เรื่องเด่น ย้ายเมืองหลวง"หนีน้ำท่วม"ปักหลักที่มั่นใหม่จาก"นครนายก"สู่"อีสานใต้"

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 20 มกราคม 2011.

  1. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    <DD>พี่อู๋ขา...พระอาจารย์ของหนูท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานท่านเคยเล่าให้หนูฟังในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หนูจำได้ดี ท่านเล่าว่าประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรืองมากในยุคสมัย(ชาววิไลในพระบรมราชจักรีวงค์) ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุขมากและจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปอีก นี่หนูจำได้ดีเลยค่ะ ในสมัยที่เค้ากลัวๆว่าจะมี(สงครามใหญ่เมื่อต้นๆปี35สมัยสงครามอ่าวเปอร์เซีย) หนูจึงเชื่อว่ากรุงเทพมหานครก็ยังคงเป็นเมืองหลวงของไทยค่ะ อีกอย่างตอนที่ร.4ทรงตั้งดวงเมือง(วางเสาหลักเมืองใหม่) ท่านคงไม่ยอมให้ดวงเมืองต้องมีอันเป็นไปในสมัยนี้หลอกค่ะ พี่อู๋ขาอย่าโกรธหนูนะค่ะนี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะคะ ขอบคุณค่ะพี่อู๋


    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2011
  2. อู๋9

    อู๋9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +229
    ครับไม่โกรธเลยครับเป็นการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้เกิดปัญญาความรู้
    ผมก็ศรัทธาหลวงพ่อฤาษีลิงดำมากที่สุดแหละครับและเคยโพสเกี่ยวกับประไทยไว้แล้วไทยจะเจริญมาก ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและบุคลากรแต่เมืองหลวงมันก็ต้องมีเวลาของมันครับเท่าที่ดูคำพยากรณ์ต่างๆทั้งพระและฆาวาสก็ไปในทิศทางเดียวกันครับ ยกตัวปฏิทินพระราชทานปี2547ที่ท่านกำลังจะบอกอะไรเราโดยทางอ้อม ซึ่งเรื่องอย่างนี้บอกตรงๆไม่ได้ให้ไขปริศนาเอา[​IMG]
    เรือที่หันหน้าไปทางทิศเหนือของประเทศไทยหางเสือมีคำว่ามช.อาจจะไปที่เมืองหลวงแห่งใหม่ก็ได้นะ ส่วนหมา7ตัวน่าจะเหลืออีก7ปีในเหตุการไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น และมีระเบิดทั้วโลก อะไรต่างๆก็คิดเองก็แล้วกันนะ
    ตามจริงคำทำนายประเทศไทยเท่าที่ผมได้รู้มามีถึง12รัชกาล และจะได้นำกระทู้เก่าที่เคยโพสไว้มาให้อ่านกันดีกว่า ขี้เกียจพิมพ์อะนะ ไม่ชีเรียดนะ แชร์ความรู้กันครับ
    ไทยเท่านั้นที่ฉันมั่นใจว่าจะเป็นเจ้าโลก
    พระมหากษัตรย์ทรงธรรมที่สุดในโลก
    ไทยมีพระอรหันต์มากที่สุดในโลก
    พระสงฆ์อัฐิกลายเป็นพระธาตุมากที่สุดในโลก
    ศพไม่เน่าโดยไม่ต้องนำไปใส่ไว้ในพลังพีระมิดก็มีมากที่สุดในโลก
    พระมหากษัตรย์และชนชาวไทยก็ได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ให้ผลมากที่สุดในโลกมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
    บุญที่คนเชื่อชาติไทยนั้นได้บำรุงพระพุทธศาสนานั้นแหละจะมาส่งผลในอนาคตอันไกล้นี้
    หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่หลวงพ่อหลวงปู่ทั้งหลายนักภาวนาทั้งหลายที่รู้ทางจิต อนาคตังสญาณว่าต้องเกิดขึ้นแน่วันชำระล้างโลก หลังกึ่งพุทธกาลที่อาจจะเรียกชื่อว่า ภัยพิบัติร่วมมิตร
    โลกจะก้มหัวให้ดวงอาทิตย์(คือแกนโลกเอียงแกนแม่เหล็กกับขั้ว
    แผ่นดินไหวคลื่นยักถล่ม ลมพายุ เสียงฟ้าฟาดที่รุ่นแรงมากที่สุดที่มนุษย์เคยได้ยินมา และฟ้าผ่าผ่าลงประจุลบคนที่มีศีลธรรมจะมีพลังไฟฟ้าประจุบวกสถิตอยู่ในตัวส่วนคนชั่วจะมีพลังไฟฟ้าประจุลบแล้วแต่ความเข้มข้นของความชั่ว
    นี้แหละคือวันแยกคนชั่วออกจากคนดีโดยแท้
    ผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีศีลธรรมศีล5 ศีล8 มีพรหมวิหาร4 และกรรมบถ10 ตามเพศที่ตนถือปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนทั้วโลกจะเห็นในอิทธิฤทธิ์ของพุทธธานุภาพ หลวงปู่ทวดจะลอยทวนน้ำให้เห็นเป็นอัศจรรย์ สถานที่ทางพุทธศาสนาจะมีแสงรัศมีสีม่วงปกป้องคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ
    คนทั่วโลกจะหันมาเลื่อมใส่ศรัทธาในศาสนาพุทธ ดังที่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกชื่อ อัลเบริด ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่าศาสนาที่จะเป็นศาสนาที่พิสูตรได้และเป็นสากลของโลกและจักรวาลนั้นคือ พระพุทธศาสนา
    ไทยจะเป็นมหาอำนาจโดยธรรมไม่ใช่โดยอาวุธหรือไปบังคับใดๆทั้งสิ้น เขาจะมาสยบเราโดยธรรมจะมาสวามิภักดิ์เอง เขาจะมาขอรวมประเทศเข้ากับเราเช่น ลาว เป็นต้น
    ต่อไปโลกจะไม่ได้ปกครองโดยประชาธิปไตยแต่จะปกครองโดยธรรมาธิปไตย
    กรุงเทพจะจมน้ำเมืองมหานครแห่งใหม่จะอยู่เชียงใหม่ตอนล่าง
    การปกครองจากอำนาจสามร่มโพธิ์ศรี
    คือ พระมหากษัตรย์
    พระสังฆราช
    นายกรัฐมนตรี
    ผู้บรรลุธรรมสูงสุดเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี
    แล้วก็ยังมีพระโพธิ์สัตว์ที่ลงมาเกิดสร้างบารีและเหล่าบริวารที่ตามลงมาจากสวรรค์อีกจำนวนมาก
    นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่คงจะไม่มีอะไรมาปฏิเสธได้ว่าชาติที่จะเป็นอันดับ1ของโลกทั้งด้านวัตถุและทางด้านจิตวิญญาณ
    แล้วก็กษัตรย์ต้นแบบผู้นำต้นแบบทศพิศราชธรรมของโลกก็คือชาติไทยของเรา
    และเหตุผลที่ในช่วงนี้ทำไมเหตุการบ้านเมืองดูเค้ารางแล้วไม่น่าจะได้เป็นมหาอำนาจได้นั้น ก็ด้วยเรื่องของกรรมมวลรวมของชนชาติไทยอีกนั้นแหละที่ในอดีตเคยรบสงครามก็ดี เคยป้องกันตัวเองจากการถูกล่าอาณานิคมก็ดี แต่กรรมที่ชาติไทยเราสมัยนั้นเวลาก่อนจะไปตีชาติใดเมืองใดเราก็มีกลยุทธกุศโลบายคือเราจะไปยุแยงให้เขาแตกกันจนวุ่นวายเสียก่อนแล้วเราจึงเข้าตี ด้วยกรรมนั้นมาส่งผลให้บ้านเมืองเราต้องล้มรุกคุกคลานมาตลอดประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมีคนยุแยงให้แตกกัน มีกลุ่มแบ่งสีแบ่งฝ่าย และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้
    มีนักการเมืองที่ดีไม่พอ หรือไม่พอที่จะได้ดีมาตลอด แต่เมื่อเข้าต้นรัชกาลที่10 ประเทศจะมีผู้มีศีลธรรมได้ปกครองประเทศเวลานั้นแร่ธาตุต่างๆ
    ทองคำ น้ำมัน รัตนชาติ ยูเรเนียมก็จะผุดขึ้นมาด้วยบุญกุศลที่เคยทำไว้แต่อดีตกับพระพุทธศาสนากับพระอริยเจ้าทั้งหลายก็จะส่งผลดึงไทยขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแน่นอน
    รัชกาลที่11ไทยเป็นมหารัฐ รุ่งเรืองมาก
    รัชกาลที่12จักรพรรดิราช
    ปัจจุบันมีการปรากฏของufo จ่านบิน
    มนุษย์ต่างดาวบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
    ก็เพราะเขามารอผู้มีบุญรอชมบารมีพระศรีอารย์พระเจ้าจักรพรรดิ์แห่งจักรวาล ซึ่งมนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริงและยังไม่ไว้ใจมนุษย์ในยุคนี้ เขารอให้เข้ายุคพระศรีอาร์ยก่อนแล้วต่อไปเขาจะบินมาปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป
    และในปัจจุบันมนุษย์ต่างดาวหรือufoก็เลือกที่จะติดต่อทางโทรจิตกับคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่เขากะลาจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อที่จะเตือนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
    ที่สุดของที่สุดอยู่ในไทยทั้งนั้น
    ปัจจุบันคือเงากรรมในอดีตมาส่งผลแต่ในอนาคตอันใก้ลนี้ไทยจะเจริญรุ่งเรืองมากเป็นมหารัฐ
    มีพระยาธรรมิกราชหรือพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองแผ่นดินมีพระอริยเจ้ามากกว่าปัจจุบันเป็นยุคพระศรีอริยเมตไตร แต่เป็นพระโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตไตรที่ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีค้ำชูพระพุทธศาสนาของพระสมณะโคดมให้ถึง5000ปี
    เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นองค์ที่5คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีอริยะเมตไตรเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้
    จากพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า
    (พระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นคนหน้าตา
    ขี้แหร่ที่ศรีษะของท่านจะมีรอยแผล ดุจรอยหนูเจาะแตงโมครั้นต่อมาท่าน
    จึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใส มีร่างกาย
    งามผุดผ่องดุจสีทอง)
    และจากหนังสืออินตกกล่าวไว้ว่า
    บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ ล้านช้าง(ภาคอีสานในปัจจุบัน) ปี49ท่านเป็นหนุ่มแล้ว ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญให้หมั่นรักษาศีล สดับฟังพระธรรมเทศนา
    จะได้เห็นท่านในปีกุน 62

    เป็นกรรมของสัตว์โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี 47 ( ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบเผลอปรามาสครูบาอาจารย์ ) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทางดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาด และอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

    ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า “ ไม่ได้ “ ท่านว่า “ ปูยีเว้าก็ปานพระเจ้าเว้านั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น “
    สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่จะปลอดภัยเพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะ เป็นแก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล








    ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กซเรย์ธาตุได้ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกรและแก้ววิเศษของเทวดาก็อาจเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้

    ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาคแถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า ( ช่วงท้ายๆ ของภัยพิบัติ ) จะลุกขึ้นมา ( ภายใน ) เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนาคตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัว พิษของยักษ์ก็จะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่เป็นไร

    เราค่อนข้างมั่นใจว่าภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง ( ประเทศเดียวกัน ) ท่านไหนขยันหมั่นเพียรรักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

    ศาสนาอื่นนั้นไม่มีเหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมด เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทยจะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา

    ความปรารถนาของ... " ในหลวง "<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1032 style="WIDTH: 240pt; HEIGHT: 219.75pt" alt="" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://3.bp.blogspot.com/_bkjPLXltlbw/S2Ow8zY2aXI/AAAAAAAACZM/nEkUb5gJZYg/s320/บวช+ในหลวงสวมชุดขาวเตรียมบวช.jpg" src="file:///C:\DOCUME~1\computer\Local%20Settings\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg">[​IMG]</v:imagedata></v:shape>


    ในทางพระพุทธศาสนา มีการบำเพ็ญบารมี 2 แนวทางหลัก คือ

    1.
    พุทธภูมิ คือ ผู้บำเพ็ญบารมี เพื่อปรารถนาสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต (หรือ เรียกว่า บำเพ็ญบารมีแบบโพธิสัตว์)

    2.
    สาวกภูมิ คือ ผู้บำเพ็ญบารมี เพื่อปรารถนาสำเร็จเป็นพระอรหันต์สาวก

    การสนทนาธรรมโดยทั่วไป ส่วนมากเป็นในแนวทางสาวกภูมิ
    เพราะมีจำนวนผู้ปรารถนาสาวกภูมิมากกว่าพุทธภูมิอย่างมาก

    แต่การบำเพ็ญบารมีของพุทธภูมินั้น ก็มีธรรมะหลายประการที่น่าสนใจศึกษา
    เช่น นิทานชาดกอดีตชาติของพระพุทธเจ้า, บารมี 30 ทัศ, อัธยาศัยพระโพธิสัตว์ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ แก่ ทั้งท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ และ สาวกภูมิ



    จากการที่ได้หาโอกาสศึกษาและมีวาสนาได้กราบไหว้ใกล้ชิด พระอัจฉริยเถราจารย์ผู้ทรงคุณธรรมเบื้องสูงจำนวนมาก ตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ได้รับการบอกกล่าวถึงเรื่องอันพิเศษๆเป็นอันมาก ที่นอกเหนือจากสามัญมนุษย์ทั่วไป ผู้ไร้ซึ่งญาณปรีชาจะพึงทราบชัด ให้ถูกถ้วนตามความเป็นจริงได้เป็นอันเอนกปริยาย ดังที่ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ และความรู้รอบตัวต่างๆเป็นธรรมวิทยาทานมาโดยลำดับ ความย่อมเป็นที่แจ้งใจอยู่โดยทั่วไปแล้วนั้น

    บัดนี้ เป็นกาลอันสมควรแล้ว ที่จะได้นำเอาเรื่องราวที่บรรดาพระอริยคณาจารย์ทั้งหลาย ที่ได้เคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแสดง เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีแด่พระมหาธรรมราชา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐแห่งประชาชาติไทยพระองค์นั้น และเพื่อยังความเป็นสวัสดิมงคลอันยิ่ง ให้บังเกิดขึ้นแก่แผ่นดินและมหาชนทั้งหลายสืบไปตราบชั่วจิรัฏฐิติกาล



    ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์นะ!
    พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต(ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร

    สำหรับปฐมเหตุที่ทำให้ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯกล่าวความเช่นนี้ ก็เกิดมาจากการที่ท่านได้กล่าวเตือนญาติโยมบางรายที่ไปนมัสการว่า
    การที่คุณเอาธนบัตรที่มีรูปในหลวงไปใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนั้น ไม่ดีเลย เพราะในหลวงท่านเป็นพระโพธิสัตว์ การเอาพระรูปของท่านไปไว้ในที่ต่ำอย่างนั้น ย่อมบังเกิดโทษเป็นอันมาก ทีหลังอย่าพากันทำ!



    พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย..
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่



    ครั้งหนึ่ง มีผู้พูดถึงผู้ยิ่งใหญ่ระดับประเทศบางท่านให้หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี พระมหาโพธิสัตว์ใหญ่ที่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมากล่าวรับรองไว้ด้วยองค์ท่านเองว่าเป็นหนึ่งในสิบแห่งอนาคตพุทธวงศ์เบื้องหน้าฟัง สังเกตว่า ดูหลวงพ่ออุตตมะท่านเฉยมากๆ ก่อนที่จะปรารภออกมาอย่างราบเรียบที่สุด เหมือนมิได้ไยดีใดๆว่า

    เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก..


    ในหลวงสนทนาเรื่อง พุทธภูมิกับหลวงตามหาบัว



    “…
    เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวง ตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้..

    วันนั้นเป็นวันที่ 7 มกราคม 2531 เป็นปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษกที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใด ในประวัติ ศาสตร์ไทย ท่านนิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิ ท่านให้เราควบคุมดูแลญาติโยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น

    เมื่อขบวนพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯ สายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถวรอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบนซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินี พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัวเพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง

    พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก ( พระเจ้าอยู่หัวเรียกหลวงตาว่า หลวงปู่” ) “หลวงปู่สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไรโอ้พระเจ้าอยู่หัวถามปัญหาหลวงตาขนาดนี้



    หลวงตาตอบว่า
    พุทธภูมิ ก็เหมือน ดั่งเรานั่งรถไฟ นั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละสาวกภูมิ เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการ นำคนไปได้เยอะ ๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆ ไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คน หรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ตอบหลวงตาว่า เข้าใจแล้วหลวงปู่ แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะ หลวงปู่

    หลวงตาตอบ : อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน

    และเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่ หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า… “พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ ขอเองได้ท่านว่างั้นนะ… “พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เองท่านบอกไปเลยนะว่าให้พระเจ้าอยู่หัวขอเอง จัดการเอง จัดการเองอาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก

    พระเจ้าอยู่หัวฯ ได้กราบลาว่า เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้ว ท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม

    หลวงตาท่านได้เทศน์สั้น ๆ ว่า

    การเป็นพุทธภูมิ สร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้า แล้ว พระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวช สมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน..เอาล่ะ ๆ อาตมาจะให้พร



    พอฟังมาถึงตรงนี้นะ เรายังจำได้แม่น เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านถามเรื่องพุทธภูมิ เสร็จแล้วพอท่านจะลากลับ หลวงตาท่านสรุปให้เสร็จสรรพเลยไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทยทำงานปรารถนาความเป็นอะไรทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อนเอาล่ะ ๆ อาตมาจะให้พร

    นั่นแหละเราได้ฟังมา เรื่องของพุทธภูมิ เรื่องของพระโพธิสัตว์ สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วพอตอนจบขอพร หลวงตาท่านก็สรุปและให้พร จึงบอกได้ว่าเป็นบทสนทนาของจอมปราชญ์

    อ้างอิงจาก:
    นิตยสาร น่านฟ้า ปีที่1 ฉบับที่ 8 ประจำเดือนธันวาคม 2550 หน้า18




    มีแต่คนที่ไม่ฉลาดเท่านั้น ที่จะไม่รู้ว่า ในหลวงพระองค์นี้ดีอย่างไร
    (
    พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม สกลนคร)



    เมื่อหลายสิบปีก่อน ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ถูกลอบปลงพระชนม์ ถึงเสด็จสวรรคต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา เคยเล่าว่าท่านเกิดความสลดสังเวชมาก ว่าคนไทยหลายคน ยังขาดกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อพระเจ้าอยู่หัว ท่านคิดอยู่เสมอว่า จะให้คนไทยมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้อย่างไร...

    สำหรับองค์ของหลวงปู่ดู่เองนั้น ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้กาลเวลาล่วงเลยไป หลายสิบปี กิจวัตรอันหนึ่งที่ท่านทำอยู่มิได้ขาด คือ การสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงทุกวันตลอดมา ขอให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานเป็นมิ่งขวัญคนไทยตลอดไป

    หลวงพ่อยังได้กล่าวไว้อีกว่า เพราะพระเจ้าแผ่นดิน(ร.9) ท่านปฏิบัติ(ธรรม) ต่อไปพุทธศานาในเมืองไทยจะเจริญขึ้น เพราะท่านเป็นผู้นำเป็นแบบอย่าง



    เราอย่าเห็นสิ่งปลีกย่อยดีกว่าส่วนรวมส่วนใหญ่นะ ส่วนใหญ่นั่นละเป็นของสำคัญ พ่อกับแม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อะไรที่เป็นหลักของชาติ เป็นหัวใจของชาติให้พากันรักกันสงวน อย่าพากันทำลาย ลูกเต้าจะอวดดีกว่าพ่อกว่าแม่มันไม่ดีละ

    คิดดูในพุทธศาสนาพระเจ้าอาชาตศัตรูทำลายพระราชบิดา ก็ไม่เห็นเจริญอะไร ท่านว่า เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมึ พวกสัตว์ทั้งหลายถ้านึกระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเทิดทูนในสิ่งที่ดีงามที่มีคุณมีประโยชน์ทั้งหลายแล้วผู้นั้นเจริญ ผู้ใดไปทำลายหลักใหญ่แล้วจะเอาให้ส่วนเล็กๆนี้ขึ้นครองบ้านครองเมืองมันก็ไม่ดี ให้พากันรักษาหลักใหญ่เอาไว้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือหัวใจของชาติไทยเรา นี่ให้พากันจำเอาไว้นะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย เช่นอย่างจะทำลายจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว มันคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด มีแต่ลูกกำพร้าหยิมแหยมๆ มันใช้ไม่ได้นะ สกุลใดที่มีคนคับแคบอยู่ในบ้านนั้นเมืองนั้นแล้วสกุลนั้นไม่เจริญ สกุลใดที่มีความกว้างขวาง มีจิตใจอันกว้างขวาง พิจารณารอบคอบเพื่อทำประโยชน์แก่ส่วนรวมผู้นั้นเป็นผู้ดี



    นี่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ของพวกเราคือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้พากันทะนุถนอมนะ อย่าพากันไปทำลาย จะมีแต่ลูกหยอมแหยมๆ พ่อแม่ผู้ให้ความร่มเย็นไม่มีมันไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรต้องรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ในประเทศไทยเราก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว-สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี นี้คือหัวใจของชาติให้พากันเคารพเทิดทูน อะไรที่เป็นหลักใหญ่ของชาติของส่วนรวมให้พากันรักษา พากันเทิดทูน อย่าพากันทำลายโดยอวดดี

    ดังที่ท่านว่าอึ่งอ่างกับวัวนั่นละ เราก็เห็นในนิทานอีสปแต่ก่อนเรียนหนังสือ อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้นนี่ วัวมันตัวขนาดไหน ลูกอยู่ในรู แม่ไปหากิน ลืมแล้วนิทานอีสป มันเป็นอย่างไรละทีนี้ (ลูกเห็นวัว พอแม่กลับมาเล่าให้แม่ฟังว่าเจอตัวอะไรไม่รู้ใหญ่มาก แม่ก็พองตัว ลูกว่าใหญ่กว่านี้อีกค่ะ) ได้ไหมๆ สุดท้ายสิ่งที่ได้คือพุงแตก นี่ระวังนะ ตัวเล็กๆ อย่าไปพองตัว มันไม่สมควรจะพอง อึ่งอ่างกับวัว วัวมันตัวใหญ่ขนาดไหน อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น มาพอง มันตัวเท่านี้ไหมๆ เรื่อย สุดท้ายเลยตาย เข้าใจไหม นี่อึ่งอ่างกับวัวมันไม่ดีอย่างนั้นละ

    อ้างอิงจาก:
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี


    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา เคยบอกกับผมเมื่อสมัยที่บวชอยู่กับท่านว่า

    วันหนึ่งข้างหน้า ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก

    หลวงพ่อมองหน้าผมแล้วย้ำว่า

    ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ

    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะพี่อู๋ ข้อมูลดีมากๆเลยค่ะ เมืองไทยโชคดีค่ะที่มีพระอริยเจ้ามีพ่อแม่ครูอาจารย์ หนูเชื่อว่าพระรัตนตรัยจะปกปักรักษาผู้มีธรรมค่ะ ขอบคุณพี่อู๋มากๆเลยค่ะ กับข้อมูลดีๆ
     
  4. mtee

    mtee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +246
    ย้ายมาอยู่สุโขทัยครับพี่น้อง แปลความหมายดูครับ และเป็นเมื่องหลวงแห่งแรกของไทยด้วย เมืองพ่อขุนรามคำแหงมหาราชครับ
     
  5. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    สมมุตินะค่ะ...ถ้าต้องย้ายจริง คนพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆจะอพยพไปอยู่ที่ไหนค่ะ? เฉพาะคนกรุงเทพมีตั้งกี่ล้านคน? ไหนจะทรัพย์สินอีกต้องมากมาย....ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะเป็นไปได้เลยค่ะ อีกอย่างการลงทุนในพระนครก็มีมากมายเหลือเกิน ความเจริญรุ่งเรื่องของพระนครไม่ใช่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านนะค่ะที่นึกจะย้ายก็ย้ายได้แบบเสื่อผืนหมอนใบ สมมุติว่าต้องย้ายจริง(รัฐธะ)จะมีงบประมานเพียงพอไหมค่ะ แหมย้ายเมืองทั้งเมืองทำยังกะย้าย(สุ่มไก่)?..............บอกตามตรงนึกภาพไม่ออกจริงๆค่ะ (แต่ก็"มัน"ดีนะคะกระทู้นี้.....ชอบค่ะชอบสนุกดี หุหุหุ)
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,361
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ชาวกรุงจะเป็นชาวต่างจังหวัด ชาวต่างจังหวัดจะเป็นคนเมืองหลวง(deejai)
     
  7. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD>กำหนดการ


    งานบุญประทายข้าวสงเคราะห์โลก (ทำบุญข้าวเปลือก) ประจำปี 2554<O:p</O:p


    วันที่ 11 - 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 <O:p</O:p


    ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี



    วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554<O:p</O:p

    เวลา 09:00 น.(เป็นต้นไป)
    - รวบรวมกองข้าวเปลือก ณ ลานซิเมนต์ ด้านทิศใต้ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
    <O:p</O:p
    วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554<O:p</O:p
    เวลา 07:00 น.
    - ตั้งบาตรที่หน้าศาลาใหญ่ ให้ศรัทธาประชาชนตักบาตรที่นำไปตั้งไว้
    - พระภิกษุ-สามเณรนั่งประจำอาสนะ<O:p</O:p
    - เริ่มพิธี อุบาสกผู้นำ อาราธนาพระปริตต์ ฯลฯ<O:p</O:p
    - หลวงตาพร้อมพระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์-ทำน้ำพุทธมนต์ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) <O:p</O:p
    - นำบาตรมาประเคนพระ จัดภัตตาหาร<O:p</O:p
    - ฉันภัตตาหารเช้า (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)<O:p</O:p
    - หลวงตาแสดงพระธรรมเทศนาตามอัธยาศัย<O:p</O:p
    - ถวายผ้าป่าข้าวเปลือกสงเคราะห์โลก<O:p</O:p
    - อนุโมทนาให้พรแก่ผู้มาร่วมบุญทุกท่าน<O:p</O:p
    - เสร็จพิธี<O:p</O:p

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    งานบุญประทายข้าวสงเคราะห์โลก (ทำบุญข้าวเปลือก) ประจำปี 2554<O:p</O:p


    วันที่ 11 - 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 <O:p</O:p


    ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี



    วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554<O:p</O:p

    เวลา 09:00 น.(เป็นต้นไป)
    - รวบรวมกองข้าวเปลือก ณ ลานซิเมนต์ ด้านทิศใต้ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
    <O:p</O:p
    วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554<O:p</O:p
    เวลา 07:00 น.
    - ตั้งบาตรที่หน้าศาลาใหญ่ ให้ศรัทธาประชาชนตักบาตรที่นำไปตั้งไว้
    - พระภิกษุ-สามเณรนั่งประจำอาสนะ<O:p</O:p
    - เริ่มพิธี อุบาสกผู้นำ อาราธนาพระปริตต์ ฯลฯ<O:p</O:p
    - หลวงตาพร้อมพระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์-ทำน้ำพุทธมนต์ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที) <O:p</O:p
    - นำบาตรมาประเคนพระ จัดภัตตาหาร<O:p</O:p
    - ฉันภัตตาหารเช้า (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)<O:p</O:p
    - หลวงตาแสดงพระธรรมเทศนาตามอัธยาศัย<O:p</O:p
    - ถวายผ้าป่าข้าวเปลือกสงเคราะห์โลก<O:p</O:p
    - อนุโมทนาให้พรแก่ผู้มาร่วมบุญทุกท่าน<O:p</O:p
    - เสร็จพิธี<O:p</O:p

    http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=355&type
     
  8. แมวน้ำ9

    แมวน้ำ9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    689
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +512
    วันนี้เรายังมีแรง ยังมีลมหายใจอยุ่ ยังมีกำลัง มาทำบุญกันดีกว่าค่ะ ถ้าเผื่อความตายจะต้องมาถึงเราจริงๆ เราก็จะไม่หวั่นไหวไม่กลัวและไม่เสียใจค่ะ ประทายข้าวเปลือกปี2554ครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ
     
  9. hi5

    hi5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +701
    กทม. โกงทำไม
     

แชร์หน้านี้

Loading...