มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    คุณ energyplus นับว่ายังน้อยตั้งแต่ผมสะสมมาภายในปีกว่าๆทั้งหมดผมไม่ต่ำกว่า 5 พันองค์ มีแท้เพียง 700 องค์ที่แท้ บูชาครั้งต่ำไม่ต่ำกว่าพันสูงสุด 6หลัก
    ผมเจอสมเด็จแท้(สากล)องค์เดียว "คืนทุน+ดอกเบี้ยแถมประสบกาณ์" ทั้งหมด
     
  2. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    สมเด็จวัดเกศไชโย เป็นพระเครื่องยุคแรกๆที่ขรัวโตสร้างไม่มีแม่บล็อคที่แน่นอน แต่หลักสังเกตอยุ่ที่เนื้อหาเป็นหลัก(อ.ตรียัมปวายเท่าว่าแท้)พิมพ์คือหลักสากล
    เริ่มต้นที่เนื้อหาเป็นอันดับแรก
    เนื้อสมเด็จวัดเกศไชโย ต้องแห้ง แกร่ง เน้นมวลสารครบ(คำว่าครบต้องมีอะไรบ้างอันนี้หาเองเนอะ) การยุบตัวไปเป็นได้น้อย เนื้อแกร่งจึงต่างจากบางขุนพรหมและวัดระฆังเป็นหลัก หากถามว่ายุคนั้นยังไม่มีการผสมตังอิ๋วจึงเป็นลักษณะเช่นนี้ คงมีแค่น้ำอ้อย หรือ น้ำผึ้งป่าเป็นอย่างมาก
    พิมพ์ทั้งแต่ 3,5,6,7ชั้น และพิมพ์ตลก แต่วงการนิยมแค่ 6ชั้นและ7ชั้นเท่านั้น ส่วนที่เหลือถือว่านอกพิมพ์ ข้อสรุปเหมือนกับพิมพ์หลวงวิจารณ์นั้นเอง คือ เล่นเฉพาะบล็อคเท่านั้น ที่เหลือมักจะตีไปทางวัดเกรียบทั้งหมด แต่ความจริงตอนแตกกรุ เจ้าอาวาสวัดเกรียบ(ซึ่งอยู่คนละฝากถนนเท่านั้นเอง)ท่านเป็นคนไปพระเกศไชโยมาไว้และแจกชาวบ้านเพื่อทำบุญวัดเท่านั้น ตอนหลังมีคนวัดใส เลือกเฉพาะพิมพ์นิยมคือ 6ชั้นและ7ชั้น เนื่องพิมพ์ทรงเหมือนกัน ทำให้เกิดแตกต่างระหว่างวัดเกศไชโยและวัดโพธิ์เกรียบนั้นเอง
    ส่วนองค์นี้ แท้เกจิยุคหลัง ครับ จบเอาดื้อซะงั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  3. energyplus

    energyplus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +23
    ที่ผมมีคือของที่บ้านสมัยคุณปู่อย่างเดียวยังไม่เคยไปบูชาที่ไหนมาซักองค์ เลยเชื่อว่าของที่ปู่สะสมน่าจะแท้เพราะทวดเป็นเรือพายสมัยนั้นพอสมเด็จโตนั่งทีนึงก็ให้พระองค์นึง(เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ)เลยอยากรู้ว่าของที่สะสมของปู่จะมีที่เป็นหลักสากลมั่งมั้ยครับ ปล.มีการฝึกสอนดูพระสมเด็จมั้ยครับ
     
  4. smallball

    smallball สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +1
    ได้ความรู้เยอะมาก..ขอบคุณครับ
     
  5. kaittisak gomol

    kaittisak gomol สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +5
    รบกวนพี่ wasabi ช่วยชี้แนะด้วยครับ

    ชอบกระทู้ของพี่มากครับ ตรงดี และได้ความรู้ รบกวนพี่ช่วยดูให้ผมสัก 3 องค์นะครับ หรือเซียนท่านอื่นๆ จะร่วมพิจารณาด้วยก็ได้ครับ รับฟังทุกความคิดเห็น ฟันธงเลยพี่ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0620.JPG
      IMG_0620.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      60
    • IMG_0622.JPG
      IMG_0622.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_0417.jpg
      IMG_0417.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      53
    • IMG_0418.jpg
      IMG_0418.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      50
    • IMG_0384.jpg
      IMG_0384.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.6 MB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_0413.jpg
      IMG_0413.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2011
  6. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    ต้องเรียนอย่างนี้ครับ เหมือนสิ่งที่เคยบอกทุกๆครั้ง กระผมมันแค่คนส่องพระข้างถนน หาความเป็นแก่นสารมิได้เสมือนน้ำย่อมตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ การที่เราหาจุดจบของสมเด็จมันขึ้นอยู่ที่ใจ(เป็นสำคัญ) อารมณ์มนุษย์เหมือนพายุร้ายที่โถมกระหน่ำเข้าทุกสิ่งตลอดเวลา(คือคำว่าแท้) กระผมแค่ช่วยเขยื้อนอยู่ปลายพายุเข้าหาจุดศูนย์กลางให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
    การศึกษาสมเด็จไม่เกี่ยวที่ระยะเวลา(5-10ปี)แค่อยุ่ที่ว่าสนใจอย่างยิ่งยวดย้ำอีกครั้งอย่างยิ่งยวดเปรียบเหมือนพระสงฆ์เหมือนแต่ทำไมบรรลุ(ระยะเวลา)ไม่เหมือนกัน(ไม่ถืงเดือน)ก็เจนจบฟ้าหยั่งมหาสมุทรได้แล้วครับ
     
  7. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    ท่านวาซาบิยังไม่กลับมา ผมขอบังอาจตอบแทนแล้วกันครับ
    องค์ที่2-3ไม่ดีเอามากๆเหลือแต่องค์ที่1
    องค์ที่1 น่าจะแท้ยุคหลัง เพราะว่าความแห้ง แกร่งยังน้อยมากหากเทียบกับของแท้ และมีการผสมตังอิ๋ว ในสมัยที่ขรัวโตสร้างไม่ปรากฏการใช้ตังอิ๋วลักษณะนี้จะออกขาวนวลเป็นซะส่วนมาก อันดับต่อมา หากพูดถึงพิมพ์สมเด็จวัดเกศไชโย7ชั้น(สากล)ถือว่ายังไม่ใช่ มีการผิดบางจุดเท่านั้น จึงจบด้วยประการฉะนี้แล.......
     
  8. kaittisak gomol

    kaittisak gomol สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณครับ kiatti1234 ที่ให้ความคิดเห็น และพิจารณา ถือว่าเป็นครูครับ 555
     
  9. แบมบางบ่อ

    แบมบางบ่อ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +26
    แล้วเราจะหาพระสมเด็จแท้ๆได้ที่ไหนบ้างครับ T T
     
  10. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    เอาแบบคนรวยหรือคนจนครับ
    แบบคนรวย คงไม่ต้องพูดถึงกันอยุ่แล้ว องค์สวยๆเกิน 8 หลักแน่นอน แต่วันนี้ผมยังกินมาม่าอยู่เลย คงเป็นไปได้ยาก
    แบบคนจน ก็ลุ้นหาตามสุดแท้แต่กำลังที่คิดว่าจะเป็นไปได้ ถามว่า50บาทยังได้"แท้สากล"มาครอบครองเลย ถามว่าองค์3ดาวจนไปถึง5ดาว(เก้ฟอร์มเทพเดือนนึงได้ประมาณ2องค์เท่านั้น) ต้นทุนยังสูงกว่าเลย ฉะนั้นจึงไม่คุ้มทุนในการปลอม สรุปน่าจะแท้ค่อนข้างสูงปี๊ดและอย่างน้อยๆเราได้ความภูมิใจลึกๆว่าเราก็"ไม่ธรรมดาเหมือนกัน" จริงไหมครับ.........
     
  11. jaturong_tun

    jaturong_tun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +2,473
    :':)'( แง...แง..คุณยาแซวอ่ะ เปิดเจอ แต่เป็นพระโชว์(เก๊).....
     
  12. K501

    K501 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +272
    สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน หลังจากทำงานมาทั้งวันก็ถึงเวลามานั่งศึกษาพระเครื่องซักที นี่เลยครับรบกวนท่านสมาชิกทุกท่านช่วยวิเคราะห์ให้ที ดีไม่ดีอย่างไงและขอเหตุผลประกอบการพิจรณาด้วยนะครับ เก๊แท้ไม่สำคัญอยากได้ความรู้ครับ(พระองค์นี้เคยลงไว้ในกระทู้หน้า418แต่ยังไม่มีใครพิจรณาไห้ความรู้เลยครับ) ครับสำหรับรายระเอียดเบื้องต้น(แบบคร่าวๆ)คือน่าจะเป็นสมเด็จบางขุนพรมพิมพ์สังฆาฏิ มีลักษณะเหมือนมีการล้างพระมาแบบหนักหน่วงและบ้าคลั่งมาก มีสภาพแตกหักแล้วใช้กาวอะไรไม่รู้แปะเอาไว้แบบไม่เรียบร้อยส่องแล้วเห็นคราบกาวปลิ้นตามรอยต่อขององค์พระ มีรอยหยุบหยับอะไรก็ไม่ทราบตรงระหว่างเศียรพระและเส้นซุ้มทางด้านซ้ายขององค์พระ(อยากรู้ว่าเกิดขึ้นได้อยางไร)ครับยังไงก็ฝากท่านสมาชิกทุกท่านแนะแนวให้ความรู้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
    อยากเป็นคนฉลาดไม่อยากเป็นเซียน

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0076.JPG
      IMG_0076.JPG
      ขนาดไฟล์:
      878.4 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMG_0077.JPG
      IMG_0077.JPG
      ขนาดไฟล์:
      940.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_0078.JPG
      IMG_0078.JPG
      ขนาดไฟล์:
      327 KB
      เปิดดู:
      39
  13. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    องค์นี้เริ่มต้นการผิดพิมพ์อย่างชัดเจน หากพิจารณาอย่างดีๆแล้ว ผิดพิมพ์อย่างเดียวไม่พอมวลสารเนื้อหาไม่ใช่อีกด้วย "เหมือนป๊อก2เด้ง"ความถามข้างต้นคือหากล้างอย่างหนักหน่วงอย่างไรต้องเห็นมวลสารบ้างสิ??????แต่นี่ไม่ปรากฏต่อให้แก่เนื้อปูน แต่ทำไมไม่มีการผสมของเนื้อให้เห็นเลย หากองค์นี้เป็นพิมพ์ชาวบ้านจริง อาจจะมีการเคาะกะโหลกร้าวแน่นอน และประเด็นต่อมา หากล้างอย่างหนักหน่วงจริงๆแล้วทำไมคราบแป้งไม่ขึ้น!!!!!!!!!
    คำถามประเด็นสุดท้ายถือว่าเป็นไฮไลต์ขององค์นี้เลย พระหักจะทำอย่างไรดี???? ต้องใช้ไข่ขาวในการสมานผิวได้ดีกว่าส่วนเนื้อที่เหลือสามารถปะได้ครับ
    ปล.ล้างอย่างไรให้ผิดพิมพ์(แซวเล่นนะคร้าบบบ)หุหุ........
     
  14. K501

    K501 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +272
    ครับผมขอบคุณมากครับคุณkiatti1234คือตอนได้มาก็เป็นสภาพนี้แหระครับ ได้มาจากเพื่อนครับมันไม่มีตังค์ใช้หนี้ครับ แต่ไม่ไช่เงินมากมายอะไรหลอกครับถึงไม่ไห้พระผมมาผมก็ยกหนี้ไห้อยู่แล้วเพระเขาลำบากจริงๆ และพระองค์นี้ก็คือจุดเริ่มต้นการศึกษาพระเครื่องของผมเพราะตอนได้มาเพื่อนบอกว่าเป็นพระที่หลวงพ่อโตสร้างซึ่งท่านก็เป็นพระที่เรานับถือบูชาอยู่แล้วตอนนั้นไม่รู้ว่าพระพิมพ์ของสมเด็จโตเป็ํนอย่างไรเพราะไม่เคยสนใจไม่เคยศึกษาไม่รู้มูลค่าเขาให้มาก็ห้อยไปโดยไม่คิดอะไรแต่พอห้อยไปที่ทำงานก็มีคนมาขอดูแล้วก็มาถามผมว่าพระอะไรพอผมบอกว่าเป็นพระสมเด็จเขาก็พากันหัวเราะแล้วบอกว่าพระที่ผมห้อยน่ะเป็นพระสมเด็จบางขุนพรมแต่เก๊แล้วพวกเขาก็เอาของเขามาไห้ผมดูผมก็งงไม่เข้าใจและดูไม่เป็น(แล้วมันเอามาให้ดูทำไมฟะ)ก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับสมเด็จพุฒาจารย์โตรวมทั้งพระพิมพ์ต่างๆของท่านพอยิ่งศึกษาก็ยิ่งทำให้รู้ว่าท่านเป็นพระที่เราๆท่านๆควรนับถือและบูชาเป็นอย่างยิ่งและทำไห้รู้ว่าพระสมเด็จนี่ไม่ใช่จะครอบครองกันได้ง่ายๆเลยทั้งหายากและแพงมากถึงมากด้วยและพระสมเด็จมีเก๊มากมายมหาสารเลยเพราะตอนเริ่มศึกษาก็เริ่มหาเช่าพระไปด้วยผิดบ้างถูกบ้างไอ้ที่ถูกก็จะเป็นพระรุ่นใหม่และพระเกจิสร้างที่เอาพระสมเด็จที่แตกหักมาบดและกดพิมพ์ใหม่เช่นพระพิมพ์ของหลวงปู่ลำภู พระวัดปราสาทเป็นต้นและไอ้ที่ผิดก็เยอะมากเป็นเพราะเราไม่มีความรู้มากนัก แต่ยังไงยังไงผมก็อยากได้ไว้บูชาสักองค์หนึ่ง(ถ้าผมมีบุญพอ) ก็เลยต้องศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะได้หาพระสมเด็จได้ถูกแนวและถูกต้องและเป็นเกราะคุ้มกันจะได้ไม่ถูกหรอกเสียเงินเสียทองมากเพราะเราก็ไม่ค่อยมีฐานะทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานอุตสาหกรรม โอ้ยาวเลยครับอาจจะใช้คำพูดไม่สระสวยก็ขออภัยด้วยครับ ออ้ผมเริ่มศึกษาเมื่อกลางปี53นี่เองจนถึงวันนี้ยังไม่ไปไหนเลยเอ้อออออออออออ
     
  15. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    หัวใจของสมเด็จ คือ ความศรัทธา(ไม่ว่าจะเก้หรือแท้ก็ตาม)ในตัวท่านให้รักษาความดีต่อไปและผงสมเด็จ(ผงวิเศษทั้ง5)มีมากพอที่จะให้กับทุกๆคน การที่เราจะทำงานในตำแหน่งอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าลูกจ้างหรือเจ้าของธุรกิจมันอยู่ที่ใจ(โยมนิโสมนสิการ) "ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ" เชื่อผม
    ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรก็ตามในฐานะไหนก็ตาม ทุกอย่างอยู่ที่ใจ "หากวันนี้คุณเป็นคนหาเช้ากินค่ำ หากวันนี้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจ หากวันนี้คุณเป็นนักลงทุน ผมเชื่อว่า เกิดมาไม่สามารถทำได้ นอกจะใจและความพยายามอย่างยิ่งยวด"
    รายละเอียดของคำว่า โยนิโสมนสิการ
    โยนิโสมนสิการ (ปัญจาบ: yonisomanasikāra; คำอ่าน: โยนิโสมะนะสิกาน) หมายถึง การทำในใจให้แยบคาย กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒<sup id="cite_ref-Royin_0-0" class="reference">[1]</sup>
    การใช้ความคิดถูกวิธี ความรู้จักคิด คิดเป็น คือ ทำในใจโดยแยบคาย การใช้ความคิดถูกวิธี คือ การกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยปัญญาที่คิดเป็นระเบียบและโดย อุบายวิธีให้เห็นสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย <sup id="cite_ref-1" class="reference">[2]</sup>เช่น

    • คิดจากเหตุไปหาผล
    • คิดจากผลไปหาเหตุ
    • คิดแบบเห็น ความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นลูกโซ่
    • คิดเน้นเฉพาะจุดที่ทำให้เกิด
    • คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ส่งเสรีมให้เจริญ
    • คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ทำให้เสื่อม
    • คิดเห็นสิ่งที่มา ตัดขาดให้ดับ
    • คิดแบบ แยกแยะองค์ประกอบ
    • คิดแบบ มองเป็นองค์รวม
    • คิดแบบ อะไรเป็นไปได้ หรึอเป็นไปไม่ได้ศัพทมูลและนิยาม

      คำ "โยนิโสมนสิการ" นั้นประกอบด้วยคำสองคำ คือ<sup id="cite_ref-2" class="reference">[3]</sup>
    • "โยนิโส" มาจาก "โยนิ" แปลว่า เหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง
    • "มนสิการ" หมายถึง การทำในใจ การคิด คำนึง นึกถึง ใส่ใจ พิจารณา
    ดังนั้น "โยนิโสมนสิการ" จึงหมายถึง การทำในใจให้แยบคาย หรือ การพิจารณาโดยแยบคาย กล่าวคือ ความเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตร่ตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือต้นตอของเรื่องที่กำลังคิด คือคิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แล้วประมวลความคิดรอบด้านจนกระทั่งสรุปออกมาได้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เป็นวิถีทางแห่งปัญญา เป็นธรรมสำหรับกลั่นกรองแยกแยะข้อมูลหรือแหล่งข่าวหรือที่เรียก "ปรโตโฆสะ" อีกชั้นหนึ่ง กับทั้งเป็นบ่อเกิดแห่งความคิดชอบหรือ "สัมมาทิฐิ" ทำให้มีเหตุผล และไม่งมงาย <sup id="cite_ref-3" class="reference">[4]</sup>
    อนึ่ง คัมภีร์ในพระไตรปิฎก ชั้นอรรถกถาและฎีกาได้แสดงไวพจน์แจกแจงความหมายในแง่ต่าง ๆ ของโยนิโสมนสิการว่า

    • "อุบายมนสิการ" เป็น การคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกับแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย
    • "ปถมนสิการ" เป็น การคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู้แนวทางที่ถูกต้อง
    • "การณมนสิการ" เป็น การคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ
    • อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น
    ไขความทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นเพียงการแสดงลักษณะด้านต่างๆ ของความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งการเกิดในแต่ละครั้ง อาจมีลักษณะครบทั้ง 4 ข้อ หรือเกิดครบทั้งหมด หรือเขียนลักษณะทั้ง 4 ข้อนี้สั้นๆ ได้ว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศล<sup id="cite_ref-4" class="reference">[5]</sup>
    เครดิต : โยนิโสมนสิการ - วิกิพีเดีย
     
  16. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    การศึกษาสมเด็จง่ายนิดเดียว แค่อ่านกระทู้นี้5-6รอบเท่านั้น (ผมอ่านกลับไปกลับมาแค่4รอบเองและเชื่อว่าไม่ถึง1เดือนด้วยและสามารถดูพลิกหน้าและพลิกหลังตอบได้ทันทีว่าสากลหรือนอกพิมพ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องลังเลกับคำตอบที่ออกไปด้วย)ก็สามารถย่นระยะเวลาไปได้มาก ผมเชื่อว่า 5-6รอบอย่าน้อยๆท่านก็จะได้พระนอกพิมพ์ราคาชาวบ้านไปพอสมควร เท่านั้น คุณ K501 ก็สมใจอยากแล้วครับ

     
  17. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    ผมขอบังอาจตอบแทนท่านวาซาบิและพวกเรารอการกลับมาของท่านอยู่ครับ
    เริ่มต้น พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เจดีย์ ด้วยการผิดพิมพ์เป็นอันดับแรก เนื่องจากผิดพิมพ์2-3จุดที่เป็นจุดหลักๆ
    อันต่อมาคือ เนื้อหาและมวลสาร คงไม่ต้องกล่าวใดๆเลย ไม่มีการปรากฏของเนื้อหาอันเป็นเอกลักษณ์และมวลสารหลักและมวลสารรองของท่านความนึกนุ่มไม่มี และยุบย่นแยก องค์นี้ จัดว่าเป็นพระตายครับ หมายถึงพระไม่มีชีวิตหรือส่องแล้วไม่มีมนเสน่ห์เป็นของตัวเอง ส่องแล้วแข็งๆทื่อๆ สมเด้จแท้ไม่ว่านอกพิมพ์หรือในพิมพ์ส่องแล้วต้องรู้สึกว่าต้องตาต้องใจ เหมือนสมเด็จท่านมีชีวิต
    ผมขออนุญาติโพสนิดนึงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06533.JPG
      DSC06533.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      94
    • DSC06534.JPG
      DSC06534.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      83
  18. kiatti1234

    kiatti1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,839
    ค่าพลัง:
    +811
    การที่จะมีสมเด้จแท้ๆสักองค์ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งที่ยากคือ "วิธีคิด"สิ่งนี้สามารถกำหนดโชคชะตา(ไม่ใช่ดวงแต่เป็นตัวเราตะหากที่กำหนด)ได้เลย
     
  19. K501

    K501 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +272
    ครับผมขอบคุณมากครับคุณkiatti1234ที่ให้ข้อมูลและแง่คิดดีๆแก่ตัวผม สาธุ สาธุ สาธุ
    สั้นๆแต่จากใจครับ
     
  20. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สวัสดีคะ

    ยาไม่ได้แซวนะคะ ยาพูดจริง แต่หาเวปนั้นไม่เจอ วันๆนึง ยาอ่านหลายเวปจนจำไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน แค่คุ้นๆคะ

    เฮ้อ .... พ่นลมหายใจแรงๆ เฮ้อ ๆๆๆๆๆ พระสมเด็จ แท้ หรือ เก๊ อะไรคือมาตราในการวัด หรือ การประมวลค่า ความแท้ ที่องค์พระ หรือ เป็นเพียง การวิเคราะห์ของชนกลุ่มหนึ่งที่สามารถชี้ชัดว่า นี่คือ พระสมเด็จแท้ หรือว่า พระสมเด็จแท้นั้น ต้องขายได้เพียงอย่างเดียว จึงเรียกว่าแท้ ท่านมีค่าแค่มูลค่า ที่หลายๆคนต้องการและใฝ่ฝันอยากได้ คือ เงิน เพียงนั้นเหรอ ( เงินก็อยากได้เหมือนกัน แต่ไม่คิดจะต้องตีค่าความหมายท่าน เพียงตัวเงินตัวเดียว )

    ถ้าต้องการบูชาท่านเพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อพระพุทธคุณ จะเก๊ หรือ แท้ แต่เมื่อมีท่านแล้ว ผู้ครอบครองมีแต่ความสุข ความโชคดี ผ่านพ้นอันตรายต่างๆมาได้ แล้วจะต้องแคร์ใยเล่า กับคำว่าว่า เก๊ หรือ ผิดพิมพ์ มวลสารไม่ใช่ เนื้อไม่ถึง พระล้อพิมพ์ หรือ อื่นๆ ที่ชนกลุ่มหนึ่งระบุ ชี้ชัดต่อองค์พระ ( ท่านชัวร์แค่ไหน ที่ท่านรู้ลึกและเป็นผู้รู้จริง และ เป็นผู้รู้ทุกแง่มุม ของพระสมเด็จ เมื่อท่านตัดสินพระสักองค์ เป็นเก๊ หากท่านเป็นพระแท้ ท่านเองนั่นหละที่จะมีบาปติดตัว บาปต่อผู้ถือครอง เจ้าของพระ บาปต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า )

    จะเก๊ หรือ แท้ ขึ้นอยู่ ที่จิตใจ ตั้งมั่น และ ศรัทธา ต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ของผู้ถือครอง ขอเพียงแต่ท่านอย่าลืมว่า พระเครื่องนั้น คือ เครื่องเตือนสติ เตือนใจ ให้เราอยู่ในศีล ในธรรมอันดี และ เป็นสื่อกลางที่แทนความหมายของอริยสงฆ์เจ้า ( หัวใจหลักก็คือ คำว่า ศาสนา ศาสนา สอนอะไรให้เรา )

    สวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิทุกวัน ต่อไปเมื่อท่านเข้าถึงพระธรรม ท่านจะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ ด้วยความเฉยเมย เพราะ ท่านจะทราบว่า พระท่านประทับอยู่กลางใจท่านเสมอมา สำหรับผู้ปฎิบัติธรรม อันดี ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดปฎิบัติมากมาย เพียงแค่ท่านมีศีลธรรมอันดี ท่านก็จะมีสติ มองอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ยาอาจเป็นคนบ้าๆบวม และ อาจต๊อง ในสายตาใครหลายๆคน แต่ยาก็ภูมิใจ ที่ตัวยาไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน แต่กลับสร้างความรื่นรมณ์ เสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง เท่านี้ก็สุขใจแล้วคะ ( ก็ยาไม่แคร์สายตาใครๆ เพราะ ยามั่นใจว่า ตัวเองก็สุดยอด แล้วเช่นกัน อะจึ๊ยๆๆๆๆๆ หุหุหุหุ ล้อเล่นนน คร้าา )

    ไปดีกว่า ยาพูดมาก เดี๋ยวรำคาญกัน (k)(k)(k) สวัสดียามเช้า พระคุ้มครองคะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...