"พระเมตตา"

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 2 ธันวาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    <CENTER>บทที่ ๑๗</CENTER>


    <DD>ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับวันนี้ก็คงพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทในเรื่องของพระเมตตาตามเดิม การบันทึกเสียงวันนี้ ตรงกับวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๐ ที่บอกวันก็เพราะว่า เป็นการบอกว่า การบันทึกเป็นวันที่เท่าไร การที่บรรดาท่านทั้งหลายได้ยินเสียงของอาตมา ทางสถานีวิทยุทุกสถานี ก็โปรดทราบว่า อาตมาไม่ได้มาเอง ต้องใช้การบันทึกเสียงไว้แทน ทั้งนี้ก็เพราะว่าภารกิจมีมาก ไม่สามารถจะมาด้วยตนเองได้

    <DD>สำหรับวันนี้ ก่อนจะพูดถึงเรื่องอื่น ก็ต้องขออนุโมทนาในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสั่งให้คุณเฉิดศรี สุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา ภรรยาพลอากาศโท หม่อมราชวงศ์เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหาร ให้แจ้งมาว่า วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๐ เวลาค่ำ ให้อาตมาเข้าไปรับ เครื่องถ่ายทอดเทปบันทึกเสียงจากพระองค์ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณจัดซื้อถวาย

    <DD>สำหรับเครื่องนี้ ได้สืบราคาตามท้องตลาดจะเป็นขนาดเท่ากันหรือไม่ ไม่ทราบ เท่าที่ทราบมา ก็ราคาเกือบแสนบาท เดิมทีท่านพุทธบริษัท ที่เป็นศิษยานุศิษย์กำลังจะจัดการรวบรวมจตุปัจจัยซื้อถวาย ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงทราบ จึงได้รับเป็นพระราชภาระไปจัดถวายเอง

    <DD>บรรดาท่านพุทธบริษัทอาจจะคิดว่าอาตมานี้ เป็นคนผลาญเงินของแผ่นดิน หรือว่าผลาญเงินของประชาชน เพราะว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินเล็กน้อย เรื่องนี้ก็ขอแจ้งให้บรรดาท่านทั้งหลายทราบว่า ความประสงค์ของอาตมานั้นมีอยู่อย่างเดียว คือ ต้องการให้พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กระจายไปทั่วประเทศ และออกไปนอกประเทศ

    <DD>เวลานี้ก็ออกไปแล้ว ทั้งหนังสือที่ออกเป็นเล่มก็ดี เสียงที่ออกไป เป็นบันทึกเสียงก็ดี ปรากฏว่ามีท่านทั้งหลายส่งไปต่างประเทศหลายท่านด้วยกัน และก็หลายจุดด้วยกัน มีหลายท่านเคยปรารภว่า หนังสือก็ดี บันทึกเสียงก็ดี ควรจะเป็นภาษาต่างประเทศด้วย

    <DD>ความจริงเรื่องภาษาต่างประเทศนี่ อาตมามีความชำนาญเป็นพิเศษ จะเขียนก็ดี จะพูดก็ดี รับรองว่า ฝรั่งไม่รู้เรื่องเลย อย่างนี้เขาเรียกว่า คนมีความรู้พิเศษจริง ๆ พูดให้คนไม่รู้เรื่องได้ เขียนให้คนไม่รู้เรื่องได้ เพราะว่าไม่มีการสันทัดในเรื่องนี้

    <DD>ฉะนั้น ถ้าบรรดาท่านผู้ใด มีความสามารถหรือมีความศรัทธาจะแปลจากภาษาไทยจากหนังสือที่อาตมาเขียนก็ดี จากเทปบันทึกเสียงก็ดี เป็นภาษาต่างประเทศ อาตมาก็ขออนุญาต คือไม่หวง ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่ประการใด ในเรื่องนี้ เฉพาะแปลเป็น ภาษาต่างประเทศ ทั้งนี้เพราะว่า อาตมามีความประสงค์ให้เป็นธรรมทาน

    <DD>มีหลายท่านมาถามว่าเครื่องถ่ายทอดประเภทนี้ ราคาตั้งเกือบแสนบาท ถ้าอย่างดีกว่านั้นอาจจะเกินกว่าแสนบาท ทำเมื่อไรจะได้ทุน อาตมาก็ได้ตอบแก่ท่านผู้รับฟัง ท่านที่ถามว่า งานทุกอย่าง ที่อาตมาทำนี่ อาตมาไม่ต้องการทุน คือ ต้องการแต่ผลกำไรอย่างเดียว หนังสือที่เขียนออกไปก็ดี ไม่เคยคิดทุน และการบันทึกเสียงเป็นธรรมทานก็ดี ไม่เคยคิดทุน ต้องการผลสำคัญ คือกำไร เพราะกำไรนี้ มีอำนาจเหนือทุนมาก กำไรที่จะพึงได้ก็คือ สนองคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ แจกจ่ายธรรม

    <DD>อาตมาก็ขอนำพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ แจกจ่ายแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท แต่บรรดาธรรมะที่แจกจ่ายออกไปนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัทได้โปรดทราบ อาตมาไม่ใช่สัพพัญญูวิสัย จะทำไปก็เพียงแค่ ความสามารถที่จะพึงทำเท่านั้น ถ้าสิ่งใดปรากฏว่า ผิดพลาดจากพุทธพจน์บทพระบาลี ขอท่านผู้มีความรู้ทั้งหลาย ได้โปรดตักเตือนมาให้ทราบด้วย อาตมาจะได้ยับยั้งถอยหลังแก้ไขเสีย ใหม่ให้ถูกต้อง

    <DD>สำหรับเทปบันทึกเสียงที่ใช้เครื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวาย ขอได้โปรดทราบ ขอประกาศราคาไว้เลยว่า ๑ คาสเซ็ทจะขอขาย เอากำไรโดยเฉพาะ ทุนคงไม่ได้ เวลานี้คาสเซ็ทเปล่าที่เขาขายกัน ท้องตลาดมีอัตราในราคาประมาณ ๓๓ หรือ ๓๕ บาท และในคาสเซ็ทบันทึกธรรมะ หรือวินัยที่อาตมาออกไป จะขอจำหน่ายในอัตราคาสเซ็ทละ ๓๐ บาท

    <DD>เป็นอันว่า ได้กำไรในการบำเพ็ญกุศลอีก ๓ บาท หรือ ๕ บาท ถ้าหากว่าบังเอิญว่าคาสเซ็ทบางอัน บางอย่างขัดข้อง เสียไป ก็มีกำไรเป็นพิเศษ ถ้าเครื่องบังเอิญ ชำรุดทรุดโทรมต้องซ่อมก็มีกำไรเป็นพิเศษ กำไรคือไม่ได้ทุนเข้ามา แต่สิ่งที่ต้องการคือ พระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าตามวัดต่าง ๆ มีความปรารถนาจะไปเผยแพร่แก่ท่านพุทธบริษัท ก็จะขอลดลงมาเหลือคาสเซ็ทละ ๒๕ บาท สำหรับวัด

    <DD>ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทจะถามว่า เอาทุนที่ไหนมาลง เครื่องก็ไม่ได้ ทุนคาสเซ็ทที่จำหน่ายออกไป ก็ราคาเท่ากับคาสเซ็ทธรรมดาเปล่า ที่ตามตลาดขายกัน ข้อนี้ต้องขอตอบว่าเงินจำนวนนี้ที่จะได้มา ก็ได้มาจากเงินที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถวายตามอัธยาศัย

    <DD>เมื่อเงินที่ถวายตามอัธยาศัยที่แล้วมา อาตมาก็นำไปก่อสร้างถาวรวัตถุในบวรพุทธศาสนาบ้าง ได้เป็นค่ายาค่าอาหาร สำหรับพระประจำวัดบ้าง จ่ายเป็นค่าแรงงาน จ่ายเป็นค่าวัตถุก่อสร้างบ้าง และก็จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าให้วัดบ้าง เดือน ๆ หนึ่งก็จ่าย ประมาณหมื่นบาทเศษอยู่แล้ว และเหลือจากนั้น ถ้าบางทีจะพึงมี ก็จะขอสมทบเข้ากับ รายการขาดทุนของการบันทึกเสียงนี้ ที่ขายต่ำกว่าราคาท้องตลาด

    <DD>ตามท้องตลาดไม่มีเสียง แต่ราคาคาสเซ็ทละ ๓๓ บาท บ้าง ๓๕ บาท บ้าง ถ้าบรรดาพุทธบริษัทรับก็จะจำหน่าย ออกไปในราคาคาสเซ็ทละ ๓๐ บาท ถ้าทางวัดมีความต้องการ ก็จะจำหน่ายออกไปในราคาคาสเซ็ทละ ๒๕ บาท

    <DD>ทั้งนี้ ส่วนที่ไม่พอก็เอา เงินของบรรดาท่านพุทธบริษัทที่ถวายตามอัธยาศัย รวมลงไปจัดว่าเป็นธรรมทานในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นต้นทุนใหญ่ ในเรื่องธรรมทาน อาตมาก็จะขอนำจตุปัจจัยของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่อาตมานำเอาไปใช้ในส่วนวิหารทานบ้าง ในส่วน สังฆทานบ้าง ในส่วนสาธารณประโยชน์ สงเคราะห์คนยากจนเข็ญใจ ที่อยู่ในแดนกันดารบ้าง และก็ขอนำมาใช้ในส่วนธรรมทานบ้าง

    <DD>นี่ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายที่บริจาคทรัพย์ ทำบุญถวายตามอัธยาศัย โปรดทราบตามนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินที่บริจาคถวาย ตามอัธยาศัยที่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มาก็เป็นส่วนสังฆทาน วิหารทานและก็สาธารณประโยชน์ ตอนนี้เป็นธรรมทานด้วย ก็ขอช่วยโมทนา เพราะมีอานิสงส์มาก พูดไปพูดมา เสียเวลามาตั้ง ๒๐ นาทีเศษ เป็นอันว่าต่อแต่นี้ไปก็ขอเข้าเรื่อง "พระเมตตา"

    <DD>ความจริงเรื่องนี้ ก็เป็นพระเมตตาเหมือนกัน ก็เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ มีพระเมตตา ให้เครื่องถ่ายทอดเสียงราคาหนัก อาตมาจะต้องเข้าไปเฝ้าพระองค์ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๐ จะมีพระราชประสงค์ มีพระราชดำรัสอะไรมาบ้าง ถ้ามีเรื่องพิเศษก็จะแจ้งให้บรรดาท่านพุทธบริษัททราบ สำหรับต่อนี้ไปก็จะเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

    <DD>วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๐ อาตมาเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ สำหรับครูบาธรรมไชย แห่งวัดทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ก็เดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่ามีภารกิจทำร่วมกัน มาวันที่ ๑ ได้รับฎีกาจากสำนักพระราชวังว่า ในตอนเช้าของวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๐ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ฯ อาราธนาให้อาตมากับครูบาธรรมไชยไปสวดมนต์ และก็รับสังฆทานที่ อาคารที่ทำการ "มูลนิธิสายใจไทย" เพราะวันนั้นเป็นวันเปิดอาคารที่ทำการ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ฯ ทรงเป็นประธานในงาน

    <DD>อาตมา เองรับฎีกาแล้วก็มานั่งนึกในใจ ว่า เรื่องการสวดมนต์ สวดพรพระปริตรนี่ อาตมาก็ทิ้งมาเสียนาน ไม่ได้ร่วมกับใครมาเสียนาน จะสวดได้หรือไม่ได้ก็ไม่ทราบ ทั้งนี้เพราะว่า เรื่องกิจนิมนต์เรื่องสวดมนต์เย็นสวดมนต์กลางวัน แล้วก็เทศน์ตามวัดต่าง ๆ ตามบ้านต่าง ๆ ขอลา เสียนานแล้ว เพราะว่าภารกิจมีมาก รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บมีในกาย ถ้าไปฉันอาหารผิดเวลาคราวไร ก็มีโทษคราวนั้น ก็เป็นอันว่าจะต้อง งดกัน แล้วขอประกาศงดไว้ในที่นี้ด้วย

    <DD>บางทีท่านทั้งหลายไม่ทราบ ก็จะมานิมนต์กัน มีนิมนต์อยู่หลายราย เพราะว่าไปฉันผิดเวลาคราว ไรเรื่องสำคัญก็คือ ร่างกายถูกเขาลงโทษ และความลำบากยากแค้นก็เกิดกับบรรดาท่านหมอทั้งหลาย ต้องมาช่วยกันรักษา เป็นอันว่า ฉันเช้าผิดเวลาแต่ละครั้ง ต้องจ่ายเงินพิเศษไม่น้อยกว่าครั้งละ ๕๐๐ บาท เป็นค่ายาค่ารักษาโรค เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องของด

    <DD>ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทจะสงเคราะห์ ก็ขอให้สงเคราะห์ในสถานที่พัก ถ้าไปที่ไหนพักที่ไหนก็โปรดมาถวายที่นั่น จะได้ถวายตามเวลา และไม่คอยเวลาล่านัก เวลาเลยไปแล้วก็ไม่คอยเหมือนกัน ทั้งนี้สงสารหมอ สงสารเงิน ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทที่ถวายมาตามอัธยาศัย เข้ามาใช้ในเรื่องของร่างกายของตนนี่ รู้สึกว่าจะได้ประโยชน์น้อยเกินไป อยากจะใช้เงินของท่าน ในส่วนที่เป็นสาธารณประโยชน์จริง ๆ

    <DD>วันนั้น เมื่อถึงวันเวลาตอนเช้า เจ้าหน้าที่ก็นำรถไปส่งที่ที่ทำการ ไปถึงก็ไปเจอะสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา สมเด็จพระวันรัต วัดสังเวช และพระราชาคณะอีกหลายท่าน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และสมเด็จพระวันรัตก็ทรงเรียกให้ อาตมาเข้าไปนั่งข้างหลัง

    <DD>อาตมาก็เข้าไปนั่งข้างหลังคอยก่อนจะถึงเวลา สมเด็จพระสังฆราชเสด็จ อาตมาก็กำลังคุยกับพระบ้าง เจ้าหน้าที่บ้าง อยู่ด้านหลัง พอดีสมเด็จพระสังฆราชเสด็จมา อาตมาก็ไม่รู้เห็นพระยืนขึ้น สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ก็สะกิดว่าสมเด็จพระสังฆราชเสด็จ จึงได้ลุกขึ้นถวายความเคารพ

    <DD>ความจริงสมเด็จ ๒ สมเด็จที่กล่าวมาแล้วนี้ รู้สึกว่าท่านกรุณากับอาตมามาก ทั้ง ๒ ท่าน ไม่ถือองค์ท่านเลย ให้ความสนิทสนม ให้ความเมตตาปรานีเป็นกรณีพิเศษ แม้แต่สมเด็จพระสังฆราช ความจริงอาตมาไม่เคย พูดจาปราศรัยกับท่านเลย แต่เคยเห็นสมเด็จพระสังฆราช ๒-๓ คราว เมื่อไปในงาน ท่านทำองค์ท่านเหมือนกับไม่มีความรู้สึกว่าองค์ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราช

    <DD>ทั้งนี้ มิได้หมายความว่า ท่านปล่อยกายปล่อยใจไม่มีความเป็นพระไม่มีสมณสารูป ไม่ใช่อย่างนั้น คือ ท่านไม่ทรงแสดงการถือตัวถือตน เวลาจะเข้าไปที่ไหน คนจะแสดงความเคารพหรือไม่ ไม่ได้สนใจ หมายความว่า ไม่คอยมองว่าใครจะไหว้ฉัน ใครจะเคารพฉันหรือไม่ ไม่ได้สนใจ ทรงดำเนินตามสบาย ๆ ใครจะทำความเคารพหรือไม่ ทำความเคารพก็ไม่เคยถือตำหนิว่าใคร

    <DD>ถ้าถามอย่างนี้ จะถามว่ารู้ใจพระสังฆราชหรือ ความจริงใจเรารู้จากอาการที่แสดงออก วันนั้น ก็เหมือนกัน เวลาที่พระองค์ประทับอยู่ ข้างหน้าแถว ก็ทรงโอภาปราศรัยกับพระทุกรูปอย่างเป็นกันเองทุกอย่าง ไม่มีการทรงแสดงว่าถือตัวถือตนแต่ประการใด องค์นี้จึงเป็นพระที่อาตมายอมไหว้ด้วยความเคารพอย่างจริงใจ ที่พูดมาอย่างนี้ ไม่ใช่พูดเอาใจพระผู้ใหญ่ พูดตามความรู้สึกของใจตามความเป็นจริง

    <DD>ท่านทั้งหลายก็ทราบอยู่แล้วว่า อาตมานี้ไหว้คนได้ทั้งกายทั้งใจ ไหว้ยากอยู่สักนิด ที่ไหว้ยาก ทั้งกายทั้งใจ กายน่ะไหว้ง่าย แต่ใจไหว้ยาก ถ้าคนไม่ดี ก็เอากายไหว้ใจไม่ไหว้ แต่คนดีก็ไหว้ทั้งกายและใจ ถ้าเขาเป็นฆราวาส เอากายไหว้ไม่ได้ เอามือไหว้ไม่ได้ ก็เอาใจไหว้ความดี ขึ้นชื่อว่าความดี เราบูชาไม่ผิด จะเห็นได้ว่าองค์สมเด็จพระบรมสามิตสอนให้พระเคารพในคุณความดีของบิดามารดา

    <DD>นี่พูดไปพูดมาเลย ไม่ต้องเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ด้วยว่าองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงยกย่องพระที่มีความกตัญญูรู้คุณอย่างพระลูกชายเศรษฐี ไปบวช พ่อแม่ต้องยากจนลง องค์สมเด็จพระทศพล ก็ทรงมีพระพุทธดำรัสว่า การจะสงเคราะห์บิดามารดา พระบิณฑบาต มาแล้ว ให้บิดามารดาบริโภคก่อน ตัวเองฉันทีหลังก็ใช้ได้ ได้ผ้าใหม่มา เอาผ้าใหม่ทำลายสีเสีย แล้วให้บิดามารดานุ่ง ตัวเองเอาผ้าเก่า ของบิดามารดามาย้อมฝาดนุ่งอย่างนี้

    <DD>พระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ เป็นอันว่าคนดีมีคุณกับพระ พระไหว้ได้ด้วยจริยาที่ปฏิบัติ การไหว้นี่ ไม่จำเป็นต้องใช้มือเสมอไป การยกมือไหว้แต่ใจไม่เคารพ ไม่ชื่อว่าเป็นการไหว้ เขาเรียกกันว่า ผักชีโรยหน้า แต่ทว่าถ้าไหว้กันด้วยใจ แสดงความเคารพด้วยความจริงใจ นี่ไหว้กันจริง ๆ เป็นอันว่าหมดเวลาไปเสียแล้ว เดินทางเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณไม่ไหว แต่ไปสัก หน่อยดีไหม ไปขยับท่าตั้งท่าไว้หน่อยก็ยังดี

    <DD>เมื่อถึงเวลาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทั้ง ๒ พระองค์ก็เสด็จ เมื่อมาถึงแล้ว ก็ทรงนมัสการพระทุกรูป ท่านมีจริยาละมุน ละม่อม สมกับที่เป็นพุทธมามกะจริง ๆ อย่างที่ชาวบ้านเรียกว่าลูกเสือ ย่อมมีลีลาแสดงความเป็นเสือปกติฉันใด สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทั้ง ๒ พระองค์ ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรม ทั้งพระราชบิดาและพระราชมารดา เป็นพุทธมามกะเต็มพระองค์ สมกับที่เรียกว่าเป็น "ศาสนูปถัมภก" ทรงมีพระราชจริยาวัตรอ่อนน้อม ต่อพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และปวงชนชาวไทยและชาวเทศทั้งหมด ที่ทรงเสด็จไปถึง

    <DD>จะเห็นว่าในที่ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงปราศรัยกับประชากร ทั้งหลาย พระองค์ไม่ได้ทรงแสดงว่า นี่ฉันเป็นพระเจ้าแผ่นดินนะ นี่ฉันเป็นพระบรมราชินีนะ ฉันเป็นคนใหญ่คนโต ฉันต้องวางท่าให้มันผึ่งผาย เธอทั้งหลายจะมาตีเสมอฉันไม่ได้ เพราะว่าฉันเป็นกษัตริย์ อย่างนี้มีไหม ท่านพุทธบริษัท ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทรงแสดงพระองค์แบบนี้ไหม ตามที่เห็นตามภาพหนังสือพิมพ์ก็ดี ตามที่เห็นทางโทรภาพก็ดี มีประสบการณ์มาเองก็ดี

    <DD>เวลาที่พระองค์เข้าถึงพสกนิกร ทรงค้อมพระวรกายลง ตรัสด้วยวาจาที่นิ่มนวล ที่ใดควรจะนั่ง ก็นั่งคลุกคลีกับบรรดาประชากรทั้งหลาย สำหรับท่านที่มีอายุสูงกว่าท่าน ก็แสดงความเคารพ มีอปจายนธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องอ่อนน้อม จึงเป็นเหตุให้เป็นที่รักของ บรรดาประชากรทั้งหลาย นี่เป็นพระราชจริยาวัตรขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถ หรือว่าใครจะหาว่า เชียร์พระเจ้าแผ่นดิน เชียร์พระราชินีอีกก็ว่าไป จะเชียร์หรือจะยกย่องหรือสรรเสริญอะไรก็ว่าไปเถอะ แต่ว่าเรื่องที่พูดกันนี่ มันตรงตามความเป็นจริงไหมล่ะ

    <DD>อย่าลืมว่า "ฤาษีลิงดำ" จะไม่ยอมยกย่องใคร และจะยอมตำหนิใคร ในเรื่องไม่เป็นความจริง ถ้าเป็นความจริง ถือว่าพูดตามความจริง ไม่ใช่นั่งสรรเสริญเยินยอ ถ้าคนเลว ถ้าตำหนิก็ถือว่า ไม่เป็นการตำหนิ ถือว่าพูดตามความเป็นจริง แล้วมีใครบ้างไหม ที่เขาวางท่าใหญ่ ไม่เหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่อาตมาเคยเจอะมาเองมีบ้างไหม ที่บรรดา ประชากรทั้งหลาย ได้พบมีบ้างไหม มีหรือไม่มีที่ไหน ก็เป็นเรื่องที่นั่น อาตมาไม่เกี่ยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยว

    <DD>เกี่ยวอย่างเดียวคือ พระราชจริยาวัตร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ที่กล่าวเปรียบเทียบเจ้าฟ้าหญิงทั้ง ๒ พระองค์ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ที่ท่านมีพระราชจริยาวัตรอ่อนน้อมต่อปวงชนชาวไทย และบรรดาพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ก็เพราะว่าท่านเป็นลูกของกษัตริย์ ที่มีพระราชจริยาวัตรเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม คือทศพิธราชธรรม และทรงพรหมวิหารสี่ เป็นอัปมัญญา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสว่า "การคบบุคคลเช่นใด ย่อมเป็นเหมือนบุคคลเช่นนั้น" ถ้าเราคบคนพาลเราก็เป็นคนพาลไปด้วย ถ้าเราคบบัณฑิตเราก็เป็น บัณฑิตไปด้วย

    <DD>ใน "มงคลสูตร" ท่านยกตัวอย่างนกแขกเต้า ๒ ตัวที่เป็นพี่น้องกัน นกแขกเต้าตัวยังเล็ก พ่อแม่ไม่อยู่ลมพัดแรง ลมหอบเอาไปจากรัง ตัวหนึ่งไปตกยังสำนักของฤาษี ตัวหนึ่งไปตกอยู่ในสำนักของโจร โจรก็พูดเพียงแต่ว่าจะฆ่าคนนั้น จะฆ่าคนนี้ จะปล้นคนนั้น ฤาษีก็พูดกันถึงเรื่องธรรมปฏิบัติ ในการโอภาปราศรัย ในเรื่องของธรรมมีการสงเคราะห์

    <DD>นกแขกเต้าตัวน้องที่ไปอยู่ในซ่องของโจร ก็มี นิสัยเหมือนโจร เห็นพระมหากษัตริย์หลงทางเข้าไป ก็ประกาศว่า พวกเราจงมา คนนี้แต่งตัวสวย จงปล้นเอาทรัพย์ พระมหากษัตริย์ตกใจก็หนีเข้าไปในสำนักของฤาษี นกแขกเต้าตัวนี้ ก็โอภาปราศรัยว่าเชิญพระพุทธเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังจำวัด ขอ พระมหากษัตริย์ได้โปรดคอยประเดี๋ยว

    <DD>นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย คนเราใกล้บุคคลใด ก็ย่อมเป็นเหมือนบุคคลนั้น แม้แต่นกแขกเต้าที่เป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ยังมีจริยาผิดแผกกันไป พี่กับน้องย่อมไม่เสมอกัน เป็นอันว่า วันนี้การเข้าสู่สายใจไทยก็ยังไม่เสร็จ ยังไม่หมดเรื่อง เวลาก็หมดเสียก่อน ก็ต้องขอลาก่อน ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทผู้อ่านและผู้รับฟัง จงประสบแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ตามที่ตนปรารถนาจงทุกประการ

    <CENTER>สวัสดี</CENTER>
    </DD>
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    <CENTER>บทที่ ๑๘</CENTER>

    <DD>ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับวันนี้มาพบกับท่านผู้ฟังพุทธบริษัททั้งหลาย ด้วยเรื่องพระเมตตา วันก่อน ได้มายับยั้งอยู่ด้วยตอนที่ว่า อาตมากับครูบาธรรมไชยเข้าไปที่สายใจไทย ความจริงสายใจไทย นี่เป็นมูลนิธิที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ฯ ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ ในวันประสูติเป็นการเริ่มต้น

    <DD>และก็มีบรรดาท่านสาธุชนพุทธบริษัท หรือคริสตบริษัท ฮินดู บริษัท อิสลาม บริษัท มะหะหมัด บริษัท และอะไรต่ออะไรบริษัทอีกมากมายช่วยกัน ร่วมเป็นทุนสายใจไทยเป็นมูลนิธิ สำหรับดอกผลก็นำมาแจกจ่าย กับครอบครัวของทหารและตำรวจ หรือทหารตำรวจที่บาดเจ็บเสียชีวิตในการรบ จัดว่าเป็นทุนสายใจไทยที่มีความสำคัญมาก

    <DD>แต่ตามที่ ทราบมาจากบุคคลบางคน แจ้งบอกว่ามูลนิธิสายใจไทยนี่ ต้องใช้จ่ายกินทุนอยู่เสมอ ทั้งนี้ก็เพราะว่า เป็นการใช้จ่าย เนื่องในการสงเคราะห์ทหาร และตำรวจที่เสียชีวิตบ้าง บาดเจ็บบ้าง ครั้งหนึ่ง ๆ มีจำนวนมากในแต่ละปี

    <DD>ฉะนั้น มูลนิธิสายใจไทย ที่มีทุนสำรองจึงน้อยไป อาตมาเองก็มีความพอใจในมูลนิธิสายใจไทย ถ้าบังเอิญจะมีสตางค์บ้าง ก็จะขอร่วมกับมูลนิธินี้ แต่ก็น่าเสียดาย ที่เวลานี้มีหนี้ อยู่ ๓ ล้านเศษ การสร้างวัด การสร้างโรงพยาบาล และการจัดการเป็นส่วนสาธารณประโยชน์ สำหรับประเทศ ทีละเล็กทีละน้อย การบำรุงวัดต่าง ๆ อีก ๑๒ วัด ภายนอก การบำรุงวัดต่าง ๆ ภายนอกนี้ ก็ใช้เงินหลายล้านบาท แต่ไม่ใช่เงินของอาตมา

    <DD>เป็นเงินของบรรดา ประชากรที่มีความเคารพในพระพุทธศาสนา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมและพระสงฆ์ ยกจตุปัจจัยของท่านทั้งหลาย เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ไปช่วยกันทำนุบำรุงวัดต่าง ๆ ที่อาตมาไปช่วยสงเคราะห์ จะมีปริมาณเงินตั้งแต่ปี ๑๗-๑๘-๑๙- ๒๐ นี่ก็เป็นจะมีเงินสิ้นไปสักประมาณ ๑๐ ล้านเศษ ก็ไม่ใช่ว่าเงินของคน ๆ คนเดียว คนละพันสองพัน คนละร้อยสองร้อย แต่ว่าคนมาก ทำบ่อย ๆ ปริมาณเงินก็สูง

    <DD>อาตมาก็มานั่งปรารภ ถึงมูลนิธิสายใจไทย ก็คิดว่า จังหวะดีอาการโปร่ง หมดหนี้หมดสิน ก็จะบอกบุญ บรรดาท่านญาติโยมพุทธบริษัทให้ไปร่วมมูลนิธิสายใจไทยกัน ตามกำลัง ใครมีมาก มีน้อย ไม่สำคัญ มูลนิธิไม่รังเกียจ ยินดีต้อนรับเงินจากบรรดาประชากรทั้งหลาย เพื่อเป็นการสงเคราะห์ บรรดาเพื่อนร่วมชาติ

    <DD>ถ้าบรรดาท่านทั้งหลายที่ได้ฟังก็ดี ได้อ่านก็ดี จะนำทุนของท่านไปเข้ามูลนิธิสายใจไทย ถ้ามีน้อยคนละบาท สองบาท เก้าบาท สิบบาท เกรงใจว่ามูลนิธิสายใจไทยจะไม่รับ ก็นำมาฝากที่อาตมาได้ อาตมารับเป็นนายหน้า จะนำไปส่งให้ เพราะอาตมาไม่อาย การส่งเงินเข้าไปให้เพื่อเป็นการสงเคราะห์ เป็นการร่วมกันทำความดี อย่าว่าแต่บาทสองบาทเลย หนึ่งสลึงยังรับ นี่เขาลือกันว่า อาตมานี่ ถ้าใครไม่ถวายเป็นหมื่นเป็นแสนไม่รับ ไม่จริง

    <DD>นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท ทั้งหลาย ไม่เชื่อลองมาถวายดู สลึงเดียวก็เอา และก็เอาจริง ๆ เอา แล้วก็ไม่คืนเจ้าของด้วย ไม่ใช่จะรังเกียจเงินหนึ่งสลึง มะกะโทได้อัฐ เพียงไพเดียวเท่านั้น ยังสามารถสร้างเมืองมอญได้ เพราะอาศัยความวิริยะอุตสาหะ อาศัยปัญญาเป็นเครื่องค้ำจุน ในฐานะที่เป็นคนมีบุญ เป็นคนมีสัจธรรม มีวิริยะอุตสาหะ มีพรหมวิหารสี่ เพราะฉะนั้น ท่านจึงเป็นราชาแห่งประเทศมอญ ได้ด้วยเงินไพเดียวฉันใด แม้แต่ มูลนิธิสายใจไทย

    <DD>ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจจะสงเคราะห์ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สลึงหนึ่งจะหาว่าดูถูกกันเกินไป เอากัน อย่างนี้ส่งเงินมากันคนละบาท ทั่วประเทศไทย เงินคนละบาทเท่านี้รวมแล้วเราก็ได้ ๔๐ ล้านบาทเศษ

    <DD>หากว่าท่านมีมากกว่านั้น ก็ส่งมา มากกว่านั้นก็ได้ ส่งไปที่มูลนิธิสายใจไทย ไปที่สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรฯ ถ้าไม่ไว้วางใจใคร ก็ส่งตรงไปที่พระองค์ก็ได้ ธนาณัติไปก็ได้ ท่านก็คงรับ เพราะพระจริยาวัตรของพระองค์ไม่มีการแสดงว่าถือพระองค์เลย แล้วก็มีจิตมุ่งมั่นอยู่ในคุณธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ๆ

    <DD>เวลานี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า ขอบอกบุญกันเลยว่า ท่านผู้ใดมีความประสงค์จะร่วมมูลนิธิสายใจไทย ซึ่งเป็นจำนวนเงิน ที่จะเข้าค้ำกำลังใจของบุคคลที่มีความทุกข์ยาก ไม่เลือกชั้นไม่เลือกวรรณะ เชิญได้ติดต่อตรงสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรฯ ได้ หรือคนที่ใกล้อาตมา จะฝากอาตมาก็ได้ยอมรับ จะว่าพระรับเงินหรือ ไปถามพระทุก ๆ องค์ดูซิว่า

    <DD>วัดที่ท่านซ่อมบำรุงท่านใช้อะไร และหยูกยาใช้รักษาโรคที่เขาเอาไปให้ เอาอะไรไปซื้ออาหารการบริโภคที่ท่านบริโภคเข้าไป ถ้าบังเอิญที่ญาติโยมพุทธบริษัทให้ไปมันไม่พอ ท่านได้มาด้วยอะไร อาตมาไม่ปิดบังใครว่ารับสตางค์ ถ้าบอกว่าไม่รับ จะสร้างวัดมาได้อย่างไร โกหกชาวบ้านแบบนี้ไม่ชอบ ใครจะไม่ชอบอาตมา ๆ ก็ไม่ว่า อาตมาก็ไม่ชอบคนหลอกลวงชาวบ้านเหมือนกัน เป็นอันว่าอาตมารับ

    <DD>และก็มูลนิธิของอาตมาก็มีเหมือนกัน มูลนิธิอาตมาก็ตั้งขึ้น การตั้งขึ้นนี่ ไม่เฉพาะบำรุงพระบำรุงสงฆ์อย่างเดียว ไม่ชอบมีขอบเขตสั้น ๆ อย่างนี้ไม่ชอบ ชอบยาว ๆ กว้าง ๆ แล้วมูลนิธิตั้งไว้ เขียนไว้ให้กรรมการว่า

    <DD>นอกจากบำรุงสงฆ์ บำรุงวัดแล้ว ถ้าส่วนนั้นยังไม่ได้ใช้ ก็ให้เป็นส่วนสาธารณประโยชน์ บำรุงคนที่ประสบกับภัยต่าง ๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย ภัยจากลม อุทกภัย ภัยจากน้ำ อัคคีภัย ภัยจากไฟ โจรภัย ภัยจากโจร หรืออีกอย่างหนึ่ง โรคภัย ภัยจากโรค โรคภัยไข้เจ็บ สงเคราะห์ไม่จำกัด

    <DD>แต่สำคัญว่าทุนมีน้อย เวลานี้มีอยู่ ๒ แสนบาทเท่านั้น ถ้ารวบรวมได้มากเพียงใด งานนี้จะขยายไปอีกมาก จะเป็นงานที่สงเคราะห์ เนื่องด้วยคล้ายคลึงกับ สายใจไทย แล้วจะสงเคราะห์ทั่วไป ไม่จำกัดประเภท ไม่เลือกชั้นวรรณะของบุคคล ไม่เลือกชาติศาสนา ถ้าเป็นคนที่เกิดมา ตาปริบ ๆ เป็นคน เหมือนกัน สงเคราะห์เหมือนกันหมด

    <DD>นอกจากนั้น ยังมีขอบเขต เข้าไปสงเคราะห์สัตว์เดรัจฉานด้วย คือ มีการช่วยขุดบ่อน้ำเพื่อสัตว์จะได้กินได้ใช้ เป็นอันว่า มูลนิธิของอาตมา ไม่ได้ตั้งขึ้นควบคุมแต่ผู้เดียว ก็เป็นการสงเคราะห์ มีกรรมการถูกต้องตามกฎหมาย และก็ทำไปด้วยกำลังที่กรรมการพิจารณาเห็นสมควร ว่าไปเลย ไม่ต้องเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

    <DD>ถ้าหากว่าท่านผู้ใดประสงค์จะร่วมมูลนิธินี้ เพื่อช่วยอาตมา ช่วยประชากรก็ร่วมได้ เวลานี้เดินไปเดินมา ไปช่วยสงเคราะห์ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีทุน ก็ต้องบอกบุญกับบรรดาท่านพุทธบริษัท เงินนั้นก็หมดไป ถ้าหากว่ามีมูลนิธิแล้ว เงินต้นก็ยังคงอยู่ ออกใช้แต่ดอกผล แล้วถ้าหากว่าไปทำอย่างนั้น

    <DD>บรรดาพุทธศาสนิกชน ตั้งใจร่วมด้วยมาก ดอกผลก็จะงอกงาม และเป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกันทั่วประเทศ เขาจะได้เห็นว่า คนที่มีความเป็นอยู่เป็นสุขภายใน ขอบเขตแห่งความเจริญ ไม่ละทิ้งคนที่อยู่ในแดนไกลในป่าลึก ความรักก็เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน น้ำใจก็จะเป็นใจที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ประเทศไทยก็จะเป็นไทยตลอดไป ไทยจะไม่เป็นทาส เพราะไทยเรารักกันสามัคคีกัน มีการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

    <DD>เป็นอันว่าวันนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงทั้ง ๒ พระองค์ ก็ทรงแสดงพระราชจริยาวัตรเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ มีพระจริยาวัตรเป็นที่ละมุนละม่อมมาก ควรแก่การสรรเสริญ

    <DD>นี่ใครจะย่องมาลงท้ายอีกไหมว่า นั่นลูกสาวพระเจ้าแผ่นดิน ก็ต้องสรรเสริญหน่อยซิ ไปยกยอปอปั้น เพราะว่าท่านเป็นลูกของคนใหญ่คนโต เป็นลูกของศักดินา ถ้าจะพูดอย่างนี้ใครจะว่าอะไร เป็นอันว่า ที่พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าพูดในฐานะที่ท่านเป็นลูกสาวของพระเจ้าแผ่นดิน จะเป็นลูกของใครก็ช่าง ถ้ามีจริยาวัตรเช่นนั้น ก็ต้องชม

    <DD>และบอกแล้วว่า ฤาษีลิงดำ พูดตามความจริง ถ้าหากว่าไม่ดี ก็ไม่ยอมชม ก็ไม่ยอมพูดว่าดี เรื่องอะไรจะมานั่ง ชมความชั่วกันให้เสียเวลา พูดเสียน้ำลาย เสียปาก คนลูกขอทานถ้าดี เราก็ต้องชมว่าดี ลูกเศรษฐี ลูกคหบดี ถ้าเลวเรา ก็ต้องชมว่าเลว หรือว่าดี เราก็ชมว่าดี ลูกเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ถ้าเลวเราก็ชมว่าเลว ถ้าดีเราก็ต้องชมว่าดี ถ้าใช้คำว่าชมเสียอย่าง มันก็หมดเรื่อง ความจริง พูดไม่ติ ไม่ชม พูดตามความเป็นจริง จะหาว่าติว่าชม ตามเรื่องของชาวโลกก็ตามใจ ไม่ได้ว่าอะไรใคร ไม่ได้ขัดคอใคร

    <DD>เป็นอันว่า เมื่อเสร็จจากพิธี คณะพระก็กลับ อาตมาก็กลับ แต่ปรากฏว่า ตอนเช้าพระทุกองค์ ท่านปลงผมหมด อาตมากับพระครูบาธรรมไชย ต้องมีภาระ ทั้งกลางวันและกลางคืน โอกาสที่จะปลงผมไม่มี กลางวัน ก็ตั้งแต่เช้ายันเย็น กลางคืนก็ตั้งแต่ค่ำหน่อยยันตีหนึ่งตีสอง กว่าจะได้หลับ เวลาที่จะปลงผมมันก็ไม่มี

    <DD>พอตอนสายกลับมา ที่บ้านพลอากาศโท หม่อมราชวงศ์เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหาร ปรากฏว่า บรรดาประชาชนที่มาคอยเต็มบ้าน บ้านนี้ขยายห้องเป็นพิเศษ ชั้นล่างทั้งหมดเปิดฝาหมด เป็นห้องรับแขกไปหมด

    <DD>ความจริงท่านทำอย่างนี้ ทำไปด้วยศรัทธา รายได้ทั้งหมดที่เขาถวายพระ อาตมาก็ไม่เคยให้ไว้ ท่านจะกู้หนี้ยืมสินใครเขามาขยายห้องรับแขก หรือว่าใครเขาจะมาช่วยเป็นเรื่องของท่าน สตางค์ให้เป็นสังฆทาน ให้เป็นการบำรุงสงฆ์ไม่เคยให้ไว้เลย ให้ได้หรือ ผิดพระวินัย ท่านจะทำก็ทำด้วยศรัทธาของท่าน เป็นเรื่องของท่าน ก็มีคนที่มีความศรัทธามาร่วมให้การสนับสนุน จัดว่าเป็นนักบุญด้วยกันทุกคน อาตมาก็ขอโมทนา คนประเภทนี้ทั้งหมด

    <DD>ถ้าอาตมาวาจาศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะเป็นอย่างนั้น ก็อยากจะแช่งว่าทุกคน ตายจากชาตินี้แล้ว ไปนิพพานให้หมด จะได้เลิกยุ่งกันเสียที อาตมา เลยไม่รู้จะกวนใครไปนิพพานกันหมดแล้ว ตอนนี้ใช้คำว่าแช่ง ว่าแช่งให้ไปนิพพานให้หมด คนใจดี ๆ แบบนี้อย่าอยู่เลย ไปนิพพานเสียให้หมด ๆ เกะกะชาวโลกเขา ขวางตาชาวโลกเขา

    <DD>เป็นอันว่า เมื่อเวลากลับจากมูลนิธิสายใจไทย เข้ามาถึงบ้านท่านเจ้ากรมสื่อสารทหาร เวลาที่เป็นเวลาของตนเอง มีอยู่นิดเดียว คือ เข้าห้องน้ำ เพราะว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมาเต็มล้นบ้านออกไปข้างนอก ว่ากันตามเรื่อง เรื่องจะไปอย่างไรก็ว่า ไปตามเรื่อง ทำอะไรก็นั่งกันไป คุยกันไป ได้เวลาพอดีตกเย็นบ่าย ๓ โมง ต้องเดินทางเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

    <DD>ขนาดตอนเช้า ที่ไปที่มูลนิธิสายใจไทยที่ถนนพญาไท เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังถวายฎีกาว่าสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อาราธนาเข้าไปในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เข้าไปเจริญพระพุทธมนต์ รู้เท่านั้น อย่างอื่นไม่รู้อีก เป็นอันว่า ถึงเวลาบ่าย ๓ โมงเย็น หรือ ๑๕ นาฬิกา อาตมาก็นั่งคุยอยู่ยัน เวลา ทำอย่างไรได้

    <DD>บรรดาท่านพุทธบริษัท วันนั้น มันเป็นวันโกน เป็นวันโกน ที่พระจะต้องปลงผมกันตอนเช้า อาตมาก็ผมยาว ไปกับครู บาธรรมไชย กลับมาถึงบ้านท่านเจ้ากรมสื่อสารทหาร ตั้งใจจะปลงผม ช่างก็หายาก เวลาก็ไม่มี คนเต็ม ก็มีเวลานิดหนึ่ง เข้าห้องน้ำออกมา ก็ต้องโจ้กับแขก

    <DD>เป็นอันว่า ๒ องค์ด้วยกัน อาตมากับครูบาธรรมไชย หัวดำผมยาว ด้วยกัน ๒ องค์ ถึงเวลาแล้วก็ต้องเดินทางเข้าวัง ท่านเจ้ากรมสื่อสารทหาร กับคุณหญิง สุวรรณาภา สังขดุลย์ ไปด้วย ท่านเจ้ากรมสื่อสารทหารเป็นคนขับรถ รถดี ๆ พอถึงปั๊มน้ำมัน ก็ปรากฏว่าเจ้าแบตเตอรี่ไม่ทำงาน ช่างทำอย่างไรก็ตามไม่ยอมติด

    <DD>พอดีรถคุณหญิงเยาวมาลย์ บุนนาค ผ่านเข้ามา จึงได้ขอเปลี่ยนรถ พอนั่งรถใหม่ รถคันเก่าสตาร์ทติด วิ่งได้แบบสบาย อันนี้เป็นเหตุอัศจรรย์อันหนึ่ง ซึ่งคาดไม่ผิดคิดว่า ถ้านั่งรถคันนั้นไป คงจะมีอะไรซัก อย่างหนึ่ง เช่น อุบัติเหตุ คือเป็นเหตุที่เราคาดคิดไม่ถึง อาตมาก็ไม่ขอพูด

    <DD>เมื่อเห็นว่า รถแบตเตอรี่มันรวน อาตมาก็นั่งสบายใจ ไม่คิดอะไรทั้งหมด คิดหรือไม่คิดก็ไม่จำเป็น คิดก็แค่นั้น ไม่คิดก็แค่นั้น และถ้าไม่คิด สบายกว่าคิด เพราะว่าคิด มันต้องใช้กำลังงาน เมื่อเปลี่ยนรถ เป็นรถของคุณหญิงเยาวมาลย์ บุนนาค แล้วก็เข้าพระราชฐาน คือ พระบรมมหาราชวัง

    <DD>เข้าไปข้างใน ก็บอกกับครูบาธรรมไชยว่า วันนี้เราสนุกกัน ๒ คน เพราะพระทุกองค์ ยังไง ๆ ท่านก็มีผมสั้นทุกองค์ ท่านปลงผมหมด เราไม่มีเวลาปลงผม คงจะผมยาวด้วยกันอยู่ ๒ องค์ ก็คงจะดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าเราเป็นคนไม่มีพัดยอด จะได้สังเกตไว้ พระทุกองค์ท่านมีพัดยอด เราวันนี้ อย่างดีก็พัดใบตาล เขาจะได้จำได้ ว่าพระทั้งหมดที่ท่านปลงผมเกลี้ยงแล้ว ท่านมีพัดยอด เราผมยาวเป็นพระพัดใบตาล จะได้จำไว้ นี่จำได้ง่าย ๆ

    <DD>แล้วก็การสวดมนต์สวดพรในวังนี่ ก็ไม่ได้เข้ามานาน รู้สึกว่ามันหาย ๆ ไปไหนหมดก็ไม่ทราบ แล้วก็จะได้เป็นสัญลักษณ์ว่า ถ้าบทไหนสวดไม่ได้ เขาจะได้รู้ว่า พระผมยาว ๒ องค์นี้ สวดไม่ครบ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จเจ้าฟ้าหญิง ท่านทรงประเคนอะไรก็ได้ครบ จะถือว่าเป็นการเอาเปรียบก็ไม่ได้ เพราะพระบ้านนอกพระป่าพระดงไม่ใช่พระเมือง นี่พูดกันตามเรื่องของคนที่หาทางออก แต่ความจริงตามด้านจริยานั่น มันใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริง ๆ

    <DD>นี่ตามข่าวเล่าลือ เมื่อสมัยเด็ก ๆ เขาลือกันว่า มีท่านพระยาท่านหนึ่ง มีนามว่าพระยาฤทธิไกร หรือพระยาอะไรก็ไม่ทราบ พระยาฤทธิไกร ดูเหมือนว่าท่าน จะเป็นสารวัตรทหาร ท่านจะเป็นสังฆการีด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เขาลือกัน สมัยนั้นว่า

    <DD>พระทำอะไรไม่ถูกไม่ต้อง สังฆการีท่าน ก็จะชี้หน้าว่า เจ้าโล้นทำอย่างนั้นไม่ถูก ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ความจริงอาตมาฟังดูว่า มันเป็นข่าวลือ นานไปมันออกดอกผลแตกกิ่งแตกก้านออกสาขากันมาก แม้แต่เพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในปัจจุบัน ข้ามวัน สองวัน ก็ขยายไปมากแล้ว นี่ บังเอิญ ถ้ามีสังฆการีแบบนั้นจริง ๆ ตามข่าวลือ แต่อาตมาไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง

    <DD>คนที่อยู่ในพระราชฐาน จะมีกิริยาหยาบอย่างนั้น เห็นจะไม่เป็นความจริง แต่ก็ว่าไม่ได้ นางขุจฉุตตรา ซึ่งเป็นสาวใช้ของพระนางสามาวดี จะเรียกว่าเป็นนางกำนัลก็ไม่ผิด เมื่อมีโอกาสก็ โกงเงินค่าดอกไม้ ของพระนางสามาวดีเสียได้ทุกวัน เอาเสียวันละ ๔ ตำลึง เชื้อสายของนางขุจฉุตตรา สืบทอดเชื้อสายยืดยาวมาถึง ปัจจุบันหรือไม่ อาตมาไม่ทราบ

    <DD>ความจริง นางขุจฉุตตรา ความจริงเวลานี้ ก็อาจจะเข้านิพพานแล้ว แต่ว่ารากแก้วที่ทิ้งไว้ในพระราชฐานต่าง ๆ ไม่ได้ หมายความถึง ในประเทศไทย คือในทั่วโลกนี่ จะมีเชื้อสายของนางขุจฉุตตราหรือไม่บ้างก็ไม่ทราบ ถ้าบังเอิญยังคงมีอยู่ เชื้อสายของสังฆการีเดิม ก็ยังคงมีอยู่ แต่ว่าวันนั้น อาตมาเข้าไป ท่านสังฆการีไม่ได้ว่าอะไร เป็นอันว่าเชื้อสายของสังฆการีเก่า คงยังอยู่ที่ร่ำลือนั้น ไม่เป็นความจริง

    <DD>เมื่อเข้าไปในพระราชฐาน ที่พระที่นั่งไพศาลฯ เป็นพระที่นั่งเก่า ๆ ภาพที่เขียนก็เขียนเก่า ๆ ตึกที่ตั้งอยู่ก็เป็นตึกเก่า ๆ พื้นก็เป็นพื้นเก่า ๆ พรมก็เป็นพรมเก่า ๆ พระที่เข้าไปในนั้น ก็เป็นพระเก่า ๆ คือแก่ เป็นอันว่า มีของเก่าลายครามทั้งหมด เฉพาะพระกับตึก คือสำหรับฆราวาสที่เข้าไป เก่าบ้างไม่เก่าบ้าง คือบางท่านก็เก่า บางท่านก็ไม่เก่า เป็นอันว่าวันนั้น ไปพบของเก่า ๆ ก็เลยไปนั่งดูของ เก่า ๆ

    <DD>อาตมาเองกับครูบาธรรมไชย ก็มีของเก่า ๆ เพราะว่าของเก่า คือผม เพราะว่าวันนั้นพระทุกองค์ท่านปลงผมไปหมด อาตมายังเหลืออยู่ ก็เป็นอันว่า ผมเก่าที่จะต้องทิ้งก็ยังเหลืออยู่ วันนั้น จึงชื่อว่าเป็นวันเก่า ๆ นี่ ผู้ฟังเทปจะขว้างเทปทิ้งหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะมี เทปบางตอน อย่างเทปของพระนางมาคันทิยา บางท่านฟังแล้วเอาเทปขว้างว่า พระจัญไรพูดอะไรแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน ท่านขว้างสตางค์ของท่านทิ้ง ก็ช่างมันเถอะ นี่เราพูดกันตามความเป็นจริง

    <DD>เมื่อเข้าไปแล้ว ก็พบกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าคุณสุทธาธิบดี ท่านเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ และพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดไตรมิตร และมีอีกหลายองค์ ที่อาตมาไม่รู้จัก องค์นี้รู้จัก นมัสการท่านตามสมควร

    <DD>ท่านเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ท่านเจ้าคุณสุทธาธิบดี ท่านเป็นพระรุ่นพี่ แต่อาตมาก็เคารพท่าน เหมือนพ่อทั้ง ๔ องค์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ เจ้าคุณสุทธาธิบดี แล้วก็ท่านเจ้าอาวาสวัดไตรมิตร ทั้ง ๔ องค์นี่ ก็เคารพท่านมาก ที่ว่าเคารพก็เพราะว่าหนึ่ง ท่านมีอาวุโสมากกว่า สอง เจอะกันคราวไร ท่านก็แสดงความเป็นพี่ที่ดีอยู่เสมอ นี่ เรียกว่า เป็นพี่จะอาจเอื้อมเกินไปไหม

    <DD>ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย องค์สมเด็จพระจอมไตรผู้มีพระภาคเจ้า ใครบวชก่อน คนนั้นถือว่าเป็นพี่ ใครบวชทีหลังถือว่าเป็นน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถวายนมัสการท่าน ๆ ก็ โอภาปราศรัยด้วยดี แต่บางท่าน อาจจะแปลกใจว่า เจ้าเถรสององค์นี่ หัวดำทั้งคู่ คนอื่นเขาหัวขาว หัวเกลี้ยงหมดแล้ว อาตมาก็รู้ตัว แต่ว่าแก้ไขไม่ได้ แต่จะว่ากันตามมรรยาท มันผิดมรรยาทมากทีเดียว

    <DD>ถ้าอย่างเมื่อสมัยก่อน พระมหากษัตริย์ท่านทรงตำหนิว่า เป็นคนไม่รู้กาลไม่รู้สมัย แต่จะทำอย่างไรได้ เวลามันเร่ง ท่านเจ้าคุณพี่ คือ ท่านเจ้าคุณสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ชี้หน้า เฮ้ย ๆ เอ็งนี่ มันบุกรุกมากนี่หว่า เอ็งมันหากินไกลมากนัก นี่โว้ย เข้ามาถึงในวัง พวกนี้ท่านเป็นพี่จริง ๆ ท่านแสดงความเป็นกันเองอยู่เสมอ เพราะท่านเป็นคนบางปะหัน อยุธยา อาตมาเป็นคนอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    <DD>ท่านก็บอกว่า พระองค์อื่น ท่านหันมา แสดงว่าท่านไม่รู้จัก ท่านก็เลยบอกว่า ไอ้เจ้านี่ละ ไอ้ฤาษีลิงดำ เป็นอันว่าท่าน แสดงความเป็นกันเอง ให้เกิดความสบายใจ แม้แต่สมเด็จ ๒ องค์ก็เช่นเดียวกัน แล้วท่านเจ้าอาวาสวัดไตรมิตร ท่านก็บอกว่ายินดีด้วยนะ ท่านบอกว่ายินดีด้วยที่ที่วัดเรียบร้อยได้ด้วยดี กราบเรียนท่านว่า เพราะอาศัยพระเดชพระคุณของทุกท่านที่ได้ช่วยเหลือ จึงเป็นไปด้วยดี

    <DD>เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัท วันนี้ก็เพิ่งจะย่องเข้าไปในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เวลาก็หมดเสียแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแก่พุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน


    <CENTER>สวัสดี</CENTER></DD>
     
  3. thanatpongl

    thanatpongl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +475
    ไม่ทราบว่า มี file ให้ download ทั้ง สอง เล่มไหมครับ หากมีรบกวนขอน่ะครับจะเก็บไว้และจะได้นำไปเผยแพร่ต่อไปครับ สาธุ!สาธุ!สาธุ!
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
    สาธุ ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้เป็นอย่างสูงครับ
     
  5. SPARTANS

    SPARTANS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,380
    ค่าพลัง:
    +2,987
    อนุโมทนาครับ

    <STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE>
    <STYLE>TABLE {background-color: transparent;border-style: none;border-spacing: none;}TD {border: none;border-color:none;background: none;}</STYLE>

    <STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758353/");}</STYLE>
     
  6. baiiboom

    baiiboom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +2,385
    <center><!-- google_ad_section_start -->ขอพระองค์ทรงพระเจริญ<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- google_ad_section_start -->ในวาระวันเฉลิมของพระบาทสวเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของปวงชนชาวสยาม ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยและสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้ปวงชนชาวสยามตราบนานเท่านาน ด้วยเกล้าดัวยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า

    นาย พีรทัศน์ สมบูรณืไอยการ(บอล เรืองตะวัน)
     
  7. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่ง
    และขอถวายอนุโมทนา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงค์ ทุกๆ พระองค์ __/|\__


    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ

    โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
    โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    อนุโมทนาสาธุครับ เมื่อคืนและวันนี้ไปร่วมปฎิบัตฺธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล เทิดไท้องค์ราชัน มาครับ ร่วมอนุโมทนานะครับ
     
  9. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    สาธุ สาธุ สาธุ


    บุญ มหาศาล...
     
  10. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    ขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ มีความเพียรสูงมากค่ะ สาธุค่ะ
     
  11. เจี๊ยบ รักพ่อหลวงภูมิพล

    เจี๊ยบ รักพ่อหลวงภูมิพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,646
    ค่าพลัง:
    +4,273
    อนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ ขอพระองค์ทรงพระเจริญมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...