พระโพธิสัตว์พญาช้างนาฬาคิรี(ธนปาล)พระพุทธเจ้าในอนาคต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อุตฺตโม, 5 ธันวาคม 2010.

  1. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ............................."เดี๋ยวเอาแหวนไปคนละวง...เลือกเอาเองก็แล้วกัน" กาเผือกเอ่ยให้ด้วย

    ความยินดีและภูมิใจ..ที่เขาได้ให้สิ่งมีค่าแก่คนในครอบครัว..เขาเป็นผู้ทื่ถูกระบุจากเจ้าของหนังสือให้

    ได้รับแหวนพวกนี้...ความดีใจและเหตุการณ์ครั้งนี้ที่กำลังปรากฏทำให้เขาหวลระลึกถึงพ่อของเขาที่

    ได้จากโลกนี้ไปแล้ว...หากพ่อของเขายังคงมีชีวิตอยู่..ก็คงดีใจเหมือนกับทุกคนในครอบครัว

    นี้...เขาคิดว่าถ้าพ่อเขามาอยู่ ณ ที่นี้..เขาจะเป็นคนเลือกแหวนและสวมใส่ที่นิ้วมือให้กับพ่อ

    ของเขาด้วยตนเอง...

    .....................พ่อของกาเผือกเสียชีวิตไปนานแล้ว..โดยก่อนเสียชีวิตได้รับราชการเป็น เภสัชกร

    ประจำอยู่โรงพยาบาลชัยนาทเช่นเดียวกับแม่ของเขา...เขาและไก่ตุ๋นจะสนิทกับพ่อของเขา

    มาก...อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้ชายสายเลือดเดียวกัน..ทำให้ค่อนข้างรู้จิตใจกันดี......

    .....................หลังจากทุกคนรับแหวนจากไก่ตุ๋นที่ส่งให้ไปเลือกกันแล้ว...ด้วยความดีใจ.......

    ทุกคนต่างก็นำผ้าขาวทั้งสองผืนที่เขียนตัวหนังสือไว้มาเวียนกันอ่าน..แล้วคิดกันไปต่าง ๆนานา

    ............................"เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรหนา ...อย่ากรู้จัง" กวางพี่สาวเริ่มเอ่ยขึ้น

    ............................"แม่ว่า..ดูมันลึกลับอย่างไรชอบกล" แม่เอ่ยตามหลังจากที่ขบคิด

    ............................"หนูก็คิดเหมือนแม่" เก้งน้องสาวคนเล็กคล้อยตามแม่

    .....................แม่จึงหันไปทาง"แก่น"ลูกเขยคนหัวปี..แล้วเอ่ยถามความเห็น

    ............................"แล้วเรา...คิดอย่างไรแก่น..คนทางเหนือเขามีเรื่องเล่าแบบนี้ไหม"

    ....................แก่นเป็นคนเชียงใหม่..และได้มาพบรักกับกวาง...จึงได้แต่งงานกัน..และทำงานอยู่

    ด้วยกันที่เชียงใหม่...แต่บัดนี้ได้ลาออกจากงานแล้ว...และได้มาอยู่รวมครอบครัวกับการเผือกและไก่

    ตุ๋น....เขาผ่านไปจังหวัดน่านไม่บ่อยครั้งนัก..และไม่เคยได้ยินเรื่องราวของ"เมือง มีสุข"มาก่อนเลย...

    แก่นจึงได้ตอบแม่ไปตามที่รู้เห็น

    ............................"ผมไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยแม่..เชียงใหม่กับน่านมันก็ไกลกัน

    อยู่"......................
     
  2. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ตอนที่ 7 ดวงดาวแห่งความรัก................




    ......................ประมาณทุ่มเศษ..หลังจากสมาชิกในครอบครัวรับประทานอาหารเสร็จ..กาเผือก

    เดินเข้ามาในห้องนอนอันเป็นสถานที่หลับนอนของกาเผือกและไก่ตุ๋น..ซึ่งนอนร่วมห้องเดียวกัน...เขา

    นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือแล้วดึงบุหรี่ที่อยู่ในซอง...ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุดไฟ...และก็

    สูบมัน....เขาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากและจมูกให้ล่องลอยไปตามสายลมอย่างปลดปล่อยอารมณ์...

    ในขณะที่คนในบ้านกำลังสาละวนทำเรื่องต่าง ๆ อยู่.......

    .....................อากาศค่อนข้างจะเย็นขึ้นเรื่อย ๆ จนเขารู้สึกหนาว..ในบรรยากาศแห่งความมืดใน

    ฤดูหนาวแม้จะเป็นเพียงช่วงหัวค่ำก็ดูมืดสนิท.......เวลานี้กาเผือกจะมีความสุขเหมือนคนในบ้านที่

    กำลังชื่นชมแหวนทองคำอยู่ก็หาไม่....เพราะว่าเขากำลังมีอะไรที่คิดอยู่ในใจ...ท่าทางขณะนี้ของ

    เขาดูเงียบขรึมและสงบอยู่ภายในห้องคนเดียว....

    .....................กาเผือกทอดแว่นตาออกวางไว้บนโต๊ะ..แล้วก็หยิบเอาคอนแทคเลนซ์ที่เขามีอยู่มา

    ใสไว้ที่ตาทั้งสองข้างแทนแว่นสายตา...แล้วหยิบเสื้อกันหนาวสีดำตัวหนึ่งมาสวมใส่..แล้วแอบเดิน

    ออกจากบ้านไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่บอกให้ใครรู้แม้แต่ไก่ตุ๋น...

    .....................กาเผือกเดินออกจากบ้านมาตามถนนอย่างเหม่อลอยและครุ่นคิดอะไร

    บางอย่าง....เดินมาจนกระทั่งถึงเขื่อนเรียงหินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกอันเป็นที่ตั้งของเมือง

    ชัยนาท....เขาเลือกนั่งลงบนม้าหินยาวตัวหนึ่งทีมีพนักพิงอยู่ด้านหลัง..ซึ่งใหญ่พอที่จะนั่งได้

    ประมาณ 4 คน...มันมีให้เลือกนั่งอยู่หลายตัวบริเวณนั้น...แล้วเขาหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตรงหน้า

    ของเขาซึ่งมีทิศทางไปทางทิศตะวันตก...

    .....................สายลมหนาวพัดกรรโชกผ่านไปจนเสื้อกันหนาวที่สวมใส่ลู่ติดชิดกับลำ

    ตัว...เขาหันกลับไปมองดูผู้คนที่อยู่ด้านหลังออกไปไม่ไกลนัก...ผู้คนยังคงมีอยู่มากทั้งนั่งเล่น

    เดินเล่น..และหาซื้อของกินที่ร้านค้าบริเวณริมถนนนั้น....ผู้คนที่ผ่านไปมาดูแล้วไม่เกิดภาพอัน

    สงบเปรียบเหมือนกับจิตใจของเขาที่เป็นอยู่เวลานี้...ที่กำลังครุ่นคิดจนสับสน......

    .....................เสียงน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านล่างบริเวณเขื่อนเรียงหิน..ซึ่งอยู่ห่างจาก

    ปลายเท้าของเขาลาดลงไปประมาณ 4-5 เมตร ตีซัดชายฝั่งอย่างแรง..ทำให้เขาต้องหันไป

    ดู...น้ำได้ถูกลมหนาวพัดอย่างแรงจนเกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งเข้ามาตีชายฝั่ง..ดังเป็นจังหวะ

    คล้ายเสียงดนตรี..ขึ้น-ลง สูง-ต่ำ....และในที่สุดมันก็ค่อย ๆช้าลง..ช้าลง..จนพื้นน้ำสงบ.....

    ........................................."ใช่ซิ" เขาอุทานอยู่ในใจเหมือนคิดอะไรออก

    ............................."เพราะสายลมแรงที่พัดเอาน้ำที่กำลังไหลอย่างสงบ...จึงทำให้เกิด

    ระลอกคลื่นใหญ่...แต่เมื่อสิ้นสุดกระแสลมอันเป็นต้นเหตุของการเกิดคลื่นเสียแล้ว...ในที่สุดน้ำ

    ก็จะค่อย ๆสงบและไหลไปตามธรรมชาติของมันเอง...ก็คงเป็นเช่นเดียวกับจิตใจของเราเวลา

    นี้...แต่เดิมมันสงบอยู่..แต่เพราะถูกกระแสความคิดบางเรื่อง..ปลุกให้มันตื่นขึ้นและครุ่นคิดจน

    เกิดความไม่สงบ...............เมื่อเราหยุดกระแสความคิดนั้นเสีย....ใจของเราก็คงค่อย ๆ

    สงบ......เหมือนกับกระแสน้ำตอนนี้" กาเผือกคิดได้ดังนี้..ความฟุ้งซ่านจากความคิดภายใน

    ใจก็เริ่มสงบ...แม้จะไม่สนิทนัก...เขาเหลือบตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเหนือแม่

    น้ำเจ้าพระยา................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012
  3. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................กาเผือกเห็นดวงดาวดวงหนึ่ง..มีสีเหลืองนวลอมฟ้ามีแสงสว่างสุกสกาวสวย

    สดใส....เขาหยุดจ้องมองอย่างไม่กระพริบสายตา...ดาวมิได้เคลื่อนที่ไปไหนมันหยุดนิ่งอยู่กับ

    ที่...เหมือนกับใจของเขากำลังหยุดขบคิดเรื่องราวต่าง ๆ ...เขารู้สึกว่า..ดวงดาวนี้ก็มีเสน่ห์อยู่

    เหมือนกัน..ผู้คนที่ดูดาวก็คงจะมีความชุ่มชื่นหัวใจเหมือนกับเขาเวลานี้.....

    ....................เขาเริ่มถามตนเองว่า "ดวงดาวนี้คือดาวอะไร" แล้วเขาก็เริ่มขบคิดหาคำตอบอีก

    ครั้ง...เขาระลึกถึงความทรงจำที่มีคนเคยพูดว่า "ดาวศุกร์จะปรากฏขึ้นสุกสกาวสว่างมากทางทิศ

    ตะวันตกยามฤดูหนาว"...หรือว่า ดาวดวงนี้จะเป็นดาวศุกร์อย่างที่คนเขาพูดกัน..............

    ....................."ดาวศุกร์" เป็นดาวประกายพฤกษ์และเป็นดาวประจำเมืองที่มีความสวย

    งามมากจนถึงขนาดชนชาวต่างชาติให้ฉายานามว่า "ดาววีนัส" อันหมายถึงดวงดาวที่เป็น

    "เทพีแห่งความงาม" และเป็น "ดวงดาวแห่งความรัก"

    .....................กาเผือกเองเขาก็คือ "ผู้ที่เกิดในวันศุกร์" เขาจึงได้รับอิทธิพลของดวงดาวนี้..

    เปรียบเสมือนเขาเป็นผู้ที่มาจาก "ดวงดาวแห่งความรัก" จิตใจส่วนลึกจึงอ่อนโยน มีเมตตา

    มองโลกในแง่ดี ชอบสิ่งสวยงาม หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง....อาจจะเป็นเพราะเขาเกิดวัน

    ศุกร์..เมื่อเขาได้พบเห็นดาวประจำตัวของเขา...ดวงดาวจึงได้ดูดเอาจิตใจของเขาขณะนี้เข้า

    ไปรวมกับดวงดาวเอาไว้....เขากลับมารำลึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ "ความรัก"อาหารของดาว

    ศุกร์หรือส่วนหนึ่งของดาวศุกร์

    ....................."ความรักของ เมือง มีสุข กับ โนรี นรา"...เป็นเช่นใด..เขาทั้งคู่มีประวัติ

    ความเป็นมาอย่างไร....กาเผือกเริ่มอยากรู้..เพื่อซึมซาบไว้ในหัวใจเพื่อจะนำมันไปสู่ "ดวง

    ดาวแห่งความรัก"

    ....................กาเผือกตัดสินใจที่จะทำตาม......หนังสือขอร้องของ เมือง มีสุข ที่จะตามหาขวด

    แก้วอีกซีกหนึ่ง ณ จุดจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน...และตามหาโนรี นรา ..แม้ว่าขณะนี้นางคงจะ

    เหลือเพียงโกฏกระดูก...แต่เขาก็จะนำสิ่งที่ เมือง มีสุข บอกไว้ไปให้นางที่โกฏกระดูก .......

    ทั้งนี้เพื่อค้นหาความรักของ "เมือง มีสุข กับ โนรี นรา"...ให้สมกับเขาเป็นผู้ที่เกิดมาจาก

    "ดวงดาวแห่งความรัก"....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  4. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................เกือบเที่ยงคืน..คนในบ้านหลับสนิท..กาเผือกเดินขึ้นบ้านและตรงไปอาบน้ำเพื่อ

    เตรียมเข้านอน..เขานอนห้องเดียวกับไก่ตุ๋น..เมื่อมาถึงที่นอนเขาเห็นไก่ตุ๋นกำลังหลับอยู่...กาเผือก

    ค่อย ๆล้มตัวลงนอนข้าง ๆไก่ตุ๋น...โดยหันหลังตะแคงซ้านให้ไก่ตุ๋น..มือขวของเขาถือผ้าสองผืนของ

    เมือง มีสุข เอาไว้.....

    ............................"กูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่" เสียงเอ่ยเบา ๆของไก่ตุ๋นทำเอากาเผือกสะดุ้งเล็ก

    น้อย...แล้วเอ่ยตอบ

    ............................"มึงยังไม่หลับอีกหรือวะ"

    ............................"มึงไม่ต้องเฉไฉ..ถ้ามึงไป..แล้วใครจะดูแลเรื่องปลูกบ้านใหม่" ไก่ตุ๋นพูด

    ดักคอพี่ชายอย่างรู้ใจ....

    ....................บ้านใหม่ที่ไก่ตุ๋นเอ่ยถึง..คือ บ้านที่แม่รวบรวมเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่ง..เพื่อนำไป

    ปลูกบ้านบนที่ดินที่ซื้อเอาไว้...ด้วยบ้านที่อยู่ขณะนี้เป็นบ้านเช่า..จ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน..

    ซึ่งค่อนข้างคับแคบไปสำหรับ 6 ชีวิตในครอบครัว...โดยบ้านหลังใหม่มีหมายกำหนดการณ์ที่

    จะต้องขึ้นเสาเอกใน วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม 2547 อันเป็นฤกษ์มงคล..ซึ่งเหลือเวลาอีก

    เพียงเดือนเศษเท่านั้น..คำพูดของไก่ตุ๋นทำให้กาเผือกต้องหยุดคิดทบทวน...เพื่อประมวลการ

    ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012
  5. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ......................ตอนที่ 8 ครุ่นคิดตัดสินใจ..................




    ......................รุ่งขึ้นของวันใหม่..กาเผือกตื่นขึ้นประมาณ 10 นาฬิกา..เหตุที่เขาตื่นสายมา

    จากการครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ประสบมา..กับสิ่งที่ต้องกระทำ...และอีกหลายอย่างจนมาหลับเอา

    ประมาณตีสามของวันใหม่...เขาลืมตาขึ้นมาโดยยังไม่ลุกจากที่นอน..ในขณะที่ไก่ตุ๋นได้ออกจากบ้าน

    ไปธุระแต่เช้า.......

    .......................กาเผือกนอนจ้องมองดูขวดแก้วและสร้อยที่อยู่ภายในพร้อมกับแหวนที่เหลืออยู่

    11 วงที่วางไว้รวมกับผ้าสองผืนบนโต๊ะเขียนหนังสือ.......มันถูกวางไว้ใกล้กับแว่นตาและคอนแทก

    เลนซ์....กาเผือกรู้สึกว่า "แม้เขาจะสายตาสั้น..แต่การมองวัตถุในขณะนี้โดยไม่ต้องใส่แว่น

    ตา...มันทำให้ต้องจ้องมองดูนาน ๆ จึงเห็นชัด.....ทำให้เขาเกิดสมาธิดีเหมือนกัน".....เขา

    ค่อย ๆเอื้อมมือขวาไปหยิบแหวนทองคำวงหนึ่ง..แล้วนำมาลองสวมใส่ที่นิ้วมือข้างซ้ายแต่ละนิ้ว...

    และสามารถใส่ได้พอดีที่นิ้วชี้...เขาจึงสวมใส่แหวนวงนั้นไว้ที่นิ้วชี้ซ้ายอย่างพึงพอใจ...แหวน

    วงนี้ช่างสุกใสเหมาะกับนิ้วยิ่งนัก...แม้ตัวแหวนจะไม่มีลวดลายใด ๆเลย.......

    ....................เขาครุ่นคิดต่อไปว่า.."เขาน่าจะทำอะไรกับแหวนพวกนี้"..เขาจึงลุกขึ้นจากที่

    นอนแล้วล้างหน้าอาบน้ำแต่งตัว.......

    ..................................."กริ๊ง ๆ ๆๆๆๆๆๆ" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

    ....................กาเผือกเดินมารับสาย

    ..................................."วันนี้ปีกหักเสียแล้วรึน้องกาเผือก..ไก่ตุ๋นอาหารจานโปรดของพี่ไป

    ไหนเสียเล่า...ทำไมไม่มาให้พี่เคี้ยวเสียดี ๆ" เสียงหัวเราะเยาะเย้ยยั่วยวนท้าทายของแชมป์

    หมากรุก........คู่ต่อสู้ของสองพี่น้องดังออกมาจากหูฟังโทรศัพท์...

    .....................กาเผือกสะดุ้งและหัวเราะอย่างชอบใจที่รู้ว่าใครโทรมา...ก่อนจะกรอกเสียงลง

    โทรศัพท์โต้กลับไป...

    ............................."เออ..เดี๋ยว...เดี๋ยวเจอกัน..เดี๋ยวจะไปยำให้ดู"

    .....................หลังเสร็จสิ้นการสนทนา..กาเผือกได้ต่อโทรศัพท์เข้าหาโทรศัพท์มือถือของไก่ตุ๋น

    ทันที

    ............................."เฮ้ย..เดี๋ยวเอามอเตอร์ไซด์กลับมาก่อน..แล้วมึงเอารถปิ๊คอัพไป...ไปยำพี่

    ทนายแทนกูก่อน" (กาเผือกหมายถึงให้เล่นหมากรุกแทนกับพี่ทนาย)

    .....................หลังจากไก่ตุ๋นนำรถจักรยานยนต์คันเก่งมาให้กาเผือก..กาเผือกก็ได้ขับออกไปข้าง

    นอกบ้านเพียงคนเดียว....คนในบ้านไม่มีสิทธิ์รู้ว่าเขาออกไปไหน..แม้แต่ไก่ตุ๋นซึ่งบัดนี้ได้มานั่งโขก

    หมากรุกในฐานะ "ผู้ท้าชิงตลอดปี"...แม้จะพ่ายแพ้จนสะบักสะบอมกลับบ้านแทบทุกครั้ง...แต่เขาก็มี

    ใจสู้......มีบางกระดานของเกมหมากรุกที่เขาไล่คู่ต่อสู้เกือบจนแต้ม...........แต่ก็ต้องถูกพลิกล็อค

    กลับเป็นผู้พ่ายแพ้เสียทุกครั้ง........"ไก่ตุ๋นอาหารจานโปรด"

    .....................กล่าวฝ่ายกาเผือก..เมื่อขับรถมาแล้วได้ตรงไปที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตัวเมือง

    จังหวัดชัยนาท...และได้ขายแหวนทองไปจำนวน 9 วง โดยเหลือแหวนที่นิ้วชี้ซ้าย 1 วง กับอีก 1 วง

    ในกระเป๋าเสื้อรวมเป็น 2 วง....เขาขายแหวนทองไปวงละ 7,200 บาทโดยเจ้าของร้านเมื่อได้เห็น

    แหวนที่เขานำมาขาย...ต่างก็รู้สึกพอใจในเนื้อทองจึงรับซื้อไว้ในราคาสูงเป็นพิเศษสำหรับราคาทองวัน

    นั้น....เขารวบรวมเงินจำนวน 64,800 บาทที่ได้จากการขายทองใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง..และขับรถ

    กลับบ้าน....

    .....................ไม่มีใครอยู่บ้าน...กาเผือกนำซองจดหมายในลิ้นชักโต๊ะออกมาหนึ่งซอง...เขานับ

    เงินจำนวน 40,000 บาทใส่ซองไว้..และเขียนจดหมายฉบับหนึ่งใส่ไว้ในซองด้วยความว่า

    ............................"แม่เก็บเงิน 40,000 บาทไว้ใช้..ผมจะไปน่านและจะกลับมาให้ทัน

    ก่อนปีใหม่ กาเผือก"...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2012
  6. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................กาเผือกรวบรวมเสื้อผ้าและของใช้ใส่กระเป๋า..เพื่อเตรียมตัวเดินทาง.........

    ............................"ปั้ก ๆ ๆ..บึ้น ๆ ๆ " เสียงเร่งเครื่องยนต์ของรถปื๊คอัพที่ไก่ตุ๋นขับวิ่งเข้ามา

    จอดใต้ถุนบ้าน...ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสองโมง..

    ....................ไก่ตุ๋นขึ้นมาบนบ้านพบเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางอยู่.......และพฤติกรรมของกาเผือก

    ก็เดาออกทันที...จึงเอ่ยขึ้น

    ............................."เฮ้ย..มึงจะไปจริง ๆหรือ"

    ............................."เออ..สิวะ" กาเผือกตอบยืนยันอย่างหนักแน่น

    ............................."แล้วแม่รู้รึเปล่า"

    ............................."ถ้ารู้มึงคิดว่าจะได้ไปรึ"

    ............................."ฮะฮ้า..งั้นกูไปด้วย" ไก่ตุ๋นหัวเราะชอบใจพร้อมกับขอตามไป

    ด้วย...เพราะความที่ตนเองชอบชีวิตโลดโผนผจญภัยอยู่แล้ว

    .............................."อ้าว...ที่เมื่อคืนทำเป็นค้านกู" กาเผือกค้าน

    .............................."เปลี่ยนใจแล้ว..ไปเที่ยวผจญภัยมันกว่า..เดี๋ยวเอารถปิ๊คอัพออก...

    กินบนรถนอนบนรถ..ประหยัดดี" ไก่ตุ๋นเสนอความเห็นอย่างเร่งด่วน..ทำให้กาเผือก

    คล้อยตาม

    .............................."เออจริงของมึง...แล้วจะจอดรถนอนที่ไหน"

    .............................." ก็......ปั๊มน้ำมันทั่วไปไง..เดี๋ยวเอาหมอนกับผ้าห่มติดไปด้วย...

    เวลาอาบน้ำก็อาบที่ปั๊ม..ทำแบบพวกรถบรรทุกมันนอนกันไง" ไก่ตุ๋นแสดงความคิดเห็น

    อีกครั้ง

    .............................."โอโห...งั้นก็แจ๋วเลยสิวะ..มึงเตรียมเก็บเสื้อผ้าเอารถออกเลย" กา

    เผือกเอ่ยอย่างลิงโลดด้วยชอบใจในความคิดของไก่ตุ๋น

    .....................รถยนต์กระบะปิ๊คอัพ..ยี่ห้อฟอร์ด สีดำตะกั่วสองประตู...ต่อหลังคาเป็นรถแวน...

    ภายในห้องโดยสารกับท้ายกระบะเจาะต่อถึงกัน...และได้ติดตั้งเบาะหลังอีก 1 แถว...พร้อมกับปูวาง

    เบาะไว้ที่พื้นกระบะท้าย...สามารถใช้นั่งและนอนได้...

    .....................รถดังกล่าวได้ผ่านการซ่อมและเช็คเครื่องยนต์มาอย่างดีเมื่อสองเดือนที่แล้ว...

    ขณะนี้ได้ถูกติดเครื่องยนต์ไว้รอที่หน้าบ้าน...เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว...แต่ยังไม่ทันที่รถยนต์

    จะออกไปไหน..."เก้ง"น้องสาวคนเล็กของบ้านก็เดินสวนม่เพื่อจะเข้าบ้าน...ไก่ตุ๋นหมุนกระจกด้านคน

    ขับลง..เพื่อจะสั่งเสียน้องสาว....

    ............................."พี่ไก่ตุ๋น..จะไปไหนหรือ" เสียงถามจากน้องเก้งทำให้กาเผือกต้องยื่นหน้า

    มาตอบแทน...

    ............................."เงินพี่ใส่ซองไว้ในลิ้นชัก..เดี๋ยวเก้งเอาให้แม่ด้วย..พี่จะไปธุระ"

    .....................กาเผือกบอกน้องสาวเสร็จ..ก็หันมาทางไก่ตุ๋นพร้อมกับออกคำสั่ง

    ............................"ออกรถเหอะ...เดี๋ยวแม่มา"..................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2012
  7. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ......................ตอนที่ 9 กาเผือกผู้โบยบิน...................



    .....................รถยนต์ของกาเผือกแล่นผ่านโรงพยาบาลชัยนาท..มุ่งไปทางเหนือบนเส้น

    ทางสายชัยนาท-นครสวรรค์....ทันทีที่พวกเขาออกจากจังหวัดชัยนาท..ไก่ตุ๋นได้ปิดโทรศัพท์มือถือ...

    กาเผือกขับรถยนต์ไม่เป็น..จึงต้องเป็นหน้าที่ของไก่ตุ๋นในการขับขี่...โดยก่อนที่จะออกจากจังหวัด

    ชัยนาท...พวกเขาได้แวะซื้อบุหรี่เป็นจำนวนถึง 2 ห่อเพราะเขาทั้งคู่ติดบุหรี่จนขาดไม่ได้....พร้อมกับ

    ซื้อเครื่องดื่มและของจบเคี้ยวอื่น ๆไว้เป็นอาหารสำหรับเดินทาง......

    .....................สองพี่น้องตื่นเต้นระทึกไปกับการเดินทางครั้งนี้..พร้อมกับความสุขสดชื่นเล็ก ๆ..

    ด้วยมีเงินติดตัวไปในการเดินทางครั้งนี้จำนวนถึง 24,000 บาท..แม้จะไม่มากเกินไป..แต่ก็พอให้เขา

    จับจ่ายใช้สอยในการเดินทางอย่างสุขสบาย.....

    .....................ย้อนกลับมาที่บ้านของกาเผือกในจังหวัดชัยนาท...ทันทีที่แม่ของกาเผือกและไก่

    ตุ๋นอ่านจดหมายของกาเผือกจบ...ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับบ่นขึ้น

    ............................."นึกสังหรณ์ใจอยู่แล้วเชียวว่า..พวกมันต้องไปกัน...มันนึกว่า..หาของของ

    เขาได้ง่าย ๆเหมือนกับในหนังในนิยายมั้ง"

    ......................ในขณะที่แม่บ่นอยู่นี้...กวางและแก่นซึ่งกลับบ้านมาพร้อมกับแม่..หลังจากกา

    เผือกและไก่ตุ๋นออกจากบ้านไปถึงสองชั่วโมง...ได้พยายามโทรศัพท์เข้ามือถือของไก่ตุ๋นเพื่อตามกลับ

    บ้าน..แต่ก็โทรไม่ติด.......

    ............................."ต่อเท่าไรก็ไม่ติดแม่...มันคงปิดเครื่องไปแล้ว" กวางรายงาน

    ............................."โธ่..ลูกนะลูก..มันคิดอะไรของมันนะ"

    ............................."แม่ไม่ต้องห่วงพวกมันหรอก...เงินมันมี..มันคงคิดสนุกอยากไปเที่ยว

    มากกว่า" กวางพี่สาวใหญ่แสดงความเห็น

    .....................หลังจากกวางแสดงความเห็น...แม่ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน...พร้อม

    กับเก็บเงินและจดหมายของกาเผือกไว้ในตู้...........
     
  8. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................รถยนต์ปิ๊คอัพของกาเผือกและไก่ตุ๋น..วิ่งผ่านจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร

    และกำลังุม่งหน้าไปจังหวัดตาก...เขาทั้งคู่เลือกเส้นทางนี้เพราะคิดว่า..หากไปทางพิษณุโลก..การ

    จราจรบนถนนเส้นนั้นมีรถวิ่งขวักไขว่มากมายยากแก่การระวังอุบัติเหตุ...เพราะจังหวัดพิษณุโลกเป็น

    เมืองที่ค่อนข้างเจริญ...และเป็นเมืองท่องเที่ยว..โดยเฉพาะวัดของหลวงพ่อพระพุทธชินราชก็มีผู้คน

    มากมายที่เดินทางไปสักการะ...ซึ่งข้อนี้เขาทั้งคู่คิดได้ถูก..เพราะตลอดทางที่เขาผ่านมาจนมุ่งหน้าไป

    ยังจังหวัดตาก...พวกเขาสามารถนั่งรถชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อยอย่างค่อยเป็นค่อยไป...โดยไม่ต้อง

    เคร่งเครียดในการขับรถ...แสดงให้เห็นถึงการจราจรปลอดโปร่ง..........

    ....................และในที่สุดเมื่อรถวิ่งเข้ามาในเขตจังหวัดตาก..ดวงตะวันได้ตกดินไปแล้ว...........

    ............................"เดี๋ยวแวะปั๊มข้างหน้ากินข้าวกันก่อนเถอะ" กาเผือกเอ่ยกับไก่ตุ๋น...หลังจาก

    ได้เห็นป้ายร้านอาหารที่ติดตั้งอยู่บริเวณปั้มน้ำมัน

    ............................"เออ..ดีเหมือนกัน" ไก่ตุ๋นเอ่ยคล้อยตาม....และหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเข้า

    ปั๊มน้ำมันหนึ่ง...ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ...ปากทางเข้าตัวจังหวัดตากและเคลื่อนรถเข้าไปจอด

    หน้าร้านอาหาร

    .....................สองพี่น้องลงจากรถยนต์..ทันทีที่ได้สัมผัสกับอากาศหนาวของภาคเหนือ...เขา

    รู้สึกหนาวเย็นเยือกจนร่างกายสั่นสะท้าน...กาเผือกทนหนาวไม่ได้ด้วยร่างกายที่บอบ

    บางกว่าไกตุ๋น..จึงต้องหยิบเอาเสื้อกันหนาวในรถมาสวมใส่

    ............................."ทำไมหนาวจังวะ" กาเผือกอุทานหลังจากสวมใส่เสื้อ

    ......................ทั้งสองเดินตรงมาที่ร้านอาหารพร้อมกับสั่งอาหารมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย..และ

    ไม่ลืมที่จะสูบ..ควันมะเร็งตบท้ายอย่างสบายอารมณ์

    ............................."จากนี่ไปลำปางอีกกี่กิโลพี่" กาเผือกถามชายเจ้าของร้าน

    ............................."170 กว่าโล..มีรถส่วนตัวไปไม่เกินสองชั่วโมงก็ถึง"

    .......................หลังจากฟังเจ้าของร้านตอบ กาเผือกหันกลับมาถามไก่ตุ๋น

    ............................."มึงไหวหรือเปล่า..ถ้าไม่ไหวก็นอนนี่..พรุ่งนี้ค่อยไป"

    ............................."เออดีเหมือนกัน...จะได้นอนเอาแรงก่อน"

    .....................หลังจากตกลงใจที่จะหยุดเดินทาง..ทั้งคู่ก็มองหาจุดจอดรถบริเวณปั๊มเพื่อจะนอน

    พักผ่อน...และก็ได้เห็นรถบรรทุกคันหนึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ...โดยห้องน้ำดังกล่าวอยู่ติดกับร่ม

    ไม้ใหญ่บริเวณด้านหลังปั๊ม...ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการจอดรถหลับนอน......โดยมีแสงสว่าง

    สลัว ๆของหลอดไฟนีออนขนาดเล็กที่ติดไว้หน้าห้องน้ำนั้น.

    .....................ไก่ตุ๋นขับรถไปจอดใกล้ ๆกับรถบรรทุก...ซึ่งเมื่อจอดแล้วก็ยังเหลือบริเวณที่ให้รถ

    คันอื่นจอดได้อีกประมาณ 3 คัน...ทั้งคู่จัดการเร่งอาบน้ำทำธุระส่วนตัว..เพราะทนความหนาวไม่

    ไหว..........

    ......................กาเผือกเลือกท้ายกระบะเป็นที่นอนหลังอาบน้ำเสร็จ..โดยไก่ตุ๋นได้ปรับเบะที่นั่งคน

    ขับเอนหลังเพื่อนอน.......

    ............................"เฮ้ย..เปิดมือถือโทรกลับไปบอกแม่ดีไหม" ไก่ตุ๋นเอ่ยชวนกาเผือกขณะเอน

    ตัวลงนอนบนเบาะ

    ............................"โทรกลับไปให้ถูกด่ารึไง" กาเผือกแย้ง

    ............................"เออจริงด้วย...แต่ถ้าเราโทรกลับเข้าบ้านแล้วฟังดูก่อน..ถ้าเป็นแม่รับ..เราก็

    ปิดมือถือ...แต่ถ้าเป็นน้องเก้งรับ...เราก็บอกว่าเราอยู่ไหน" ไก่ตุ๋นเสนอแนะ

    ............................"ความคิดดี..งั้นลองเลย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2012
  9. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ทันทีที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากกาเผือก..ไก่ตุ๋นเปิดโทรศัพทฺมือถือ..แต่เมื่อเขา

    เปิดเครื่อง..ก็มีสายต่อเข้ามาเป็นเบอร์โทรจากบ้านนั่นเอง...

    ............................"พี่ไก่ตุ๋นเหรอ..อยู่ไหนน่ะ..แม่ให้กลับบ้าน" เสียงเก้งน้องสาวคนเล็กดังออก

    มาจากโทรศัพท์มือถือทันทีที่ไก่ตุ๋นกดรับสาย...

    ............................"อยู่จังหวัดตาก..ไม่ต้องห่วง" ไก่ตุ๋นตอบคำถามไปและก็ปิดโทรศัพท์มือถือ

    ทันที...ด้วยเกรงว่าน้องสาวจะส่งโทรศัพท์ให้กับแม่พูดต่อ..

    .....................ไก่ตุ๋นหันไปทางกระบะท้ายตรงทีกาเผือกนอนอยู่..พร้อมกับเอ่ยขึ้น

    ............................"เฮ้ย...แม่ให้กลับบ้านว่ะ"

    ............................"มึงไม่บอกกู..กูก็รู้อยู่แล้ว...นอนเถอะ" กาเผือกเอ่ยขึ้นโดยไม่ลืมตา....

    ......................กาเผือกและไก่ตุ๋นนอนโดยปิดกระจกทั้งหมด..แต่ได้แง้มกระจกไว้เพื่อให้อากาศ

    ภายนอกเข้าประมาณ 2 นิ้ว...แล้วล๊อคประตูรถทั้งหมด...แม้อากาศจะเข้ามาในรถเพียงเล็กน้อย..แต่

    เขาทั้งสองก็รู้สึกหนาวอย่างมาก...ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง..ทำให้เขาทั้งคู่หลับในรถโดย

    ง่ายเพียงแค่สามทุ่มเศษเท่านั้น........

    ......................สองพี่น้องหลับสนิทในรถยนต์จนถึงเวลาประมาณตีสามของวันใหม่..ซึ่ง

    กำลังดึกสงัดเงียบเชียบไร้เสียงรบกวน...แต่แล้วเขาทั้งสองก็ต้องสะดุ้งตื่นอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียง

    ร้องเอะอะโวยวาย....

    ......................เสียงนั้นดังมาจากรถตู้คันหนึ่งที่จอดเทียบใกล้กับรถที่เขาทั้งคู่นอนอยู่

    คนบนรถตู้ไม่สามารถมองเห็นกาเผือกและไก่ตุ๋น........เพราะรถของเขาติดฟิลม์กรองแสงประมาณ

    80 เปอร์เซนต์..มันมืดสนิทในตอนกลางคืน...สองพี่น้องพยายามเงี่ยหูฟัง..และสังเกตดูคนบนรถตู้คัน

    นั้นโดยอาศัยแสงสว่างจากหลอดไฟนีออนเล็กหน้าห้องน้ำของปั๊ม..

    ............................"เอ๊..ต้อย ทำไมคุณเอารองเท้าไปตบหน้าลูก" เสียงดุตะคอกอย่างดัง

    ของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถตู้คันนั้น

    ....................สิ้นเสียงของชายคนนั้น..ก็ตามด้วยเสียงของชายวัยรุ่นคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

    อย่างดังในรถตู้

    ............................."มึง...ไม่ใช่แม่กู"

    ....................คำพูดดังกล่าวยังผลให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถือรองเท้าส้นสูงอยู่ในมือขวา....

    ใช้รองเท้าตีไปที่เด็กวัยรุ่นคนนั้นบริเวณศีรษะอีกทันที..พร้อมกับเสียงด่าอย่างดังลั่นรถ..ด้วย

    ความโมโหสุดขีด

    .............................."มึงมันเหี้ยนัก...เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพเมื่อไร..กูจะเล่นงานให้หนัก"

    .....................ชายผู้เป็นพ่อได้ตรงเข้าไปดึงรั้งเอวของผู้เป็นแม่ให้ออกจากลูก..เพื่อไม่ให้

    ตีทำร้ายลูกอีก...

    .....................เสียงเอะอะโว้ยวายยังคงดังต่อเนื่อง..และรถตู้คันนั้นก็ขับกระชากตัวออก

    ไปจากสถานที่นั้นอย่างเร็ว......

    .....................หลังจากรถตู้คันนั้นวิ่งออกไปแล้ว...ไก่ตุ๋นซึ่งกำลังนอนลืมตาอยู่บนเบาะคนขับได้

    ผงกศีรษะหันกลับมาท้ายรถ...และมองมาที่กาเผือกซึ่งกำลังมองดูรถตู้คันนั้นที่กำลังจะหายไปในความ

    มืดบนท้องถนน....แล้วสองพี่น้องก็หันกลับมามองหน้ากันอย่างเข้าใจความหมายแต่ละฝ่าย...

    ว่า"กำลังคิดอะไรกันอยู่"...

    .....................กาเผือกและไก่ตุ๋นล้มตัวลงนอนอีกครั้งอย่างช้า ๆ แต่เขามิได้มีกระใจที่จะหลับ

    ต่อ...เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่นี้..สะเทือนใจพวกเขาทั้งสองอย่างมาก...พวกเขาไม่เคยคิดว่า..จะ

    พบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย......ทั้งคู่จึงไม่สามารถข่มตาหลับลงได้.....

    .....................เขาทั้งสองเริ่มคิดถึงแม่ของเขาว่า แม่ของเขาไม่เคยกระทำกับเขาทั้งสองคน

    เยี่ยงนี้มาก่อนเลย...แม้ว่าจะโกรธหรือโมโหพวกเขาเพียงใด...รองเท้าเป็นของใช้สำหรับ

    อวัยวะเบื้องต่ำ...แต่ผู้เป็นแม่เป็นของสูง........ทำไมแม่ผู้นั้นจึงสามารถใช้ของต่ำทำร้ายลูก

    ตนเองได้....และทำไมหลังจากสิ้นสุดการกระทำของแม่...ลูกชายกลับใช้คำพูดที่หยาบคาย

    นักต่อแม่ของเขา.........

    .....................กาเผือกและไก่ตุ๋นเปรียบเทียบแม่ของเด็กคนนั้น..กับ....แม่ของพวกเขาแล้ว...

    เขารู้สึกว่า "ภาพของแม่เขาที่ชุบเลี้ยงพวกเขามาช่างงดงามยิ่งนัก"

    .....................พวกเขาเริ่มพิจารณาต่อไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้..ก็พบว่า คนในรถตู้คันนั้นกำลัง

    ตกอยู่ภายใต้อารมณ์โกรธ..........

    .....................อารมณ์โกรธมีพลังถึงขนาดนี้เชียวหรือ...มันสามารถทำให้แม่ถึงกับสิ้นคิด

    หยิบรองเท้าของตนมาตบหน้าลูก.....และทำให้ลูกถึงกับสิ้นคิดกล่าววาจาหยาบคายต่อแม่

    ของเขา..การแตกแยกของคนบนรถตู้ก็มาจาก"ความโกรธ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  10. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ........................ตอนที่ 10 ศพเกลื่อนถนน..................





    ....................เช้าวันใหม่..หลังจากที่กาเผือกและไก่ตุ๋นตื่นขึ้นล้างหน้าอาบน้ำ..และกินอาหาร

    เช้าที่ร้านอาหารเดิมเสร็จสิ้นแล้ว...ทั้งสองได้กลับมานั่งในรถอีกครั้งพร้อมกับกางแผนที่ที่อยู่ในรถออก

    ดู...เส้นทางที่พวกเขาจะไปจังหวัดน่านจะต้องผ่านจังหวัดลำปาง...จังหวัดแพร่..แล้วมุ่งสู่จังหวัด

    น่าน..ซึ่งระยะทางรวมจากจังหวัดตากที่พวกเขาอยู่ไปจนถึงจังหวัดน่านอยู่ราวประมาณ 400 กว่า

    กิโลเมตร...พวกเขากะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง...โดยการขับรถยนต์ไปด้วยความ

    ระมัดระวังด้วยความเร็วไม่สูงนัก....และแวะพักผ่อนไปด้วยการหยุดรถยนต์ตามปั๊มน้ำมันต่าง ๆ..เมื่อ

    เกิดอาการเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย...อันเป็นการวางแผนการเดินทางที่ดีที่นักเดินทางพึงปฏิบัติ

    .....................ไก่ตุ๋นติดเครื่องยนต์และออกเดินทางตอนสองโมงเช้า...โดยกะเวลาถึงจังหวัดน่าน

    ประมาณบ่ายสองโมง...เขาขับรถผ่านอำเภอสามเงาของจังหวัดตากอันเป็นที่ตั้งของเขื่อนภูมิพลซึ่ง

    กักเก็บน้ำสายน้ำแม่ปิงไว้ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า....และมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง............

    ......................ไก่ตุ๋นขับผ่านไปได้ไม่นานนัก..พวกเขาก็พบกับ เหตุการณ์อันน่าสยดสยองและ

    สลดใจ.....

    .......................ตำรวจทางหลวงหลายนายได้ยืนอยู่กลางถนน.......พร้อมกับให้

    สัญญาณโบกรถคันหน้าของเขาซึ่งมีอยู่ 3 คัน..โดยมีรถของเขาตามหลัง..ตามติดไปด้วยรถ

    ยนต์ต่อท้ายของเขาอีก 4-5 คัน

    .......................รถทุกคันขับขี่ผ่านบริเวณนั้น...ซึ่งเป็นทางโค้งลาดขึ้นเนินสูงช้า ๆ..เบื้อง

    หน้าของเขามีรถยนต์จอดอยู่บนไหล่ทางด้านซ้ายและขวาหลายคัน..เพื่อหยุดดูเหตุการณ์..

    บางคนลงจากรถยนต์ไปรวมกลุ่มกับกลุ่มคนหลายสิบคนที่กำลังมุงดูอยู่....ไฟหวอสีแดงบน

    หลังคารถยนต์ตำรวจและของหน่วยกู้ภัยหลายคันส่องแสงแว่บวาบอยู่ไหล่ทางทั้งสองข้าง...

    ....................เขาทั้งสองคิดว่า "ต้องมีอุบัติเหตุเกืดขึ้นอย่างแน่นอน"..ไก่ตุ๋นเร่งเครื่องยนต์ขับ

    ตามรถคันหน้าขึ้นโค้งเนินลาดชันไปอย่างช้า ๆ...และเมื่อรถของเขาแล่นขึ้นมาอยู่จุดสูงของเนิน

    ถนน...และกำลังลาดลงเนินโค้งอีกด้านหนึ่ง...จึงเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน....

    ....................รถโดยสารปรับอากาศสีฟ้าแถบขาวคันหนึ่ง........หน้ารถยุบพังยับเยิน..ได้

    ไปจอดเสียบรถบรรทุกพ่วงบนถนนฝั่งขวามือของเขา..โดยหน้ารถทัวร์อยู่บริเวณข้อต่อของ

    รถบรรทุกหน้าและพ่วงหลัง...และรถบรรทุกด้านหัวตรงข้างได้มาอัดบีบตรงด้านหน้ารถทัวร์

    บริเวณคนขับรถทัวร์โดยสารและแถบที่นั่งของผู้โดยสารด้านเดียวกับที่นั่งคนขับ...ส่วนพ่วง

    ท้ายก็ได้มาอัดทางด้านซ้ายของรถทัวร์โดยสารบริเวณที่นั่งของผู้โดยสาร...เหมือนกับว่า"รถ

    ทัวร์โดยสารวิ่งชนข้อต่อรถพ่วง......และถูกรถบรรทุกส่วนหัวและพ่วงท้ายกระแทกอัดขนาด

    ข้างรถทั้งสองด้าน".........สภาพรถทัวร์โดยสารจึงเหมือนกระป๋องนมถูกทุบจนบุบยับเยิน....

    .....................ไก่ตุ๋นขับผ่านรถโดยสารและรถพ่วงไปอย่างช้า ๆ..เขาเห็นหน่อยกู้ภัยหลายคน

    กำลังช่วยเหลือผู้โดยสารที่ติดอยู่ในรถ...และช่วยงัดเอาผู้บาดเจ็บและศพที่ติดอยู่ในรถออกมา......

    ......................ไก่ตุ๋นขับผ่านไปอีกก็เห็น ศพจำนวนหลาย ๆสิบศพที่ถูกผ้าขาวห่อหุ้มร่างเอา

    ไว้...โดยมีเลือดสีแดงฉานยังคงไหลนองออกมาจนผ้าสีขาวเป็นสีแดงเต็มไปหมด......ถัดมา

    อีกก็พบรถพยาบาล 8-10 คัน จอดปฐมพยาบาลคนเจ็บ..โดยเปิดไฟหวอสีฟ้าบนหลังคารถอยู่ตลอด

    เวลา...กว่าไก่ตุ๋นและกาเผือกจะผ่านบริเวณที่เกิดเหตุไปได้ใช้เวลา 10 นาทีกว่า.....
     
  11. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................อุบัติเหตุช่างน่ากลัวยิ่งนัก..บุคคลที่นอนเรียงรายกลายเป็นศพเหล่านั้น...

    เขาก็มีพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หลาน หรือสามีภริยา เช่นกัน เพราะอุบัติเหตุทำให้เขาเหล่านั้นไม่มี

    โอกาสได้กลับไปพบ พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกหลาน หรือ สามีภริยาของเขา...ซึ่งพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก

    หลาน หรือสามีภริยาของเขาที่รออยู่ที่บ้าน...เมื่อทราบข่าวการตายของพวกเขา ก็คงเศร้า

    สลดเสียใจ..และสะเทือนใจเป็นอย่างมาก.....

    .....................เพราะความประมาทขับรถโดยไม่ระมัดระวังของคนขับรถเพียงคนเดียว...

    แต่ยังความสูญเสียอันยิ่งใหญ่มาสู่คนโดยสารที่ตนเองในฐานะผู้ขับขี่..ที่พวกเขาฝากชีวิตไว้

    กับตน..........ซึ่งตนควรจะต้องดูแลระมัดระวังรักษาความปลอดภัยและชีวิตของพวกเขา.....

    พวกเขาต้องพลัดพรากจากกัน..ต้องสูญเสียชีวิต..สูญเสียอวัยวะ..ทรัพย์สินเสียหายก็เพราะ

    "ความประมาทของตน".....

    ....................ไก่ตุ๋นพบผ่านเหตุการณ์เมื่อครูนี้ถึงกับมือไม้ แข้งขาอ่อนแรงลง...จนไม่สามารถจะ

    เหยียบคันเร่งให้รถเร็วขึ้น....เขาภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครูนี้กับเขาเลย...และเขาก็ได้

    เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขึ้น...

    .....................ไก่ตุ๋นขับรถอย่างระมัดระวังผ่านจังหวัดลำปาง..และมุ่งเข้าสู่เส้นทางที่ไปจังหวัด

    แพร่...เขาทั้งสองได้แวะกินข้าวเที่ยงที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบนเส้นทาง...และหยุดซื้อเสื้อมะฮ่อมที่

    ขายอยู่ริมถนน...จนรถยนต์ผ่านจังหวัดแพร่มุ่งหน้าเดินทางสู่จังหวัดน่าน..

    ......................บ่ายสองโมงเศษ..เขาทั้งสองมาถึงจังหวัดน่านตามที่กะไว้..ไก่ตุ๋นขับรถสำรวจ

    ถนนทุกสายที่อยู่ในตัวเมือง...และสังเกตที่ตั้งของเมืองกับแม่น้ำน่าน...พบว่าตัวจังหวัดน่านตั้งอยู่

    บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน..โดยมีสพานข้ามไปฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่านอยู่สองแห่ง...

    คือ ..ที่หน้าค่ายทหารที่ตั้งอยู่เหนือเมืองแห่งหนึ่ง..และใกล้กับสำนักงานป่าไม้จังหวัดซึ่งอยู่

    ทางใต้ของเมืองอีกแห่งหนึ่ง...ซึ่งสะพานแห่งนี้จะเชื่อมต่อไปยังถนนที่จะมุ่งหน้าสู่อำเภอสันติ

    สุขและอำเภอแม่จริม...

    ....................เนื่องจากการเดินทางมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง..จากจังหวัดตากสู่จังหวัดน่าน..และ

    เดินทางสำรวจตัวจังหวัดน่านอีก..ทำให้ไก่ตุ๋นและกาเผือกมีอาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า..และหัวสมอง

    มึนตือ...สองพี่น้องจึงมาจอดรถพักบนไหล่ถนนริมแม่น้ำฝั่งตะวันตกซึ่งอยู่ทิศใต้ของเมือง..แล้วลงจาก

    รถมาสูบบุหรี่..บุหรี่ที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง..โรคถุงลมโปร่งพองและโรคอื่น ๆอีกมากมาย.....โดย

    ทั้งคู่อัดบุหรี่แต่ละครั้งเหมือนกับจะให้ควันบุหรี่มันเต็มปอดจริง ๆ..แล้วทั้งสองจึงพุ่นควันบุหรี่

    ออกมาจากปากและจมูก..ซึ่งมันช่วยทำให้เขาทั้งสองรู้สึกผ่อนคลายเพียงเล็กน้อย..นี่ก็คง

    เป็นข้อดีเพียงข้อเดียวของบุหรี่..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  12. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ไก่ตุ๋นหยิบเครื่องดื่มโค้กกระป๋อง..ซึ่งเพิ่งแวะซื้อมาจากร้านค้าในตัวเมือง...และ

    ยังคงเย็นอยู่ยกขึ้นดื่มอย่างกระหาย..หลังจากทิ้งบุหรี่ไปแล้ว...เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น...ส่วนกา

    เผือกกำลังมองดูศึกษาลำน้ำน่าน...ที่รถวิ่งเลียบถนนผ่านมาเมื่อครู่นี้.....จากเหนือเมืองจนมาถึงใต้

    เมือง.........และยืนนิ่งมองดูแม่น้ำน่านไปทางเหนืออีกครั้งอย่างใช้ความคิด..."นี่หรือแม่น้ำน่าน..

    แม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ของ เมือง มีสุข..ที่เขารักและผูกพันนับถือเป็นดุจแม่ของเขา"..กาเผือกคิดถึง

    ตรงนี้ก็มีอาการขนลุกชันขึ้นทั้งตัว

    ....................แม่น้ำน่านเป็นลำน้ำที่ไม่ได้กว้างใหญ่เท่าใดนัดเมื่อเทียบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่กา

    เผือกพบเห็น..."เขาอาศัยอยู่ริมฝั่งบริเวณใดของแม่น้ำ...และปล่อยขวดแก้วทรงมะม่วงนี้ให้

    ลอยน้ำตรงบริเวณใด..เกิดอะไรขึ้นกับเขา" .... เป็นคำถามที่กาเผือกครุ่นคิด

    ....................กาเผือกและไก่ตุ๋นอยู่ที่ริมแม่น้ำน่านราวสองชั่วโมง...แสงสว่างของดวงตะวันเริ่ม

    จางหายไปทางทิศตะวันตก...อันเป็นเครื่องบอกเวลาว่าในไม่ช้า..ความมืดและความหนาวเย็นกำลัง

    เริ่มปกคลุมไปทั่วจังหวัดน่าน....ซึ่งมันจะทวีความหนาวยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้ที่จังหวัดตาก....

    ....................กาเผือกถามความเห็นไก่ตุ๋น

    ............................"เฮ้ย..หาโรงแรมนอนกันดีไหม..จะได้มีผ้าห่มหนา ๆห่มนอน..หนาวว่ะ"

    ....................ไก่ตุ๋นส่ายหน้าช้า ๆ อันเป็นการปฏิเสธแล้วอธิบาย

    ............................"กูห่วงรถ..เดี๋ยวใครขโมยไปจะไปตามหาที่ไหน"

    .....................กาเผือกฟังคำอธิบายและคิดตาม..........จึงรู้สึกว่าคำพูดของไก่ตุ๋นมีเหตุผล...

    เพราะว่าการนอนในดรงแรม..คือ การที่เขาทั้งสองอยู่ห่างรถ..หากมีใครใช้กุญแจผีไขเอาของมีค่าใน

    รถหรือขโมยรถไป...พวกเขายากที่จะป้องกันได้....ดังนั้นปั๊มน้ำมันจึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการจอดรถ

    และหลับนอน..........
     
  13. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ..............ตอนที่ 11 ติดตามหาร่องรอยเมือง มีสุข...........



    .....................ย่างเข้าวันที่สามของการเดินทาง........วันนี้ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน

    2546...กาเผือกและไก่ตุ๋นออกจากปั๊มใกล้ตัวเมืองน่าน..และเริ่มตั้งหลักค้นหาร่องรอยของเมือง มี

    สุข..เพื่อนำไปสู่การตามหาขวดแก้ว ณ จุดจันทร์เสี้ยวแยกจากกัน

    .....................ถิ่นที่อยู่ของ เมือง มีสุข...สองพี่น้องได้สอบถามเด็ก ๆ และวัยรุ่นที่จังหวัดน่าน..

    เกี่ยวกับคนชื่อ"เมือง"..หรือไม่ก็คนที่มีนามสกุล "มีสุข"..แต่ไม่มีใครรู้จัก

    .....................พวกเขาติดต่อที่อำเภอเมืองน่าน..ถามหาประวัติของอำเภอและรายชื่อของปลัด

    อำเภอเมื่อ 80 ปีที่แล้ว...โดยเข้าใจว่า "ปลัดเมือง มีสุข" เป็นปลัดอำเภอเหมือนตำแหน่งปลัดอำเภอ

    ทั่วไปในปัจจุบันนี้...แต่ไม่มีผู้ใดยืนยันว่า ..มีคนชื่อนี้ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอดังกล่าวเลย...เพราะ

    คนที่ทำงานบนอำเภอนี้ต่างก็เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด...จึงไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องได้

    ....................กาเผือกให้ไก่ตุ๋นขับรถสำรวจดูตามวัดต่าง ๆในตัวจังหวัดน่าน..เพื่อเข้าไปดูที่เก็บ

    ศพหรืออนุสาวรีย์ที่เก็บกระดูกคนตาย ซึ่งโดยทั่วไปจะมี ชื่อ นามสกุล ปีเกิด ปีตาย เขียนไว้บนป้าย

    หน้าที่เก็บศพหรืออนุสาวรีย์นั้น ๆ...วัดที่พวกเขาไป คือ วัดท่าช้าง..วัดช้างเผือก..วัดพระเนตร ..วัด

    ดอนแก้ว..วัดพระเกด..วัดหัวเวียงใต้..และวัดอื่น ๆที่อยู่ตำบลในเวียง..อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน...

    พวกเขาตระเวณหาเบาะแสจนทั่ว...และกลับมาหยุดพักที่ริมแม่น้ำน่านสถานที่เดียวกับเมื่อวานนี้......

    .....................กาเผือกเริ่มเฉลียวใจว่า "บางทีฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน..อาจจะไม่ใช่ถิ่นที่

    อยู่ของ เมือง มีสุข...หรือว่า..มันควรจะเป็นฝั่งตะวันออก.."..เขาจึงคิดว่าวันพรุ่งนี้เขาจะต้อง

    ตระเวณไปตามหมู่บ้านที่อยู่ฝั่งตะวันออก.........

    .....................การเที่ยวตามหาบุคคลที่เราไม่เคยรู้จักและต่างท้องที่ที่เราไม่เคยมา....

    ย่อมเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่เราจะค้นหาพบ....

    .....................ไก่ตุ๋นเริ่มออกอาการท้อแท้..ซึ่งต่างจากกาเผือกที่ยังมุ่งมั่นที่จะตามหา...

    เหมือนกับว่า"เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกระทำ"...ความรู้สึกลึก ๆของเขา..เหมือนกับ

    ว่า.."เขาเคยทำหน้าที่นี้อยู่....หน้าที่ที่มีต่อ เมือง มีสุข"....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  14. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................เขาทั้งสองค้นหาอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่านจนค่ำ..และได้พักรถจอดนอนที่

    ปั๊มน้ำมันนอกตัวเมือง..ซึ่งเป็นคนละปั๊มกับเมื่อคืนนี้..และหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย.....

    ....................จนกระทั่งเที่ยงคืน..รถที่พวกเขานอนอยู่ได้เกิดเสียงดัง"ปึ้ง"..ที่บริเวณด้าน

    ท้ายตรงปลายเท้าของกาเผือกซึ่งนอนหลับอยู่.........พร้อมกับการสั่นสะเทือนไปทั้งคันรถ

    อย่างแรง...จนทั้งสองสะดุ้งตกใจตื่น...

    .....................เขาทั้งสองหันไปที่ต้นเสียงก็เห็นท้ายรถบรรทุกคันหนึ่ง..กำลังวิ่งออกไป

    จากท้ายรถของพวกเขาอย่างเร็ว...และหายไปในความมืดบนท้องถนน

    .....................กาเผือกและไก่ตุ๋นรีบลงจากรถมาตรวจดูที่บริเวณท้ายรถพบว่า........กระบะและ

    กันชนท้ายรถตรงนั้น....ซึ่งอยู่ด้านซ้ายของรถยุบลงไป...ทั้งสองถึงกับอารมณ์เสีย

    ............................"ไอ้ห่าเอ้ย..ชนแล้วหนี..ซวยเลยกู" กาเผือกตะโกนด่าคนขับรถ

    บรรทุกพร้อมกับบ่น

    ....................ส่วนไก่ตุ๋นส่ายหน้าพร้อมกับครางเบา ๆ

    ............................."อื้อฮื่อ..เพิ่งซ่อมมาใหม่ แท้ ๆ"

    .....................ในขณะที่รถจอดอยู่...รถบรรทุกได้ขับเข้ามากลับรถในปั๊มน้ำมัน..แล้วก็ถอยหลังมา

    ชนท้ายรถของพวกเขาเบา ๆ..แต่เพราะความแข็งของเหล็กรถบรรทุกที่ชน...มันได้ดันให้เหล็กบริเวณ

    กันชนและกระบะท้ายของรถพวกเขาซึ่งเหล็กอ่อนกว่าบุบยุบไป...คนขับซึ่งรู้ตัวว่าได้ถอยชนรถพวก

    เขา..และกลัวมีปัญหาจึงขับรถหนีไปโดยเร็ว...ซึ่งยากจะติดตามมาดำเนินคดีให้ชดใช้...อันทำให้เห็น

    ถึง"การขาดสามัญสำนึกในการรับผิดชอบการกระทำของตน...ซึ่งมีอยู่มากในสังคมไทย

    เรา".............

    .....................วันรุ่งขึ้น..กาเผือกและไก่ตุ๋นตกลงกันว่า....."คืนนี้จะต้องพักหลับนอนใน

    โรงแรมแห่งใดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดน่าน..เพราะที่จอดรถในโรงแรมน่าจะปลอดภัยจากการ

    ถูกชนมากกว่าปั๊มน้ำมัน...โดยจะต้องเลือกเอาดรงแรมที่มียามดูแลรถของเขา"

    ......................เช้าวันนี้ได้เกิดหมอกปกคลุมทั่วทั้งจังหวัดน่าน..ดวงอาทิตย์ถูกหมอกบังจนไม่

    สามารถส่องแสงสว่างให้เห็นได้..จึงเกิดความมืดครึ้มตั้งแต่เช้ามืดจนถึงเที่ยงวัน..

    ......................ช่วงระยะเวลาดังกล่าวไก่ตุ๋นไม่สามารถขับรถต่อไปได้..เพราะมองทางไม่เห็น...

    จึงได้นำรถมาจอดเหนือปั๊มบริเวณไหล่ถนน..แล้วนั่งอยู่ในรถมองดูรถยนต์ที่เคยชินต่อเส้นทางเปิดไฟ

    หน้ารถขับผ่านไปมาเนื่องจากมองไม่เห็นทาง...

    ......................ไก่ตุ๋นนั่งรออย่างหงุดหงิด..เขาจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างกระหาย...แล้วหยิบ

    โทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเครื่องและโทรกลับบ้านที่ชัยนาท

    ......................ณ บ้านชัยนาท

    ..............................."กริ๊ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงโทรศัพท์ในบ้านดังอยู่นาน..แต่ไม่มีใครรับ

    สาย..เนื่องจากไม่มีคนอยู่บ้าน

    ................................"ไม่มีใครอยู่บ้าน" ไก่ตุ๋นพูดขึ้นมาลอย ๆเพื่อทำลายความเงียบ

    ................................"มึงคิดถึงบ้านเหรอ" กาเผือกเอ่ยพร้อมกับมองหน้าน้องชาย

    ................................"เออว่ะ..กูจะหลับจะนอนก็ไม่สบายตัว..ไม่เหมือนอยู่ที่บ้านเลย" ไก่ตุ๋น

    โอดครวญ

    ................................"ถ้าอย่างงั้น..ขับรถไปหาโรงแรมก่อนดีกว่า...เรื่องอื่นค่อยว่ากัน" กา

    เผือกเสนอความคิดเห็น

    ................................"รอให้หมอกบางตาก่อน" ไก่ตุ๋นเอ่ยรับ..ก่อนที่จะสูบบุหรี่ต่อ

    .....................ทั้งสองพี่น้องเพียรพยายามหาเบาะแสเมือง มีสุข...แต่เพราะไก่ตุ๋นเริ่มท้อ..ทำให้

    ดึงกำลังใจของกาเผือกในการค้นหาตกลงไป....กาเผือกคิดว่า."เขาจะอยู่ที่จังหวัดน่านคืนนี้..เป็นคืน

    สุดท้าย...และวันรุงขึ้น..เขาจะค้นหาเป้าหมาย..คือ สถานที่ที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน..โดยกะ

    เวลาแค่เที่ยงวันซึ่งจะค้นหาพบหรือไม่ก็ตาม..เขาจะกลับชัยนาททันที..........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  15. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ในขณะที่คิดอยู่นี้..กาเผือกมองดูแหวนทองที่สวมใส่อยู่ที่นิ้วชี้ซ้ายของ

    เขา...แล้วหยิบผ้าขาวสองผืนที่เมือง มีสุขเขียนไว้ขึ้นมาอ่านทบทวน...อย่างพิจารณาอีก

    ครั้ง...เขาไตร่ตรองดูแล้วรู้สึกว่า "อักษรหนังสือในผ้าขาวทั้งสองผืนที่เขียนขึ้นโดย เมือง มี

    สุข..นั้น..เหมือนกับว่า.."เขากำลังยืนยันต่อคนอ่านด้วยตัวหนังสือว่า "แม่น้ำน่าน"นั้นเป็นแม่

    น้ำที่มีชีวิตมีจิตวิญญาณและรับเขาเป็นลูกของแม่น้ำน่าน"...

    .....................และกาเผือกได้ประมวลเหตุการณ์ทีเขาพบเห็นตอนที่ขวดแก้วหมุนวนพร้อม

    กับเกลียวน้ำจากใต้นำเจ้าพระยาขึ้นสู่เหนือพื้นน้ำ..และหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหลไปตามน้ำ..

    พร้อมกับขวดยังได้ลอยตรงมาหาเขา..หรือว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นการกระทำของ"แม่

    น้ำน่าน"...ซึ่งแม้ว่าตรงบริเวณนั้นมันคือ "แม่น้ำเจ้าพระยา"ซึ่งผ่านการรวมตัวของสายน้ำ 4

    สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน..ที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์.....หากจิตวิญญาณของแม่น้ำน่าน

    ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ยังคงมีอยู่...ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่ามาจาก "แม่น้ำน่าน"

    .....................กาเผือกวางผ้าทั้งสองผืนลง..และหยิบขวดแก้วขึ้นมาลูกคลำ..พร้อมกับ

    เขย่าขวดเพื่อให้สร้อยข้อมือภายในขวดกระทบกับขวดแก้วจนมันเกิดเสียงดังขึ้น "กลึ๊ง

    ๆๆๆๆ" .......กาเผือกลองเขย่าแรง ๆ และเบา ๆ หลายครั้ง..และเขาก็หยุดเขย่าทำท่าเหมือน

    คิดอะไรออก...เขาหันไปทางไก่ตุ๋น..เมื่อสังเกตว่า หมอกได้สลายไปแล้ว...เขาจึงพูดอย่างรีบ

    เร่ง...

    ............................"เฮ้ย...ไปที่แม่น้ำน่านตรงที่เมื่อวานก่อน..เร็ว"

    ............................"ไปทำไมอีกวะ" ไก่ตุ๋นถามอย่างเบื่อหน่ายสถานที่นั้นแล้ว

    ............................"ไปเถอะน่า...กูคิดอะไรออกแล้ว" กาเผือกย้ำอย่างหนัก

    แน่น...............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  16. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ...................ตอนที่ 12 ปาฏิหาริย์แม่น้ำน่าน.................




    .....................ไก่ตุ๋นสตาร์ทเครื่องรถ..แล้วจึงขับออกไปตามคำสั่งของกาเผือก..จนมาถึง

    บริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก...ไก่ตุ๋นดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงถนนเลาะไปตามตลิ่งเพื่อไปที่แม่

    น้ำน่าน..โดยมีกาเผือกถือขวดแก้วกับผ้าขาวเดินนำหน้าไป...

    ......................พวกเขาเดินมาถึงแม่น้ำน่าน..กาเผือกนั่งชันเข่าลงโดยมีไก่ตุ๋นนั่งอยู่ข้าง ๆ...กา

    เผือกใช้มือซ้ายแตะที่ผิวน้ำและจุ่มมือลงไปแช่..เขารู้สึกว่า... น้ำในแม่น้ำน่านเย็นมาก..เหมือนกับมี

    ใครเอาน้ำแข็งมาแช่ไว้..........

    ............................"โอโห..เย็นเจี๊ยบเลยวะ" เขาอุทานบอกกับไก่ตุ๋น

    .......................ไก่ตุ๋นจึงได้เอามือจุ่มน้ำลงบ้าง..ก็รู้สึกเช่นเดียวกับกาเผือก

    ....................เป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องได้สัมผัสกับแม่น้ำน่าน...ที่ไม่มีแม่น้ำอื่นเจอปนรวมเช่น..

    แม่น้ำเจ้าพระยา...เขาจึงเอาน้ำนั้นวั๊กลูกหน้าลูบตาก่อนที่จะกระทำอะไรบางอย่างต่อไป.......


    ....................กาเผือกจับขวดแก้วค่อย ๆ วางลงในแม่น้ำน่าน..ก็พบว่า..ขวดแก้วนั้นลอย

    อยู่เหนือน้ำ....เขาจึงจับขวดแก้วนั้นกดจมลงไปใต้ผิวน้ำและปล่อยมือออกจากขวดแก้ว.....

    ขวดแก้วนั้นก็ลอยขึ้นมาอีก..

    .....................เขาเริ่มสงสัยบางสิ่งบางอย่างจึงได้เอ่ยกับไก่ตุ๋นถึงความสงสัยของเขา

    ............................"แล้วขวดใบนี้..มันจมอยู่ใต้น้ำได้อย่างไรในตอนนั้น"

    .....................ไก่ตุ๋นมองหน้ากาเผือกโดยไม่พูด...เพราะเขาก็คิดหาคำตอบเหมือนกันว่า.."ขวด

    ใบนี้จมอยู่ใต้น้ำได้อย่างไร"...เพราะโดยทั่วไปขวดต่าง ๆ เมื่อปิดฝาขวดเอาไว้..แล้วโยนลง

    น้ำ...ขวดมันจะลอยน้ำ....ขวดใบนี้แม้จะใส่แหวนทอง 16 วง ผ้าขาวสองผืนและสร้อยข้อมือ

    ทอง....แต่ของเหล่านี้ก็ไม่ใช่จะหนักมากจนทำให้ขวดจมอยู่ใต้น้ำได้...หรือว่า .."แม่น้ำน่าน

    จะปกป้องขวดใบนี้ไว้ไม่ให้ลอยขึ้นเหนือน้ำให้ผู้ใดพบเห็น...นอกจากเขา"กาเผือก".."

    ....................กาเผือกเริ่มคิดว่า......"เขาจะต้องมีความสำคัญอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ

    ขวดใบนี้อย่างแน่นอน"

    ....................กาเผือกตั้งจิตสงบนิ่ง...อย่างกับที่เขาเคยสัมผัส..ปรากฏการณ์เรื่อง "สายลมพัด

    สายน้ำ..จนเกิดคลื่น...แต่เมื่อลมสงบน้ำก็ค่อยสงบ"...เขาเริ่มตัดกระแสความคิดเรื่องต่าง ๆ..เพื่อให้

    จิตสงบโดยเร็ว...ให้จิตหยุดนิ่งเหมือนกับดาวศุกร์ที่เขาเห็นในคืนก่อนบนท้องฟ้าเหนือเมืองชัยนาท

    ก่อนออกเดินทางมาจังหวัดน่าน...แล้วพนมมือประกบกับขวดแก้วพร้อมกับอธิษฐานกับแม่น้ำน่าน...

    โดยทำความรู้สึกเหมือนกับว่า "แม่น้ำน่านมีชีวิตมีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับที่ เมือง มีสุข รู้สึก

    และสัมผัสมาแล้ว"..แล้วเอ่ยขึ้น

    ............................"ผมขอเคารพบูชาแม่น้ำน่านด้วยใจบริสุทธิ์..หากขวดใบนี้แม่น้ำน่าน

    เป็นผู้นำพามาให้ผม...เพื่อให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของ เมือง มีสุข ลูกของแม่น้ำน่านแล้ว...

    ขอแม่น้ำน่านช่วยเปิดทางให้ผมค้นหาสิ่งของให้พบโดยเร็วด้วยเทอญ"......

    .....................ทันทีที่กาเผือกอธิษฐานอยู่ในใจจนจบ..ความเงียบเริ่มเข้ามาแทนที่..ทั้งความนิ่ง

    เงียบในใจเขา..และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบข้างขณะนั้นเงียบเชียบ

    .....................ปรากฏการณ์ได้เกิดขึ้น...น้ำในแม่น้ำน่านทั้งสายน้ำหยุดไหลเป็น

    อัศจรรย์....กาเผือกและไก่ตุ๋นมองตากัน..และมองไปที่พื้นน้ำอีกครั้ง..ก็เกิดเกลียวหมุนของ

    น้ำปรากฏเป็นวงขึ้นต่อหน้าเขาทั้งสอง..พร้อมกับสายลมที่พัดกระหน่ำมายังร่างของเขาทั้ง

    สองอย่างแรง...เหมือนกับจะพัดพาร่างเขาทั้งสองให้ลงไปอยู่ในเกลียวหมุนวนของน้ำที่อยู่

    เบื้องหน้าพวกเขา.......

    .....................เกลียวหมุนของน้ำได้หมุนวนแรงขึ้นเรื่อย ๆ..พวกเขาใจจดจ่อว่าจะมีอะไร

    โผล่ขึ้นมา..เหมือนตอนที่พบขวดแก้วใบนี้ไหม...พวกเขาจึงจ้องมองดูอยู่ตรงศูนย์กลางของ

    เกลียวหมุนตลอดเวลา...จนมันเริ่มสงบขึ้น....

    .....................ไม่มีสิ่งใดโผล่ขึ้นมา..แต่น้ำที่หมุนเป็นเกลียวนั้นเริ่มใส...และได้เกิดภาพ

    เคลื่อนไหวใต้พื้นน้ำที่ใสนั้น........โดยมีภาพของนกสีขาวตัวหนึ่งรูปร่างเหมือนอีกา....กำลัง

    บินอยู่ใต้พื้นน้ำนั้น....

    ......................กาเผือกตาลุกวาวจ้องมองดูอย่างตื่นเต้น..แล้วชี้มือให้น้องชายดู..พร้อม

    กับพูดอย่างตื่นตระหนก

    ............................."เฮ้ย...มึงเห็นไหม...นั้น..นั้น ..มีนกสีขาวเหมือนอีกาบินอยู่ในน้ำ"

    .......................ไก่ตุ๋นเพ่งมองตามที่กาเผือกชึ้..แต่เขากลับไม่เห็นอะไรอย่างที่กา

    เผือกบอก...จึงได้ต่อว่าพี่ชาย

    .............................."มึงจะบ้าแล้วมั้ง..นกอะไรของมึงจะไปบินอยู่ในน้ำ..นกไม่ใช่ปลา

    นะโว้ย..กูไม่เห็นจะมีอะไรเลย"

    .............................."ก็มึงดูดี ๆ สิ" กาเผือกยังคงย้ำในสิ่งที่เขาเห็น

    .....................กาเผือกยังเห็นภาพในน้ำต่อไปว่า...มีผู้ชายคนหนึ่งเลือดแดงฉานเต็มตัว

    และกำลังจะจมน้ำ...นกสีขาวตัวนั้นได้บินโฉบลงไปจับที่คอเสื้อของชายคนนั้น...แล้ว

    พยายามกระพือปีกบินขึ้นเพื่อจะดึงเอาชายผู้นั้นขึ้นจากน้ำ...เขาเห็นเพียงเท่านี้ภาพเหล่านั้น

    ก็อันตรธานหายไป.............

    .....................กาเผือกเริ่มเชื่อว่า "แม่น้ำน่าน" คือ แม่น้ำที่มีชีวิตและจิตวิญญาณและแม่น้ำ

    น่านกำลังจะบอกปริศนาอะไรบางอย่างแก่เขา..."นกกาเผือกสีขาว" หรือว่า "นกตัวนั้นคือ

    เขาเอง...กาเผือก"...และชายผู้นั้น คือ "เมือง มีสุข" ภาพนั้นคือภาพเหตุการณ์เมื่อ 80 ปีที่

    แล้วหรือ.............

    .....................ในขณะที่เกิดภาพต่าง ๆขึ้น...ไก่ตุ๋นกลับมองไม่เห็นอะไรเลย..หรือว่าแม่น้ำน่าน

    ไม่ต้องการให้เขาเห็น...อาจเป็นเพราะเขาไม่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

    ......................หลังจากปรากฏการณ์ต่าง ๆสงบลง...ไก่ตุ๋นมีความคิดว่า..พี่ชายของตนอาจจะ

    ตาฝาดเรื่องภาพในน้ำ....เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทุกครั้ง...เขาทั้งคู่จะประสบพบเห็นอะไรด้วยกัน

    มาตลอด....แต่เหตุการณ์ภาพในน้ำครั้งนี้ กาเผือกเห็นแต่ไก่ตุ๋นไม่เห็น.........ไก่ตุ๋นจึงเอ่ยชวนกา

    เผือกในการหาที่พักในคืนนี้

    ............................"ไปหาโรงแรมกันดีกว่า"

    ............................"เออ..รีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืด" กาเผือกรับตามคำชวน..แล้วก็รีบขึ้นจากริม

    แม่น้ำน่านตรงไปที่รถทันที

    ....................กาเผือกเริ่มมีความมั่นใจว่า..เขาต้องหาสิ่งของ...ของเมือง มีสุข พบอย่าง

    แน่นอน..ด้วยเชื่อว่า "แม่น้ำน่านที่แสดงปาฏิหาริย์ต่อหน้าเขาต้องเปิดทางช่วยเขาอย่างแน่

    นอน..................
    ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2237.JPG
      IMG_2237.JPG
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      144
    • birds_fly.gif
      birds_fly.gif
      ขนาดไฟล์:
      3.8 KB
      เปิดดู:
      154
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  17. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ตอนที่ 13 แหวนทองคำนำทาง................





    .....................ไก่ตุ๋นขับรถเข้าไปในตัวเมืองจังหวัดน่าน..และหาโรงแรมจนพบ...โรงแรมดัง

    กล่าวมีสถานที่จอดรถ..มียามรักษาการณ์เฝ้ารถ..พร้อมให้สัญญาณจราจรแก่รถที่เข้าออกโรงแรม..

    .....................ห่างจากบริเวณที่ยามอยู่..ไปทางใต้เล็กน้อยจะมีกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง..หรือ

    เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วินมอเตอรไซด์"..ซึ่งจะคอยเข้าคิวรับส่งคนในโรงแรมที่มาพักและไม่มีรถส่วน

    ตัวขับมา.....

    .....................ไก่ตุ๋นขับรถเข้าไปจอดบริเวณที่จอดรถของโรงแรม..และเปิดประตูออกมาจากรถ

    เป็นคนแรก...เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลาที่ปรากฎอยู่ในจอโทรศัพท์มือถือ....ณ เวลานี้

    คือ 15.00 นาฬิกา...ด้วยทรงผมที่ยาวจนถึงครึ่งหลังและรูปร่างที่อ้วนใหญ่ของไก่ตุ๋น..ทำให้เขาเป็น

    จุดสนใจของยาม.....และพวกขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง.....พวกเขาจึงได้เอ่ยขึ้นโดยเข้าใจว่า"ไก่ตุ๋นเป็น

    ผู้หญิง".............

    ............................"เฮ้ย..มึงดูป้าคนนั้นสิ..ท้องแล้วยังขับรถได้อีก"

    .....................กลุ่มคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างทั้งกลุ่มจึงหันกลับไปพิจารณามองไก่ตุ๋นอย่าง

    พินิจ...

    ............................"ผู้หญิงท้องอะไรมีหนวด..ผู้ชายอ้วนต่างหาก" หนึ่งในกลุ่มแย้ง

    ขึ้นหลังจากที่ดูใบหน้าของไก่ตุ๋นแล้วเห็นหนวดของเขาขึ้นดำ...

    ............................"ผู้ชายอะไรวะ...ไว้ผมยาวเพื่อยเลย" อีกหนึ่งคนที่เห็นไก่ตุ๋นได้ติขึ้น

    .....................ไก่ตุ๋นได้ยินเสียงพูดแว่วมาจึงได้หันไปทางต้นเสียง.....ปรากฎว่าทุกคนใน

    วินมอเตอร์ไซด์เงียบกริบ..พร้อมกับหลบสายตาของไก่ตุ๋นโดยหันไปทางอื่นอย่างพร้อม

    เพรียง......

    ......................กาเผือกและไก่ตุ๋นถือกระเป๋าเดินเข้าไปในโรงแรม..และตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชา

    สัมพันธ์ของโรงแรม...พบเห็นพนักงานสาววัยราว 20 ปีเศษอยู่สองคน..และพนักงานชายหรือบ๋อย

    โรงแรมอายุไม่เกิน 20 ปีอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ข้าง ๆกัน...

    ......................กาเผือกมาถึงที่เคาน์เตอร์..ส่วนไก่ตุ๋นหลีกเดินไปนั่งบนโซฟาร์รับแขกของโรง

    แรมที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ดังกล่าวเล็กน้อย....

    ......................ทันทีที่กาเผือกมาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์..สาวน้อยที่อยู่ซ้ายมือของเขาหลังป้าย

    ประชาสัมพันธ์ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ได้เอ่ยขึ้น

    ............................."เปิดห้องหรือคะพี่..มาจากไหนคะ"

    .....................คำทักทายของเธอช่างไพเราะสมกับตำแหน่งประชาสัมพันธ์ของโรงแรม...ทำให้

    กาเผือกรู้สึกยินดีกับคำพูดดังกล่าว...จึงได้ยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบเธอไป

    ............................."ชัยนาทครับ"

    .....................สาวน้อยคนนั้นมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย..ก่อนเอ่ยถามกาเผือกต่อด้วยความสงสัย..

    เพราะเธอไม่เคยเห็นคนชัยนาทมาก่อนเลย..

    .............................."โอโห ทำไมมาไกลจัง..มาธุระอะไรหรือคะ"

    .............................."ตามหาญาติครับ" กาเผือกไม่กล้าตอบความจริง

    .............................."ญาติของพี่อยู่ที่จังหวัดน่านหรือคะ...แล้วอยู่แถวไหนคะ"

    .............................."ไม่รู้เหมือนกันครับ"

    .............................."อ้าว...." เธออุทานแล้วก็หัวเราะเบา ๆกับกาเผือก..ก่อนที่จะหยุด

    สนทนา..เพราะเพื่อนที่นั่งข้างเธอได้เอ่ยขึ้น

    .............................."พี่คะ...ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ"

    ....................กาเผือกหยิบบัตรประชาชนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ..โดยใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกับนิ้วชี้

    ซ้ายจับบัตรส่งให้เธอ

    ....................หญิงสาวที่ขอบัตรมองดูที่นิ้วชี้ซ้ายทีสวมแหวนทองของกาเผือก..ในขณะที่

    รับบัตร..และได้หยุดใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง...แล้วเธอก็อ่านชื่อที่บัตรนั้นพร้อมกับเขียนชื่อ"กา

    เผือก".....ลงบนสมุดจดบันทึกการเช่าห้องพักของโรงแรม.....

    ....................ในขณะที่เธอกำลังเขียนชื่อของเขาอยู่..กาเผือกก็ได้สังเกตเห็น"แหวน

    ทอง"ที่สวมใส่อยู่ที่นิ้วนางข้างขวาของเธอ....

    ....................."แหวนทองที่นิ้วชี้ซ้ายของกาเผือก" กับ "แหวนทองที่นิ้วนางข้างขวาของ

    เธอ"..มันเป็นแหวนที่เหมือนกัน..ไม่มีลวดลายใด ๆ และสีของมันเหมือนกับทองคำร้อย

    เปอร์เซนต์ที่เหลืองอร่ามนวลสดใส..มันคือ "แหวนปลอกมีด" ที่มาจากที่เดียวกัน...

    .....................เมื่อเธอเขียนเสร็จ..เธอได้มองดูแหวนที่นิ้วของเธอและที่นิ้วของกาเผือก...

    ซึ่งเป็นอาการเดียวกันกับ กาเผือก...

    .....................สาวน้อยคนแรกเธอสังเกตเห็น"แหวนทั้งสองวง"..ที่อยู่ที่นิ้วของเพื่อนเธอและ

    ของกาเผือก...ว่า "มันเหมือนกันมาก"..เธอจึงได้จับมือของเพื่อนเธอมาวางคู่กับมือซ้ายของ

    กาเผือก..แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

    ............................"เอ๋..พวงผกา..ทำไมแหวนของเธอถึงเหมือนแหวนของพี่เขาจัง"

    ....................กาเผือกมองหน้าเจ้าของแหวน..ในขณะที่เธอก็กำลังจ้องเขาอยู่..และได้เอ่ย

    ถามขึ้น

    ............................"พี่ได้แหวนนี้มาอย่างไรคะ"

    ....................กาเผือกไม่ตอบคำถามเธอ...แต่ได้ถามเธอในคำถามเดียวกันกลับไป...

    ............................"แล้วน้องล่ะ..ได้แหวนวงนี้มาอย่างไรครับ"

    ....................เธอหยุดจ้องหน้ากาเผือกสักครู่...ก่อนตอบคำถามที่ทำให้กาเผือกถึงกับใจ

    เต้นระทึก

    ............................"คุณยายให้ใส่ไว้เพื่อรอคนมาตามหา"

    ....................กาเผือกเริ่มหายใจติดขัด..อันเนื่องมาจากการเต้นระทึกของหัวใจ...ด้วยคิด

    ว่า.."คนที่คุณยายของหญิงเจ้าของแหวนรออยู่อาจเป็นเขา"..และแท้จริงคุณยายของพวง

    ผกาอาจเป็น "โนรี นรา"...เขาจึงถามพวงผกากลับไปทันที

    ............................"คุณยายของน้องชื่อ...โนรี นรา หรือเปล่าครับ"

    ....................หญิงสาวเจ้าของแหวนนั่งนิ่งตะลึงอย่างตกใจกับคำถามของกาเผือก..และ

    จ้องหน้ากาเผือกอย่างเอาจริงเอาจัง......พร้อมกับถามกาเผือกอย่างเน้นคำ

    ............................"พี่รู้จักชื่อ โนรี นรา ได้อย่างไรคะ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
  18. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ในขณะที่พวงผกากำลังรอคำตอบจากกาเผือกอยู่.....เพื่อนของเธอซึ่งกำลัง

    ฟังอย่างสนใจจึงได้เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

    ............................"หรือว่า..ตำนานของเมือง มีสุข เมื่อ 80 ปีที่แล้วมีจริง"

    ............................"มีจริงอยู่แล้ว..ลำเพย..แหวนที่ฉันใส่อยู่..เมือง มีสุข เป็นคนให้ยาย

    ฉันเอง"

    ............................."หา" เพื่อนของเธอที่ชื่อลำเพยอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น........ด้วยลำ

    เพยเอง...เป็นคนต่างจังหวัดทางภาคเหนือ..และเพิ่งมาอยู่จังหวัดน่านได้ไม่เท่าไรนัก...ลำเพยเคยได้

    ยินคนร่ำลือกัน..ถึงเรื่องราวอันเหลือเชื่อของบุรุษผู้นี้

    .....................กาเผือกตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ...และได้เรียกไก่ตุ๋นที่นั่งรออยู่ที่โซฟาร์มาร่วมรับฟัง

    ทันที...หลังจากที่เขาได้ยินคำว่า "เมือง มีสุข" บุรุษลึกลับที่ทำให้พวกเขาเดินทางมาไกลถึง

    จังหวัดน่าน....เพราะเขารู้สึกว่า "เรื่องที่เขาติดตามอยู่กำลังจะถูกเปิดเผยขึ้นแล้ว".....

    ............................"แหวนวงนี้ยายฉันบอกว่า..ตอนยายอายุ 7 ขวบ เมือง มีสุขได้ให้

    ยายไว้...และบอกว่า..จะมีคนสวมแหวนแบบนี้มาพร้อมกับขวดแก้วรูปทรงมะม่วงเพื่อตาม

    หา..สถานที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน....ให้ยายสวมแหวนนี้ให้เขาเห็นแล้วบอกคำพูดปริศนาแก่

    เขา...เกี่ยวกับสถานที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน" พวงผกาเริ่มเล่า

    ....................คำบอกเล่าของพวงผกาทำให้กาเผือกเข้าใจได้ทันทีว่า "คุณยายของพวงผกา

    นั้นไม่ใช่ โนรี นรา..แต่มีความรู้สึกได้ทันที ณ บัดนี้ คนที่คุณยายของเธอรออยู่ คือ เขานั่น

    เอง......แต่เขายังไม่แสดงตัว......โดยต้องการรู้บางสิ่งบางอย่างก่อน..เขาจึงเอ่ยถามพวง

    ผกาต่อไป..

    ............................"ถ้าคุณยายของน้องไม่ใช่ชื่อ โนรี นรา ...แล้ว โนรี นรา เป็นใคร"

    .....................พวงผกามองหน้ากาเผือกอย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง..แล้วจึงเอ่ยต่อ

    ............................"หนูไม่รู้ว่า..พี่รู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร...แม้แต่คนเมืองน่านก็ไม่มีใคร

    รู้จักชื่อนี้...มีเพียงคนในครอบครัวของหนูกับลำเพยที่หนูเคยเล่าให้ฟังเท่านั้น...ไม่มีใครเคย

    เห็นนางนอกจากยายของหนูที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น"

    ............................"แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครครับ" กาเผือกยังคงเฝ้าถามถามเดิม

    ............................"ยายบอกว่า...นางเป็นผู้หญิงที่มากับเสียงเพลงขลุ่ย..ที่นางเป่าได้

    ไพเราะมาก...นางเป็นคนเมืองใต้.....เมือง มีสุข นำนางมาสู่เมืองน่าน..นางเป็นผู้หญิงสวย

    งามผุดผ่องดุจจันทร์เพ็ญและเยือกเย็น....ยายเห็นนางดูนางแล้วมีความสุขมาก....แล้วพี่รู้จัก

    ชื่อนี้ได้อย่างไร"

    ....................กาเผือกหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง..แล้วจึงเอ่ยตัดบทโดยไม่ตอบคำถาม

    ............................"ถ้าผมบอกน้องว่า..ผมเป็นคนที่คุณยายของน้องรอคอยอยู่..น้องจะ

    พาผมไปพบคุณยายได้ไหม"

    ....................พวงผกาฟังกาเผือกแล้ว..จ้องมองตาที่อยู่หลังแว่นตาอย่างชั่งใจ..และได้เห็น..

    แววตาที่บ่งบอกถึงการเอาจริงเอาจัง...จึงเอ่ยถามเขาอย่างตรงไปตรงมา

    ............................"ถ้าอย่างนั้น...ที่พี่มานี่ไม่ใช่มาตามหาญาติ..แต่มาหาสถานที่จันทร์

    เสี้ยวแยกจากกันอย่างงั้นหรือ"

    ....................กาเผือกพยักหน้าแทนคำตอบ...พวงผกาจึงถามต่ออย่างสงสัย

    ............................."งั้นแหวนที่นิ้วชี้ของพี่...พี่ได้มาจากไหน"

    ....................กาเผือกเห็นว่า...ณ บัดนี้ คงได้เวลาที่เขาจะแสดงบางสิ่งบางอย่าง..เพื่อยืนยันตัว

    เองว่าเขาคือ..คนที่คุณยายของพวงผการออยู่...เขาจึงยกกระเป๋าเสื้อผ้าที่ได้ใส่ขวดแก้วรูป

    ทรงมะม่วงพร้อมกับผ้าสองผืนเอาไว้ออกมาเปิด..และหยิบของสิ่งเหล่านั้นออกมาแสดง

    โดยวางบนเคาน์เตอร์ต่อหน้าเธอ..

    ...................ทันทีที่พวงผกา ลำเพย และบ๋อยที่ประจำเคาน์เตอร์เห็นขวดแก้วรูปทรง

    มะม่วงและผ้าขาวทั้งสองผืน...ก็มีอาการตื่นตระหนกพร้อมกับสายตาที่ลุกโชน....

    ............................"ขวดแก้วรูปทรงมะม่วงมีจริง ๆหรือนี่" พวงผกาอุทานขึ้นก่อนที่จะ

    หยิบขวดใบนั้นขึ้นมาลูกคลำอย่างตื่นเต้น...

    .....................และเมื่อเธอได้เห็นสร้อยข้อมือทองคำที่อยู่ภายในขวด...เธอถึงกับขนลุกตั้ง

    ชัน..และเอ่ยอธิบายด้วยอาการแห่งความดีใจ

    ............................"สร้อยข้อมือทองคำนี้เป็นลายดอกทานตะวัน.....ที่เขาเอาแหวน

    ทองคำหลายวงด้วยกันไปมอบให้ช่างทองทำขึ้น.......เพื่อนำไปแต่งงานกับ โนรี นรา ตามที่

    ยายเล่าให้ฟัง"..........................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  19. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................หลังจากนั้นพวงผกาและลำเพยเพื่อนของเธอ..ก็ได้ฟังคำบอกเล่าจากกาเผือก

    และไก่ตุ๋นโดยละเอียดถึงความเป็นมาที่พวกเขาได้พบขวดแก้วใบนี้มาสู่เขาอย่างปาฏิหาริย์....พวงผกา

    และลำเพยได้อ่านหนังสือบนผ้าขาวทั้งสองผืน...แล้วพิจารณาประมวลเหตุการณ์ก่อนที่จะวิจารณ์เป็น

    ลำดับต่อมา

    ............................"หรือว่า..แม่น้ำน่านจะมีชีวิตมีจิตวิญญาณอย่างที่คนเล่ากันต่อ ๆมา

    ในตำนานเมือง มีสุข" ลำเพยเอ่ยขึ้นหลังจากเป็นผู้ฟังอยู่นาน

    ....................พวงผกาจึงเอ่ยต่อ

    ............................"วันที่เขาหายสาบสูญไปในแม่น้ำน่าน ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่หรือตาย..

    เพราะเขาไม่โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำน่านเลย...ก่อนที่เขาจะจมน้ำได้ถูกคนพม่าที่อยู่สองฝั่ง

    ระดมยิงปืนใส่เขา...จนเลือดแดงฉานไหลปนกับน้ำ..ได้มีนกกาเผือกสีขาวบินโฉบลงมาคาบ

    คอเสื้อเขา..แล้วพยายามจะกระพือปืกบินดึงเขาขึ้นจากน้ำ....เขาได้ชูขวดแก้วให้นกกาเผือก

    ดู...แล้วขว้างออกไป...แล้วร่างขอเขาค่อย ๆ จมลงไปในแม่น้ำน่านพร้อมกับนกกาเผือก...ได้

    มีแสงสว่างดุจดวงอาทิตย์ส่องมาจากใต้น้ำบริเวณที่เขาจมลงแล้วหายไป....เจ้านกกาเผือก

    บินพุ่งขึ้นสู่เหนือน้ำขึ้นบนท้องฟ้าและบินวนรอบ ๆบริเวณที่เขาจมน้ำพร้อมกับเส่งเสียงร้อง

    อย่างดังก่อนที่ม้นจะบินตามขวดแก้วที่ลอยตามน้ำไป"

    ....................กาเผือกฟังพวงผกาบอกเล่าต่อจากลำเพยอย่างตั้งใจ..เขารู้สึกว่าที่พวง

    ผกาเล่ามานั้น....ช่างเหมือนกับ.."ภาพที่เขาเห็นในแม่น้ำน่าน..ก่อนที่เขาจะมาที่โรงแรมแห่ง

    นี้"..............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2012
  20. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ........................คุณยายผู้ร่วมเหตุการณ์...................




    ....................ในที่สุดพวงผกาก็ตกลงที่จะพากาเผือกและไก่ตุ๋นไปพบกับคุณยายของเธอ

    ในวันรุ่งขึ้น......คุณยายของพวงผกามีชื่อว่า "นางมั่น คงเมือง" มีอายุ 87 ปี (พ.ศ.2546) แท้

    จริงแล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ "เมือง มีสุข" โดยแม่ของคุณยายเป็นน้องของขุนทัพ..หรือเป็นอาของ

    เมือง มีสุข....
    .....................พวงผกานั่งเบาะหน้าของรถยนต์คู่มากับไก่ตุ๋น..โดยมีกาเผือกนั่งเบาะหลัง..เธอพา

    เขาไปทางเหนือตัวเมืองน่านฝั่งตะวันตก..แล้วข้ามสะพานแม่น้ำน่านหน้าค่ายทหาร..ไปยังฝั่งตะวัน

    ออกของแม่น้ำน่าน..........และขับรถขึ้นไปทางทิศเหนืออีกหลายกิโลเมตร...ผ่านป่าไม้ที่ขึ้นทึบ..

    ท้องทุ่งและเชิงเขา..เมื่ออ้อมเขาไปทางทิศตะวันออก..ก็ถึงบ้านทรงไทยหลังหนึ่งชั้นเดียวใต้ถุนสูง..

    สร้างขึ้นด้วยไม้สักทั้งหลังอย่างสวยงาม...บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเดียวที่อยู่บริเวณนั้น...โดยไม่มีบ้าน

    อื่นปลูกอยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้นเลย..มันจึงเป็นที่แปลกใจของกาเผือกและไก่ตุ๋น...ว่า"มีบ้านแบบนี้มา

    ปลูกหลบซ่อนอยู่หลังเขาได้อย่างไร"....แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีสมาชิกหรือคนในครอบครัวอยู่ใน

    บ้านหลังนี้ถึง 7 ชีวิต........

    ....................กาเผือกและไก่ตุ๋นเดินตามพวงผกาขึ้นไปบนบ้าน..และตรงไปหาคุณยายมั่นซึ่ง

    กำลังนั่งอยู่นอกชานบ้าน...พวกเขาสังเกตดูคุณยายวัย 87 ปีแล้วยังดูแข็งแรงเกินกว่าคนชราภาพทั่ว

    ไป...หลังจากพวงผกาบอกเล่าแก่คุณยายรับทราบแล้ว....กาเผือกได้ ..ส่งขวดแก้วรูปทรงมะม่วง

    ซึ่งภายในมีสร้อยข้อมือทองคำอยู่..พร้อมกับแสดงแหวนทองให้คุณยายดู......

    ............................"แหวนทองในขวดแก้วนี้มี 16 วงใช่ไหม" คุณยายซักถามกาเผือก

    ............................"ใช่ครับคุณยาย" กาเผือกตอบ

    ............................"ความจริงแล้ว..อ้ายเมือง(พี่เมือง)ใส่มันไว้ 17 วง..แต่เขาได้เปิด

    ขวดแก้วออกแล้วนำออกมาให้ยายหนึ่งวง...แล้วบอกว่า..จะมีคนสวมแหวนในขวดนี้แล้วนำ

    พาขวดแก้วมาถามหาสถานที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน...ยายไม่ได้ออกไปไหน...แต่ก็รอคนที่

    อ้ายเมืองเอ่ยถึง..ก็ไม่เคยมีมาหา.....ยายจึงให้หนูพวงผกาหลานยายใส่แหวนทองวงนี้ไว้ให้

    คนที่อ้ายเมืองเอ่ยถึงได้เห็น..ซึ่งมันก็เป็นความจริงตามที่อ้ายเมืองบอก" คุณยายมั่นเล่า

    ขยายความให้กาเผือกฟัง

    ....................กาเผือกจึงเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้อย่างเต็มกำลัง

    ............................"แล้ว...สถานที่จันทร์เสี้ยวแยกจากกัน..มันอยู่ที่ไหนครับคุณยาย"

    ............................"ยายเองก็ไม่รู้...อ้ายเมืองบอกแต่เพียงคำปริศนาไว้ว่า..สถานที่

    จันทร์เสี้ยวแยกจากกันมันเป็นปรากฏการณ์ในคืนฤดูหนาว..เขาบอกเพียงเท่านี้"

    .....................กาเผือกนิ่งอึ้งในคำปริศนานั้น..เพราะเขาเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสถานที่..แต่

    คุณยายบอกปริศนาว่า.."มันเป็นปรากฏการณ์ทำให้เขาจนปัญญาในการขบคิด"...เขาจึงขอ

    ทราบความเป็นมาของ เมือง มีสุข และเหตุการณ์ต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับเขา....และบัดนี้ตำนาน

    ของ เมือง มีสุข ลูกของแม่น้ำน่าน..ซึ่งยืนยันชีวิตจิตวิญญาณของแม่น้ำน่าน..และเป็นที่มา

    ของเรื่องเล่า"ความทรงจำของฉันเพื่อเธอ"....กำลังจะถูกเปิดเผยอย่างละเอียดจากคำบอก

    เล่าของคุณยายผู้ร่วมเหตุการณ์.............
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...