ภัยหนาว ใครรู้ตอบหน่อยคะ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย tenis, 13 ธันวาคม 2011.

  1. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314
    ก็เป็นตัวอย่างที่ดีอันนึง
    ที่อยากจะสื่อบอกว่า
    เราเอาผ้าห่มไปแจกเขาทุกปี

    กับเราเอาความรู้ วิธีการทำผ้าห่ม
    หรือการสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์
    ไปสอนไปแนะนำชาวบ้าน
    ให้รู้วิธีการทำผ้าห่ม
    อย่างไหนเป็นการให้แบบยั่งยืนมากกว่าล่ะ ?

    ยังไงก็เชื่อมั่นว่าการให้แบบยั่งยืน
    น่าจะดีกว่าการให้แบบเฉพาะหน้า

    เพราะถ้าไม่มีคนมาแจกผ้าห่มเสื้อหนาว
    แต่ - ชาวบ้านก็จะสามารถ
    ทำสิ่งของเหล่านี้เองได้ด้วยตัวเขาเอง
    เผลอๆทำขายยังได้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เห็นด้วย การให้ที่ถูกจุดคือให้ปัญญา ให้ความรู้ แล้วจะช่วยชาวบ้านได้อย่างยั่งยืน เพราะถ้าให้เป็นเงิน ให้เป็นสิ่งของ ใช้ๆ ไปเดี๋ยวก็หมด หมดแล้วจะทำยังไง

    เมื่อเช้าดูรายการ ข่าวเช้าไทยพีบีเอส. ปรากฏว่า ที่อยุธยา บ้านริมตลิ่งกำลังแย่ เพราะดินทรุด เจ้าของบ้านใกล้ตลิ่งหลังหนึ่ง พูดว่า อยากให้รัฐบาลมาดูแล ถ้าบ้านพังแล้วจะทำยังไง เงินก็ไม่มี งานก็ไม่มี ที่อยู่อื่นก็ไม่มี

    ในสิ่งที่เขาพูดมา มันก็ไม่ผิด แต่ไม่ถูก เพราะคนเรา เข้าตาจนแล้ว อย่ามัวหวังรอใครช่วย ต้องพยายามด้วยตัวเองให้ถึงที่สุดก่อน

    พูดถึงเรื่องนี้ ก็อยากจะยกย่องคนที่ระนอง แถวหาดทรายขาว เป็นอิสลามเกือบทั้งแถบ เมื่อปีที่แถวนั้นโดนสึนามิ สิ่งที่เขาต้องการที่สุด หลังเจอวิกฤติแล้ว คือ เรือ อวน รวมๆ แล้ว ก็เครื่องมือหากิน นี่แสดงว่า เขาไม่งอมืองอเท้า แต่ขอยืนหยัดด้วยศักดิ์ศรี ยังไงก็ต้องกลับไปหากินให้ได้

    แนวคิดดีๆ อีกอย่างของเขาคือ ไม่มานั่งพิรี้พิไรถึงคนตาย หรือโศกเศร้าไม่รู้จบ เพราะเขาบอกว่า ญาติพี่น้องที่ตายไป ได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว

    มาถึงตรงนี้ มีเรื่องบ้านดินมาฝาก คุณสมบัติบ้านประเภทนี้คือ เย็นดีหน้าร้อน นอนอุ่นสบายหน้าหนาว แถมยังช่วยๆ กันสร้างได้ด้วย ไม่ต้องอื่นไกล แรงงานในครอบครัวนั่นแหละ

    [​IMG]

    คุณสมบัติของบ้านดิน (โดย แม่เหน่ง)

    <TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">[​IMG]

    1. มีคุณสมบัติในการเป็นฉนวน คือสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศรุนแรงทั้งหนาวจัดและร้อยจัด บ้านดิน มีอุณหภูมิภายใน 24-26 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี

    ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ เราสามารถอยู่ได้อย่างสบาย อีกทั้งฝาผนังบ้านดินยังสามารถดูดซึมความชื้นได้ดี ดังนั้นบ้านดินจึงช่วยปรับความชื่นภายในได้เป็นอย่างดี บ้านดินคือบ้านที่มีชีวิต สามารถหายใจได้

    2. ช่วยลดการใช้พลังงานและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติไม่ต้องระเบิดภูเขา เอาปูนซีเมนต์ หรือตัดไม้ทำลายป่า ใช้แต่พอเพียง

    3.บ้านดินเป็นลักษณะการสร้างที่อยู่อาศัยแบบเรียบง่าย เพื่อมาประยุกต์ใช้กับสภาวะปัจจุบันนับวันจะห่างไกลจากธรรมชาติ

    4.บ้านดินสร้างได้ทุกรูป ทุกแบบ ออกแบบได้ตามจินตนาการของเราหลากหลายความรู้สึก เป็นตัวของเราเอง อิสระด้านความคิด เป็นประโยชน์ในการใช้งานสำหรับผู้อยู่อาศัย ไม่จำกัดกรอบว่าต้องเป็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมหรือทรงกลม ทรงดอกไม้บาน ทรงไหนก็ได้ตามความรู้สึกที่อยากได้อยากทำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    www.baandinpoommanee.com/family-blog/khunsmbatikhxngbandindoymaehenng
     
  3. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    อ่อ....สมัยก่อน คนต่างจังหวัด ทำเสื้อผ้า ผ้าห่ม ที่นอน สานกระบุง ตระกร้าใช้ ปลูกผักกินเอง ทั้งที่งานนอกบ้าน อย่างทำไร่ทำนา ทำสวนก็มี แต่ด้วยความที่เขาไม่ขี้เกียจ

    ใน 1 วัน ตื่นประมาณ ตี 4 หุงหาอาหารกินกันในบ้านเสร็จ ก็ไปทำงานนอกบ้าน กลับจากงานนอก หรือว่างเมื่อไหร่ เป็นต้องหยิบจับทำอะไรให้มันเป็นประโยชน์ในครัวเรือน

    ข้าวของต่างๆ ก็ไม่ค่อยได้จ่ายเงินซื้อ อาศัยทำเอาเอง
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เรื่องเปลี่ยนความคิดของคนไทย ต่อไปเป็นสิ่งจำเป็น

    ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมมหาภัยครั้งนี้ ทำให้ทราบว่ายังมีคนไทยประเภทนอนรอขอความช่วยเหลือจากรัฐอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วน

    แต่ไม่พยายามช่วยตัวเองเสียก่อนให้ถึงที่สุด

    ยกตัวอย่างเช่น อยู่เฝ้าบ้านรอให้ผู้คนมาแจกอาหารสำเร็จและถุงยังชีพ
    รออยู่กันเป็นเดือนๆ ใครเค้าจะมาช่วยอุ้มชูไหว แต่ละบ้านห่างไกลเป็นกิโลเมตร
    แถมยังมีไม่รู้กี่ร้อยหมู่บ้าน ที่ต้องไปป้อนข้าวป้อนน้ำทุกวัน

    ลองคิดดูว่าถ้าท่านเป็นรัฐบาลจะเอากำลังคนที่ไหนไปดูแลได้หมด (ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล)

    แล้วถ้าต่อไปทุกคนเป็นผู้ประสพภัยทั้งหมด ทีนี้จะไปเรียกร้องเอากับใคร แล้วจะอยู่กันอย่างไร
     
  5. Akornlokudorn

    Akornlokudorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +60
    เคยมีคนบอกว่า เราให้ปลาแก่เขาไปทำอาหารก็แค่มื้อเดียวอย่างมากไม่เกินสามมื้อ สู้เราสอนวิธีจับปลาให้เขาสามารถช่วยตนเองได้ตลอดไม่ดีกว่าหรือ ขอแจ้งเพื่อทราบครับ
     
  6. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314

    ใช่ค่ะ คือคิดใกล้เคียงกัน
    เรามองว่าการให้..เป็นเรื่องดี...
    แต่ถ้าให้มากเกินไปจนเกินความพอดี
    อีกฝ่าย(ผู้รับ)จะไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาช่วยตัวเองเสียที

    ในทุกเรื่องนั้นควรอยู่ทางสายกลางน่าจะดีกว่า
    คือการไม่มากไป ไม่น้อยไป

    ให้มากไปก็คือการสปอยล์ผู้รับ
    ไม่ให้เลยก็คือไร้น้ำใจ แล้งน้ำใจต่อผู้รับ

    เรามองว่าทำอะไรก็ตาม
    ขอให้อยู่บนทางสายกลาง
    อยู่บนความพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป
    น่าจะดีต่อทั้งผู้ให้ และ ผู้รับ
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ที่สัมผัสได้คือ คนในบอร์ดนี้จิตใจดีมีเมตตาทั้งนั้น เพียงแต่มีมุมมองในการ "ให้" ต่อเพื่อนมนุษย์แตกต่างกัน

    เช่น บางคนอาจมองว่า การ "ให้" ที่ยั่งยืน ก็ต้องทำให้ผู้รับ สามารถยืนหยัดช่วยเหลือตัวเองได้ตลอดไป แม้ในยามไม่มีใครให้พึ่งพิง

    หนำซ้ำเผลอๆ ยังเผื่อแผ่เจือจานชาวบ้านที่เดือดร้อนเหมือนๆ กันได้อีก อย่างนี้น่าภูมิใจกว่า

    ถ้าจะเปรียบกับต้นไม้ ก็คือ ทำตัวของตัวให้เป็นต้นไทร ไม่ใช่ต้นตำลึง

    ไม่งั้นเข้าตำรา "พ่อแม่รังแกฉัน"
     
  8. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    มันไม่ใช่อย่างนั้นชี มองแต่มุมของผู้ให้อย่างเดียวก็อย่างนี้แหละ

    คิดชิถ้าไม่ไปแจกแล้วเขาจะอยู่ได้มั๊ย เขาก็อยู่ของเขาได้อยู่

    ไม่งั้นก็หนาวตายไปค่อนประเทศเเล้ว

    อย่ามองมุมเดียวชิ มองมุมที่ผู้ที่แจกได้มากกว่าผู้รับบ้างชิ ถึงต้องมีโฆษณา
    ติดโลโก้ยกใหญ่ หวังอะไร ทำน้อยแต่อยากได้มาก บางที่แค่ค่าโฆษณา ก็แพงกว่าค่าของที่แจกก็เป็นได้

    กรณีน้ำท่วมกรุงก็เหมือนกันโฆษณากันเข้าไป เคยบ้างใหมคิดในมุมกลับ ไปขอบคุณเขาที่เขายอมให้น้ำท่วมบ้านเขา ทั้งๆที่ควรจะแห้งแล้ว แต่ต้องแบกภาระแทนคนกรุง

    เวลาเอาของไปแจกเขาแทนที่จะขอบคุณเขาที่เขารับภาระแทนตัว
    แต่กลับเป็นว่าต้องไปขอบคุณคนที่เอาของมาแจกแทน เคยคิดมุมนี้กันบ้างไหม

    ขอคำขอบคุณให้พวกเขาบ้างก็ยังดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    มีคนกล่าวไว้ว่าเหรียญมีสองด้าน ขึ้นอยู่กับว่าผู้ดูเลือกที่จะดูด้านใด
    และจริงๆแล้วเหรียญก็มีมากกว่าสองด้านคือมีความหนาด้วย
    การไปแจกของผู้แจกก็ย่อมแตกต่างกันในรายละอียด
    ติงก็เคยอ่านเรื่องพ่อแม่รังแกฉัน
    และติงก็เคยอ่านเรื่องการให้ปลากับการสอนวิธีหาปลา
    และคิดว่าตนเองเข้าใจในสองเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยและมีความเห็นด้วย
    ติงเคารพการคิดต่าง และเห็นว่าการคิดต่างเป็นสิ่งที่ดี
    ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน....
    แต่บางครั้ง...การแจกก็ยังจำเป็นในบางที่ ในบางโอกาส
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อย่างปีนี้ติงสอนเด็กๆชั้น ม.๑
    และที่ยโสธรปีนี้ก็หนาวถึง ๑๔ องศา
    เวลาเห็นเด็กๆชั้นม.๑ ใส่เสื้อที่เราเคยไปแจกมาโรงเรียน
    มันบอกไม่ถูกว่ามีความสุขมากแค่ไหน
    และเด็กๆก็รักเสื้อตัวนี้ของเขามาก บางคนใส่มา ๓ ปีแล้ว ตั้งแต่เขาอยู่ชั้น ป.๕
    แล้วเขาก็จำเราได้ ว่าเราเคยไปหาเขาที่โรงเรียน

    บางโรงเรียนที่เราไปทำห้องสมุดให้ เวลากลับไปเยี่ยมไปเห็นเขาใช้ห้องสมุดเราก็มีความสุข เด็กๆก็มีความสุข
    อย่างไร...ในความเป็นครู ติงก็ยังคิดว่าการให้ที่บริสุทธิ์ใจเป็นสิ่งที่งดงามเสมอ.
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อย่างวันไหว้ครู ติงเคยให้อุปกรณ์การเรียนเด็กๆ จนป่านนี้จะสิ้นปีการศึกษาแล้ว ของที่เราให้เขาก็ยังใช้อยู่ เราเห็นเขาใช้อย่างทะนุถนอม เราก็มีความสุขใจ
    ติงก็เชื่อว่าเด็กๆมีความสุขใจเช่นกัน
    เพราะเป็นของที่เราให้เพราะความรัก ความเอ็นดูที่มีต่อเขา และเขาไม่เคยดูถูกของที่ครูเอาให้สักครั้ง
    ทำไมติงต้องแจก....
    เพราะติงจำได้ว่า ตอนที่ติงยังเด็ก ติงได้รับอะไรจากใครติงจะมีความสุขมาก
    และจำได้ไม่เคยลืม เฝ้าลูบคลำสิ่งที่ได้รับ...และระลึกถึงผู้ให้เสมอ
    พอโตขึ้นมา มีกำลังที่จะให้ได้ จึงไม่ลังเลที่จะให้
    และติงก็ค้นพบว่า
    การเป็นผู้ให้นั้นสุขใจจริงๆ
     
  12. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    เรื่องภัยหนาวคิดว่าจะเหมือนที่หลายๆท่านเคยว่าไว้ คือหนาวจัด จะมีหิมะหรือไม่ต้องลองดูไปแต่อาจจะเป็นไปได้ที่จะเกิด เพราะเคยเกิดมาแล้วเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เมื่อไม่กี่ปีมานี้ก็เคยเกิดในพม่า และอากาศโลกทุกวันมันเพี้ยนไปหมดแล้ว ภาวะหนาวจัดจนถึงขั้นหิมะตกในไทยจึงมีความเป็นไปได้เช่นกัน

    เรื่องผ้าห่ม
    สำหรับผมแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีให้แบบไปป้อนถึงที่ แต่ในบางกรณีถ้ามันจำเป็นจริงๆก็ต้องทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

    เรื่องการให้
    ทั้งนี้การให้ มันก็คือการเจริญพรหมวิหารและเป็นการสละออกซึ่งความตระหนี่และยึดมั่นถือมั่นในวัตถุ มันมีข้อดีตรงนี้ พอทำได้ถึงแบบนี้จิตใจก็เกิดแสงสว่างสไว พอจิตใจสว่างสไวจะทำอะไรก็จะมีสติ เพราะระลึกถึงความดีที่ตนได้ทำแล้ว เมื่อจะคิดอ่านทำการใดก็จะเกิดความพรั่งพร้อม ทั้งปัญญา ทั้งสติ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะยิ่งทำยิ่งให้ยิ่งเกิดความสุขที่ได้ให้และอยากจะทำยิ่งๆขึ้นไป เมื่อนั้นทุกอย่างมันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติจะเจริญขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรมเอง

    หลายๆคนหลายๆองค์กรไปหลงเข้าใจว่าการให้คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กรหรือสร้างชื่อเสียงให้ตน นั่นมันวิธีคิดแบบวัตถุนิยมเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นการพัฒนาจิตใจขึ้นและไม่ใช่ CSR เลยซักนิด แค่สละวัตถุแลกกับชื่อเสียงเท่านั้น น่าจะเรียกว่า การแลก มากกว่า โดยเฉพาะบางองค์กรกระทำน่าเกลียดคือรับของจากชาวบ้านที่บริจาคแล้วเอาโลโก้เอาชื่อตนใส่ลงไปในถุง แล้วแจกเพื่อแสวงหาชื่อเสียงให้กับตนเอง หรือองค์กรของตน แบบนี้มีให้เห็นมาก จริงๆถ้าไม่ใช่เงินสวนตัวควรจะเขียนว่าของบริจาคจากคนไทย /จากภาษีประชาชน น่าจะเหมาะกว่า

    แต่การให้มากเกินไปจนหมดตัว แล้วคนรอบข้างเดือดร้อนนั้นก็ไม่ไหว ประเด็นที่คนไทยควรจะเรียนรู้มากๆจากในหลวงคือการให้ โดยใช้สติปัญญาพิจารณาอย่างลึกซึ้ง ที่สำคัญอย่าทำเอาหน้าคือทำแบบปิดทองหลังพระ ใต้ฐานพระยิ่งดี เพราะอะไร นอกจากจะไม่เกิดภัยแก่ตนในภายหลังแล้ว ถ้าทำแบบนี้ตัวเองยังได้มีการสละความตระหนี่และเป็นการขัดเกลาในเรื่องทานบารมีให้ปรมัติขึ้นไปเรื่อยๆ สมเด็จพระญาณสังวรฯและหลวงปู่มั่นท่านก็เคยสอนไว้เช่นนี้ ส่วนเรื่องความเจริญมันจะตามมาเองถ้าทำได้ก็จะเจริญขึ้นเองทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง ประเทศชาติ และโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  13. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    ถ้าประเทศไทยหิมะตก คงได้เวลาทำใจแล้วหล่ะค่ะ
     
  14. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เวลาทำใจรับมือภัยพิบัติประเภทใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน น่ะสิครับ

    Nirvana บอกกล่าวไว้ในหลายกระทู้ว่า
    ถ้าหิมะตกในเมืองไทยเช่นเดียวกับในยุโรปหรืออเมริกาจริงๆ ล่ะก้อ

    ประเทศนี้วิปโยคแน่ๆ ครับ
     
  15. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า อาจจะได้เห็นหิมะตกในไทย ท่านบอก ภัยธรรมชาติเขาเริ่มแล้ว เพราะคนไร้ศิลธรรมมีมาก กว่าคนมีศิลธรรม ซึ่งมีไม่ถึง 10% ภัยธรรมชาติจึงเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
     
  16. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    เคยได้ยินหลวงตาม้าท่านพูดว่า

    ต่อไปประเทศไทยจะมีภูมิอากาศแบบอบอุ่นมี 4 ฤดู เช่นเดียวกับญี่ปุ่น
    ซึ่งก็หมายความว่าแกนของโลกจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น
    ขั้วโลกเหนือจะเปลี่ยนตำแหน่ง เส้นศูนย์สูตรจะกลายเป็นแทบขั้วโลกแทนที่

    ดังนั้นหิมะและน้ำแข็งจึงละลายเร็วกว่าที่เคยเป็น
    ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่ากล่าวไว้
    ภัยพิบัติต่างๆก็เลยรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามความเปลี่ยนที่รวดเร็วเช่นนี้

    ปัญหาคือว่า เราจะเชื่อหรือไม่ แล้วถ้าเชื่อจะรับมืออย่างไร
    นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นที่ควรศึกษาและหาทางแก้ไข เพื่อความอยู่รอด
     
  17. นักรบธรรม

    นักรบธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    969
    ค่าพลัง:
    +1,174
    จริงๆ แล้วไม่มีอะไรมาก ความโลภ โกรธ หลง นั่นแหละ

    คนที่คิดคือ เจ้าของบริษัทฯ เขาทำเพื่ออะไร..............ตลาด

    คนที่คิดคือ องค์กร เขาทำเพื่ออะไร................ซื่อเสียง

    คนที่คิดคือ ราชการ เขาทำเพื่ออะไร................. งบประมาณ

    ผ้าห่มนวมผืนหนึ่งราคา 2-3 ร้อยบาท แล้วยิ่งหน้าหนาวแจกกันเต็มเลย
    บริษัทฯ ที่ผมรู้จักเขารับงานของราชการมา 4,000,000 ผืน ราคา 160 บาท
    คิดดูว่าแจกกันขนาดใหน ลองพิจารณาดูว่าจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องของคนอยากได้หรือ เป็นเรื่องของคนอยากให้

    เว็บโรงเย็บผ้านวม nonwovens,thailand - Powered by CO.CC
    ลองดูที่เมนูด้านขวา ผลิตผ้านวม มีภาพให้ดูเต็มโรงงานเลยครับท่าน
    ภาพการผลิตผ้าห่มให้ หน่วยงานราชการต่างๆ แต่ละปี ต้องทำงานกัน ดึกๆ ทุกวัน
    เพราะต้องส่งให้ทันหน้าหนาวนี้เพื่อพี่น้องไทยจะได้บรรเทาทัน ซึ่งเราสามารถผลิตได้วันละ 1,000 ผืน
    โดยลูกค้าจัดหาผ้าและใยสังเคราะห์มาให้หรือจะให้เราจัดหาให้ก่อน
    ซึ่งแต่ละปีจะมีการสังเย็บผ้าห่มนวมหลายแสนผืนเลยทีเดียว ตามภาพ
    <TABLE style="WIDTH: 805px; HEIGHT: 53px"><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2011
  18. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    แหะ ๆๆ คุณครูหนีมาอร่อยอยู่ตรงนี้นี่เอง
    หาซะนาน นึกว่าหายไปไหน 55555 เอิ๊กกกๆๆๆๆ :cool::cool::cool:
     
  19. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    การบริจาค หรือ การให้ทาน
    กุศลจะเกิด อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจในการให้ทาน
    ส่วนผู้รับเขาจะเอาไปใช้ยังไง
    ผมไม่อยากให้ท่านนำไปคิดให้อารมณ์หม่นหมองครับ

    เป็นผู้ให้ ผมคิดว่าดีกว่าเป็นผู้รับนะครับ
    ดีแล้วที่ใครมีโอกาสเป็นผู้ให้
     
  20. เวียงละกอน

    เวียงละกอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +391
    การให้อย่างนี้ถือว่าเป็นการให้เพื่อส่งเสริมปัญญาแก่เด็กๆแต่การแจกของกันหนาวทุกๆปีมันแก้ไม่ถูกและแก้ที่ปลายเหตุจะเป็นด้วยที่ว่าได้เปอร์เซ็นต์จากการซื้อผ้าห่มหรืออย่างไรก็ไม่ทราบมันก็คงเหมือนๆกรณีอื่นๆนะครับเช่นการพยุงราคาพืชผลทางการเกษตร การชดเชยความเสียหายเนื่องจากภัยธรรมชาติฯลฯเซ็งพูดแล้วลมขึ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...