{ } พระอุปคุตสุภโร หลวงปู่หา ภูกุ้มข้าว ผู้ค้นพบ วิญญาณไดโนเสาร์

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย โอสถ, 11 มีนาคม 2015.

  1. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระพุทธรูปคอหัก

    พระพุทธรูปคอหัก

    บ่ายวันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังนั่งรถเข็ญออกตรวจบริเวณวัด พบชาย ๒-๓ คนกำลังก้มๆเงยๆ อยู่โคนต้นไม้หลังอุโบสถ

    หลวงปู่ : ทำอะไร โยม

    โยม : พวกกระผมเอาพระพุทธรูปมาปล่อย(ทิ้ง)ครับ

    หลวงปู่ : ทำไมเอาพระพุทธรูปมาปล่อยซะหล่ะ

    โยม : พระพุทธรูปสององค์นี้คอหักครับ พ่อว่าไม่ดีเลยให้เอามาปล่อย

    หลวงปู่ : อ้อ พระพุทธรูปคอหักไม่ดี เลยเอามาปล่อยวัด อะไรไม่ดีก็เอามาปล่อยวัด หมากัดเป็ดกัดไก่ ไก่ ๔ ขา หมา ๔ หู ต้นไม้ประหลาด
    ลูกบอกไม่ได้สอนไม่เอาก็ให้มาบวช แต่เวลาขอของดีต้องมาขอกับพระ มาหาพระมาหาของดี ที่ไม่ดีก็เอามาทิ้งวัด มาทิ้งให้เป็นภาระพระ
    พระพุทธรูปคอหักคุณว่าไม่ดี เพราะคุณเข้าใจว่าไม่ดี ตอนไปบูชามาเสียเงินเสียทอง เอามากราบไว้บูชา ถือว่าดีว่าขลัง
    พอตกแตกคอหักคุณก็ว่าเป็นของอัปมงคล คนเราอยู่ด้วยกันรักกันชอบกัน พออีกคนตายหมดลมหายใจก็กลัวกัน สมมุติกันว่าเป็นผีก็พาลกลัวกันซะอีก คุณเอ้ย
    ความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่ก้อนอิฐก้อนดินดอกนะ ความเป็นคนก็ไม่ได้อยู่กับร่างกายสังขารดอกนะ ความเป็นพระอยู่ที่คุณงามความดีของพระองค์
    ความเป็นคนก็อยู่ที่คุณงามความดีของเขา คุณสมมติว่าพระคอหักคือพระตายก็กลัวพระคอหัก คุณสมมติว่าคนหมดลมหายใจก็เป็นผีก็กลัวผี
    ถ้าความเป็นพระอยู่ที่ใจเรา พระนั้นถึงจะแตกจะหักก็น่ากราบน่าไหว้ ถ้าความเป็นคนอยู่ที่ความรักความผูกพันธ์ อยู่ในความดีของกันและกัน
    ถึงเขาหมดลมก็ยังน่าคิดถึงน่านับถือ ไม่น่ากลัว แต่คุณคิดว่าเมื่อเสกพระพุทธรูปแล้วท่านมีชีวิต มีความขลัง พอท่านคอหักก็คือท่านตาย
    ท่านหมดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้เข้าใจเสียใหม่ พระก็คือพระจะคอหักจะแตกจะบิ่นความเป็นพระก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
    เพราะพระก็คือพระ ความดีเป็นพระ ความที่พระองค์ทรงสั่งทรงสอนเป็นพระ ไม่ใช่ความเป็นอิฐเป็นดินเป็นพระ
    ถ้ามีความเชื่อความศรัทธาอย่างนี้ พระจะแตกจะหักเราก็ยังเก็บไว้ได้ ยังกราบได้ เข้าใจนะ

    โยม : แล้วจะให้พวกผมทำอย่างกับพระพุทธรูปคอหักนี้ครับ

    หลวงปู่ : ที่บ้านมีกาวไหม มีก็ทาติดให้เหมือนเดิมซะ

    โยม ...................................

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  2. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    กินเจเว้นกรรม

    กินเจเว้นกรรม

    เหตุเกิดเมื่อปีที่แล้ว ณ วัดสักกะวันเมื่อมีโยมคณะหนึ่งไปกราบหลวงปู่

    โยม :หลวงปู่เจ้าขา โยมกับเพื่อนอธิษฐานว่าปีนี้ตลอดพรรษาจะกินเจกันและกินมาได้หนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ

    หลวงปู่: อือ ดีแล้ว กินเจได้ คนฆ่าสัตว์ก็ลดลง

    โยม: นั้นสิเจ้าค่ะหลวงปู่ คนกินเจ งดฆ่าสัตว์ ได้บุญ ไม่รู้ทำไมนะ คนชอบกินสัตว์ กินแล้วก็ฆ่าเขา ถึงตัวเองไม่ได้ฆ่าไปซื้อเขาก็เท่ากับ สนับสนุนคนอื่นเขาฆ่าตัวเองก็บาปด้วย โยมคิดว่าคนกินเนื้อสัตว์ต้องตกนรกแน่นอน นี่ไงโยมถึงว่าคนกินเนื้อเหมือนเปรตเหมือนผี

    หลวงปู่: คุณ!! คุณงดการฆ่าได้เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา คุณไม่กินเนื้อได้ก็น่าอนุโมทนาเพราะคุณลดการเบียดเบียนทางปาก แต่การที่ส่งใจไปคิดไม่ดีกับคนอื่น การนินทาว่าร้าย การเห็นว่าเขาเลว นั้นก็การเบียดเบียนคนอื่นเขาด้วย

    คุณกินเจด้วยใจเป็นบุญเป็นกุศลนั้นยอดความดี แต่เมื่อกินแล้วกลับไปกล่าวร้ายว่าร้ายคนอื่นคุณก็ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ดีนั้นหล่ะ ปากหน่ะเป็นบ่อเกิดบุญก็ได้ เป็นบ่อเกิดบาปก็ได้ เราทำดีนั่นเป็นส่วนดีของเรา แต่อย่าเที่ยวไปว่าคนอื่นเขา ศีลมีไว้พัฒนาตนเองไม่ใช่มีไว้จับผิดคนอื่น คนที่กินผักกินเจแล้วเที่ยวไปว่าคนอื่นก็หนีไม่พ้นการเบียดเบียนอยู่ดี จงทำตนให้ดีแต่อย่าไปเที่ยวว่าใครเห็นว่าตนดีกว่าเขา คุณก็ทุกข์เท่าความดีที่คุณมีนั่นหล่ะ ทำความดีหน่ะมันดี แต่หลงในความดีหรือหลงในสิ่งที่ตนคิดว่าดี ความดีนั่นกำลังทำร้ายเรานะ

    ทำดีแทนที่จะมีสุขกลับทุกข์เพราะความดีที่ตนทำ จำไว้ความดีความบริสุทธิ์เป็นเรื่องส่วนบุคคลอย่าเอาตนเป็นบรรทัดฐาน กินเจกินผัก ต้องเว้นการเบียนเบียนทางกายทางวาจาทางใจด้วย ถ้ากินเจแล้วเที่ยวไปจับผิดคนอื่น อย่ากินเลยจะดีกว่า
     
  3. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน

    ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน

    ด้วยเรื่องการปฏิบัติธรรมของเมืองไทยมีอยู่หลายสำนัก หลายวัด ทำให้ผู้คนเริ่มสับสนไม่รู้ว่าควร ปฏิบัติตามแนวทางใด สำนักใดจึงจะถูกต้อง วันนี้ก็เช่นกัน หลังฉันเช้าเสร็จก็มีโยมเข้ามากราบและเรียนถามปัญหาคาใจกับหลวงปู่

    โยม ; หลวงปู่เจ้าขา โยมเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม ชอบกราบชอบไหว้...ครูบาอาจารย์ เจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; อนุโมทนานะคุณนะ

    โยม ; โยมไปปฏิบัติมาหลายสำนัก แต่งงที่ยังไม่ก้าวหน้ามาหลังเลยเจ้าค่ะ เวลาภาวนาพุทโธ บางที่พอง-ยุบก็เข้ามาแทรก ครั้นพอเอาสติมาจับพอง-ยุบ สัมมาอรหังก็โผล่มา ไม่รู้โยมจะทำอย่างไร จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว ไม่ทราบว่าสายไหนดี สายไหนไม่ดีเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เหอะ เหอะ คุณรู้จักเป็ดไหม

    โยม ; รู้จักเจ้าค่ะ ทำไมเจ้าค่ะ

    หลวงปู่ ; เออ เป็ดหน่ะ มันบินเป็น ว่ายน้ำเป็น เดินก็เป็น มุดน้ำก็เป็น แต่มันเป็นแบบไม่เก่ง ไม่สวย เดินมันก็เดินไม่สวยเหมือนไก่ ว่ายน้ำมันก็ว่ายเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนปลา บินมันก็บินเป็นแต่ไม่เก่งเหมือนนก สำนักปฏิบัติธรรมมีมากมายหลายหลาก ต่างแบบก็ต่างทำ ต่างวิธีการ ล้วนแต่ทำตามความถนัด ทำตามจริตของตนเอง ของครูบาอาจารย์ แต่ทุกสำนักทุกสายก็รวมลงที่ความสงบ รวมลงที่ปัญญา รวมลงที่การรู้ธรรมเห็นธรรม ตามแบบตามแผนที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งท่านสอน ถนนทุกสายล้วนมุ่งสู่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงก็ล้วนมุ่งสู่พระนิพพาน ให้เดินถนนสายเดียวนะ จะเข้ากรุงเทพ ออกไปจากการสินธุ์ ไปถึงขอนแก่นก็เปลี่ยนใจวิ่งไปทางเมืองเลย ไปถึงเมืองเลยก็วิ่งเข้าพิษณุโลก ออกจากพิษณุโลกก็เปลี่ยนใจไปกาญจนบุรี แล้วเมื่อไหร่จะถึงกรุงเทพ ทั้งๆที่ถนนทุกสายก็มุ่งสู่กรุงเทพ ก็เพราะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา หาถนนเส้นนั้น เปลี่ยนถนนเส้นนี้ ก็เนิ่นช้าเท่านั้น คุณเอ้ย ถ้ากรรมฐานยังจัดเข้าใน สมถะ ๔๐ วิปัสนา ๒ อย่างอยู่ กรรมฐานนั้น การปฏิบัติของสำนักนั้นก็ถือว่าถูกต้อง อย่าเลือกว่าสายใดแบบไหน อย่ามีสาย อย่าไปสังกัดสายนั้นสายนี้ ให้มันเป็นอัตตา ให้มันมีตัวมีตน เราปฏิบัติเพื่อทิ้งตัวทิ้งตน มีสายก็มีตน มีตนก็มีเรา มีเราก็มีพวกเขาพวกเรา เห็นว่าเราดีกว่าเขา เขาเลวกว่าเรา ถ้าคุณภาวนาพุทโธแล้วเที่ยวไปเหยียดหยาม พองหนอ - ยุบหนอ ไปเหยียดหยามสัมมาอรหัง ไปเหยียดหยามนะมะพะธะ ว่าเป็นของเลวเป็นของไม่ดี ในเมื่อคุณยังไม่เคยปฏิบัติคุณรู้หรือว่าไม่ดี คุณไม่รู้จักดี ไม่รู้อย่างลึกซึ้ง ไปยังไม่ถึงที่สุด จะเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่สำนักเหล่านั้นหรือ ธรรมมะของพระบรมครูตรัสไว้มากมาย ตรัสให้คนต่างคน ต่างโอกาสฟัง คุณไม่ต้องทำตามเสียทุกอย่างนี่ เลือกเอาที่ตรงใจเรา ตรงจริตเรา เหมาะสมกับเราแล้วปฏิบัติ เดินทางเดียวอย่าเดินหลายทาง มันช้า เข้าใจนะ

    โยม ; เจ้าค่ะ แต่โยมจะแก้อาการที่พบอยู่อย่างไรเจ้าคะ

    หลวงปู่ ; ตั้งผู้รู้ขึ้นนะ ตั้งสตินะ รู้กับเดี๋ยวนี้ รู้กับขณะนี้ แล้วดูความเปลี่ยนแปลงในใจ ดูคำบริกรรม อย่าทิ้งบริกรรม ตั้งสติดูคำบริกรรม เมื่อมันขาดสติไปหาคำอื่นๆตั้งสติแล้วดึงกลับมา เลิกเป็นกรรมฐานเป็ด เลิกเป็นกรรมลอย ลอยไปหาคำนั้น ลอยไปหาวิธีนี้ ให้มั่นใจในเส้นทางที่ครูบาอาจารย์นำพาพวกเราเดิน เข้าใจนะ อย่าเป็นกรรมฐานเป็ดนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  4. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    วันนี้มีโยมมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร เลยขึ้นมานมัสการองค์หลวงปู่ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผลจึงกราบเรียนถามปัญหาคาใจ

    โยม : หลวงปู่ครับพระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าครับ

    หลวงปู่ : มีจริงสิ ทำไมจะไม่มี

    โยม : เราจะพิสูจน์ยังไงครับว่าพระพุทธเจ้ามีจริงและคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฏกเป็นของจริง อาจเป็นพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเขียนขึ้นมาเองก็ได้

    หลวงปู่ : ไดโนเสาร์มีจริงไหมคุณ

    โยม : มีสิครับผม

    หลวงปู่ : อ้าวคุณรู้ได้ไงว่าไดโนเสาร์มีอาจเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เอาอะไรมาหล่อเป็นโครงกระดูกแล้วแต่งเรื่องหลอกพวกคุณก็ได้

    โยม : ก็มีฟอสซิล มีโครงกระดูก มีนักวิชาการรับรองว่าไดโนเสาร์มีจริงเป็นสัตว์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนี่ครับ มีการพิสูจน์มีเอกสารรับรอง

    หลวงปู่ : ถ้าคุณว่าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็ทรงมีจริง พระธาตุหรือกระดูกของพระองค์ยังอยู่ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็ยังอยู่ พระอรหันต์พระอริยะเจ้าที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ก็ยังพ้นทุกข์อยู่ ท่านเหล่านั้นก็ยืนยันว่าพระธรรมของพระองค์ปฏิบัติได้จริงและพิสูจน์แล้วเห็นผลจริง พวกเราผู้เกิดไม่ทันก็อาศัยพระธรรมคำสั่งสอนนั้น ปฏิบัติตามและก็เห็นผลตามนั้น ถ้ามีครูบาอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่งแต่งพระไตรปิฏกมาหลวงปู่ก็ถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าเพราะภูมิธรรมในชั้นพระไตรปิฏกเป็นธรรมชั้นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงแสดงได้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระอรหันต์พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม ล้วนแต่เคารพในพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสั่งสอนนั้น พระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมปฏิบัติได้จริงเห็นผลจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้หลอกเรา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก้ไม่หลอกเรา เพราะพระไตรปิฏกนั้นก็เป็นเครื่องรับรองความมีอยู่ของพระพุทธเจ้านั้นไงเล่า

    โยม : อย่างนั้นผมจะเคารพต่อครูบาอาจารย์และปฏิบัติตามพระไตรปิฏกจะสามารถพ้นทุกข์และเข้าสู่พระนิพพานเป็นพระอริยะเจ้าได้ใช่ไหมครับหลวงปู่

    หลวงปู่ : ไม่ได้ บางคนหลงหนังสือหลงพระไตรปิฏกจนลืมพระธรรม บางคนหลงครูบาอาจารย์เที่ยวกราบเที่ยวเฝ้าเที่ยวแหนครูบาอาจารย์ จนลืมการปฏิบัติ อะไรที่สอนเราได้ที่เราพิจารณาเพื่อลดความอยากละกิเลสตัณหาได้ อันนั้นก็พระธรรม เราอาศัยพระไตรปิฏกและครูบาอาจารย์เป็นแนวทางเป็นหลักยึดเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่การหลงยึดหลงติดในพระไตรปิฏกหลงติดในครูบาอาจารย์ก็เป็นเครื่องขวางกั้นพระนิพพานได้เหมือนกัน หลงมันก็คือหลง จะให้เดินตามทางที่ถูกต้องไม่หลง เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  5. jaru

    jaru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +710
    ขอจองครับ
     
  6. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
  7. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    พระแท้ ยังมีอยู่ในพระศาสนา

    โยม: หลวงปู่ครับผมจะขอนับถือแค่พระพุทธกับพระธรรมครับเพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่าพระแท้ๆหมดแล้วจากพระศาสนา

    หลวงปู่: ฮ้วย แสดงว่าบ่นับถืออาตมานำตั้วนี่

    โยม: เปล่าๆ ครับหลวงปู่ ผมยังเคารพศัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม

    หลวงปู่: เอ้าไสว่าไม่นับถือพระสงฆ์เด้

    โยม: เว้นหลวงปู่สิครับผม

    หลวงปู่: บ่ะ เว้นหลวงปู่ก็แสดงว่าหลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ

    โยม: (ทำหน้าเหมือนคิดหนัก).........

    หลวงปู่: บักหล่าเอ้ย เวลาเขาเอาทองคำนั้นเขาไปหามาจากที่ไหน

    โยม: ไปขุดดินแล้วร่อนเอาทองมาครับ

    หลวงปู่: ดินมากหรือทองมาก

    โยม: ดินมากครับผม ร่อนทองจากดินมากแล้วจะได้ทองนิดเดียว

    หลวงปู่: มันก็เหมือนพระสงฆ์นั้นหล่ะ พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมติสงฆ์ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่ มันก็มีบ้างเสียบ้าง จะให้ดีหมดมันก็ทำไม่ได้ จะให้มันเสียหมดก็ทำไม่ได้ ส่วนที่มันเป็นดินก็อย่าเอา เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ ถ้าเชื่อหลวงปู่ถ้าเคารพหลวงปู่ ก็จงเชื่อว่าพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีมากมาย อย่าเหมาว่าไม่ดีทั้งหมด ขนาดคุณยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้ พระรัตนตรัยเหมือนไม้สามลำค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม จำไว้พระก็คือนักเรียน ผู้เป็นอริยะคือผู้สอบผ่าน ผู้เป็นข่าวคือผู้สอบตก ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  8. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ยศถาบรรดาศักดิ์

    ยศถาบรรดาศักดิ์


    หลวงปู่มีศิษย์เป็นข้าราชการทหารเรือหลายท่าน ตั้งแต่ผู้พัน ผู้การ ตลอดจนถึงนายสิบนายจ่า บางนายเป็นศิษย์เพราะธรรม บางนายเป็นศิษย์เพราะวัตถุมงคล บางนายเป็นศิษย์เพราะหลวงปู่ไปโปรดเอาในฝัน บางนายหลวงปู่ช่วยชีวิตจากกระสุนจากระเบิด หลวงปู่จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรืออย่างยิ่ง ทุกนายเมื่อมีปัญหาทุกข์เนื้อร้อนใจก็มักจะกราบเรียนท่านอยู่เสมอ เช่นท่านผู้การ(พลเรือโท(พิเศษ)) เป็นศิษย์คนโปรดองค์หลวงปู่เพราะท่านจะมาร่วมงาน มาปฏิบัติกับท่านไม่ได้ขาด หลวงปู่ชอบชมผู้การท่านนี้ให้พระ-เณร ฟังเสมอ เมื่อท่านเกษียนประมาณปลายปีที่แล้ว ก็เข้ามากราบองค์หลวงปู่

    ผู้การ: กราบนมัสการปู่ครับผม

    หลวงปู่: อือ ผู้การมายังไง

    ผู้การ: กระผมตั้งใจมากราบครูบาอาจารย์ ผมจะมาลาบวชสัก ๒-๓ เดือน บวชให้เจ้ากรรมนายเวร

    หลวงปู่: อือ สาธุ ดีแล้วๆ

    ผู้การ: แต่หลวงปู่ครับผม มันน่าใจหาย ทั้งๆที่ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก่อนมีลูกน้อง มีคนดูแล มาบวชแล้วจะต้องทำตัวอย่างไร มันเหมือนมีอะไรหายๆไป คิดแล้วก็น่าใจหาย

    หลวงปู่: เหอ โอ้ปฏิบัติมาจนป่านนี้ยังตัดห่วงไม่ขาดเหรอ เป็นพระแล้วไม่มีพระพลโท พระพลเอกนะ มีแต่พระ มีแต่ผู้ปฏิบัติ ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็ไม่ได้เป็นพลเอก พลโทมาด้วยนะ เมื่อเราคิดได้อย่างนี้ความยึดความติดมันจะลดลง แท้จริงแล้วเราไม่ได้เป็นอะไรและอย่าเป็นอะไร เพราะเราเป็นอะไรเราก็ทุกข์เพราะเราเป็น ทุกข์เท่าที่เราเป็นนั้นหล่ะ อย่าเป็นมันเป็นแล้วมันทุกข์ หลวงปู่ ไม่เป็นเจ้าคุณ ไม่เป็นพระอริยะ ไม่เป็นไดโนเสาร์ ไม่เป็นผู้วิเศษ คุณก็เหมือนกันนะ เป็นนายพลก็ทุกข์เท่านายพล เป็นนายพันก็ทุกข์เท่านายพัน เป็นพลทหารก็ทุกข์เท่าพลทหาร อย่าเป็นมันทุกข์นะ ยศที่ได้มาคือหน้าที่ ที่เราต้องรับผิดชอบ เมื่อหมดหน้าที่แล้วก็หมดยศด้วย แต่เรายังเหลือยศอันเดียวกันยศเท่ากัน นั้นคือยศคน เราเป็นคน ยศที่คุณหมดไป อันนั้นเป็นยศดีกรี แต่พระพุทธเจ้าท่านมียศดีจริงให้นะ ยศดีจริงคือ ยกระดับใจเราจากคนเป็นมนุษย์ จากมนุษย์เป็นพระ จากพระเป็นอริยะ คุณละยศดีกรีเสียแล้วมาเอายศดีจริง ยศดีกรีเมื่อคุณละโลกนี้ไปแล้วเกิดมาใหม่ต้องมาหาอีกนะ แต่ยศดีจริงแม้คุณจะละโลกนี้ไปยศนั้นจะตามคุณไปด้วย เกิดชาติหน้าไม่ต้องหาใหม่ มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ละวางยศดีกรีซะ ปล่อยซะวางซะ แล้วเพียรพยายามทำยศดีจริงให้มันเกิดขึ้น เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  9. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    คนเราหน่ะไม่เคยมีใครไม่เคยผ่านนรก แต่มันพากันลืมชาติ บางคนขึ้นมาจากนรกมาเป็นคน บางคนลงมาจากสวรรค์มาเป็นคน คนมาจากนรกแล้วขึ้นสวรรค์ก็มี ขึ้นมาจากนรกกลับลงไปนรกก็มี ลงมาจากสวรรค์ลงไปนรกก็มี ลงมาจากสวรรค์กลับขึ้นสวรรค์ก็มี อย่าพากันลืมชาติ พากันมาสบายบนโลกมนุษย์ ลืมความทุกข์ความร้อนในนรก พากันทำความชั่วก็ลงนรกอย่างเก่า

    พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่ผู้สร้างโลก ไม่ใช่ผู้สร้างนรก ไม่ใช่ผู้สร้างสวรรค์ ท่านเป็นโลกะวิทู เป็นผู้รู้โลก รู้นรก รู้สวรรค์ รู้นิพพาน และรู้วิธีไปสู่ที่นั้นๆ ให้พากันเชื่อพระพุทธเจ้า อย่าฝืนคำท่าน ท่านบอก ท่านสอน ท่านเอ็นดูเมตตาโลก

    เสียดายบางคนเป็นเทวดามาเป็นคนก็มาหลงคนหลงโลกทำความชั่วลงนรกไป ตั้งใจจากสวรรค์ว่าจะมาทำความดี จะมาทำบุญ ก็มาหลงโลก ทำชั่วแล้วลงนรก คุณเอ้ยเรายังไม่ถึงพระโสดา ก็ยังไม่พ้นนรก นรกไม่ใช่ของเล่น มันทุกข์มันยาก มันแสบมันร้อน ร้อนในโลกเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักเสี้ยวของร้อนในนรก

    พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร)
    เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว)
    ต.โนนบุรี อ.สหัสขันธุ์ จ.กาฬสินธุ์
     
  10. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    สรุปว่า รายการ EX4 พระอุปคุตสุภโร เนื้อพิเศษ ...
    เวลา เกินกำหนดการจอง โดยขาดการติดต่อเพื่อขอเลื่อนเวลา ... ดังนั้น ถือว่าสละสิทธิ์การจอง

    รายการนี้ เจ้าของพระ ให้นำเก็บเข้ากรุ ไม่นำออกให้บูชา ถือว่า พระท่านไม่ต้องการรับนิมนต์ ท่านอยากอยู่กับเจ้าของเดิมต่อไป

    ได้ดำเนินการ จัดส่งพระกลับไปที่ท่านเจ้าของเดิมแล้ว

    แจ้งเพื่อทราบ
     
  11. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
  12. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    เวทนาที่สะโพก ไม่ได้ปวดที่ปาก ไม่ได้ปวดที่ใจ

    เมื่อหลวงปู่เผชิญเวทนา

    ดังที่ได้ทราบกันว่าเมื่อต้นเดือนกรกฏาคม ขณะที่องค์หลวงปู่กำลังเดินจงกรมท่านได้ลื่นล้ม จนกระดูกที่บริเวณสะโพก(สลักเพชร)แตก แต่หลวงปู่ใช้ขันติธรรมประคองตัวนั่งอยู่ จนคณะโยมอุปฐากไปพบ จึงได้ประคองหลวงปู่เข้าที่พัก

    แต่ท่านก็ไม่ได้บอกว่าท่านล้มเพียงแต่ปรารภว่า ท่านมีเวทนาที่สะโพกอย่างแรง
    วันต่อมาท่านมีอาการไข้และลุกขึ้นทำกิจไม่ได้ จนคุณมงคล คงสุขจิระและคณะอุปฐากจากกรุงเทพได้นำรถตู้ไปรับมารักษาที่กรุงเทพ คณะพระภิกษุสามเณรจึงได้เข้าไปกราบเยี่ยมอาการป่วย

    คุณหมอแจ้งคณะอุปฐากจากกรุงเทพว่า องค์หลวงปู่มีการกระดูกสะโพกแตก ต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน

    แต่ปัญหาคือว่า เวลาคุณหมอถามว่า ท่านปวดหรือไม่ท่านจะตอบว่า ไม่ปวดดอก
    ซึ่งคณะแพทย์ขอให้คณะพระเณรอุปฐากกราบเรียนท่านว่าให้บอกคุณหมอตามอาการ
    คณะอุปฐากจึงเข้ากราบเรียนถามอาการ

    พระ : ขอโอกาสพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ทราบข่าวว่า พ่อแม่กระดูกแตก พ่อแม่ปวดไหมครับผม

    หลวงปู่ : ปวดอยู่

    พระ : ขอโอกาส ปวดมากไหมครับผม

    หลวงปู่ : ปวดเท่าที่มันปวด นั้นหล่ะ ถ้าจะถามถึงว่าแค่ไหน ปวดจนแทบทนไม่ไหว ปางตายนั้นหล่ะ

    พระ : ขอโอกาส ปวดมากทำไมองค์พ่อแม่ ไม่แสดงอาการปวดเลย หน้าตายังสดใสเหมือนคนไม่ป่วย

    หลวงปู่ : ฮ้วย!!! ถ้าผมบ่นว่าเจ็บว่าปวดและมันหายเจ็บหายปวดผมก็จะบ่น แต่นี่บ่นแล้วไม่ก็ไม่หาย

    ไม่รู้ผมจะบ่นไปทำไม เวทนามันกล้าที่สะโพก มันปวดที่สะโพก มันไม่ได้ปวดที่ปากไม่ได้ปวดที่ใจ


    ถ้าเที่ยวร้องครวญครางให้คนเขารู้ว่าเราเจ็บเราปวดมีดีขึ้นผมก็จะทำ คุณเอ้ย ผมปวดที่สะโพก มันก็สะโพกผมปวด ถ้าผมบ่นว่าปวดแสดงว่ามันปวดที่ปากปวดที่ใจ

    ทำออกไปแสดงออกไปแทนที่มันจะดีมันกลับเสีย เป็นคนเสียสติ ให้เอาเจ็บเอาปวดสอนเรานะ

    มันเจ็บมันปวดที่สะโพกแต่ผมไม่ได้เจ็บได้ปวดด้วย สะโพกมันมีหน้าที่ปวดแต่ผมมีหน้าที่ดูใจดูพุทโธ

    ไม่มีเวลาว่างไปดูสะโพกดอก คุณเอ้ยเห็นคนอื่นเขาป่วยให้เอามาสอนเราว่าสักวันเราก็ต้องเจ็บเราก็ต้องป่วย

    เราหนีไม่พ้น เห็นเขาเป็นให้เอามาสอนเรา น้อมเข้ามาใส่เรา
    อย่าพากันหลงว่าเราจะไม่เจ็บไม่ป่วย
    สักวันมันต้องเป็นทีเรา
    ทีเขาประคับประคองใจได้หรือไม่ ทีเราประคับประคองใจเราได้หรือไม่
    อย่าพากันบ่นว่าเจ็บว่าปวด หันกลับมาดูใจเจ้าของ ไม่จะได้ไม่ปวดใจ เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2015
  13. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ปล่อยวาง ปล่อยวาง จงปล่อยวาง

    ปล่อยวาง ปล่อยวาง จงปล่อยวาง

    โยม : หลวงปู่ครับ ทำไมไปที่ไหนๆ
    พระท่านก็สอนแต่ให้ปล่อยวาง ปล่อยวาง
    ถ้าทุกคนปล่อยวางหมด ถ้าอะไร อะไรก็ปล่อยวาง
    แล้วประเทศชาติจะพัฒนาเหรอครับ

    หลวงปู่ : หือ คุณเข้าใจคำว่าปล่อยวางแค่ไหน

    โยม : ก็.... ผมคิดว่าการปล่อยวาง คือการละทิ้งทุกอย่าง
    ไม่สนใจอะไรเลย ไม่ยึดไม่ติด เอาตัวเองรอดอย่างเดียว

    หลวงปู่ ; นั้นคุณกำลังยึดติด

    โยม ;อ้าว ผมยึดติดยังไงครับหลวงปู่
    ก็ในเมื่อผมวางทุกอย่าง ไม่สนใจอะไร ไม่สนใจใคร

    หลวงปู่ ; นั้นหล่ะยึดติด ยึดติดในความคิดของคุณไง
    ยึดติดในความเห็นผิดไง การปล่อยวางแบบที่คุณว่าเป็นการปล่อยปละละเลย
    ไม่ใช่การปล่อยวาง บ้านสกปรก คุณไม่กวาดคุณก็บอกว่าปล่อยวาง
    ลูกทำตัวไม่ดีคุณก็ไม่ยอมบอกเตือน ไม่ยอมสอน

    คุณบอกว่าปล่อยวาง หนักๆเข้า อะไรมากระทบกายกระทบใจก็ปล่อยไป
    ปัญหาเข้ามาสุมหัวมากมาย ก็ไม่แก้ไข เพราะคุณปล่อยวาง

    แบบนี้ไม่เรียกปล่อยวาง เรียกว่าปล่อยปละละเลย
    ปล่อยวางอย่างนี้หลวงปู่ยังไม่เชื่อว่าคุณปล่อยวาง

    คุณขี้เกียจกวาดบ้านก็บอกว่าปล่อยวาง
    จะให้หลวงปู่เชื่อคุณต้องมานอนกลางลานดินอันนี้หลวงปู่ถึงจะเชื่อ
    แต่การปล่อยแบบคุณ มันจะมีแต่ปัญหา
    หลวงปู่จึงเรียกว่าการยึดติด ติดกับความคิดที่ผิดของคุณ เข้าใจนะ

    โยม ;ครับผมหลวงปู่ แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
    คำว่าปล่อยวางกับปล่อยปละละเลยที่หลวงปู่ว่ามันต่างกันยังไง

    หลวงปู่ ; คุณเคยเห็นว่าวไหม ว่าวมันลอยอยู่บนฟ้าลอยไป
    ลอยมาอย่างอิสระ จะขึ้นจะลงก็อิสระ
    ที่ว่าวมันลอยอยู่ได้เพราะมีเชือกดึง ถ้าไม่มีเชือกว่าก็ลอยขึ้นฟ้าไม่ได้
    เมื่อว่าวมันลอยขึ้นไปแล้วมันก็อาศัยเชือกยึดมันไว้ให้ลอยอยู่บนฟ้าได้

    ถ้าว่าวขาดเชือก มันก็จะหลุดลอยตกลงมาบนพื้นดิน
    การปล่อยวางของคุณให้ทำให้ได้อย่างว่าว
    เอาความถูกต้องยึด ไม่ใช่ปล่อยไปตามความถูกใจ
    เอาความเหมาะสมยึดไม่ใช่ปล่อยไปตามความเหลวไหล
    เอาทางสายหลาย ความพอดียึด ไม่ใช่เอามิจฉาทิฏฐิ

    ความเห็นผิดยึด เอาศีลเอาธรรมยึด
    ยึดไว้แล้วปฏิบัติกายปฏิบัติใจดูแลรักษาสิ่งนั้นๆให้พอดี
    อย่าเอาใจไปเกาะจนทุกข์แต่อย่าละเลยจนขี้เกียจ
    อย่าเอาธรรมไปเข้าข้างตนเองในเมื่อตนขี้เกียจ
    ขี้เกียจกับปล่อยวางต่างกันฟ้ากับดิน ไม่ใช่ขี้เกียจแล้วอะไร อะไร
    ก็ปล่อยวางไปหมด
    เหมือนว่าวขาดเชือก สุดท้ายมันก็หล่นลงดิน
    ปล่อยวางได้แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย

    การเข้าใจการปล่อยวาง จะรักษากายของคุณให้ปลอดภัย
    รักษาใจของคุณให้เป็นสุข แต่ถ้าทำแล้วมันเกิดทุกข์
    มันไม่ใช่การปล่อยวาง เข้าใจนะ

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  14. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ผ้าวางตัก(ผ้ากันเปื้อน)

    เหตุเกิดที่หอฉัน เมื่อหลวงปู่เดินลงมาเพื่อฉันเช้าที่หอ
    ก็มีคณะครูบาอุปัฏฐากเดินประคองหลวงปู่ลงมา
    เมื่อหลวงปู่กราบพระเสร็จก็นั่งบนอาสนะ
    โยมก็ทำท่าจะประเคนบาตร หลวงปู่จึงถามหาผ้าวางตัก
    เป็นผ้ากันอาหารเปื้อนจีวรซึ่งทุกครั้งครูบาอุปัฏฐาก
    ต้องนำมาวางที่ตักหลวงปู่ก่อนโยมจะประเคนบาตร หลวงปู่ท่านจึงถามหา

    ครูบาอุปัฏฐาก ; ขอโอกาส พ่อแม่ครูอาจารย์
    เมื่อวานเกล้าเอาผ้าวางตักไปซักแล้วตากไว้ตอนกลางคืน
    แต่เมื่อคืนฝนตก เมื่อเช้าไปดูปรากฏว่าผ้าหล่นลงมากองอยู่กับดิน
    ผ้าไม่แห้งเกล้าจึงเอาผ้ามาเปลี่ยน ครับผม

    หลวงปู่ ; เอ้า นี้ผ้าใคร

    ครูบาอุปัฏฐาก ; ขอโกาส ผ้าเกล้าเอง
    แต่เป็นผ้าใหม่ที่เกล้ายังไม่ได้ใช้ครับผม

    หลวงปู่ ; ผ้าใหม่เหรอ ไปเอาปากกามา

    ครูบาอุปัฏฐาก ; ขอโอกาสครับผม กุฏิอยู่ไกล
    เกล้ากลัวกลับมาไม่ทันเวลาฉัน ฉันเสร็จค่อยพินธุ
    (การทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของ)ได้ไหมครับผม

    หลวงปู่ ; ฮ้วย นรกกินหัวผมสิ
    พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ว่านะ ฉันเสร็จค่อยพินธุ
    ท่านว่าใช้ผ้าไม่ได้พินธุไม่ได้อธิษฐานเป็นอาบัติ

    อย่าพากันเก่งเกินธรรม อย่าพากันคิดเอาเอง
    ธรรมะคือธรรมะ คิดเอาเองไม่ได้ ไม่อนุโลมปฏิโลม

    อย่าพากันทำเกินคำสั่งคำสอน พระองค์ท่านสอนไว้แล้ว
    คนที่ว่าตนมีธรรม มีธรรม เอาธรรมเป็นใหญ่ ไม่มีศีลไม่มีวินัย
    ไม่เคารพศีลไม่เคารพวินัย แทนที่มันจะเป็นคุณมันกลับเป็นโทษ

    โทษที่เข้าข้างตนเอง เรียนมามาก ฟังมามาก
    ก็เอาธรรมไปเข้าข้างตนเองทำชั่ว ทำชั่วแบบมีข้ออ้าง
    อ้างว่าถูก อ้างว่าควร แต่แท้จริงกำลังเอาของดีไปสนับสนุนตัวเองทำชั่ว

    ขึ้นชื่อว่าอาวุธ อยู่กับคนดีก็เป็นคุณอนันต์
    แต่อยู่กับคนชั่วก็เป็นโทษมหันต์ เป็นโทษต่อตนเอง เป็นโทษต่อผู้อื่น
    รู้ธรรม เรียนธรรม อย่าเอาธรรมเข้าข้างคนชั่ว
    เรารู้ธรรมรู้วินัย ต้องรักษาพระธรรมพระวินัย ไม่ใช่ทำลายพระธรรมวินัย

    เมื่อเราทำลายพระธรรมวินัยเสียแล้ว
    พระธรรมวินัยที่ไหนจะมาช่วยเรา อย่าทำเกินคำสอน
    อย่าทำตัวเองเก่งกว่าพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านสอนไว้ดีแล้ว
    อย่าเป็นคนความรู้ท่วมหัวแล้วเอาตัวไม่รอด

    พระองค์สอนให้ทำ พระองค์นำปฏิบัติ นั้นหล่ะทางรอด
    ให้เอาศีลเป็นใหญ่ เอาวินัยเป็นใหญ่ ศีลดี วินัยดี ธรรมก็ดี
    เป็นแบบเป็นแผน พระองค์สอนไว้ดีแล้ว สอนไว้แจ่มแจ้งแล้ว เข้าใจนะ

    (ตกลงครูบาก็ต้องเดินขึ้นเขาไปที่กุฏิ
    เพื่อเอาปากกาด้ามเดียว
    มาให้หลวงปู่ทำพินธุกรรมและอธิษฐานกรรมท่านจึงยอมฉัน)

    คติธรรม คำสอน โดย หลวงปู่หา สุภโร
     
  15. Srisumlit

    Srisumlit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +450
    สอบถามครับ ที่อุด ใต้ฐานพระอุปคุตสุภโร คืออะไรครับ
     
  16. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    ผงมวลสารดีๆจำนวนมากครับ ลองคิดง่ายๆว่า อ.อำพล เจน เป็นนักสร้างพระอาวุโส ที่มีชื่อเสียงในวงการท่านหนึ่ง มีครูบาอาจารย์เก่งๆจำนวนมาก มีเพื่อนๆเป็นนักสร้างพระที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก

    มวลสารเหล่านี้ คือ สิ่งที่ อ.อำพล เจน สะสมมาตลอดชีวิตตั้งแต่ยุคต้นๆจนถึงปัจจุบัน หลายสิบปี มากมายจนท่านเองก็จำได้ไม่หมด
    แต่กล่าวได้ว่า เป็นผงรวมมวลสารที่อยู่ในอันดับต้นๆของประเทศไทย

    พระชุดนี้ อ.อำพล เจน จัดสร้างด้วยตนเองทุกขั้นตอน ( ไม่ใช่งานนอก หรือ มอบหมายให้คนอื่นทำ)... ชนวนมวลสาร จัดเต็ม ไม่ต้องห่วง

    เท่าที่ผมรู้และสรุปเองโดยคร่าวๆ จะเป็นดังนี้

    ชนวนเนื้อโลหะ
    * ชนวนพระกริ่ง 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งรวบรวมตะกรุดและชนวนโลหะของพระอริยสงฆ์จำนวนมาก จากทุกจังหวัดในภาคอีสาน
    * ชนวนอื่นๆที่คุณอำพลเจน รวบรวมไว้

    มวลสารเนื้อผงอุดฐาน
    * ผงโสฬสของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    * ผงนางพญาหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ นครพนม
    * ผง๑๐๘อาจารย์ที่ อ.อำพลเจน สงวนไว้ตั้งแต่คราวสร้างพระยุคแรกๆ
    * ผงมวลสารจำนวนมากมายที่ อ.อำพลเจน สะสมไว้ในยุคต่อๆมา
     
  17. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
  18. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    "ทำแต่ดี มีคนให้ไมตรีจิต
    พูดแต่ดี มีคนรักสมัครสมาน
    คิดแต่ดี จิตแจ่มใสได้การงาน
    สพสุขสานต์ งานวิวัฒน์สวัสดี

    ลายมือหลวงปู่บันทึกธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    รายการ ที่รับจองได้ พระอุปคุต เนื้อเบญจโลหะ อยู่ที่หน้า 2

    พระชุด เนื้อสีนากกลับดำ และเนื้อสีเข้ม เป็นชุดคัดพิเศษ มีจำนวนน้อย หายาก แบ่งให้บูชา องค์ละ 2,500 บาท


    รหัส A7 พระอุปคุตสุภโร สีนาก เริ่มกลับดำ
    [​IMG]

    รหัส A8 พระอุปคุตสุภโร สีนาก เริ่มกลับดำ
    [​IMG]

    รหัส A10 พระอุปคุตสุภโร สีนาก เริ่มกลับดำ
    [​IMG]

    รหัส A12 พระอุปคุตสุภโร โทนสีเข้ม
    [​IMG]

    รหัส A14 พระอุปคุตสุภโร โทนสีเข้ม
    [​IMG]

     
  20. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113

แชร์หน้านี้

Loading...