พระโพธิสัตว์พญาช้างนาฬาคิรี(ธนปาล)พระพุทธเจ้าในอนาคต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย อุตฺตโม, 5 ธันวาคม 2010.

  1. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ลีเจงเฝ้าดูจนเห็นกองกำลังพม่าที่ล้อมดูการดวลธนูอยู่เผลอเรอ.

    เขาจึงใช้ลูกธนู...ที่ปลายแหลมของมันมีหญ้าที่ใช้สำหรับม้ากินผูกติดอยู่ที่ปลาย...ยิงข้าม

    วงล้อมไปกะให้ตรงพอดีหน้าของสายและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ...ที่พวกเขาฝึกการส่งสัญญาณ

    ไว้ก่อนหน้านี้

    .....................ลูกธนูที่ลีเจงยิงลอยข้ามกองกำลังพม่าที่ล้อมอยู่..และพุ่งไปปักตรง

    หน้าของสาย....สายมองไปที่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆที่เห็นลูกธนูดอกนี้..ด้วยรู้ว่าเป็น

    สัญญาณจากลีเจง ให้พวกเขาขึ้นม้าโดยเร็ว.."ด้วยหญ้าที่ม้าใช้กินที่ผูกติดกับลูก

    ธนู ก็คือสัญาณที่หมายถึง...ม้าที่พร้อมจะวิ่งออกดุจลูกธนูดอกนั้น"

    ......................สายส่งสัญญาณให้บุญแทนและมุกแจ้งให้ขุนทัพ รีบหยิบอาวุธปืนที่ทิ้ง

    ไว้กับพื้นดินและขึ้นม้าโดยเร็ว..ในขณะที่กองกำลังพม่ากำลังเพลิดเพลินกับการดวลธนู

    โดยไม่สนใจพวกตน

    ......................เมื่อทุกคนที่อยู่ในวงล้อมพร้อมแล้ว...ลีเจงได้ใช้ธนูยิงเข้าด้าน

    หลังของกองกำลังพม่าซึ่งล้อมอยู่ด้านทิศใต้ติด ๆกันจำนวนหลายดอก...ลูกธนูยัง

    คงแรงและเร็วเงียบสนิทพุ่งเข้าปักทหารของเอหม่องจนล่วงม้าหลายสิบคน.....แม้

    ลีเจงจะบาดเจ็บที่แขนก็ตาม..

    ......................ทหารที่อยู่เคียงข้างตกใจที่เห็นคนข้างตนนั่งม้าอยู่ดี ๆ ก็ล่วงจาก

    ม้า...จึงหันไปดูพบว่า "มีลูกธนูปักอยู่ จึงได้หันไปมองด้านทิศใต้ที่ลีเจงยิงลูกธนูเข้า

    ใส่".......ก็พบลีเจงจึงได้ยิงปืนโต้ตอบไปที่ลีเจงทันที...........กองกำลังจุดนั้นหันมา

    ทางลีเจงโดยหันหลังให้กับสายและพวกขุนทัพเพื่อยิงโต้ตอบ...

    ......................ช่องด้านทิศใต้ที่ล้อมอยู่จึงเป็นจุดเปิดให้กับขุนทัพและพวก...สาย

    เห็นดังนั้นเขาจึงยิงปืนเข้าใส่กองกำลังพม่าที่หันหลังให้เขาทันที..เพื่อเปิดช่องทางเส้นนั้น

    ออกให้กว้างขึ้น...พร้อมกับบุญแทนและมุกที่ยิงปืนสนับสนุนเข้าไปอีก...จนกองกำลังที่

    ล้อมอยู่ด้านทิศใต้ซึ่งไม่ทันระวังตัว ต้องถอยหนีในทันทีเช่นกัน

    ......................สายควบม้านำหน้าพรรคพวกออกจากวงล้อม..ไล่ตามลีเจงซึ่งควบม้า

    นำหนีออกไปก่อน

    ......................เมืองได้ยินเสียงปืนและเห็นพรรคพวกของตนหนีออกจากวงล้อมได้

    แล้ว...เมืองรีบกระโดดขึ้นม้าสีนิลและควบหนีตามทันที....โดยเมืองพาสีนิลควบไปทาง

    ต้นไม้ที่ลูกธนูทั้งสามดอกปักสายสะพายขวดแก้วทรงมะม่วงเอาไว้..แล้วรีบดึงสายสะพาย

    นั้นนำมาคล้องคอทันที

    ......................กองกำลังของเอหม่องหายจากตื่นตระหนก.......ก็รวมกำลังนับร้อย

    ควบม้าไล่ตามยิงทันที.....เมืองอยู่หลังสุดหันกลับมาใช้ธนูยิงสกัดกองกำลังพม่าตกม้าไป

    อีกหลายคน....

    ......................เอหม่องโกรธแค้นเหมือนใครมาจุดไฟเผาที่หัวใจ เพราะเขาคิด

    ว่า"ขวดแก้วและเมืองอยู่ในมือของเขาแล้ว............แต่เมืองกลับพาขวดแก้วหนี

    รอดไปได้".......เขาจึงสั่งกองกำลังพม่าไล่ตามฆ่าเมืองและพรรคพวกให้หมดอย่า

    ให้รอดกลับไป.............โดยเมืองและพรรคพวกก็ควบม้าหลบหนีอย่างเร็วอย่าง

    ไม่คิดชีวิต.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2265.JPG
      IMG_2265.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      28
    • IMG_2238.JPG
      IMG_2238.JPG
      ขนาดไฟล์:
      21.8 KB
      เปิดดู:
      21
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  2. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ตอนที่ 63 ทางเลือก..................


    ....................ปลัดปักษ์ควบม้ามาดักรอปลัดเมือง..โดยปลัดปักษ์ได้หนีออกมา

    จากที่ซ่อนตั้งแต่ลีเจงยิงธนูเข้าใส่กองกำลังพม่า..เพื่อเปิดวงล้อมให้แก่พรรคพวก

    ของขุนทัพแล้ว...

    .....................เมืองแม้จะอยู่คนสุดท้ายของกลุ่ม โดยพรรคพวกต่างแยกย้ายกันหลบ

    หนีไปคนละทิศละทางหมดแล้ว.....เมืองหนีรอดได้แต่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่เพื่อรอสังเกต

    การณ์กองกำลังของเอหม่องว่า "จะทำเช่นไรต่อ"

    .....................ซึ่งการกระทำของเมืองตรงกับความคิดของปลัดปักษ์ที่คิดว่า"ตราบ

    ใดที่กองกำลังพม่าไม่ได้ออกไปจากเมืองน่านฝั่งตะวันออก..เมืองคงไม่หยุดคิดหา

    วิธีขับไล่ต่อ"..เพราะปลัดปักษ์เคยอ่านลักษณะพฤติกรรมของเมืองตอนที่ ปลัด

    ปักษ์ปลอมตัวเป็นคนเลี้ยงวัวและได้พบปลัดเมืองที่นั่น...

    ....................."เขาเคยเห็นเมืองนอนหลับโดยที่ใช้หลังพิงต้นไม้และยกหัวเข่า

    ซ้ายตั้งขึ้น ทำให้เท้าซ้ายของเมืองยังเหยียบพื้นดิน..แต่ขาขวาของเมืองเหยียด

    ขนานกับพื้นดิน...อันเป็นการหลับที่คนหลับเหมือนไม่มีความตั้งใจจะนอนหลับ...

    โดยสภาพน่าจะเป็นการฝืนตัวเองไว้.........แต่เพราะความอ่อนเพลียทำให้เมือง

    หลับไป"

    ....................จากท่านอนของเมืองคราวนั้น..ทำให้ปลัดปักษ์ผู้มีปัญญาฉลาด

    ขบคิดได้อ่านลักษณะท่าทางของเมืองได้ว่า "หากเมืองยังทำอะไรไม่สำเร็จ เขาจะ

    ไม่หยุดนิ่งเหมือนกับท่าที่เขานอนหลับอย่างฝืนตัวเอง.......เพราะเขามีงานที่คอย

    เตือนเขาอยู่เพื่อไม่ให้ทิ้งงานนั้น"

    ....................ปลัดปักษ์ดูทำเลแนวป่าเขาคิดว่า.."เมืองน่าจะมาซุ่มสังเกตการณ์

    ในที่แห่งนี้ เขารอปลัดเมืองอยู่ราวหนึ่งชั่วยาม..ด้วยความเพียรและมั่นใจว่า..

    เมืองต้องมาที่นี่..ซึ่งเขาก็คาดการณ์ได้ถูกต้องสมกับคำว่าเขาคือ "บุรุษหนึ่งฉลาด

    ยิ่งเพียรเป็นเลิศ" ตัวเอกอีกคนหนึ่งของเรื่องราวนี้...
     
  3. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................เมืองเห็นปลัดปักษ์นั่งบนหลังม้ารออยู่..เขาเดาเหตุการณ์ได้ทันที

    ว่า"ปลัดปักษ์จะต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว...และมารอพบเขาอยู่" ..เมืองจึง

    ชักม้าเดินเข้าไปหาปักษ์ใกล้ ๆ พร้อมกับมองดูสีหน้าและแววตา พลางเอ่ยขึ้น

    ............................"มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องเลือก ..แม้มีหน้าที่แล้ว..ก็ยังต้องเลือก

    ที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างไร"

    ....................ปลัดปักษ์ได้ยินคำปรัชญาแห่งความจริงเช่นนั้น..เขาจึงโต้ตอบเมือง

    เป็นแนวความคิดเช่นกัน...

    ............................."คนมีหน้าที่ต้องเลือก..ก็ต้องเลือกทำหน้าที่ในสิ่งที่ถูกต้อง..

    ตามหลักการของหน้าที่ที่วางไว้"

    ............................."หน้าที่ตามหลักการ..บางครั้งก็ไม่ควรเลือก..ถ้ามันไม่เข้ากับ

    สถานการณ์และเหตุผล"

    ............................."หลักการทุกหลักการ..มีการวิเคราะห์ถึงเหตุและผลดีแล้ว..จึง

    ได้วางหลักไว้ให้ปฏิบัติ"

    ............................."เจ้าพบเห็นเหตุการณ์ของกองกำลังพม่าบุกเข้ามาในแผ่นดิน

    สยาม...หลักการของเจ้า คือ รายงานต่อเจ้าเมืองน่าน เพื่อให้เจ้าเมืองน่านรายงานต่อไป

    ทางเมืองหลวง...เมืองหลวงรับทราบก็ส่งกำลังพลมา...แล้วมาวางแผนการณ์ขับไล่..แล้ว

    ใช้เวลาอีกนานเท่าใด..หลักการของเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล"

    ............................."เหตการณ์ร้ายแรง..มีผลกระทบระหว่างประเทศ เจ้าก็รู้ไม่ใช่

    หรือ..ตอนที่สยามช่วยอังกฤษรบพม่าจนมีชัย..สัญญาข้อหนึ่งที่อังกฤษวางไว้กับพม่า คือ

    ห้ามพม่าทำร้ายประเทศสยาม...เมื่อพวกพม่าละเมิดสัญญาเราควรแจ้งให้เมืองหลวง

    ทราบ..เพื่อส่งสาส์นไปยังฑูตอังกฤษ..เพื่อให้อังกฤษจัดการกับพม่าเมืองขึ้นของพวก

    เขา..ไม่ใช่พวกเรามาจัดการเองเช่นนี้....เราจะจัดการพวกมันต่อเมื่ออังกฤษไม่ตอบสนอง

    เรา...เราจึงควรให้เมืองหลวงส่งกองกำลังที่เข้มแข็งมาขับไล่พวกมัน" ปลัดปักษ์อธิบาย

    โต้ตอบ

    ....................."และถ้าหากเจ้ารู้ว่า เอหม่องหัวหน้ากองกำลังพม่าคือคนที่ฆ่าบุญมี

    พวกของเจ้า..ข้าขอถามหน่อยว่า..เจ้ายังจะยึดหลักการของเจ้าหรือเจ้าจะจัดการเอง"

    .....................ปลัดปักษ์ได้ยินคำพูดของเมือง..รู้สึกมันกระแทกหัวใจของเขา

    อย่างแรงจนเจ็บ..ด้วยแรงแค้นที่รู้ตัวคนฆ่าเพื่อนของเขา แต่เขาพยายามข่มใจให้

    นิ่ง..เพื่อใช้เหตุผลทางปัญญาต่อสู้กับเมืองด้วยคำพูดต่อไป....

    ............................"เรื่องหน้าที่กับความแค้นมันต้องแยกจากกัน..หน้าที่เป็นเรื่องยิ่ง

    ใหญ่สำหรับเจ้าหน้าที่อย่างพวกเรา"

    ............................"ถ้าเป็นเจ้าขณะนี้..เจ้าจะเลือกจัดการอย่างไร"

    ............................"ข้าจะขอให้เจ้าไปอยู่กับเจ้าเมืองที่ฝั่งตะวันตก..เพราะข้า

    รู้แล้วว่า..พวกนั้นต้องการตัวเจ้าและขวดแก้วใบนั้น...ซึ่งข้าไม่รู้ว่ามันสำคัญเพียง

    ไร...แต่ต้องเก็บเจ้าไว้..แล้วข้าจะดำเนินการตามหลักการของข้าเอง"

    ............................"เจ้าไม่ต่างจากข้าหรอกปลัดปักษ์..หลักการที่เจ้าต้อง

    ปฏิบัติ คือ เมื่อเจ้าเมืองน่านมีหนังสือสั่งให้เจ้ากลับฝั่งตะวันตก..เจ้าต้องกลับตาม

    คำสั่งทันที..ตามที่มุกบอกกับข้า...แต่เจ้าก็ฝืนคำสั่งหรือหลักการ..เพราะเหตุผล

    และสถานการณ์บังคับเจ้าใช่ไหม...เจ้าถึงไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการเลย"

    .....................ปลัดปักษ์ได้ฟังคำย้อนหยอกจากเมืองถึงกับนิ่งอึ้ง...ละอายใจที่

    เขามาอ้างหลักการกับเมืองแต่เขาก็ไม่ได้ทำตามหลักการ...แต่ด้วยความฉลาดเจ้า

    ความคิด..เขาก็ตอบโต้ปลัดเมืองเจ้าปัญญา..ด้วยเหตุผลต่อไป...

    ............................"ถึงข้าจะทำตามสถานการณ์และเหตุผลที่บีบบังคับ..แต่

    ข้าก็ไม่เลือกที่จะทำอย่างเจ้า...เพราะเจ้ามันบ้าบิ่นโลดโผนเกินควร..ที่รู้ว่ากอง

    กำลังพม่าบุกเข้ามามีกำลังเหนือกว่า..เจ้ากลับใช้คนจำนวนน้อยไปขับไล่...แล้ว

    ผลก็คือ ความตายของพวกเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันออกและพวกชาวเขาเผ่าต่าง ๆ..เจ้า

    อย่าลืมว่าคนพวกนั้น คือ คนเมืองน่านเหมือนเจ้ากับข้า..พวกเขาคือคนของแผ่น

    ดินสยาม...เจ้าพาพวกเขามาตายได้เช่นไร"

    ............................"แต่คนพวกนั้น..เขารักที่จะปกป้องแผ่นดินของพวกเขา..

    โดยวิธีจะจัดการด้วยตนเองเหมือนกับข้า...ถึงพวกเขาจะตายข้าก็คิดว่า..พวกเขา

    ภาคภูมิใจในหน้าที่ของพวกเขา...เจ้ากลับฝั่งตะวันตกไปเถิด..ที่นี่เจ้าไม่ชำนาญ

    พื้นที่และไม่คุ้นเคยกับมันเหมือนข้า...มันจึงเป็นอันตรายสำหรับเจ้า"

    ............................."ข้ามีปัญญาพาตัวเองมาถึงที่นี่ได้..ข้าย่อมใช้ปัญญา

    ของข้านำทาง"

    ............................."ปัญญาของเจ้าจะนำทางเจ้าเช่นไรข้าไม่รู้..แต่จงจำไว้

    ว่าข้าเลือกในสิ่งที่ข้าทำแล้ว...อย่างที่เจ้าเห็น...แต่เจ้าจะเลือกปฏิบัติเช่นใดก็สุด

    แต่เจ้า...แต่อย่าขวางทางเลือกของข้า"

    ....................เป็นประโยคสุดท้ายที่เมืองตอบโต้ปลัดปักษ์..โดยส่งสายตาถึง

    ความหนักแน่นในการเลือกทางปฏิบัติของเขาให้ปลัดปักษ์ได้รับรู้..ก่อนที่เขาจะชัก

    ม้าเดินจากปลัดปักษ์ไป....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2265.JPG
      IMG_2265.JPG
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      21
  4. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ปลัดปักษ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง..พร้อมกับก้มหน้ามองแผ่นดินอย่างใช้

    ความคิด..และได้ชักม้ากลับมุ่งหน้าไปเมืองน่านฝั่งตะวันตกทันที..ระหว่างทางปลัด

    ปักษ์ครุ่นคิดว่า "ปลัดเมืองคิดอย่างไร..และเกิดสิ่งใดขึ้นกับปลัดเมือง..จนถึงขนาดที่กอง

    กำลังพม่ายกกำลังพลขึ้นมาเยือนถึงเมืองน่านฝั่งตะวันออกแห่งนี้

    .....................ปลัดปักษ์ข้ามฝั่งแม่น้ำน่านกลับมาเมืองน่านฝั่งตะวันตก..แต่เขาไม่

    ยอมทำตามหน้าที่และหลักการของเขา..โดยหลีกเลี่ยงที่จะไม่ยอมเข้าพบเจ้าเมือง

    น่าน..และไม่ยอมกลับเข้าบ้านเพื่อพบขุนแสงพ่อของเขา..อีกทั้งหลีกเลี่ยงที่จะพบกับหัว

    หน้าตำรวจเมืองน่าน

    ......................ปลัดปักษ์คิดแต่เพียงว่า "เขาจะต้องอ่านความคิดของปลัดเมือง

    ให้ได้ก่อนว่า..ปลัดเมืองกำลังคิดการทำอะไรต่อ"...ดังนั้นเขาจึงยังไม่พร้อมที่จะ

    รายงานเรื่องราวที่เขาพบเห็นมาต่อเจ้าเมืองน่าน...มันจึงเป็นปัญหายากสำหรับเขา..ใน

    การที่จะอ่านความคิดของคนเจ้าปัญญาอย่างปลัดเมือง...แต่เขาก็เพียรพยายาม

    อย่างยิ่ง....คนเราเมื่อประสบเรื่องยากสำหรับตนเองในการตัดสินปัญหา.......มักจะคิด

    ถึง..."คนที่เคยปรึกษาหารือกันระหว่างทำงาน" .......โดยเฉพาะตอนนี้ ปลัดปักษ์คิดถึง

    "บุญมี"เพื่อนร่วมงานที่จากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับมา...

    .....................ปลัดปักษ์เดินชักม้าเดินไปอย่างช้า ๆ ที่หลุมศพของบุญมีที่ฝังอยู่ใน

    ป่าช้าวัดในเมืองและลงจากหลังม้า..มายืนเศร้าสลดอยู่หน้าหลุมฝังศพ..พลางนำลูกธนู

    ของเมือง...ดอกที่ปักที่ศพของบุญมีและเขาดึงออกนำมาเก็บไว้....นำออกมาดู...และ

    รำพึงรำพันบอกกับศพนั้นอย่างแผ่วเบา

    ............................"บุญมี..ข้ารู้ตัวคนฆ่าเจ้าแล้วเจ้าเพื่อนยาก..ข้ากำลังคิด

    จะแก้แค้นให้กับเจ้าอยู่..แต่ลำพังข้าเพียงคนเดียว คงไม่อาจไปต้านทานพวกมัน

    ได้..เจ้าช่วยเลือกทางให้ข้าทีเถิดเจ้าเพื่อนยาก"........
     
  5. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ปลัดปักษ์ออกจากหลุมศพของบุญมี.....ก็พยายามหลีกเลี่ยงและ

    หลบซ่อนตัวไม่ให้ผู้ใดพบเห็นโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันตก..เขาจึงคิดเดินทาง

    ไปที่วัดร้างอันเงียบสงบ

    ....................ก็วัดร้างนั้นแหละที่ เมือง มีสุข ก็เคยมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั้นเมื่อ

    ฤดูฝนที่ผ่านมา....

    ....................ทำไมหนอพวกนักคิดเจ้าปัญญาทั้งหลาย..เวลามีปัญหาที่ขบคิดไม่ออก

    จะต้องเข้าหาธรรมชาติและความสงบ...........ธรรมชาติและความสงบมันมีอะไรแฝง

    อยู่หรือ.......ที่ทำให้คนเราเมื่อจนปัญญาและได้สัมผัสมัน..ทำให้ก่อเกิดพลังความ

    คิดที่โลดแล่นอย่างแตกฉานจนตีปัญหาแตกได้..

    ....................."สายใจ" คือ สิ่งที่ปลัดปักษ์คิดถึงยามนี้..ก็คนรักของเราไงล่ะ..ที่

    น่าจะไว้วางใจได้ดีที่สุด.....สิ่งที่ปลัดปักษ์อยากรู้ยามนี้ก็คือ "ความเคลื่อนไหวของเจ้า

    เมืองน่าน...เจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันตก..และสถานการณ์ยามนี้ว่า..ใครรู้เรื่องอะไร และ

    กำลังจะทำอะไรบ้าง"



    .....................ปลัดปักษ์รอให้ตะวันลับขอบฟ้า.......เขาจึงควบม้าออกจากวัดร้างฝ่า

    ความมืดและอากาศหนาวเหน็บเพื่อไป.......ส่งสัญญาณให้สายใจรู้ว่าเขากลับมาและต้อง

    การพบนาง...

    .....................ปลัดปักษ์มาถึงด้านหลังจวนเจ้าเมือง..และพบเห็นแสงไฟที่ห้องของ

    สายใจและสายพิณอยู่...เขาได้ใช้กระดาษที่เขาเขียนจดหมายไว้ห่อกับก้อนหินก้อนน้อย ๆ

    แล้วโยนเข้าหน้าต่างทันที

    .....................พฤติการณ์ช่างเหมือนกับปลัดเมืองเหลือเกิน.... "จุดที่

    ปลัดปักษ์โยนก้อนหิน".........ก็คือ........"จุดที่ปลัดเมืองเคยยิงธนูซึ่งผูก

    จดหมายไว้...ยิงเข้าหน้าต่างบานนั้นเช่นกัน"
     
  6. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................สายพิณกำลังนั่งสำรวจดู"ธนูดอกกุหลาบของปลัดเมือง"ที่อยู่

    ในมือ และคิดถึงตอนที่เมืองนำ "ดอกกุหลาบมาพันผูกเข้ากับปลายแหลมของลูก

    ธนู และส่งให้นางแล้วเอ่ยกับนางไว้เป็นสัญญาว่า ......ลูกธนูดอกกุหลาบนี้เป็น

    สัญญาของข้า..หากสะพานข้ามแม่น้ำน่านสร้างเสร็จเมื่อไร....เจ้าจงนำมันไปให้

    ข้า...แล้วข้าจะพาเจ้าไปสู้กับดวงอาทิตย์บนยอดภูเขาสูงกับข้า....จงเก็บมันไว้"

    ....................ซึ่งลูกธนูดอกกุหลาบนี้ สายพิณทำตามคำแนะนำของสายใจที่ว่า "หาก

    ใช้หนังสือหลายเล่มที่มีน้ำหนักทับลูกธนูดอกกุหลาบไว้..จะทำให้ดอกกุหลาบแห้งแบนแต่

    เป็นรูปทรงอยู่ได้นาน...ถึงแม้มันจะไม่สวยงามเหมือนตอนกำลังสดอยู่".....ซึ่งสายพิณก็

    สำรวจดูพบว่า "มันเป็นไปตามที่สายใจบอกนาง"

    ....................โดยนางกำลังหยิบลูกธนูดอกกุหลาบมาให้สายใจดูพลางเอ่ยขึ้น

    อย่างดีใจ

    ............................"พี่สายใจดูสิ มันแห้งและอยู่ได้นานอย่างที่พี่บอกจริง ๆ"

    ....................สายใจยิ้มอย่างยินดีกับน้องสาว และเอ่ยแนะนำต่อ

    ............................"ดีแล้ว ต่อไปเจ้าก็เอาถุงพลาสติกใส..ห่อใส่ส่วนที่เป็น

    ดอกไม้เอาไว้"

    ............................"ข้าอยากรู้จังว่า..เมื่อไรสะพานข้ามแม่น้ำน่านจะเริ่มสร้าง

    เชื่อมต่อฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออกสักที..ข้าไม่รู้ว่าจะรอนานอีกเท่าไร ..จะได้ไป

    สู้ดวงอาทิตย์บนยอดเขาสูงกับปลัดเมือง"

    ............................."อีกไม่นานหรอกน่า..ท่านพ่อกับขุนแสงจะต้องทำอะไร

    บางอย่าง..เพื่อให้มันเกิดสะพาน...เชื่อพี่ซิ" สายใจปลอบน้องสาว




    .....................ขณะที่สายพิณกำลังดูลูกธนูดอกกุหลาบ.....และฟังสายใจพูดอยู่นั้น

    เจ้าก้อนหินห่อจดหมายของปลัดปักษ์ก็ลอยเข้ามาที่หน้าต่าง...และพุ่งมาถูกศีรษะ

    สายพิณอย่างเบา ๆ ทันที

    ............................"โอ้ย...ใครขวางหัวข้า" สายพิณอุทานอย่างตกใจ

    .....................เจ้าก้อนหินห่อจดหมายเมื่อถูกศีรษะของสายพิณแล้วก็กลิ้งมาหยุดบน

    เตียงนอน....สายพิณรีบลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่างทันทีและตามด้วยสายใจที่ลุกขึ้นเดินตามไป

    ดู...แต่พบกับความว่างเปล่า..แม้จะเพ่งสายตาดูฝ่าความมืดแล้วก็ตาม

    ............................."ใครกันบังอาจมาแกล้งข้าที่เผลอ" เสียงสายพิณยังบ่น

    โวยวายอย่างไม่พอใจ

    .....................เมื่อดูที่นอกหน้าต่างและไม่พบผู้ใด...ทั้งคู่จึงรีบช่วยกันปิดหน้าต่าง ทั้ง

    นี้เพื่อบรรเทาความหนาวและป้องกันก้อนหินก้อนน้อยจะลอยตามมาอีก....พลางทั้งคู่ก็

    หมุนตัวกลับไปดูเจ้ากระดาษที่ห่อก้อนหินที่อยู่บนเตียงนอน....สายพิณเห็นกระดาษห่ออยู่

    จึงคว้าก้อนหินนั้นขึ้นมาแก้กระดาษออกจึงพบว่า "มันคือจดหมาย"...สายพิณจึงคลี่ออก

    อ่านทันที

    ............................"สายใจยอดรักของข้า...." เพียงอ่านประโยคแรกของ

    จดหมาย..สายพิณก็หัวเราะชอบใจอย่างดังจนลืมเรื่องที่ไม่พอใจเมื่อกี้นี้..เพราะรู้ได้ทันที

    ว่าเป็นจดหมายของปลัดปักษ์ที่ส่งมาให้พี่สาวของตนอย่างพิสดาร..ไม่แพ้ปลัดเมืองที่ยิง

    ธนูผูกจดหมายส่งเข้ามาทางหน้าต่างเช่นกัน....

    .....................สายพิณมองหน้าสายใจอย่างระรื่นที่เห็นพี่สาวของตน...แสดงสีหน้า

    เบิกบานที่รู้ว่าเป็นจดหมายของคนรัก....สายใจพยายามแย่งจดหมายมาจากสาย

    พิณ...แต่นางไม่ให้และยังคงเพ่งพินิจที่จะอ่านจดหมายอย่างยี่ยวนให้พี่สาวตนฟัง

    ............................"ข้าได้กลับมาที่ฝั่งตะวันตกแล้ว..มีหลายเรื่องที่ข้าพบเจอ

    ที่ฝั่งตะวันออกเกี่ยวกับปลัดเมือง" พอสายพิณอ่านถึงคำว่า"ปลัดเมือง" นางก็

    หยุดภาษาอ่านที่ยียวนลงทันที...และเปลี่ยนเป็นตั้งใจอ่านอย่างสนใจ...

    ............................."ข้ายังไม่พร้อมที่จะพบกับท่านเจ้าเมือง..และข้าไม่ได้

    กลับไปบ้านเพื่อพบหรือรายงานขุนแสงพ่อของข้า..อีกทั้งข้ายังต้องหลบ ร.ต.ต.

    เวียงหัวหน้าตำรวจอีก..ข้าจึงได้อาศัยพักและหลบซ่อนตัวอยู่ที่วัดร้างนอกเมือง"



    ............................."วัดร้างนอกเมือง" สายพิณอุทานทวนคำ..และมองหน้า

    สายใจด้วยรู้สึกว่า "ทั้งปลัดปักษ์และปลัดเมืองช่างเหมือนกันเสียจริง..ทั้งความ

    ช่างคิด...และพฤติการณ์ที่ส่งจดหมายพิสดารอย่างเมื่อกี้นี้...อีกทั้งยังเลือกที่จะ

    พักผ่อนหลบซ่อนในสถานที่เดียวกันอีก...เพียงแต่ปลัดเมืองมาฤดูฝน..แต่ปลัด

    ปักษ์มาฤดูหนาวเท่านั้นเอง"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3miku.jpg
      3miku.jpg
      ขนาดไฟล์:
      336.3 KB
      เปิดดู:
      35
    • 000u054ZzHi.gif
      000u054ZzHi.gif
      ขนาดไฟล์:
      87.3 KB
      เปิดดู:
      99
  7. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................สายพิณอ่านจดหมายต่อ

    ............................"เจ้าได้โปรดออกมาพบข้าพรุ่งนี้เช้า..ข้ามีงานเร่งด่วนที่จะ

    ปรึกษาเจ้าและไหว้วานเจ้า...ก่อนที่ข้าจะปรากฎตัวให้เจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวัน

    ตกได้พบเห็น.....รักและคิดถึงเจ้าเสมอ ปักษ์ หงษา"

    ....................สายใจเมื่อได้ฟังความในจดหมายจากสายพิณ..นางรู้สึกแปลก

    ประหลาดใจด้วยไม่เคยพบเห็นปลัดปักษ์คนรักของตนมีพฤติการณ์แปลก ๆเช่นนี้..สายใจ

    รีบคว้าจดหมายจากสายพิณมาอ่านทบทวนทันที...สายใจคิดว่า"จะต้องมีเรื่องที่ร้ายแรงถึง

    ขนาดที่ปลัดปักษ์ไม่ยอมออกมาปรากฎตัวเมื่อมาถึงพื้นที่ของตนเอง"....

    ....................นางมองหน้าสายพิณเหมือนขอความเห็น แต่ก็ให้รู้สึกว่า "สายพิณน้อง

    สาวของตนมีสีหน้าไม่ค่อยดีเช่นกัน..ด้วยรู้ว่ามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่ฝั่งตะวันออก" สายใจ

    จึงถามสายพิณถึงเรื่องที่ปลัดเมืองมาหาสายพิณ...เมื่อตอนฤดูฝน

    ............................"ตอนที่ปลัดเมืองมาหาเจ้า..แล้วให้เจ้าเอาหนังสือเกี่ยวกับ

    ประวัติศาสตร์ราชวงศ์พม่า ความเกี่ยวพันสยามกับพม่าและข้อตกลงระหว่างอังกฤษกับ

    พม่า..เรื่องที่พม่าต้องไม่รุกรานแดนสยาม..เจ้าเอาไปให้เขาอ่าน...แล้วเขาบอกอะไรกับ

    เจ้าบ้าง"

    ............................"ระหว่างอ่านหนังสือข้ารู้สึกว่า ปลัดเมืองตั้งใจอ่านมาก..เขา

    บอกว่าเขาต้องการค้นหาบางสิ่งบางอย่าง..บางทีเขาอาจต้องไปพม่า"

    ............................"ไปพม่าหรือ" สายใจทวนคำ

    ............................"ใช่..และก่อนที่เขาจะจากไป..เขาได้เขียนจดหมายทิ้งไว้

    ให้ข้าบอกว่า...เขามีธุระด่วนต้องกลับไปฝั่งตะวันออก...บางทีเขาอาจจะไปหา

    ความหมายของชีวิตเขาที่เมืองพม่า"

    ............................"พม่าอีกแล้วหรือ...ไหนเจ้าไปเอาจดหมายของปลัดเมือง

    มาให้พี่ดูหน่อยซิ"




    ....................สายพิณรีบเดินไปหยิบจดหมายของเมือง..ที่นางซ่อนไว้ในหนังสือที่ทับ

    ลูกธนูดอกกุหลาบไว้..มาให้สายใจอ่านดูทันที

    ............................."ข้ามีธุระด่วนต้องกลับไปฝั่งตะวันออก..ขอบใจเจ้ามาก..บาง

    ทีข้าอาจจะไปหาความหมายของชีวิตข้าที่เมืองพม่า...แหวนปลอกมีดทองคำวงนี้ทำมา

    จากเมืองพม่า..เจ้าจงสวมใส่มันไว้เถิด....ข้าจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้แก่เจ้า..สะพานข้าม

    แม่น้ำน่านถูกสร้างขึ้นเสร็จสิ้นเมื่อไร..เจ้าจงเอาลูกธนูดอกกุหลาบดอกนั้นมาให้ข้า..แล้ว

    ข้าจะพาเจ้าไปบนยอดเขาสูงเพื่อสู้กับดวงอาทิตย์กับข้า...หวังว่าเจ้าคงจำแนวคิดบนยอด

    เขาสูงที่ข้าแจงให้เจ้าฟังยามเจ้าเมาเหล้าได้น....จงรักษาลูกธนูดอกกุหลาบไว้ให้ดี..

    เพราะมัน คือ สิ่งแรกที่ข้าให้เจ้า คือ คำมั่นสัญญา"




    ....................เมื่อสายใจอ่านจดหมายจบ..สิ่งแรก..ที่นางรู้สึกจากจดหมาย

    นั้น"เป็นความประทับใจและซึ้งใจนางอย่างเหลือล้น" จดหมายไม่ได้มีความยาว

    หรืออธิบายอะไรมากเลย.. "แต่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ของคนเขียนได้

    อย่างดี"...นั่นคือ "ความผูกพันของเขากับน้องสาวของนาง คือ คำมั่นสัญญา..ที่

    เขาให้น้องสาวนางไว้ที่แสดงออกเป็น คำพูดที่เป็นนามธรรม..และ เครื่องหมายที่

    เป็นรูปธรรมได้แก่ "ลูกธนูดอกกุหลาบดอกนั้น"..

    .....................เนื้อความในจดหมายชักชวนให้..สายใจรำลึกถึงเขาอีกครั้งตอนที่

    เขาพูดกับนางอย่างนอบน้อมลึกซึ้งกินใจ..จนนางรู้สึกเห็นใจจนต้องบอกให้..สาย

    พิณน้องสาวของนางไปพบกับเขาในคราวนั้น.."ได้โปรดเทอญแม่นางสายใจ..ข้าจะ

    รอสายพิณอยู่ที่นี่จนถึงวันพรุ่ง..หากท่านมีแก่ใจเมตตาต่อข้าที่มาด้วยความตั้งใจจริง..และ

    มิได้รู้จักผู้ใดในฝั่งตะวันตก..นอกจากสายพิณและตัวแม่นางที่พอจะช่วยเหลือข้าได้"

    .....................สายใจรำลึกถึงปลัดเมืองพลางก็ย้อนกลับมาคิดถึงประโยคที่ปรากฎอยู่

    ในจดหมายว่า"แหวนปลอกมีดทองคำวงนี้ทำมาจากเมืองพม่า" นางจึงขอดูแหวนจากสาย

    พิณก็รู้สึกว่า "แหวนวงนี้มีน้ำหนักดีและสีทองผุดผ่องบริสุทธิ์..แต่แปลกใจตรงที่ว่า "ปลัด

    เมืองไปเอาแหวนวงนี้มาจากไหน..ก็ในเมื่อแหวนวงนี้เดิมทีมันอยู่เมืองพม่า..แล้วมาอยู่กับ

    ปลัดเมืองได้เช่นไร"

    .....................สายใจคิดว่า "บางทีถ้าให้สายพิณอธิบายอะไรให้ปลัดปักษ์ฟัง..

    ปลัดปักษ์คนรักของนาง..อาจคิดบางสิ่งบางอย่างออกได้...ดังนั้นสายใจจึงสั่งกับ

    สายพิณให้ไปหาปลัดปักษ์ที่วัดร้างกับนางในวันรุ่งขึ้น....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  8. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ปลัดปักษ์นั่งอยู่บนศาลาพักร้อนที่วัดร้างนอกเมืองในยามเช้า..

    เพื่อคอยคนรักของตนอยู่...สักพักก็เห็นม้าสองตัวควบไล่ตามกันมา...เขาจำได้ดีว่าคน

    ที่นั่งบนม้าตัวแรก คือ สายพิณ คนน้อง...และตามด้วยสายใจ ผู้พี่คนรักของตน

    ....................บนศาลาสายพิณได้นำหนังสือวางตรงหน้าปลัดปักษ์..ทำให้ปลัดปักษ์

    แปลกใจ...ก่อนที่จะถามไถ่สิ่งใดต่อมา

    ............................"สายพิณ เจ้าเอาหนังสืออะไรมาให้ข้า"

    ............................"เจ้าอยากรู้ก็ถามพี่สายใจเอาเองสิ"

    ....................ปลัดปักษ์หันไปมองหน้าสายใจที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว..เพื่อรอคำตอบ

    ............................"ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนช่างคิดช่างอ่าน...และข้ารู้ว่าท่านมีเรื่องไม่

    สบายใจอย่างมากจึงมีพฤติกรรมแปลก ๆอยู่"

    ....................ปลัดปักษ์ตั้งใจฟังคนรักของตนพูดต่ออย่างสงบ...ที่รู้สึกว่า "นางเข้าใจ

    อะไรเกี่ยวกับเขาได้ดีจริง"...

    ............................"ข้ารู้ว่าท่านกำลัง....อ่านความคิดของปลัดเมืองอยู่ แต่ยัง

    อ่านเขาไม่ออก...ซึ่งข้ารู้สึกว่า ปลัดเมืองเองก็กำลังคิดอ่านอะไรบางอย่างอยู่ตาม

    ที่ข้าได้พบเห็นเขา"

    ....................ปลัดปักษ์แปลกใจที่สายใจ"ไม่เคยเห็นปลัดเมืองมาก่อน" และไป

    พบเห็นปลัดเมืองได้เช่นไร...จึงย้อนถามทันทีก่อนที่สายใจจะอธิบายสิ่งใดต่อ

    ............................"เจ้าพบเห็นปลัดเมืองได้เช่นไร"

    ........................"เมื่อท่านอยู่ฝั่งตะวันออก..เขาก็หลบท่านมาอยู่ฝั่งตะวันตก"

    .....................ปลัดปักษ์ได้ฟังถึงกับนั่งนิ่งและหัวเราะขึ้นอย่างพอใจ..ใน

    พฤติกรรมของปลัดเมือง..แล้วพูดขึ้นมาลอย ๆ กับความคิดของตน

    ........................."ปลัดเมืองเจ้านี่ยอดเยี่ยมจริง ๆเจ้าคิดได้นะ...พวกข้าไป

    ตามหาเจ้าที่ฝั่งตะวันออกแทบพลิกแผ่นดิน...แต่เจ้ากลับมาอยู่ในที่ที่อันตรายยัง

    พื้นที่ของข้า..โดยไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันตกที่เหลืออยู่จะพบเห็นเลย...เจ้า

    นี่มันฉลาดมากจริง ๆ"

    .....................สายพิณได้ยินคำชมของปลัดปักษ์ถึงปลัดเมืองเช่นนั้น..จึงหัวเราะ

    อย่างทะเล้นแล้วเอ่ยขึ้น

    ............................"ปลัดเมืองของข้า..ไม่ใช่มาหลบท่านอย่างเดียวนะ..เขา

    ยังมานั่งอ่านหนังสือที่กองอยู่ตรงหน้าท่านจนหมด..แถมยังมานั่งตรงที่เดียวกับที่

    ท่านนั่งอยู่นั่นแหละ"

    ....................ปลัดปักษ์ได้ยินถึงกับชะงักและมองไปที่สายใจ..สายใจจึงเอ่ยยืนยัน

    ............................."ถูกต้องแล้วปลัดเมืองมานั่งอ่านหนังสือที่นี่อย่างสายพิณ

    บอก...ท่านกำลังตามอ่านความคิดของเขาอยู่ไม่ใช่หรือ..จะไม่ลองนั่งอ่านหนังสือ

    ที่เขาเลือกอ่านเหล่านี้ดูบ้างเล่า"

    ....................ปลัดปักษ์ได้ยินคำแนะนำของสายใจ..เขาจึงหยุดที่จะถามสิ่งใด

    และหันมาเปิดหนังสือดูทันที

    ............................."ประวัติราชวงศ์พม่า..ความเกี่ยวพันสยามกับพม่า..และ

    ข้อตกลงระหว่างอังกฤษกับพม่า..เรื่องที่พม่าต้องไม่รุกรานแดนสยาม"

    .....................ปลัดปักษ์เงยหน้าขึ้นมองสายใจและสายพิณ พลางเอ่ยขึ้น

    ............................."ทำไมมันมีเรื่องราวเกี่ยวกับพม่าทั้งนั้น..เขาอ่านมันทำไม"

    ............................."มันจะต้องมีเหตุผลที่เขากำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างอยู่

    ในหนังสือนี้" สายใจเอ่ยแนะ

    ............................."ถ้าท่านไม่คิดร้ายต่อปลัดเมือง..ข้าจะบอกบางสิ่ง

    บางอย่างแก่ท่านเพื่อเป็นแนวคิด"....สายพิณเอ่ยเป็นเชิงขู่แบบมีเงื่อนไขกับปลัด

    ปักษ์...พลางจ้องหน้าปลัดปักษ์อย่างจริงจัง......จนปลัดปักษ์ต้องเอ่ยเงื่อนไขโต้

    กลับทันที

    ............................."ถ้าข้าไม่คิดจะช่วยเขา...ข้าก็คงไม่ต้องมาค้นหาเดิน

    ตามความคิดของเขา...ว่าเขาคิดอะไรอยู่หรอก...เจ้าเองก็ยังไม่รู้ว่า ..มันเกิดอะไร

    ขึ้นที่ฝั่งตะวันออก....เขาคิดเขาทำอะไรอย่างที่ข้าเองก็ดักทางเขาไม่ถูก...ข้าจึง

    ต้องกลับมาหาสิ่งที่เขาคิดและสิ่งที่เขาทำ...เพื่อเป็นแนวทางให้ข้าตามความคิด

    เขาได้ถูก...ข้าจะได้หาทางช่วยเหลือ..หรือ..ป้องกัน..หรือ...ขัดขวางไม่ให้เขา

    กระทำ"

    ............................"ท่านกำลังจะบอกอะไรข้า..เรื่องฝั่งตะวันออกเกี่ยวกับ

    ปลัดปักษ์" สายพิณย้อนถามโดยมีสายใจซึ่งนั่งอยู่ด้วยรอฟังคำตอบ

    ....................ปลัดปักษ์ครุ่นคิดอย่างชั่งใจว่าควรบอกดีไหม และในที่สุด

    ............................"กองกำลังพม่าบุกเข้ามาในเขตเมืองน่านฝั่งตะวันออก"

    ........................."หา" สองพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกัน
     
  9. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ........................"แล้วท่านทำไมไม่รีบไปรายงานท่านพ่อ" สายพิณเอ่ยเตือน

    .....................ปลัดปักษ์มองหน้าสองพี่น้องที่กำลังตกใจอยู่ก่อนอธิบาย

    ............................."เจ้าสองคนฟังข้าให้ดีนะ...หน้าที่ของข้าต้องรายงานท่านเจ้า

    เมืองถึงเรื่องนี้...แต่เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่ข้ายังไม่อาจรายงานได้ในทันที...หากข้า

    อยากทำเช่นนั้นข้าคงไม่มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่...กองกำลังพม่าบุกเข้ามาในเขตแดนฝั่ง

    ตะวันออกมันต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับปลัดเมือง....เจ้าไม่สงสัยเลยหรือว่า..ทำไมเขาถึง

    เอาหนังสือเกี่ยวกับพม่ามาอ่านอย่างเอาเป็นเอาตาย"

    .....................สองพี่น้องนั่งนิ่งอย่างตั้งใจฟัง..ปลัดปักษ์จึงเอ่ยต่อ

    ..........................."ข้าอยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และจะทำอะไรต่อไปอย่างที่

    สายใจบอกนั่นแหละว่าข้ากำลังอ่านความคิดของปลัดเมืองอยู่...การอ่านความคิดของเขา

    มันยากมาก..เพราะเขาเป็นคนทำอะไรที่เกินกว่าใครจะคาดคิด..ทั้งฉับไว..โลดโผนบ้า

    ระห่ำ..ทะนงตน..และเจ้าปัญญาอย่างเลอเลิศเกินกว่าใครจะตามทัน..ดังนั้น ข้าจึงต้อง

    หันมาศึกษาตัวเขาในอดีตเพื่อจะอ่านเขาในปัจจุบันและในอนาคต

    ............................กองกำลังพม่ามีราว 300 กว่าคน ส่วนปลัดปักษ์มีเพียง

    80 กว่าคน..เขายังสามารถที่จะรบกับพวกนั้นด้วยไหวพริบของเขา และฆ่าพวก

    นั้นตายไปไม่ใช่น้อย..

    ............................ขุนทัพพ่อของเขาและพรรคพวกตกอยู่ในวงล้อมของกอง

    กำลังพม่า..เขาก็ท้าดวลธนูกับยอดฝีมือในกองกำลังพม่าและช่วยขุนทัพกับพวก

    ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อที่เขาจะทำได้...ข้ายอมรับในฝีมือและปัญญาพร้อมความ

    บ้าระห่ำโลดโผนของเขา....ข้าจึงคิดที่จะอ่านความคิดของเขาให้ออกก่อนที่ข้าจะ

    ตัดสินใจ...."เลือกทาง"....."



    ....................คำว่า "เลือกทาง"ของปลัดปักษ์ที่เขาเอ่ยเป็นปริศนาก็คือ"เลือกที่

    จะทำตามหน้าที่หรือหลักการ"หรือ "เลือกที่จะทำตามหลักเหตุผลของสถานการณ์

    โดยไม่คำนึงถึงหลักการ..แต่ก็อยู่ในกรอบของหน้าที่"..อย่างที่เขาและปลัดเมือง

    เคยถกเถียงกันมาหลังจากที่เมืองต่อสู้กับกองกำลังพม่า.........เพราะปลัดเมืองได้

    เลือกทางก่อนหน้าปลัดปักษ์แล้ว คือ"เลือกที่จะทำตามหลักเหตุผลของสถานการณ์

    โดยไม่คำนึงถึงหลักการแต่ก็อยู่ในกรอบของหน้าที่".................แต่ปลัดปักษ์อยู่

    ระหว่าง"การตัดสินใจเลือกทาง"



    ....................ความแตกต่างของนักคิดนักปรัชญาของ ปลัดเมือง กับ ปลัดปักษ์ แตก

    ต่างกันอย่างมาก....

    ....................ปลัดเมืองนั้น จะถือเอาเหตุผลตามความเหมาะสมและความฉับไวใน

    การตัดสินใจเป็นหลัก....

    ....................ส่วนปลัดปักษ์ เขาเป็นคนถือ ความละเอียดรอบคอบและชอบศึกษาหา

    เหตุผล และคำนวณความถูกต้องเป็นหลักก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทาง..ด้วยความเพียร

    พยายามสมกับได้ชื่อว่า "บุรุษหนึ่งฉลาดยิ่งเพียรเป็นเลิศ"

    ....................(แนวทางของบุรุษทั้งสอง..เป็นแนวทางที่เราสามารถเลือกนำมาใช้ได้

    ทั้งสองอย่างในโลกแห่งปัจจุบันโดยไม่ผิดตามความคิดของผู้เขียน...สุดแต่ใครจะเลือกใช้

    อย่างใดตามแต่สถานการณ์และเหตุผล....)

    ....................แต่ตอนนี้มาดูความฉลาดของตัวเอกอีกคนหนึ่งที่เป็นนักคิดที่ชื่อ..

    "ปลัดปักษ์"ต่อว่า.."เขามีวิธีคิดและวิธีการอย่างไรในการอ่านความคิดของปลัด

    เมือง ผู้ที่ผู้เขียนได้ให้สมญานามว่า "บุรุษหนึ่งเลิศปัญญาหาญกล้าสู้ดวงอาทิตย์"

    แต่ในเรื่องนี้เขาคือ "บุรุษผู้สู้กับดวงอาทิตย์" หรือ "บุรุษสุริยคราส" หรือ "บุรุษดาวราหู"

    ..ซึ่งเป็นลูกของแม่น้ำน่าน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  10. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................สายพิณและสายใจนั่งฟังปลัดปักษ์เล่าเรื่องและแสดงความเห็น

    เกี่ยวกับ..ปลัดเมือง..อย่างสนใจและรู้สึกทึ่งในตัวปลัดเมืองอย่างยิ่ง...เพราะรู้ว่า

    "เขาเป็นคนบ้าบิ่นโลดโผนที่ทำอะไรคิดอะไรอย่างโลดโผน..แต่ไม่เคยคิดมาก่อน

    ว่า..เขาสามารถที่จะเป็น "แม่ทัพน้อย ๆ" ที่นำทัพเพียง 80 กว่าคนออกทำศึก

    สงครามกับกองกำลังพม่าคู่ต่อสู้ในอดีตของสยามมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาที่มีราว

    300 กว่าคนได้"

    .....................สายใจหันมามองหน้าสายพิณอย่างช้า ๆ เพื่อสังเกตดูความรู้สึกของ

    น้องสาว...สายพิณคิดว่าคำพูดของปลัดปักษ์ "ว่าที่พี่เขยของตน"น่าจะพูดออกมา

    จากความรู้สึกที่แท้จริงว่า "เขาจะช่วยเหลือปลัดเมือง"...สายพิณจึงหยิบเอา

    จดหมายที่ปลัดเมืองเขียนถึงนาง..ก่อนที่จะจากนางไปยื่นส่งให้ปลัดปักษ์แล้วจึง

    เอ่ยขึ้น

    ............................"ฟังที่ท่านเล่าเรื่องมาความรู้สึกของข้าคิดว่า..ปลัดเมือง

    ต้องเดินทางไปเมืองพม่าอย่างแน่นอน..หลังจากที่เขาไปจากข้าและก่อนที่เขาจะ

    ทำการต่อสู้กับกองกำลังพม่า"

    ....................ปลัดปักษ์มองหน้าสายพิณที่แสดงความเห็น ก่อนเปิดจดหมาย

    ออกอ่าน

    ............................"ข้ามีธุระด่วนต้องกลับไปฝั่งตะวันออก..ขอบใจเจ้ามอก บางที

    ข้าอาจจะไปหาความหมายของชีวิตข้าที่เมืองพม่า..แหวนปลอกมีดทองคำวงนี้ทำมาจาก

    เมืองพม่า..เจ้าจงสวมใส่มันไว้เถิด..ข้าจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้แก่เจ้า..สะพานข้ามแม่น้ำ

    น่านถูกสร้างขึ้นเสร็จสิ้นเมื่อไร.งเจ้าจงเอาลูกธนูดอกกุหลาบดอกนั้นมาให้ข้า..แล้วข้าจะ

    พาเจ้าไปบนยอดเขาสูงเพื่อสู้กับดวงอาทิตย์กับข้า

    ............................หวังว่าเจ้าคงจำแนวคิดบนยอดเขาสูงที่ข้าแจงให้เจ้าฟังยามเจ้า

    เมาเหล้าได้นะ...จงรักษาลูกธนูดอกกุหลาบไว้ให้ดี เพราะมันคือ สิ่งแรกที่ข้าให้เจ้า คือ คำ

    มั่นสัญญา"

    ....................ปลัดปักษ์อ่านจดหมายของเมืองก็คิดไตร่ตรองดู..เขารู้สึกว่า "สายพิณ

    กับปลัดเมืองมีอะไรที่น่าจะผูกพันกัน"...ปลัดปักษ์พิจารณาดูข้อความแรก..จดหมายของ

    ปลัดเมืองบ่งบอกถึง"ความแน่นอนอยู่ที่จะไปฝั่งตะวันออก..ด้วยมีธุระด่วน" และ มี

    ข้อความที่สองที่บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนคือ "บางทีข้าอาจจะไปหาความหมายของ

    ชีวิตข้าที่เมืองพม่า"

    ....................ปลัดปักษ์นั่งไล่ความคิดไตร่ตรองพฤติกรรมของเมือง..ด้วยพฤติกรรม

    ของเขาครั้งหนึ่ง "ในช่วงเวลาที่ปลัดปักษ์พบปลัดเมืองตอนที่ปลัดปักษ์ปลอมเป็นคนเลี้ยง

    วัว...เขาเห็นตอนที่ปลัดเมืองนอนในท่านั่งพิงต้นไม้โดยที่เข่าขวาตั้งชันขึ้นเอาเท้าขวา

    เหยียบพื้นดิน..และขาซ้ายเหยียดยาวขนานพื้นดิน..อันเป็นท่านอนที่เหมือนคนที่ฝืนตัวเอง

    ไม่อยากจะหลับแต่ต้องหลับไปเพราะความง่วงและอ่อนเพลีย นั่นคือ "ลักษณะของความ

    ไม่แน่นอน"...

    .....................ปลัดปักษ์จึงเอาพฤติกรรมลักษณะของ"ความไม่แน่นอน"ของปลัด

    เมืองมาเปรียบเทียบกับข้อความในจดหมายทั้งสองประโยคว่า..ปลัดเมือง"จะเลือกกลับฝั่ง

    ตะวันออก" หรือ "จะเลือกไปหาความหมายของชีวิตที่พม่า"

    .....................ปลัดปักษ์มีความรู้สึกว่า "ปลัดเมืองหากมีเรื่องค้างคาใจแล้ว..เขาจะ

    ต้องเลือกที่จะสะสางก่อนเป็นอันดับแรก" และคำว่า "บางที"ที่อยู่หน้าตัวเลือกที่สองคือ

    "คำที่ไม่แน่นอน"....ดังนั้น ปลัดปักษ์จึงคิดเช่นเดียวกับสายพิณว่า.."ปลัดเมืองจะ

    ต้องไปพม่า"..ซึ่งเขาอ่านความคิดของปลัดเมืองได้ถูกต้องสถานการณ์หนึ่งแล้ว..

    .....................แล้ว "ความหมายของชีวิตเขาที่เมืองพม่า"มันคืออะไร..ปลัด

    ปักษ์คิดอย่างไม่ปล่อยวาง"แหวนปลอกมีดทองคำที่สายพิณสวมใส่อยู่ที่นิ้วนาง

    ข้างซ้าย" ปลัดปักษ์ชำเรืองมอง...ด้วยประโยคในจดหมายอธิบายว่า"ทำจาก

    เมืองพม่า" ...เขาคิดว่า "ปลัดเมืองเอาแหวนวงนี้มาได้อย่างไร"..แต่ก่อนที่ปลัด

    ปักษ์จะคิดสิ่งใดต่อ..เขาถามสายพิณว่า

    .........................."แนวคิดบนยอดเขาสูงที่ปลัดเมืองบอกเจ้าคือถ้อยคำใด"

    ....................คำถามนี้ทำให้สายใจซึ่งสงสัยและอยากรู้ตั้งแต่ตอนเปิดอ่าน

    จดหมายครั้งแรก..หันกลับมามองสายพิณน้องสาวของตน...เพื่อรอฟังเช่นเดียว

    กับปลัดปักษ์...ด้วยปลัดปักษ์คิดว่า "สิ่งที่สายพิณเอ่ยอาจนำพาเขาตามหาความ

    คิดเมืองจนพบ...และนำพาตัวเขาเองไปสู่ทางเลือกที่ถูกต้อง"...
     
  11. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................สายพิณจึงพูดแนวคิดของปลัดเมืองดังกล่าวให้ทั้งสองฟังอย่างตั้งใจ

    ............................"การครอบครองยึดถืออะไรด้วยมือมันช่างได้น้อยสิ่งนัก

    เหมือนกับที่ข้าถือได้เพียงขวดใบนี้....แต่การครอบครองยึดถืออะไรด้วยสายตาข้า

    สามารถครอบครองมันได้เท่าที่สายตาของข้าจะมองไปได้ไกลแสนไกลโดยไม่ต้อง

    แย่งชิงกับผู้ใด"

    ....................หลังจากฟังถ้อยคำดังกล่าว..ปลัดปักษ์และสายใจถึงกับทึ่งและนิ่ง

    อึ้งด้วยเห็นความจริงตามแนวคิดของปลัดเมือง

    ....................ปลัดปักษ์แหงนมองขึ้นฟ้าแล้วรำพึงรำพันอย่างแผ่วเบา กับความเห็น

    ของถ้อยคำที่เป็นแนวคิดของปลัดเมือง

    ............................"เขาช่างมองโลกได้กว้างไกลและถูกต้อง..อีกทั้งมองและ

    คิดได้ไกลกว่าข้านัก"

    ....................ปลัดปักษ์หันกลับมาจ้องสายพิณแล้วเอ่ยถาม

    ............................"ขวดแก้วใบนั้นเป็นขวดรูปทรงมะม่วงเจ้าเคยจับต้องใช่

    ไหม...ข้าอยากถามเจ้าตอนที่เจ้าจับมัน มันเป็นขวดแก้วเช่นใด"

    ............................"ข้ารู้สึกว่ามันค่อนข้างมีน้ำหนักกว่าขวดธรรมดา..แล้ว

    รู้สึกว่าเวลาที่ข้าดื่มเหล้าที่อยู่ในขวดนั้นเหมือนน้ำเหล้าจะไหลออกมาสองช่อง

    ทาง...ท่านถามทำไมหรือ"

    ............................."ข้ารู้สึกว่าจะต้องมีอะไรเกี่ยวกับขวดแก้วทรงมะม่วงใบ

    นั้น...เพราะว่ากองกำลังพม่าต้องการมันจากปลัดเมืองมาก.......ถึงกับดวลธนู

    ประลองยุทธกันเพื่อขวดใบนั้นทีเดียว"

    ............................."แล้วท่านเห็นเหตุการณ์ตอนที่เขาดวลธนูกันไหม"

    ............................."ข้าเห็นมากับตาทั้งสองข้างของข้าเลย..มันคือการดวล

    ธนูที่สุดยอดบนแผ่นดินสยาม..ข้าไม่รู้ว่าปลัดเมืองไปฝึกการยิงธนูมาจากไหน...

    ตอนที่เขายิงธนูให้ข้าดูตอนข้าปลอมเป็นคนเลี้ยงวัว..เขายิงธนูไม่ได้เรื่องเอาเสีย

    เลย......แต่เพียงไม่กี่เดือนเขาเหมือนจอมขมังธนู..ฝีมือของเขาและความบ้าระห่ำ

    ของเขากับฝ่ายตรงข้าม...ข้าดูแล้วคงไม่มีผู้ใดเทียบพวกเขาทั้งคู่ได้เลย"

    .....................หลังจากพูดคุยกันอีกไม่นานสายใจและสายพิณได้กลับไป...โดยปลัด

    ปักษ์บอกให้สายใจบอกกัมพูให้คัดลอกแผนที่เมืองน่านฝั่งตะวันออกที่ส่งเจ้าเมืองไปแล้ว..

    ให้นำมาให้เขา

    .....................ปลัดปักษ์ได้อ่านหนังสือที่สายพิณนำมาให้อ่าน...และคิดอะไรบางสิ่ง

    บางอย่างอย่างขมักเขม้น...เขาเปิดหนังสือที่เมืองเคยอ่านและคิดตาม...เขาพบหนังสือ

    หน้าหนึ่งที่ถูกพับไว้ที่มุมและพบรอยยับ...เหมือนกับการเปิดอ่านดูในหน้านี้อย่าง

    หลายครั้ง..."มันจะต้องมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับปลัดเมือง..เขาจึงพิจารณาหนังสือหน้า

    นั้นอย่างพินิจพิจารณา".....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  12. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ยามเย็นกัมพูควบม้ามาพบปลัดปักษ์ที่วัดร้าง.......ตามที่สายใจ

    บอกโดยนำแผนที่เมืองน่านฝั่งตะวันออก...ที่ตนเองคัดลอกติดตัวมาด้วย

    ....................ปลัดปักษ์กางแผนที่ออกดู..เขารู้สึกชื่นชมกัมพูที่ทำแผนที่ตามคำสั่ง

    ของเขาค่อนข้างละเอียด...ปลัดปักษ์บอกกัมพูว่า "มีกองกำลังพม่าบุกเข้ามาในเขตแดน

    ฝั่งตะวันออก..และเอหม่องหัวหน้ากองกำลังพม่าเป็นคนฆ่าบุญมี"....ปลัดปักษ์กำชับกัมพู

    ว่า "ห้ามนำเรื่องนี้เปิดเผยต่อผู้ใด....และห้ามบอกผู้ใดโดยเฉพาะเจ้าเมืองน่านว่า ....เขา

    กลับมาฝั่งตะวันตกแล้ว"

    .....................ปลัดปักษ์มองดูแผนที่ตำแหน่งเขตชายแดนที่ติดกับเมืองลาว..เขา

    พิจารณาดูพื้นที่ที่มีทั้งเทือกเขาและพื้นที่ราบ..อีกทั้งป่าไม้..เขาคิดอะไรบางอย่างออกได้

    อย่างหนึ่ง

    ......................ต่อมาปลัดปักษ์ได้พิจารณาดูตำแหน่งบ้านของขุนทัพและที่ดินที่ปลูก

    บ้าน..โดยเฉพาะตำแหน่งสวนผลไม้และต้นไม้ต่าง ๆ บริเวณหลังบ้านขุนทัพ..เขาคิดว่า

    "เขาควรไปสังเกตการณ์อะไรบางอย่างที่บ้านขุนทัพโดยหลบซ่อนตัวที่สวนผลไม้แห่งนี้"

    ......................ปลัดปักษ์คิดว่า "พวกเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันออก ยังต้องสาละวนอยู่กับ

    การขับไล่กองกำลังพม่าอย่างแน่นอน...ปลัดปักษ์คาใจตรงที่ทำไมพวกเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวัน

    ออกไม่ยอมขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันตกเลย..ทั้งที่รู้ว่ากองกำลังพม่ามากขนาดนั้น..

    พวกเขาไม่สามารถขับไล่ออกไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน..

    ......................ปลัดปักษ์นัดแนะกับกัมพูว่า .."เที่ยงคืนนี้เขาจะออกเดินทางไป

    สังเกตการณ์ที่บ้านขุนทัพ..โดยให้กัมพูไปกับเขาด้วย...ส่วนปลัดปักษ์จะกลับไป

    สอบถามอะไรบ่งอย่างกับขุนแสงพ่อของเขาในช่วงหัวค่ำ"..จากที่เขาคาใจหนังสือ

    เล่มนั้นในหน้าที่มีรอยพับและยับ..........เหมือนการที่ปลัดเมืองเปิดอ่านดูซ้ำแล้ว

    ซ้ำอีก....
     
  13. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ....................ตอนหัวค่ำคืนนั้น..ปลัดปักษ์ลัดเลาะหลบซ่อนตัวกลับเข้าบ้าน..และ

    ถามขุนแสงพ่อของเขาทันทีก่อนที่จะเอ่ยสิ่งใดต่อไป

    ............................."พ่อ..พ่อเคยพบกับแม่สายฝนของปลัดเมืองไหม"

    ............................."เจ้าถามทำไม"

    ............................."ข้าอยากรู้ว่า ขุนทัพไปพบรักและแต่งงานกับแม่ปลัด

    เมืองได้อย่างไร"

    ............................."เขาพบกันที่เมืองเชียงราย ตอนที่ขุนทัพไปประจำด่าน

    แม่สายชายแดนสยามกับพม่า"

    ............................."แม่ของเมืองมีกิริยาลักษณะท่าทางเช่นไร"

    ............................."นางเป็นหญิงงามดูสง่า..กิริยาวาจาเรียบร้อย..แววตา

    สวยงามและมีอำนาจ เดินองอาจเหมือนชายชาตรี..นางไม่ผิดกับลักษณะของปลัด

    เมืองลูกของนางเท่าใดนักหรอก"



    ....................ปลัดปักษ์ไม่ได้บอกสิ่งใดกับขุนแสงนอกจากกำชับว่า "อย่าบอกผู้ใดว่า

    เขากลับมาฝั่งตะวันตกแล้ว.."....

    ....................ปลัดปักษ์ควบม้ากลับมาที่วัดร้างตอนเที่ยงคืนยังจุดนัดพบกับกัมพู..

    แล้วทั้งคู่ก็หลบซ่อนตัวนำแพข้าแม่น้ำน่านไปยังฝั่งตะวันออกทันที

    ....................ปลัดปักษ์และกัมพูขี่ม้าเดินลัดเลาะไปยังสวนหลังบ้านของขุนทัพ..เขา

    ผูกม้าไว้กับต้นไม้ใหญ่..และเดินลัดเลาะไปสังเกตการณ์ที่ศาลาที่ทำงานของพวกเจ้าหน้าที่

    ฝั่งตะวันออก....

    ....................กัมพูเหลือบมองไปเห็นเจ้าหน้าที่ที่เป็นยามคนหนึ่ง..ซึ่งกำลังเหม่อมองดู

    ท้องฟ้า...เบื้องหน้ายามนั้นมีคบไฟส่องสว่างนวล ๆ ปะทะใบหน้ายามนั้น......มันช่างเป็น

    บรรยากาศยามหนาวที่โรแมนติกอะไรเช่นนั้น....คนที่กัมพูเห็นไม่ใช่ใครอื่น..เขาคือ

    "ผู้ชายหน้าสวยของกัมพู" ก็คือ "มุกผู้หญิงในร่างผู้ชายนั่นเอง" เนื่องจากกัมพูมีใจ

    ชอบมุกอยู่แล้ว....จึงหยุดมองดูนิ่ง.......ทำให้ปลัดปักษ์ต้องรีบสกิดให้กัมพูขยับตามไป

    สังเกตการณ์จุดอื่นต่อ...

    ............................."ไปได้หรือยัง..เจ้ามองอะไรเจ้ายามคนนั้นจังเลย"

    ............................."ข้ากำลังมองดูอารมณ์ของเจ้ายามคนนั้นว่า..ที่มันเหม่อมองดู

    ท้องฟ้ามันกำลังคิดอะไรของมันอยู่"

    ............................."แล้วเจ้าดูมันอยู่อย่างนี้เจ้าจะรู้ได้อย่างไร..เจ้ารู้จักมันหรือ"

    ............................."ปลัดมองดูให้ชัด ๆ สิ..ว่ามันคือใคร"

    ....................ปลัดเพ่งตามองก็รู้ว่า "ยามคนนั้นคือ มุกคนที่ส่งจดหมายของเจ้าเมือง

    เพื่อมีคำสั่งให้เขากลับฝั่งตะวันตก..มาให้เขาและหัวหน้าตำรวจ...ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้

    สกดรอยตามมุกไปจนพบพวกของขุนทัพ"..ปลัดปักษ์จึงเอ่ยขึ้น

    .............................."เจ้ามุกนั่นเอง..แล้วเจ้ามาสนใจอะไรมันจังเลย"

    .............................."ปลัดไม่สังเกตหรือว่า มันคือ ผู้ชายหน้าสวย"

    ............................."ก็ถูกของเจ้า..แต่เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าแอบชอบผู้ชายด้วยกัน"

    .............................."บ้าน่า..ปลัด...มันเป็นผู้หญิงต่างหาก"

    ..............................."หา"..........ปลัดปักษ์อุทานแล้วเอ่ยถามกัมพูต่อ

    ..............................."แล้วเจ้าไปรู้ว่ามุกมันเป็นหญิงได้อย่างไร"

    ..............................."ก็ข้าเคยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมันตอนที่มันชกต่อยข้า..

    รู้สึกว่าเนื้อตัวมันนุ่มนิ่มเหมือนกับผู้หญิง..แล้วบังเอิญหน้าของข้าไปชนกับผ้ารัด

    อกของมันจึงรู้ว่าใช่เลย"

    ....................ปลัดปักษ์ยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ฟังกัมพูเล่าเรื่องอย่างมีความสุข..แล้วจึง

    เอ่ยถาม

    ............................"แสดงว่าเจ้าแอบชอบเจ้ามุก...แต่เพราะมันแต่งตัวเป็นผู้ชาย..

    เจ้าเลยไม่แน่ใจว่า..มันจะชอบคนรักที่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายใช่ไหม"

    ....................กัมพูอ้าปากค้าง..มองหน้าปลัดปักษ์ที่..."เดาใจตนเองได้อย่างถูก

    ต้อง" พลางเอ่ยตอบ

    ............................."แหม...ปลัดช่างรู้ใจข้าจริง"

    ............................."ข้าว่าพอได้แล้ว..รีบไปทางด้านโน้นเถอะ" ปลัดปักษ์หัน

    มาสั่งกัมพูเสียงเข้ม...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  14. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................อีกฝากหนึ่งเป็นสวนผลไม้ที่มีเนื้อที่มาก..เป็นที่ฝังศพของเยยุ่น

    บิดาของที่หม่องและอันยา..คนที่ตะละแม่ส่งมาส่งข่าวให้กับขุนทัพและถูกเอหม่อง

    สังหาร..ปลัดเมืองได้นำศพกลับมา..และขุนทัพได้ฝังศพเขาไว้ในสวนพร้อมกับ

    เขียนป้ายสดุดีเยยุ่นไว้บนหลุมฝังศพว่า "เยยุ่นผู้ซื้อสัตย์"

    .....................ปลัดปักษ์และกัมพูหลบซ่อนลัดเลาะเข้ามาในพื้นที่สวน..อันเป็นที่ฝัง

    ศพของเยยุ่น....ปลัดปักษ์จุดไฟส่องดูพบป้ายเหนือหลุมศพและได้อ่านตัวหนังสือบนป้ายก็

    ให้รู้ว่าเป็นชื่อของ"ชาวพม่า"....ปลัดปักษ์สงสัยทันที"ทำไมศพชาวพม่าจึงมาแอบฝังอยู่

    ในที่นี้ได้"......ปลัดปักษ์และกัมพูจึงได้ไปหาจอบเสียมที่เพิงบริเวณที่เก็บเครื่องมือทำสวน

    ของขุนทัพเพื่อนำมาขุดหลุมดูศพ...

    ............................"ปลัดจะขุดศพนี้ขึ้นมาดูจริง ๆ หรือ" กัมพูถามอย่างไม่แน่ใจ

    ปนกริยาที่แสดงการคัดค้านไม่อยากให้ขุดศพ

    ............................"ถ้าเจ้าไม่ขุดมันขึ้นมาดู เจ้าจะสืบเรื่องราวได้อย่างไร"

    ............................"ปลัดจะสืบเรื่องอะไรกันแน่"

    ............................"ข้าอยากรู้อะไรบางอย่างที่ควรรู้..เพื่อการตัดสินใจอะไร

    บางอย่าง..เจ้าอย่าถามให้มากเรื่องเลยลงมือขุดเถอะ"

    .....................แล้วทั้งปลัดปักษ์กับกัมพูก็ลงมือใช้จอบและเสียมขุดศพของเยยุ่น..ซึ่ง

    อยู่ภายในโลงขึ้นมาจากหลุม...และงัดฝาโลงออกดู....กลิ่นซากศพลอยปะทะจมูก

    กัมพูถึงกับเบนหน้าหนี...ซึ่งผิดกับปลัดปักษ์ได้ใช้ไฟส่องดูโดยไม่มีท่าทีรังเกลียด

    เหมือนกับเขาต้องการตรวจดูอะไรบางอย่าง..พลางเอ่ยขึ้นบอกกับกัมพู

    ............................"ศพเจ้าพม่านี้เน่าและแห้งมานาน........เขาน่าจะตายมา

    ประมาณในช่วงกลางฤดูร้อนที่ผ่านมา..ไม่ใช่ศพที่ฝังเป็นแรมปี...เขาถูกยิงตาย..

    และน่าจะตายก่อนบุญมีตายได้ไม่นานเท่าไร"

    ............................"แสดงว่าพวกพม่าได้เข้ามาในเขตฝั่งตะวันออกในช่วง

    กลางฤดูร้อน"

    ............................"ใช่ ..ข้าคิดว่าพม่าคนนี้ไม่ใช่ศัตรูของขุนทัพและปลัด

    เมือง..ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการฝังศพเขาอย่างดีและเขียนป้ายสดุดีไว้ที่นี่"

    ............................"ปลัดคิดว่า..เจ้าพม่าคนนี้เข้ามาทำไม"

    ............................"ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด...และลำดับเหตุการณ์ได้ถูกต้อง

    ตามหนังสือเล่มนั้นที่ปลัดเมืองอ่าน...และจากจดหมายที่เขียนถึงสายพิณ..พม่า

    คนนี้ต้องเป็นคนที่นำข่าวคราวบางอย่างมาบอกแก่ขุนทัพ"

    ....................ปลัดปักษ์เริ่มคิดบางสิ่งบางอย่างออกอย่างชัดเจนขึ้น..จึงได้บอก

    กัมพูฝังศพไว้ตามเดิม..และเดินทางกลับไปฝั่งตะวันตก....
     
  15. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ยามเช้าปลัดปักษ์พร้อมด้วยกัมพูแต่งตัวอย่างงามสง่ามาที่จวน

    เจ้าเมืองน่าน...เพื่อขอพบเจ้าเมือง..เจ้าหน้าที่เข้าไปรายงานเจ้าเมืองน่าน..เจ้า

    เมืองอนุญาตทันที...ปลัดปักษ์จึงบอกให้กัมพูรออยู่ข้างนอกก่อน..

    .....................ปลัดปักษ์พบเจ้าเมืองน่านจึงเอ่ยรายงานทันที

    ............................."ใต้เท้าขอรับ..ข้าน้อยมารายงานเหตุการณ์บางอย่างเพื่อ

    ปรึกษาใต้เท้า..และขออภัยที่ขัดคำสั่งไม่ยอมกลับมาพร้อมกับร.ต.ต.เวียงหัวหน้าตำรวจ"

    ............................."ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นคนมีเหตุผล..และถ้าเจ้าลงได้แคลงใจ

    อะไรบางอย่างแล้ว..ก็จะวุ่นวายอยู่กับมันไม่จบสิ้น..ข้าจึงไม่อยากถือสาเจ้าเพราะเรื่องขัด

    คำสั่งของข้า..ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของเจ้า"

    ............................."ขอรับใต้เท้า...ใต้เท้ากล่าวถูกต้อง" ปลัดปักษ์ยอมรับอย่าง

    สดุดีแล้วเอ่ยต่อ............"ใต้เท้าขอรับ...เจ้ามุกเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันออกรายงานใต้เท้า

    ว่า..ฝั่งตะวันออกมีโจรป่าบุกรุกเข้ามา..แล้วพวกขุนทัพกับปลัดเมือง..กำลังหาทางกำจัด

    หรือขับไล่อยู่นั้น....ข้าน้อยได้สืบเรื่องราวบางอย่างค่อนข้างกระจ่างชัด...แต่อยากให้ใต้

    เท้ารับรู้เพียงผู้เดียว..เพื่อให้ใต้เท้าพิจารณาตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรต่อไปขอรับ"

    .............................."เรื่องราวมันเป็นอย่างไรหรือ"

    .............................."มีกองกำลังพม่ากลุ่มหนึ่งบุกรุกเข้ามาในแผ่นดินสยาม

    ที่เมืองน่านฝั่งตะวันออก...พวกมันเดินทางลัดเลาะมาทางฝั่งประเทศลาว..แล้วเข้า

    มายังชายแดนของเรานะขอรับ"

    .....................คำพูดของปลัดปักษ์ทำให้เจ้าเมืองน่านสงบนิ่ง..แต่รู้สึกได้ถึง

    ความเคลื่อนไหวภายในจิตใจของท่านเจ้าเมือง..โดยที่ท่านลดสายตาจากที่มอง

    ปลัดปักษ์อยู่แล้วมองลงบนโต๊ะทำงาน...พร้อมกับรอยย่นบนหน้าผากของท่านเจ้า

    เมืองมีอาการขยับเขยื้อน...อันแสดงว่าท่านเจ้าเมืองกำลังขบคิดบางสิ่ง

    บางอย่างอย่างหนัก....

    ....................เจ้าเมืองน่านเงยหน้าขึ้นสบตากับปลัดปักษ์แล้วเอ่ยต่อ

    ............................."เจ้ารายงานต่อไปสิ"

    ............................."ขอรับใต้เท้า...มีบางสิ่งบางอย่างที่พวกมันต้องการจาก

    ปลัดเมือง...เป็นขวดแก้วใบหนึ่งรูปทรงคล้ายผลมะม่วง..พวกมันต้องการชิงกลับ

    ไปเมืองพม่า"

    .............................."ทำไมหรือ...และขวดใบนั้นมีความสำคัญอย่างไร"

    .............................."ข้าน้อยคิดว่า..ไม่เพียงแต่ขวดเท่านั้น..พวกมันยัง

    หมายเอาชีวิตปลัดเมืองด้วย"

    ....................เจ้าเมืองมองหน้าปลัดปักษ์ตาไม่กระพริบเหมือนเร่งให้ปลัดปักษ์

    พูดต่อ..

    .............................."ข้าน้อยทราบมาว่า..ปลัดเมืองเคยข้ามมาที่ฝั่งตะวันตก

    และขอให้คุณหนูสายพิณหาหนังสือเกี่ยวกับประวัติราชวงศ์พม่า..ความเกี่ยวพัน

    ระหว่างสยามกับพม่า..และข้อตกลงของอังกฤษกับพม่าที่ห้ามพม่ารุกรายแดน

    สยาม............ข้าน้อยได้อ่านหนังสือเหล่านั้นเพื่อเดินตามหาความคิดของเขา

    ว่า..เขากำลังคิดอะไรอยู่และจะกระทำสิ่งใด...ก็พบว่ามีหนังสือหน้าหนึ่งที่มีรอยยับ

    เหมือนกับเขาพยายามอ่านแล้วอ่านอีก..เพื่อทำความเข้าใจกับตัวหนังสือหน้านั้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  16. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    ............................"หนังสือหน้านั้นมีข้อความอะไรสำคัญหรือ"

    ............................"หนังสือนั้นบอกว่า........หลังจากที่พระเจ้าจักกายแมง

    สวรรคตไปแล้ว..สาวน้อยนางหนึ่งที่อยู่ลุ่มน้ำสาละวินเคยถูกถวายตัวไปเป็นนาง

    สนมของเจ้าชายพระองค์หนึ่งที่สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าจักกายแมง..ซึ่งไม่ใช่

    เชื้อสายของไทยใหญ่ฝ่ายพระเจ้าสีปอกษัตริย์องค์สุดท้าย......เหตุที่พระเจ้าสีปอ

    ของราชวงศ์ไทยใหญ่ได้ครองราชย์ก็เพราะอังกฤษต่อต้านมิให้เชื้อสายพม่าโดย

    ตรงขึ้นครองราชย์...ทั้งนี้เพื่อต้องการให้พม่าแตกกันรวมตัวกันไม่ติด..ทำให้ไม่มี

    กองกำลังรบเพื่อให้คืนสู่อิสรภาพจากอังกฤษ พวกข้าราชบริพารต่างก็แย่งชิงกัน

    เป็นใหญ่ ..ผู้ใดเข้ากับฝ่ายอังกฤษได้จะได้เติบใหญ่

    ...........................ราชธิดาพระองค์เล็กผู้เลอโฉมอยู่ในวัย 15 พรรษา ผู้ที่เกิด

    จากสายน้อยแห่งลุ่มน้ำสาละวินกับองค์ชายน้อยผู้เป็นพระนัดดา(หลาน)ของพระ

    เจ้าจักกายแมง ในปี พ.ศ.2437 ..ได้ถูกราชบุตรต่างมารดาองค์โตนำพาหลบหนี

    จากราชวังกลับคืนสู่ถิ่นแดนของพระมารดาลุ่มน้ำสาละวิน........."ราชาวดี" คือ

    "พระนามของพระนาง"..."

    ............................"แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร ที่เกี่ยวกับเขา"

    ............................"หลังจากที่เขาอ่านหนังสือเหล่านี้เสร็จสิ้น........เขาเขียน

    จดหมายบอกคุณหนูสายพิณว่า..บางทีเขาอาจจะไปหาความหมายชีวิตของเขาที่

    เมืองพม่า"




    ....................ปลัดปักษ์หยุดถอนหายใจ..พร้อมกับลดสายตาที่สบตากับท่าน

    เจ้าเมืองลงเล็กน้อย....แล้วจึงเหลือบตาขึ้นจ้องมองท่านเจ้าเมืองอีกครั้งพร้อม

    รายงานต่อ...

    ............................"ข้าน้อยคิดว่า ปลัดเมืองเป็นลูกชายของพระนางราชาวดี

    แห่งลุ่มน้ำสาละวิน"




    ....................สิ้นคำพูดของปลัดปักษ์.."เจ้าเมืองน่านหยุดนิ่งอย่างไม่ไหวติง"..

    เหมือนกับมีอะไรบางสิ่งบางอย่าง.......เข้าไปกระแทกหัวใจของเจ้าเมืองน่านให้

    ช็อคชั่วขณะ

    ....................เจ้าเมืองน่านพยายามรวบรวมสติให้กลับคืนมา..แล้วเอ่ยถาม

    ความเห็นของปลัดปักษ์เพื่อหยุดเรื่องเล่าไว้ชั่วขณะ

    ............................"เจ้ากำลังหมายความว่า..สายฝนภริยาของขุนทัพที่เข้า

    เรือนกันที่ชายแดนแม่สาย คือ พระนางราชาวดีหรือ"

    ............................"ใช่ขอรับ...พระนางใช่ชื่อไทยว่า "สายฝน" และพระนาง

    ได้กลับไปรวบรวมกำลังคนที่ลุ่มน้ำสาละวินเพื่อต่อสู้กับ......กองกำลังพม่าอีกฝ่าย

    หนึ่ง...และกองกำลังอังกฤษอีกฝ่ายหนึ่ง..........เรื่องราวทั้งหมดพิสูจน์ให้เห็นว่า

    ขุนทัพกับพวกเขาตอนอยู่ชายแดนแม่สาย..........กระทำผิดหน้าที่ตั้งแต่อยู่ด่าน

    แม่สาย...คือ ไม่ยอมผลักดันขับไล่นางที่อพยพหนีภัยมาที่ชายแดนของเรากลับ

    ไป......แต่ยังรับนางไว้และอยู่กินกับนางฉันสามีภริยา.......จนเกิดบุตรชาย คือ

    ปลัดเมือง..

    ............................ดังนั้น พวกเขาจึงต้องปกปิดเรื่องกองกำลังพม่าบุกรุกเข้า

    มาในเมืองน่านฝั่งตะวันออก..เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถสืบสาวเรื่องราวไป

    ยังความผิดของขุนทัพและทหารที่อยู่ด่านแม่สายในอดีตได้....

    ............................ข้าน้อยคิดว่า ..ปลัดเมืองเพิ่งจะรู้ว่า แม่ของเขา คือ พระ

    นางราชาวดี เป็นชาวพม่า..เมื่อมีคนพม่าคนหนึ่งที่ชื่อ "เยยุ่น" พยายามมาส่งข่าว

    พวกเขาเมื่อช่วงกลางฤดูร้อนที่ผ่านมา......ข้าน้อยไปพบหลุมศพของเยยุ่นในสวน

    บ้านของขุนทัพ......

    ............................และข้าน้อยคิดว่าบุญมีติดตามหากัมพูที่ฝั่งตะวันออกไป

    พบพวกกองกำลังพม่าโดยบังเอิญ...พวกนั้นต้องการปิดปากเขาไว้เพื่อไม่ให้มา

    แจ้งข่าวบอกพวกเรา..จึงฆ่าบุญมีเสีย.....

    .............................ปลัดเมืองต้องการค้นหาตนเองว่า เขาคือใคร....จึงให้คุณ

    หนูสายพิณค้นหาหนังสือเกี่ยวกับพม่ามาให้อ่าน.....และเขาคงจะเดินทางไปลุ่มน้ำ

    สาละวินและรู้เรื่องราวบางอย่างแล้ว.......เขาจึงกลับมาและต่อสู้กับกองกำลังพม่า

    โดยไม่ยอมพึ่งกำลังจากฝั่งเรา........แต่เขาไปขอความช่วยเหลือจากชาวเขาเผ่า

    ต่าง ๆ มาช่วยรบกับกองกำลังพม่า"

    ............................"แล้วเจ้าคิดจะทำเช่นไร"

    ............................"เดิมทีข้าน้อยคิดจะทำตามหลักการของหน้าที่......ขอให้

    ท่านเจ้าเมืองรายงานไปยังเมืองหลวง...เฉพาะเรื่องกองกำลังพม่าบุกรุกเมืองน่าน

    ตามหน้าที่..และให้เมืองหลวงแจ้งไปยังฑูตอังกฤษถึงการละเมิดสัญญาของพม่าที่

    รุกรานแดนเรา..หใองกฤษมาจัดการกับเมืองขึ้นของเขาเอง.....

    .............................แต่ข้าน้อยเปลี่ยนใจจะขอจัดการเรื่องนี้เอง..เพราะหามี

    การสืบสาวราวเรื่องว่า กองกำลังพม่าบุกรุกมาเพราะเหตุใด..ต้องมีผลกระทบไป

    ยังขุนทัพและปลัดเมืองแน่นอน...ทั้งนี้เพื่อให้ใต้เท้าได้มีเวลาพิจารณาตัดสินใจว่า

    "จะช่วยเหลือขุนทัพกับปลัดเมืองหรือไม่"..."

    ............................"การกระทำของเจ้า เจ้าเป็นคนเลือกให้ข้าแล้วไม่ใช่หรือ"

    ............................"หามิได้ขอรับ...ข้าน้อยเพียงแต่รอเวลาทำการบางอย่าง

    ...แต่อยากขอให้ใต้เท้ามีหนังสือเรียกปลัดเมืองให้มาช่วยราชการที่ฝั่ง...........

    ตะวันตกชั่วคราวแทนข้าน้อย...และมีคำสั่งให้ข้าน้อยไปช่วยราชการที่ฝั่งตะวัน

    ออกแทนปลัดเมืองนะขอรับ"

    ............................."ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้น..แล้วเจ้าจะจัดการอย่างไร"

    ............................."เพราะกองกำลังพม่าต้องการตัวปลัดเมืองและขวดใบ

    นั้น....เราต้องซ่อนตัวปลัดเมืองไว้ที่ฝั่งนี้.......ส่วนฝั่งตะวันออกข้าน้อยขอศึกษา

    แผนที่ของกัมพูให้ละเอียดเพื่อจำดำเนินการ......แล้วข้าน้อยจะรายงานให้ใต้เท้า

    ทราบภายหลัง"

    ....................เจ้าเมืองน่านนั่งขบคิดหลังจากได้เขียนหนังสือสั่งการตามคำแนะ

    นำของปลัดปักษ์ ...ส่งมอบให้ปลัดปักษ์รีบไปแจ้งยังปลัดเมือง.........เจ้าเมืองน่าน

    ขบคิดว่า...... "เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เหลือเกินมีผลกระทบหลายอย่าง...หากขุนทัพ

    ได้แจ้งความผิดที่ตนเองก่อไว้..และยอมรับผิด..เขากับทหารที่อยู่ด่านแม่สาย..คง

    ต้องรับโทษอย่างหนัก..........และในส่วนของเจ้าเมืองน่านอาจต้องมีความผิด.....

    ที่ไม่รายงานเรื่องราวให้เมืองหลวงทราบ......"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2011
  17. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ปลัดปักษ์เร่งเดินทางไปพบปลัดเมืองยังฝั่งตะวันออก...เพื่อนำ

    หนังสือของเจ้าเมืองน่านไปส่ง.........เพื่อให้ปลัดเมืองเดินทางไปช่วยราชการที่

    ฝั่งตะวันตก....

    .....................ปลัดปักษ์ได้พากัมพูไปด้วยและได้แวะแจ้งข่าวแก่ขุนทัพว่า...."เจ้า

    เมืองน่านมีคำสั่งให้ปลัดเมืองไปช่วยราชการที่ฝั่งตะวันตกแทนเขา...ส่วนเขาได้รับคำสั่ง

    ให้มาช่วยราชการที่ฝั่งตะวันออกแทนปลัดเมือง".....ปลัดปักษ์ได้ให้กัมพูรออยู่ทึ่ทำการฝั่ง

    ตะวันออกบ้านขุนทัพ.....เพื่อรอรับปลัดเมือง......พร้อมทั้งให้กัมพูกลับไปเป็นผู้ช่วยปลัด

    เมืองที่ฝั่งตะวันตก....

    .....................ปลัดปักษ์คาดการณ์ตำแหน่งที่ปลัดเมืองตรวจตราอยู่จนพบ...เขาจึง

    นำหนังสือแจ้งคำสั่งของเจ้าเมืองน่านที่ให้ปลัดเมืองไปช่วยราชการฝั่งตะวันตกทันทีที่รับ

    หนังสือ ปลัดเมืองจึงเอ่ยกับปลัดปักษ์ว่า

    ......................."ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะลองปัญญาแก้ปัญหากับเจ้าพวกบุกรุกนี้"

    ......................."เจ้าพูดถูก ข้าคิดว่าข้ามีทาง"

    ......................."ข้าคิดว่าเจ้าคงเลือกทาง..ไม่ต่างจากข้านัก"

    ......................."เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าต้องเลือกตามเจ้า..และข้าเองก็

    เห็นใจที่เจ้าต้องแบกอะไรหลายอย่างไว้"

    .....................เมืองยกขวดแก้วขึ้นดื่มเหล้า..แล้วจึงเอ่ย

    ............................"เจ้ามีวิธีจัดการเจ้าพวกนั้นอย่างไร"

    ............................"ข้าจะไม่ใช้วิธีบุกขับไล่มันเช่นเจ้า..แต่ข้าจะใช้วิธีตั้งรับ"

    ............................"ตั้งรับอย่างไร"

    ............................"ข้าคิดว่ากองกำลังพม่า....มันจะไม่บุกเข้ามาเป็นกอง

    กำลังจำนวนมาก..มันจะต้องแบ่งคนเป็นจำนวนน้อยแยกย้ายกันทำงาน...เพื่อ

    สอดแทรกเข้ามาถึงตัวเจ้าเพื่อชิงขวดใบนั้น.....ดังนั้น ความสำคัญอยู่ที่เจ้าจะต้อง

    ข้ามฝากไปอยู่ฝั่งตะวันตกโดยเร็ว.......

    .............................ส่วนข้าจะกลับไปนำกองกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝั่ง

    ตะวันออกและฝั่งตะวันตกแยกย้ายกันตั้งด่านสกัดเป็นแนวยาวหน้ากระดาน...ห่าง

    กันด่านละ 100 เมตร โดยที่ด่านที่ข้าตั้งไว้จะอยู่ทางทิศตะวันออกห่างจากหมู่บ้าน

    ราว 3 กิโลเมตร......ส่วนระหว่างด่านที่ห่างกัน..ข้าจะให้เจ้าหน้าที่เดินยามตรวจ

    ตราตลอด..เพื่อสกัดกั้นไม่ให้พวกมันแทรกแซงเข้าหมู่บ้านได้...และเมื่อพบพวก

    มันเมื่อไรเราจะจับมันไว้..แต่ถ้ามันไม่ยอมก็จำเป็นต้องฆ่าทิ้ง..จนกว่าพวกมันจะ

    ล่าถอยกลับไป"

    ....................เมืองสงบนิ่งและมองหน้าปลัดปักษ์...ก็เห็นแววตาที่จริงจังและ

    พร้อมจะทุ่มเทเพื่องานนี้...เขาจึงหันหลังให้ปลัดปักษ์และชักม้าเดินจากไปช้า ๆ

    ....................ปลัดปักษ์จึงตะโกนตามหลังไปว่า

    ............................"กัมพูมันรอเจ้าอยู่ที่บ้านขุนทัพแล้ว จงพามันกลับไป

    ด้วย"...



    ....................ปลัดเมืองถือคำสั่งของเจ้าเมืองน่านที่ปลัดปักษ์นำมาให้เดินทางไปหา

    กัมพูที่บ้านขุนทัพอันเป็นที่ทำการของเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันออก...ปลัดเมืองได้สั่งเจ้าหน้าที่

    ตะวันออก..ให้เชื่อฟังและแผนการณ์ของปลัดปักษ์อย่างเคร่งครัด...ก่อนเดินทางเขาได้

    บอกแก่ขุนทัพว่า...ปลัดปักษ์เป็นนักคิดที่ฉลาดและรอบคอบอาจแก้สถานการณ์ได้
     
  18. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .......ตอนที่ 64 วิถีชีวิตฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน.....


    .....................ปลัดเมืองเดินทางข้ามฟากไปยังฝั่งตะวันตกพร้อมกัมพูและเข้า

    หาเจ้าเมืองน่านทันทีในช่วงเย็นของวันนั้น...เจ้าเมืองน่านมองดูเขาด้วยความ

    เมตตาแล้วจึงเอ่ยขึ้น

    ............................"มาแล้วหรือ..เจ้าคงหนักใจไม่น้อย"

    ............................"ขอรับใต้เท้า"

    ............................"เจ้าจงอยู่ทำงานที่นี่สักระยะหนึ่งก่อน ปล่อยให้ปลัดปักษ์เขา

    แก้สถานการณ์ดูบ้าง"

    ............................"ทำไมใต้เท้าจึงไม่รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเมืองหลวง

    เสียเลยละขอรับ"

    ............................"ข้าต้องทราบความเป็นมาโดยละเอียดก่อน..บางที่การ

    รายงานไปเช่นนั้นอาจกระทบถึงพ่อของเจ้าและตัวเจ้าเอง"

    ....................เมืองลดสายตาลงต่ำ..แล้วมองสบตากับเจ้าเมืองพลางเอ่ยขึ้น

    ............................"ข้าน้อยปิดบังบางสิ่งบางอย่างต่อใต้เท้า"

    ............................"เรื่องนั้น..ถ้าเจ้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยก็จงเก็บมันเอา

    ไว้เถิด"

    ............................"ขอรับใต้เท้า"

    ............................"ข้าจะให้คนจัดที่พักให้แก่เจ้า"

    .....................เจ้าเมืองให้คนใช้จัดเรือนรับรองซึ่งอยู่ห่างจากจวนเจ้าเมืองประมาณ

    100 เมตรซึ่งใกล้กับที่พักของกัมพู..ดังนั้น การเรียกหากัมพูเพื่อใช้งานจึงเป็นเรื่องไม่ยาก

    สำหรับปลัดเมือง.....
     
  19. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................รุ่งเช้า..สายพิณควบม้ามาหาปลัดเมืองที่บ้านพัก ..โดยทราบจากเจ้า

    เมืองน่านว่า "ปลัดเมืองได้มาช่วยราชการแทนปลัดปักษ์ซึ่งไปทำหน้าที่อยู่ฝั่งตะวันออก"

    .....................เมืองนั่งบนหลังม้า...โดยมีกัมพูนั่งบนหลังม้าอยู่เคียงข้างเช่นกัน..เขา

    มีสีหน้าแจ่มใสเบิกบาน......คงเพราะสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เขาได้รับรู้ไม่เหมือนกับฝั่งตะวัน

    ออกที่ต้องแบกภาระหนักหลายอย่าง.....

    ............................."ปลัดเมือง..เจ้ากำลังจะออกไปไหน" เสียงสายพิณส่ง

    เสียงอยู่ด้านหลัง...จนผู้ถูกเรียกต้องหันกลับพร้อมกับแย้มยิ้มอย่างดีใจ

    ............................."ข้ากำลังจะไปตรวจตราดูท้องที่ที่ข้าต้องรับผิดชอบแทนปลัด

    ปักษ์...กับกัมพู"

    ............................."ข้าไปด้วย" สายพิณพูดด้วยสีหน้าระรื่น

    ............."คุณหนูจะไปทำไม..ที่ข้าจะพาปลัดเมืองไปคือที่ต้มเหล้าป่า" กัมพูแย้ง

    ............................."ต้มเหล้าป่าหรือ" สายพิณทวนคำ

    ............................."ใช่..ข้าอยากชิมรสชาดของเหล้าฝั่งตะวันตก..และใส่ขวดแก้ว

    ไว้กินแก้อยาก" เมืองตอบรับยืนยันคำพูดของกัมพู

    ............................."ดี..ข้ากำลังอยากกินเหล้ากับเจ้าอยู่พอดี..กัมพูนำทาง

    ได้แล้ว"

    .....................กัมพูมองหน้าสายพิณแล้วทำท่าแปลกใจ..ที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า สาย

    พิณดื่มเหล้าเป็น..พลางเอ่ยถาม..."คุณหนูไปหัดดื่มเหล้ามาแต่ไหนครับ"

    ............................."ฮะ ฮ่า..ถามนายใหม่ของเจ้าดูซิ" สายพิณพูดพร้อม

    กับชำเรืองไปที่เมือง...กัมพูมองตามก็เห็นรอยยิ้มของปลัดเมืองพร้อมกับการเอ่ย

    ............................."เจ้ามันคออ่อน..กินเป็นแต่เหล้าผสมน้ำผึ้งที่มันมีรส

    หวาน..แต่ถ้าเจ้าดื่มเหล้าที่กัมพูจะพาข้าไป..เจ้ากลับบ้านไม่ถูกแน่"

    .............................."ปลัดเมือง..เจ้าอย่าดูถูกคนอย่างข้านะ..นำทางไปได้

    แล้ว" สายพิณเถียงอย่างอารมณ์ดี

    .....................กัมพูควบม้านำหน้าโดยมีปลัดเมืองและสายพิณตามหลัง...มุ่งหน้าไป

    ทางทิศตะวันตกของเมืองน่าน..ซึ่งผ่านทุ่งนาอันเขียวขจีพร้อมกับป่าใหญ่ที่ดูร่มรื่น..ดูแล้ว

    ไม่แตกต่างจากพื้นที่ฝั่งตะวันออกมากนักตามความคิดของปลัดเมือง....

    ......................กัมพูนำทางมาถึงบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านทรงไทยโบราณใต้ถุนสูง..มี

    ลานหน้าบ้านพร้อมต้นไม้ใหญ่และแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น....

    ......................"ลุงทำ"ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านวัยเดียวกับขุนทัพ..เห็นหน้าคนนำหน้าก็

    ร้องเรียกทันที............."เจ้ากัมพู..เอ็งหายหน้าหายตาไปไหนมาว่ะ"

    ............................"ข้าไปอยู่ฝั่งตะวันออก..ทำงานให้ปลัดปักษ์น่ะ"

    ............................"แล้วปลัดปักษ์ ไม่มาด้วยหรือ..แล้วเจ้าพาใครมา"

    ............................"ปลัดเมืองเจ้าหน้าที่ฝั่งตะวันออก..เขามาทำหน้าที่แทนปลัด

    ปักษ์..กับคุณหนูสายพิณบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าเมืองน่ะลุง"

    ....................กัมพูและผู้ติดตามลงจากหลังม้า.แล้วเดินตรงมาหาลุงทำ.พร้อมเอ่ยขึ้น

    ............................."ฉันมาขอไอ้ยังว่าน่ะลุง"

    ............................."ฮะฮ่า..ข้านึกแล้ว คนกินเหล้าดุ อย่างเจ้ามันอดเหล้าไม่ได้

    หรอก..เพราะเอ็งไม่ใช่ปลัดปักษ์ที่ไม่ยอมแตะมันเลย"

    .............................."ปลัดปักษ์ไม่ยอมดื่มมันสักนิดเลยหรือลุง" เมืองถามทวนคำ

    .............................."ถูกต้องแล้ว...เพราะส่วนใหญ่เขาจะมาในหน้าที่และไม่มีวัน

    เมาเหล้าเด็ดขาด"

    .............................."แต่ข้าทำงานขาดเหล้าไม่ได้..จึงให้กัมพูพามาหาลุงนี่แหละ"

    .............................."ได้เลยปลัด..เดี๋ยวข้าจะเอามาให้"

    .....................ระหว่างที่ลุงทำกับกัมพูเดินไปเอาไหเหล้าที่หมักเอาไว้...สายพิณมอง

    ไปที่ขวดแก้วที่เมืองสะพายอยู่...แล้วหันมองหน้าปลัดเมืองพร้อมกับรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

    .............................."ขอเหล้าหวาน ๆ ในขวดนั้นให้ข้าดื่มหน่อยได้ไหม"

    .............................."มันหมดไปนานแล้ว"

    .............................."ข้าไม่เชื่อหรอก ส่งมาให้ข้าดูก่อน" สายพิณพูดพร้อมกับ

    เอื้อมมือไปจับขวดแก้วที่อยู่กับปลัดเมือง....เมืองหัวเราะก่อนถอดสายสะพายขวดแก้วให้

    สายพิณอย่างง่ายดาย...ทำให้สายพิณปลื้มใจหัวเราะร่วนแล้วเอ่ยขึ้น

    ..............................."เจ้านี่ใจง่ายกับข้าจัง..ที่พวกพม่าขอจากเจ้า เจ้าหวง

    แหน..ถึงกับท้าดวลธนูกันสะท้านแผ่นดินเลย"

    ..............................."กับเจ้าที่น่ารักและแสนดี..ข้าไม่มีอะไรต้องหวงแหน"

    ..............................."โอโห..เจ้าพูดได้ไพเราะระรื่นหูข้ามาก" สายพิณพูด

    โต้ตอบ...แต่ใบหน้ากลับแดงด้วยความเขินอาย

    ..............................."เจ้าทำเป็นพูดดีไปเถอะ..แต่วันนี้ถ้าเจ้าเมาหลับขณะ

    ฝนตก..ข้าไม่อุ้มเจ้าหนีฝนแน่"

    ..............................."ฤดูหนาว...ฝนไม่มีวันตก"

    .....................สายพิณพูดจบก็ยกขวดแก้วขึ้นดื่ม..ก็ให้รู้สึกว่า"มันคือน้ำเปล่าแต่เป็น

    น้ำที่มีรส"...จึงเอ่ยถาม

    ..............................."นี่มันน้ำนี่นา..แต่ทำไมมันจึงมีรสชาดชุ่มคออย่างนี้"

    ..............................."ก็ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเหล้าหวาน ๆ ของเจ้ามันหมดไป

    แล้ว...น้ำที่เจ้าดื่มมันคือน้ำจากแม่น้ำสาละวิน แล้วเจ้าควรดื่มมันแค่ช่องเดียว"

    ..............................."อย่าบอกนะ..ว่าแม่น้ำสาละวินที่กั้นพรมแดนสยามกับ

    พม่า"

    ..............................."เจ้าพูดถูกแล้ว"

    ..............................."แสดงว่าเจ้าไปพม่ามาจริง ๆ หรือ"

    ..............................."ใช่"

    ..............................."แล้วเจ้ารู้ความหมายของชีวิตเจ้าที่เมืองพม่าหรือยัง"

    ..............................."ข้ารู้แล้ว"

    ..............................."บอกข้าหน่อย..มันเป็นอย่างไร"

    ..............................."ข้าขอเก็บไว้ที่ใจก่อน...หากสะพานข้ามแม่น้ำนานถูก

    สร้างเสร็จเมื่อไร........ ตอนที่เราขึ้นภูเขาสูงเพื่อไปสู้กับดวงอาทิตย์ด้วยกัน..ข้าจะ

    บอกเจ้าเอง"

    ..............................."ก็ได้ แต่ข้าขอถามอีกหน่อย"

    ..............................."เรื่องอะไร"

    ..............................."ก็ขวดแก้วของเจ้า...มันทำไมมีสองช่อง"

    ..............................."มันเป็นขวดแก้วของแม่ข้าเอง..ช่องหนึ่งแม่ข้าไว้ใส่

    เหล้า...อีกช่องหนึ่งไว้ใส่น้ำจากแม่น้ำสาละวิน..ข้าไปพม่าครั้งนี้ต้องการให้ขวด

    แก้วมันทำหน้าที่บรรจุน้ำสาละวินและเหล้าเหมือนเดิม"

    ..............................."แปลกจริง ๆ" สายพิณอุทานเบา ๆ

    .....................เป็นจังหวะพอดีกับลุงทำและกัมพูถือไหเหล้ามาคนละสองไหมา

    วางไว้ที่แคร่.........สักพักใหญ่ไก่ย่างที่"เจ้าแดง"ลูกลุงทำย่างอยู่ตามคำสั่งของ

    ลุงทำก็เสร็จ...เจ้าแดงจึงนำมาให้เป็นกับแกล้ม.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  20. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,931
    .....................ปลัดเมืองยกให้เหล้าเทใส่กะลาแล้วดื่มอย่างกระหายจนหมด..ซึ่งไม่

    ต่างจากกัมพูที่อดอยากมานานก็กระดกเหล้าในกะลาจนหมดเช่นกัน...และต่างก็เทไหเหล้า

    ใส่กะลาอีก....ลุงทำนั่งอยู่ข้าง ๆนั่งยิ้มกริ่มมองดูอย่างอารมณ์ดีในฐานะเจ้าภาพ..

    .....................สายพิณเห็นเจ้าเหล้ารสข่มที่ไม่หวานเหมือนเคยดื่ม..ก็ให้รู้สึกข่มในคอ

    แต่ก็ฝืนดื่มกินด้วยถือทิฐิที่เคยบอกว่าตนดื่มได้....พอดื่มติดต่อกันไปได้สีกพัก..สายพิณก็

    ให้รู้สึกเมาลิ้นพันกัน...แต่ไม่เอ่ยคำใดออกมา...นอกจากนั่งมองนายใหม่กับลูกน้องที่แข่ง

    กันดื่มเหล้ากัน...และเหมือนนายใหม่กับลูกน้องคู่นี้จะเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น..

    ............................"ปา...ลาด..ปา..ลาดว่า ปาลาดปักษ์จะ..แก้..ไข..งานฝั่งตา..

    วาน..ออก..สำเร็จไหม" กัมพูลากเสียงยาวด้วยความเมา..โดยมีสายพิณเอียงหูคอยฟ้ง

    ในขณะที่ความเมาทำให้คอนางเริ่มตก

    ............................."ก่อนข้าจากมา..ดูเขามั่นใจ" เมืองซึ่งเป็นเซียนเหล้าตั้งแต่

    เด็กยังคงไม่เมามาก

    ............................."ข้า...ก็.มั่นจาย..เพราะ..ปา ..ลาดปักษ์.....เจ้าความ..คิด

    ช.อ..บ...แก้ส..ถา..นาการณ์"

    ............................."ข้าดูก็เป็นเช่นนั้น"

    ............................."ปา..ลาดปักษ์..ถ้าคิด.อารายไม่ออก...ก็จะ...เพียรคิด......

    อ ..ย่าง นั้น..ไม่.ยอม ทำ..อ..าร..าย"

    ........................"เขามีจุดอ่อนที่ถ้าขบปัญหาไม่แตก..เขาจะไม่มีความมั่นใจเลย"

    ............................."ถูก...ต้อง" สายพิณฟังเสียงกัมพูและเมืองที่เอ่ยถึง

    "ว่าที่พี่เขย"ตรงนี้ถูกต้อง...จึงเริ่มส่งเสียงบ้าง...ทำให้เมืองและกัมพูหันไปมอง...

    ........................"พูดได้แล้วหรือ..เห็นเมาจนคอพับ"

    .............................."ข้าเพียง..แต่..อ..ยาก..เป็น..ผู้...ฟังที่ดี..แต่..เห็น..พวก

    เจ้า..พูด..ถึงปา..ลาดปักษ์..ได้ถูกต้อ...ง..ข้า..จึง..อ...ยากแจมบ้าง"

    ........................"ปลัดปักษ์..แจ้งมา..ยังท่าน.เจ้าเมือง..ขอให้..ส่งกำลังตำรวจและ

    เจ้าหน้าที่..ที่ฝั่งตะวันตก..ไป.ช่วย...ที่..ฝั่งตะวัน..ออก..จำนวนมาก....ถ้า..ขาด..กำลัง

    คนให้..เกณฑ์..หนุ่มฉ...กรรจ์..ไปร่วม..ด้วย" กัมพูพยายามตั้งสติพูดให้เป็นงาน

    ........................"ที่ปลัดปักษ์เกณฑ์เจ้าหน้าที่ไปตั้งด่าน มันช่วยได้ส่วนหนึ่ง..แต่

    เมื่อพวกพม่ามาพบด่าน..พวกมันก็ต้องหาทางแก้ปัญหาที่พวกเราตั้งรับมันอยู่ดี...เพราะ

    ฉะนั้นการตั้งด่าน...ช่วยเหลือพวกเราได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั่น" เมืองอธิบายสิ่งที่ตนคิด

    ........................."แล้วเจ้าคิดอย่างไรกับปัญหานี้" สายพิณรวบรวมสติข่มความเมา

    ตั้งใจย้อนถาม

    .........................."ข้าอยากกลับไปดูสถานการณ์"

    .........................."ไม่ได้หรอก..เจ้าต้องอยู่กับกัมพู ..โดยมีข้าอยู่เคียงข้าง"

    .........................."หมายความว่า..เจ้าจะตระเวณไปกับข้าด้วยหรือ"

    .........................."ถูกต้อง..เพราะเจ้าเคยหนีจากข้าไปครั้งหนึ่งโดยไม่รอพบข้าเลย"

    สายพิณเอ่ยอย่างน้อยใจ

    .........................."เด็กโง่เอ๋ย...ไปกับข้ามีแต่ความลำบาก...แต่เจ้าอยู่เป็นคุณหนูที่

    บ้านเจ้ามีแต่ความสะบายใจ"

    .........................."ใครบอกเจ้า..ข้าอยู่กับเจ้า..ข้ามีความสุขมากกว่านั่งจับเจ่าอยู่ใน

    บ้าน"

    .........................."เจ้าเมามากแล้วสายพิณ..ในหัวจึงคิดเรื่องกลับตาลปัตร..ถ้าพี่

    สาวเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดอย่างนี้...นางคงอบรมเจ้าอีกนาน"

    .........................."ปลัด..กับ..คุณหนู..พอกันได้หรือยัง" กัมพูเห็นทั้งสองโต้เถียง

    กันทำให้ตนเองข่มความเมาพูดห้ามปรามให้หยุด

    ..........................."พี่สาวข้าคงอบรมข้าอีกไม่นานหรอก" สายพิณไม่ฟังคำปราม

    ของกัมพู

    ..........................."ทำไม"

    ..........................."ก็นางคงแต่งงานไปอยู่กับปลัดปักษ์"

    ..........................."หมายความว่าพี่สาวเจ้าเป็นคนรักของปลัดปักษ์หรือ"

    เมืองทำท่าตกใจ

    ..........................."เจ้าทำท่าตกใจ..อย่าบอกนะว่าเจ้าแอบรักพี่สาวข้า"

    ..........................."ข้าเพียงแต่ศรัทธาในตัวพี่สาวเจ้า..ซึ่งดูความคิดของนาง

    เป็นผู้ใหญ่มากทั้งกิริยาวาจาก็เรียบร้อย..แถมยังเป็นคุณหนูแสนสวยอีกต่างหาก"

    .....................สายพิณมองค้อนด้วยไม่พอใจคำชมพี่สาวตน..ด้วยมีความรู้สึก

    หึงพี่สาวตนอยู่..พลางเอ่ยอย่างประชด

    ..........................."เจ้าศรัทธาพี่สาวข้าได้..แต่ห้ามรักนางเด็ดขาด..เพราะ

    เจ้าต้องรักข้าคนเดียวเท่านั้น"

    .....................สายพิณเอ่ยอย่างไม่แคร์คนรอบข้าง..ทำเอาลุงทำและกัมพูมอง

    หน้ากันแล้วยิ้มกริ่ม..ด้วยรู้ได้ทันทีว่า "สายพิณนั้นมีใจให้ปลัดเมือง"




    ......................ใกล้ตะวันพลบค่ำอากาศเริ่มหนาวขึ้น.....เมืองอุ้มสายพิณซึ่งเมา

    หลับไหล...ด้วยหลังโต้เถียงกับเมือง...นางก็เริ่มดื่มเหล้าอย่างหนักเพื่อดับความ

    วุ่นวายใจจนเมาพับหลับไป...และนำมาอุ้มขึ้นม้าสีนิลนั่งข้างหน้าตนและให้กัมพู

    ควบม้าเยาะๆจูงม้าเปล่าสายพิณวิ่งเยาะตาม

    .......................กัมพูควบม้ามาข้าง ๆพลางมองหน้าปลัดเมือง......และมองสายพิณ

    ซึ่งคอพับอ่อนนอนซบอกของปลัดเมืองด้วยฤทธิ์เหล้าป่า....และกลับมามองหน้าปลัด

    เมืองพลางส่ายหน้าอย่างช้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้น

    .............................."ข้าล่ะ..หนักใจแทนปลัดจริง ๆ"

    .............................."กับเด็กน้อยที่ถูกตามใจ..ก็เป็นอย่างนี้แหละกัมพู"

    .............................."ข้าคาดการณ์ว่าถึงจวนเจ้าเมืองเมื่อไร..ปลัดคงต้องอุ้มคุณ

    หนูเข้าบ้านแน่"

    ..............................."ก็คงเป็นเช่นนั้น..แต่ถ้าพบคุณหนูสายใจเมื่อไร ข้าไม่รู้จะ

    ตอบคำถามนางอย่างไร"

    ..............................."ข้าตอบแทนปลัดเองก็ได้"

    .....................ลมหนาวพัดผ่านปะทะเข้ามา..ทำให้รู้สึกหนาวปลัดเมืองใช้ผ้า

    ห่มตัวสายพิณไว้อย่างทะนุถนอม และลดความเร็วของม้าลงอีก...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...