิดฟุ้งซ่าน นึกถึงแต่พระธรรม ทำจิตใจให้เป็นอิสระ ไม่ยอมอยู่ในอารมณ์ใดๆ อาการร้ายเช่นนี้เป็นชั่วระยะหนึ่งไม่นานก็หายไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อถูกกดขี่กลั่นแกล้งมากเข้า เป็นเหตุให้ความแค้นถึงขีดสุด กลายเป็นความพยาบาทเกิดขึ้นในใจ ข้าพเจ้าหมดความอดทน หมดความอาลัยไยดีในชีวิตอีกต่อไปแล้ว ปรารถนาให้สิ้นสุดกันที คิดว่าความชั่วช้าสามานย์เช่นนี้ อย่าให้มีชีวิตอยู่โลกต่อไปเลย เราควรจะตายไปข้างหนึ่ง แผนสังหารก็เกิดขึ้นในสมองทันที เราจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงเตรียมการไว้เรียบร้อย และคิดว่าจะลงมือในวันสองวันนี้ อยากจะเห็นมันเจ็บปวด อยากจะเห็นมันดิ้นตายไปต่อหน้าต่อตาให้สมกับความแค้น ข้าพเจ้าเริ่มวางแผนการไว้อย่างแนบเนียน ตั้งใจจะลงมือเอง เพราะความแค้นอย่างพยาบาท จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อกำหนดวันโดยเรียบร้อยแล้วในวันนั้นรู้สึกจิตใจมันดูว้าเหว่ เหมือนตัวคนเดียวโดดเดี่ยวอยู่ในโลกกว้างใหญ่ ซึ่งมองไม่เห็นใครเป็นที่พึ่งจะระบายความแค้นให้ทราบได้ นอกจากอัดไว้ในอกของตัวเอง ต้องซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงใว้ในใจ ไม่ยอมให้เกิดพิรุธเป็นที่สงสัยแก่ผู้อื่น แม้แต่ภรรยาและบุตร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อหวนมานึกถึงบุตรและภรรยาแล้วก็สะท้อนใจ เห็นท่วงทีบริสุทธิ์ร่าเริงอย่างไม่เดียงสา แกคงไม่ทราบว่าพ่อของแกและสามีของเธอ กำลังจะเป็นฆาตกร[/FONT][FONT=&quot]![/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] กำลังจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคน อีกสองวันถ้าหากเธอทราบว่าข้าพเจ้าเป็นตัวการผู้ร้ายฆ่าคน เธอจะรู้สึกอย่างไร คิดแล้วใจหายไม่สบายใจ รู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ทราบจะระบายอย่างไร[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เข้าไปในห้องพระ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กราบพระพุทธรูปและอัฐิบุพการีที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งตั้งอยู่เรียงรายอยู่ตรงหน้า คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงายแต่ไม่มีความหมายอะไรสำหรับคนมีความทุกข์ ความแค้น และความพยาบาทอย่างข้าพเจ้า ยิ่งนึกถึงเวลาที่จะลงมือใกล้เข้ามา ก็ยิ่งกระสับกระส่าย กระวนกระวาย เพราะไม่เคยมีฝีมือประหัตประหารมนุษย์ พยายามตั้งจิตให้สงบและนึกถึงคุณพระรัตนตรัย แล้วก็ระบายความคับแค้นในใจให้พระและวิญญาณบุพการีรับทราบ ว่าข้าพเจ้าได้รับความแค้นและกำลังจะล้างแค้น ขอให้พระและวิญญาณบุพการีช่วยคุ้มครองข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าไม่เคยสร้างบาปกรรมใดๆ มาแต่ก่อน ขอให้จิตใจข้าพเจ้าเข้มแข็ง ด้วยเจตนาอันแรงกล้าขอให้การสังหารมนุษย์ชั่วเกิดผลตามความประสงค์ แม้กระนั้นก็ยังรู้สึกว่าจิตใจยังไม่ปลอดโปร่ง เพราะพระพุทธรูปมิได้แสดงกิริยาเห็นดีเห็นชอบ หรือคัดค้านประการใด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  7. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ขณะนั้น จิตใจหวนระลึกถึงพระภิกษุรูปหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือมาก ข้าพเจ้าคุ้นเคยกับท่านก่อนที่จะอุปสมบท แม้ท่านจะอ่อนพรรษาและอ่อนทั้งวัย แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่ายังไม่เคยมีใครถูกชะตาเท่ากับพระภิกษุรูปนี้ และข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าท่านเองก็มีความกรุณารักใคร่ข้าพเจ้าไม่น้อยกว่าที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือท่าน เห็นจะเป็นเพราะเรามีจิตใจตรงกัน เมื่อท่านไปบวชเป็นภิกษุ ท่านก็มุ่งปฏิบัติในทางธรรมอย่างเคร่งครัด สมกับที่ท่านได้สละแล้วในทางโลก [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าระลึกถึงพระภิกษุรูปนี้ขึ้นมาได้ ก็รู้สึกจิตใจผ่องใสขึ้นมาทันที เห็นแสงเดือนสว่าง ทางเข้าวัดก็ไม่สู้จะลำบากนัก และระยะทางระหว่างบ้านกับวัดแม้จะอยู่ห่างไกลสักหน่อย แต่การไปมาก็สะดวก นึกได้เช่นนั้นข้าพเจ้าแต่งตัวออกจากบ้านทันที[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] พอไปถึงที่วัดสำนักของพระภิกษุผู้เป็นเพื่อน ก็รีบขึ้นไปบนกุฏิ ทราบจากเด็กว่าท่านกำลังสวดมนต์อยู่ในห้อง ข้าพเจ้านั่งรออยู่ข้างนอกสนทนากับเด็กไปพลางเพื่อรอเวลาท่านสวดมนต์จบ สายตาก็มองดูรอบๆ บริเวณวัด เห็นหลังคาโบสถ์ เหลืองอร่ามเมื่อสีทองต้องกับแสงเดือน มองเห็นสุสานที่ไว้ศพเป็นช่องเรียงเป็นแถว เห็นเมรุเผาศพถาวร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นมันเป็นสิ่งเตือนจิตใจให้สำนึกถึงสังขารอันไม่เที่ยงแท้แน่นอน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มองดูสุสานก็นึกถึงร่างที่นอนเรียงรายอยู่ภายในอย่างเงียบสงบ ร่างเหล่านั้นคงจะมีทั้งดีและชั่ว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บางท่านเคยพบสำมะเลเทเมาตามสถานที่หย่อนใจในยามราตรี พร้อมทั้งสุรา นารี เต้นรำตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนานในสถานที่มีแสงสีอันงดงาม ไม่เคยนึกถึงความตาย มาจบชีวิตง่ายๆ ก็นอนสงบรวมอยู่ในสถานที่แห่งนั้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] บางท่านกำลังสาวสวยงดงาม ความรู้สูง พร้อมทั้งทรัพย์สินมหาศาล ชื่อหอมฟุ้งไปทั่วทิศ ใครเห็นก็ชม อยากรู้จัก แต่ตองมาจบชีวิตขณะกำลังสาวสวยด้วยความประมาท ต้องมานอนสง่าท่ามกลางแสงเดือนในป่าช้า ร่างที่เคยสวยสดงดงาม บัดนี้เหลือแต่ร่างที่น่าเกลียดน่ากลัว[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] บางท่านข้าพเจ้าเคยรู้จัก ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองด้วยอำนาจวาสนา พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ ตึกรามบ้านช่องใหญ่โต เครื่องบำรุงความสุขทุกอย่างที่จะหาได้ด้วยเงินตรา แต่เมื่อจบชีวิตแล้วญาติก็นำมาฝากวัด ส่วนทางบ้านมุ่งหวังที่จะช่วงชิงทรัพย์สินที่ผู้ตายเหลือทิ้งไว้ บางคนก็แช่งด่าผู้ตายว่าไม่ให้ความยุติธรรม เลยนำร่างมาฝากไว้ที่วัด มิได้กำหนดจัดการสิ่งใดลงไป ข้าพเจ้าเคยเดินดูทั้งที่รู้จักแลไม่รู้จักมากมายด้วยกัน คิดแล้วก็เศร้าใจ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] กำลังคิดเพลินอยู่ ภิกษุผู้เพื่อนก็ออกจากห้องกุฏิ เห็นข้าพเจ้านั่งคอยอยู่ก็ทักทายปราศรัยตามควร ข้าพเจ้ากราบท่าน ท่านจัดแจงรินน้ำชาใส่ถ้วยส่งให้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] แล้วท่านก็เอ่ยขึ้นว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]วันนี้เธอคงมีธุระสำคัญ จึงได้มาหาอาตมาในเวลาค่ำคืนเช่นนี้[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าอึกอักอยู่พักหนึ่ง เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรถูก ทั้งๆ ที่ท่านเคยเป็นเพื่อนรักใคร่กันมาก่อน จิตใจข้าพเจ้าเกิดรวนเร เพราะเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนี้ไม่ควรรบกวนผู้ทรงศีล[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] แต่คิดว่าไหนๆ ก็ตั้งใจมาแล้ว ก็หักใจเรียนท่านไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ผมมีธุระสำคัญที่สุดในชีวิต อยากจะแจ้งให้หลวงพ่อทราบเป็นความลับ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านนิ่งฟัง ไม่พูดอะไร เดินผลักบานกุฏิแล้วหนมาพยักหน้ากล่าวว่า [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เข้ามาพูดข้างในนี้ดีกว่า”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าลุกขึ้นตามท่านเข้าไป แล้วงับบานประตูไว้ ในห้องมีพระพุทธรูปและตั้งเครื่องบูชาประดับไว้อย่างงดงาม รู้สึกหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปควันเทียน และกลิ่นผ้าเหลือง ข้าพเจ้าถือโอกาสกราบพระบูชาสามครั้ง แล้วกราบพระพุทธรูปแล้ว ท่านก็ให้ข้าพเจ้าเริ่มเรื่องธุระกับท่าน ข้าพเจ้าก็เล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดทุกสิ่งทุกอย่าง ตลอดจนได้วางแผนการที่จะล้างแค้น เวลาที่ข้าพเจ้าเล่า ท่านนั่งฟังด้วยความสงบและสนใจ จนข้าพเจ้าเล่าเรื่องจบ[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านก็นั่งนิ่งใช้ความคิดตริตรอง สักครู่หนึ่งท่านจึงได้พูดขึ้นว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“อาตมาเห็นใจในเรื่องของเธอมาก สมควรแล้วที่เธอจะต้องแค้น พูดตามจิตใจของผู้ที่อยู่ในทางโลก อาตมาเห็นใจเธอในเรื่องนี้ ถ้าอาตมายังไม่เข้ามาสู่ความสงบในทางธรรม ยังอยู่ในทางโลกเหมือนครั้งก่อน ก็คงคิดอย่างเธอเหมือนกัน และอาจร่วมมือกับเธอด้วย คิดว่าคนชั่วชนิดนี้ไม่ควรจะอยู่ในสังคมใดบ้านใดเมืองใด เพราะจะนำความเดือดร้อนมาสู่บ้านนั้นเมืองนั้น หากผู้นั้นมีวาสนามากขึ้น ก็จะนำความปั่นป่วนมาสู่โลกได้ คนชนิดนี้เกิดมาเพื่อทำลาย”[/FONT]
     
  8. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าได้ยินคำพูดของท่านแล้ว รู้สึกปิติอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาดและเพิ่มความเคารพท่านยิ่งขึ้น ที่ท่านผู้เป็นภิกษุสงฆ์ทรงศีลยังให้ความเห็นอกเห็นใจ ทำให้อุ่นใจที่ไม่ว้าเหว่อย่างที่คิด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] แต่แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เวลานี้อาตมาเป็นสงฆ์ มิบังควรจะออกความเห็นในสิ่งที่ผิดต่อศีลธรรม เรื่องการฆ่าฟันกันนั่นมันมิใช่กิจของสงฆ์ที่จะไปส่งเสริมหรือห้ามปรามในเวลานี้ สงฆ์มีหน้าที่จะชักนำไปสู่ทางดีเท่านั้น”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านพูดแล้วหันมามองหน้าข้าพเจ้า เหมือนจะอ่านจิตใจข้าพเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ข้าพเจ้ากำลังปลาบปลื้มในคำพูดของท่าน ข้าพเจ้าก้มลงกราบท่าน น้ำตาไหลซึมออกมาด้วยความดีใจ แล้วก็พูดว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] “ขอบคุณหลวงพี่ที่ให้ความเห็นอกเห็นใจ ผมมีความอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด อย่างน้อยก็มีหลวงพี่องค์หนึ่งที่เห็นใจ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] แต่แล้วท่านก็กล่าวเรียบๆ ว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ที่เธอจะทำการครั้งนี้ เหมือนเอาชีวิตเข้าแลกด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่ยอมให้สิ่งใดมาเปลี่ยนแปลงเจตนาของเธอได้”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าตอบว่า [/FONT][FONT=&quot]“จริงครับหลวงพี่ ถ้าผมไม่ได้ล้างแค้น จะอยู่เป็นคนต่อไป ก็ไม่มีความสุขตลอดชาติ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านอมยิ้มอย่างเห็นใจ แล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ก่อนเธอจะสร้างกรรมลงไปนั้น อาตมาใคร่จะแนะนำในสิ่งที่ดี และเป็นมงคลกับตัวเธอสักอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่าเธอจะทำตามหรือไม่ แต่ไม่เป็นที่ขัดขวางเกี่ยวข้องกับการกระทำสิ่งใดของเธอเลย”[/FONT]
    [FONT=&quot] “หลวงพี่ผู้เดียวที่ผมไว้ใจ และเป็นผู้ที่เห็นใจผม สิ่งใดที่หลวงพี่แนะนำไปในทางดี ไม่ขัดต่อการกระทำของผม ผมยินดีปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่าง”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อท่านได้ยินข้าพเจ้าพูด ท่านก็แสดงความพอใจ และเสริมว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“อาตมาเห็นว่าชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน จึงอยากจะให้สร้างความดีเสียก่อนที่จะทำอะไรลงไป คืออยากให้เธอถือศีล 8 อยู่ที่วัดนี้กับอาตมาสัก 8 วัน และอยากจะให้เริ่มต้นแต่วันพรุ่งนี้ เพราะเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำแล้วให้ถึงวันพระแรม 8 ค่ำ เป็นอันสิ้นสุดตามอาตมาร้องขอ ต่อจากนั้นอาตมาจะไม่ร้องขออะไรอีกเลย”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนั้นทำให้อึกอัก มิได้ตอบรับทันที การที่ให้ข้าพเจ้าถือศีล 8 วันนั้น หมายความว่าข้าพเจ้าจะต้องยืดเวลาตามแผนการออกไปอีกหลายวัน[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อท่านเห็นข้าพเจ้านิ่ง ท่านก็พูดต่อไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“การที่อาตมาแนะนำให้ถือศีลนั้น ก็เพื่อเธอจะได้ชำรกจิตใจให้สะอดบริสุทธิ์เสียก่อน เพื่อกุศลอันนี้จะได้ช่วยเธอได้บ้าง”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าทบทวนดูแล้วคิดว่าการถือศีลเพียง 8 วันเท่านั้น ไม่ทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงจิตใจได้ นอกจากจะประวิงเวลาให้ช้าไปเท่านั้น การถือศีลก็เป็นความดีอย่างหนึ่ง ไม่เสียหายอะไร เพื่อสนองความหวังดีและความเห็นอกเห็นใจของท่านที่มีต่อข้าพเจ้า ก็ตกลงรับปากท่านว่าจะถือศีลอยู่กับท่านให้ครบ 8 วัน ก่อนจะทำอะไรลงไป ท่านแสดงความพอใจและยินดีด้วย [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] รุ่งขึ้น ข้าพเจ้าก็ลาพักงานทันที แล้วก็มาอยู่วัดตามที่ตกลงไว้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ทำให้บุตรและภรรยาของข้าพเจ้าแปลกใจ ที่จู่ๆ ก็เข้าวัดถือศีล ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวี่แววเลย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]การมาอยู่วัดและถือศีลทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น จิตใจสบาย ซึ่งแรมปีที่แล้วข้าพเจ้าไม่เคยมีความสบายใจเช่นนี้มาก่อนเลย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลวงพี่ท่านไม่เคยพูดและเอ่ยถึงอะไรทั้งสิ้น นอกจากพูดและสอนศีลธรรมทางปฏิบัติทั่วๆ ไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ต่อจากนั้นอีก [/FONT][FONT=&quot]2 วัน ก็จะถึงวันพระ 8 ค่ำ เป็นวันหมดกำหนดที่ข้าพเจ้าตกลงไว้ วันนั้นท่านได้กล่าวขึ้นว่า[/FONT]
     
  9. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]อาตมาจะเล่าเรื่องจริงให้ฟังสักเรื่อง แม้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นมานานแล้วก็ดี แต่เรื่องมันก็คล้ายคลึงกับเรื่องที่เธอได้ประสบมา ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า[/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]วัดทางชนบทวัดหนึ่ง [/FONT][FONT=&quot]มีพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในทางวิปัสสนากรรมฐาน ชื่อพระอาจารย์พรหม มีคนเคารพนับถือมากมาย มีลูกศิษย์ที่รักใคร่อยู่คนหนึ่งชื่อเจียม[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]วันหนึ่งที่วัดมีงานออกร้าน มีเพลง ละครรำ และลิเก [/FONT][FONT=&quot]3 วัน 3 คืน ซึ่งตามบ้านนอกในสมัยนั้นก็นับว่าเป็นงานที่สนุกสนาน เพราะนานปีจะมีสักหน ผู้คนใกล้ไกลต่างชวนกันมาเที่ยวงานอย่างคับคั่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] ห่างจากวัดออกไปหลายคุ้งน้ำ มีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง ชาวบ้านมีอาชีพในทางทำนา ในหมู่บ้านนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อนายพุ่ม ซึ่งพ่อแม่แม้จะทำนาก็พอมีอันจะกิน วันนั้นนายพุ่มอยากจะไปเที่ยวงานวัดที่อาจารย์พรหมอยู่ เพราะไม่เคยไปเลย และนายพุ่มแม้จะเป็นลูกชาวบ้านเกิดในละแวกบ้านก็ดี แต่พ่อแม่ได้ส่งมาอยู่กับลุงที่บางกอกตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะกลับไปอยู่บ้านไม่กี่เดือน ฉะนั้นเมื่อได้ทราบว่าที่วัดอาจารย์พรหมมีงาน ทำให้ใจจดจ่ออยากจะไปอย่างที่สุด ในชีวิตของนายพุ่มไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย เที่ยวชวนเพื่อนหนุ่มๆ ในละแวกบ้าน ก็ไม่มีใครเขาไปเป็นเพื่อน เพราะต่างก็ยังติดงานนวดข้าว ขอร้องให้นายพุ่มรอไว้วันสุดท้าย จึงจะไปเป็นเพื่อนด้วย แต่นายพุ่มไม่ทันใจอยากจะไปแต่วันต้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ก็ถามหนทางที่จะไปให้แน่นอนเพื่อกันหลงทาง ธรรมดาจากหมู่บ้านไปทางเรือกว่าจะถึงวัดก็หลายชั่วโมง หากจะเดินตัดทุ่งราวสองชั่วโมงก็ถึง ฉะนั้นนายพุ่มจึงเลือกเอาทางบก แม้พ่อแม่จะห้ามปรามนายพุ่มก็ไม่ยอม เพราะตั้งใจอย่างเด็ดขาดไว้แล้ว นายพุ่มออกเดินทางจากบ้าน มีไม้ตะพดอันเดียวเป็นเพื่อนร่วมทาง พวกเพื่อนและพ่อแม่คิดว่าคงไปติดลูกสาวชาวบ้านใกล้วัดแถบนั้นเป็นแน่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ครั้นนายพุ่มไปถึงในบริเวณวัดที่มีงาน ก็เดินเที่ยวชมงานอยู่คนเดียว ดูโน่นนิดนี่หน่อยจนมาถึงโรงละครรำ เห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังเพลินอยู่ เนื่องจากละครกำลังเล่นบทตลก จึงมีเสียงเฮฮาอย่างครื้นเครงทั่วไป นายพุ่มจึงเร่เข้าไปดูด้วย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ขณะที่กำลังยืนดูอยู่เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ กัน นายพุ่มไม่เคยรู้จักชายคนนั้นมาก่อนเลย แต่เห็นหน้าแล้วรู้สึกไม่ถูกชะตา ให้รู้สึกชังน้ำหน้าเหมือนกับว่าเป็นศัตรูคู่อริกันมา ไม่ว่าชายผู้นั้นจะแสดงกิริยาหรือร่าเริงอย่างไร ก็รู้สึกขัดนัยน์ตาของนายพุ่มทุกๆ อย่าง ชายคนนั้นไม่รู้ตัว คงตั้งหน้าดูละครและหัวเราะอย่างสนุกสนาน นายพุ่มเองก็นึกแปลกใจตนเองเหมือนกันว่า ทำไมเกลียดชายคนนั้นอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ ทั้งที่ไม่เคยทำความเจ็บช้ำน้ำใจมาก่อนเลย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มยืนดูสักครู่ รู้สึกหมั่นไส้กิริยาท่าทางของชายผู้นั้นจนทนไม่ไหว ลืมตัวไปวูบหนึ่ง นายพุ่มจึงใช้ไม้ตะมดที่ถือมาตีหัวชายคนนั้นเต็มแรง[/FONT][FONT=&quot] ทำให้ชายคนนั้นซึ่งไม่รู้ตัวถลาลงไปนอนดิ้นอยู่พักหนึ่ง คนซึ่งกำลังดูละครเรื่องสนุกๆ ก็แตกฮือกันขึ้น ตัวละครชะงักการเล่นกลางคัน ส่วนนายพุ่มนั้นพอได้สติรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปแล้วก็ตกใจ เห็นคนแตกตื่นตกตะลึงอยู่ จึงถือโอกาสหนี ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ชำนาญทาง พวกเพื่อนๆ ของชายคนนั้นเมื่อหายตกตะลึง ก็วิ่งตามหลังนายพุ่มมาทันที นายพุ่มวิ่งไปหลบอยู่ใต้กุฏิ พักเดียวเห็นผู้คนล้อมเข้ามารอบด้าน ก็รู้ตัวว่าใกล้จะจนมุม ครั้นเห็นไม้กระดานใต้ถุนกุฏิแห่งหนึ่งมีช่องโหว่ พอตัวจะลอดขึ้นไปได้ จึงใช้มือเหนี่ยวโหนตัวขึ้นไปทันทีก่อนที่พวกติดตามจะแลเห็น [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] พอทรงตัวได้ก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งยืนดูอยู่ที่ชานหน้ากุฏิ นายพุ่มนั้นรู้สึกตัวกลัวความผิดจนตัวสั่น[/FONT]
    [FONT=&quot] ครั้นพบพระก็ก้มกราบ แล้วบอกว่า [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] “ช่วยผมด้วยเถิดครับ หลวงพ่อ เขากำลังจะตามจับผม!”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]พระภิกษุรูปนั้นชี้เข้าไปในห้อง นายพุ่มรีบวิ่งหลบเข้าไปในห้อง พระองค์นั้นเดินตามเข้ามาและปิดประตูกุฏิ แล้วท่านจึงสั้งให้นายพุ่มนั่งลง สงบสติอารมณ์ให้ดีแล้วเล่าเรื่องให้ท่านฟัง ท่านรับรองว่าเมื่อนายพุ่มอยู่กับท่านจะปลอดภัย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มค่อยหายกลัว จึงนั่งลงเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนที่อยู่บ้าน และมีความรู้สึกอยากมาเที่ยวในงานเหลือเกิน จึงพยายามมาเที่ยวจนได้ ตลอดจนได้มาพบเห็นและเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้น แล้วโหนช่องโหว่หนีขึ้นมาบนกุฏิ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเล่าจบก็พอดีได้ยินเสียงผู้คนเดินอยู่นอกห้องขวักไขว่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]และได้ยินเสียงพูดขึ้นว่า [/FONT][FONT=&quot] “หลวงพ่อคงจำวัด”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] แต่อีกเสียงหนึ่งบอกว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ต้องบอกให้ท่านรู้ เพราะลูกศิษย์ของท่านถูกตีตัวเป็นการลบเหลี่ยมพวกเราและดูถูกหลวงพ่อด้วย แล้วพวกเราก็มากมายยังจับมันไม่ได้ ปล่อยให้มันลอยนวลไปได้”[/FONT]
     
  10. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] อีกเสียงหนึ่งกล่าวว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“มันไวยังกะปรอท เผลอเดี๋ยวดียวหายตัวไปแล้ว พวกเราก็มัวตะลึงอยู่ ไม่นึกว่าจะมีนักเลงต่างถิ่นมาเหยียบจมูก ถ้าข้าพบจะไม่ไว้ชีวิตมันแน่”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มได้ยินเสียงคนพูดหลายเสียง เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก็นั่งตัวสั่นอยู่ในกุฏิ กราบแล้วกราบอีกให้หลวงพ่อช่วย ท่านจึงบอกให้นั่งนิ่งๆ ก่อน และทำใจให้ดี ท่านจะจัดการให้เรียบร้อย[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อเปิดประตูกุฏิออกไป พบลูกศิษย์ของท่านแสดงความโกรธแค้นแต่ละคนถือไม้ตะพดและอาวุธอื่นๆ ท่าทางเอาเรื่อง ถ้าพบคนต้นเหตุอย่างน้อยก็มีหวังเนื้อตัวน่วมเป็นแน่ พวกลูกศิษย์ครั้นเห็นอาจารย์พรหมออกมาจากห้อง ต่างก็นั่งลงไหว้และรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านอาจารย์นิ่งฟังโดยสงบไม่พูดว่ากระไร แต่หันหลังกลับไปหยิบไพลออกมา แล้วยื่นให้ลูกศิษย์ชื่อเจียมที่ถูกตีหัวโนเท่าลูกมะกรูด พลางบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เอาไปทา ประเดี๋ยวก็ยุบ” [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายเจียมลูกศิษย์คนโปรดเห็นชาวใส่ไพลก็ตกใจ เพราะเมื่อเช้าหลวงพ่อสั่งให้เขาฝนไพลไว้ เมื่อเขาถามว่าฝนไปทำไม หลวงพ่อก็บอกว่าเอาไว้ให้ตัวเขาเอง เจียมยังหัวเราะนึกว่าท่านจะพูดตลกเล่น เพราะไม่นึกว่าตัวเองจะเจ็บป่วยเป็นอะไร เนื่องจากเป็นคนแข็งแรง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บัดนี้ ท่านได้ยื่นชามไพลมาให้จึงได้รู้ว่าท่านพูดจริง ไม่ได้พูดตลกเล่นขันๆ ตามความเข้าใจเสียแล้ว เจียมนึกในใจว่าหลวงพ่อนี้ทายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ เสียแต่ว่าท่านไม่บอกให้รู้ตัว จึงพูดอย่างน้อยใจว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“หลวงพ่อรู้ว่าผมจะถูกตี ทำไมไม่เตือนให้ผมรู้ตัวบ้าง เสียแรงเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อแท้ๆ ยังปล่อยให้คนอื่นมาทำได้”[/FONT]
    [FONT=&quot] หลวงพ่อจึงปลอบนายเจียมว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เจียมเอ๋ย เจ้าอย่าน้อยใจเลย หลวงพ่อรู้ก็บอกเจ้าไม่ได้ เพราะมันเป็นการก่อเวรไม่สิ้นสุด จึงอยากจะให้พ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที่ชาตินี้ การที่เจ้าถูกตีหัววันนี้เป็นเวรกรรมกันมาแต่ชาติก่อน เมื่อชาติก่อนเจ้าถูกเขาฆ่า มาชาตินี้ถ้าหลวงพ่อบอกเจ้าว่าจะมีคนมาทำร้าย เจ้าก็จะต้องฆ่าเขาตาย เป็นการใช้เวรกันแต่เพียงชาตินี้ เจียม เจ้าควรหัดเป็นคนมีความอดทน รู้จักเสียสละและการให้อภัย เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แล้วเจ้าจะมีความสุข”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านพูดจบแล้ว นายเจียมยังไม่หายน้อยใจ จึงกล่าวว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“หลวงพ่อจะให้ผมเสียสละ อดทน แต่ผมถูกลอบตีหัวโดยไม่รู้ตัว ผมไม่เคยทำความเจ็บใจให้มันมาก่อนเลย แล้วหลวงพ่อจะให้ผมยอมแพ้มันง่ายๆ หลวงพ่อเห็นคนอื่นดีกว่าผมเสียแล้วหรือครับ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เจียมพูดแล้วกิริยาเศร้าโศกเสียใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านอาจารย์พรหมท่านประกอบด้วยความสุขุม จึงปลอบศิษย์รักของท่านว่า [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เจียมเอ๋ย เท่าที่เจ้าอยู่กับหลวงพ่อมา เคยเห็นว่าหลวงพ่อมีอคติลำเอียงต่อศิษย์คนใดบ้าง เจ้าเคยเป็นศิษย์ที่ดี มีความกตัญญู เดี๋ยวนี้เจ้าหมดความนับถือไม่เชื่อฟังคำหลวงพ่อแล้วหรือ การใดที่ทำไปนั้นก็ด้วยความหวังดีต่อเจ้า และเพื่อเป็นการระงับเวรในชาตินี้และวันนี้ หลวงพ่อต้องการให้เจ้าพ้นทุกข์ หลวงพ่อเป็นสงฆ์ ไม่เคยหวังร้ายต่อใคร มีความหวังดีทั้งสิ้น”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] พอท่านพูดจบ เจียมก็รู้สึกว่าตัวเองออกจะวู่วาม และทำให้อาจารย์เสียใจ จึงตรงเข้ากราบขอโทษ พร้อมกับกล่าวว่า [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“พระคุณหลวง่พอที่กรุณาผมมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ผมยังไม่ได้ทดแทนคุณเลย ที่พูดไปนั้นด้วยความน้อยใจเท่านั้น บัดนี้ผมรู้สึกตัวแล้ว ผมขออภัยหลวงพ่อด้วย ผมจะเชื่อหลวงพ่อ ผมจะอดทนที่ต้องรับความเจ็บปวด ผมจะเสียสละและให้อภัยแก่คนที่ทำผมลับหลังโดยที่ผมไม่รู้จักตัว ขอให้หลวงพ่อเมตตาผมเหมือนเดิม ถ้าผมไม่มีหลวงพ่อคุ้มครองวันนี้ คงจะเจ็บมากกว่านี้”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] พระผู้เป็นอาจารย์เห็นศิษย์เชื่อฟังก็พอใจ พลางบอกให้ศิษย์อื่นๆ รออยู่ข้างนอก ชวนนายเจียมเข้าไปกราบพระในกุฏิ พอนายเจียมเข้าไปท่านก็ปิดประตูลงกลอน ในห้องมืดสลัวเพราะท่านได้ปิดหน้าต่างหมดทุกด้าน ท่านให้นายเจียมจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปและก้มกราบ 3 ครั้ง แล้วกล่าวต่อหน้าพระว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ข้าขอสัญญาว่า วันนี้ข้าถูกทำรายโดยศัตรูที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ข้าจะขออโหสิกรรมให้ และไม่ขอจองเวรกันต่อไป ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนๆ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงเป็นองค์พยานด้วย”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายเจียมกล่าวจบ ก็ก้มลงกราบพระพุทธรูปอีกครั้งหนึ่ง[/FONT]
     
  11. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] นายพุ่มซึ่งหลบอยู่ในมุมมืด ได้ยินการสนทนาระหว่างศิษย์อาจารย์ทราบความตลอดหมด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อศิษย์และอาจารย์เข้ามาในห้อง นายพุ่มก็จับตาดูตลอดเวลาด้วยหัวใจที่สั่นระริก เมื่อเจียมกล่าวคำต่อหน้าพระเสร็จแล้วก็รู้สึกเบาใจ อาจารย์จึงพยักหน้าให้นายพุ่มออกมา นายพุ่มก็คลานออกมาจากมุมห้อง เจียมได้ยินเสียงก๊อกแก๊กก็เหลียวมาดู เห็นคนคลานออกมาก็ตกตะลึง เพราะไม่เคยนึกฝันมาก่อน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มเมื่อคลานออกมาตรงหน้า นายพุ่มก็ก้มลงกราบ พลางพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ขอพี่จงยกโทษให้ฉันด้วย ที่ฉันทำไปเพราะอารมณ์วูบเดียวแท้ๆ แล้วหนีมาพบอาจารย์ จึงรอดชีวิตมาได้ ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นเพราะกรรมเก่าแต่ชาติก่อน เราเคยก่อเวรจองกรรมกันมา ท่านจึงขอให้เราอโหสิกรรมเสียในชาตินี้ ให้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที ขอพี่อภัยให้ด้วย”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มนั้นไม่ได้กล่าวแต่เพียงคำพูดอย่างเดียว แต่สะอื้นน้ำตาไหล เนื่องจากสำนึกในความผิดของตัว[/FONT]
    [FONT=&quot] เจียมครั้งแรกเห็นคนคลานออกมาจากที่มืดก็ตกตะลึงอยู่แล้ว เมื่อนายพุ่มเข้ามากราบขอโทษจึงเดาเรื่องถูกหมด ครั้งแรกก็ยังนึกโกรธอยู่ เพราะตัวต้องเจ็บโดยไม่รู้เรื่องราว แต่เมื่อนึกว่าตัวได้สัญญากับอาจารย์ว่าจะอโหสิกรรม และตัวเองก็ได้ประกาศต่อหน้าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว จิตใจก็อ่อนลง [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เห็นนายพุ่มร้องไห้ก็สงสาร จึงปลอบนายพุ่มว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“นิ่งเสียเถิดน้องชาย พี่ยกโทษให้หมดแล้ว เราไม่ขอจองเวรจองกรรมกันต่อไป เราสองคนนี้เป็นหนี้พระคุณของหลวงพ่อท่าน ที่ท่านช่วยระงับเวรซึ่งเนื่องมาแต่ชาติก่อนให้สิ้นสุดกันไป”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านอาจารย์เห็นทั้งสองปรองดองกันได้เรียบร้อย ก็มีความพอใจ ท่านจึงบอกให้ทั้งสองรับศีลห้าพร้อมกัน เสร็จแล้วทั้งสองก็กล่าวคำอโหสิกรรมต่อหน้าพระพุทธรูปในกุฏินั้นพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] นายพุ่มอ่อนกว่านายเจียมสองปี จึงถือนายเจียมเป็นพี่ ต่อจากนั้นมาทั้งสองก็รักใคร่กันมาก และสามารถตายแทนกันได้ จึงเป็นเรื่องที่ศัตรูกลายเป็นมิตร เรื่องนี้ชาวบ้านแถบนั้นเล่าให้ลูกหลานฟังกันตลอดมา และที่วัดนั้นต่อมาเมื่อจัดงาน ทางวัดก็จะห้ามคนถือตะพดเข้าไปเที่ยวในบริเวณงานอีก ใครจะถือติดมือไปก็ต้องไปฝากไว้ที่ประตูทางเข้างาน โดยทางวัดให้มีคนคอยรับฝาก ให้ความสะดวกโดยทำเบอร์เลขให้เป็นใบรับตรงกันไว้ให้ และก็เป็นตัวอย่างของงานวัดอื่นต่อมา[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องราวที่พระท่านเล่านั้น ก็มาครุ่นคิดถึงเรื่องของตัวเอง จิตใจรวนเรตัดสินใจอะไรไม่ถูก เพราะระยะที่ได้ถือศีลนั้น ได้เปลี่ยนจิตใจของข้าพเจ้าให้เบาบางจากความแค้นลงไปมาก คิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อข้าพเจ้าได้ล้างแค้นสมประสงค์ ข้าพเจ้าก็คงจะไม่มีความสุขอย่างที่หวัง เพราะมือกฎหมายก็คงจะจัดการกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอาจถูกคุมขังหรืออาจถูกประหาร ผลที่ได้รับมันยิ่งร้ายเสียว่าการทรมานใจเหมือนก่อน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] รุ่งเช้าวันสุดท้ายที่ข้าพเจ้าครบกำหนดถือศีล วันที่ [/FONT][FONT=&quot]8 พอดี ข้าพเจ้าไปหาพระภิกษุผู้ชี้ทางสว่างให้แก้ข้าพเจ้า แล้วนั่งสนทนากันอยู่ชั่วครู่ ข้าพเจ้าบอกว่านอนไม่หลับ ข้องใจในเรื่องต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟัง แต่รู้สึกว่าจิตใจสบายขึ้นกว่าเดิม [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะและพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“นั่นแหละ จิตเราเกิดกุศลขึ้นแล้ว… การอดทน การเสียสละ และการให้อภัยนั้น ถ้าใครยึดถือได้ก็ย่อมทำให้จิตใจสงบเกิดความสุขแก่ผู้นั้น และถือว่าเป็นผู้ชนะจิตใจตนเองได้ขั้นหนึ่ง อันผู้ใดก่อความชั่วไว้ กรรมย่อมจะสนองผู้นั้นไม่ช้าก็เร็ว ฉะนั้น ที่เธอคิดจะแก้แค้นด้วยชีวิตนั้น… มันเป็นการก่อเวรขึ้น ไม่สมควรที่เธอจะเข้าไปเกี่ยวข้องให้เกิดเวรขึ้นตามสนอง จองล้างกันตลอดไป ไม่สิ้นสุด อาตมาจึงอยากจะห้ามตั้งแต่ตอนแรกที่เธอมาระบายความแค้นออกมาให้ทราบแล้ว แต่อาตมาคิดว่าหากห้ามเวลานั้นคงไม่สำเร็จ ถือสุภาษิตโบราณว่า น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง อาตมาจึงให้ความเห็นอกเห็นใจและคล้อยตามไปก่อน ทำให้เธอคลายความตึงเครียดลงบ้าง เพราะอย่างนั้นก็ยังมีผู้เห็นอกเห็นใจ หากเวลานั้นถ้าอาตมาห้ามปรามในขณะที่เธอกำลังโกรธแค้น ย่อมมุมานะทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไป เพราะคนเรามีความอวดดีประจำตัวไม่มากก็น้อย ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อาตมาจึงได้ประวิงเวลาไว้เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายอารมณ์แค้นลง และให้เธอได้คิดหลายหลัง แล้วบัดนี้การที่เธอได้ตัดสินใจยอมอโหสิกรรมนั้น อาตมามีความพอใจและตรงตามความประสงค์ของอาตมาแล้ว ปล่อยใหกรรมชั่วสนองผู้สร้างเองดีกว่า จงคอยดูไป อาตมาว่าไม่ช้ากรรมนั้นคงสนองแน่”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าได้ฟังท่านให้โอวาทจิตใจผ่องใสสดชื่นขึ้น[/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้ากราบท่านแล้วพูดว่า [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หลวงพี่รู้เรื่องนายพุ่มมาก คิดว่าหลวงพี่คงเป็นศิษย์อาจารย์พรหมคนหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านยิ่มแล้วตอบว่า [/FONT][FONT=&quot]“มิได้ นายพุ่มเป็นปู่ทวดของอาตมา”[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  12. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ข้าพเจ้าจึงว่า “[/FONT][FONT=&quot]กระผมรู้สึกผิดชอบแล้วครบหลวงพี่ ผมจะอดทนต่อไปและเสียสละ จะให้อภัยแก่เขาผู้นั้น[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็เข้าไปกราบพระพุทธรูป ขออโหสิกรรม ไม่จองเวรจองกรรมต่อไปตั้งแต่บัดนี้ และตั้งใจว่าหากถูกกลั่นแกล้งอย่างไรอีก ข้าพเจ้าจะอดทนให้อภัย และคิดถึงทางธรรมว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อคิดได้จิตใจก็สบาย ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนอย่างเดิม เพียงระยะ [/FONT][FONT=&quot]8 วัน ที่ข้าพเจ้าได้เข้าวัด เปลี่ยนจิตใจของข้าพเจ้าผิดกันเป็นคนละคน[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หลังจากข้าพเจ้ากลับเข้าทำงานแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างประหลาด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]การกลั่นแกล้งทำลายจิตใจเกือบจะไม่มี เห็นจะเห็นเพราะข้าพเจ้าอดทนให้อภัย หน้าตาคงจะเปลี่ยนจากความเคร่งเครียดมายิ้มแย้ม จึงทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ระดับปกติ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อจากนั้นไม่นานนักเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างนึกไม่ถึงก็เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาที่เคยกลั่นแกล้งทางจิตใจ เกือบจะทำให้ข้าพเจ้าเป็นบ้าเป็นหลังเสียผู้เสียคนจวนจะเป็นผู้ร้ายใจเหี้ยม ก็หมดอำนาจวาสนาดับแสงลงทันที ท่ามกลางความรุ่งเรื่องซึ่งตัวเองไม่เคยนึกมาก่อน พวกประจบสอพลอก็พากันตีตนออกห่าง ที่คอยติดหน้าตามหลังก็หายไปสิ้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าก็ได้ลืมเรื่องเก่าๆ และได้อโหสิกรรม ให้อภัยสิ้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเห็นกรรมตามสนอง ก็อดมีใจกลับนึกสงสาร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] และนึกถึงคำว่า [/FONT][FONT=&quot]… [/FONT][FONT=&quot]“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ”[/FONT][FONT=&quot] ยังยืนยงคงอยู่ไม่อับแสง[/FONT]
    [FONT=&quot] ลบล้างสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่า [/FONT][FONT=&quot]… [/FONT][FONT=&quot]“คนสร้างกรรมชั่ว กลับได้ดี”[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] บัดนี้กรรมชั่วได้ตามสนองเห็นผลทันตาแล้ว![/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จากนั้นข้าพเจ้ารู้สึกว่าชีวิตช่างมีความหมาย โลกเต็มไปด้วยความสดชื่นน่าพิสมัย ทุกสิ่งทุกอย่างเต็มไปด้วยชีวิตจิตใจ แม้แต่ต้นไม้ดอกไม้ดอกหญ้า ช่างสวยสดงดงามเหมือนจะยิ้มรับ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อันคนเรายามสุขนั้นมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างสดชื่นเบิกบาน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] อันยามทุกข์มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเหี่ยวแห้ง มีแต่ตรมเศร้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]จะแก้ไขได้ก็ด้วยที่ใจของตนเอง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] แต่ผู้นั้นจะต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ มีความอดทน ให้อภัยและเสียสละ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ดังตัวข้าพเจ้าได้ประสบมาเป็นตัวเอง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้ายังถึงถึงพระคุณของพระภิกษุผู้จูงข้าพเจ้าออกมาจากที่มืด มาสู่แสงสว่างที่สดชื่น ซึ่งเป็นชีวิตใหม่ ที่ได้ปรับปรุงจิตใจให้สดใสบริสุทธิ์ มองดูโลกได้ทุกแง่ ข้าพเจ้าจะขอจดจำพระคุณอันนั้นจนกว่าชีวิตจะหาไม่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]หมายเหตุ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]คำว่า [/FONT][FONT=&quot]“ข้าพเจ้า”[/FONT][FONT=&quot] นั้น เป็นผู้ได้ประสบการณ์ ซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ข้าพเจ้าผู้เขียนเป็นผู้เรียบเรียง หากผู้ใดไม่เชื่อในกรรมดีกรรมชั่ว ก็ขอให้คิดว่าเป็นเรื่องอ่านเล่น เพราะเรื่องกรรมดีกรรมชั่วนั้นเป็นเรื่องเข้าใจกันยาก นอกจากประสบกันตัวเองเท่านั้น[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot][​IMG]
    [/FONT]
     
  13. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    กลับชาติ
    โดย ท.เลียงพิบูลย์

    จากหนังสือกฎแห่งกรรม
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๑



    เมื่อครั้งประเทศสยาม ยังมีจังหวัดนครเขื่อนขันธ์อยู่ในขอบขันธเสมาของมณฑลกรุงเทพฯ ก่อนที่ยุบลงเป็นอำเภอ และประเทศสยามจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทยนั้น ข้าพเจ้ายังอยู่ในวัยรุ่น จังหวัดนครเขื่อนขันธ์เป็นที่อยู่ของชาวรามัญ สมัยนั้นชาวพระนครจะเดินทางเข้าไปในเขตนครเขื่อนขันธ์มีทางเดียวคือ ทางเรือ มีเรือแดงหรือเรียกว่า บริษัทแม่น้ำมอเตอร์โบ๊ท ลงเรือที่ท่าถนนตก แล้วเราก็ต้องไปขึ้นต่อรถมอเตอร์รางที่ปากคลองลัดผ่านไปถึงท่าหิน

    การเดินทางไปมาก็ต้องเสียเวลานาน ไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบันนี้ แต่เมื่อเข้าไปในเขตนครเขื่อนขันธ์ บรรยากาศก็จะเปลี่ยนแปลงไป คล้ายกับเราไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง บางครั้งทำให้เราลืมไปว่าเราอยู่เมืองไทย เพราะคนพื้นเมืองเหล่านั้นไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่คนแก่คนเฒ่า ต่างก็พูดภาษามอญกันตลอดทั้งตำบล แม้จะหันมาพูดไทยกับเราบ้างสำเนียงก็แปร่งๆ หนักๆ เป็นสำเนียงมอญ บางคนที่มีอายุมากก็พูดไทยไม่ได้เสียเลย เพราะคนพื้นเมืองทั้งตำบลเป็นเขตที่อยู่ของชาวรามัญ ไม่มีชาติอื่นปะปน

    ฉะนั้น ชาวรามัญจึงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ได้ แม้แต่คนจีนที่เข้าไปทำการค้าขายในหมู่บ้านชาวรามัญ ก็ต้องพูดมอญเป็น สมัยนั้นข้าพเจ้ามีเพื่อนเป็นชาวรามัญ ฉะนั้น ถึงปียามตรุษสงกรานต์ เพื่อนจะต้องมาชวนพวกเราหลายคนไปค้างแรมที่บ้าน ในเขตจึงหวัดนครเขื่อนขันธ์ ชาวรามัญที่ข้าพเจ้าพบในยุคนั้น เป็นผู้มีนิสัยดี ใจคอกว้างขวางโอบอ้อมอารี มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต้อนรับผู้ไปเที่ยวอย่างดี ตลอดทั้งที่พักและอาหารชาวรามัญ ไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่มีจิตใจร่าเริงสนุกสนานเป็นกันเองรู้จักง่ายไม่ถือตัว

    เวลานั้นเสียอย่างเดียว ที่ข้าพเจ้าพูดภาษามอญไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ต้องอาศัยเพื่อนเป็นล่ามแปลให้ฟัง แม้บางท่านจะพูดไทยได้ ก็น้อยคนนักจะพูดได้ชัดอย่างไทยแท้ๆ ส่วนมากสำเนียงเป็นมอญ ข้าพเจ้าจึงฟังไม่ค่อยออก แม้จะพูดไทย หูเราก็ฟังเป็นภาษามอญเสียหมด หลายครั้งต้องขำขันเพราะการพูดมอญปนไทยของชาวบ้าน ทำให้ข้าพเจ้าแปลความหมายผิดๆ เลยเปิ่นๆ แต่ชาวรามัญเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน เลยเห็นเป็นสนุก

    เมื่อพูดถึงการนับถือศาสนา ข้าพเจ้ารู้สึกว่าชาวรามัญนั้นเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก การบุญการกุศลเป็นเรื่องใหญ่ เวลาตรุษสงกรานต์ก็จะเห็นชาวบ้านทุกบ้าน พร้อมใจกันไปวัดด้วยจิตศรัทธา ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นยังมีความสามัคคีในหมู่คณะ รักใคร่ปรองดองกันฉันท์พี่น้อง ทั้งชายหญิงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีผู้อื่นกล้าเข้าไปลองดีในหมู่บ้านชาวรามัญ หรือแสดงโอ้อวดยะโส ข้าพเจ้าอดชมชาวรามัญมีความสุภาพจิตใจกว้างขวางของชาวรามัญไม่ได้ ทุกบ้านทุกเรือนยินดีต้อนรับพวกเรา ในเมื่อเพื่อนได้พาไปแนะนำให้รู้จักตามบ้านพี่บ้านน้อง

    เมื่อพูดถึงอาหารการกินที่เขานำมาต้อนรับนั้น มากมายจนกินไม่ไหว ทุกบ้านทำขนมหวานต่างๆ ขนมจีน อื่นๆ เช่น ข้าวแช่ และอีกมากมาย ข้าพเจ้าจำได้ไม่หมด เราก็มีแต่เที่ยวเตร่ เล่นสะบ้ากับพวกสาวๆ ชาวรามัญซึ่งแต่งตัวตามประเพณีล้วนแต่จิ้มลิ้ม เสียแต่พวกเธอพูดมอญมากกว่าพูดไทย แต่ที่เราพูดหล่อนก็รู้หมดทุกคำ แต่หล่อนพูดมาเราไม่รู้ นึกแล้วก็อดขำไม่ได้เวลาพวกเราผู้ชายแพ้สะบ้า ถูกพวกผู้หญิงบังคับให้รำ

    เวลานั้นข้าพเจ้ายังรักพวกเครื่องดองของเมาอยู่ ได้อาศัยพวกน้ำตาลเมา น้ำขาวลูกทุ่ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรำมาก่อนในชีวิต แต่พอตึงๆ หน้าก็สนุกสนานเต้นแร้งเต้นการำ ควักกะปิส่ายไปส่ายมา พูดภาษารามัญผิดๆ ถูกๆ ฟังไม่ออก ทั้งคนมอญ คนไทย รวมทั้งข้าพเจ้าผู้พูดเอง ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรเหมือนกัน ทำให้คนไทยคนมอญหัวเราะจนน้ำตาไหล

    เมื่อพูดถึงเที่ยวงานสงกรานต์ สมัยเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีการทำบุญตามวัด สาวๆ ชาวรามัญแต่งตัวงดงามตามประเพณี มีการปล่อยนกปล่อยปลาเป็นพวกเป็นหมู่ สรงน้ำพระ เล่นสาดน้ำ กลางคืนก็มีบ่อนสะบ้า เล่นอย่างมีระเบียบที่งดงาม ที่บ่อนสะบ้าสร้างปะรำตกแต่งธงทิวสว่างไสวไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุ พวกหนุ่มๆ ก็จองสาวเป็นคู่เล่นของตน เราเล่นไม่เป็น หล่อนก็สอนให้ นับว่าเป็นสวรรค์ของหนุ่มสาว สนุกสนานที่สุดในสมัยนั้น

    ชาวรามัญที่อยู่ในประเทศไทยเป็นที่น่าเคารพ มีกิริยาวาจาเรียบร้อยน่ารัก ที่ยังอุตส่าห์รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณ และยังรักษาคำพูดไว้ได้ดี แต่ก็เป็นที่น่าเศร้าใจที่ได้ทราบว่า แม้แต่ทางเมืองหลวงหงสาวดีซึ่งเป็นเมืองแม่ของชาวรามัญ บัดนี้คำพูดภาษารามัญได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว เพราะชาวรามัญในปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นพม่า พูดภาษาพม่า ลืมภาษาดั้งเดิมของชาติตนเองมาแต่โบราณเสียสิ้น ตลอดทั้งหัวเมืองมอญอื่นๆ ทั้งน้อยใหญ่ ภาษารามัญไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครพูดอีก

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2012
  14. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> พวกรามัญและภาษามอญกำลังจะสูญสิ้นไปจากโลก คงยังเหลือชาวรามัญที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น ที่ยังคงรักษาคำพูดและขนบธรรมเนียมประเพณีและสำเนียงภาษาอยู่ได้ แต่ก็ไม่แน่ถ้าไม่ช่วยกันรักษาไว้ ก็จะเป็นเรื่องเศร้าที่พวกรามัญรุ่นสุดท้ายที่ยังอยู่ในประเทศไทย หากปล่อยตามบุญตามกรรมให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะค่อยๆ จางลง ที่สุดก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ไม่ช้าพวกรามัญในประเทศไทยรุ่นท้ายที่อยู่ในโลก ก็จะสูญสิ้นไปพร้อมกับภาษาสำเนียงคำพูด ตลอดทั้งขนบประเพณี เช่นเดียวกับชาวรามัญที่ประเทศมอญ และเมืองหงสาวดี ที่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาแล้วแต่อดีต

    เด็กรุ่นหลังคงจะไม่มีโอกาสที่จะรู้จักชาวรามัญ หรือภาษามอญอันมีวัฒนธรรมอันดีงาม เสมือนไม่มีชาวรามัญซึ่งหงสาวดีเป็นเมืองหลวง มีภาษาคำพูดเป็นของชาติตนเองก็จะถูกลืมไปจากโลก เหมือนไม่เคยมีชาติและชาวรามัญอยู่ในโลกมาก่อน การที่ข้าพเจ้ารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ทั้งขนบประเพณีที่ดีงามของชาวรามัญขึ้นมาเขียนนี้ ข้าพเจ้ายังนึกยกย่องชมเชยว่า ชาวรามัญแม้จะมีประเพณีบางอย่างที่ผิดแปลกไปบ้าง เช่น มีการถือผี เป็นต้น แต่ชาวรามัญก็เป็นชาวพุทธที่ดี เพราะเท่าที่ข้าพเจ้ารู้ ยังไม่เคยเห็นชาวรามัญคนใดละทิ้งศาสนาพุทธไปเข้าศาสนาอื่นเลย

    ความจริงการที่ข้าพเจ้าขึ้นต้นเขียนเรื่องเก่าๆ ของชาวรามัญครั้งนี้ เพราะเหตุบังเอิญมีท่านผู้นับถือเคยส่งเรื่องนี้มาให้ข้าพเจ้าเขียน ได้นำเอาเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของครอบครัวหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นในเขตจังหวัดนครเขื่อนขันธ์ ก่อนที่จะยุบเป็นอำเภอ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของชาวไทยและต่างประเทศ คือ เรื่อง “กลับชาติ”

    ท่านผู้เล่ายังบอกว่าเข้าใจว่า ผู้ที่กลับชาติมาเกิดใหม่นี้ที่ข้าพเจ้าสมมติชื่อ “ทะนง” นั้นยังคงมีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ และท่านจะพยายามสืบหาท่านผู้นั้น บัดนี้ก็คงมีอายุอยู่ในวัยชรามากแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ถ่ายทอดเรื่องมาเล่าให้ท่านฟัง เพื่อจะได้พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วสมัยก่อน ท่านจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นนิยาย หรือนิทาน ก็สุดแต่ความเห็นของท่านจะตัดสินเอง


    เมื่อครั้งนครเขื่อนขันธ์ ยังเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศสยาม โดยมีเจ้าเมืองเป็นผู้ปกครอง ได้มีครอบครัวหนึ่ง สองสามีภรรยาได้มีบุตรชายคนหนึ่งแปลกประหลาดกว่าเด็กอื่นๆ รุ่นเดียวกัน โดยแสดงว่า มีอารมณ์ลึกลับฝังไว้ในส่วนลึกของความรู้สึก พ่อแม่ตั้งชื่อว่า ทะนง พออายุย่างเข้าหกขวบ เด็กชายทะนงก็ขอร้องให้พ่อหามีดคมๆ ให้สักหนึ่งเล่ม

    พ่อมีความสงสัยจึงถามว่า “อ้ายหนู เองเอามีดไปทำไมวะ”

    ลูกชายบอกว่า “ข้าขอมีดเพื่อเอามาลับให้มันคม”

    ผู้พ่อถามลูกชายอย่างไม่หายสงสัยว่า “จะเอามีดมาลับให้คมเพื่อประโยชน์อะไร เป็นเด็กเป็นเล็กเล่นมีดเล่นพร้าไม่ได้”

    ลูกชายอ้อนวอนแล้วพูดว่า “ข้าขอมาลับให้มันคมเท่านั้น เมื่อข้าจะทำร้ายใคร ข้าจะบอกให้พ่อรู้ก่อน”

    ชายผู้พ่อเห็นลูกชายอ้อนวอนขอมีด ด้วยความรักลูกและสงสาร ทั้งเห็นลูกรับรองว่าจะบอกก่อนที่จะไปทำร้ายใคร ฉะนั้นจึงหามีดชายธงมาให้ลูกชายเล่มหนึ่ง หลังจากได้มีดตามความประสงค์แล้ว เด็กชายทะนงก็ใช้เวลาส่วนมากหมดไปในการลับมีด หาได้ไปเล่นซนเหมือนเด็กอื่นๆ ทั้งหลาย แม้จะมีผู้ถามว่า ลับมีดไปทำไม ก็ไม่ยอมบอก

    เวลาผ่านไปสองปี เมื่อเด็กชายทะนงอายุได้แปดขวบ วันหนึ่งได้เข้าไปหาพ่อแล้วบอกว่า “บัดนี้ถึงเวลาข้าจะต้องแก้แค้น อ้ายคนทรยศต่อข้าเมื่อชาติก่อน ข้าจึงบอกพ่อตามสัญญา”

    ชายผู้พ่อได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ นึกว่าลูกชายเรานี่มันสติดีหรือเปล่า ตัวเล็กๆ เท่านี้ ไปเกิดมีศัตรูกับใครเข้าถึงกับจะไปฆ่าแกงกันเพื่อแก้แค้นตั้งแต่เล็กๆ คิดดูแล้วก็หนักใจ เพราะมองเห็นท่าทางเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่พูดเล่น นับแต่ลูกชายเกิดมา ก็มีกิริยาแปลกๆ ผิดกับเด็กคนอื่นๆ คิดแล้วชายผู้พ่อพูดว่า

    “อ้ายหนูเอ็งมีความแค้นเคืองใครมาแต่ไหนวะ ที่จะฆ่าฟันเอาชีวิตกันเช่นนี้ เอ็งเป็นลูกของพ่อ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของพ่อเอง เพราะพ่อมีลูกชายแต่เอ็งคนเดียว ฉะนั้นพ่อจะต้องช่วยลูกอยู่เสมอ ศัตรูของลูกก็เหมือนศัตรูของพ่อ อยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันเป็นใคร บอกให้พ่อรู้บ้างซิลูก มันทำอะไรให้ลูกของพ่อเจ็บแค้นถึงอาฆาตมาดร้ายเอาถึงชีวิตเช่นนี้”

    ลูกชายเมื่อได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น จึงบอกกับพ่อว่า “เรื่องของลูกนั้นเกิดมาแต่ชาติก่อนแล้ว ลูกมีความโกรธแค้นมันมาก ที่มันเคยเป็นเพื่อนรักเป็นเพื่อนตายกันมา แต่แล้วมันก็ฆ่าลูก หมกศพไว้ในป่าห่างหมู่บ้าน”

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  15. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> ผู้พ่อได้ยินลูกชายอายุเพียง ๘ ขวบพูดเช่นนี้ก็สะดุ้ง แต่แล้วก็ทำจิตให้ปกติ พูดกับลูกชายว่า “ลูกเอ๋ย อ้ายคนเป็นศัตรูของลูกมันชื่ออะไร มันอยู่บ้านตำบลไหน บอกพ่อซิลูก”

    ลูกชายพอได้ยินพ่อพูดเช่นนั้น นิ่งอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกระซิบบอกชื่อเสียง และตำบลบ้านที่เกิดในชาติก่อนให้พ่อทราบ พอทราบปากคำของลูกชาย ก็ได้เริ่มเที่ยวติดตามสืบหาชายผู้เป็นศัตรูของูลูกแต่อดีตชาติ ตามตำบลที่ลูกชายบอก พร้อมทั้งชื่อเสียง ชายผู้พ่อได้พยายามสืบหาทั่วทั้งตำบลที่ลูกชายบอก ก็ยังหาคนที่ต้องการไม่พบ จึงนั่งพักใต้ต้นมะขามใหญ่ แล้วรำพึงกับตัวเองว่า เรานี่ก็หลงเชื่อเจ้าลูกชายเด็กเมื่อวานซืนนี้ ว่าเป็นเรื่องจริงจังเป็นตุเป็นตะ

    เที่ยวหาจนอ่อนใจแล้วก็ไม่พบคนชื่อนั้น จึงหยุดนั่งที่ม้าไม้สำหรับชาวบ้านใส่บาตรเช้าๆ ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าบ้านหลังหนึ่งใต้ถุนบ้านสูง มองเห็นชายมีอายุกำลังผ่าฟืนอยู่กลางลานที่มีรั้วบ้านปลูกต้นพู่ระหง ส่วนทางใต้ถุนนั้นมีผู้หญิงสาวและแก่กำลังตำข้าวและฝัดข้าว มีพวกไก่หลายตัวคอยจ้องจิกข้าวเปลือกที่ตกหล่นแถวบริเวณครกตำข้าว มีเด็กสาวคอยไล่อ้ายโต้งหัวโจกตัวใหญ่ คอยจะวิ่งเข้าไปจิกกินข้าว เด็กสาวก็คอยไล่ เอาไม้ขว้างไม่ให้มันเข้าไป ส่วนเจ้าพวกไก่รุ่นกระทงคอยจ้องอยู่ห่างๆ นานๆ จะเข้าไปจิกสักครั้งหนึ่งเพราะกลัว จากนั้นก็มีหมูแม่ลูกอ่อนนอนกกลูกอยู่ในเล้า พวกหมูรุ่นๆ เดินออกมาเที่ยวหากินแบบเลี้ยงปล่อย

    เมื่อนั่งพักครู่หนึ่งคิดว่า หากหาไม่พบก็จะต้องไปพึ่งกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านคงจะได้ผล คิดพลางก็มองดูรอบตัว นึกได้ว่าลูกชายบอกว่า บ้านของคนที่เป็นศัตรูแต่ชาติก่อนนั้น หน้าบ้านมีต้นมะขามใหญ่อยู่หนึ่งต้น ถนนหน้าบ้านติดกับคลอง เมื่อมองดูสภาพที่ตัวนั่งอยู่เห็นสิ่งแวดล้อมตรงกับลูกชายบอกทุกอย่าง คิดว่าเรามาถูกแล้ว ศัตรูของลูกชายคงอยู่ในบ้านนี้แน่ บางทีจะเป็นชายที่ผ่าฟืนก็ได้ จึงดีใจ เข้าไปถามชายชรากำลังผ่าฟืนอยู่ที่ลานบ้านว่า

    “พ่อลุงรู้จักนายเทศ บ้านฟ้าคะนองไหม”


    ชายแก่ได้ยินก็สะดุ้ง โยนขวานผ่าฟืนลงกลางดิน เพราะตกใจที่ได้ยินชายแปลกหน้าเอ่ยชื่อนายเทศ จึงถามด้วยเสียงสั่นว่า “พ่อถามถึงนายเทศ มีธุระอะไรหรือ”

    ชายผู้พ่อเด็กกลับชาติมาเกิด จึงบอกว่า “ฉันอยากจะถามว่า พ่อลุงชื่อเทศหรือเปล่า และเมื่อหนุ่มๆ เคยเป็นเพื่อนรู้จักคนที่ชื่อจุ่นหรือเปล่า”

    ชายแก่แสดงกิริยาท่าทางตื่นกลัว ถามอย่างละล่ำละลักว่า “พ่อเป็นพวกนครบาล พวกพลตระเวนหรือ”

    ชายผู้เป็นพ่อเด็กบอกว่า “เปล่าหรอกพ่อลุง อยากทราบว่าเคยเป็นเพื่อนกับคนชื่อจุ่น ถ้าเป็นเพื่อน ฉันมีเรื่องที่จะเล่าให้พ่อลุงฟัง จึงอยากทราบว่า พ่อลุงชื่อนายเทศหรือเปล่า”

    ชายชราอึกอัก หยิบผ้าขาวม้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาย้อยหน้า แล้วก็นิ่งชั่งใจครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจพูดออกมาว่า

    “จริง เมื่อหนุ่มฉันเคยชื่อ “เทศ” แต่ฉันเปลี่ยนเป็นชื่อ “โต” เดี๋ยวนี้ไม่มีใครรู้จักชื่อเทศแล้ว และฉันเคยเป็นเพื่อนกับเจ้าจุ่นเพราะเราเป็นเพื่อนรักกันมาก แต่เจ้าจุ่นได้ตายเสียก่อนเมื่อยังหนุ่มๆ คิดดูนานปีผ่านมาแล้ว ฉันก็เสียใจมาถึงทุกวันนี้”

    พ่อเด็กจึงพูดว่า “หากพ่อลุงรับว่าเป็นเพื่อนกับนายจุ่นเมื่อครั้งสมัยก่อนนั้น ฉันก็ไม่มีความสงสัยอะไรอีกแล้ว เพราะตรงกับความจริงที่ฉันได้รู้ได้ทราบมาแล้ว”

    นายเทศได้ฟังดังนั้นก็มีความสงสัย จึงพูดขึ้นว่า “ฉันสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันหรือ จึงเที่ยวติดตามหาตัวฉันจนพบ ขอให้บอกให้ทราบด้วย”


    พ่อเด็กได้ฟังดังนั้น จึงเล่าให้ฟังว่า

    “เรื่องที่จะเล่านี้ เมื่อพ่อลุงว่าผิดหรือถูกก็โปรดคิดพิจารณาดูเอง คือฉันได้มีลูกชายคนหนึ่ง พออายุได้สัก ๖ ขวบ ก็ขอมีดจากฉันหนึ่งเล่มและบอกว่าขอมีดคมอย่างดี ฉันจึงได้หามีดชายธงไปให้ นับแต่นั้นมาเจ้าลูกชายของฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาลับมีดอยู่ทุกวัน ฉันได้พยายามถามว่าลับมีดเพื่อประสงค์จะทำอะไร ก็ไม่บอก เพียงแต่บอกว่าเมื่อถึงเวลาก็จะบอกให้รู้ ครั้งเมื่อถึงเวลานี้อายุ ๘ ขวบ บอกว่าถึงเวลาแล้ว ฉันควรจะบอกให้รู้ว่า คนที่ฉันจะฆ่า เพราะความแค้นความพยาบาทนั้น คือ “นายเทศ” เป็นผู้เคยได้ใช้มีดแทงนายจุ่นตาย ทั้งที่เป็นเพื่อนรักใคร่กันหนักหนา นายจุ่นเมื่อใกล้จะดับจึงร้องด่าอาฆาต นายจุ่นชาติก่อน ก็คือลูกชายของฉันในชาตินี้ จะเป็นความจริงแค่ไหน ขอให้พ่อลุงช่วยเล่าให้ฟังด้วย”

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  16. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]-->นายเทศได้ฟังเช่นนั้น ตัวสั่นพลางพูดว่า “เป็นความจริงในเรื่องนี้ เด็กที่เกิดมานั้นต้องเป็นนายจุ่นแน่นอน”

    พ่อของเด็กจึงบอกว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยเล่าเรื่องให้ฟังถึงต้นเหตุว่า ทำไมเพื่อนรักเพื่อนเกลอจึงได้ฆ่าแกงกันลงคอ เพราะเวลาก็ผ่านไปนานปี ทางบ้านเมืองก็ไม่มีโทษมีทัณฑ์แล้ว ถึงจะเล่าความจริงก็ไม่เกิดความเสียหายอะไร ซ้ำยังจะเป็นประโยชน์ พยายามช่วยหยุดยั้งความพยาบาทแก้แค้นให้สิ้นสุดลงได้”

    ผู้เฒ่าได้ฟังเช่นนั้น ก็ก้มหน้าร้องไห้อย่างน่าสงสาร อยู่พักหนึ่งแล้วจึงเล่าเรื่องว่า

    “ตลอดเวลาที่ฉันได้ฆ่าเพื่อนที่รักตายนั้น ฉันหาความสุขทางจิตไม่ได้เลย ฉันรู้สึกเหมือนตกนรก คอยแต่นึกหวาดกลัวแต่เรื่องว่า เราได้ ฆ่าเพื่อน ฆ่าเพื่อน อยู่ตลอดเวลา ได้พยายามปลอบใจตัวเองอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทั้งเวลานอนคิดอะไรเพลินๆ พอนึกถึงได้ฆ่าคนตายแล้ว ฉันก็ต้องสะดุ้ง”

    รีบลุกขึ้นตะโกนออกมาไม่รู้ตัวว่า “ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหว ฉันฆ่าคนตาย ทั้งคนตายก็เป็นเพื่อนรักของฉัน จิตใจฉันปั่นป่วนหมด มันทุรนทุรายบอกไม่ถูก ฉันเสียสติเป็นพักๆ ฉันอยากจะร้องไห้ และอยากหัวเราะ อยากจะตะโกน ทั้งที่ไม่รู้ว่าตะโกนเพื่ออะไร ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเหมือนมันเจ็บปวด ความรู้สึกภายในอกในใจแม้ว่าฉันจะไม่ได้รับโทษทางบ้านเมือง แต่ฉันก็ได้รับโทษในความรู้สึก เป็นกรรมที่สร้างขึ้นเอง ทรมานยิ่งกว่า ต้องโทษทางบ้านเมืองๆ ยังมีเวลาสิ้นสุด หรือไม่ก็ตายไปตามความผิด แต่ฉันไม่ได้รับโทษจองจำทางร่างกาย แต่ต้องรับกรรมทางจิตใจ มันหนักยิ่ง คอยหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา คอยสะดุ้งตกใจไม่สิ้นสุด”

    พ่อของเด็กได้ฟัง และเห็นกิริยาท่าทางของพ่อเฒ่าแล้วก็นึกสงสาร แต่ก็อยากทราบถึงต้นเหตุ จึงพูดขึ้นว่า “ฉันก็เห็นใจที่พ่อลุงได้รับความทรมานทางจิตใจที่ตัวได้สร้างขึ้น กรรมติดตามในความรู้สึกตลอดเวลา ฉันอยากจะทราบว่าต้นเหตุเกิดได้อย่างไร เพื่อจะได้คิดแก้ไขให้หลุดพ้นกรรมไปได้”

    พ่อเฒ่าได้ฟัง ก็หยุดรำพันในการรับทุกข์ทรมานทางจิตใจ เอาผ้าขาวม้าเช็ดน้ำตา แล้วก็ตั้งอกตั้งใจเล่าต้นเหตุให้ทราบว่า

    เมื่อก่อนฉันยังเด็กอยู่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ “จุ่น” เด็กคนนี้อยู่กับท่านสมภารที่วัด เติบโตมาจากวัด ไม่ปรากฏว่าพ่อแม่ของจุ่นอยู่ที่ไหน เมื่อฉันรู้จักก็เห็นอยู่กับท่านสมภารตลอดมา เมื่อเราโตเป็นหนุ่มเราก็ไปเที่ยวเตร่หาความสำราญด้วยกัน หรือว่าจะไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอ แม้จะไปริอ่านรักผู้หญิงเป็นครั้งแรกเราก็ต้องไปด้วยกัน คืนหนึ่งเราไปเที่ยวกันในงานสงกรานต์ และเล่นสะบ้า นอกจากจะริอ่านรักผู้หญิงแล้ว เรายังริดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก

    หลังจากงานสงกรานต์ผ่านไปแล้ว คืนนั้นเราต่างคนต่างเมาเหล้าเมารักด้วยกัน ต่างก็เดินเปะปะกลับบ้านวัดเดินตัวไม่ตรง เป็นครั้งแรกเราเกิดแตกคอผิดใจกันขึ้น เพราะต่างคนต่างเมา จุ่นเป็นคนดื่มเหล้าเมาไปแล้วมักมีกิริยาดุร้ายผิดกับเวลาธรรมดา ตรงกันข้ามเวลาไม่เมาจุ่นมีกิริยาเรียบร้อย คืนนั้นเราคุยกันไปคุยกันมาระหว่างทาง เราพูดถึงผู้หญิงสาวที่เราได้พบได้สนทนาด้วยกัน แต่แล้วจุ่นกำลังเมาแสดงกิริยาโกรธโดยไม่มีเหตุผล ฉันก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จุ่นก็เกิดอาละวาด ด่าฉันชกต่อยฉัน หาว่าฉันเป็นเพื่อนทรยศ กูจะฆ่ามึงให้สมกับมึงทรยศ

    พูดแล้วก็ไล่เตะต่อยเหมือนคนบ้า ฉันก็หลบหลีก เพราะฉันก็เมาเหมือนกัน ฉะนั้นฉันจึงโกรธแค้น อยู่ดีๆ ก็จะฆ่ากันง่ายๆ ความเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนลืมหมด เหลือแต่ความโกรธ ลืมตัว ฉันชักมีดที่พกออกมาแล้วก็แทงไปตามตัวของเพื่อน ไม่รู้ว่าถูกที่ไหนบ้าง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเพื่อนร้องเพราะความเจ็บปวด บาดเจ็บที่ถูกมีดแทงที่สำคัญและสาหัส พอได้ยินเสียงเพื่อนร้องก็ได้สติ ความเมาก็หายสิ้น มีแต่ความตกใจกลัวตัวสั่น วิ่งเข้าไปประคองเพื่อนแล้วฉันร้องไห้ พลางพูดว่า

    “เพื่อนเอ๋ย ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเพื่อน แต่ฉันเมาคุมสติไม่อยู่ พูดพลางฉันก็ร้องไห้จะกอดเพื่อน แต่เพื่อนมันโกรธ แม้มันจะบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ยอมให้กอด เคราะห์ดีมีดมันหลุดมือเสียก่อน มันใช้กำลังที่มีอยู่ทุบหน้าฉันด้วยความโกรธและหายเมา”

    แล้วเสียงเพื่อนพูดด้วยความอาฆาตคำสุดท้ายว่า “มึงอ้ายเทศ กูจะขอเกิดมาแก้แค้นมึง จงจำไว้”

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  17. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> “มันพูดด้วยความพยาบาท เสียงกัดฟัน ส่ายหน้าไปมา ฉันได้พยายามประคองไว้ในอ้อมแขน อ้อนวอนขอโทษ แต่ที่สุดเจ้าเพื่อนรักก็ขาดใจลงในไม่ช้า ฉันก็กอดศพเพื่อนรัก แล้วร้องไห้รำพันความรักความเป็นเพื่อน พอได้สติ ฉันก็นึกกลัวความผิดอาญาหลวง จึงหยิบมีดมาขุดหลุมเพื่อฝังศพเพื่อนรักให้พ้นความผิด เคราะห์ดีใสมัยนั้นที่ทางแถวนั้นมันเปลี่ยว ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมาทั้งสองข้างเป็นป่ารก ทั้งคนลือกันว่าทางนี้ผีดุ เราทั้งสองเมาจึงไม่ได้นึกกลัวผีกลัวสางอะไร

    ฉะนั้น ความกลัวผิดทำให้ฉันออกแรงขุดดิน อาศัยแสงเดือนสองสว่างพอมองเห็น ทำให้ฉันขุดหลุมได้ลึกพอที่จะฝังซากของจุ่นได้ พ้นสุนัขเมื่อได้กลิ่นจะคุ้ยเขี่ยเอาศพมากัดกินซาก และลึกพอที่ศพจะไม่ส่งกลิ่นเมื่อเน่าขึ้น หรือส่งกลิ่นไปก็ไม่ไกลนัก ทั้งเป็นที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แม้ในเวลากลางวัน เพราะหมู่บ้านอยู่ห่างออกไปมาก

    คืนนั้นกว่าจะขุดหลุมลึกและฝังร่างของเพื่อนรักลงไปได้ ก็เกือบใกล้สว่าง เมื่อกลบดินให้เรียบไม่เป็นที่สงสัย เสร็จเอาดินเก่าโรยอยู่ข้างหน้า แล้วหาใบไม้ร่วงๆ ไปสุมไว้พอพรางตา หากมีคนผ่านไปมา ไม่มีใครรู้ว่ามีร่างของมนุษย์อยู่ใต้ดิน เมื่อจัดการเรียบร้อยฉันก็เดินร้องไห้กลับบ้าน หลังจากนั้นฉันก็เอาเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดห่อก้อนอิฐ แล้วก็มัดด้วยเชือกหนาแน่น พอค่ำก็พายเรือออกไปกลางน้ำ โยนถ่วงลงไปให้จมลงก้นลำน้ำ แล้วฉันก็กลับมาบ้านด้วยความกลัวความหวาดสะดุ้งอยู่ตลอดเวลา

    เรื่องนี้ถึงจะไม่มีใครรู้เห็น แต่ฉันก็รู้ตัวเองว่าได้ทำชั่วทำผิด มีบาปติดตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนทางวัดหลวงตาซึ่งเป็นผู้ปกครอง จุ่นก็อายุแปดสิบกว่าแล้ว ทีแรกเห็นจุ่นหายไปก็ถามลูกศิษย์และพระเณรที่วัดนั้น มีใครเห็นบ้าง ก็ไม่มีใครรู้เห็น แต่ก็ไม่มีใครนึกว่าจุ่นจะถูกฆ่าตาย เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องนึก พระและศิษย์ในวัดส่วนมาก ก็นึกว่าจุ่นคงจะไปช่วยชาวบ้านเขาทำนาทำสวน เพราะเคยหายไปนานๆ ไปอาสาชาวบ้านทำสวนทำนาแล้วก็กลับมา

    ฉะนั้น การปิดความลับก็ง่ายเข้า ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครพบหลุมที่ฝังซาก การตายของจุ่นก็เป็นการหายสาบสูญอย่างลอยๆ ตลอดมา นี่แหละเป็นเรื่องต้นเหตุที่ฉันได้รับกรรมตลอดมาจนถึงทุกวันนี้”


    พ่อของเด็กได้ฟังก็พิจารณาดู ตามที่ชายผู้มีอายุเล่าให้ฟังก็เห็นใจว่า การฆ่ากันตายครั้งนั้น มิได้มีความตั้งใจเจตนา ทั้งมองเห็นเหตุการณ์ในสมัยนั้น คงจะจริงตามที่ผู้มีอายุเล่าให้ฟัง จึงพูดขึ้นว่า“เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ก็อยากจะให้เหตุเหล่านี้ระงับลงด้วยการอโหสิกรรมกันเสีย อย่าได้จองเวรจองกรรมกันต่อไปอีกเลย ลองมองหาทางใดที่จะปฏิบัติได้บ้าง ลองคิดดูให้ดี”

    พ่อเด็กพูดเชิงหารือดู ชายมีอายุตื่นเต้น หน้าตากลับมีสีเลือดขึ้นมาด้วยความปีติแล้วพูดว่า “ถ้าทำได้เช่นนั้น ก็นับว่าช่วยฉันให้พ้นจากขุมนรกได้ ฉันตกนรกมานานแล้ว โปรดให้จิตใจของฉันสงบเหมือนคนธรรมดา พ้นความทุกข์พ้นร้อน ฉันก็สบายใจ ในชีวิตนี้ฉันจะไม่ลืมบุญคุณตลอดไป โปรดช่วยให้ฉันพ้นขุมนรก”

    เมื่อพ่อของเด็กรับปากว่า จะพยายามหาทางช่วยให้ลูกชายเลิกคิดอาฆาตพยาบาท อโหสิกรรมให้อภัย เพื่อยุติจองเวรจองกรรมกันต่อไป เพราะเห็นนายเทศมีความหวาดกลัวสะดุ้งสะเทือนทางจิตใจ ทรมานต่อกรรมที่ตัวเองเคยสร้างมาแล้ว เหมือนคนครึ่งบ้าครึ่งดี เมื่อนึกถึงเรื่องที่ได้ประกอบกรรม แล้วตัวสั่นใจสั่น พอนึกถึงบาปเปลี่ยนแปลงจิตใจทันที ทำให้เกิดโรคประสาททางสมองขึ้นมา เป็นสภาพที่ตกอยู่ในโรคจิตชนิดหนึ่ง เมื่อได้พิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้ว ก็จะมองเห็นกรรมสนองอย่างหนักทางใจ มิใช่ทางกายที่รับโทษจองจำซึ่งยังเบากว่ากันมาก

    เมื่อพ่อของเด็กลานายเทศกลับไปบ้านแล้ว พยายามตรึกตรองว่าทำอย่างไรดีที่จะพูดให้ลูกชายอายุ ๘ ขวบ เข้าใจถึงการจองเวรว่าเป็นทุกข์ทรมาน ให้เลิกคิดพยาบาท เลิกคิดที่จะฆ่าฟันกันต่อไป แต่ได้พยายามหาทางออกให้ดีที่สุด อย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าจะพานายเทศไปพบลูกชายที่บ้านก็ทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแม้ฝ่ายหนึ่งจะเป็นเด็ก แต่มีจิตใจเข้มแข็งด้วยแรงอาฆาตพยาบาท ส่วนนายเทศแม้จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว จิตใจอ่อนแอคงจะไม่สามารถจะรักษาตัวได้ เพราะหมดกำลังใจเหมือนแกสู้กับลูกเสือ แม้เสือตัวจะเล็กก็มีอำนาจเหนือ

    คิดไปคิดมาที่จะช่วยนายเทศผู้เป็นศัตรูร้ายของลูกชายก็จนปัญญา จนเบื่อข้าวปลาอาหาร ลูกชายสังเกตเห็นจึงถามพ่อว่า “พ่อเป็นอะไรไป หมู่นี้กินข้าวปลาไม่ลง แล้วพ่อว่าไปสืบหาเจ้าเทศ เพื่อนทรยศได้ความว่าอย่างไร”

    ผู้พ่อได้ฟังก็สะดุ้ง แล้วพูดขึ้นว่า “พ่อไม่สบายใจเพราะเรื่องของลูก เหตุก็เพราะพ่อมีความรักลูกมาก หากลูกได้ปฏิบัติตามที่ลูกตั้งใจ แก้แค้นอาฆาตทำลายชีวิตนายเทศแล้ว พ่อก็รู้สึกว่าเหมือนลูกได้ทำลายชีวิตของพ่อเหมือนกัน”

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  18. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> เจ้าลูกชายสงสัยถามขึ้นว่า “ทำไมถึงได้เป็นอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่เข้าใจ แรกๆ พ่อก็รับปากว่าจะช่วยกันกำจัดศัตรูของลูก มาบัดนี้พ่อกลับพูดอีกอย่างหนึ่ง ไม่เข้าใจ”

    พ่อของเด็กถอนหายใจ แล้วก็พูดขึ้นว่า



    “ที่พ่อพูดออกไปครั้งแรก ก็เพราะความรักที่มีต่อลูก จะมีเหตุอะไร พ่อก็เข้าข้างลูกเสมอ เป็นธรรมดาของพ่อที่รักลูกจนหลง แต่มาคิดดูคราวนี้พ่อมีความอาลัยเสียดายลูก เพราะทุกวันนี้พ่อแม่อยู่ด้วยกันมีความสุขอย่างใกล้ชิด ไม่เคยลำบากไม่เคยห่างกันเลย เงินทองเราก็มีพอมีจะหาความสุขได้ หากลูกได้แก้แค้นฆ่านายเทศเขาตาย ลูกพ่อก็คงจะต้องแยกกันอยู่คนละแห่ง เพราะทุกวันนี้เราจะฆ่าแกงกันอย่างง่ายๆ ไม่ได้ เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป ทางการเขาคงไม่ยอมให้พลเมืองมาฆ่ากันง่ายๆ ตามใจชอบ แม้ลูกจะเป็นเด็กเขาก็จะถือว่าเป็นเด็กอันธพาล มีใจคอเหี้ยมโหดดุร้าย อย่างน้อยเขาก็จะพรากลูกจากพ่อแม่ เข้าไปอยู่ในโรงเรียนดัดสันดาน กักกันอยู่บนเกาะจำกัดเขต ไม่ปล่อย ไม่มีกำหนดจะปล่อยออกมาให้เป็นอิสระ ถ้าลูกคิดดูให้ดี เลิกผูกใจเจ็บแค้น เลิกผูกพยาบาทอาฆาต ไหนเรื่องมันเป็นของชาติก่อน อโหสิกรรมให้เขา แล้วทุกฝ่ายก็จะมีความสุข รวมทั้งพ่อแม่ด้วย เป็นการชนะใจที่ไม่ผูกเวรไม่จองเวร ขอให้ลูกคิดดูให้ดี”

    เจ้าลูกชายฟังพ่อก็ไม่พอใจ ถามว่า “ทำไมคนเราเมื่อมันฆ่าเราได้ เราก็ฆ่ามันได้ ยุติธรรมดีแล้วนี่ อ้ายเรื่องเวรกรรมฉันไม่กลัว เมื่อตั้งใจจะแก้แค้นให้ได้ ก็ต้องแก้แค้นมันให้ได้ จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไว้ทีหลัง ถึงฉันจะต้องจากพ่อจากแม่ไป มันสุดแต่บุญกรรม ฉะนั้นพ่อไม่ต้องมาพูดเกลี้ยกล่อมให้ฉันกลับใจ ไม่มีหวังหรอกพ่อ”

    พ่อของเด็กนึกอยู่ในใจว่า อ้ายลูกของเรานี่ ทั้งดื้อทั้งรั้นและอวดดี ตั้งใจจะทำอะไรก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เราจะพยายามอธิบายอย่างไร มันคงไม่ยอมและคงจะไม่สำเร็จ คิดแล้วก็นิ่งอยู่ ตั้งใจจะหาอุบายอย่างอื่นต่อ แต่แล้วพ่อของเด็กก็แอบไปติดต่อกับนายเทศหาทางที่จะช่วยให้เหตุการณ์เข้าสู่ปกติ วันหนึ่งลูกชายถามพ่อว่า “พ่อบอกว่าจะพาฉันไปหาอ้ายเพื่อนทรยศ จะได้คิดบัญชีให้เสร็จเรื่องเสร็จราวสักที ฉันคอยมาก็นานพอแล้ว เมื่อไหร่พ่อจะช่วยฉันล่ะ”

    พ่อได้ฟังลูกชายพูดเช่นนี้ จึงบอกว่า “หมู่นี้พ่อใจคอไม่สบาย กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ เพราะความรักลูกและอยากจะขอ.....”

    ยังไม่ทันผู้พ่อจะพูดจบ เจ้าลูกชายก็ขัดขึ้นว่า “พ่ออย่าขอชีวิตอ้ายคนทรยศต่อเพื่อนเลย ไม่มีหวังหรอก ฉันบอกแล้วว่าฉันให้ไม่ได้ ถ้าพ่อจะขออย่างอื่น ฉันจะให้ทุกอย่าง ยกเว้นขอชีวิตอ้ายคนทรยศต่อเพื่อน”

    พอพูดจบผู้เป็นพ่อก็เอ่ยขึ้นว่า “พ่อรู้ว่าลูกใจแข็งเหมือนเดิม พ่อไม่สามารถจะชักไห้ลูกเห็นผิดเห็นชอบ แต่เมื่อลูกบอกว่าพ่อจะขออะไรลูกก็จะปฏิบัติทุกอย่าง แต่ไม่ยอมให้ชีวิตอ้ายคนทรยศอย่างเดียวเท่านั้น พ่อขอบใจลูกมาก ลูกก็รู้ว่าเราเป็นชาวพุทธนับถือพุทธศาสนา ฉะนั้น พ่อคิดว่าจะทำให้ลูกสบายใจ และพ่อก็สบายใจด้วย ในบ้านเราจะจัดการเลี้ยงพระถวายอาหารเพลแล้วเราพากันถือศีลบริสุทธิ์ ๓ วัน แล้วหลังจากนั้นพ่อจะพาลูกไปหานายเทศ ศัตรูเก่าที่ลูกได้พยาบาทจองเวร คิดจะเอาชีวิต พ่อรับปากว่า พ่อจะพาลูกไปหลังจากถือศีลบริสุทธิ์แล้ว”

    เจ้าลูกชายได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ รีบรับปากว่า “ตกลงพ่อ ฉันจะถือศีล ๕ ตามที่พ่อบอกให้เคร่งทั้ง ๓ วัน แม้แต่ยุงฉันจะไม่ยอมตบ”

    พ่อได้ยินลูกรับปากเช่นนี้ก็ดีใจ แล้วกำหนดจัดงานเลี้ยงพระ เป็นการภายในครอบครัว และบอกภรรยาให้รู้ และขอแรงชาวบ้านมาทำอาหารคาวหวานแล้วต่างก็ช่วยกันดีใจ

    ครั้งเมื่อถึงกำหนดวันเลี้ยงพระ ทั้งพ่อแม่ลูกต่างก็อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อเตรียมจะรับศีล ๕ และฟังพระสวดพระพุทธมนต์ด้วยจิตศรัทธา ด้วยใจบริสุทธิ์ และเกิดปีติในการบุญครั้งนี้ ส่วนพวกเพื่อนบ้านที่ชำนาญในทางทำกับข้าวและของหวาน ต่างมาช่วยจัดหุงหาอาหารตามที่ตนถนัด เพื่อถวายพระฉันเพลและเลี้ยงคน ต่างคนทำหน้าที่ไม่ว่าสาวหรือแก่ต่างสมัครเต็มใจช่วยงาน มิได้เกรงความเหน็ดเหนื่อย แสดงถึงน้ำใจในหมู่บ้าน ต่างก็ร่วมมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ทั้งครอบครัวของพ่อเด็ก ก็เป็นคนมีจิตใจอารีอารอบต่อเพื่อนบ้าน เป็นคนใจบุญจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป


    อาหารทางโรงครัวเรียบร้อย พอดีพระสงฆ์ที่นิมนต์ก็มาถึงบ้าน ผู้ที่มาช่วยงานก็พากันตักน้ำล้างเท้าพระสงฆ์ ก่อนที่ท่านจะขึ้นไปบนเรือน พ่อได้แนะนำลูกชายเข้าไปกราบท่านสมภารซึ่งเป็นอาวุโสในหมู่สงฆ์ ซึ่งท่านเข้านั่งลำดับเป็นองค์ต้น ท่านสมภารก็ทักทายปราศรัยให้ความเอ็นดูแก่เด็ก ถามถึงความรู้ต่างๆ เด็กก็ตอบได้อย่างฉะฉาน ทำให้ท่านสมภารมีความพอใจมาก หันไปยิ้มกับพ่อเด็ก แล้วพูดว่า

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  19. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]-->“ลูกของโยมคนนี้เฉลียวฉลาดกว่าเด็กอื่นๆ อายุรุ่นเดียวกันที่อาตมาเคยพบมา”

    พ่อเด็กมีความพอใจ ที่ท่านสมภารชมบุตรชายของตัวก้มตัวกราบลงแล้วพูดว่า

    “ผมอยากถวายให้เป็นศิษย์หลวงพ่อช่วยอบรมสอนศีลธรรม เพื่อจะเป็นคนดีต่อไปภายหน้า”

    ท่านสมภารหัวเราะแล้วพูดว่า “เออ ! ดี ! ดี ! อาตมาชอบมาก ถ้ามีเด็กฉลาดเข้าใจอะไรง่ายๆ อย่างนี้ ถ้าได้มีโอกาสเรียนศีลธรรมในทางพุทธศาสนาแต่อายุยังน้อยๆ อย่างนี้ โตขึ้นก็จะแตกฉานมีความรู้ซึ้งในหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระตถาคต ศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกด้วย เวลานี้เรามีแต่ผู้ขึ้นชื่อว่าถือศาสนามากมาย แต่ความจริงส่วนมากสักแต่ว่านับถือพุทธ รู้แต่ไหว้พระ ทำบุญใส่บาตร ฟังพระเทศน์ เห็นแต่ว่าครั้งปู่ ย่า ตา ยาย นับถือมา ก็นับถือต่อๆ กันไป รู้เพียงหยาบๆ ว่าทำบุญแล้วขึ้นสวรรค์ ทำบาปแล้วตกนรก

    นอกนั้นไม่สนใจที่จะศึกษาหาความรู้ จึงไม่ซาบซึ้งเข้าถึงหลักธรรม ส่วนมากไม่เคยปฏิบัติ อันพระพุทธศาสนานั้นล้ำเลิศประเสริฐสุด แต่ชาวพุทธยังเข้าไม่ถึงข้อนี้ อาตมาเศร้าใจ บางคนไม่รู้ว่าศาสนาพุทธนั้นมีหลักปฏิบัติอะไรบ้าง ถ้ามีใครถามแล้วก็ตอบไม่ได้ ไม่สมกับเป็นชาวพุทธเลย ทั้งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของเราก็รู้สึกเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่สมกับพุทธศาสนาเป็นศาสนาอันล้ำเลิศของโลก”

    เด็กชายทะนงมีความสนใจท่านสมภารยิ่งขึ้น ถามโน่นถามนี่ ท่านก็ตอบด้วยใจเมตตากรุณา พ่อของเด็กก็มีความปีติมากขึ้นที่ได้เห็นลูกชายของตนใส่ใจในทางพระ จึงพูดกับท่านสมภารว่า “ผมอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า อันฆราวาสผู้เป็นพุทธศาสนิกชนควรจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะสมกับที่เราได้มีโอกาสเกิดมาในร่มโพธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

    ท่านสมภารยิ้มด้วยอารมณ์ดี แล้วพูดว่า “ดีแล้วที่โยมถามมาเช่นนี้ ข้อแรกคฤหัสถ์ ควรจะมีศีลปฏิบัติอย่างต่ำนั้นมีศีล ๕ และศีล ๘ และศีล ๑๐ อาตมาอยากจะแนะนำปุถุชนทั้งหลาย ควรจะปฏิบัติศีล ๕ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตเป็นประจำ แต่ปลูกความศรัทธา ขอให้บริสุทธิ์สะอาดก็จะเกิดสิริมงคลแก่ตัวเอง หากสามารถจะปฏิบัติศีล ๘ หรือศีล ๑๐ ได้ก็ยิ่งประเสริฐ หรือจะปฏิบัติศีลเฉพาะในวัน ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ หรือวันสำคัญในทางพุทธศาสนานานๆ ครั้งได้ก็ดี”

    หลักพระพุทธศาสนามาจากธรรมชาติ ที่สามารถจะพิสูจน์ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักธรรมของพระองค์ท่านมุ่งหวังที่จะกำจัดทุกข์ กำจัดความเดือดร้อน เช่นมนุษย์เราได้ประสบปัญหาอย่างทุกวันนี้ บุคคลใดสร้างกรรมดีมีศีลมีสัตย์ มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ มีจิตใจเมตตากรุณาเผื่อแผ่ ไม่เบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ ปฏิบัติศึกษาหลักธรรม บุคคลใดสร้างบุญ สร้างกุศล เรียกว่าบุญกรรม หากผู้ใดทำชั่วสร้างบาป ก็เรียกว่า บาปกรรม พระพุทธศาสนาถือกรรมเป็นสัจธรรม เชื่อกรรมลิขิต ผู้ใดสร้างกรรมดีกรรมชั่ว ย่อมเป็นสมบัติมรดกติดตามสนองตลอดไปที่จะต้องใช้กรรม

    ฉะนั้น ทางพุทธศาสนาจึงมิให้บุคคลไม่ให้เชื่อโชค เชื่อลาง เชื่อฤกษ์ เชื่อยามอย่างงมงาย ทุกอย่างตัวเรารู้ดีกว่าผู้อื่น จะทุกข์สุขเดือดหรือสบายอกสบายใจก็อยู่ที่ใจของเรา หากเราทำบุญสร้างความดี เราก็รู้สึกสบายใจ หากเราทำความชั่วสร้างบาปใจเราก็ไม่สบายเกิดเป็นทุกข์ แม้จะไม่มีใครรู้ใครเห็นเราก็รู้เห็นของเราเอง

    พวกที่ได้ฟังท่านสมภารนำให้เข้าใจถึงเรื่องพระพุทธศาสนา ต่างก็สนใจกันมาก พากันนั่งนิ่งฟัง แม้แต่เด็กทะนงก็สนใจนิ่งฟังท่านสมภาร ด้วยเกิดความซาบซึ้งผิดกับเด็กธรรมดาทั่วไป ในอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ความรู้สึกเกินเด็กที่มีอายุน้อยคล้ายความรู้สึกของผู้มีอายุที่บรรลุนิติภาวะ ฉะนั้น จึงได้เข้าใจในธรรมทางพระพุทธศาสนา ตามที่ท่านสมภารชี้แจงให้ทราบทุกสิ่ง และได้ซักถามถึงเหตุผลที่เหมาะสม กับผู้สนใจศึกษาในหลักศาสนาแห่งศีลธรรม ทำให้ผู้ใหญ่อยู่ในที่นั้นต่างพากันแปลกประหลาดใจไปตามกัน ที่ได้ยินเด็กถามท่านสมภารว่า “อันฆราวาสผู้ครองเรือนจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเกิดความสุขความสบาย”

    ท่านสมภารยิ้มด้วยความพอใจ แล้วพูดขึ้นว่า

    “อันมนุษย์เราเกิดมาในโลกนี้ เมื่อมีความคิดสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องแสวงหาความสุข ความสบาย อยู่ดีกินดีด้วยกันทุกคนไม่มีคนใดต้องการความทุกข์ ความยากลำบาก ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความเศร้าโศกเสียใจ แต่ก็ไม่มีใครหนีความทุกข์เหล่านี้ให้พ้นได้

    ความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจเป็นภัยของธรรมชาติอันใหญ่หลวงคู่โลกตลอดมา ที่หมู่มวลมนุษย์และสัตว์เกลียดชังหวาดกลัว จึงมีมนุษย์ที่กระเสือกกระสนดิ้นรน เพื่อหาทางออกที่จะหลีกหนีให้พ้นเพลิงทุกข์อันนี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดหนีพ้นไปได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจอมจักรพรรดิผู้ทรงแสนยานุภาพยิ่งใหญ่ ผู้มีอำนาจหรือมนุษย์ทั้งหลาย หรือเศรษฐีมั่งมีทรัพย์สินมหาศาล หรือแพทย์ผู้ทรงความสามารถที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ต่อชีวิตยืดยาวไปได้ หรือยาจกเข็ญใจ ก็ไม่มีใครล่วงพ้นความทุกข์ไปได้

    เมื่อญาติโยมได้ฟังอาตมาพูดเช่นนี้ ถ้าได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองดู ก็จะเห็นจริงตามที่อาตมาพูด คราวนี้เรามาพูดถึงว่า ทำอย่างไรฆราวาสผู้ครองเรือนควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดความสุข อยากจะชี้ให้เห็นการทำดีเวลานี้ ในปัจจุบันนี้พวกญาติโยมมาประชุมพร้อมหน้าในงานเลี้ยงพระฉันเพลวันนี้ มีการสร้างความดีการสร้างความดีนั้น จะมากน้อยเท่าใด แม้เกิดมีจิตศรัทธาแล้ว ก็จะทำให้จิตใจญาติโยมทั้งหลายเกิดความปีติยินดีชื่นบานขึ้นมาทันที ไม่มีความเศร้าหมอง เพราะมองไม่เห็นแก่ตัว มีความกรุณาแม้แต่เพียงระยะสั้นๆ ก็อิ่มเอิบใจ”

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     
  20. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> “การครองเรือนเพื่อหาความสุขความสบาย ย่อมจะต้องกำจัดความทุกข์ การกำจัดทุกข์ซึ่งเป็นมารของความสุขนั้น ย่อมจะต้องรู้ถึงต้นเหตุของความทุกข์ และทางกำจัดทุกข์เสียก่อน อุปมาเหมือนต้นไม้มีพิษ เราจะตัดกิ่งตัดปลาย ย่อมจะไม่สามารถจะกำจัดได้ หากเราไม่สามารถจะขุดรากแก้วโค่นทิ้งเสีย เหตุแห่งทุกข์ก็เช่นเดียวกัน หากเราแก้ไขปลายเหตุก็ไม่สามารถกำจัดทุกข์ได้

    ธรรมของพระพุทธองค์ชี้ทางให้เราเห็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งเกิดจาก ราคะ โทสะ โมหะ เหล่านี้ก่อให้เกิดความอิจฉาริษยา คอยทำลายทรัพย์สิน และชีวิตให้ย่อยยับและฉิบหาย คอยแก้แค้น สังคมของโลกทุกวันนี้ให้ปั่นป่วน ความทุกข์ยากความเดือดร้อน เหตุเกิดเพราะมัวเมาหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส งมงายในอำนาจวาสนา หมกมุ่นอยู่กับ ราคะ ตัณหา ในความกำหนัด ทำให้หูหนวกตาบอดหลงอยู่ในกองทุกข์ว่าเป็นความสุข จมอยู่ในกองกิเลสตัณหา

    ธรรมของพระพุทธองค์ปลุกผู้หลงใหล งมงายให้รู้สึกตัวตื่นจากกองกิเลส ถอนตัวจากความชั่วร้าย มองเห็นทางกำจัดกิเลสความชั่วร้าย คือ ราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาลงได้ เมื่อรู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ก็พยายามใช้ ศีล สมาธิ ปัญญา พิจารณามาเป็นพลังขับไล่มารชั่วนี้ทำลายให้สูญไป อย่าให้มันเกิดขึ้นในความรู้สึก ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้เช่นนี้ ผู้นั้นก็จะเกิดสุขขึ้นมาด้วยความสงบ แม้ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถจะกำจัดกิเลสตัณหา พวกราคะ โทสะ โมหะ ให้สูญหายได้อย่างถาวร ดังเช่นพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีล บำเพ็ญเพื่อบรรลุพระอรหันต์ก็ดี แต่ก็กำจัดให้มันห่างออกไป คอยระวังอย่าให้มันมาใกล้เพียงนี้ก็ยังดี เพราะกิเลสตัณหาเหล่านี้ยิ่งห่างไกลเพียงไร เราก็ไกลจากความทุกข์เท่านั้น”


    “ปุถุชนทั้งหลายจงสังวรว่า เราจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดสุข เมื่อเราได้กำจัดความโลภ โกรธ หลง ลงได้ ความพยาบาท ความอิจฉาริษยา การจองเวรจองกรรม ก็จะไม่มี จงตั้งอยู่ในความเมตตา เพราะความเมตตาเป็นเครื่องทำลายความพยาบาท ความโกรธแค้น ความอิจฉา จองเวรจองกรรมให้สิ้นลง ขอให้ปฏิบัติที่อาตมาได้กล่าวมาแล้ว วันนี้อาตมามีความยินดีที่ญาติโยมขอร้องให้พูด เรื่องการครองเรือนของฆราวาสทางธรรม เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

    และมีผู้ถามว่าปัจจุบันจะปฏิบัติย่างไรจึงจะได้ผลดี อาตมาขอตอบว่า ปัจจุบันหมายถึงว่ากำลังมีความรู้สึกหนาวร้อนหิวและอิ่ม รู้ดีรู้ชั่วคือเป็นชีวิตปัจจุบัน ฉะนั้น ขอให้เร่งรีบทำความดีสร้างบุญกุศล อย่าให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ต่อไปปัจจุบันก็จะเลื่อนไปเป็นอดีตที่มีประวัติงดงาม และจะเป็นอนาคตที่เจริญรุ่งเรืองสดใส ยังมีคนส่วนมากนึกถึงชีวิตอดีตก็เกิดความเศร้าหมอง

    อาตมาขอให้สาธุชนลืมเรื่องอดีตที่เศร้าหมอง แม้จะรู้ว่าผิดก็ไม่สมารถแก้ไขให้ดีได้ แต่อย่าลืมความกตัญญูกตเวทีผู้มีพระคุณ ต้องระลึกไว้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง แล้วจงเร่งสร้างความดีในปัจจุบัน ส่วนอนาคตนั้นไม่แน่นอนเหมือนปัจจุบัน จะทำอย่างไรก็ปักใจจนเกินไป ทุกอย่างในโลกย่อมจะเปลี่ยนแปลง ชั่วหรือดี ที่เราจะทำอยู่ในปัจจุบันหลักธรรมของพระพุทธศาสนาคือเหตุผลตามความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้”

    “ฉะนั้น ธรรมของพระพุทธองค์จึงนิยมให้ผู้ได้ยินได้ฟัง แล้วนำไปไตร่ตรองสอบสวนพิจารณาดูให้ดี เมื่อแน่ใจว่าปฏิบัติแล้วจะเกิดผลจึงค่อยเชื่อ พุทธศาสนาไม่บังคับกดขี่ให้ผู้อื่นเชื่ออย่างงมงาย เป็นศาสนาเสรี เราสามารถที่จะค้นคว้าหาข้อเท็จจริงได้ หากมีความข้องใจก็วิจารณ์ด้วยเหตุผลให้ชัดเจนแจ่มใส ไม่ให้หลงเชื่องมงายว่า การกราบไหว้เป็นการประจบเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถจะบันดาลเหตุร้ายให้กลายเป็นดี พุทธศาสนาท่านให้เชื่อกรราม การสร้างกรรมดี กรรมชั่ว เป็นสมบัติของเราโดยเฉพาะบุคคล เป็นมรดกที่เราจะต้องรับ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกชีวิตจะต้องเป็นไปตามกรรมลิขิต กรรมจะเป็นเงาติดตามเราตลอดไป ผิดกันแต่กรรมดีหรือกรรมชั่ว

    ญาติโยมทั้งหลายจงใช้สติปัญญาพิจารณาให้เห็นธรรมที่ควรจะรู้ ควรจะเห็น ควรจะปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ให้เชื่อผู้อ้างตำรา ให้ให้เชื่อเสียงเล่าลือ ให้เชื่อเมื่อตนเองได้พิสูจน์แล้ว ผู้ใดปฏิบัติธรรม ผู้นั้นย่อมประจักษ์ด้วยตนเอง ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม พระธรรมย่อมจะนำความสุขมาให้ผู้ประพฤติธรรม ผู้ประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่ทุคติ ผลแห่งอาสนิสงส์ในธรรมที่ตนได้ประพฤติแล้ว พระธรรมให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติ ไม่เลือกกาลเวลา ให้ผลสงบสุขทางใจทุกเวลาที่ปฏิบัติ อาตมาได้ชี้แจงเหตุผลให้ญาติโยมนำไปพิจารณาแล้ว


    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
     

แชร์หน้านี้

Loading...