รวมเรื่องกฎแห่งกรรม ของ ท.เลียงพิบูลย์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Jt Odyssey, 27 สิงหาคม 2012.

  1. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ข้าพเจ้าถึงกับตะลึงอยู่ชั่วครู่ นี่ข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน? คนเหล่านี้เป็นใคร? อยู่ไหน? ถึงไม่รู้จักบางกอกหรือกรุงเทพฯ มันจะเป็นไปได้หรือว่าข้าพเจ้าได้เดินทางมาพ้นเขตกรุงเทพฯ จนไม่มีใครรู้จัก แล้วเกิดหวาดหวั่นวิตกไปต่างๆ [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เสียงหญิงสาวบนเรือนพูดปรึกษากันซุบซิบ แล้วมีเสียงร้องบอกลงมาอีกว่า [/FONT][FONT=&quot]“ถ้านายหลงทางมา ค้างกับเราเสียที่นี่ก็ได้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยไป เราจะจัดที่พักให้เชิญซิจ๊ะ”[/FONT][FONT=&quot] แล้วหญิงสาวเหล่านั้นก็หัวเราะกันคิกคัก[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]นิสัยของข้าพเจ้าในตอนนั้น ซึ่งอายุเพียงจะย่างวัยหนุ่ม เป็นคนขี้อายในเรื่องผู้หญิงอยู่มาก เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ และเชื้อเชิญให้ขึ้นไปบ้านพักบนเรือนในเวลาค่ำคืนเช่นนั้น ก็บังเกิดความกระดากอายและประหม่าจนแข้งขาสั่น แข็งใจตอบขึ้นไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“ขอบใจจ้ะ แต่ฉันจำเป็นต้องรีบกลับบ้าน เพราะพรุ่งนี้เช้าจะต้องไปทำบุญที่วัด อีกประการหนึ่งผู้ปกครองทางบ้านจะเป็นห่วง”[/FONT]
    [FONT=&quot]“ค้างเสียที่นี่เถิดนาย”[/FONT][FONT=&quot] เสียงหญิงคนหนึ่งร้องบอกกังวานเสียงหวานและเยือกเย็น “[/FONT][FONT=&quot]ดึกดื่นป่านนี้อย่าเดินทางเลยจ้ะนาย มีอันตรายมาก เราอยู่กันสี่คนพี่น้องเท่านั้น ไม่มีคนอื่นหรอกมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าแปลกใจอีก ที่หญิงสาวทั้งสี่พี่น้องนี้ช่างมีชีวิตและความเป็นอยู่อย่างแปลกประหลาด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ครอบครัวของหล่อนไม่มีผู้ชายอยู่ด้วยเลย จะเป็นไปได้หรือที่ลำพังหญิงสาวสี่คนพี่น้องจะอาศัยอยู่ที่ปลายทุ่งกว้างอันเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ จะหาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงสักหลังหนึ่งก็ไม่มี หล่อนกล้าหาญชาญชัยอะไรเช่นนี้ ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังขบปัญหาอันน่าเวียนหัวอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงร้องเร่งมาอีก [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“ไงล่ะจ๊ะ เร็วๆ เข้าเถิดนาย ขี้นมาบนเรือนฉันก่อน ไม่ต้องเกรงใจ พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยไป เชื่อฉันเถิด ดึกๆ อย่างนี้เดินทางแถวนี้ไม่ดีหรอก ค้างเสียที่นี่แหละ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้ายิ่งกระดากมากขึ้น บ้านมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ชายคนเดียวจะค้างอยู่กับผู้หญิงถึงสี่คนได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นยังไม่นึกเชื่อว่าจะไม่มีผู้ชายอยู่ที่บ้านนี้เลย ความรู้สึกของข้าพเจ้าจึงมีทั้งความกลัวและความอายระคนกัน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“ขอบใจจ้ะ แต่ไม่…ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันจะรีบไป ลาก่อนนะจ๊ะ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็รีบผละออกจากที่นั่น คงมีเสียงร้องเรียกให้กลับไปก่อน และเสียงวิงวอนอีกหลายคำจากหญิงสาวบนเรือน แต่ข้าพเจ้าคงรีบเดินสาวเท้าเร่งให้พ้นหน้าบ้านนั้นโดยเร็ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าคงเดินดุ่มมุ่งต่อไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]และมืดมนเต็มทีอาศัยเพียงแสงเดือนที่กระจ่างส่องทาง ให้เห็นตอไม้และหลุมบ่อพอเดินมุ่งต่อไปข้างหน้าได้ มีความหวังเพียงแต่ว่าคงจะได้พบบ้านคน และถามถึงหนทางกลับบ้านเท่านั้น คิดว่ามีปากอยู่กับตัวไม่ต้องกลัวหลงทาง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่แล้ว[/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot]ขณะที่ข้าพเจ้าเหลียวมองออกไปในทุ่ง ห่างออกไปไม่ไกลเท่าใดนัก [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ก็มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมกองไฟกันอยู่ มีจำนวนสัก [/FONT][FONT=&quot]6-7 คน [/FONT]
    [FONT=&quot]ต่างก็มีผ้าคลุมศีรษะเป็นสำคัญเหมือนกันหมดทุกคน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเดาว่าคนพวกนี้คงเป็นพวกต้อนวัวไปโรงฆ่าสัตว์ที่ถนนตก และนั่งล้อมวงสุมไฟแก้หนาว คอยเวลาที่จะต้อนวัวไปโรงฆ่าสัตว์ หรือเอาไปลงเรือลำเลียงขึ้นเรือใหญ่ส่งขายต่างประเทศ จึงตรงเข้าไปเพื่อจะถามดู เพราะอย่างไรเสียก็ต้องรู้จักถนนตกแน่นอน เมื่อรู้ทางไปถนนตกแล้วก็คงหาทางกลับบ้านได้ไม่ยากเย็น [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อเข้าไปใกล้พอเห็นได้ถนัด นึกแปลกใจอยู่บ้านที่คนเหล่านั้นคลุมศีรษะเสียเกือบมิดหมดทุกคนเหมือนหนาวหนักหนา ยิ่งกว่านั้นข้าพเจ้าเหลียวมองรอบๆ ไม่เห็นมีวัวควายผูกอยู่เลย จึงนึกหวาดระแวงไปว่าพวกนี้อาจเป็นโจรคอยปล้นสะดมก็ได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ขณะนั้น[/FONT][FONT=&quot]…. ขณะที่ความคิดของข้าพเจ้ากำลังสับสนอึงอลด้วยปัญหาและความสงสัยระแวงใจต่างๆ พร้อมกับเท้าซึ่งเดินเรื่อยใกล้หมู่คนในยามวิกาลเหล่านั้นเข้าไปอีกประมาณสัก 10 ก้าว ก็ถึงข้างหลังของคนพวกนั้นคนหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ต้องหยุดชะงักด้วยความสะดุ้งเกิดหวาดไปเอง ก็พอดีกับร่างที่หันหลังอยู่นั้นเหลียวมามองข้าพเจ้า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คุณพระช่วย[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าแทบล้มสิ้นสติอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจสุดขีด[/FONT]
    [FONT=&quot] เพราะร่างที่หันมามองพร้อมเปิดผ้าคลุมหัวออก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] นั่นมันหัวกะโหลกผีชัดๆ นัยน์ตากลวงลึก[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
     
  2. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ข้าพเจ้าถอยหลังกรูด ยังเห็นปีศาจนั้นยื่นมือมีแต่กระดูกขาวโพลน กวักมือเรียกให้ข้าพเจ้าเข้าไปร่วมวงด้วย ความกลัวเข้าสิงหัวใจข้าพเจ้าอย่างไม่มีอะไรหักห้ามได้ ขนลุกซู่ เลือดในกายชาเย็น ขณะนั้นความคิดของข้าพเจ้าทั้งหมดมีแต่ความหวาดกลัว คิดจะหนี หนี หนีไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด ความคิดบอกกับตัวเองว่านั่นคือ [/FONT][FONT=&quot]“ผี”[/FONT][FONT=&quot] ซึ่งจะต้องหนีไปให้เร็วที่สุดที่จะเร็วได้ แล้วข้าพเจ้าก็หันหลังออกวิ่งไปอย่างสุดฝีเท้าวิ่งไม่คิดชีวิต วิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย จะไปถึงแห่งหนตำบลใดก็แล้วแต่ ข้าพเจ้าวิ่งไปเพื่อหนีให้พ้นปีศาลร้ายเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังได้ยินเสียงกังวานตามมาเบื้องหลัง มีทั้งเสียงกรีดแหลมและโหยหวน มีกังวานเยือกเย็นจับใจ เคล้าระคนกับเสียงร้องเพลง มีสำเนียงต่ำๆ เป็นจังหวะ ฟังแล้วขนหัวลุก แต่อดเหลียวไปมองไม่ได้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็ต้องตกใจขึ้นอีกเป็นทวีคูณ เพราะปีศาลที่เห็นอยู่เมื่อแรก [/FONT][FONT=&quot]6-7 ตัวนั้น บัดนี้ได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นสิบๆ ตัว และพากันกวดไล่หลังข้าพเจ้ามาในระยะกระชั้นชิด ข้าพเจ้าเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกด้วยความตกใจ แต่เมื่อเหลียวไปดู…[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] คุณพระช่วย![/FONT]
    [FONT=&quot] มันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว มีจำนวนเป็นร้อยๆฝูง[/FONT]
    [FONT=&quot] เพียงแต่มันโคลงตัวซ้ายทีขวาทีเข้ากับจังหวะเพลงเสียงต่ำๆ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] แต่ดูมันกระชั้นชิดเข้ามาทุกที[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ทั้งที่ข้าพเจ้าได้วิ่งสุดฝีเท้าอย่างไม่คิดชีวิต[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เหลียวไปครั้งไร เจ้าผีเฝ้าทุ่งเหล่านั้นก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น จากร้อยเป็นพันแล้วก็เป็นจำนวนหมื่น ซ้ำยังกระชั้นชิดเข้ามาตลอดเวลา ข้าพเจ้ายังคงวิ่งต่อไปข้างหน้าด้วยความหมดหวัง หากเท้าก็ยังทำหน้าที่ต่อไป เพราะความกลัวเท่านั้น ข้าพเจ้าคิดว่าปีศาจเหล่านี้คงเป็นปีศาจทหารโบราณ ณ ท้องทุ่งแห่งนี้คงเคยเป็นสนามรบมาก่อน และเกิดการรบราฆ่าฟันกันมาแล้วอย่างนองเลือด มีนักรบเสียชีวิตไปมากมาย ล้มตายลงในขณะที่ได้รับบาดเจ็บ และโกรธแค้น ฉะนั้นวิญญาณทั้งหลายจึงมีแต่ความพยาบาทและดุร้าย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ขณะนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกือบจะก้าวขาไม่ออกอยู่แล้ว มันหนักอึ้งไปหมด และนึกทอดอาลัยว่าหากหมดกำลังล้มลง ข้าพเจ้าจะนั่งหลับตานิ่งฟุบหน้าลงกับพื้นดิน ไม่ยอมลืมตามองสารรูปอันน่าขนพองสยองเกล้าเหล่านั้นเลยเป็นอันขาด จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ปล่อยไปตามยถากรรม[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ทันใดนั้นเอง สายตาที่ทอดออกไปเบื้องหน้าก็เห็นตาลใหญ่ [/FONT][FONT=&quot] 3 ต้นอยู่ข้างหน้าข้าพเจ้าเกิดกำลังใจขึ้นอีก แม้จะเป็นความหวังที่ออกจะเลือนรางอยู่บ้าง แต่เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ ข้าพเจ้าจึงรวบรวมกำลังเป็นครั้งสุดท้าย แข็งใจวิ่งตรงไปที่ต้นตาล 3 ต้นนั้น คิดว่าพอถึงก็จะรีบปีนขึ้นไป แต่ขณะที่ใกล้เข้าไปจะถึงนั้นเอง จึงเห็นว่ามีม้าตัวหนึ่งยืนเล็มหญ้าอยู่ใต้ต้นตาล ผูกเครื่องอานเรียบร้อย ความคิดที่จะหนีขึ้นต้นตาลเป็นอันเลิกล้ม แต่จะใช้ม้าตัวนี้ควบต่อไป ด้วยความกลัวพอถึงข้าพเจ้าก็เผ่นขึ้นนั่งบนหลัง เพราะปรากฏว่าม้าตัวนั้นไม่ได้ล่ามไว้ จึงกระตุกบังเหียนให้ออกวิ่ง แต่ม้าเจ้ากรรมตัวนั้นกลับผงกหน้า หันซ้ายหันขวาเหมือนมันกำลังตื่นตกใจ และไม่ยอมออกวิ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อข้าพเจ้าเหลียวไปดู [/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ตายแล้ว[/FONT][FONT=&quot]! ฝูงปีศาจเหล่านั้นใกล้เข้ามาจนเกือบจะถึงตัว [/FONT]
    [FONT=&quot] มองเห็นดวงหน้าของมันซึ่งเป็นหัวกะโหลก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] นัยน์ตากลวงลึกโบ๋ได้ถนัด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ซ้ำเอื้อมมือที่มีแต่กระดูกมากระชากตัวข้าพเจ้าอย่างหวุดหวิด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เป็นการจวนตัวอีกครั้งหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ได้แต่เอี้ยวตัวหลบไปหลบมา เพื่อมิให้มือของปีศาจนั้นถูกต้องตัวได้ นึกเสียใจอยู่บ้างที่ไม่ควรยึดเอาม้าตัวนี้เป็นที่พึ่งเลย ระแวงไปว่าฝูงผีเหล่านี้จะแกล้งเอาม้ามาล่อดักหน้าข้าพเจ้าไว้ และขณะที่ข้าพเจ้าขยับจะเผ่นลงจากหลังม้าวิ่งหนีนั่นเอง มือก็ไปถูกไม้เรียวที่เหน็บอยู่ข้างอาน แล้วสมองก็สั่งงานไปโดยไม่ต้องใช้ความคิด กระชากไม้เรียวออกมาหวดแรงๆ ที่ท้ายม้า มันก็เผ่นทะยานพุ่งออกไปข้างหน้าปานพายุ ซึ่งพอดีกับพวกปีศาจเหล่านั้นถลันเข้ามาถึง เป็นการพ้นไปอย่างหวุดหวิดที่สุด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าควบม้าออกไปอย่างเต็มฝีเท้า อีกสักครู่เมื่อเหลียวกลับไปข้างหลังข้าพเจ้าตกใจแทบสิ้นแรงหล่นจากหลังม้า เพราะเจ้าฝูงปีศาจเหล่านั้นยังคงไล่กระชั้นชิดเข้ามาเช่นเดิมไม่ห่างจากตัวข้าพเจ้าเท่าไรนัก หนำซ้ำดูจำนวนของพวกมันจะยิ่งมากขึ้นไปอีก เห็นเต็มทุ่งไปหมด ที่ร้ายก็คือมันออกวิ่งไล่กวดหลังมาอย่างไม่ลดละ แต่ละตนถือดุ้นฟืนเป็นอาวุธ บางจนก็ถือคบไฟมีไฟลุกโพลงอยู่ เสียงที่ไล่มานั้นดังกึกก้องและอึงอลอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งเสียงอู้มาดังเกิดพายุใหญ่ ทั้งที่ไม่มีลมพายุมาต้องกายข้าพเจ้าเลย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  3. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ข้าพเจ้าได้แต่ควบม้าต่อไปอย่างเต็มฝีเท้า เคราะห์ดีอย่างหนึ่ง ถึงหากจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพียงไร แต่ข้าพเจ้าได้อาศัยนั่งบนหลังม้าพอผ่อนเอาแรงได้บ้าง และ[/FONT][FONT=&quot]ในขณะที่พุ่งสายตาไปเบื้องหน้านั่นเอง กำลังใจและขวัญของข้าพเจ้าดีขึ้นอีกเป็นกอง เพราะถัดออกไปเบื้องหน้านั้นเอง เห็นวัด มีโบสถ์และกำแพงแก้วล้อมรอบ แสงเดือนสาดลงมาต้องกำแพงแก้วและผนังโบสถ์ ขาวโพลนเห็นได้ถนัด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าดีใจและมีความหวัง เพราะมีวัดก็ต้องมีพระ เวลานี้พระเท่านั้นซึ่งเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าได้ ฉะนั้นจึงควบม้าตรงเข้าไปอย่างสุดฝีเท้า ข้างหลังยังมีฝูงปีศาจตามมาอย่างไม่ลดละ เมื่อม้าพาข้าพเจ้าเข้าไปถึงข้างโบสถ์นั้น เห็นหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่ มีแสงไฟลอดมาสลัวๆ ข้าพเจ้าจึงชักม้ากระโดดข้ามกำแพงแก้วเตี้ยๆ นั้น เข้าไปจนถึงหน้าต่างที่เปิดอยู่ แล้วขึ้นยืนบนหลังม้า โดยจับขอบโบสถ์โหนตัวขึ้นไปแล้วโดดเข้าข้างในทันที รีบปิดหน้าต่างเสีย จัดแจงสลักกลอนไว้ พอหันกลับมาก็เห็นพระภิกษุองค์หนึ่งกำลังนังสมาธิหลับตาเข้าฌานนิ่งอยู่ เบื้องหน้ามีเทียนจุดอยู่เล่มหนึ่ง ด้วยแสงไฟจากเทียนเล่มนี้เอง ที่ข้าพเจ้ามองเห็นจากหน้าต่างโบสถ์เมื่อแรก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ด้วยความหวาดกลัวฝูงปีศาจ กับความดีที่ได้มาพบที่พึ่งเข้าโดยบังเอิญ ข้าพเจ้าไม่ทันคิดถึงสิ่งใด ข้าพเจ้ากรากเข้ากอดเอวท่านไว้ พยายามเอาศีรษะซุกเข้าไปในจีวรของท่าน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อ ช่วยผมด้วย ผีมันไล่ล่า หลวงพ่อช่วยผมด้วยครับ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]รู้สึกว่าท่านยังนั่งนิ่งไม่กระดุกระดิก แต่ภายนอกนั้นเสียงฝูงปีศาจร้ายยังกู่ร้อง และกรีดเสียงเยือกเย็นรายล้อมโบสถ์ไว้โดยรอบ ข้าพเจ้ายิ่งเบียดตัวเข้าชิดหลวงพ่อ และพยายามซุกศีรษะจนซบตักท่านด้วยความกลัว แม้ว่าศีรษะจะมุดอยู่ในจีวรของท่านแล้ว แต่ใจนึกจะมุดเข้าไปให้จีวรหลวงพ่อคลุมจนมิดตัว ปากก็พร่ำวิงวอนขอให้ท่านช่วย และบอกว่าฝูงผีมันไล่ติดตามมาจะคร่าตัวไปให้ได้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“นิ่งๆ เถอะลูก สงบสติอารมณ์เสียให้ดี หลวงพ่อรู้แล้ว”[/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านพูดเรียบๆ ฟังชัดเจน[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“เจ้าไม่ต้องกลัว หลวงพ่อจะช่วย ออกมานั่งดีๆ เถอะ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าค่อยใจชื้นและคลายความหวาดกลัวลงบ้าง จึงคลานมานั่งตรงหน้าท่าน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] แล้วข้าพเจ้าก็ต้องตะลึงงันไปชั่วครู่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] เพราะพระภิกษุองค์นั้นเมื่อมองหน้าถนัดแล้วไม่ใช่ใคร [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] คือ [/FONT][FONT=&quot]“ท่านใหญ่”[/FONT][FONT=&quot] นั่นเอง![/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าก้มกราบท่านด้วยความเคาระและดีใจยิ่งนัก ที่ได้พบท่านในยามคับขันเช่นนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ [/FONT][FONT=&quot]ท่านใหญ่พูดภาษาไทยได้ชัดเจน[/FONT][FONT=&quot] ไม่มีสำเนียงแปร่งหรือเพี้ยนเลย ซึ่งโดยปกติถ้ามีคนไทยไปหาที่กุฏิ จะต้องมีล่ามทะวายแปลเป็นไทยอีกทอดหนึ่ง เพราะท่านพูดแต่ภาษาทะวายเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“หลวงพ่อช่วยผมด้วย ผมขอค้างในโบสถ์นี้ด้วยคน สว่างผมจึงจะกลับไป กลัวเหลือเกิน”[/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านยิ้มๆ อย่างอารมณ์เยือกเย็น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“เจ้าอยู่ในโบสถ์ถึงสว่างไม่ได้หรอกลูก เพราะเจ้าจะต้องไปถวายข้าวคาถาพันที่วัดย่ำรุ่งพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ?”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านนิ่งมองดูข้าพเจ้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“นี่แน่ะ! เจ้าคงจำคำหลวงพ่อไว้ให้ดีเถิด คนเราน่ะ ต่อให้มีข้าทาสหญิงชายและพ่อแม่พี่น้อง แม้ที่สุดจะมั่งมีมหาศาล มีมิตรสหายและบริวารแวดล้อมอยู่ก็ตาม เมื่อถึงคราวคับขันมีภัยบังเกิดขึ้น จะไม่มีใครช่วยเราได้อย่างแท้จริงหรอก นอกจากความดีและกุศลของเราที่สร้างไว้เท่านั้น ที่จะช่วยตัวเราได้อย่างเที่ยงแท้แน่นอน ฉะนั้นจงอุตส่าห์สร้างสมแต่ความดีเอาไว้ เมื่อคราวคับขันบารมีแห่งกุศลและคุณความดีนั้นจะช่วยตัวเราเอง”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้ากราบลงด้วยใจเคารพ [/FONT][FONT=&quot]“ใช่ครับหลวงพ่อ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครแม้แต่พ่อแม่พี่น้องสักคน ที่จะรู้เห็นและช่วยผมได้ เห็นแต่หลวงพ่อองค์เดียวเป็นที่พึ่ง ผมจะต้องไปทำบุญที่วัดตอนย่ำรุ่งให้ได้ หลวงพ่อช่วยไปส่งผมด้วย ผมกลัวผีเหลือเกิน มันยกพวกมาคอยดักอยู่ข้างนอกโบสถ์ กรุณาผมด้วยเถิดครับหลวงพ่อ”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“หลวงพ่อไปส่งเจ้าไม่ได้หรอก แต่ไม่ต้องกลัว หลวงพ่อจะให้ของไปคุ้มครองตัว”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านปลอบข้าพเจ้าน้ำเสียงอ่อนโยนมีเมตตาเช่นผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าจึงนึกดีใจเพราะเชื่อมั่นในของวิเศษและแก่กล้าด้วยอาคมขลังซึ่งทรงในกิตติศัพท์มานานแล้วว่า ท่านใหญ่มีของดีแต่ท่านไม่ค่อยจะให้ใครง่ายๆ เมื่อลั่นวาจาเช่นนี้จึงทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจดีขึ้นมากมาย [/FONT][FONT=&quot]“ถ้างั้นหลวงพ่อให้ผมเดี๋ยวนี้เถิดครับ”[/FONT]
     
  4. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]“เออน่ะ! ไม่ต้องร้อนใจหรอก”[/FONT][FONT=&quot] ท่านรับคำยิ้มๆ แล้วยกมือลูบศีรษะข้าพเจ้าบอกให้ก้มตัวลงที่หน้าตักของท่าน แล้วท่านเอาด้ายมงคลสวมศีรษะ บริกรรมคาถา เป่าลงบนศีรษะอีกสามครั้ง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ในฉับพลันนั้นเองเหมือนมีปาฏิหาริย์บันดาลให้ข้าพเจ้าเกิดกำลังใจขึ้นอย่างน่าประหลาด ความหวาดกลัวต่อพวกผีปีศาจสูญหายไป ไม่มีความขลาดเหลืออยู่ในหัวใจอีกเลย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองท่าน เห็นยังหลับตาบริกรรมคาถาแล้วเป่าลงตามร่างกายของข้าพเจ้า เมื่อเสร็จแล้วจึงก้มกราบท่านและถามว่า [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“หลวงพ่อครับ ผมหลงทางมาจำไม่ได้เลย แล้วจะกลับบ้านได้อย่างไร”[/FONT]
    [FONT=&quot] “ไม่เป็นไรลูก หลวงพ่อจะช่วยให้เจ้ากลับจนได้”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] แล้วท่านใหญ่ก็ควานมือไปข้างตัวท่าน หยิบดาบส่งให้ข้าพเจ้าเล่มหนึ่ง บอกให้เอาไปป้องกันตัว[/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้ารับดาบจากมือท่าน รู้สึกว่าเบาผิดปกติ เมื่อพิจารณาดูจึงรู้ว่าเป็นดาบที่ทำด้วยไม้ นึกในใจว่านี่คงเป็นดาบเล่นลิเก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านคงเดาใจข้าพเจ้าถูก จึงบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“นี่เป็นดาบไม้ ซึ่งได้ลงอักขระเลขยันต์ประดุจอาคม ไว้ใช้ปราบปรามภูตผีปีศาจสารพัด เจ้าอย่าสงสัยเลย”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อข้าพเจ้าพิจารณาดูอีกครั้งหนึ่งโดยละเอียด ก็เห็นมีอักขระเลขยันต์ลงไว้ตลอดเล่มดาบ จึงแน่ใจว่าเป็นของดีมีอาคมขลัง[/FONT]
    [FONT=&quot] และในที่สุด[/FONT][FONT=&quot]ท่านได้แนะนำให้ใช้ดาบนั้นชี้ไปรอบๆ ทิศ หากเห็นแสงสว่างมาทางทิศไหน จงมุ่งไปทางนั้น จะถึงบ้านโดยปลอดภัย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“จงรีบกลับบ้านไปเสียเถอะลูก ม้าของเจ้ายังคอยอยู่ที่หน้าต่างของโบสถ์ ” [/FONT][FONT=&quot]ท่านกล่าวขึ้นในที่สุด [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าก้มกราบนมัสการท่าน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บัดนี้รู้สึกว่า [/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot] จิตใจของข้าพเจ้าห้าวหาญ ไม่หวาดกลัวฝูงปีศาจเหล่านั้นเลย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]จึงเดินไปเปิดหน้าต่างโบสถ์ แล้วเหลียวมามองท่านใหญ่ เห็นหลับตานิ่งเข้าสมาธิต่อไป เสียงม้าร้องอย่างคึกคะนองและดีใจ เมื่อข้าพเจ้าหย่อนตัวลงจากหน้าต่างโบสถ์ พอขึ้นนั่งหลังม้าเรียบร้อยแล้ว มองออกไปนอกกำแพงแก้ว [/FONT][FONT=&quot]คุณพระช่วย[/FONT][FONT=&quot]! ฝูงปีศาจมากันมากมาย มันล้อมกำแพงโบสถ์อยู่โดยรอบทุกด้าน แสงไฟจากคบและดุ้นฟืนที่มันถือสว่างไปทั่วบริเวณ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ขณะนั้นท้องฟ้ามืดมัวไปทั่วทุกสารทิศ ข้าพเจ้าขี่ม้าวนไปรอบโบสถ์ภายในกำแพงแก้ว เพียงได้เห็นจำนวนปีศาจร้ายที่มันแห่กันมาล้อมโบสถ์อยู่ขณะนี้ ก็เกิดท้อใจเพราะมันมากมายสุดจะคณานับ ดูล้นหลามไปหมด อย่าเอาถึงกับจะสู้รบกับมันโดยลำพังตัวเองเลย เพียงแต่จะเดินเบียดแทรกมันออกไป ก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะพ้นฝูงปีศาจเหล่านี้ไปได้ มองไม่เห็นทางจะบุกออกไปได้อย่างไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเกิดลังเล นึกจะย้อนกลับไปหาหลวงพ่ออีกครั้ง พอนึกได้เท่านั้นโบสถ์ทั้งหลังก็พลันหายวับไปทันที คงเหลือแต่กำแพงแก้วทั้งสี่ด้านกั้นพวกปีศาจไว้เท่านั้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้ารำลึกได้ถึงคำของหลวงพ่อว่า ให้เอาดาบชี้ไปรอบๆ ทิศ หากปรากฏแสงสว่างขึ้นทางทิศไหนให้ออกไปทางนั้น ข้าพเจ้าจึงยกดาบขึ้นประนมมือเหนือศีรษะ ระลึกถึงหลวงพ่อผู้มีพระคุณ อธิษฐานขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้รอดพ้นอันตราย แล้วฟาดดาบชี้ไปโดยรอบ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทันใดนั้นทางเบื้องซ้ายมือของข้าพเจ้า ปรากฏแสงฟ้าแลบแปลบปลาบสว่าง ลั่นเปรี้ยงซ้อนๆ กัน แล้วครางครืนเหมือนฟ้าจะถล่ม ฝูงปีศาจเหล่านั้นล้มระเนระนาด ส่งเสียงโหยหวนด้วยความหวาดกลัว ข้าพเจ้าจึงเตือนม้าโผนออกวิ่งไปทางทิศนั้น ซึ่งพวกผีล้มระเนระนาดอยู่ พวกมันที่ยังเหลือพากันรุมล้อมเข้ามา ข้าพเจ้าจึงฟาดดาบฟันกราดเข้าไปพร้อมกับควบม้าตะลุยไปอย่างไม่ยั้ง ปีศาจเหล่านั้นล้มกระจัดกระจายไปคนละทางสองทาง ส่งเสียงโอดครวญเหมือนแสนเจ็บปวดทรมาน ข้าพเจ้ายังคงฟันดาบกระหน่ำอย่างไม่หยุดมือ เห็นพวกมันวิ่งหนีกระจัดกระจาย บางตัวที่อยู่ในระยะใกล้ชิดก็หัวขาด ล้มกลิ้งร้องโอดครวญเสียงเยือกเย็น ดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่ง พอแขนขาติดกันได้อย่างเดิมก็ลุกวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าคงบุกทะลวงไปข้างหน้า สังเกตได้ว่าพวกปีศาจเหล่านั้นมันหวาดกลัวมาก เพราะอานุภาพของดาบศักดิ์สิทธิ์มหาศาล เมื่อฟาดไปทางใด ปีศาจที่อยู่ในรัศมีร่างกายขาดกระจุยกระจาย ที่ห่างไปหน่อยก็กระเด็นล้มลุกคลุกคลานร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะนี้ไม่มีปีศาจกลุ่มใดกล้าเข้าขวางหน้าอีกแล้ว ต่างพากันวิ่งกระเจิดกระเจิงหายไปท่ามกลางแสงเดือนขมุกขมัว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  5. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]อีกสักครู่เดียวท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ก็แลโล่งปราศจากภูตผีตนใดมาสำแดงร่างให้เห็นอีก ได้ยินแต่เสียงโหยไห้เยือกเย็นแว่วอยู่ไกลๆ และค่อยห่างออกไปทุกทีจนกระทั่งเงียบสูญไป ขณะนี้ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาลก็เงียบสงัด มีแต่เสียงฝีเท้าม้าที่ข้าพเจ้าขี่ดังระทึกไปตลอดทาง ม้าซึ่งได้มาโดยบังเอิญและค่อนข้างจะเป็นม้ารู้ พาควบตะบึงไปอีกพักเดียวก็ถึงต้นตาล [/FONT][FONT=&quot]3 ต้น เมื่อแรกที่ม้ายืนเล็มหญ้าอยู่ข้าพเจ้าระลึกถึงคุณม้าที่ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ได้ จึงตบแผงคอเบาๆ แล้วพูดกับมันว่าเจ้ามีบุญคุณแก่เรามาก เราจะรำลึกอยู่ไม่ลืมเลย แต่ขอให้เจ้าทำบุญและเมตตาแก่เราอีกครั้งเถิด ช่วยพาเราไปส่งให้ถึงบ้านด้วย น่าประหลาดที่ม้านั้นทำกิริยาเหมือนรู้ภาษาคน ผงกหน้า ผงกหลัง แล้วซอยเท้าควบลิ่วมุ่งไปยังขอบฟ้าที่มีแสงสว่างเรืองรอง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ชั่วอึดใจเดียวก็มองเห็นกองไฟ มีคนนั่งล้อมรอบอยู่ พอเข้าไปใกล้ข้าพเจ้าเห็นถนัดและจำได้ว่ามันคือพวกปีศาจที่ข้าพเจ้าพบครั้งแรก และพวกมันไล่กวดจะเอาชีวิตข้าพเจ้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ฉะนั้นจะต้องแก้มือกำราบให้มันสำนึกตัวเสียบ้าง ข้าพเจ้ากระชับดาบในมือแน่นแล้วกระตุ้นม้าโผนเข้าใส่ แต่พวกปีศาจทั้ง [/FONT][FONT=&quot]7 ตนนั้นกลับออกวิ่งหนี ข้าพเจ้าจึงกวดตามไป พอเข้าไปใกล้ได้ระยะช่วงดาบคิดจะฟันให้ขาดกระจุย แต่ทันใดนั้นมันทั้ง 7 กลับคุกเข่าลงหมอบนิ่งกับพื้นดิน ด้วยกิริยายอมแพ้อย่างราบคาบ นึกสงสารจึงลดดาบลง พูดกับมันว่า[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“เจ้าไล่กวดทำร้ายจะเอาชีวิตข้าก่อน แต่ทีนี้เป็นคราวของข้าบ้างละ”[/FONT]
    [FONT=&quot]“ได้โปรดกรุณาเถิด อย่าทำร้ายข้าเลย พวกข้าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในทุ่งนี้มานานนักหนาแล้ว”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าแปลกใจที่ปีศาจพวกนี้พูดได้ จึงบอกกับมันว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“แต่พวกเจ้าไม่ควรหลอกหลอนทำร้ายแก่คนที่หลงทางมาในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ คอยให้ความช่วยเหลือยังจะเป็นกุศลแก่เจ้าบ้าง”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“ข้าขอสัญญาแก่ท่านว่า ต่อไปนี้ถ้าผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่านมาทางนี้ พวกข้าจะไม่ทำอันตรายเลย แต่ถ้าเป็นพวกใจบาปหยาบช้า ไม่มีศีลสัตย์ พวกข้าจะคอยหลอกหลอนทำร้าย”[/FONT][FONT=&quot] ปีศาจตนหนึ่งกล่าวขึ้น[/FONT]
    [FONT=&quot]“ก็พวกเจ้าจะเว้นทำอันตรายแก่มนุษย์ทั้งหมดไม่ได้หรือ?”[/FONT]
    [FONT=&quot]“ไม่ได้”[/FONT]
    [FONT=&quot]“แล้วมันได้ประโยชน์อะไรบ้างที่พวกเจ้าคอยทำอันตรายมนุษย์”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]พวกปีศาจเหล่านั้นคุกเข่าก้มหน้านิ่งเฉยอยู่ ข้าพเจ้าถามซ้ำไปอีกหลายคำ แต่ปีศาจทั้ง [/FONT][FONT=&quot]7 ยังคงนิ่งอิดเอื้อนไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงแกล้งตะคอก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“บอกมาซิว่าเจ้าคอยทำอันตรายมนุษย์เพื่อประโยชน์อะไรกัน บอกมานะ ถ้าไม่บอกข้าจะฟันเจ้าเดี๋ยวนี้” [/FONT][FONT=&quot]แล้วข้าพเจ้าก็เงื้อดาบขึ้นทำท่าจะฟัน เสียงมันร้องโอยด้วยความกลัวแล้วประนมมือไหว้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“โอย กลัวแล้ว อย่าฟันเลย จะบอกให้เดี๋ยวนี้แล้ว”[/FONT]
    [FONT=&quot]“บอกมาเร็ว”[/FONT][FONT=&quot] ข้าพเจ้าแกล้งขู่ [/FONT][FONT=&quot]“เจ้าทำร้ายเพื่ออะไร”[/FONT]
    [FONT=&quot]“กิน”[/FONT][FONT=&quot] เสียงปีศาจตอบอย่างไม่เต็มปาก[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าอึ้งไปทันที นึกหวาดไปถึงตัวเองเมื่อครู่ใหญ่ ถ้าหากพวกมันไล่จับข้าพเจ้าได้ทัน ป่านนี้คงเป็นอาหารของมันไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรมาได้คิดเสียหนึ่งว่า การที่จะบังคับฝืนใจจนเกินไปคงจะไม่ได้ผล เพียงที่พวกมันให้สัญญาว่าจะไม่ทำร้ายผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ก็น่าจะเป็นที่พอใจแล้ว จึงบอกกับมันว่า [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“เออ ตามที่เจ้าให้สัญญาข้าพอใจแล้ว แต่ต้องรักษาให้มั่นคง อย่าสับปลับ ลุกขึ้นเถิด แล้วบอกข้าหน่อยว่าทุ่งนี้ชื่อทุ่งอะไรถึงกว้างใหญ่นัก”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“ทุ่ง………………”[/FONT]
    [FONT=&quot]“ทุ่ง………………”[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าทวนคำ นึกแล้วนึกอีก แต่ยังเลือนรางไม่รู้ว่าทุ่งนี้อยู่ที่ไหน จึงย้อนถามไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“ทุ่งนี้อยู่ที่ไหน เมืองอะไร ตำบลอะไร?”[/FONT]
    [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]พวกข้าไม่รู้อะไรมากกว่านี้หรอก รู้แต่ทุ่งชื่อมหา[/FONT][FONT=&quot]……………เท่านั้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเห็นเสียเวลาอยู่นานแล้ว และคงจะไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกในการซักถาม จึงตัดความเสียว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“ข้าจะต้องลาพวกเจ้าไปก่อน แล้วอย่าลืมคำมั่นสัญญาที่ว่าจะไม่ทำร้ายมนุษย์ผู้บริสุทธิ์ก็แล้วกัน”[/FONT]
     
  6. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ปีศาจทั้ง [/FONT][FONT=&quot]7 ตน ลุกขึ้นเต้นอย่างดีอกดีใจ[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ขณะที่ข้าพเจ้าเตือนม้าออกเดิน เสียงพวกมันตะโกนพร้อมกัน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“พวกข้าไม่ลืมสัญญา ขอท่านอย่าลืมพวกข้า[/FONT]
    [FONT=&quot]พวกข้าต้องทนทุกข์ทรมานมานานแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ถ้าทำบุญอะไรขอให้นึกถึงและแผ่ส่วนกุศลให้พวกข้าบ้าง[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เสียงนั้นร้องอยู่ซ้ำๆ หลายครั้ง จนข้าพเจ้าควบม้ามาไกลแล้วเหลียวไปมองยังเห็นพวกปีศาจโบกมืออยู่ แล้วเสียงนั้นก็ค่อยห่างและเงียบหายไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเร่งควบม้ามาอย่างรวดเร็ว พักเดียวก็ผ่านเรือนหญิงสาวทั้ง [/FONT][FONT=&quot]4 พี่น้อง แต่ม้ากำลังควบตะบึงจึงมองไม่ถนัด เห็นแต่แสงไฟตะเกียงเป็นที่สังเกต รู้สึกว่าม้าที่ข้าพเจ้าขี่มีฝีเท้าเร็วมาก ลมปะทะหน้าและหูสองข้างอื้อไปหมด กระทั้งตกถึงชายทุ่งอีกด้านหนึ่งม้าก็วิ่งตรงเข้าไปในป่าละเมาะ มีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่บ้างประปราย แล้วก็ถึงป่าใหญ่ต้นไทรขึ้นอยู่เป็นอันมาก ม้าที่ข้าพเจ้าขี่ชำนาญทางเป็นอย่างดี ได้พาวิ่งลดเลี้ยวไปตามทางในป่าอย่างคล่องแคล่วโดยที่ไม่ต้องชักบังเหียนบังคับเลย เดินทางอยู่ในป่าใหญ่สักครู่ก็ออกถึงทุ่งอีกแห่งหนึ่ง ไม่สู้กว้างใหญ่นักสังเกตได้ว่าคงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว และเห็นหมู่บ้านเรียงรายอยู่รอบทุ่งด้านหน้า แล้วม้าก็วิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งทุกหลังคาเรือนเงียบสงัดเห็นจะหลับใหลกันหมดสิ้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]พอพ้นหมู่บ้านนี้ไปแล้วม้าก็ลดฝีเท้า ซึ่งทำให้มองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นมา ขณะนี้ออกมาถึงปากช่องสู่ถนนใหญ่ มีต้นไม้สองข้างถนน ข้าพเจ้าดีใจเพราะจำทางได้แล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อดึงบังเหียนม้าให้เลี้ยวขึ้นสะดานออกมาถนนอีกสายหนึ่ง มีคลองขนานไปกับถนน อีกครู่หนึ่งก็ถึงโบสถ์วัดแขก ใกล้ๆ นั้นเป็นร้านซักรัดของชาวญี่ปุ่นอยู่ใต้ต้นประดู่ใหญ่ ข้าพเจ้าเคยผ่านมาเห็นชายชาวญี่ปุ่นยืนรีดผ้าตั้งสูง มีผ้าขาวขวั้นเป็นเกลียวพันรอบศีรษะไว้ จำได้แน่นอนแล้ว ต่อไปอีกจึงมองเห็นโรงพยาบาลเป็นตึกสีขาวชั้นเดียว ตึกหลังนี้เป็นของชาวต่างประเทศผู้ใจบุญผู้หนึ่ง เป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าเลี้ยวซ้ายมือออกถนนสายใหญ่ คือถนนเจริญกรุง บรรดาร้านโรงต่างๆ ปิดกันหมดแล้ว นอกจากที่ตรงข้างตลาดมีโรงยาฝิ่นเห็นยังเปิดไฟสว่างอยู่ แต่ตามท้องถนนไม่มีแสงไฟเลยเพราะเดือนหงาย ไฟฟ้าตามถนนปิดหมด ที่หน้าโรงยาฝิ่นมีรถลากจอดอยู่ [/FONT][FONT=&quot]5 คัน เข้าใจว่าจีนลากรถคงเข้าไปนอนสูบยาฝิ่นกันหมด ถัดไปอีกหน่อยถึงร้านขายโจ๊ก[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ณ ที่นี้เป็นครั้งแรกในคืนนี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ที่ข้าพเจ้าได้แลเห็นมนุษย์จริงๆ ที่ร้านโจ๊ะนี่เอง[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เห็นจีนขายโจ๊กซึ่งข้าพเจ้าจำได้ เพราะเคยมาซื้อรับประทานบ่อยๆ กับคนไทยรูปร่างเล็กๆ ผอมดำ นุ่งโสร่งสีแดงตาขาวเก่าๆ สวมเสื้อขาวคร่ำคร่ากำลังยืนโต้เถียงกัน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“กูให้แล้ว ไอ้ห่ะ! มึงจะมาเอาอะไรกับกูอีก ทั้งเนื้อทั้งตัวกูมีสิบสตางค์เท่านั้น แล้วจะเอาที่ไหนมาให้มึง”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“คนอะไรกินแล้วไม่ให้ ”[/FONT][FONT=&quot] เสียงเจ๊กอ้วนขายโจ๊กบ่นเอ็ดอึง “[/FONT][FONT=&quot]เดินไปเฉยๆ บอกว่าให้แล้ว ฉิบหาย[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจอะไรมากนัก คงขี่ม้าผ่านไปจนถึงร้านขายน้ำชาจีนซึ่งอยู่ถัดมา เป็นร้านเปิดขายคืนยังรุ่งอีกร้านหนึ่ง ที่หน้าร้านมีรถลากจอดอยู่ 5 คันเหมือนกัน คันริมสุดมีจีนลากรถเจ้าของขดตัวหลับอย่างสบาย ส่วนอีก 4 คันกำลังนั่งซดน้ำชาคุยกันเสียงสนั่น จากนั้นข้าพเจ้าก็ข้ามสะพานปากถนนสาทร พบรถขนอุจจาระเป็นรถตู้แบบใช้คนลากหลายคัน บางคันจอดอยู่ริมถนน คนลากยังเข้าไปเปลี่ยนถังตามบ้าน และได้ทิ้งถังไว้เรียงรายอยู่ข้างถนนส่งกลิ่นตลบอบอวล ข้าพเจ้าจึงรีบขี่ม้าผ่านกลิ่นเหม็นปฏิกูลเห่านั้นไปเสียโดยเร็ว[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ถัดไปก็ถึงซอยเข้าบ้าน และบ้านข้าพเจ้าอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ไม่ไกลนัก เมื่อเข้าซอยถึงบ้านลงจากหลังม้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ที่บ้านเห็นปิดประตูนอนกันหมดแล้ว ตามธรรมดาเมื่อข้าพเจ้ากลับบ้านดึกผิดเวลา มารดาของข้าพเจ้าจะนั่งคอยเปิดประตู ไม่ยอมหลับนอน แล้วท่านก็จะบ่นว่าที่ไปเที่ยวดึกๆ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยโต้เถียงเลยจนคำเดียว และบางครั้งข้าพเจ้าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมายังได้ยินท่านบ่นอยู่อีก แต่คืนนี้แปลกที่คุณแม่ไม่คอยเปิดประตูรับ นอนหลับกันเงียบหมดทั้งบ้าน ครั้นจะร้องเรียกก็นึกเกรงใจคนอื่นๆ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้ามองเห็นตรงหน้าต่างห้องนอนของข้าพเจ้า ซึ่งอยู่ชั้นบน หน้าต่างเปิดอยู่ จึงปีนขึ้นไปทางหน้าต่าง ขณะที่ปีนขึ้นไปนั้นรู้สึกว่าตัวเบา ปีนได้คล่องแคล่ว พอเอื้อมมือจับขอบหน้าต่างได้ ข้าพเจ้าก็โหนตัวขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่างจะก้าวลงในห้อง ทันทีนั้นเอง ศีรษะก็กระแทกเข้ากับขอบหน้าต่างบนเต็มแรง มงคลและดาบตกลงไปข้างล่างทันที เมื่อเหลียวมองลงไปข้างล่างก็เห็นม้าที่มาส่งข้าพเจ้าร้องเสียงก้องเหมือนจะบอกลา แล้วออกวิ่งย้อนกลับไปตามทางเดิม ข้าพเจ้าใจหาย นึกเสียดายเหลือเกิน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  7. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] เมื่อหันเข้ามาในห้อง เห็นเตียงนอนของข้าพเจ้าเอามุ้งลงเรียบร้อยแล้ว เสียงบิดาของข้าพเจ้าซึ่งนอนอยู่ห้องถัดไปกรนอย่างหลับสนิท ข้าพเจ้าจึงย่องไปขึ้นนอนเตียง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เสียงที่ปลุกให้ข้าพเจ้าตกใจตื่นขึ้น คืนเพื่อนทั้งสองของข้าพเจ้าที่นัดกันไว้ว่าจะไปปั้นข้าวคาถาพันที่วัดนั่นเอง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อลุกจากเตียงเพื่อไปล้างหน้าแต่งตัวนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงพวกศิษย์วัดมาเที่ยวตะโกนป่าวร้องให้ชาวบ้านไปปั้นข้าวคาถาพัน จึงรู้ว่า[/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าฝันไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] ฝันไปอย่างประหลาดพิสดาร มีทั้งความน่ากลัวและความมหัศจรรย์คาดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มแปลกใจ เพราะเสียงที่บิดาของข้าพเจ้ากรนอยู่ในขณะนี้ ไม่ผิดแปลกกันเลยในความฝัน ขณะที่ปีนหน้าต่างเข้ามาเมื่อครู่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าออกไปพบกับเพื่อนทั้งสองที่ยืนคอยอยู่หน้าบ้าน เพื่อนคนหนึ่งบอกว่านาฬิกาเพิ่งตีสองเท่านั้น ไปรับประทานโจ๊กที่ตลาดเสียก่อนก็ทันถมไป เมื่อตกลงกันแล้วเราทั้งสามก็พากันมุ่งไปที่ตลาด กระทั่งมาถึงร้านน้ำชา [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าก็ต้องตกตะลึง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในภาพฝันได้ปรากฏเป็นภาพในสายตาของข้าพเจ้า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]บัดนี้ รถลาก [/FONT][FONT=&quot]5 คันยังจอดในที่ของมัน คันริมสุดจีนลากรถขดตัวนอนอยู่ในท่าเดิม อีก 4 คน ก็ยังนั่งคุยกันฟุ้งอยู่ที่โต๊ะ ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากภาพฝันเลย ข้าพเจ้าสงสัยอย่างยิ่ง อยากจะเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟัง แต่เกรงจะไม่เชื่อ จำต้องยิ่งฉงนใจอยู่คนเดียว[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเข้าไปในร้านเจ๊กอ้วนขายโจ๊กแล้ว เราตรงไปนั่งที่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งอีกสองโต๊ะมีคนนั่งกินอยู่แล้ว เราสั่งโจ๊ะใส่ไข่ [/FONT][FONT=&quot]3 ชาม [/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าถือโอกาสเดินเข้าไปหาเจ๊กอ้วน ซึ่งกำลังหยิบเครื่องในใส่อวยทองเหลืองขึ้นตั้งเตาไฟ แล้วถามว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“นี่เฮีย! เมื่อสักครู่มีคนไทยนุ่งโสร่งสีแดงเก่าๆ รูปร่างผอมๆ ท่าทางเป็นขี้ยา มากินโจ๊กแล้วไม่ให้สตางค์ใช้ไหม?”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เจ๊กอ้วนชะงักมือที่ต่อยไข่ทันที หนัมามองข้าพเจ้าอย่างสงสัย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“ทำไมลื้อรู้ล่ะ”[/FONT]
    [FONT=&quot]“ก็จริงไหมล่ะ”[/FONT][FONT=&quot] ข้าพเจ้าถามรวบรัด[/FONT]
    [FONT=&quot]เจ๊กอ้วนรู้สึกเคืองขึ้นมาอีก กล่าวบริภาษชายผู้นั้นต่อไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“คนระยำหมา กินแล้วเดินออกไปเฉยๆ ทวงมัน มันบอกว่าให้แล้ว หน้าด้านฉิบหาย สิบสตางค์ก็โกง อั๊วอยากต่อยหน้าอีจัง กลัวมันตาย ทำอย่างนี้ไม่ดีน่า คนจีนถือ เช้าๆ กินไม่ให้สตางค์ซวยทั้งวัน”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เจ๊กอ้วนยังบ่นและด่าไปอีกหลายคำ แล้วหวนถามข้าพเจ้าว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“ทำไมลื้อรู้ เห็นเรอะ?” [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าไม่ตอบคำถาม แต่กลับตั้งคำถามต่อไปอีก [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]“แล้วตอนนั้นลื้อเห็นคนขี่ม้ามาทางนี้หรือเปล่า?”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เจ๊กอ้วนบอกไม่มี เห็นแต่รถม้ามาส่งหมู แล้วยังเพียรซักถามข้าพเจ้าอีกว่ารู้เรื่องคนกินโจ๊กได้อย่างไร แต่ข้าพเจ้าไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น หยิบเงิน [/FONT][FONT=&quot]10 สตางค์ ยื่นส่งให้เจ๊กอ้วน บอกว่าข้าพเจ้าใช้แทนคนขี้ยานั้นให้ จะได้ไม่ซวยตามที่เขาถือ เจ๊กอ้วนยื่นมือรับสตางค์ใส่ลิ้นชักอย่างดีใจ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ความจริงคงไม่ไบดีกับสตางค์ของข้าพเจ้าเพียงเท่านั้น แต่เป็นธรรมเนียมที่ถือเคล็ดลางของคนค้าขายเท่านั้น[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ถึงแม้ว่าเพื่อนทั้งสองจะซักถามข้าพเจ้าถึงเรื่องที่คุยกับเจ๊กอ้วน แต่ข้าพเจ้าไม่อาจเล่าอะไรให้ฟังได้ เพราะแม้แต่ตัวเองยังงงงัน เกือบไม่นึกเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ สมมติว่าผู้อื่นเล่าให้ข้าพเจ้าฟัง ก็ต้องหาว่าเป็นเรื่องตลกหรือมดเท็จอย่างร้ายกาจ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เราทั้ง [/FONT][FONT=&quot]3 คนไปถึงวัดเมื่อเวลา 3 นาฬิกา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] ผู้คนมากมายทั้งหญิงชายกำลังปั้นข้าวด้วยจิตศรัทธา ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอิบ สำหรับข้าพเจ้าที่มาทำบุญในครั้งนี้รู้สึกว่าจิตใจเกิดศรัทธาผิดกว่าก่อนๆ ซึ่งหวังไปในเรื่องสนุกสนานเสียมากกว่า เช่น ซื้อประทัดและดอกไม้เพลิงไปจุดเล่น แล้วก็ดูสาวๆ [/FONT][FONT=&quot]แต่คืนนี้อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในความฝัน ทำให้ข้าพเจ้ามีศรัทธาจริงจัง ข้าพเจ้าปั้นข้าวด้วยความตั้งใจและปั้นเท่าอายุ ซึ่งขณะนั้นข้าพเจ้ายังไม่ครบบวช เมื่อเสร็จแล้วก็ไปกราบพระพุทธและนำเงินไปติดเทียน นึกแผ่กุศลไปให้พวกปีศาจในทุ่ง[/FONT][FONT=&quot]……. อันลี้ลับ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]พอ [/FONT][FONT=&quot]4 นาฬิกาเศษ[/FONT][FONT=&quot] พวกที่มาทำบุญก็ช่วยกันยกข้าวของไปที่ปะรำท้ายโบสถ์และจัดเตรียมข้าวของไว้ถวายพระในตอนรุ่งอรุณ กระทั่งมีคนทางวัดมาบอกว่าเตรียมตัวได้ เพราะท่านใหญ่กำลังมาถึงแล้ว เมื่อผู้มาร่วมทำบุญรวมทั้งข้าพเจ้าและเพื่อนไปถึงโบสถ์ ก็เห็นท่านใหญ่ถือตาลปัตรนำหน้าสงฆ์ลูกวัดองค์อื่นๆ มา ขณะท่านผ่านมา ชายหญิงทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่นั่งลงยกมือไหว้ บ้างก็ก้มลงกราบด้วยความเคารพ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  8. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]สำหรับ[/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้านั้นเพียงได้เห็นโฉมหน้าท่านขณะนี้ รู้สึกปลื้มปิติและเลื่อมใสในตัวท่านยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราว[/FONT][FONT=&quot] แทบว่าจะเข้าไปกราบแทบเท้าท่าน หากเกรงผู้อื่นจะครหาว่าประจบประแจงน่าเกลียด เมื่อท่านผ่านมาจึงเพียงแต่ไหว้แล้วประนมมือก้มศีรษะเฉยอยู่ แต่ใจข้าพเจ้านั้นแน่วแน่เหมือนเข้าไปกราบท่านที่แทบเท้า แม้ว่าตัวจะไม่เคลื่อนไหวก็ดี[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ทันใดนั้นก็มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น กล่าวคือเมื่อท่านผ่านมาถึงข้าพเจ้า แทนที่ท่านจะผ่านเลยไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านใหญ่กลับหยุดยืนและลูบศีรษะ ข้าพเจ้าขนลุกซู่ทั้งตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ประสบกับสายตาที่จ้องมองข้าพเจ้าด้วยความเมตตาปรานี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ข้าพเจ้าอยากจะเดาว่ามันมีความหมายประหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]ว่า [/FONT][FONT=&quot]“ลูกเอ๋ย ถ้าหลวงพ่อไม่ช่วยเจ้าไว้ อาจไม่ได้มาทำบุญในเช้าวันนี้แน่”[/FONT][FONT=&quot] ท่านยิ้มกล่าวอะไรพึมพำเหมือนจะให้ศีลให้พรเป็นแน่ แล้วท่านก็เดินเลยไป ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทุกคนในที่นั้นต่างพากันพิศวงประหลาด แม้แต่เพื่อนของข้าพเจ้าเอง เพราะผู้คนในที่นั้น มากมายนับร้อยๆ ท่านมาหยุดยืนตรงหน้าและลูบศีรษะข้าพเจ้าคนเดียว[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เช้าวันนั้นเมื่อท่านให้ศีล[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าทำจิตใจบริสุทธิ์และรับศีล [/FONT][FONT=&quot]8 ด้วยจิตศรัทธา[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อถวายข้าวพระเสร็จไปแล้ว[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]พอถึงเวลากรวดน้ำ ข้าพเจ้าตั้งจิตแน่วแน่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วแผ่ส่วนกุศลอุทิศไปให้ฝูงปีศาจ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“ทุ่ง……………………”[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]โดยทั่วถึงกัน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ทันใดนั้น หูข้าพเจ้าก็แว่วไปเหมือนมีเสียงจำนวนหมื่นแซ่ซ้องร้องขึ้นพร้อมๆ กันว่า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]“สาธุ”[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] เสียงนั้นกึกก้องกัมปนาทจนข้าพเจ้าตกตะลึง เมื่อเหลียวมองก็เห็นว่าทุกคนอยู่ในความสงบ อดรนทนไม่ได้จึงกระซิบถามเพื่อนว่าเมื่อกี้ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า เพื่อนทั้งสองบอกว่าไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ซักไซ้ข้าพเจ้าเป็นการใหญ่ ซึ่งข้าพเจ้าต้องบ่ายเบี่ยงไปในทำนองว่า ข้าพเจ้าหูไม่ดี แว่วไปเอง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องทั้งปวงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงที่ได้ประสบมาเมื่อคืนวันปั้นข้าวคาถาพัน ทำให้ข้าพเจ้าฉงนสงสัยอยู่ตลอดมา พยายามขบคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สุดจึงต้องตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้ไปกราบเท้าถามท่านใหญ่ให้จงได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ฉะนั้น เมื่อออกพรรษาได้ไม่กี่วัน ข้าพเจ้าทนนิ่งไม่ไหว ข้าพเจ้าจึงไปที่กุฏิท่าน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]บนกุฏิขณะนั้นมีหญิงชายชาวทะวายอยู่หลายคน มีหญิงชราทะวายผู้หนึ่ง เป็นผู้คุ้นเคยกับมารดา และเอ็นดูข้าพเจ้าดี เมื่อข้าพเจ้าตรงเข้าไปกราบท่านแล้ว หญิงทะวายซึ่งข้าพเจ้าเรียกแกว่าป้า จึงถามความประสงค์ในการที่ข้าพเจ้ามาหาท่านใหญ่ ข้าพเจ้าได้โอกาสจึงเล่าความฝันผ่านหญิงชราผู้นั้นให้เป็นล่ามบอกท่านใหญ่ อยากทราบว่าเป็นความจริงเพียงไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ท่านใหญ่เรียกข้าพเจ้าเข้าไปนั่งใกล้ๆ ท่านยิ้มอย่างเมตตากรุณาแก้ข้าพเจ้าแล้วบอกผ่านหญิงทะวายคนนั้นว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]“สิ่งใดที่เราเชื่อก็เป็นความจริง ถ้าเราไม่เชื่อก็ไม่จริง[/FONT]
    [FONT=&quot]และสิ่งที่เราจะเชื่อ[/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot]ก็ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้เสียก่อน จึงควรจะเชื่อ[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]เป็นอันว่า ข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบที่ตรงเผงตามปัญหาที่ยังสงสัย เป็นแต่ท่านตอบมาให้คิดเอาเอง ซึ่งก็เป็นความจริง และเหตุผลที่ไม่มีข้อโต้แย้งได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่อะไรก็ช่างเถิดท่านที่เคารพ ข้าพเจ้าต้องประสบกับสิ่งประหลาดและมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าจึงตะลึงอ้าปากค้าง[/FONT][FONT=&quot]! เพราะขณะที่เหลือบไปที่ข้างฝากุฏิข้างหลังที่ท่านใหญ่นั่งนั่นเอง ก็เห็น [/FONT][FONT=&quot]“ดาบไม้”[/FONT][FONT=&quot] ช่างเหมือนกับเล่มที่ท่านให้ข้าพเจ้าไปปราบฝูงปีศาจเหน็บอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังมีแผ่นหนังซึ่งตัดเป็นรูปม้ามีอานและบังเหียนพร้อม ตัวขนาดเท่าหนังตะลุง ระบายสีงดงาม แล้วยังมีด้ายสายสิญจน์ขดเป็นวง เสียบอยู่ใกล้กับของ 2 สิ่ง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้าขนลุกซู่พูดอะไรไม่ออก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งเลื่อมใส ศรัทธา และมหัศจรรย์ใจ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]คาดไม่ถึงว่าในโลกนี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]จะมีสิ่งประหลากเร้นลับซึ่งไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ได้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ดังที่ข้าพเจ้าประสบมานี้อีกหรือ?[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]แม้กระทั่งทุกวันนี้ เหตุการณ์นั้นยังพ้นวิสัยที่ข้าพเจ้าจะขบคิดได้ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ขอท่านที่เคารพทั้งหลาย [/FONT][FONT=&quot]…[/FONT]
    [FONT=&quot]ได้โปรดใช้วิจารณญาณของท่านหาทางพิสูจน์เอาเองเถิด[/FONT][FONT=&quot]![/FONT]
    [FONT=&quot][​IMG]
    [/FONT]
     
  9. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]คนมีบาป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ท[/FONT][FONT=&quot]. เลียงพิบูลย์[/FONT]
    [FONT=&quot]
    เมื่อต้นสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖ ข้าพเจ้าได้รู้จักชายพิการหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวผู้หนึ่ง ใบหน้า เต็มไปด้วยริ้วรอยของแผลเป็น นัยน์ตาข้างหนึ่งแหกหลบลงต่ำกว่า อีกข้างหนึ่ง แขนซ้ายคอก ขาข้างหนึ่งลีบ ตามตัวเต็มไปด้วยแผล เป็น เห็นแล้วขยะแขยงน่าเกลียดและน่าสังเวช เวลาจะเดินต้องใช้ ไม้ยันรักแร้สองข้าง จะเดินแต่ละก้าวก็ต้องโยกตัว ไปด้วยความลำบาก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ตามปกติ แกชอบมานั่งที่ห้องแถวร้านปากซอย ติดถนน เจริญกรุงเสมอ ห้องแถวนี้หลังคามุงด้วยจาก เดิมมีผู้เช่าทำการค้า แต่ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ต่อจากนั้นก็ไม่มีผู้มาเช่าต้องทิ้งว่างร้าง จนหลังคาจากบางส่วนที่มุงผุพัง ไม่สามารถจะกันฝนได้ เจ้าของ ก็ไม่ยอมซ่อม เพราะคิดว่าซ่อมแล้วก็ไม่มีใครเช่า จะเป็นด้วย ตรงกันข้ามฟากถนนมีตรอกซอยเล็กๆ ตรงพอดีกับห้องแถวนี้ ชาวจีนที่ถือลางไม่กล้ามาเช่าอยู่หรือทำการค้า เพราะพากันเข้าใจว่า ไม่เป็นมงคลและไม่ให้ความเจริญกับผู้เช่าอยู่ ทั้งๆ ผู้เช่าเดิม ก็เป็นจีนได้แขวนรูปหัวสิงห์คาบกั้นหยั่นจีน ทำด้วยไม้ทาสีตัดขอบ เป็นแปดมุมแขวนไว้หน้าห้องแถวให้ตรงกับปากตรอก ใช้เป็น เครื่องลางป้องกันอัปมงคล เพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุข แต่ก็ต้องย้ายไป เมื่อย้ายก็ไม่ได้แกะรูปหัวสิงห์ไปด้วย เห็นจะเป็นเหตุนี้เองจึงไม่มีใคร กล้ามาเช่า จึงต้องร้าง ต่อมาหน้าห้องแถวหลังนี้ยกพื้นเป็นม้าสูง สำหรับตั้งขวดโหลวางขายของ และยังมีลังไม้เก่าๆ ที่แข็งแรง พอที่จะนั่งเล่นได้อย่างสบายอีกใบหนึ่ง ผู้เช่าเดิมทิ้งไว้ คงตั้งใจทิ้งไว้ ให้ผู้เดินทางเป็นที่นั่งพักแดดพักฝนก็ได้[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ชายพิการอัปลักษณ์ผู้นี้ได้มาอาศัยนั่งที่ห้องแถวร้านนี้ตาม เคย แกนั่งดูคนสัญจรไปมา จนถึงเวลาเย็นแกก็กลับไปวัด ซึ่งเป็น ที่พักอาศัย ชายผู้นี้ข้าพเจ้าเรียกแกว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]"ลุงตาล"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เด็กๆ แถวนั้นชอบ เรียกแกว่า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]"ตาตาลผีดิบ"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เพราะรูปร่างแกเหมือนครึ่งผีครึ่งคน มีเด็กแก่นๆ ชอบล้อเลียนเอาก้อนดินขว้างปาแกเล่นเป็นการสนุก ทำให้ลุงตาลมีอารมณ์ขุ่นเคืองและโกรธแค้น บางครั้งแกก็ใช้คำพูด ที่ไม่สุภาพกับเด็กๆ เหล่านั้นไปบ้าง เพื่อคลายอารมณ์โกรธ เห็นแล้ว ก็อดสงสารแกไม่ได้ ข้าพเจ้าพยายามทำความสนิทสนมกับเด็ก เหล่านั้น แล้วก็ขอร้องให้เลิกการล้อเลียนขว้างปาลุงตาล และชี้ ให้เห็นเคราะห์กรรมที่แกได้รับอยู่นี้ มันก็หนักหนามากอยู่แล้ว อย่าไป ซ้ำเติมแกเลย เท่าที่ร่างกายแกพิกลพิการน่าเกลียด ต้องใช้ไม้ยัน เวลาเดิน บ้านช่องไม่มีจะอยู่ ต้องอาศัยศาลาวัด อาศัยข้าวพระ เลี้ยงท้องเพื่อยังชีวิต การที่พวกเราล้อเลียนแกมาก บางครั้งทำให้แก น้ำตาตก และเราก็ขว้างปาแกเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น โดยที่แก ไม่มีความผิด ไม่มีทางจะหลบหรือต่อสู้เลยเพราะแขนขาพิการ บาปกรรมอันนี้มันจะตามมาทันเรา เราอาจจะต้องเป็นอย่างแกบ้าง ถ้าแขนขาเราพิการเดินก็ลำบาก วิ่งก็ไม่ได้ เมื่อมีคนขว้างปาเราบ้าง จะทำอย่างไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    คำขอร้องของข้าพเจ้าที่ประกอบไปด้วยเหตุผลนั้นได้ผล สำหรับเด็กหัวอ่อน ที่เห็นจริงพลอยเห็นใจและสงสารไปด้วย แต่เด็ก หัวแข็งและดื้อด้านบางคนก็ไม่ยอมเชื่อ กลับหัวเราะเยาะความคิด ของข้าพเจ้า แต่กระนั้นการล้อเลียนขว้างปาก็สงบลงไปมาก ทำให้ ลุงตาลมีอารมณ์ดีขึ้น สายตาของแกที่มองข้าพเจ้านั้นดูเป็นมิตร และรู้คุณ ความสนิทสนมของข้าพเจ้ากับลุงตาลก็เพิ่มมากขึ้น เป็นลำดับ ที่จริงก่อนนี้ข้าพเจ้าเห็นลุงตาลก็เพียงแต่รู้สึกสมเพช แกเท่านั้น ไม่คิดว่าจะไปสนิทสนมด้วย ต่อมามีผู้ใหญ่บางคน บอกข้าพเจ้าว่า ลุงตาลคนนี้เดิมก่อนพิการนั้น แกเคยมั่งมีและมีชื่อ เสียงมาก่อน พอแกพิการฐานะของแกก็กลับหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่มีใครรู้เบื้องหลังชีวิตอันแท้จริงของแกเลย เหตุนี้เองทำให้ ข้าพเจ้าเพิ่มความสนใจในตัวแกขึ้นมา เพราะความอยากรู้ คิดว่า ต้องมีเรื่องน่ารู้น่าศึกษามาก ข้าพเจ้าจึงพยายามให้ความสนิทสนม กับแก ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าสนิทสนมกับแกมาก่อนเลย เพราะ หน้าตาแกน่าเกลียดน่ากลัว[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อได้สนทนาปราศรัยใกล้ชิดกันแล้ว ข้าพเจ้าจึงรู้สึกว่า ลุงตาลเป็นคนมีความรู้ดีคนหนึ่งในสมัยนั้น ในเรื่องหนังสือไทย และยังอ่านหนังสือขอมได้ไม่แพ้หนังสือไทยอีกด้วย นอกจากนั้น ก็สามารถแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอนได้ดี แกเคยแหล่เทศน์ให้ข้าพเจ้า ฟังปากเปล่าเสมอ และที่ข้าพเจ้าชอบมากก็คือ แหล่เรื่องเรือรบ ฝรั่งเศสบุกเข้ามาทางเมืองสมุทรปราการ และเกิดต่อสู้กับทหารไทย ที่รักษาป้อม ทางด้านความรู้ทางประวัติศาสตร์ก็มีความรู้อย่างดี แกเล่าเรื่องกรุงศรีอยุธยาถล่ม ถูกพม่าเผาเมือง และเรื่องพระเจ้าตากสิน สู้รบพม่ากู้ชาติ จนถึงตอนที่มีพระสติฟั่นเฟือนและถูกสำเร็จโทษ ลุงตาลเล่าได้คล่องแคล่วและถูกต้อง บางครั้งข้าพเจ้าติดขัดในวิชาที่ เรียนเคยไปถามลุงตาล แกก็อธิบายให้ความเห็นและเหตุผลอย่าง น่าฟัง เช่นครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยถามแกว่า ก่อนนี้ที่พวกเรานิยมเรียน หนังสือขอมนั้นเพราะเหตุใด หนังสือไทยเราก็มีอยู่แล้ว และเป็น หนังสือที่เรียนง่ายเป็นหนังสือประจำชาติอีกด้วย ลุงตาลยิ้มนิ่งคิด อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ให้ความเห็นว่า[/FONT]
     
  10. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] "ลุงคิดว่า เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าตีแตกและเข้าเมือง ได้นั้น ได้เผาตำรับตำราเก่าแก่จนแทบไม่มีอะไรเหลือ จะมีบ้าง ก็เป็นเมืองที่พม่าไม่ได้ผ่าน ซึ่งเป็นส่วนน้อยเหลือเกิน ฉะนั้นเมื่อมา สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นใหม่ จำเป็นจะต้องหาตำรับตำรา เมื่อครั้ง เสียกรุงศรีอยุธยา จะไปหาที่ไหนก็คงไม่ได้เหมือนตำราหนังสือขอม หรือประเทศเขมรเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งเมื่อครั้งก่อนเราเคยแลกเปลี่ยน วิชาความรู้ซึ่งกันและกันเสมอ ตำราต่างๆ ของไทยที่แปลเป็นภาษา ขอมก็มาก ฉะนั้นเมื่อของเราถูกเผา ก็จำเป็นต้องไปขอลอกมา จากขอม มาแปลเป็นไทยอีกครั้งหนึ่ง ตำราที่เอามาจากเขมรนั้นเป็น ตำราหนังสือขอมมีมากมาย แต่คนที่รู้หนังสือขอมมีเพียงไม่กี่คน ฉะนั้นเราจึงต้องเรียนหนังสือขอม ซึ่งเรียนไม่ค่อยยากเพราะมันคล้าย หนังสือไทย"[/FONT][FONT=&quot] ฉะนั้นคนไทยจึงอ่านหนังสือขอมออกเป็นภาษาไทย เข้าใจกันดี แต่พูดภาษาเขมรไม่ได้ เพราะไม่ได้อ่านภาษาเขมร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าได้รับความรู้เพิ่มขึ้นจากลุงตาลมิใช่น้อย ทำให้ ข้าพเจ้าเพิ่มความเคารพนับถือในวิชาความรู้ของชายพิการผู้นี้ยิ่งขึ้น แต่นั้นมาข้าพเจ้ากับลุงตาลก็สนิทสนมกันยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าไม่มีความ รังเกียจว่า ลุงตาลจะมีร่างกายพิกลพิการอย่างใด เพื่อนบางคน หัวเราะเยาะและบอกว่า คุยกับคนบ้าอย่างลุงตาลจะได้ประโยชน์ อะไร ข้าพเจ้าพยายามอธิบายให้เขาฟังว่า ลุงตาลไม่ใช่คนบ้า แกเป็นคนมีความรู้ดีอย่างจะหาคนรุ่นเดียวกันในละแวกบ้านนี้ เหมือนแกยาก แต่ข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้มาสนิท สนมกับลุงตาล ข้าพเจ้าก็คงคิดเหมือนคนอื่นว่า ลุงตาลคนพิการนี้ คงไม่มีความรู้ความสามารถอะไร แม้ว่าลุงตาลจะพิการถึงเพียงนี้ แกก็ยังทะนงตัวไม่ขอทานใคร ซึ่งตามธรรมดาคนพิการที่มีสภาพ เช่นนี้แล้ว ไม่มีปัญญาจะทำงานอะไรนอกจากขอทาน แม้หน้าตา แกจะเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัว แต่แกก็พยายามแต่งกายให้สะอาด เท่าที่คนพิการอย่างแกสามารถจะทำได้ ลุงตาลมีรายได้จากการ รับจ้างจารหนังสือ โดยใช้เหล็กปลายแหลมขีดไปบนใบลาน ใช้เวลา ทำงานในเวลากลางคืน ถึงแขนจะคอกไปข้างหนึ่ง แต่ตัวหนังสือ ที่แกจารออกมานั้นสวย และเรียบร้อยสม่ำเสมอกันราวกับอักษร ที่พิมพ์ออกมาจากแท่นพิมพ์ แกรับจ้างจารทั้งหนังสือไทยและขอม ชาวบ้านและพระสงฆ์ต่างนิยมในฝีมือแกมาก บ้างก็ให้ลอกตำรา บ้างก็เอาตำราขอมมาแปลเป็นไทย บ้างก็ให้ลอกแหล่เทศน์ สุดแต่ ใครจะจ้าง แกรับทั้งนั้น ค่าจ้างผูกหนึ่งหรือมัดหนึ่งก็ไม่แพงด้วย งานนี้ทำให้ลุงตาลพอจะมีเงินใช้จ่ายซื้อหมากพลูไปวันหนึ่งๆ โดย ไม่ต้องพึ่งพระเสียทุกอย่าง[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าเคยบอกแกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot] "ถ้าลุงจะไปรับจ้างสอนหนังสือเด็กตามบ้านหรือทำอะไรๆ เกี่ยวกับหนังสือ คงจะมีคนต้องการและลุงก็คงให้ความรู้แก่ศิษย์ได้ดี" [/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT]

    [FONT=&quot] แกตอบข้าพเจ้าว่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลานเอ๋ย ลุงเป็นคนมีกรรม แม้แต่ลุงจารหนังสือก็ เพียงได้เงินมาพอซื้อหมากพลูเท่านั้น ถ้าทำเกินกว่านั้นมันก็ให้มีอัน เป็นไปทุกคราว มือไม้สั่นบ้างละ ปวดหัวมัวตามองไม่เห็นบ้าง นี่เป็นกรรมอันหนึ่งซึ่งลุงรู้ตัว หลานจะให้ลุงไปสอนหนังสือตามบ้าน ใครที่ไหนเขาจะจ้างลุง แล้วเด็กที่ไหนจะยอมเรียน ยอมเป็น ลูกศิษย์ของลุง ร่างกายไม่สมประกอบอย่างนี้ ขึ้นบ้านใคร เจ้าของบ้านก็ถือว่าเป็นอัปมงคล"[/FONT][FONT=&quot] แกพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ ข้าพเจ้า เห็นจริงกับแกเลยหยุดพูดเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้แกต้องสะเทือนใจ อีกต่อไป[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] วันหนึ่งหลังจากผ่านพ้นวันออกพรรษามาไม่กี่วัน ข้าพเจ้า ได้ไปสนทนากับลุงตาลที่ห้องแถวร้างตามเคย บังเอิญวันนั้น มีกฐินพระราชทานเป็นขบวนรถม้าผ่านมา ท่านเจ้าของกฐินหรือผู้ที่ ได้รับพระราชทาน ซึ่งเป็นข้าราชการหรือขุนนางเจ้ากระทรวงได้นำ ขบวนมาด้วย มีเครื่องอัฐบริขารสงฆ์แต่เพียงน้อย กระบวนเป็น รถม้าคู่ดูสง่างามน่าดู ไม่มีการแห่แหนอึกทึกเหมือนกฐินชาวบ้าน หรือกฐินเรี่ยไร[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ตั้งแต่รู้จักสนิทสนมกันมาข้าพเจ้าเพิ่งเห็นลุงตาลตื่นเต้นมาก ในวันนั้นเอง แกจ้องดูข้าราชการผู้นำขบวนจนกระบวนผ่านไป จนหมด ส่วนข้าราชการผู้นั้นหันมามองเพียงแวบเดียว แต่เมื่อ เห็นร่างกายลุงตาลเข้าก็รีบเบือนหน้าไปทางอื่น ข้าพเจ้าเห็นลุงตาล น้ำตาไหล คิดว่าแกคงน้อยใจในวาสนาตัวเอง เมื่อเทียบกับ ข้าราชการผู้นั้น แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแกพึมพำกับตัวเองว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "พี่ใหญ่ซึ่งทำแต่คุณงามความดี ชาตินี่เราคงไม่มีโอกาส พบกันอีกแล้ว อ้ายตาลเป็นคนมีบาป เพราะทำแต่กรรมชั่วอันเลวร้าย" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าจึงถามแกว่า
    "[/FONT]
    [FONT=&quot]ลุงจ้องดูข้าราชการคนนั้นแล้วร้องไห้ทำไมจ๊ะ[/FONT][FONT=&quot]? ท่านเป็นพี่ ของลุงหรือ?" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    แกไม่ได้ตอบข้าพเจ้าในทันที เพราะมัวหยิบชายผ้าขาวม้า ที่คาดเอวไว้ขึ้นมาเช็ดน้ำตาจนแห้ง แล้วก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ ปนสะอื้นว่า[/FONT]
     
  11. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] "ท่านข้าราชการคนนั้นกับลุง เคยเป็นเพื่อนรักกันมาแต่ก่อน" [/FONT][FONT=&quot]เสียงของแกต่ำและเบากว่าธรรมดา [/FONT][FONT=&quot]"ลุงเรียกตามทุกๆ คนที่พากัน เรียกว่าพี่ใหญ่ เราเคยเรียนหนังสือร่วมสำนักอาจารย์เดียวกัน"[/FONT][FONT=&quot] แก หยุดเว้นระยะนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า[/FONT][FONT=&quot] "ที่ลุงร้องไห้นั้น เพราะลุง เห็นท่านผู้นั้นแล้วอดหวนระลึกถึงพระภิกษุผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งได้ ถ่ายทอดความรู้ให้เป็นวิทยาทาน ท่านเป็นผู้ทรงศีลที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง จิตใจของท่านเต็มไปด้วยความเมตตากรุณา สมกับท่านได้สละแล้ว ทุกสิ่งทางโลก บรรดาศิษย์ของท่านมีทั้งบุตรขุนนาง บุตรเศรษฐี บุตรคนยากจนเข็ญใจ ท่านมิได้มีใจลำเอียงต่อศิษย์ผู้ใดเลย ได้ ถ่ายทอดวิชาให้เหมือนกันหมด สุดแต่ว่าใครจะมีความขยันหมั่นเพียร และสติปัญญารับไปได้แค่ไหน ท่านไม่เคยเรียกร้องสิ่งตอบแทนเลย หากมีผู้ศรัทธานำปัจจัยไปถวายท่าน ท่านก็นำไปบำรุงวัดและ พระศาสนา กับศิษย์ที่ยากจนไม่สามารถหาเครื่องเรียนได้ ท่านก็ ช่วยหาเท่าที่ปัจจัยเขาถวาย ท่านไม่เคยนำไปทำประโยชน์ส่วนตัว ทุกวันโกนท่านอบรมให้โอวาทแก่ศิษย์ให้มีศีลธรรม มีจิตใจเมตตา กรุณา ละอายต่อการทำบาปและให้ศิษย์ทุกคนถือศีล ๕ เป็นประจำ ตลอดไป เพื่อความเจริญเป็นมงคลต่อตัวเอง ในเวลานั้นลุงไม่เคย เอาใจใส่ในโอวาทของท่านเลย ยังนึกติท่านว่าไม่ควรเอาเรื่องศีลธรรม มาสอนแกพวกเด็กๆ รุ่นหนุ่มเสียอีก และไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ และควรเป็นเรื่องของคนเฒ่าคนแก่ ลุงคิดว่าเมื่อแก่เฒ่าเข้าวัดวา คงจะรู้ไปเอง เพราะฉะนั้นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาและศีลธรรมจึง ไม่เคยซึมซาบไปถึงจิตใจของลุง เห็นเขาใส่บาตรก็ใส่บ้าง เห็นเขา ไหว้พระก็ไหว้บ้าง รู้แต่ว่าได้บุญ ไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น ประเพณี ทำมาอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น ฉะนั้นเมื่อถึงวันโกนซึ่งเป็นวันอบรม ให้โอวาท ลุงจึงหาโอกาส คอยหลบเลี่ยงหนีกลับบ้านหรือไปเที่ยวเสีย ครั้นถึงวันพระซึ่งเป็นวันหยุดเรียนเพื่อให้ศิษย์ได้ฟังเทศน์ ลุงก็ ไม่เคยไป"[/FONT][FONT=&quot] แกหยุดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "นี่แหละหลานเอ๋ย ที่ลุงน้อยใจและเสียใจมาจนบัดนี้ว่า ลุงมันโง่เซ่อ ไม่รู้ซึ้งถึงรสพระธรรมเพราะคิดผิด" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]ข้าพเจ้านิ่งฟังแกด้วยความเห็นใจ เมื่อเห็นแกหยุดนิ่งไป ข้าพเจ้าจึงถามขึ้นว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"ท่านข้าราชการคนนั้นคงจะเรียนเก่งมากนะลุง"[/FONT][FONT=&quot] แกถอนใจ แล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เมื่อพูดถึงการเล่าเรียนแล้ว พูดไปก็เหมือนกับยกตัวเอง แต่ ก็เป็นความจริง ลุงเป็นเยี่ยมในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน ถ้าพูดถึงทาง ศาสนาและศีลธรรมแล้ว ท่านผู้นั้นเป็นเยี่ยมกว่าศิษย์อื่นๆ ท่านปฏิบัติ และจดจำคำสั่งสอนของพระผู้เป็นอาจารย์ และถือศีล ๕ อยู่เป็น ประจำ ท่านเป็นคนดี มีเมตตาจิต รักเพื่อนรักฝูงช่วยเหลือเพื่อน ที่ตกทุกข์ได้ยากที่เข้าไปหา มีความกตัญญูกตเวทีต่ออาจารย์อย่าง น่าสรรเสริญ บัดนี้ลุงรู้แล้วว่า วิชาความรู้นั้นต้องควบคู่ไปกับศีลธรรม เมื่อก่อนลุงเคยทะนงตัวว่าเป็นผู้มีความจัดเจนทั้งหนังสือไทยและขอม แต่แล้วจิตใจชั่วมันก็เข้ามาแทรกแซง เพราะว่าลุงไม่มีศีลธรรม เป็นหลักที่จะเตือนให้เกรงกลัวละอายต่อบาป ตกที่นั่งคำโบราณ ที่ว่า [/FONT]

    [FONT=&quot]"ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" [/FONT][FONT=&quot]แกพูดแล้วน้ำตาซึมออกมา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นคนแก่ร้องไห้มาก่อน วันนี้ได้เห็น ถึง ๒ ครั้ง ทำให้จิตใจพลอยสลดหดหู่ไปด้วย น้ำตาก็พาลไหลออก มาด้วยความสงสาร ข้าพเจ้าจึงบอกแกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ถ้าลุงจะไปหาท่านข้าราชการคนนั้น แล้วแสดงตัวชี้แจง ให้ท่านทราบว่า ลุงคือใคร ได้รับเคราะห์กรรมอย่างไรจึงพิการอย่างนี้ หลานเชื่อว่า ถ้าท่านเป็นคนดีจริงคงให้ความเมตตาบ้างไม่มากก็น้อย" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงตาลสั่นศรีษะช้าๆ อย่างอ่อนใจแล้วพูดว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "โบราณว่า มีเงินเขาก็นับว่าเป็นน้อง มีทองเขาก็นับว่าเป็นพี่ เดี๋ยวนี้ลุงไม่มีอะไรเหลือแล้ว ต้องอาศัยวัดเป็นที่นอน อาศัยข้าวพระ เลี้ยงชีวิต ทุกๆสิ่งลุงได้สูญสิ้นไปหมด มันสมควรแล้วที่ลุงได้รับ เคราะห์กรรมที่ลุงก่อมันขึ้นมาเองจนพิการอย่างนี้ ไม่มีใครจำลุงได้ แม้เพื่อนสนิท ถ้าหากลุงไปแสดงตัวและขอความช่วยเหลือจาก ท่านผู้นั้น ลุงเชื่อว่า ท่านต้องช่วยเหลือเพราะน้ำใจท่านนั้นประเสริฐ สุดจริง แต่ลุงรู้ตัวดีว่า ลุงเป็นคนเลว เป็นคนผิด เป็นคนมีบาปติดตัว ลุงจะไม่ยอมเห็นแก่ตัว ไม่ยอมให้ใครต้องมาเดือดร้อน เพราะลุง เป็นต้นเหตุอีกเป็นอันขาด ลุงจะไม่ยอมให้ใครรู้ว่าลุงเป็นเพื่อน กับท่านผู้นั้น และจะไม่ยอมให้ท่านผู้นั้นรู้ว่าลุงเป็นใคร ท่านผู้นั้น เปรียบเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ไม่มีจุดด่างดำ ลุงเหมือนผ้าที่สกปรก ไปด้วยสิ่งโสโครก แม้เข้าไปใกล้ผ้าขาว ก็จะทำให้ผ้าขาวนั้นต้อง มัวหมองไปด้วย ศิษย์ทุกคนของอาจารย์ล้วนแต่ประกอบกรรมดีกัน ทั้งสิ้น เขาเหล่านั้นจึงเจริญและพบแต่ความสุข ส่วนลุงสิ ลุงคนเดียวที่ทำให้อาจารย์ ผิดหวัง เพราะลุงประกอบแต่กรรมชั่ว ความพิการได้เปลี่ยนแปลงรูปเดิมของลุงหมด แต่เป็นการดีจะ ไม่มีใครจำลุงได้ ลุงจะไม่ยอมให้คนดีๆ อย่างนี้ต้องมัวหมอง ขึ้นชื่อ ว่ามีเพื่อนที่ใจต่ำช้าเลวทรามอย่างลุง ท่านผู้นี้ผิดกับลุงเหมือนฟ้า กับดิน ท่านเหมือนอยู่ในสวรรค์ แต่ลุงสร้างแต่ความชั่ว ได้รับผล สนองจนต้องทนทุกข์ทรมานเหมือนอยู่ในนรก แม้ว่าลุงจะยังมีชีวิต อยู่ในโลก ระหว่างท่านกับลุงก็เหมือนตายจากกันแล้วในชาตินี้ ไม่มีโอกาสพบและเป็นเพื่อนกันอีก" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  12. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] วันนั้นข้าพเจ้าสนทนากับลุงตาลด้วยความสลดใจ และเป็น วันที่ลุงตาลต้องสะเทือนใจที่สุด นับแต่ข้าพเจ้าได้รู้จักกับแกมา ข้าพเจ้าพยายามปลอบโยนแกตามที่เด็กอย่างข้าพเจ้าจะทำได้ ข้าพเจ้า ออกความเห็นว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ลุงน่าจะไปหาพระภิกษุซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของลุง บางที ท่านอาจจะแนะนำทางที่เป็นมงคลให้ลุงได้บ้าง" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าพูดแล้วก็มองดูหน้าแก หน้าที่เศร้าสลดอยู่แล้วยิ่ง มองดูเศร้าน่าสมเพชยิ่งขึ้น น้ำตาไหลพราก แกพูดออกมาด้วยเสียง อันสั่นเครือ[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] "ท่านอาจารย์ได้มรณภาพไปแล้ว และท่านข้าราชการผู้นั้น เป็นเจ้าภาพจัดงานฌาปนกิจศพท่านอย่างสมเกียรติ ทุกคนที่เป็น ศิษย์และผู้ที่คุ้นเคยต่างก็เศร้าโศกเสียดายในการมรณภาพของท่าน แม้ว่าตัวของท่านจะจากไป แต่ความดีของท่านยังฝังแน่นอยู่ในจิตใจ ของศิษย์ทุกคนไม่รู้ลืม"[/FONT][FONT=&quot] แกหันมามองข้าพเจ้าแวบหนึ่งแล้วจึงพูดต่อ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    "หลานจำไว้นะ ถ้าเติบโตไปภายหน้า แม้จะมีวิชาความรู้ เพียงใด ก็ขอให้จิตใจมีศีลธรรม เกรงกลัวบาปกรรม รู้จักเห็นอก เห็นใจเพื่อนมนุษย์กันบ้าง จงมีความเมตตากรุณาและข้อสำคัญคือ ถือศีล ๕ ไว้ให้ดี หลานจะมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป เหมือน กับที่อาจารย์เคยสอนลุงไว้แล้วในอดีต แต่ลุงไม่เคยเอาใจใส่เอง คนที่เชื่อฟังเอาใจใส่ก็ได้ดิบได้ดีไปหมด หลานเอ๋ย การสร้างความดี นั้นกว่าจะเห็นผลมันกินเวลานานนัก แต่การทำชั่วเพียงครั้ง เดียว มันก็สามารถลบล้างความดีที่อุตส่าห์ทำมาเป็นสิบๆปีได้ เปรียบ เหมือนการสร้างโบสถ์สร้างวัด จะต้องใช้เวลาอดทนขนหินขนปูน ใช้เวลาแรมปีกว่าจะสำเร็จงดงามขึ้นมาได้ แต่การทำลายลงให้พินาศ นั้นใช้เวลาไม่นานนัก ก็จะทำลายได้" [/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้ารับคำแก รู้สึกสงสารและเห็นใจแกมาก เพราะแม้ว่า แกจะเป็นอะไรก็ตาม แกก็ยังให้คติธรรมที่น่าฟังแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า อยากทราบเรื่องราวหนหลังของแก จึงตัดสินใจขอร้องแกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    "[/FONT]
    [FONT=&quot]ลุงจ๋า หลานอยากรู้เรื่องในอดีตของลุง ถ้าลุงไม่รังเกียจว่า เป็นการรบกวนลุง"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าเห็นแกนิ่งเงียบไป ข้าพเจ้าก็ไม่สบายใจคิดว่า แกคงโกรธและไม่อยากเปิดเผยชีวิตของแกก็เป็นได้ ยิ่งเห็นแก นั่งนิ่งนานเท่าใด ข้าพเจ้าก็ไม่สบายใจเท่านั้น แต่แล้วแกก็หยิบ กล่องบุหรี่ซึ่งแนบอยู่ที่เอวมาเปิด หยิบเอายาตั้งกับใบจากมามวนเป็น บุหรี่ แล้วก็ยกขึ้นจุดสูบอย่างช้าๆ ท่าทางครุ่นคิดสายตาเหม่อมอง ออกไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย แกอัดควันบุหรี่แล้วพ่นออกมา สองสามครั้ง พอไฟลามบุหรี่ใบจากไปครึ่งมวน แกก็ขว้างทิ้ง หันมา ทางข้าพเจ้าแล้วพูดขึ้นช้าๆ เต็มไปด้วยความตรึกตรองว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ลุงตกลงใจแล้วว่า จะเปิดเผยเรื่องราวชีวิตแต่หนหลัง ให้หลานทราบ แต่หลานต้องให้สัญญากับลุงก่อนที่จะทราบเรื่องราว ของลุง" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้าดีใจมากที่แกจะเล่าเรื่องให้ฟัง เพราะข้าพเจ้า รอคอยมานานด้วยความอยากรู้ จึงรีบรับปากแกทันที[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลานจงจำไว้ว่า เรื่องราวต่างๆที่ได้ฟังเวลานี้ก็ดีและใน โอกาสต่อไปที่ลุงจะเปิดเผยให้ฟังก็ดี เมื่อหลานทราบแล้ว ต้องไม่เอา ไปเล่าให้ใครฟังอีกเป็นอันขาด ในเมื่อเวลาที่ลุงยังมีชีวิตอยู่ หากลุงหาชีวิตไม่แล้ว หลานจะนำไปเล่าให้ใครฟังก็ได้ นับว่าหมด ข้อผูกพันตามที่ตกลงกันไว้ หลานจะรับคำสัญญาได้ไหม?" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้ารีบตกลงทันที แล้วบอกแกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลานขอรับรองจะรักษาความลับของลุงไว้ตลอดเวลาที่ลุง ยังอยู่"[/FONT][FONT=&quot] ข้าพเจ้าสังเกตเห็น หน้าของลุงตาลค่อยแจ่มใสขึ้นบ้าง แกถอนหายใจแล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ลุงรู้ตัวดีว่า ลุงได้ทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัยเลย สมแล้วที่ ได้รับกรรมเช่นนี้ ลุงยินดีรับกรรมต่อไป แม้ว่าการเปิดเผยเรื่องราว ของลุงจะทำให้ได้รับการสาปแช่งเพียงไร ก็ไม่สมกับความผิดที่ลุง ก่อขึ้น" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ข้าพเจ้ายิ่งกระหายอยากทราบเรื่องราวของแกมากขึ้น รีบขอร้องให้แกเล่าให้ฟังโดยเร็ว แกจึงบอกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เรื่องลุงนั้นมันยืดยาว ถ้าจะให้ละเอียดต้องกินเวลานาน เพราะจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ลุงอยากจะบันทึกไว้เป็น หนังสือ ข้อความที่บันทึกนี้ถ้าหลานข้องใจตอนใดก็ถามได้ ลุงได้ ตั้งใจแน่แล้วว่าจะเล่าให้หลานฟังหมด" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  13. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ข้าพเจ้ายินดีมาก รีบบอกแกว่าจะหากระดาษและดินสอมาให้ แต่ลุงตาลปฏิเสธว่า กระดาษดินสอนั้นแกไม่ได้เขียนมานานแล้ว ตั้งแต่แขนพิการ จะเริ่มเขียนใหม่ก็คงไม่สะดวกเหมือนจารหนังสือ ลงใบลานซึ่งแกชำนาญ และขอให้ข้าพเจ้าหาใบลานที่เขาทำไว้ เป็นผูกๆ อย่างคัมภีร์พระเทศน์มาให้แก ต่อมาข้าพเจ้าหามาให้ ตามความประสงค์ของแก ไม่นานนักลุงตาลก็เริ่มเรื่องราวของแก เสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นแกบอกกับข้าพเจ้าว่าแกประหลาดใจ ว่าเหตุใดแกจารประวัติชีวิตของแกเองคราวนี้ จึงไม่ปวดหัวมัวตา มือไม้สั่น เหมือนกับที่เรารับจ้างจารใบลานให้คนอื่น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ต่อไปนี้เป็นประวัติของลุงตาลที่ได้บันทึกไว้บนใบลาน ซึ่งข้าพเจ้าได้เรียบเรียงเพื่อให้เข้าใจง่าย และเปลี่ยนแปลงคำพูดเพื่อ ให้เหมาะสมกับกาลเวลาและสมัย แต่เนื้อเรื่องหลักใหญ่ใจความ ยังคงเดิมทุกประการ[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธ เจ้าหลวง) ทรงเสวยราชสมบัติได้ประมาณ ๒๓ ปี ลุงก็ยังเด็ก ได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาเพียงผู้เดียว บิดาของลุงเสียชีวิตก่อนที่ อายุของลุงจะถึงขวบ เมื่อบิดาของลุงสิ้นชีวิตลงนั้น ไม่ได้เหลือ ทรัพย์สมบัติไว้ให้มากนัก เพราะครอบครัวของลุงก็ไม่ใช่จะร่ำรวย เพียงพอมีพอกินเหมือนชาวบ้านทั้งหลาย ทั้งมารดาของลุงและลุง ต้องได้รับความลำบากมาก เราต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อนของแม่ใน สวนใกล้ติดถนนใหญ่ เวลานั้นถนนเจริญกรุงบางแห่ง ข้างทางยัง เป็นสวนและป่า แม่ต้องทำงานโดยการสานกระบุง ตะกร้า กระจาดขาย ถึงหน้าผลไม้ก็รับจ้างสานชะลอมใส่ผลไม้ตามแต่ชาวสวนจะว่าจ้าง เพื่อนำเงินที่หามาได้มาเลี้ยงดูลูกคนเดียวคือลุง แม่คิดการณ์ไกล ไม่อยากให้ลูกลำบากหากินโดยต้องใช้กำลังอย่างชาวบ้านทั่วๆไป ในสมัยนั้น มีขึ้นหมากขึ้นมะพร้าว ขุดดินท้องร่องสวน ทำนา เป็นงานที่ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำเพื่อเลี้ยงชีพ คืออยากให้ลุงรู้หนังสือ คนที่รู้หนังสือในสมัยนั้นน้อยคน ยิ่งเป็นผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา ยิ่งหาไม่พบคนรู้หนังสือ มักเป็นขุนนางและทำงานเบา แม่ของลุง จึงพยายามหาทางให้ลุงมีความรู้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันแรกที่แม่พาลุงไปฝากเรียนหนังสือกับอาจารย์นั้น เป็นวันครู และเป็นวันข้างขึ้น แม่บอกโบราณว่า "เรียนอะไรเรียนให้รู้เป็นครูเขา" แม่จึงเลือกวันพฤหัสซึ่งเป็นวันครู เลือกวันข้างขึ้นเพื่อให้ชีวิต จะได้แจ่มใส ลุงจำได้ว่า ก่อนรุ่งขึ้นจะถึงวันพฤหัส ลุงตื่นเต้นที่จะ ได้ไปเรียนหนังสือ ลุงตื่นแต่เช้าเพราะนอนไม่ค่อยหลับ เห็นแม่ กำลังหุงข้าวเพื่อใส่บาตร แม้ว่าเราจะยากจนเพียงไร แต่แม่ไม่เคยเว้น แม่ใส่บาตรเช้าเป็นประจำวันละ ๑ องค์ แม่บอกว่าเป็นน้ำพักน้ำ แรง ของแม่จะได้อุทิศส่วนกุศลให้พ่อและตากับยาย เมื่อแม่อาบน้ำ ให้ลุง ทาแป้งทาขมิ้นเกล้าจุกให้เรียบร้อย ก่อนจะพาไปหาอาจารย์ แม่ไม่ได้หาดอกไม้ธูปเทียนให้ลุงไปบูชาครู พอแต่งตัวกินข้าวเสร็จ เรียบร้อยแม่ก็พาออกเดินทางสู่ถนนใหญ่ แล้วเดินต่อไปอีกเป็นเวลา นาน กว่าจะถึงที่หมาย เมื่อเข้าเขตวัดเดินผ่านลานทรายก็พบต้นพิกุล เป็นจำนวนมากเรียงรายอยู่ข้างลาน ดอกตกเกลื่อนอยู่ใต้ต้น ส่ง กลิ่นหอมเมื่อเราเดินผ่าน ลุงยังไม่เคยเข้าวัดนี้มาก่อน จึงดูแปลกตา เดินเหลียวหน้ามองหลัง แม่มาเห็นเข้าก็จูงมือเดินให้เร็วเข้า แต่ลุง ถ่วงให้ช้าลง เพราะชักจะกลัวอาจารย์เมื่อใกล้ถึงวัด ลุงมองดูใต้ถุน กุฏิพระสูงโปร่ง เห็นโลงศพเปล่าเก่าๆ ๒-๓ ใบวางอยู่ใต้นั้น ระเกะระกะ ลุงรีบเดินตามแม่ติดหลังขึ้นกระไดกุฏิใหญ่หลังหนึ่ง เมื่อขึ้นไปก็เห็นเป็นทางเดินยาว สองข้างทางเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ แม่จูงลุงเดินผ่านไปจนถึงหอมีกลองใหญ่แขวนอยู่ ๑ ใบ ถัดไปเป็น ห้องกว้างใหญ่มีฝา รู้ภายหลังว่าเป็นหอฉัน ที่หอฉันนี้มีเด็กหลายคน นั่งพับเพียบอยู่กับพื้น ต่างคนต่างก็กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือ อยู่จึงไม่ค่อยได้ยินเสียงดัง เห็นสามเณรองค์หนึ่งกำลังจับมือเด็ก ซึ่งตัวเล็กที่สุดใจจำนวนนั้นให้เขียนหนังสือ เมื่อลุงนับดูเด็กที่นั่ง นับได้ ๑๕ คนพอดี เด็กเหล่านี้มีทั้งผมจุกผมแกละ ซึ่งมีทั้ง ๒ แกละ และ ๓ แกละ ทั้งหางเปียยาวคล้ายชาวจีนผู้ใหญ่ เมื่อแม่พาลุงเดิน เข้าไป เด็กพวกนั้นก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน”[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot]แม่เดินเข้าไปหาพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งนั่งห่างจากเด็ก พวกนั้นไปพอสมควร ลุงเดินตามแม่ไปติดๆ ไม่ยอมห่าง เพราะ แปลกที่ พอไปถึงตรงหน้าท่านอาจารย์ แม่ก็นั่งพับเพียบกราบลง ต่อหน้าท่าน ๓ ครั้ง ท่านยิ้มอย่างใจดีถามว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"สีกามีธุระอะไรกับอาตมาหรือ?" [/FONT]

    [FONT=&quot]
    แม่ยกมือพนมมือแค่อกแล้วเรียนกับท่านว่า
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"อิฉันอยากจะมาฝากบุตรชายให้เป็นศิษย์ของท่านสักคนเจ้าค่ะ อิฉันเคยกราบเรียนไว้แล้วครั้งหนึ่ง มันกำพร้าพ่อมาแต่เล็กๆ อิฉันคิดว่าถ้าไม่ได้เรียนหนังสือ โตขึ้นก็ต้องทำงานหนัก นาหรือ สวนก็ไม่มีเป็นของตัวเอง จึงอยากจะขอความกรุณาท่านเป็นที่พึ่ง เจ้าค่ะ"[/FONT][FONT=&quot] แม่พูดแล้วก็เรียกลุงซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังแม่ให้เข้าไปกราบท่าน ลุงก็เข้าไปกราบท่านเหมือนกับที่แม่ของลุงทำเมื่อครู่นี้ ท่านบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "สีกาคิดถูกแล้ว ชื่ออะไรล่ะ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    แม่รีบตอบเพราะเห็นลุงนั่งนิ่ง
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ชื่อตาลเจ้าค่ะ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    "อายุเท่าไหร่แล้ว"[/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านถามอีก แม่นั่งนับนิ้ว แล้วก็บอกท่านว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ย่างเข้า ๑๑ ขวบปีนี้เจ้าค่ะ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  14. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ขณะที่แม่กำลังพูดกับท่านอาจารย์ ลุงก็คลานออกมานั่ง ข้างหลังแม่ มองดูพวกเด็กๆ ซึ่งขนาดเท่าลุงนั่งเขียนหนังสือกัน ลุงมองไปเจอเด็กสองแกละคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจ้องมองดูอยู่ก่อนแล้ว เพราะมันไม่ได้ดูหนังสือเหมือนเด็กอื่นๆ พอลุงหันไปพบเข้า เด็กคนนั้นก็แหกตาแลบลิ้นหลอก ลุงนึกโกรธอยู่ในใจ สะบัดหน้า ไปทางอื่น พอเผลอหันไปดูอีกก็เห็นมันแลบลิ้นหลอกอีก ลุงคิดว่า อ้ายสองแกละนี้ต้องเป็นหัวโจกในพวกเด็กๆ ภายหลังลุงทราบชื่อ เด็กคนนั้นว่า ชื่อเจ้าแกละตามหัวของมัน เพราะพ่อแม่ยังไม่ได้ ตั้งชื่อให้ดีกว่านี้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ท่านอาจารย์ยังได้รับลุงไว้เป็นศิษย์อีกคนหนึ่ง รวมทั้งหมด ๑๖ คน การเรียนของลุงอยู่ในขั้นดี เพราะลุงขยันเรียน ทั้งหนังสือไทย และขอม ทั้งนี้เนื่องจากแม่เคยบอกว่าคนที่ไม่มีความรู้นั้นโตขึ้น จะต้องลำบาก ต้องทำงานหนักโดยใช้กำลังกายเหมือนควาย ในเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันนี้ ลุงสนิทสนมกับสายซึ่งอายุรุ่นไร่เรี่ยกับลุง เรารักกันมาก และอีกคนหนึ่งลุงรักและนับถือมากเพราะเป็นคนดี คอยเอาใจ ช่วยเหลือพวกเราเสมอเหมือนพี่ช่วยน้อง เราจึงพากันเรียก "พี่ใหญ่" [/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันหนึ่งลุงเกิดเรื่องกับเจ้าแกละ ลุงจำวันนั้นได้ไม่ลืมเลย เมื่อถึงเวลาหยุดพักเรียน พวกเด็กๆ ก็วิ่งเล่นที่ลานวัด เพื่อให้พระท่าน ได้ฉันเพล ลุงกับสายก็ลงมาเล่นทอยกองกันที่ใต้ต้นพิกุล ขณะที่ ลุงกำลังโน้มตัวลงกำลังจะทองกอง อ้ายแกละแกล้งวิ่งตรงมาที่ลุง แล้วเอาขาปัดขาลุง ลุงไม่ทันรู้ตัวจึงล้มอย่างไม่เป็นท่าที่กลางลานใต้ ต้นพิกุลนั่นเอง พอลุกขึ้นได้ ความโกรธจัด ลุงโดดเข้าชกหน้า อ้ายแกละ ซึ่งไม่ทันระวังตัวเพราะมันหัวเราะชอบใจที่แกล้งลุงได้ เจ้าแกละก็ล้มไม่เป็นท่าเหมือนกัน เจ้าแดงเพื่อนคู่หูของเจ้าแกละ ก็โดดเข้ามาชกลุงเพื่อช่วยเจ้าแกละ สายเลยเข้าขวางไว้ สายบอกเจ้า แดงว่า ให้เขาสู้กันตัวต่อตัวดีกว่า พอดีเจ้าแกละหายงงลุกขึ้นได้ก็ร้อง ห้ามว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อย่าไอ้แดงปล่อยข้าคนเดียว เอ็งเข้ามาช่วยมันไม่ยุติธรรม"[/FONT][FONT=&quot] ลุงเตรียมระวังตัวจ้องดูเจ้าแกละมันจะเล่นงานท่าไหน แต่เมื่อได้ยิน เจ้าแกละมันห้ามเจ้าแดงก็นึกชมมันอยู่ในใจว่า ถึงมันจะทะลึ่งก็จริง แต่มันก็มีน้ำใจเป็นลูกผู้ชาย ยังไม่ทันจะปะทะกันเป็นครั้งที่ ๒ พี่ใหญ่ก็เข้ามาห้าม ถามว่าเรื่องอะไรกัน ไม่ทันจะเล่าเรื่องให้พี่ใหญ่ ฟัง สามเณรก็ลงมาบอกว่าอาจารย์เรียกทั้ง ๔ คน ลุงมีความเกรงกลัว อาจารย์มาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ท่านให้ไปหา เพราะทำความผิด เราทั้ง ๔ คน ต่างก็มองหน้ากัน ยังฉิวเจ้าแกละที่มันเป็นคนก่อเรื่องขึ้น แต่เจ้าแกละไม่ได้โกรธลุงเลย ซ้ำเมื่อเห็นลุงกลัวมาก กลับเข้ามา ปลอบว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    "ทำใจดีๆไว้ อาจารย์ท่านไม่เคยสั่งสอนด้วยการเฆี่ยนตีหรอก"[/FONT]
    [FONT=&quot] ลุงยังหมั่นไส้มันไม่หาย เพราะอ้ายแกละทีเดียวเป็นต้นเหตุ ยังมีหน้า มาพูดกับลุงอีก เรา ๔ คนเดินตามเณรมาด้วยความไม่สบายใจ พี่ใหญ่ สงสารและเป็นห่วงเดินตามมาบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"ท่านอาจารย์ชอบคนพูดความจริง ถ้าสิ่งใดเป็นความจริงแล้ว พูดไปเถิดไม่ต้องกลัว" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อมาถึงกุฏิท่านอาจารย์นั่งคอยอยู่แล้ว หน้าตาของท่าน ไม่บอกความโกรธเลย ยังคงยิ้มแย้มเหมือนว่าเราขึ้นไปหาท่าน ตามธรรมดา ทำให้ลุงคลายความกลัวลงบ้าง เราทั้ง ๔ คนตรงเข้าไป นั่งกราบท่าน แล้วก็ถอยมานั่งนิ่งด้วยหัวใจที่ระทึกคอยดูท่านจะว่า อะไร แล้วท่านก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงธรรมดา[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "พวกเธอทั้ง ๔ คน มีเรื่องอะไรถึงได้ชกต่อยกัน ขอให้พูด ความจริงนะ"[/FONT][FONT=&quot] ยังไม่ทันจะมีใครพูดขึ้น เจ้าแกละซึ่งดูเหมือนจะคอยสารภาพอยู่แล้ว ก็ตรงเข้าไปกราบอาจารย์แล้วก็พูดขึ้นทันที[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ผมเป็นคนผิดเองครับหลวงพ่อ ผมตั้งใจจะแกล้งยั่วนายตาล เล่นจึงวิ่งเข้าไปขัดขาเขาล้มลง พอนายตาลลุกขึ้นได้ก็โกรธผม จึงชกปากผมจนหงายล้มลงไป นายแดงจะเข้ามาช่วยผม แต่นายสายห้ามไว้ ก็พอดีสามเณรไปบอกว่าหลวงพ่อให้มาหา พวกผมก็พา กันมานี่แหละครับ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ท่านนั่งฟังด้วยความสนใจ เมื่อเจ้าแกละพูดจบ ท่านก็ถามขึ้น[/FONT]

    [FONT=&quot]
    "[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่นายแกละพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมดหรือ[/FONT][FONT=&quot]?" [/FONT][FONT=&quot]เราสามคน ต่างก็รับว่าเป็นความจริงทั้งหมด ลุงยังคิดในใจว่า แม้ไอ้แกละ มันจะเกเรบ้าง แต่ก็รักที่จะพูดความจริง ถึงมันจะขัดขาลุงล้มลงแต่ลุง ก็ได้ชกมันแล้วเลยพอดีกันไม่เสียเปรียบ เมื่อได้คิดดังนั้นก็คลาย ความโกรธลง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อท่านได้ฟังพวกเรารับรองก็พูดขึ้นว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เธอทั้ง ๔ คนร่วมเรียนมาด้วยกัน แต่ไม่มีความสามัคคี กลับแกล้งกันเอง นอกจากหนังสือที่ฉันสอนให้พวกเธอมีความ สามัคคี ให้รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ความสามัคคีเป็นสิ่งหนึ่ง ที่นำ มาซึ่งความสำเร็จ ถ้าเราร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมความคิด ความเห็นกันมันก็จะนำมาซึ่งความเจริญ บ้านใดประเทศใดมีความ สามัคคีกัน ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญก้าวหน้า และฉันยังได้ สอนให้พวกเธอมีความเมตตากรุณา ไม่เห็นแก่ตัวและซื่อสัตย์ สุจริตต่อตัวเอง และคนทั่วไป ขอให้ถือศีลห้าเป็นประจำ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  15. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
    ขณะที่ท่านกำลังให้โอวาทสั่งสอนพวกเราอยู่นั้น ก็มีชาย คนหนึ่งท่าทางเป็นพวกชาวสวน เดินค่อมตัวไปนั่งกราบตรงหน้าท่าน ทำให้ท่านงดการให้โอวาทพวกเรา หันมาสนใจกับชายผู้มาใหม่ก็พูดว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "กระผมได้ทราบว่าสงกรานต์ปีนี้ทางวัดจะมีงานและตั้ง โรงทานเลี้ยงอาหารทั่วไป กระผมอยากจะช่วยด้วยน้ำพักน้ำแรง ของตัวเอง กระผมทำน้ำตาลมะพร้าวไว้ และนำมาถวาย ๔ ปีบ เผื่อท่านจะได้นำเอาไปใช้ประโยชน์ในงานด้วย ท่านจะให้กระผม ขนไปไว้ที่ไหน กระผมจะจัดการให้เรียบร้อย"[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ท่านตอบชายผู้นั้นอย่างยิ้มแย้มด้วยความยินดีในการทำบุญ ของเขา[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"ขอบใจโยมมากที่อุตส่าห์ทำน้ำตาลมาช่วยงาน อาตมา รู้สึกดีใจมาก งานเช่นนี้ตามปกติต้องใช้น้ำตาลมาก เพื่อประกอบ อาหารคาวหวาน พอดีโยมนำมาถูกใจอาตมาจริง ขออนุโมทนา ส่วนกุศลนี้ด้วยนะ โยมไม่ต้องขนไปไว้ที่ไหนหรอก โยมเอาขึ้นไว้ ที่ศาลาท่าน้ำที่เรือจอดก็แล้วกัน แล้วอาตมาจะสั่งให้เขาจัดการ ภายหลัง" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ชายผู้นั้นนึกสงสัยแต่ไม่กล้าถามท่าน รีบกราบท่านลงไป ที่เรือจอดและจัดการตามที่ท่านสั่ง[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อชาวสวนผู้นั้นลงไปแล้ว ท่านอาจารย์ก็หันมาทางเรา ทั้ง ๔ คนแล้วกล่าวว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "พวกเธอทั้ง ๔ คน จะได้รู้คุณค่าของความสามัคคีที่ฉัน พูดมาแล้ว เพื่อจะได้ไถ่โทษที่พวกเธอทำผิด ฉันขอร้องให้พวกเธอ ไปยกน้ำตาลปีบที่ศาลาท่าน้ำมาคนละปีบ เอาไปไว้ที่ห้องเก็บของ ข้างหอระฆัง อย่าลืมว่าเฉพาะเธอทั้ง ๔ คนเท่านั้นนะ จะให้ใครช่วย ไม่ได้ ถ้ายกคนละปีบไม่สำเร็จก็ให้ปรึกษากันได้ แต่น้ำตาลทั้ง ๔ ปีบต้องมาอยู่ในห้องเก็บของก็แล้วกัน" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เราสี่คนมองตากัน ลุงนึกชังน้ำหน้าอ้ายแกละขึ้นมาอีก นึก อยู่ในใจว่า เพราะอ้ายแกละคนเดียวทำให้พวกเราพลอยลำบาก ไปด้วย เมื่อพากันกราบท่านลุกออกมาแล้ว ก็ไปที่ท่าน้ำ มองเห็น ปีบน้ำตาลตั้งเรียงกัน ๔ ปีบ ต่างคนก็พยายามยกกันคนละปีบ แต่มันหนักมาก เด็กๆ อย่างเราคนเดียวไม่มีทางจะยกขึ้นเลย แม้แต่ ผู้ใหญ่เอง ก็ยากที่จะยกขึ้น เมื่อพยายามกันอยู่นานก็ไม่มีทางจะยกไหว เจ้าแกละหัวโจกจึงพูดขึ้นว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "หลวงพ่อบอกว่า ถ้ายกคนเดียวไม่ไหวก็ต้องใช้ความสามัคคี ลองช่วยกันยกปีบละ ๒ คน ๒ เที่ยวก็หมด" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ว่าแล้วเจ้าแกละกับเจ้าแดงก็ช่วยกันยก เพียงแต่ยกขึ้น เท่านั้นจะยกเดินก็ไม่ไหว เพราะมันหนัก ต่อเมื่อลุงกับสายช่วยกัน อีก ๒ คน รวมเป็น ๔ แรงจึงค่อยยกสบายหน่อย แต่ถ้าเดินไปไกล คงจะได้ แต่ทนเจ็บมือไม่ไหว เพราะต้องใช้มือหนึ่งช้อนก้นปีบอีก มือหนึ่งจับบนปีบซึ่งไม่ถนัด เราจึงปรึกษากันว่า ทำอย่างไรเราจึงจะ ขนน้ำตาล ๔ ปีบขึ้นไปบนห้องเก็บของข้างหอระฆังบนกุฏิได้ เผอิญ เจ้าแกละตาไวเหลือบไปเห็นสาแหรกคู่หนึ่งอยู่ในเรือประทุนพอดี ในเรือนั้นไม่มีคน เจ้าแกละออกความเห็นว่าควรเอาปีบน้ำตาล ใส่ สาแหรกแล้วใช้ไม้คานหาม โดยเรา ๔ คนช่วยกันหามคงจะสำเร็จแน่ พวกเราเห็นดีด้วย เจ้าแกละจึงถือโอกาสหยิบสาแหรกออกมาข้างหนึ่ง แล้วช่วยกันยกปีบน้ำตาลวางบนสาแหรกซึ่งก็วางไว้พอดี ส่วนไม้คานนั้นใช้แต่หาบถ้าใช้หามคงไม่ได้ เจ้าแดงเหลือบไปเห็น ไม้พลองที่เจ๊กใช้หาบอิฐหาบปูนทิ้งไว้ใต้ถุนกุฏิอันหนึ่ง ตกลงจึง ใช้ไม้พลองสอดหูสาแหรก แล้วพวกเราก็ช่วยกันหามข้างละ ๒ คน แม้จะยกขึ้นเหนือพื้นดินเพียงเล็กน้อย เพราะพวกเราตัวสูงกว่า สาแหรกไม่เท่าไหร่ แต่ก็เดินสบายกว่าคราวแรกมาก จะเจ็บบ่าบ้าง ก็ไม่หนักหนาอะไร ไม่ช้าน้ำตาลทั้ง ๔ ปีบก็ขึ้นไปอยู่บนห้องเก็บ ของโดยเรียบร้อย ท่านอาจารย์ยืนมองดูและยิ้มด้วยความพอใจ มันเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ประทับใจลุงอย่างลืมไม่ได้เลย ความ โกรธเคืองที่ลุงมีต่อเจ้าแกละหายไปหมด ต่อมาเราก็รักใคร่กัน และเป็นเพื่อนสนิทสนมกัน การทะเลาะชกต่อยกันนับตั้งแต่ วันนั้นมาก็ไม่มีเกิดขึ้นอีกเลยในพวกศิษย์ของท่านอาจารย์[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อเราอายุได้พอสมควรที่จะตัดจุกได้แล้ว ศิษย์ที่พ่อแม่เป็น คนร่ำรวยหรือเป็นพวกขุนนาง ก็มีพิธีโกนจุกเป็นงานใหญ่โต มีการ- เชิญแขกมาลงขัน มีการฉลองเลี้ยงดูกันอย่างสนุกสนาน การโกนจุกนั้น ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับเด็กที่ไว้จุกใน สมัยนั้น สำหรับลุงนั้นแม่บอกว่าเป็นคนจนจะโกนจุกที่บ้านก็ไม่มีเงิน ฉะนั้นแม่จึงพาไปโกนจุกหมู่ที่โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า ส่วนพวกที่ ไว้แกละนั้นไม่สู้จะสำคัญนัก จะโกนทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องมีพิธี แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไปโกนที่โบสถ์พราหมณ์ ส่วนเจ้าพวกไว้เปีย นั้นคงไว้ตลอดมาจนโต เพราะมีเชื้อสายเป็นจีน เด็กและผู้ใหญ่ไว้ เป็นอย่างเดียวกันหมด เมื่อหลังจากโกนจุกแล้วร่างกายก็เติบโต ย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม การเรียนของลุงนั้นอยู่ในขั้นดีกว่าศิษย์ในรุ่น เดียวกัน ส่วนเพื่อนของลุงคือสายนั้นตรงกันข้ามกับลุง การเรียน ของพี่ใหญ่อยู่ในขั้นดีพอใช้[/FONT]
     
  16. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ที่กุฏิท่านอาจารย์ของเรานั้นมีห้องสมุดใหญ่ห้องหนึ่ง เมื่อ โตขึ้นมีความรู้มากขึ้น ลุงก็ได้เข้าไปค้นคว้าหาความรู้ในห้องสมุดนี้ ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมาก สิ่งใดสงสัยก็ถามอาจารย์ท่านก็ยินดี บอกและอธิบายให้เข้าใจแจ่มแจ้ง รู้สึกว่าท่านพออกพอใจที่เห็นศิษย์ ของท่านเอาใจใส่ค้นคว้าในการเล่าเรียน ในห้องสมุดนั้นมีหนังสือ ตำรับตำราต่างๆ ส่วนมากเป็นสมุดข่อยทั้งดำและขาว สมุดดำเขียน ด้วยตัวรงค์สีเหลือง เช่น ตำราว่าด้วยสมุนไพร ตำราหมอ และอื่นๆ อีกจำนวนมาก มีทั้งหนังสือไทย ขอมและฝรั่ง ท่านอาจารย์ มีความรู้มาก จนลุงคิดว่า ถ้าท่านเป็นข้าราชการแล้ว ตำแหน่งขุนนาง ชั้นพานทองคงไม่พ้นท่านแน่ แต่นี่ท่านได้สละแล้ว ซึ่ง ลาภ ยศ หันมา ทรงศีลอันบริสุทธิ์เที่ยงธรรม สร้างคุณธรรม ความดีที่ให้เป็นวิทยา ทานแก่เด็กๆ และอบรมให้เด็กเหล่านั้นเป็น คนดีมาแต่เยาว์วัย แต่ สำหรับจิตใจของลุง เวลานั้นนึกแต่เพียงว่า การถือศีลกินเพลนั้น ไม่ใช่เรื่องของเด็ก จึงไม่ได้เอาใจใส่ ดังนั้นรสพระธรรมอันสูงส่ง ของท่านอาจารย์ จึงไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจของลุงเลย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    หลังจากเราต่างก็ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มด้วยกันแล้ว การเรียน ก็สิ้นสุดลง พวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปด้วยความอาลัยรัก พี่ใหญ่ ได้กล่าวขึ้นในวันสุดท้ายว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "พวกลูกศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน ถ้าต่อไปในอนาคต แม้นใครตกทุกข์ได้ยากเท่าใด ก็ขออย่าให้ทอดทิ้งกัน ใครได้ดี มั่งมีศรีสุข ก็ขอให้ช่วยเพื่อนตกทุกข์ได้ยาก และควรจะพบกัน อย่างน้อยปีละครั้ง คือในงานไหว้ครูของอาจารย์ ขอให้พวกเรา ทุกคนจงมาชุมนุมไหว้ครูและพบปะกันที่สำนักของท่านอาจารย์ หากใครมีทุกข์มีสุขอย่างไรและอยู่ที่ใดจะได้รู้ทั่วกัน" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] วันนั้นลุงจำได้ว่าพวกเราต้องจากกันด้วยความอาลัยอย่าง สุดแสน ต่างพากันเข้าไปกราบลาท่านอาจารย์ด้วยน้ำตานองหน้า แทบทุกคน ท่านอาจารย์ก็ให้ศีลให้พร และให้โอวาทด้วยความ ตื้นตันใจในความสำเร็จของพวกลูกศิษย์ แล้วเราก็ลาสำนักซึ่งเคยให้ การศึกษา ให้ความร่มเย็นมาตั้งแต่น้อยจนใหญ่ด้วยความจำใจ ต่อมาลุงก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ยังไม่ทันไรลุงก็ได้รับความทุกข์อย่าง หนัก แม่ของลุงซึ่งยังไม่ทันจะได้ชมผลสำเร็จที่แม่ตั้งใจสร้างไว้ ก็มา ด่วนถึงแก่กรรมลงก่อน มันทำให้ลุงต้องโศกเศร้ามาก เพราะเรา อยู่ด้วยกันเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น เมื่อแม่จากไปก็ทิ้งแต่ความว้าเหว่ เศร้าโศกอาลัยให้กับลูก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ในเวลานั้นคนที่มีความรู้ก็มุ่งหวังที่จะเป็นแต่ข้าราชการ เพราะเมื่อเป็นขุนนางจะได้เบี้ยหวัดเงินปี ดูเหมือนจะมีสุภาษิต บทหนึ่งว่า [/FONT][FONT=&quot]"สิบพ่อค้าไม่เท่าหนึ่งพระยาเลี้ยง"[/FONT][FONT=&quot] สำหรับลุงมีความคิด แปลกไปกว่าคนอื่น คืออยากจะเป็นพ่อค้าแต่ไม่มีทุน เพราะการเป็น พ่อค้านั้นย่อมจำเป็นจะต้องใช้ทุน ลุงนึกถึง [/FONT][FONT=&quot]"สาย"[/FONT][FONT=&quot] ขึ้นมาได้ สายซึ่ง เคยเป็นเพื่อนรักร่วมสำนักศึกษาเดียวกัน ก็พอดีได้ทราบข่าวมาว่า พ่อแม่ของสายได้ถึงแก่กรรมลงหมดแล้ว สายเองก็ไม่มีพี่น้องและ ญาติที่ไหน ดังนั้นมรดกจำนวนมากมายจึงตกอยู่กับสายคนเดียว ลุงตกลงใจจะไปหาสายเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องเงิน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    เมื่อไปพบสาย สายก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของลุงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ลุงได้เล่าถึงความตั้งใจอยากมีอาชีพเป็นพ่อค้า บอกว่ากำลังต้องการเงินก้อนหนึ่งไปลงทุน สายได้ฟังก็หัวเราะ เสียงดังลั่น แล้วพูดขึ้นว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เฮ่ย! ตาล กันเห็นแต่ใครๆ เขาปรารถนาจะทำงานเป็น ขุนนางกันทั้งนั้น แต่แกมีความคิดแปลกดี ดันจะไปเป็นพ่อค้า เออ! เรามากินเหล้ากันดีกว่า"[/FONT][FONT=&quot] ว่าแล้วสายก็สั่งให้คนใช้ไปหาเหล้ายา กับแกล้มมาทันที ลุงชักกระสับกระส่าย เพราะไม่แน่ว่าจะได้เงิน จากสายหรือไม่ สายสังเกตเห็นกิริยาของลุง คงจะรู้ว่าลุงไม่สบายใจ ในเรื่องเงิน จึงหัวเราะแล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ตาล แกอย่านึกว่ากันไม่ช่วย กันช่วยแกเต็มที่เลยเพื่อน เอาไป ๕๐ ชั่งพอไหม?"[/FONT][FONT=&quot] ลุงได้ยินแบบไม่เชื่อหูว่าสายออกปากให้ยืม ๕๐ ชั่ง ไม่น่าจะเป็นไปได้ หัวใจแทบหยุดเต้นแล้วลุงก็พูดตะกุกตะกัก อ้อมแอ้มขอบใจสายอยู่ในลำคอ เพราะความตื่นเต้น เนื่องจากลุงเป็น คนจนเงินชั่งสองชั่งก็ยังไม่เคยมี แต่บัดนี้ลุงมีเงินถึง ๕๐ชั่ง อาหาร ข้าวปลาที่คนใช้ยกมาวางตรงหน้าดูลานตาไปหมด หูได้ยินแต่.........[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "๕๐ ชั่ง.... ๕๐ ชั่ง.... ๕๐ ชั่ง"[/FONT][FONT=&quot] เท่านั้น ไม่รู้ว่า รสอาหารมันเปรี้ยว[/FONT][FONT=&quot], หวาน, มันเค็มอย่างไร ความจริงลุง อยากจะเตือนสายว่า พอออกจากสำนักเรียนก็กินเหล้าเมายาทีเดียว เพราะเมื่ออยู่สำนักเรียนนั้นท่านอาจารย์ได้สั่งสอนให้ละเว้นจากการ เสพสุรายาเมา แต่แล้วก็ไม่ได้พูด มัวตื่นเต้นเรื่องเงินเสีย พลอยดื่ม สุราไปด้วย อยู่จนเวลาพอสมควรแล้วลุงก็ลากลับ สายบอกให้ เอาเงินไปด้วย แล้วเรียกเจ้าหมัดคนขับรถม้า ซึ่งเป็นแขกเข้าไปใน บ้านกับคนใช้ สักครู่ก็ยกปีบใบหนึ่งมาขึ้นรถม้า สายเข้ามากระซิบ บอกลุงว่า ในปีบนั้นบรรจุเงินเหรียญบาท ๕๐ ชั่งพอดี สายไม่ให้ ลุงทำสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    กลับมาถึงบ้านเจ้าหมัดก็ช่วยยกปีบเข้าไปในบ้าน รู้สึกว่า หนักมาก แต่ลุงกับเจ้าหมัดกำลังหนุ่มและแข็งแรงจึงยกได้ไม่ยากนัก เมื่ออยู่คนเดียวลุงก็เปิดฝาปีบออกเห็นเงินเหรียญบาทห่อละ ๑๐ บาท นับดูก็ครบ ๕๐ ชั่งพอดี พอเห็นจำนวนเงินแล้วก็คิดว่ายังไม่ควร จะนำมา นับแต่แม่ได้จากไปแล้วลุงก็อยู่คนเดียว เพื่อนของแม่ก็ไม่มี ความรังเกียจที่จะให้ลุงอาศัยอยู่ด้วย ลุงจึงซ่อนเงินจำนวนนี้ไว้ในบ้าน ก่อน ตอนแรกก็รู้สึกเป็นห่วง แต่มาคิดว่าคนทุกบ้านช่องก็ล้วนแต่มี ศีลธรรม ไม่เคยมีการลักขโมย แม้ว่าจะเปิดประตูทิ้งก็ไม่เคยปรากฏว่า มีของหาย จึงค่อยเบาใจ ต่อจากนั้นลุงก็หาบ้านได้หลังหนึ่งอยู่ติด ถนนใหญ่ จึงซื้อไว้ด้วยราคาพอสมควร ที่ดินยังคงเป็นที่ดินของวัด ต้องเช่าที่ดินเป็นรายปี เงินค่าเช่าไม่แพงนัก[/FONT]
     
  17. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] เมื่อซื้อบ้านแล้วก็จัดแจงเปลี่ยนแปลงตกแต่งให้เหมาะที่จะ เป็นเรือนร้านสำหรับค้าขาย แล้วลุงก็ย้ายมาอยู่ในบ้านใหม่พร้อมกับ จ้างคนใช้มาไว้ประจำเพื่อขายสินค้า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ลุงได้ไปติดต่อกับพวกจีนประจำเรือเดินทะเล ซึ่งเดินทาง ค้าขายไปมาตามเมืองท่าใหญ่ๆในเอเชีย มีบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เป็น ของฝรั่ง มีเรือเดินทะเลเป็นจำนวนมาก เรือทุกลำใช้ชื่อเป็นภาษาจีน โดยมากเป็นชื่อขุนนางและชื่อนายทหารในเรื่องแผ่นดินสามก๊ก เช่น โจโฉ ม้าเฉียว สุมาอี้ ฮั่นตง เป็นต้น นับว่าเป็นความฉลาดของฝรั่ง เพราะชาวจีนชอบลงเรือที่มีชื่อเป็นจีนมากกว่าจะลงเรือที่มีชื่อฝรั่ง เพราะชื่อที่เป็นฝรั่งเรียกยาก คนจีนจำไม่ค่อยได้ ลุงได้ทำการตกลงกับ จีนซึ่งเป็นหัวหน้าประจำเรือเหล่านั้นแต่ละลำ ขอให้ช่วยติดต่อสินค้า แปลกๆ ใหม่ๆ ตามประเทศที่ผ่านมา ก็ได้รับความร่วมมือช่วยเหลือ จากจีนเหล่านั้นเป็นอย่างดี ส่วนลุงก็ตกลงส่งสินค้าที่มีอยู่ในเมือง ไทยไปขายต่างประเทศ สิ่งที่ส่งไปขายมากก็คือผลไม้ของเมืองไทย เช่นส้มโอ กล้วยหอมฯลฯ เพราะผลไม้นี้มีอยู่ตลอดปีจึงสะดวก ในการส่ง ส่วนสินค้าที่ตกเข้ามา ก็มีเครื่องปั้นดินเผาตลอดจน เครื่องกังไส ลายครามทั้งของเก่าและของใหม่ และสิ่งใดแปลกๆ ใหม่ๆก็สั่งมา ร้านค้าของลุงก็เต็มไปด้วยสินค้านานาชนิด คนงาน ก็เพิ่มขึ้นทั้งไทยและจีน[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ต่อมาก็มีพวกขุนนางและข้าราชการผู้ใหญ่ และคนทั่วไป เข้าร้านลุงคับคั่ง บางท่านก็ให้ติดต่อสั่งเครื่องลายครามชนิดเก่าๆ สมัยแผ่นดินซ้อง แผ่นดินเหม็งและหงวน ลุงก็ได้ติดต่อคนเรือ ให้ทางเมืองจีนส่งมาให้ เป็นที่ชื่นชอบของพวกขุนนางและ ข้าราชการมาก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    จากทุนที่ยืมจากสาย ๕๐ ชั่ง รวมทั้งโรงค้าด้วย ต่อมาก็เพิ่ม เป็นร้อยชั่ง ร้อยห้าสิบชั่งตามลำดับ ลุงจึงเริ่มเรียนภาษาจีนและลูกคิด เพื่อสะดวกในการติดต่อค้าขาย[/FONT]

    [FONT=&quot]
    สำหรับสายนั้น เมื่อได้รับมรดกแล้วก็ไม่ทำการงานอะไร ให้เป็นล่ำสัน เพราะถือว่ามีเงิน คบเพื่อนฝูงที่เป็นนักเลงการพนัน และนักเลงสุรา ลืมโอวาทของท่านอาจารย์ที่ให้ถือศีลห้า และ ละเว้นสิ่งที่ชั่ว สายเพลิดเพลินอยู่กับสุราและการพนัน บางครั้ง มาชวนลุงไปด้วย ถ้าว่างตอนค่ำๆ ลุงก็ไปด้วยกับสายเพราะเกรงใจ เมื่อไปถึงบ่อน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าของบ่อน ไม่ต้อง ไปเล่นปะปนกับคนอื่น มีคนมารับใช้ จะแทงตัวไหนมีคนจัดการให้ เห็นจะเป็นด้วยสายเป็นขาประจำกระเป๋าหนัก ขุนพัฒฯเจ้าของบ่อน จึงจัดที่รับรองให้เป็นพิเศษ มีการเลี้ยงเหล้า อาหารต่างๆ เพื่อผูก ใจ ไว้เป็นขาประจำต่อไป ลุงไม่ค่อยชอบการพนัน จึงถือโอกาสเลี่ยง ออกมาดูงิ้วบ้าง ละครบ้าง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโรงบ่อน เคยติดตามสาย ไปหลายครั้ง จนไปพบสาวสวยเข้าคนหนึ่ง เธอตั้งโต๊ะขายหมากพลู บุหรี่อยู่ที่หน้าโรงงิ้วข้างบ่อนนั่นเอง หล่อนชื่ออำแดงจำปี รูปร่างขาว สมส่วน ตัดผมทรงกระทุ่มเรียบร้อย งามเด่นกว่าแม่ค้าใดๆ ในแถบนั้น[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อลุงได้พบอำแดงจำปีก็รู้สึกต้องตาต้องใจมาก คราวนี้ หากว่าวันไหนสายไม่มาชวน ลุงก็ไปเอง เพราะทนความคิดถึง อำแดงจำปีไม่ไหว ทำเป็นซื้อหมากกินแก้เขินทั้งๆ ที่ลุงไปเคยกิน หมากมาก่อน พอกินเข้าไปก็เกิดยันหมากเวียนหัว หูแดง หน้าร้อนผ่าว ไปหมด อำแดงจำปีมองเห็นเข้าก็หัวเราะชอบใจและคงจะเกิด ความสงสารลุงบ้าง ต่อมาก็สนิทสนมกันมากขึ้น ทำให้พวกหนุ่มๆ ที่เคยมา ติดเนื้อต้องใจเกิดอิจฉาลุง หากวันไหนไม่ได้ไปที่หน้าโรงบ่อน อำแดงจำปีก็บ่นถึงและเป็นห่วง ลุงรู้ว่าหล่อนก็ชอบลุงเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเรามีหัวใจตรงกันเช่นนี้ก็มีความสุขมากเหลือล้น[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ต่อมาลุงก็จัดการส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขออำแดงจำปี ป้าของหล่อน ซึ่งเป็นญาติผู้เดียวก็ไม่ขัดข้อง หล่อนอยู่ด้วยกันกับป้าสองคนที่ หลังโรงบ่อน ป้าของหล่อนทำข้าวแกงขายที่หน้าโรงบ่อนนั้น เมื่อ ลุงได้จัดการแต่งงานแล้ว ก็ให้หล่อนและป้ามาอยู่บ้านที่โรงค้ากับลุง เลิกขายหมากพลูและข้าวแกง พอลุงได้หญิงที่ลุงรักมาร่วมทุกข์ ร่วม สุขด้วย ลุงรู้สึกว่าชีวิตในระยะนั้นมีความสุขที่สุด[/FONT]
    [FONT=&quot]
    วันหนึ่งอำแดงจำปีและป้าของหล่อนไม่อยู่ ไปธุระทางสำเพ็ง สายได้ขึ้นรถม้ามาหาลุง ให้เจ้าหมัดขับรถม้าถือห่อตามมาด้วย ลุง ดีใจที่เห็นเพื่อนมา เราไปนั่งคุยกันทางหลังบ้านซึ่งเป็นที่ส่วนตัว และเงียบดี เมื่อนายหมัดคนขับรถม้านำเอาห่อผ้าตามสายไปวาง ไว้หลังบ้าน แล้วก็เดินออกไป สายนั่งเรียบร้อยแล้วถามลุงว่า เมียของลุงกับป้าของหล่อนไปไหน ลุงบอกว่าไปธุระทางสำเพ็ง สายทำท่าทางกิริยาโล่งใจแล้วบอกว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ตาลกันเอาของมาฝากแกให้ช่วยรักษาไว้ด้วย เพราะแกมี ลูกเมียเป็นหลักฐานแล้ว ส่วนกันยังโสดมีแต่พวกบ่าวไพร่ แม้ว่าเขา จะจงรักภักดีต่อกันก็จริง แต่กันยังไม่ไว้ใจเท่าแก" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงจึงถามว่ามีอะไรบ้างที่สายเอามาฝาก สายยกห่อขึ้นเอาวาง ไว้บนโต๊ะ แล้วเปิดห่อออก มันเป็นห่อทองคำที่เป็นแท่งๆ มีจำนวน มาก ลุงตกตะลึงเพราะนับเป็นของที่มีราคาไม่น้อย จึงถามสายว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "นี่แกบอกให้ใครรู้หรือเปล่าที่เอามาฝากกันนี่นะ"[/FONT][FONT=&quot] สายสั่น ศรีษะแล้วบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  18. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] "ไม่มีใครรู้หรอก กันไม่ได้บอกใครเลย"[/FONT][FONT=&quot] ลุงถามต่อไปอีกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"แล้วเจ้าหมัดล่ะ มันคงรู้ซิ"[/FONT][FONT=&quot] สายบอกว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เจ้าหมัดเป็นคนซื่อ มันก็ไม่รู้เหมือนกัน กันไม่ได้บอกมัน" [/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงพูดขึ้นว่า [/FONT]
    [FONT=&quot]"อย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]

    [FONT=&quot]
    สายถามว่า [/FONT]
    [FONT=&quot]"ทำไมถึงว่าค่อยยังชั่วล่ะ"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ถ้ามีคนรู้ว่าแกเอาของมีค่ามาฝากกันไว้ มันก็ไม่ปลอดภัย สำหรับกัน เพราะอาจมีคนโลภพาพรรคพวกมาบีบคอกันตายก็ได้"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] สายเห็นด้วย แล้วพูดว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]"กันเองก็คบพวกนักเลงหลายคน ยังไม่รู้ว่า ใครจะซื่อต่อเรา จริง ถ้าพบคนที่ไม่ซื่อกันก็จะลำบาก เพราะพวกนี้เข้าออกบ้านกัน ตลอดเวลา แม้สมบัติของกันจะซ่อนไว้มิดชิดก็จริง แต่มันก็ไม่ค่อย ปลอดภัยนัก เพราะวันหนึ่งเจ้าพวกนี้อาจจะรู้ก็ได้ กันเบาใจที่เอามา ฝากแกไว้"[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันนั้นลุงได้จัดอาหารและเหล้ามาเลี้ยงสายด้วย และได้นำเอา ทองคำแท่งของสายไปเก็บไว้ที่ปลอดภัย โดยไม่มีใครรู้แม้แต่เมีย ของลุง[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ต่อจากนั้นสายก็มาเยี่ยมเยียนเสมอ เพราะลุงไม่ค่อยได้มีเวลา ไปไหน นอกจากติดต่อเรื่องการค้า ความสนิทสนมของสายกับจำปี เมียลุงก็มากขึ้น มีการหยอกเย้าล้อเลียนกันอย่างสนิทสนม ครั้งแรก ก็ดีใจที่เพื่อนกับเมียสนิทสนมกันดี ยิ่งนานความสนิทสนมก็มากขึ้น มีการล้อเลียนจับมือถือแขน ทั้งๆ ที่ต่อหน้าต่อตาลุง ดูเหมือนเมีย ลุงก็เป็นใจยั่วด้วย เมื่อไม่คิดก็ไม่มีอะไร แต่ความรักเมียมากก็ยิ่ง โกรธมาก ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณและความเป็นเพื่อนค่อยๆจางลง ยิ่งคิดยิ่งโกรธ บางเวลาลุงกัดฟันบริภาษ ด้วยความโกรธสุดขีด[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อ้ายสายมันทรยศ จะเป็นชู้กับเมียข้า" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ยิ่งคิดไป ความโลภ ความโกรธก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จิตใจเหี้ยมเกรียม ขึ้น คิดว่าถ้ากำจัดสายเสียแล้ว นอกจากสบายใจขึ้น ยังจะได้ทรัพย์ สมบัติของสายที่นำมาฝากไว้ และลบล้างหนี้สิน ๕๐ ชั่ง ด้วยความ หึงหวงบวกกับความโลภ เหมือนกองไฟราดด้วยน้ำมันกรุ่นอยู่ในใจ ลุงตลอดเวลา ลุงแสดงกิริยาภายนอกกับสายและเมียของลุงอย่างปกติ แต่ในใจของลุงนั้นคิดจะพิฆาตอยู่ทุกเวลา การค้าเวลานั้นเจริญมาก ผลไม้ก็ต้องเพิ่มจำนวนส่งออกเพราะขายดี กล้วยหอมและส้มโอมี ผู้ต้องการมากจนต้องเพิ่มจำนวนส่งขึ้นทุกเที่ยวเรือ บางครั้งไม่พอส่ง ต้องไปหาซื้อตามสวนใกล้เคียงพระนคร ได้ไปติดต่อกับเจ้าของสวน แห่งหนึ่งทางฝั่งธนบุรีซึ่งส้มโอมีชื่อชั้นดี เจ้าของสวนนี้มีบุตรสาว คนหนึ่งชื่ออำแดงสำลี อายุเพิ่งได้รุ่นสาว ร่างท้วมขาว สวย พูดจา ไพเราะ ลุงนึกถึงสายขึ้นมาได้ ก็พาสายมาเที่ยวสวนส้มโอของ อำแดงสำลีด้วย สังเกตดูสายมีความพอใจในรูปโฉมของสำลีมาก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อไปถึงคราวใดเราก็มักไปพักที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งมี สวนติดต่อกับอำแดงสำลี และเพื่อนคนนั้นก็มักจะเลี้ยงอาหารและ เหล้ายาปลาปิ้งทุกครั้งที่ไป และสายก็มักเมาทุกครั้งเหมือนกัน ลุงสังเกตดูรู้สึกว่าอำแดงสำลีก็ไม่รังเกียจสาย แต่สำหรับผู้ใหญ่ ทางฝ่ายสำลีรู้สึกไม่พอใจที่สายเป็นพวกขี้เหล้าเมายาและเป็นนักเลง การพนัน แต่ฐานะของสายก็เป็นคนร่ำรวยมาก จึงยังตัดสินใจไม่ถูก[/FONT]

    [FONT=&quot]
    วันที่เกิดเหตุใหญ่นั้น สาเหตุเกิดจากความหึงหวงและความ โลภ ความอิจฉาริษยาของลุงเป็นเหตุ ความจริงถ้าลุงจะมีสติ มีความคิด บังคับใจของตนเองไม่ให้มีความโลภเข้าเป็นเจ้าหัวใจ แล้ว คงคิดได้ว่า ถ้าอำแดงสำลีแต่งงานกับสายแล้ว หนามยอกอก ที่เข้าใจว่าสายเป็นชู้กับเมียลุงก็หายไปเอง แต่นี่เพราะความโลภ อยากได้สมบัติของสายมาเป็นของตัว ทำให้ลุงไม่ยอมคิดอะไรทั้งสิ้น แผนการณ์ที่จะทรยศต่อเพื่อนผู้มีพระคุณ ทำให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมโอวาท ลืมศีลธรรม ลืมบาปกรรมทั้งสิ้น มีแต่จิตใจที่จะคอย สังหารเพื่อนรักให้ได้อย่างเดียว เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติและบ่งหนาม ที่ยอกอกให้หลุดพ้น[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ในวันนั้นเองเวลาจวนบ่าย สายได้มาชวนลุงไปสวนฝั่งธนบุรี เพื่อจะไปหาอำแดงสำลีคนรัก ลุงตกลงไปด้วย เราทั้งสองจึงขึ้นรถม้า คู่ที่เจ้าหมัดเป็นคนขับไป และให้ไปจอดรออยู่โรงสีไฟของฝรั่ง แห่งหนึ่ง แล้วเราก็ลงเรือจ้างขาประจำ คนแจวเรือชื่อตาหนูขี้ยา แจวเรือข้ามฟากเข้าคลองไปถึงบ้านเพื่อน ซึ่งสวนอยู่ติดกับสวนของ อำแดงสำลี เพื่อนคนนี้ชอบพอกับสายและลุงมาก เขาก็อยากแวะ ช่วยเหลือให้สายกับอำแดงสำลีได้แต่งงานกัน ทุกครั้งเรามักจะแวะ บ้านเขาหลังจากไปบ้านอำแดงสำลีคนรักของสายแล้ว วันนี้ก็เช่นกัน เมื่อไปหาอำแดงสำลีแล้ว เราก็แวะที่บ้านเพื่อนผู้นี้อีก และเขาก็ จัดการรับรองด้วยเหล้าและอาหารตามเคย[/FONT]
     
  19. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ลุงพยายามกินแต่เพียงน้อยเพื่อไม่ให้เมา แต่สายนั้นคงเมา มากตามเคย เมื่อจะลาเจ้าของบ้านกลับ สายก็เดินไม่ตรงเสียแล้ว ลุงพยายามจะช่วยพยุง แต่สายเป็นคนที่มีทิฐิความถือดี แม้จะเมา เพียงไรถึงหกล้มหกลุกก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองเมา เพื่อนคนนั้นเห็นสาย เมามากก็ขอร้องให้นอนพักที่บ้านเขาก่อน เมื่อสร่างดีแล้วค่อยไป สายก็ไม่ยอม ลุงเข้าไปพยุงก็สะบัดมือไม่ยอมให้พยุง บอกว่าไม่เมา พอมาถึงท่าน้ำซึ่งเรือจ้างจอดอยู่นั้น กว่าจะลงเรือได้แสนจะลำบาก เกือบจะตกน้ำเสียหลายครั้ง แต่ก็ยังดีที่ลงได้โดยปลอดภัย เมื่อนั่งใน เรือเรียบร้อยแล้ว ตาหนูคนแจวเรือก็ถ่อเรือออกจากท่ามาตามลำคลอง เพราะใช้แจวไม่ได้ เนื่องจากน้ำแห้งขอดมาก ถ่อมาจนถึงปากคลอง ออกแม่น้ำเจ้าพระยา จึงได้ใส่หูแจวแล้วแจวทวนน้ำขึ้นไปทางเหนือ ก่อนที่จะข้ามฟาก เวลานั้นเป็นเดือน ๑๑-๑๒ น้ำเหนือไหลลงมา เชี่ยวมาก จะแจวตัดตรงเหมือนเวลาธรรมดาไม่ได้ น้ำจะพัดเรือไป ไกลจากที่หมาย ลุงนึกในใจว่าแผนการณ์ที่คิดไว้คงสำเร็จคราวนี้แน่ อีกใจหนึ่งก็อยากเลิกล้มแผนการณ์อุบาทว์นี้เสีย แต่เหมือนมีมารร้าย มากระซิบเตือนอยู่เสมอว่า[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] "ถ้าเราไม่ทำคราวนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ลงมือวันนี้เดี๋ยวนี้ ทรัพย์สมบัติก็จะเป็นของแกหมด"[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ทุกครั้งที่ลุงตัดสินใจ ก็มีเสียงกระซิบเตือนให้ลงมือเสมอ ลุงคิดว่าเพราะไม่ได้ปฏิบัติตามอาจารย์สั่งสอน ละทิ้งการประพฤติ รักษาศีล ๕ ผีร้ายจึงดลใจให้คิดชั่วอยู่เสมอ เพราะตัวเองก็มีความชั่ว อยู่แล้ว มันจึงถือโอกาสซ้ำเติมให้ขาดสติ ขาดความยั้งคิดไปในทาง ที่ดี มีแต่ทางที่ชั่ว มารแห่งความชั่วมันได้มาสิงในกายลุงเสียแล้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ลุงเริ่มลงมือยั่วสายทันที [/FONT]
    [FONT=&quot]"เฮ่ย! เมามากก็นั่งให้มันดีๆ หน่อย เดี๋ยวจะตกน้ำตกท่าไป"[/FONT][FONT=&quot] ลุงรู้นิสัยดีว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ สายพยายาม ลุกขึ้นยืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางเรือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขา ไม่เมา ลุงตะโกนไปอีก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "อย่า! สายอย่ายืน!" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    แต่ในใจคิดว่ามันยืนได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หรือถ้าจะตกน้ำ ลงไปก็ยิ่งดีใหญ่ ลุงจะได้ไม่ต้องลงมือฆ่าสายเอง สายหลงกลเสียแล้ว เพราะเขาไม่คิดว่าเพื่อนรักอย่างลุงจะกล้าทรยศ พอตาหนูแจวขึ้นไป ทางเหนือกะระยะข้ามไป จึงเบนหัวเรือตัดเฉียงขึ้นเหนือ เมื่อออกมา เกือบถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ก็พอดีมีเรือกลไฟของบริษัทป่าไม้ ฝรั่งลำหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงบ่ายหน้าขึ้นมาทางเหนือ ตาหนู เห็นสายยืนดังนั้นก็ร้องเตือนว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "คุณครับ นั่งลงเถอะ เดี๋ยวคลื่นซัดเรือจะเปียกหมด แล้วจะ ตกน้ำลงไป" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    สายก็ยังคงไม่ยอมนั่งด้วยความอวดดี ลุงชำเลืองดูเห็นตาหนู ซึ่งเมื่อบอกสายไม่เชื่อแล้ว ก็ค่อยระวังคัดหัวเรือออกรับคลื่น มันเป็น โอกาสที่ดีครั้งสุดท้ายของลุงที่ควรจะลงมือทำได้แล้ว ลุงรีบลุกยืนขึ้น ทำเป็นว่ากลัวลูกคลื่นจะซัดเข้ามาเปียก พอดีคลื่นมากระทบแคมเรือ ลุงรีบฉวยโอกาสนี้ แสร้งทำเซเสียหลักกระแทกไหล่ขวาของสาย ซึ่งกำลังยืนอยู่อย่างเต็มแรง สายเสียหลักตกใจร้องออกมาว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "เฮ่ย! อ้าย....." [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใดออกมาอีก ศรีษะของเขาก็ทิ่มตกลงไป ในแม่น้ำและจมหายไปทันที แม้ว่าเป็นแผนการณ์ที่กำหนดขึ้นเอง ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ทันใดนั้นเรือเอียงวูบลง น้ำเข้ามาทางกาบเรือ ลุงรีบนั่งลงจับแคมเรือไว้ ขณะเดียวกันตาหนูกำลังคัดแจวอย่างเต็ม กำลัง พอเรือเอียงแจวที่แกออกแรงวัดก็พ้นน้ำขึ้นมา ตาหนูเสียหลัก เลยหกล้มลงที่ท้ายเรือนั่นเอง แต่แกไม่ทันตกน้ำ เพราะแกรีบคว้า หลักแจวไว้ทัน เรือก็ทรงตัวได้ไม่ล่ม พอแกรู้ว่าสายตกน้ำหายไป แกตกใจมากปากคอสั่น[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "แย่แล้ว คุณสายตกน้ำไป น้ำมันเชี่ยวเหลือเกินจะทำอย่างไร ดีล่ะ เจ้าพ่อเจ้าแม่ประจำคุ้งน้ำนี้ช่วยคุ้มครองด้วยเถอะ อย่าให้ คุณสายเป็นอะไรเลย" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    แกพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอ ยกมือขึ้นไหว้ ๔ ทิศ เวลาแจว ตาก็จ้องบนพื้นน้ำ เพื่อจะเห็นสายโผล่ขึ้นมาบ้าง แล้วรำพันต่อไปว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "โธ่! คนดีๆ อย่างคุณสายไม่ควรจะอายุสั้นอย่างนี้เลย ต่อไปนี้อ้ายหนูจะไปพึ่งใคร ใครจะใจดีเหมือนคุณสาย เจ้าประคุณ ขออย่าให้เป็นอันตรายเลย หัวหมู บายศรี เป็ดไก่ อ้ายหนูยอมแก้บน ทุกอย่าง ขอชีวิตคุณสายกลับมาเถิด" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมื่อลุงได้ยินตาหนูรำพันความดีของสาย ความรู้สึกผิดชอบ ก็กลับคืนมา ระลึกถึงการเคยเป็นเพื่อนช่วยเหลือ พอได้คิดแล้วก็ใจ หายน้ำตาร่วงโดยไม่รู้สึกตัว เพราะจิตใจปั่นป่วนเหมือนคนบ้า จะดีใจหรือเสียใจก็พูดไม่ถูก ลุงรีบตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า[/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] "ช่วยด้วยคนตกน้ำ ช่วยด้วยคนตกน้ำ" [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
     
  20. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot] ไม่ช้านัก ตามสองข้างลำน้ำซึ่งส่วนมากเป็นเรือสวน ก็มี เรือสำปั้น เรือชล่า เรือมาด และเรืออีแปะค่อยๆ โผล่ออกมาทีละลำ สองลำ สุดแต่ใครจะมีเรืออะไรนำออกมาทั้งหญิงและชายลำละ สองสามคน จนในที่สุดก็เต็มลำน้ำ บางลำพายมาเกาะเรือของลุง ถามถึงว่า เพราะเหตุใดเพื่อนถึงตกน้ำลงไป ลุงอธิบายให้เขาฟังว่า สายเมาและลุกขึ้นยืนเก้ๆ กังๆ ห้ามก็ไม่ฟัง พอดีคลื่นเรือกลไฟ ซัดมากระทบแคมเรือเสียหลักหัวทิ่มตกลงไปในน้ำคว้าตัวไว้ไม่ทัน เพราะลุงก็เกือบๆ จะตกลงไปเหมือนกัน ต้องรีบยึดแคมเรือไว้ ตาหนูคนแจวเรือก็ว่าตามอย่างลุง เพราะแกไม่ทันเห็นลุงกระแทก ไหล่สาย แกมัวแต่คอยคัดท้ายเรือระวังรับคลื่น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    เมื่อชาวบ้านได้ทราบเรื่องก็ตะโกนต่อๆ ไปว่า คนเมา ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย เสียงร้องบอกก้องไปทั่วท้องน้ำ เพราะ คนทางฝั่งก็ตะโกนถามมา เพราะอยากรู้เรื่องเหมือนกัน แม้จะรู้ว่า มีหวังน้อยเหลือเกิน แต่พวกชาวบ้านหมู่นั้นเป็นผู้มีจิตใจสูง หวังเอาบุญ ก็ช่วยกระจายเรือเป็นหน้ากระดาน มองดูว่าจะโผล่ ขึ้นที่ใดบ้าง จนพลบค่ำเข้าไต้เข้าไฟจึงพากันกลับด้วยความเศร้าใจ[/FONT]

    [FONT=&quot]
    หลังจากนั้น ลุงก็ได้ขึ้นจากเรือที่ท่าโรงสีไฟของฝรั่ง ลุงรีบ อธิบายให้เจ้าหมัดซึ่งยังรออยู่ให้รู้ว่า สายเมาเหล้าตกน้ำหายไป ลุงช่วยไม่ทัน เจ้าหมัดทั้งตกใจและตกตะลึง แล้วก็ร้องไห้อาลัยรัก นายของมัน ต่อจากนั้นลุงก็ได้จัดคนเที่ยวตามหาศพ สามวันต่อมา โปลิศน้ำได้พบศพของสายลอยขึ้นแถววัดบางกระสอบ ใกล้ท่าหิน ปากลัด ใต้เมืองนครเขื่อนขัณฑ์ เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วลุงก็จัดการ เผาศพสายจนเป็นที่เรียบร้อย เพราะโบราณถือว่าการตายชนิดนี้ไม่ดี ศพเอาไว้นานไม่ได้ ต่อนั้นก็มีคนอ้างเป็นญาติของสายเพื่อ รับมรดก แต่ลุงก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะสายซึ่งมีแต่ที่ดินและบ้าน ซึ่งมีตราจอง ทรัพย์สินอื่นคงหมดไปมากเพราะใช้เติบและใจใหญ่ เหตุการณ์ล่วง เลยมาโดยไม่มีใครทราบและสงสัยว่า การตายของสายจะเป็นการ ฆาตกรรม ทรัพย์สมบัติของสายที่ฝากไว้และเงินที่สายให้ลุงยืมก็ ไม่มีใครล่วงรู้เลย[/FONT]

    [FONT=&quot]
    เมียของลุง เมื่อได้ทราบข่าวการตายของสายก็โศกเศร้ามาก มันทำให้ลุงแสลงใจมาก คิดว่าสายคงมีความสัมพันธ์ทางชู้สาว กับเมียเป็นแน่ ทำให้นึกชังน้ำหน้าเมียไปด้วย[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ครั้งหนึ่งเมียของลุง ได้พรรณนาถึงคุณความดีของสาย หล่อนบอกว่าเมื่อสายยังมีชีวิตอยู่นี้ ได้แกล้งเย้าหยอกหล่อนต่อหน้า ลุง ก็เพราะอยากรู้ใจเพื่อนว่ารักเมียหรือรักเพื่อนมาก ตามปกติแล้ว สายไม่เคยยั่วลับหลังเลย บางครั้งเมื่อลุงไม่อยู่บ้าน อยู่แต่เมีย เมื่อสายมาหาทราบว่าลุงไม่อยู่ เขาจะรีบกลับทันที ไม่ยอมอยู่ลำพัง สองต่อสองกับหล่อน ลุงทราบเรื่องนี้เข้าก็ตกใจและเสียใจมาก น้ำตาไหลออกมาทันที เพราะหลงเข้าใจผิดในตัวสาย แท้จริงสาย ต้องการเพียงจะลองใจลุงเท่านั้นเอง เมียของลุงมีความสงสัยในการ ตกน้ำตายของสาย เพราะว่ามันไม่น่าจะเป็นได้ เพราะตามธรรมดา สัญชาตญาณ เมื่อมีคลื่นมาก็ควรจะย่อเข่าลงจับแคมเรือ จะตกน้ำ อย่างไม่เป็นท่าแบบนั้นไม่ได้ ครั้นมาเห็นกิริยาของลุง ก็ยิ่งสงสัย มากขึ้น ลุงได้พยายามอธิบายให้เข้าใจว่า สายเมามาก ตาหนูคนแจว เรือจ้างก็ยังเห็น และเป็นพยานได้ แต่เมียของลุง ก็ยังไม่หายสงสัย ลุงเคยคิดว่า ถ้าสายตายทรัพย์สมบัติของสายที่ฝากไว้จะทำให้ลุงมี ความสุข เพราะจะนึกอะไรทำอะไรก็ได้ตามประสงค์ แต่บัดนี้รู้ตัวว่า คิดผิดถนัด แม้จะได้สมบัติไว้มากมายเท่าใดก็ตาม แต่มันไม่ทำให้ จิตใจเป็นปกติได้ มันไม่ทำให้มีความสุข สบายใจแม้แต่น้อย ลุงหลอกคนอื่นได้แต่ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ ความรู้สึกผิดชอบ เตือนอยู่เสมอว่า ลุงเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย และคนตายนั้นเป็นเพื่อนรัก ที่มีบุญคุณอย่างล้นเหลือต่อลุง จิตใจก็คอยหวาดสะดุ้งกลัว คล้ายกับ มีวิญญาณของสายมาคอยติดตาม จ้องดูลุงอยู่เสมอ แต่ลุงพยายาม แสดงกิริยาภายนอกให้เป็นไปตามธรรมดา ไม่ยอมให้ใครล่วงรู้ความ ผิดปกติในจิตใจ เมียของลุงสังเกตเห็นจึงได้เตือนให้ลุงไปรดน้ำมนต์ และรักษาตัว เพราะรู้สึกว่าจะมีทุกข์หนักอยู่ในใจ ลุงปฏิเสธว่าไม่ได้ เป็นอะไรเลย และแก้ตัวว่าบางครั้งการค้าขายก็ต้องใช้ความคิดมาก จนทำให้นอนไม่หลับก็เป็นได้[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT]
    [FONT=&quot] ยิ่งนานวันเข้าความสำนึกผิด ก็ยิ่งทรมานจิตใจอย่างหนัก ทำให้เกือบๆ จะกลายเป็นบ้าทีเดียว แม้จะมีเสียงอะไรตกหรือเสียง อะไรดังก็สะดุ้งตกใจ คิดว่าโปลิศกำลังจะมาจับตัวลุง มันเป็นการ ทรมานจิตใจอย่างที่สุด จิตใจไม่เป็นของตัวเองคอยสะดุ้งหวาดกลัว อยู่เสมอ เงินทองไม่ได้ช่วยอะไรเลย ลุงมองดูเพื่อนบ้านบางคน แม้เขาจะยากจนเข็ญใจ แต่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดจา หัวเราะกัน อย่างมีความสุข เพราะเขามีใจบริสุทธิ์ ไม่ต้องคอยหวาดกลัว อะไรเหมือนเรา ลุงอิจฉาความสุขเหล่านั้น เมื่อไม่มีอะไร ดับทุกข์ ก็หันเข้าหาเหล้า ดื่มมันเพื่อให้เมา เพื่อให้ลืมความทุกข์ดื่มจนหลับไป การงานก็ปล่อยปละละเลยให้เป็นหน้าที่ของคนงาน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]
    ต่อมาเมียลุงตั้งครรภ์ ลุงดีใจมาก คิดว่าบางทีอาจจะทำให้ จิตใจของลุงดีขึ้น ลุงพยายามทะนุถนอมเมีย บอกให้เขารักษาตัว ให้ดีจนกว่าจะถึงกำหนดคลอด เวลาผ่านมาหลายเดือนจวนจะครบ กำหนดคลอดอยู่แล้ว วันหนึ่งลุงจำได้ว่าใจคอไม่ดีเลย นึกแต่เรื่อง ที่ได้ก่อกรรมทำชั่วเอาไว้ ลุงรู้ตัวว่าร่างกายผ่ายผอมทรุดลงมาก เมื่อส่องกระจกดูก็ตกใจเพราะเมื่อก่อนรูปร่างของลุง หน้าตาอิ่มเอิบ ล่ำสันสมเป็นชายอกสามศอก เป็นที่ต้องตาของหญิง บัดนี้ผิดรูป ผิดร่าง ตาลึกแก้มตอบ ผิวกร้านดำคล้ำ ดูแก่กว่าวัย เห็นแล้วก็เสีย น้ำใจ เพราะดื่มแต่เหล้า วันนั้นก็เช่นกัน ตอนเย็นนั่งดื่มเหล้า ไม่ยอมกินข้าวเย็น ดื่มจนเมาฟุบหลับไปบนชานหลังบ้านนั่นเอง[/FONT]

    [FONT=&quot]
    ขณะที่ฟุบหลับไปนั้น ลุงมองเห็นสายเดินตรงเข้ามาหา เขานุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงินเหมือนกับวันที่ตกน้ำตาย หน้าตาถมึงทึงกิริยา บอกว่าโกรธจัด สายมายืนตรงหน้าลุงแล้วก็ชี้หน้าด่าลุงว่า[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...