พุทธศาสนาแบบไทยๆ : แท้ที่จริงแล้วเรากำลังรุ่งเรืองหรือพังทลายตัวเอง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุมิตราจ๋า, 2 ธันวาคม 2012.

  1. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ส่วนเรื่องท่านตรุงป้าบรรลุธรรมนั้น เข้าใจว่า ท่านไม่เคยพูดว่าตัวเองบรรลุธรรม แต่มีที่น่าคิดก็คือตอนท่านไปตะวันตกแล้ว ท่านไปประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ความคิดท่านก็เลยเปลี่ยนไปหมดยิ่งท่านไปรักษาตัวที่ภูฏาน เขาก็เล่าว่าวันหนึ่งท่านไปนั่งสมาธิแล้วท่านเกิดประสบการณ์บางอย่างขึ้นมา วันรุ่งขึ้นท่านก็สึกจากความเป็นพระแล้วใช้ชีวิตเป็นฆาราวาส ผลก็คือท่านเป็นธรรมาจารย์ชาวพุทธคนเดียวทีตีสังคมตะวันตกแตก และทำให้ฝรั่งเปลี่ยนมาศึกษาพุทธจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในทิเบตเขาก็ถือว่า ถ้ายังไม่บรรลุธรรมก็ยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้สืบทอดสายธรรม แต่ดูเหมือนท่านจะได้รับการยอมรับจาก จัมกอง ครองตรู ครูของท่านแล้วตั้งแต่ในทิเบต ก็แล้วแต่ใครจะเชื่อก็แล้วกัน อันที่จริงท่านจัมกอง ครองตรูสอนท่านตรุงปะว่า เมื่อไหร่ที่เธอเข้าใจจริงๆๆว่าไม่มีการบรรลุธรรม นั้นแหละคือการบรรลุธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2012
  2. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    [​IMG]



    อันนี้ ก็หมอผีเคนย่า ทำพิธีให้โอบาม่า แล้วก็ชนะซะด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2012
  3. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    แหม หนุ่มเอยเขาก็เชียส์ของดำเหมือนกันนั้นแหละ
    เอ็งว่าไหม?ล่ะ
    พวกหมอผีนี่อย่าไปดูถูกนา ความเข้าใจเขาเกี่ยวกับธรรมะยังอาจจะลึกซึ้งกว่าคนจบดร.เสียอีก เพราะพวกนี้อยู่กับธรรมชาติ
    เขาไม่เจริญทางวัตถุ แต่ทางศาสตร์ภายในแล้วบางเผ่าก็ลึกซึ่งมาก เช่นอินเดียแดง กระเหรี่ยงบ้านเราก็มีทัศนะที่ลึกซึ้งมากลุงเคยไปคุยมาแล้ว
    น่าเสียดายที่กระเหรี่ยงยุคใหม่ไม่ได้สืบทอดภูมิปัญญาของบรรพบรุษแล้ว หมดในรุ่นเอ็งนี่แหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2012
  4. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    ใช่ครับ ท่านไม่ได้บอก
    เป็นความคิดเ็ห็นของผมเอง
    ซึ่ง ไม่ตรงกับท่าน "ครองตรู" ครับ
     
  5. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    เป็นลักษณะการทำงานของ "เบื้องหลัง" นะครับ
    ใช้ทุกวิธี ไม่สนว่าจริงหรือไม่ ขอให้มันได้ก็พออ่ะ
    เบื้องหลัง มันก็เลยดำ และต้องอยู่แต่เบื้องหลังไง


    แต่นั่นก็ช่วยทำให้เบื้องหน้า มั่นคง ได้แหละครับ
     
  6. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    เคยไปเยี่ยมชาวเขา


    ก็มีมูลนิธิเขาเข้าไป แล้วก็แต่ละคนก็มีทั้งมือถือ ฯลฯ
    บางคนก็เอารถมอไซต์ แบบมียี่ห้อไปขับ ตะลุยด้วย
    ผมสงสัย ชาวเขาเขาเห็น คงอยากได้อย่างเราบ้าง ก็
    ต้องหาเงินนะ ผู้หญิงก็ถูกตกเขียวนะ ผู้ชายก็ค้ายาบ้า
    นะ ทำไงได้ละ อยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามากระตุ้นความ
    อยาก เออ ไม่รู้ว่าเราไปเข้าค่าย อยู่กะเขานี่ เราไปทำ
    อะไรเพื่อเขา หรือเพื่อตัวเรากันแน่นะ?
     
  7. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ท่านจัมกรอง ครองตรูว่า ก็ได้นะว่า เมื่อใดที่เราตระหนักว่าไม่มีการบรรลุธรรมนั้นแหละ เราได้บรรลุธรรมแล้ว หรือก็คือเรามักคิดว่า การบรรลุธรรมนั้นเป็นประสบการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น แล้วก็จบลงแค่นั้น หลังจากนั้นเราก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ ต้องทำอะไรอีก

    ซึ่งในบางแง่แล้ว ความคิดเช่นนี้นั้นแหละคือปัญหา ทั้งนี้เพราะเมื่อเวลาผ่านไปประสบการณ์นั้นจะลดความเข้มข้นลง ครั้งแรกช่างน่าตื่นเต้นกระจ่างชัด แต่พอนานๆๆ ชักยังไงๆๆยังไงหว่า ทำไมมันเริ่มเฉยๆๆ และไม่เห็นมีความรู้สึกสว่างวาบ สงบอย่างแท้จริง แบบตอนนั้นเลย เราพยายามที่จะรักษาประสบการณ์เอาไว้ เหมือนวัตถุโบราณ ด้วยหวังว่ามันจะคงอยู่กับเราเสมอๆๆ

    นี่แหละ คือรูปแบบหนึ่งของความเข้าใจผิดในธรรมะเลยละ มันเหมือนการเก็บอากาศสดชื่นเอาไว้ในห้องปิดตายในที่สุดมันก็จะมีกลิ่นอับ นั้นแหละ ทั้งๆๆที่ความจริงแล้ว สัจจะนั้นเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ ขณะต่อขณะเสมอๆ เป็นการสัมผัสสิ่งที่เป็นจริงดโยไม่บิดเบือนมัน อย่างภาคภูมิเปิดออก ไม่ว่าประสบกราณ์นั้นจะวิเศษสุดๆๆ หรือธรรมดาสามัญก็ตามที

    พอเข้าใจไหม?ละ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม ที่ท่านตรุงปะสอนละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2012
  8. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    คำสอนของท่านตรุงปะ มาด้วยประสบการณ์
    ถ้านับสาย ก็น่าจะเป็น "วัชรยาน"


    ส่วนของท่าน "ครองตรู" น่าจะเป็นแนวของเซน
    แต่เมื่อใดที่เอา "คำสอนแน่นอน" มาใช้ เมื่อนั้น
    ไม่อาจเข้าถึงเซนได้ เหมือนรุ่นก่อนบอกว่าการ
    บรรลุธรรม ต้องเป็นอย่างนี้ๆ นะ เราก็จำมา แล้ว
    ก็ใช้ต่อไป แต่ในความจริง มันอาจจะไม่ใช่ไง...


    (แปลกไหม อาจารย์เป็นเซน ศิษย์เป็นวัชรยาน?)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2012
  9. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    นี่แหละ เขาสูญเสียความเรียบง่ายและวิธีชีวิตของเขาไป เมือก่อนพวกนี้ซื่อมากเราเข้าไปเราเอาของไปวางทิ้งไว้ไม่มีใครหยิบใครเก็บเลยล่ะ เดี่ยวนี้คงไม่แล้วมั้ง แล้วผู้หญิงก็ลงมาหางาน ส่วนใหญ่จะเป็นโสเภณีเสียมากที่ขาวๆๆนั้นนะ ชาวเขาทั้งนั้น ผู้ชายก็ถ้าไม่ขายแรงงานก็คงจะค้ายานั้นแหละ พ่อหนุ่มตั้งข้อสังเกตไว้ใช้ได้เลยนี่ เราเข้าไปบางทีเราก็ไปเอาความเป็นวัตถุนิยมของเราไปให้เขาด้วย เขาเห็นเขาก็คงจะอยากได้อยากมีนั้นแหละ บางรายก็เลยต้องเข้าเมืองมา แต่สุดท้ายก็กลับไปนั้นแหละ เพราะถึงจุดหนึ่งพวกนี้เขาจะรู้ว่าชีวิตที่มีความสุขคือชีวิตแบบเดิของเขา ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินมาก ไม่ต้องมาเป็นทาสใครมีอิสระเสรี เกื้อกูนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 ธันวาคม 2012
  10. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    ด้วยพระราชาภูฏาน เปิดประเทศ ทำให้วัตถุต่างๆ
    ไหลเข้ามามากมาย ชวนให้คนที่นั่น พากันลุ่มหลง


    เพราะเหตุนี้ "ลามะภูฏาน" เลยบอกอย่่างนี้ครับว่า


    "เออ ดีสิ เป็นโอกาสได้ทดสอบใจเราไงละ ..."
     
  11. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ท่านครองตรูเป็นแนววัชรยานนั้นแล แต่ท่านเป็นแนวริกเม ท่านก่อตั้งของท่านเอง คือแนวที่เอาพุทธศาสนาทั้งสี่นิกายในทิเบตมาหลอมรวมกัน เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะของทิเบต ส่วนมันไปเหมือนกับเซน ก็เพราะ ธรรมะย่อมเป็นเอกภาพมันก็เหมือนกันนั้นแหละ เหมือนน้ำก็คือน้ำ ไม่ได้ขึ้นกับยี่ห้อนั้นแล แลท่านตรุงปะนับถือท่านมาก

    ทีนี้ขอให้สังเกตว่า ต่อมานี่ท่านตรุงป้า สร้างสายของท่านขึ้นมาเองคือชัมบาลา ขอให้สังเกตว่าท่านเอาวัชรยานมารวมกับเซน และ เอาวัฒนธรรมอเมริกันมาหุ้มเอาไว้ เพราะในยุคที่ท่านไปอยู่ตะวันตกท่านไปรู้จักอ.เซนหลายๆๆท่าน เช่น ซูซูกิ โรชิ (ท่านนี้ก็ดังพอๆๆกับท่านตรุงป้านั้นแล) โคบุน ชิโน โรชิ และ คันจูโร ชิบาตะ เซนเซ ท่านก็ไปเรียนกับพวกนี้ด้วย ท่านไปเรียนจัดดอกไม้ ไปเรียนแต่งไฮกุ ไปเรียนยิงธนู ไปเรียนศิลปะการต่อสู้ พวกนี้คือจิตวิญญาณของเซนแบบญี่ปุ่นเลยละ

    แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ยังคงรักษา แนวทางของตัวเองเอาไว้ คือท่านเอาเซนมาขัดเกลาวัชรยาน ให้เรียบง่ายขึ้นนั้นแล โดยท่านพยายามที่จะพูดว่าวัชรยานคชคือท่านที่ลัดที่สุดในทางธรรมะ นี่ต้องเข้าใจว่าปี 1970 ถึง 1980 นี่พวกกูรูแกแข่งขันกันสูงมาก ท่านก็เอากับเขาด้วยท่านก็อยากให้พุทธศาสนาแบบตันตระนี้มันเข้าไปแข่งกับเขาได้ คู่แข่งคนสำคัญที่สุดของท่านคือ ท่านรามทาส ท่านนี้เป็นฮินดู เดิมที่เป็นฝรั่งแต่ไปอินเดียเรียนเรื่องท่านจิตวิญญาณแล้วไปพบมหาราจี ท่านก็กลายเป็นผู้สืบทอดของมหาราจี เรียกว่าสองคนนี้แข่งกันมากวันเว้นวัน เช่นวันนี้ท่านตรุงปะเทศน์ วันรุ่งขึ้นท่านรามทาสเทศน์ ที่เดียวกันนั้นแหละ สลับไปมาเรียกว่าสมน้ำสมเนื้อเลยละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2012
  12. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    มีหมู่บ้านหนึ่งในภูฏาน เขาจะมีรูป "อวัยวะเพศชาย" ติดเต็มไปหมด
    พวกเขานับถือ "ลามะรูปหนึ่ง" ซึ่งมาจากแดนไกล ท่านนี้ บอกว่าใคร
    จะให้สอนธรรมะ ก็ไปเอาเหล้ากับผู้หญิงมาก่อน แล้วค่อยสอนทีหลัง


    เคยดูในรายการ "พื้นที่ชีวิต" ตอน "กิเลสคือโพธิ" น่ะครับ ...
     
  13. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ เรื่องเซนเนี่ย



    เซนแท้ ไม่มีการสอนสมาธิ ไม่ฝึกสมาธิ
    เซนเริ่มต้นสายของญี่ปุ่น ไม่มีการฝึกสมาธิ
    เลย (แต่เขาก็มีสมาธิ โดยไม่ต้องไปฝึกนะ)


    ต่อมา ภายหลัง มันก็เริ่มไม่เข้าใจเซน มันก็
    เลยไปปรุงแต่งหาอะไรทำกัน ก็เลยคิดวิธีทำ
    สมาธิขึ้นมา เป็นแบบเฉพาะตัวแบบนั้นแบบนี้
    สองสายเซนนี้ ดั้งเดิมของแท้ ของใหม่กลาย
    พันธุ์ แต่เพราะไม่มีใครเข้าใจจริงๆ ก็ไม่รู้แล้ว
    ครับ


    นั่งจัดดอกไม้ลงแจกัน ก็มีสมาธิืได้ นั่นแหละ
    ของเก่า สมาํืธิมีได้ โดยไร้รูปแบบแห่งการฝึก
     
  14. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ท่านนี้ท่านชื่อว่า ดุปปะ คุเล เป็นคนแรกที่เอาพุทธศาสนาตันตระเข้าไปในภูฐาน ลักษณะที่ดูบ้าๆๆบอๆๆนี้ คือลักษณะของสิทธาในนิกายนี้คือผู้รู้แจ้งอย่างสมบรูณ์ แลครองปรีชาบ้า ขอให้สังเกตอ.เซนก็จะพบว่ามีลักษณะบ้าๆๆแบบนี้เช่นกัน เช่นท่านอิกคิว ท่านรินไซ ท่านกาซานกับจิเต้ ท่านฟูไก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 ธันวาคม 2012
  15. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อย่างแม่ผม จะจัดแจกันบูชาพระทุกวันพระ
    ผมก็จะดูผลงานที่ออกมาครับ บางวัน ผมก็
    จะรู้ได้ว่า "จิตแม่ยุ่งเหยิง" หรือ "จิตแม่ว่างๆ"
    แม่มีสมาธิืดีไหม? หรือมีสติปัญญาใช้ได้ไหม?


    แต่ว่าแจกันที่แม่จัดนั้น ไม่ได้มีรูปแบบเหมือนเซน
    อะไรเลยครับ อันนั้นมันงานศิลปะแบบเซน มันไม่
    ใช่เซนที่เป็นธรรมะนะครับ (ไม่เหมือนกันอ่ะครับ)
     
  16. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    จริงๆๆ เขาก็ฝึกสมาธินั้นแล เขาจะมีช่วงเขาเงียบคือซาเซนแบบไม่ไปไหนเป็นอาทิตย์ๆๆเลย เหมือนกัน แต่โดยปกติเขาจะฝึกในทุกๆๆอริยาบท เขาฝึกจนมันเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตของเขาได้ทีเดียว เขามีสติมาก ทั้งยามถอดรองเท้า ชงน้ำชา นั่งนอนเดิน เขียนหนังสือ

    จริงๆๆ ทั้งมรรคค่อยเป็นค่อยไปแบบของโซโตะกับฉับพลันแบบของรินไซ นั้นคืออันเดียวกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจก็เห็นว่ามันต่าง พูดยากนะแลสิ่งนี้เขาใจด้วยตรรกะไม่ได้ดอกนะ

    เมื่อก่อนลุงก็เคยไปฝึกเซนที่อเมริกามา เหมือนกันนั้นแล ใช่ๆๆไอ้ที่เขาจัดแจกันนั้นนะ จริงๆๆเขากำลังจัดใจตัวเองอยู่ นั้นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2012
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    เดิมธรรมที่ท่านตรุงปะได้ มาทางวัชรยาน
    แต่ท่านไปศึกษาเพิ่ม สายเซน และตันตระ
    อีกที ทีหลังสินะครับ? (เท่าที่เห็นคือ ท่าน
    ตรุงปะ ไม่ชำนาญทางเซนและตันตระครับ)


    เพราะแม้ว่าทุกสายธรรม จะบรรลุถึงกันได้
    หมด แต่มันก็ไม่เหมือนกันในรายละเอียดครับ


    จะเข้าถึงตันตระ ต้องลุยเรื่องผีเรื่องเทพให้มัน
    สุดๆ เหมือนบ้าวิชา บ้าของขลัง อะไรแบบนั้น
    ไปเลย จะไปแบบวิชาการมาก ปรัชญามากนี่
    ไม่ได้ตันตระแน่ เอาแบบเณรแอ นั่นแหละ วิถี
    ตันตระ (แต่บรรลุหรือยัง ก็อีกเรื่องนะครับ คือ
    มันเข้าทางตันตระก่อน แล้วค่อยไปถึงทีหลัง)
     
  18. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964


    คนที่จัดแจกันให้ได้แบบเซนจะ
    ไม่มีทางเข้าถึงเซน เขาจะได้
    อย่างมากคือ "แจกันแบบเซน"


    ก็เท่านั้นเอง ...
     
  19. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เซน บรรลุผ่านการถ่ายทอดธรรม จากอาจารย์สู่ศิษย์
    จากจิตสู่จิต ไม่ใช่ภาษาอะไร อาจารย์เซนอาจพูดมั่วๆ
    แต่ถ้าจิตถึงจิตได้ ศิษย์ก็บรรลุธรรมได้ นั่งจัดแจกันทั้ง
    วัน ก็ไม่มีทางบรรลุเซน ศิษย์โง่เลยไปหาอาจารย์ นั่น
    แหละ วิถีเซน (ศิษย์โง่ ไปเรียนเซน) ...


    เซนไม่มีเรื่องการบรรลุได้ด้วยตนเอง เพราะการบรรลุ
    ได้ด้วยตนเอง คือ "วัชระตันตระ" ดังนี้ วัชระตันตระจึง
    พูดถึง "พุทธะ" มาก ในขณะที่เซน พูดแต่ "โพธิจิต"
    บรรลุได้เหมือนกัน แต่ต่างกันในรายละเอียดเท่านั้นเอง
     
  20. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529

    อืมส์ใช่ๆๆ สิ่งที่คนๆๆเขาสำแดงออกนะ มันจะบอกตัวตนของเขา เขาใจลอยไหม? เขามีสติไหม? มันไม่ได้อยู่ที่จัดมาสวยหรือไม่สวยหรอกมันอยู่ที่ ในขณะจัดใจเขาอยู่ที่ ดอกไม้ที่เขาจัดหรือเปล่าหรือลอยไปอนาคตไปอดีตเสียแล้ว นี่สำคัญที่สุดเพราะนั้นจะเท่ากับเขาไม่ได้จัดมันเลย นี่คือเซน เซนก็คือการเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าขณะต่อขณะ เพราะนั้นแหละคือสิ่งที่เป็นจริง และเนื่องจากเราไม่มีทางรู้ว่าเราจะพบกับอะไรในแต่ละขณะ ทำให้เซนเป็นสิ่งที่เหนือไปจากทฤาฏี ตรรกะ ทั้งหลายในการบรรยายมัน อีกประการก็คือเซนนั้นเน้นไปที่จิตที่สดใหม่ เป็นอิสระจากประสบการณ์ทั้งมวลที่เกิดขึ้น เราต้องตื่นตัวเสมอๆๆ ไม่ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นจะธรรมดาสามัญ หรือ ซ้ำซากเพียงใด สำหรับเราแล้วมันเป็นสิ่งสดใหม่ วิเศษสุดเสมอๆๆ นี่คือแก่นของเซน ซึ่งสะท้อนผ่านงานกวีของเซน ขอให้ลองสังเกตดู

    จริงๆๆ เรื่องรูปแบบนี้อันตรายมากเลยละ เหมือนคนนั่งสมาธิแล้วอาระบบไปหุ้มฉันต้องทำแบบนั้นนี้ื ครูบอก ตำราบอก นี่มันบ้า มันได้ที่ไหน มันเป็นการหลอกตัวเองทั้งนั้น แล้วมันไม่ใช่สมาธิจริงๆๆ เป็นการดัดจริตตัวเองเสียมากกว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่เลื่อนไหลถ้าเราเอาระบบมาจับมันจะตายด้านทันที อย่างทุกวันนี้สำนักซัมบาล่าของท่านตรุงปะ นะมันเป็นเรื่องเหลวไหลไปแล้ว มันกลายเป็นครอสเป็นรูปแบบของการฝึกคนจำนวนมากๆๆที่ตายตัวเป็นหลักสูตร ซึ่งทำให้มันตายลงไปอบย่างน่าเสียดาย สิ่งที่ท่านตรุงป้าทำสูญเสียจิตวิญญาณความหมายไปแล้ว

    สมาธิจริงๆๆคือการเผชิญหน้ากับตัวเอง ขณะต่อขณะ ผ่อนคลายและตื่นรู้ จริงๆๆจิตเราไม่จำเป็นต้องว่างหรอกนะ ในขั้นพื้นฐานเราอาจจะฝึกให้มันสงบ จนเราเห็นความว่างในรอยต่อของความคิด ของอารมณ์ที่ผลุดขึ้น ก็จริงอยู่ แต่ต่อมาเราต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระแล้วสังเกตมัน ง่ายๆๆแค่นี้แหละ

    แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจกัน มองว่าเป็นเรื่องบ้าบอ และชอบอะไรที่มันยากๆๆแต่ไอ้ที่ยากๆๆนี่มันสร้างความเปลี่ยนแปลงในภายในของตัวเขาจริงๆๆ หรือเปล่าละหรือสนองอัตตาของเขาละ สนองอีโก้เขาว่าเราทำสิ่งที่ยากๆๆได้คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เราวิเศษวิโสกว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...