รวมพลคนสัมผัสญาณ"เจ้าแม่กวนอิม" 觀世音菩薩 結緣

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย horasarn, 1 ตุลาคม 2007.

  1. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติวิปัสสนาที่นำเอาสติปัฏฐาน ๔
    มาเป็นกรอบ

    ก็เพื่อให้เกิด ความเข้าใจในกระบวนการทำงานของรูปนาม
    ผลที่เกิดขึ้นคือ การรู้เท่าทันกระบวนการทำงานของรูปนาม
    อันจะมีผลสืบเนื่องคือ ความปล่อยวาง

    ส่วนวัตถุประสงค์ของการเปล่งพยางค์ "โอม" มี ๒ อย่าง

    ๑. กระตุ้นประสาทแต่ละส่วนในร่างกายให้ทำงานประสานกัน
    เพื่อผลในขั้นต่อไปคือ เอกภาพ ความแน่วแน่รวมเป็นหนึ่งของ
    ประสาทแต่ละส่วน สามารถนำไปเชื่อมโยงกับตรีมูรติได้
    ๒. กระตุ้นประสาทแต่ละส่วนให้ทำงานอยู่เสมอ เพื่อให้ปรากฏ
    ภาพชัดเจน ทำให้โยคีกำหนดพิจารณากระบวนการทำงานของ
    ประสาทได้ง่าย

    ผลที่เกิดขึ้นจากการเปล่งพยางค์ โอม คือ ความประสานกลมกลืน
    ของประสาทแต่ละส่วน และโยคีจะรู้สึกได้เกี่ยวกับกระบวนการ
    ทำงานของประสาทตลอดเวลา

    การสร้างคุณค่าใหม่แก่พยางค์ โอม คือ การเปิดมิติแห่ง
    ปัจเจกชนรับมิติแห่งจักรวาล

    คุณค่าใหม่อยู่ที่การเชื่อมติดกันระหว่างมิติแห่งปัจเจกชนกับ
    มิติแห่งจักรวาล
     
  2. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ความหมายและความสำคัญของพยางค์ศักดิ์สิทธิ์ "มณี"
    : มรรคาแห่งสหภาวะและอัชฌัตติกสมบัติ

    "มณี" คือแก้วมณี, มุ่งถึงเพชร
    ซึ่งหมายถึงภาวะแห่งปัญญาที่กล้าแกร่ง อันเกิดจากพลังจิต
    หรือเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังจิตสูงส่ง พระพุทธศาสนามหายาน
    ในอินเดียใช้คำนี้แทนพระสูตรมหายานกลุ่มปรัชญาปารมิตา
    "ความรู้กล้าแกร่งดังเพชร ตัดทำลายกิเลสให้สูญสิ้น"

    "มณี" หรือวัชระ ในที่นี้ มุ่งถึงวิญญาณขันธ์ ในส่วนที่เป็นมนัส
    (หรือกลิษฏมโนวิชญาณ หรือกิลิฏฐมโนวิญญาณ) การเปล่ง
    พยางค์ มณี คือการกระตุ้นกระบวนการทำงานของมนัสระหว่าง
    โลกแห่งปรากฏการณ์กับโลกแห่งจิต แสดงภาพออกมาเป็น

    "คทาเพชร" ๓ ส่วน ซึ่งหมายถึง
    (๑) โลกแห่งปรากฏการณ์
    (๒) โลกของมนัสเอง
    (๓) โลกแห่งจิต(อาลยวิชญาณ)

    ส่วนที่ ๓ คือโลกแห่งจิต อยู่ตรงกลาง หมายถึง "พีชะ"
    หรือเชื้อแห่งจักรวาล เป็นรูปจุดหรือหยดเล็ก มีภาพขดก้นหอย
    แสดงถึงพลังที่ออกมาจากอายตนะซึ่งอยู่ตรงกลางนี้

    จาก ส่วนที่ ๓ นี้ ทำให้เกิดส่วนที่ ๑ และ ๒ อยู่ในขั้วทั้ง ๒
    เป็นรูปดอกบัวบาน หมายถึงขั้วของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด จากจุดนี้
    อวกาศถือกำเนิดขึ้น กล่าวคือ โลกทั้ง ๓ ทิศทั้ง ๔ มีขุนเขาสุเมรุ
    เป็นแกนกลาง

    การแผ่ขยายพื้นที่ออกไปนี้ แสดงถึง ขันธ์ ๕ ที่เป็นองค์ประกอบ
    ของชีวิต แต่ละขันธ์มีส่วนในการตรัสรู้เหมือนกันทั้งหมด
    เพราะแต่ละขันธ์มีพระธยานีพุทธะ(ฌานีพุทธะ)ประจำอยู่ใน
    พระธยานีพุทธะแต่ละองค์ โพธิจิตย่อมแตกต่างกัน เหมือนกับ
    รังษีที่แผ่ออกจากวัตถุรูปทรง ๕ เหลี่ยม
     
  3. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ความหมายและความสำคัญของพยางค์ศักดิ์สิทธิ์
    "ปัทเม หรือปัทมะ"

    "ปัทมะ" แปลว่า ดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเบ่งบาน
    แห่งจิตและความบริสุทธิ์ที่คงทนอยู่ในท่ามกลางความไม่บริสุทธิ์

    เจ้าชายสิทธัตถะเมื่อแรกประสูติเสด็จดำเนิน ๗ ก้าว มีดอกบัว
    ๗ ดอกผุดขึ้นรองรับพระบาท แสดงถึงความบริสุทธิ์ภายใน
    องค์ของเจ้าชายเองและความบริสุทธิ์ของโลกที่อยู่รวมกันกับ
    สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย

    พระธยานีพุทธะ(ฌานีพุทธะ) นั่งเข้าฌานบนดอกบัวที่เบ่งบาน
    เต็มที่ แสดงถึงการเปิดจิต(จิตฺตสฺส วินีวรณํ) รับโลกภายนอก
    หันหน้าเข้าสู้สถานการณ์ของโลก

    นัยดั้งเดิมของสัญลักษณ์ดอกบัวคือ ดอกบัวเกิดจากโคลนตม
    ผุดขึ้นสู่พื้นผิวน้ำ แย้มบานเมื่อขึ้นอยู่เหนือผิวน้ำแล้ว และเมื่อ
    แย้มบานแล้วก็ยังคงไม่แปดเปื้อนด้วยดินและน้ำ

    จิตก็เหมือนกัน เกิดในร่างกายมนุษย์ แสดงคุณสมบัติแท้จริง
    ของจิตออกมา เมื่ออยู่เหนือกิเลสและอวิชชาแล้ว และเปลี่ยน
    พลังฝ่ายมืดให้เข้าไปสู่ส่วนลึกของพลังบริสุทธิ์แห่งโพธิจิต

    กล่าวคือแก้วมณีที่ประมาณมิได้ ปรากฏอยู่ในดอกบัว พระอริยะ
    แม้จะอยู่เหนือโลกและก้าวพ้นไปจากโลก แต่รากฐานของท่าน
    ยังคงประดิษฐานใน พื้นโลก

    เชื้อแห่งโพธิปรากฏอยู่ในโลกนี้ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าเสด็จ
    อุบัติในอดีตฉันใด ในปัจจุบันก็จะเสด็จอุบัติฉันนั้น แม้ในอนาคต
    ก็จะเสด็จอุบัติอย่างนั้น พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์
    แห่งมนุษยชาติ ต่างมีสายสัมพันธ์กันอย่างไม่มีจุดจบ

    "ยันตระ" ในวัฒนธรรมทิเบต หมายถึง มณฑล นั่นคือ
    การจัดระบบสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นฐานแห่งความเห็นแจ้ง

    มณฑลนี้แสดงออกมาเป็นรูปดอกบัว ๔ กลีบ ๘ กลีบ หรือ ๑๖ กลีบ
    ซึ่งทำให้เกิดจุดเริ่มต้นแห่งการบำเพ็ญฌาน
     
  4. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ความหมายและความสำคัญของพยางค์ศักดิ์สิทธิ์ "หูม"

    "หูม" เป็นพีชะ - พยางค์ (Seed - Syllable) ประกอบด้วย
    ห (H), อู (U) และ อัม (M)

    เป็นเสียงแห่งลมปราณ เป็นแก่นแท้ของชีวิต เป็นพลังชีวิต
    อันละเอียดที่ไหลเข้าและออก ครอบคลุมสรรพสิ่ง แท้ที่จริงแล้ว
    "หูม" ก็คือ อาตมันที่อยู่ในภาวะดั้งเดิม หูม แสดงถึงจิตใจที่
    ปลอดจากธรรมารมณ์หรือสิ่งที่รับเข้ามาในจิตใจ

    ประเด็นที่น่าสนใจคือ การเปล่งเสียง "หูม" พร้อมกับมีลมพ่น
    ออกทางจมูกและปาก ลมปราณนี่แหละหมายถึงทุกอย่างของชีวิต
    ธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลมถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนสภาพของ
    ลมปราณ คุณสมบัติเชิงพลวัตทั้งหมด สรรพสิ่งที่ก่อให้เกิด
    การเคลื่อนไหวและเปลี่ยนรูปร่าง ย่อมเปิดเผยให้เห็นสภาพ
    ของลมปราณ กระบวนการทั้งหมดทั้งทางกายและจิต พลังทั้งหมด
    ทั้งทางกายและจิต เริ่มจากการทำหน้าที่ของลมปราณและ
    การทำหน้าที่ของระบบหมุนเวียนของโลหิตและระบบประสาท
    จนถึงการทำหน้าที่ของวิญญาณ การทำหน้าที่ทางจิต และ
    การทำหน้าที่ทางจิตชั้นสูง ล้วนเป็นการปรับเปลี่ยนสภาพของ
    ลมปราณ และลมปราณเกิดจากการเปล่งเสียงว่า "หูม" ๒๐


    ประเด็นที่น่าสังเกต คือความสัมพันธ์ระหว่างพยางค์
    "โอม" กับพยางค์ "หูม"
    คำว่า "โอม" คือสภาพที่มุ่งขึ้นไปสู่สากลภาวะ
    คำว่า "หูม" คือสภาพแห่งสากลภาวะที่ดิ่งลงไปในส่วนลึก
    แห่งจิตใจมนุษย์

    "โอม" เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์
    "หูม" เปรียบเหมือนพื้นดิน
    (หรือฟ้ากับดิน) แสงอาทิตย์ต้องส่องลงมายังพื้นดินโดยไม่ต้องสงสัย
    "โอม" เป็นสภาพอนันต์ "หูม" เป็นสภาพอนันต์ที่อยู่ในสภาพอันต์
    การที่จะก้าวถึงและเข้าใจ "หูม" จะต้องผ่านประสบการณ์
    เกี่ยวกับ "โอม" ก่อน

    "โอม" คือจุดเริ่มต้นในขณะที่ "หูม" คือจุดสุดท้าย
    ใน "โอม" เราสละตัวเองออกมา
    ใน "หูม" เราให้ตัวเราเอง
    "โอม" คือประตูแห่งความรู้
    "หูม" คือประตูแห่งการตรัสรู้โพธิญาณ
     
  5. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    พยางค์ศักดิ์สิทธิ์ "หูม" กับปัญญา ๕ ประเภท
    ประเด็นที่น่าสังเกตต่อมาก็คือ ความสอดคล้องต้องกันระหว่าง
    ส่วนประกอบของ "หูม" กับญาณของพระธยานีพุทธะ

    (๑) สระ "อู" ซึ่งเป็นส่วนประกอบด้านล่าง สอดคล้องกับ
    สรรพสิทธิญาณของพระ อโมฆสิทธิ หมายถึงญาณที่ทำให้
    งานทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไป
    (๒) พยัญชนะ "ห" แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ
    ๒.๑ ร่างของ "ห" สอดคล้องกับปริจเฉทญาณของพระอมิตาภะ
    ๒.๒ หัวของ "ห" สอดคล้องกับสมตาญาณของพระรัตนสัมภวะ
    (๓) ส่วนที่เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว(เมื่อเขียนคำว่า 'หูม' ด้วย
    สัญลักษณ์แบบทิเบต จะมีส่วนหนึ่งเหมือนรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    เป็นฐานของหยดนิคคหิต) สอดคล้องกับอาทาสญาณของ
    พระอักโษภยะ
    (๔) เสียงนาสิก "อัม(หรือ ม)" สอดคล้องกับธรรมธาตุญาณ
    ของพระไวโรจนะ

    นอกจากนี้ "หูม" ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับสีต่าง ๆ กล่าวคือ
    "หูม" เปล่งรัศมีสีน้ำเงิน เขียว แดง และเหลือง ซึ่งรัศมีเหล่านี้
    ถูกเปล่งออกมาจากหน้า ๔ ด้านของศูนยเทพ ผู้เป็นร่างทรง
    ของมหาสุขะ(Supreme Bliss) และในร่างนี้เองเป็น
    จุดหลอมละลายพยางค์ "หูม"

    ผู้ปฏิบัติโยคะต้องผสานสัญลักษณ์แห่งมันตระเข้ากับกายและ
    จิตของตน ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการย้อนกระบวนการแห่งโยคะ
    พร้อมกับละลายสัญลักษณ์สระ "อู" โดยให้จมลงไปในร่างของ
    "ห" ให้ร่างของ "ห" จมลงไปในหัวของ "ห" และให้หัวของ
    "ห" จมลงไปในสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ให้สัญลักษณ์
    รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวจมลงไปในสัญลักษณ์ "นิคคหิต" และ
    ในที่สุด ให้สัญลักษณ์ "นิคคหิต" ละลายหายเข้าไปใน
    ศูนยากาศ จนกระทั่งปรากฏอยู่ในความเงียบ
     
  6. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    จุดหมายสูงสุดแห่งการปฏิบัติ

    จริยศาสตร์พื้นฐานของพระพุทธศาสนาแบบทิเบต เริ่มต้น
    ด้วบุพพกิจ คือ

    (๑) กราบด้วยอัฏฐางคประดิษฐ์แสนครั้ง
    (๒) สวดมนต์นอบน้อมพระโพธิสัตว์แสนครั้ง
    (๓) รับไตรสรณคมน์แสนครั้ง
    (๔) บูชาเทพยดาแสนครั้ง และ
    (๕)สวดมนต์ด้วยนัยลึกลับตามที่ลามะสั่งสอนแสนครั้ง
    รวมเรียกว่า "บุพพกิจห้าแสน"

    วัตถุประสงค์ของการทำบุพพกิจห้าแสนก็เพื่อ
    สร้างศรัทธาปสาทะให้มั่นคงในหลักปฏิบัติ
    ต่อจากนั้นจะได้รับอภิเษกจากอาจารย์ให้เข้าสู่ดวงมณฑล
    นั่นคือการเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ธยานีพุทธะ
    ซึ่งมีฐานะเป็นองค์เทพ แต่ละส่วนของมณฑลมีองค์เทพ
    ครอบครองอยู่ ศิษย์ผู้บำเพ็ญเพ่งพิจารณาองค์เทพในมณฑล
    ยึดเอาเป็นกสิณ เพ่งจากวงนอกเข้าไปสู่วงในสุด ซึ่งเป็นที่สถิต
    ขององค์มหาเทพ (พระไวโรจนะ = โอม) เพ่งจนกระแสจิต
    ดิ่งเป็นจุดเดียวเหลืออยู่ จนกระทั่งองค์มหาเทพสูญไป
    กลายเป็นศูนยตา
     
  7. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    วัชระ สหชะ และศูนยตา

    "วัชระ" แปลว่า เพชร เป็นคำที่ใช้เรียกอันติมสัจจะ
    (Ultimate Reality) ที่มีลักษณะเหมือนเพชร ไม่มีใคร
    แบ่งแยกได้ อาจวิเคราะห์ได้ว่า "วัชระกับศูนยตา" มีลักษณะ
    เหมือนกันบรรดาสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ความว่าง(ศูนยตา)เท่านั้น
    มั่นคง แบ่งแยกไม่ได้ เผาทำลายไม่ได้ ลักษณะอย่างนี้เหมือนกับวัชระ

    การบรรลุวัชระ ก็คือการบรรลุธรรมชาติอันเป็นศูนยะแห่งสิ่งทั้งปวง
    เป็นสภาวะอยู่เหนือทวิภาวะ อยู่เหนือความแตกต่างระหว่างจิต
    ซึ่งเป็นผู้รับรู้ กับวัตถุซึ่งถูกรับรู้ "วัชระ" คือ "มณี" ในมันตระ
    หมายถึงวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นฐานแห่งปรากฏการณ์ทั้งปวง
    "วัชรภาวะ" สร้างวัชรกายซึ่งเป็นกายที่ ๔ นอกเหนือจาก
    นิรมาณกาย สัมโภคกาย และธรรมกาย เป็นที่รวมของศูนยตา
    และกรุณา รวมทั้งวิญญาณบริสุทธิ์ กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า
    "ปรัชโยบายกับวิญญาณบริสุทธิ์"

    "สหชะ" แปลว่า เกิดร่วมกัน หมายถึงการเกิดร่วมกันแห่ง
    ปรัชญากับกรุณา การคลุกเคล้ากันระหว่างปรัชญากับกรุณา
    เป็นจุดที่ลักษณะแห่งจิตที่เป็นบวกและลบถูกกำจัดทิ้งไป
    จิตบริสุทธิ์ปลอดจากความเป็นและความไม่เป็น
     
  8. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    มหาสุขะ
    นิพพานเป็นอันติมสัจจะ เป็นบรมสุขและวิมุตติสุข รวมเรียกว่า
    "มหาสุขะ"

    ภาพที่แสดงผู้บรรลุนิพพานจึงอยู่ในลักษณะเป็นสุข
    เช่น ภาพวาราหีเทพี (ศูนยตา) อยู่ในอ้อมกอดมหาเสาขยะ
    เทพีไนราตมะอยู่ในอ้อมกอดของเหรุกะ

    มหาสุขะเป็นภาพแห่งนิพพานในด้านที่เป็นผล เกิดจากการ
    ละลายโลกิยสุขทุกประเภทเข้ากับโลกุตตรสุข ทำลายมิติที่
    ขวางกั้นระหว่างสังสารวัฏกับนิพพาน อยู่เหนือสิ่งทั้งปวง
    เหนือห้วงแห่งความคิดปรุงแต่งทั้งเชิงบวกและเชิงลบ
    ไม่สามารถบรรยายด้วยภาษาคน แต่เป็นสิ่งประจักษ์แจ้งเฉพาะตัว
    ในภาวะแห่งมหาสุขะ แม้จะเป็นจุดที่กำจัดความคิดแบ่งแยก
    ไม่มีความคิดเชิงลบและบวก แต่พลังแห่งปรัชญากับกรุณา
    หรือพลังลบกับพลังบวก หรือพลังหญิงกับพลังบุรุษยังคง
    ทำงานอยู่ เป็นแต่ทำงานด้วยความกลมกลืนเท่านั้น
     
  9. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    อัทวยะ

    แนวคิดที่ว่า "วัตถุกับจิต หรือรูปกับนาม" แยกส่วนกัน แม้จะมี
    ความสัมพันธ์กัน แต่ก็แยกส่วนกัน โลกแห่งวัตถุถือเป็นพลังชั่วร้าย
    การบำเพ็ญธรรม จึงมีเป้าหมายที่จะปลดปล่อยจิตจากการยึดมั่น
    ถือมั่นวัตถุ แนวคิดนี้ไม่ถูกต้อง ความดีกับความชั่วไม่มีอยู่จริง
    เป็นเพียงรูปแบบที่ผิดปกติของลักษณะดั้งเดิมของจิต ความถูก
    หรือผิดไม่ได้อยู่ในวัตถุภายนอก แต่อยู่ที่วิธีการมอง เพราะฉะนั้น
    เป้าหมายแห่งการบำเพ็ญธรรมจึงอยู่ที่การตัดกระแสท่าทีของ
    จิตต่อโลกภายนอก "อัทวยะหรืออทวิภาวะ" จึงเป็นเป้าหมาย
    แห่งการปฏิบัติ เป็นจุดรวมระหว่างจิตกับวัตถุ เป็นจุดเหนือ
    ความดีและความชั่ว

    อัทวยะในเชิงอภิปรัชญา หมายถึงจุดหลอมรวมระหว่าง
    ล่างกับบน ซ้ายกับขวา หน้ากับหลัง

    ในเชิงญาณวิทยา หมายถึง จุดหลอมรวมผู้รู้ (จิต)
    กับสิ่งที่ถูกรู้ (วัตถุ)

    ในเชิงจริยศาสตร์ หมายถึงจุดหลอมรวมระหว่างกรรม
    กับผลของกรรม ดังที่มีคำกล่าวเสมอว่า
    "ทุกข์เท่านั้นมีอยู่ ผู้ประสบทุกข์หามีไม่"
    สรุปก็คือว่า ในที่สุดแล้ว จะมีเพียงกิริยาเท่านั้นที่เหลืออยู่"
     
  10. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    กิจกรรมกลุ่มผู้ปฏิบัติศูนยตาธรรม

    วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2552


    ณ ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์

    หมู่บ้านมัณฑนา ซอย 5/8 ประชาอุทิศ 129

    ตั้งแต่ เวลา 14.00 - 18.00 น.


    รายละเอียดของกิจกรรม

    ไขรหัสกรรม ตรวจสอบวาระกรรม รักษาโรค
    โดย อาจารย์ Astro Neemo

    ธรรมบรรยาย โดย อาจารย์เอกจิต

    เรียนชี่กง โดย อาจารย์จอห์นนี่

    กิจกรรมสันทนาการสำหรับเด็ก ๆ โดย อาจารย์แฟรงค์

    (สำหรับกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
    นอกจากญาติธรรมที่ต้องการไขรหัสกรรม ซึ่งทาง
    ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์ ได้จัดเตรียมพาน
    ดอกไม้ ธูปเทียน โดยร่วมทำบุญเป็นค่าน้ำค่าไฟ ในราคา
    ชุดละ 20 บาท สำหรับค่าครูแล้วแต่ศรัทธา)

    ดูดวงด้วยไพ่พรหมญาณ โดย อาจารย์นก

    (อาจารย์นก ท่านมีจิตเมตตา ซึ่งตามปกติท่านจะรับดูดวง
    คนละ199 บาท ซึ่งท่านจะนั่งประจำอยู่ที่ ไทยมาร์ท (มีนบุรี)
    แต่ท่านเห็นว่า โครงการพ่อแม่บุญธรรมที่ อาจารย์จอห์นนี่
    กับ อาจารย์นีโม่ ได้ร่วมทำโครงการนี้มาได้ 4 ปีแล้ว
    ท่านอยากเห็นโครงการนี้ดำเนินต่อไป จึงได้สละรายได้
    50% ของท่าน สำหรับญาติธรรมที่สนใจมาดูดวงที่
    สถานธรรมนี้ สมบททุนเข้าโครงการพ่อแม่บุญธรรม
    ขออนุโมทนากับท่าน มา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ)

    บริการอาหารและเครื่องดื่ม ฟรี

    หมายเหตุ เนื่องจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552 ได้มีงานทอดกฐิน
    ของครูบาคำเป็ง จ. กำแพงเพชร ซึ่งมีอาจารย์ Mountain, อาจารย์
    Juksawat และ อาจารย์ทานะบารมี ได้ไปร่วมงานทอดกฐินในครั้งนี้
    จึงขอเลื่อนกิจกรรมของศูนยตาธรรม ไปเป็นอาทิตย์ถัดไป สำหรับกิจกรรม
    ในวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. 2552 ณ ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์
    ยังคงจัดกิจกรรมตามปกติเช่นเดิมค่ะ



    วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา 17.00 - 21.30

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->


    (สอบถามรายละเอียดได้ที่ ไอย โทร. 086-3513950)<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  11. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    [​IMG]

    โครงการพ่อแม่บุญธรรม (ปีที่ 4)

    ร่วมเป็น "พ่อแม่อาสา" ในโครงการพ่อแม่บุญธรรม
    ให้กับเด็กผู้ด้อยโอกาสและคนชราที่ขาดที่พึ่ง
    กับ ธรรมชาติพุทธสถาน ธนบุรีรมย์
    เพียงเดือนละ 100.- โทร 086-351-3950


    รูปภาพเด็ก ๆ ในโครงการพ่อแม่บุญธรรม<!-- google_ad_section_end -->




    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]












    </FIELDSET>
    โครงการพ่อแม่บุญธรรม ธรรมชาติพุทธสถาน
    ธนบุรีรมย์ ทุ่งครุ กทม.

    โครงการก่อตั้งเมื่อปี พศ.2548 โดยอาจารย์จอนห์นี่ โค และ
    อาจารย์รุ่งนภา อังคศิริกุล โดยในช่วงแรกได้นำเด็กๆบริเวณ
    รอบๆ หมู่บ้านที่พ่อแม่ยากจน จำนวน 30-40 คนมาเข้าฝึก
    อบรมสันทนาการ การเรียนรู้ในช่วงปิดภาคเรียน โดยมีครูอาสา
    ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการต่าง ๆ มาให้ความรู้แก่้ด็ก ๆ
    เช่น การเรียนภาษาจีน การเรียนวาดภาพ คณิตศาสตร์
    วิทยาศาสตร์ การร้องเพลง และศิลปวัฒนธรรมไทย และ
    สันทนาการต่างๆให้กับเด็กๆ

    โครงการนี้ได้รับอุปการะเด็กๆ ที่ด้อยโอกาส และคนชราที่ขาด
    ที่พึ่ง โดยรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา โดยไม่หักค่าใช่จ่าย
    ในการดำเนินการใดใด นำมามอบให้เป็นค่าเลี้ยงชีพและเป็น
    ทุนในการศึกษา โดยได้ทำมาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งมีผู้อยู่
    ในความอุปการะดังนี้

    1) ด.ช. ณัฐภัทร จันทรานุสรณ์ (น้องโตโต้) ซึ่งเป็นเด็กสมาธิสั้น
    อายุ 10 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป. 1 โรงเรียนสุพรรณบุรีประชานุกูล
    (โรงเรียนสอนเด็กพิเศษ)<O:p</O:p
    2) น.ส. ศตพร พันทอง อายุ 15 ปี กำลังศึกษา
    อยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนฮอดพิทยาคม อ. ฮอด จ. เชียงใหม่ <O:p</O:p
    3) ด.ญ. ศตวรรณ พันทอง อายุ 12 ปี กำลังศึกษา
    อยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนฮอดพิทยาคม อ. ฮอด จ. เชียงใหม่

    ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการพ่อแม่บุญธรรม
    <O:p</O:p
    1. อาจารย์จอห์นนี่<O:p</O:p
    2. อาจารย์ Astro Neemo<O:p</O:p
    3. อาจารย์นก<O:p</O:p
    4. นายรัตน์ มาใหญ่<O:p</O:p
    5. นายอาภาธร กนกพงศ์<O:p</O:p
    6. นายธีรยุทธ อดุลวิบูล<O:p</O:p
    7. คุณปู (จากอเมริกา)
    8. ไอย
    9. คุณภามาศ
    10. คุณ tantawan<O:p</O:p
    11. คุณ Saowanit999
    12. อาจารย์ SUTASSEE
    13. อาจารย์ Mountain
    14. คุณสุภาวดี (น้องตุ๊ก) หาดใหญ่
    15. คุณ palmgubnon

    กองทุนสำหรับกิจกรรมสันทนาการของเด็ก ๆ

    1. ธรรมชาติ พุทธสถาน (บึงกุ่ม) จำนวนเงิน 1,000 บาท<O:p</O:p
    2. หจก. มาใหญ่ พร็อพเพอร์ตี้ จำนวนเงิน 1,000 บาท
    3. คุณภามาส จำนวนเงิน 200 บาท<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2009
  12. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เทศกาลกินเจ ประจำปี 2552 ชวนกินเจ ทำบุญละบาป

    วันที่ 18-26 ตุลาคม 2552
    รับพระคืนวันที่ 17 ตุลาคม 2552
    ส่งพระคืนวันที่ 26 ตุลาคม 2552

    เทศกาลกินเจเดือนเก้า (เก้าอ๊วงเจ)

    ประเพณีการกินเจเดือนเก้า หรือเทศกาลกินเจกำหนดเอาวัน
    ตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1ค่ำ ถึง 9 ค่ำ ตามปฏิทินจีน
    ทุกๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน

    ในพระพุทธศาสนาฝ่ามหายานมีอรรถาธิบายว่า
    " เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าใน
    อดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์
    รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า
    ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9
    อันมี พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวพระอังคาร ดาวพระพุธ
    ดาวพระพฤหัสบดี ดาวพระศุกร์ ดาวพระเสาร์ ดาวพระราหู
    ดาวพระเกตุ "

    ในพิธีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจ้า 7 พระองค์และ
    พระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์นี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนา
    ต่างสละเวลาและกิจทางโลกมาบำเพ็ญศีล ตั้งปณิธานกินเจ
    บริโภคแต่อาหารผลไม้ งดเว้นอาหารเนื้อสดของคาวด้วย
    การสมาทานรักษาศีล 3 ข้อ กล่าวคือ :-


    <DL><DD>1 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาบำรุงชีวิตตน
    2 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเลือดตน
    3 เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์ มาเพิ่มเนื้อตน

    <DD>

    <DT><DT>เพื่อซักฟอกมลทินออกจากร่างกาย วาจา ใจ ต่างสวมเสื้อผ้า<DT>สีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากจุดด่างพร้อย พากันเดินทางสู่<DT>วัดวาอารามพร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียน ไปนมัสการน้อมบูชาแด่<DT>สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าทั้ง 7 พระองค์อีก<DT>ทั้งพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ พร้อมจัดหาเครื่องกระดาษ <DT>ทำเป็นรูปทรงเสื้อผ้า, หมวก, รองเท้า, กระดาษเงินกระดาษทอง<DT>ต่างๆ ไปน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะ เป็นกุศลสมาทาน<DT>
    (แต่ในอดีต จะนำวัตถุสิ่งของ เครื่องปัจจัย 4 ไปถวายนักบวช

    <DT>พระเณร ผู้ทรงศีล และแจกทานด้วยเสื้อผ้าเงินทอง ที่เป็น

    <DT>ของจริงๆ แก่คนทุกข์ คนยากจน)

    </DT></DL>
     
  13. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    <DT>โอกาสพิเศษที่ควรทานเจ</DT><DT>
    วันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    วันคล้ายวันเกิดของลูกหลาน
    วันแต่งงาน
    วันเลี้ยงเพื่อนฝูงญาติสนิท
    วันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
    วันที่ทำบุญสร้างกุศล หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
    ช่วงเข้าพรรษา
    วันขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    วันไว้ทุกข์ให้กับบุคคลที่มีความสำคัญกับเรา
    ฯลฯ
    ทานเจเพื่ออะไร
    จุดประสงค์หลักของผู้ที่ทานเจ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ :-


    กินเพื่อสุขภาพ
    อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อรับประทานติดต่อกัน
    ช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะ
    สมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้
    ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
    ทั้งนี้ผู้ทานเจจะต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

    กินด้วยจิตเมตตา
    เนื่องจากอาหารที่เราทานอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วย
    เลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรม และมีจิตสำนึก
    อันดีงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ย่อมไม่อาจทานเลือดเนื้อของสัตว์
    เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจ และที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตาย
    เช่นเดียวกับคนเรา

    กินเพื่อเว้นกรรม
    ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่า
    เพื่อเอาเลือดเนื้อของผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม
    เกี่ยวกับการฆ่าโดยตรง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม
    การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่า เพราะถ้าไม่มีคนกินก็
    ไม่มีคนฆ่ามาขาย (" หยุดกิน... คือหยุดฆ่า") กรรมที่สร้างนี้
    จักติดตามสนองเราในไม่ช้า ทำให้สุขภาพร่างกาย อายุขัยของ
    เราสั้นลง เป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ จากเวรกรรมซึ่งรักษาได้
    ยากและเรื้อรังด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ชีวิตบั้นปลายจะไม่มี
    ความสุข เพราะมีแต่โรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
    โรคเก้าท์ และอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

    เมื่อผู้มีความรู้เรื่องกฏแห่งกรรมหยั่งรู้ถึงเหตุนี้แล้วจึงหยุดกิน
    หยุดฆ่า หันมารับประทานอาหารเจ ซึ่งทำให้ร่างกายเติบได้
    เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้นๆ แค่อาหาร
    ผ่านลิ้นเท่านั้น ความแตกต่างอยู่ที่ ทานอาหารเจไม่มีหนี้สินเวรกรรม

    </DT>
     
  14. -Valkyrie-

    -Valkyrie- สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2
    อนุโมทนา ด้วยนะค่ะ

    อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ
    ส่วนตัวนับถือพระแม่เหมือนกันค่ะ

    ท่านเป็นผู้ที่มีเมตตา อย่างหาที่สุดไม่ได้ เลยค่ะ
     
  15. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2552 ณ วัดหลิวจิงซาน
    (ซอยอ่อนนุช)ได้จัดกิจกรรมดังต่อไปนี้

    เวลา 19.00 – 20.00 น. - สอนสวดมนต์ภาษาจีน
    <O:p</O:p
    (ประกาศ เปิดสอนสวดมนต์จีน ฟรี สำหรับผู้ที่สนใจ)

    ด้วย พระภิกษุณีพระธรรมจารย์ฝ่าจั้นซือ วัดหลิงจิวซาน
    สาขากรุงเทพ มีความเมตตาจะสอนวิธีสวดมนต์แบบธรรมสังคีต
    ของมหายาน (ภาษาจีนกลาง) สอนวิธีไหว้แบบอัษฐางคประดิษฐ์
    และสอนการใช้ธรรมศาสนูปกรณ์ในการให้จังหวะการสวด
    สำหรับผู้ที่สนใจ
    <O:p</O:p
    ศาสนูปกรณ์ในศาสนพิธีของพระสงฆ์จีนนิกาย
    ในการเจริญพระพุทธมนต์หรือสวดพระพุทธมนต์ในพิธีกรรมของ
    พระสงฆ์จีนนิยมใช้อุปกรณ์ประกอบจังหวะและให้สัญญาณใน
    การสวดมนต์ในอารามทั่วไป ทั้งการสวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น
    หรือ พิธีถวายพุทธบูชาพิธีถวายพระพรชัยมงคล และในศาสนพิธี
    ขนาดเล็กพระสงฆ์และสาธุชนทั้งหลายจะใช้วิธีสวดทำนอง
    ปากเปล่ามีเพียงอุปกรณ์ประกอบจังหวะเพียงเล็กน้อย โดยใช้
    เคาะหรือตีกำกับการสวดทำนองและยึดเป็นตัวกำกับการเริ่มต้น
    และสิ้นสุดในการสวด การเปลี่ยนทำนอง เป็นต้น

    เป็นต้น
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ตุลาคม 2009
  16. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ๑.เกราะไม้ (บั๊กฮื้อ 木魚) หรือปลาไม
    เป็นเครื่องเคาะจังหวะ ทำด้วยเนื้อไม้แข็งแกะสลักเป็นรูป
    ทรงกลมเหมือนกระพรวนภายในกลวง ใช้เคาะประกอบ
    การเจริญพุทธมนต์มีหลายขนาด เล็กจนใหญ่ เป็นเครื่องกำชับ
    จังหวะเร็วช้า เพื่อให้สวดได้พร้อมเพรียงกัน

    ชื่อเรียกของเกราะไม้มักเรียกว่า บั๊กฮื้อ แปลว่า ปลาไม้
    เพราะมักแกะสลักรูปปลาไว้เสมอ มีความหมายในทางธรรมว่า
    ปลาเป็นสัตว์ที่ลืมตาอยู่เสมอดุจอาการตื่น ชาวพุทธควรถือเอา
    อาการอย่างปลา เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    การถือขณะประกอบพิธีโบราณจารย์ในประเทศจีนวางแบบอย่าง
    เพื่อสมณสารูปไว้ว่าต้องถือด้วยสองมือในระดับเดียวกับการ
    พนมมือ (ฮะเจี้ยบั๊กฮื้อ 合掌木魚)

    [​IMG]


    ๒.ระฆังกังสดาล (ตั่วเข่ง 大磬)
    มีรูปร่างเหมือนขันหรือบาตร ทำด้วยสัมฤทธิ์หรือทองเหลือง
    ใช้เคาะบอกขึ้นต้นสวดมนต์หรือต่างๆ แต่เดิมรูปร่างของ
    เครื่องดนตรีชนิดนี้เป็นรูปเหมือนตัวอักษร L ในภาษาอังกฤษ
    แขวนคว่ำลง มักใช้หลายอันแขวนเป็นราวแต่ต่อมาในทาง
    พุทธศาสนามักทำเป็นรูปทรงโอ คล้ายขันน้ำหรือบาตร

    [​IMG]
     
  17. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ๓.ระฆังมือ (อิ้งเข่ง 引磬)
    คือระฆังกังสดาลทรงกลมขนาดเล็ก มีด้ามมือถือด้านโลหะ
    ดีดประกอบกับจังหวะเป็นหลักในการสวดทำนอง การถือขณะ
    ประกอบพิธีโบราณจารย์ในประเทศจีนวางแบบเพื่อสมณสารูป
    ไว้ว่า ต้องถือดีดด้วยมือซ้ายมือขวา ประคองสูงในระดับใกล้เคียง
    กับปากของผู้ถือ (ตุ้ยเข้าอิ้งเข่ง 對口引磬

    [​IMG]

    ๔.ฆ้องมือ (ตั๊งจื้อ 鐺子หรือภาษากวางตุ้งเรียกว่า ต๊อง)
    เป็นฆ้องขนาดเล็ก มีด้ามจับ ใช้เคาะด้วยไม้ไผ่เหลา ประกอบ
    กำกับจังหวะในการสวด ทำนองการถือขณะประกอบพิธี
    โบราณจารย์ในประเทศจีนวางแบบอย่างเพื่อสมณสารูปไว้ว่า
    ต้องถือด้วยสองมือสูงในระดับคล้ายถือกระจกส่องหน้า
    (เจี้ยหมิ่งตั๊งจื้อ 照面鐺子)

    [​IMG]
     
  18. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ๕.ฉาบเล็ก (ปั๋ว , ฮะจื้อ 鉿子)
    เป็นฉาบขนาดเล็ก มีสองแบบ คือมีแบบนูนโค้ง (ของทางภาคเหนือ)
    และแบบนูนแบน (ของกวางตุ้ง)พระสงฆ์จะใช้ตีกำกับจังหวะ
    ขณะสวดมนต์การถือขณะประกอบพิธีโบราณจารย์
    ในประเทศจีนวางแบบอย่างเพื่อสมณสารูปไว้ว่า ต้องถือด้วย
    สองมือสูงในระดับใกล้เคียงกับกลางหน้าอกของผู้ถือ
    (เพ้งเฮงฮะจื้อ 平胸鉿子)

    [​IMG]



    ๖.กลองเล็ก (ฉิวโก้ว 手鼓)
    เป็นกลองขนาดเล็กพระสงฆ์จะถืออยู่ในมือขณะสวดมนต์
    การถือขณะประกอบพิธี โบราณจารย์ในประเทศจีนวางแบบอย่าง
    เพื่อสมณสารูปไว้ว่าต้องถือด้วยสองมือสูงในระดับหน้าอก
    คล้ายกับผู้ถือประคองดวงจันทร์ (เฮ่งง้วยฉิวโก้ว捧月手鼓)

    [​IMG]
     
  19. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    [​IMG]

    ๘.วัชระ (กิมกังซู่ 金剛杵)
    วัชระเป็นอาวุธที่มักปรากฎในทางศาสนาทั้งของ พราหมณ์
    และพุทธมักมีความหมายแทนสายฟ้า วัชระมักปรากฎในมือ
    ของพระอินทร์ หรือเทพต่างๆในทางพุทธศาสนามหายาน

    วัชระเป็นธรรมศาสตราในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า
    พระโพธิสัตว์มีความหมายว่า แทนพระปัญญาธิคุณ คมประดุจ
    เพชร (พัชระ) ตัดมวลกิเลสได้

    ลักษณะของวัชระในทางมหายานมักมีหลายรูปแบบ ประกอบด้วย
    ก้านเป็นแฉกๆ มีรูปแบบต่างกันเช่น มียอดเดียว, สามแฉก,
    ห้าแฉก, เจ็ดแฉก, เก้าแฉก, วัชระไขว้, วัชระคฑา เป็นต้น


    [​IMG]


    ๙.วัชรฆณฎา (กิมกังเล้ง 金剛鈴)
    กระดิ่งวัชระเป็นกระดิ่งใช้ในศาสนพิธี มียอดด้ามจับเป็นรูปวัชระ
    มักปรากฎในพระหัตถ์คู่กับวัชรศาสตราเสมอ หมายถึง
    เสียงอันปลุกให้ตื่นจากกิเลส

    10.กลองพิธี (ตึ้งโก้ว 堂鼓)
    เป็นกลองขนาดใหญ่ตั้งบนขาหยั่งมีระฆังขนาดเล็ก
    (เรียกว่าเตี่ยวเจ็ง 吊鍾) แขวนอยู่ที่ปลายขาหยั่งกลองพิธีนี้
    ใช้ตีกำกับการสวดมนต์ เริ่มต้น และสิ้นสุดพิธี

    ในการตีกลองผู้ตีจะต้องคุกเข่าหรือนั่งตีกลองประกอบกับการ
    ตีระฆังที่แขวนอยู่ด้วยจังหวะการตีกลองนี้โบราณเรียกว่า
    จังหวะเจ็ดดาว (ชิกแชปั้ง 七星板)
     
  20. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป
    จัดพิธีขอขมาพระรัตนตรัย (กรณีพิเศษ)
    <O:p</O:p
    ในการทำพิธีขอขมาพระรัตนตรัย ก็เนื่องด้วยจิตเมตตา กรุณา
    ของพระอาจารย์ฝ่าจั้นซือ ที่มีต่อกลุ่มผู้ปฏิบัติศูนยตาธรรม
    และกัลยณมิตรทุก ๆ ท่านได้มีโอกาสมาร่วมพิธีขอขมา
    พระรัตนตรัย ซึ่งเราอาจจะล่วงเกินท่านด้วยความไม่ตั้งใจก็ดี
    หรือตั้งใจก็ดี ด้วยความหลงผิดก็ดี ด้วยความศรัทธา งมงาย
    ต่อสิ่งที่อยู่นอกพุทธเขตก็ดี ทำให้เราอาจจะปรามาส จาบจ้วง
    ล่วงเกิน ดูหมิ่น หรือเพิกเฉย ต่อพระรัตนตรัย ทำให้ศีลเรา
    ด่างพร้อย ขาดตกบกพร่อง

    พระอาจารย์จึงได้จัดให้มีการทำพิธีนี้ เพื่อที่พวกเราทุกคน
    จะได้มีโอกาสขอขมาพระรัตนตรัย โดยมีพระอาจารย์ ซึ่งเป็น
    ภิกษุณี มาเป็นพยานและร่วมพิธีนี้ให้กับเราทุก ๆ คน
    <O:p</O:p
    จึงขอเรียนเชิญญาติธรรมทุก ๆ ท่าน มาร่วมพิธีดังกล่าวนี้
    ตามรายละเอียดข้างต้น หรือติดต่อสอบถามได้ที่
    ไอย โทร. 086-3513950
     

แชร์หน้านี้

Loading...