เพื่อการกุศล พระสมเด็จ พระลีลามหาเศรษฐี นางพญาอู่เงิน หลวงปู่บุดดา ถาวโร มอบให้ในงานบุญกฐินทาน

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 กรกฎาคม 2011.

  1. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786

    [​IMG]

    กับ หลวงปู่พระสุพรหมยานเถร วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
    ที่ หลวงปู่บุดดา ท่านนับถือเป็น 'พี่ชาย' ของท่าน

    .....................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  2. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]


    ช่วงปลายชีวิต
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ขณะหลวงปู่บุดดา อายุ ๘๔ ปี ได้มาจำพรรษา ณ วัดอาวุธสิตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ตามที่ท่านเจ้าคุณพระสิทธิสารโสภณ เจ้าอาวาสนิมนต์ไว้ และในปีนั้นท่าน เจ้าคุณก็ได้มรณภาพลงโดยขณะนั้นทั้งโบสถ์และวิหารที่สร้างขึ้นยังไม่แล้วเสร็จ

    และในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ นั้นเอง หลวงปู่บุดดาได้ช่วยสร้างศาลาและที่เก็บน้ำสำหรับพระสงฆ์ สามเณรและคณะศิษย์ได้ใช้ และเป็นประธานจัดพิธีทอดผ้ากฐินสมทบสร้างพระอุโบสถที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ พร้อมได้สร้างศาลาธรรมสารขึ้นเพื่อเป็นศาลาปฏิบัติกรรมฐาน

    ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงปู่บุดดาต้องเข้ารักษาตัว ณ โรงพยาบาลตำรวจเมื่อหายแล้ว ท่านได้กลับไปเยี่ยมและพักผ่อน ณ วัดบุญทวี ถ้ำแกลบ จ.เพชรบุรี ช่วงระยะหนึ่งเมื่อจวนเข้าพรรษา หลวงปู่เย็น ทานรโต เจ้าอาวาสวัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.พักทัน จ.สิงห์บุรี ในสมัยนั้นได้นิมนต์ขอให้หลวงปู่ไปจำพรรษากับท่าน หลวงปู่จึงได้จำพรรษาอยู่กับ หลวงปู่เย็น โดยมี พระมหาทอง กาญจโน ศิษย์และอุปัฏฐากผู้ใกล้ชิดติดตามมาอยู่ด้วย สำหรับวัดกลางชูศรีเจริญสุขนั้น ได้สร้างมาตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ต่อมาเป็นวัดร้าง หลวงปู่เย็นได้เริ่มดำเนินการบูรณะและก่อสร้างโบสถ์ขึ้นก่อน ต่อเมื่อหลวงปู่บุดดามาอยู่ ด้วยบารมีของท่านและหลวงปู่เย็นและด้วยการบริหารของพระมหาทองจึงทำให้วัดกลางชูศรีเจริญสุขพัฒนาขึ้นจนเป็นวัดที่มีความสมบูรณ์สวยงามสง่านับเป็นวัดที่ทันสมัยวัดหนึ่ง

    เนื่องจากคณะศิษย์จำนวนมากในช่วงหนึ่ง ทราบว่าหลวงปู่เป็นผื่นคันตามตัว ต่างคนต่าง ก็นำแป้งหอมชนิดต่าง ๆ มาน้อมถวายคราวละมาก ๆ เมื่อลากลับหลวงปู่ได้เมตตานำแป้งที่ได้รับไว้กลับเอามา แล้วให้แบมือขึ้นเทแป้งใส่ให้พร้อมกับบอกให้ทาแป้งมงคลเสีย กันขี้กราก ขี้เกลื้อน กันหลง กันลืม ให้หายโรคหายภัย จนกระทั่งเป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่ ที่แจกแป้งมงคลให้คณะศิษย์ธรรมได้หน้าขาว สวยสง่าขึ้นทุก ๆ คน ซึ่งท่านจะแจกให้หมดทั้งพระสงฆ์ สามเณร และโยม พร้อมบอกว่า

    “ตั้งแต่ศีลแปดขึ้นไป ก็ทาเป็นยาได้.... เอาแป้งไปทาแล้ว มันหายโรคหายภัยได้จะว่าอย่างไรเล่า !”

    หลังจากจบกิจ พรรษาที่ ๔ แล้วท่านได้ออกจาริกทั่วทั้งประเทศไทยตลอดจนถึงพม่า ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย และได้ออกเทศนาสั่งสอนทั้งภิกษุ สามเณร ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ด้วยการสั่งสอน โปรดสัตว์ ช่วยการก่อสร้างถาวรวัตถุระดับคุณธรรมให้สูงขึ้นทุกเพศชั้นวรรณะโดยหลวงปู่ได้ออกเยี่ยมเยียนจนถึงที่อยู่ เช่นเดียวกับสมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า ซึ่งได้กล่าวแก่สาวกทั้งหลายว่า จงจาริกไปเพื่อประโยชน์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

    ในช่วงระหว่างปี ๒๕๒๒ จนถึง ๖ ก.พ. ๒๕๓๖ หลวงปู่คงจาริกไปโปรดศิษย์และญาติโยม โดยอาศัยรถพาหนะของรถวัดกลางชูศรีฯ และศิษย์ผู้ติดตามทั้งพระภิกษุ สามเณรและฆราวาส โดยเฉพาะพระครูโสภณจารุวัฒน์ (พระมหาทอง กาญจโน) รองเจ้าคณะอำเภอบางระจัน เจ้าอาวาสวัดกลางชูศรีเจริญสุข และพระสมบุญ ญาณวิเวโกได้เฝ้าดูแลใกล้ชิดติดตามท่านออกโปรดญาติโยมที่นิมนต์ท่าน แม้ว่าท่านเองจะไปด้วยตนเองไม่ไหวต้องอาศัยศิษย์ช่วยพยุงท่านเดินถึง ๒ ท่าน มีพยาบาลจาก รพ.สิงห์บุรีคอยดูแล หลวงปู่ก็ยังรับนิมนต์จากศิษย์และญาติโยมออกโปรดด้วยการแสดงธรรม หรือพุทธาภิเษก ฉัน รับสังฆทานร่วมพิธีต่าง ๆ อาจารย์มหาทอง กาญจโน เป็นเจ้าอาวาสและติดตามอุปัฏฐากหลวงปู่มาแต่ปี ๒๕๒๐ จนถึงที่สุดแห่งวาระชีวิตของหลวงปู่

    หลวงปู่ได้ปฏิบัติของพระศาสนาดังกล่าวมานี้ไม่สามารถจะหาที่เปรียบพระคุณหลวงปู่ได้แม้กระทั่งว่า ศิษย์ได้สอบถามท่านว่าเวลาพักผ่อนของหลวงปู่เวลาจะหลับตั้งใจให้หลับ หรือว่าหลับไปเอง ท่านกล่าวให้ฟังว่า หลับไปเอง กลางวันทำงาน ๑๐ ชม. พักผ่อน ๒ ชม. และกลางคืนทำงาน ๑๐ ชม. พักผ่อน ๒ ชม. เว้นแต่หลวงปู่เจ็บป่วย จากการสอบถามและได้รับเมตตาจากหลวงปู่เล่าให้ฟังปะติดปะต่อมา

    หลวงปู่ได้เคยไปสนทนาธรรมพบปะ และเยี่ยมเยียนกันกับพระเถระที่มรณภาพไปแล้วหลาย ๆ ท่าน ได้แก่
    ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่มั่น หลวงพ่อเติม หลวงพ่อจาด หลวงพ่อจง หลวงพ่อรุ่ง หลวงพ่อเงิน หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อปาน มีทั้ง ๓ ปาน ครูบาพรหมจักร ท่านเจ้าคุณนรฯ เจ้าคุณอุบาลี สมเด็จพุฒาจารย์ (อาสภเถระ) หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ชา ท่านพุทธทาส หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่สิม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่วัย หลวงพ่อสังวาลย์ หลวงพ่อพุธ ครูบาชัยวงษา หลวงพ่อแพ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่แว่น หลวงพ่อคง จันตตามโร ครูบาธรรมชัย หลวงพ่อมหาอำพัน หลวงปู่สาม หลวงปู่โง่น ครั้งป่วยอยู่ รพ.ศิริราชฯ และพระเถระที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้แก่ สมเด็จสังฆราชญาณสังวรฯ หลวงพ่อเพ็งฯ, หลวงพ่อ บุญเพ็ง, หลวงปู่เหรียญ, อาจารย์วิชัย, อาจารย์จำเนียร, อาจารย์จรัล, หลวงพ่อเหรียญ, หลวงพ่ออุตตมะ ฯลฯ

    ส่วนฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา ที่นิมนต์หลวงปู่ ไม่ว่าจะยากดีมีจน ไม่เลือกชั้นวรรณะได้โปรดอย่างทั่วถึง ผู้ที่ได้เคยใกล้ชิดท่านบ้างจะทราบได้ทันทีว่า บารมีหลวงปู่เมื่อไปอยู่ใกล้ท่านจะได้รับความสงบเยือกเย็นอย่างประหลาด แต่ก็ยังมีบางท่านไม่เข้าใจในปฏิปทาในช่วงที่ท่านอายุมากแล้ว เช่นหลวงปู่แจกแป้ง หลวงปู่จับเงินทอง หลวงปู่จับหัวสตรี หลวงปู่ห่มผ้าไม่เหมือนพระองค์อื่น หลวงปู่ไม่ค่อยจะสอนวิธีปฏิบัติ หลวงปู่นอนห้องแอร์ และอื่น ๆ เนื่องจากท่านเหล่านั้นไม่ได้ติดตามหลวงปู่เป็นเวลานาน ๆ เท่าที่ควร และเพิ่งจะได้พบหลวงปู่ช่วงที่อายุมากแล้ว ขอให้ท่านได้ติดตามศึกษาชีวประวัติท่านให้ตลอดก่อน และหลักธรรมคำสอนที่ท่านได้แนะนำให้มาตลอด

    ซึ่งหลวงปู่ได้เคยเตือนว่าในสมัยพุทธกาลเศรษฐีได้ถ่มน้ำลายไล่พระอรหันต์ขี้เรื้อน ที่บิณฑบาตผ่านหน้าบ้านเศรษฐี ตายไปต้องตกนรกถึง ๕๐๐ ชาติ และชาติที่ได้สำเร็จเป็นพระโสดา ก็ยังต้องถูกโจรฆ่าตาย เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นได้พบหลวงปู่เวลาสั้น ๆ จึงขอให้ท่านขอขมากรรมและ ขออโหสิกรรมต่อท่านเสีย

    หลวงปู่เล่าว่า แม้ท่านจะจำพรรษาที่แห่งเดียวติดต่อกันบ้างบางแห่ง แต่ท่านว่าท่านไม่เคยอยู่ที่ใดติดต่อกันตลอดทั้งปี เพราะพอออกพรรษาหลวงปู่ก็ออกจาริกธุดงค์ไปตามป่าตามเขาจนอายุใกล้ ๗๘ ปี ร่างกายของท่านทรุดโทรมแล้วจึงหยุดเข้าป่าขึ้นเขา แต่ท่านก็ยังจาริกไปตามอัธยาศัยท่านบิณฑบาตโดยไม่กลับย้อนหลัง บิณฑบาตที่เชียงใหม่ไปฉันที่เชียงราย คือวันหนึ่งท่านฉันมื้อหนึ่งและเว้นไปอีกวันท่านจึงฉัน จนกระทั่งท่านอายุมากแล้ว อายุ ๘๐ ปี ท่านจึงหยุดการปฏิบัติตนเองแบบเคร่งครัดเพื่อพักผ่อน กายสังขารตามคำนิมนต์ของบรรดาศิษย์

    อาจารย์มหาทอง กาญจโน เจ้าอาวาส วัดกลางชูศรีฯ เป็นผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาได้ติดตามอุปัฏฐากหลวงปู่บุดดามาแต่ปี ๒๕๒๐ เริ่มแต่วัดอาวุธวิกสิตาราม กทม. ได้กล่าวว่า “หลวงปู่เป็นพระพอดี ไม่ได้เกินดี ไม่ได้ขาดดี” เช่นถามเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ หนาวไหม หนาวพอดี ร้อนไหม ร้อนพอดี เกี่ยวกับการขบฉัน การเจ็บป่วย จะไม่เคยเรียกหาอะไรเพิ่มเติมเลย เวลาท่านฉัน ไม่เคยบอกก่อนเลยว่าท่านเจ็บป่วย ต้องสังเกตเอาเองและคอยสอบถามท่านว่าไม่สบายมีอาการเป็นอย่างไร

    ไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะท่านเคยเล่าให้ฟัง ว่าท่านเคยอธิฐานไม่นอนเลยระหว่างเข้าพรรษาก็ทำมาแล้ว ธุดงค์โดยไม่ต้องมีกลดมีมุ้ง ทางแถบชายทะเลตะวันออกยุงกัดเลือดท่านบินไม่ไหวท่านกล่าวว่าไม่เกิน ๗ วัน เดี๋ยวมันก็ตายไปเองอยู่แล้วสงสารมัน แต่ข้าพเจ้าก็เกิดอัศจรรย์ใจราวปี ๒๕๒๙ ที่ได้ไปพบท่านจำวัด ณ วัดกลางชูศรีฯ โดยที่ท่านไม่ต้องกางมุ้งแต่ไม่เห็นมียุงกัดกินเลือดท่านเลย
    <!-- google_ad_section_end -->

    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  3. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1>

    [​IMG]


    ละสังขาร
    สำหรับพระอรหันต์ถึงแม้ว่ามีคุณวิเศษสามารถแยกจิตกับกายออกจากกันได้แล้วก็ตาม แต่ย่อมไม่สามารถที่จะบังคับให้กายสังขารทรงความมีชีวิตให้ยิ่งยืนนานตลอดไปได้ฉันใดกายสังขารของ หลวงปู่บุดดา ถาวโร ก็เช่นเดียวกัน

    เมื่อวันที่ ๖ ก.พ. ๒๕๓๖ หลวงปู่บุดดาได้ไปร่วมพิธีทำบุญ ๑๐๐ วัน หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถร (หลวงพ่อฤาษี) ณ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลังท่านกลับถึงวัดกลางชูศรีเจริญสุขแล้วเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. หลวงปู่มีอาการป่วยกะทันหัน พระครูโสภณจารุวัฒน์ (พระอาจารย์ มหาทอง) จึงได้นำส่งโรงพยาบาลสิงห์บุรี นายแพทย์วิศิษฐ์ ถนัดสร้าง ได้นำหลวงปู่เข้าเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาล หมอประเจิดพบว่าสมองด้านซ้ายฝ่อเส้นโลหิตอุดตัน และปอดอักเสบ หลวงปู่หอบเพราะเสมหะตกค้างในปอดมาก แพทย์ตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก


    - ๙ ก.พ. ๒๕๓๖ สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับหลวงปู่เข้าเป็นคนไข้พระราชูปถัมภ์ คณะแพทย์สิงห์บุรีจึงได้นำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาล ศิริราช ณ ห้องไอซียู โดยมี ศ.พ.ญ. นันทา มาระเนตร์ เป็นแพทย์เจ้าของไข้

    - ๑๑ ก.พ. ๒๕๓๖ หลวงปู่ได้รับการรักษาที่ห้องอภิบาลการหายใจ (อาร์ซียู) ตึกอัษฏางค์ ชั้น ๒ หลวงปู่อาการดีขึ้นตามลำดับ หายใจได้เอง

    - ๑๔ ก.ค. ๒๕๓๖ หลวงปู่ได้ย้ายไปที่ห้องพิเศษ ตึก ๘๔ ปี ห้อง ๘๐๘ โดยอยู่ในความ ดูแลของแพทย์และพยาบาลประจำตึก มีพระอุปัฏฐากอยู่ประจำ ๒ รูป

    - ๒๖ พ.ย. ๒๕๓๖ หลวงปู่มีอาการทรุดลงทั้งหอบและไอ แพทย์ได้นำเสมหะไปเพาะ เชื้อปรากฏว่าหลวงปู่ติดเชื้ออย่างแรง

    - ๒ ธ.ค. ๒๕๓๖ แพทย์ได้ย้ายหลวงปู่กลับไปที่ห้องอาร์ซียูอีกครั้ง แต่อาการไม่ดีขึ้น

    - ๑๑ ม.ค. ๒๕๓๗ ช่วงกลางคืนอาการหลวงปู่สุดวิสัยที่คณะแพทย์จะเยียวยารักษาได้


    วันดับขันธ์แห่งดวงประทีปพุทธศาสนา

    เช้าของวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ อาการของหลวงปู่ได้ทรุดหนักลง พระมหาทอง (พระครูโสภณจารุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดกลางชูศรีเจริญสุข ซึ่งคอยเฝ้าสังเกตอาการของหลวงปู่เห็นดังนั้น จึงได้แจ้งให้คณะแพทย์ทราบโดยคณะแพทย์ได้เรียกระดมแพทย์ที่ให้การรักษามาทำการเยียวยาอย่างสุดความสามารถ

    พระมหาทองได้เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ท่านได้เฝ้าดูอาการหลวงปู่มาอย่างใกล้ชิด จึงคาดว่าไม่ช้านี้หลวงปู่คงมรณภาพเพราะอาการขณะนี้มีเปอร์เซ็นต์ให้หวังได้เพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ระบบการหายใจแย่ลงทุกที

    พระครูโสภณจารุวัฒน์ หรือมหาทองได้ กล่าวอีกว่า หลวงปู่บุดดาเคยสั่งเอาไว้ว่าหากท่านมรณภาพไม่ให้จัดพิธีงานศพใดๆ ทั้งสิ้นด้วยเกรงว่าจะเป็นการสิ้นเปลือง

    แต่แล้วเมื่อเวลา ๑๙.๓๐ น. ทางคณะแพทย์ได้แจ้งให้บรรดาสานุศิษย์ทั้งหลายได้ที่เฝ้ารอดูอาการของหลวงปู่ที่หน้าห้องไอซียู ว่าหลวงปู่ได้ละสังขารไปอย่างสงบแล้ว

    เหมือนสายฟ้าฟาดลงมายังบรรดาสานุศิษย์ที่มารอฟังข่าวของหลวงปู่ และยังเป็นข่าวร้ายอีกด้วย

    เป็นเวลา ๓๔๐ วัน ที่หลวงปู่ต้องทนต่อสู้กับโรคปอดบวม สมองซีกซ้ายฝ่อและเส้นโลหิตอุดตัน ท่ามกลางความเศร้าสลดของบรรดาคณะแพทย์ที่ให้รับการรักษาและสานุศิษย์ทั้งหลายที่มารอเฝ้าดูอาการจนวาระสุดท้ายก่อนจะสิ้นลม สิริรวมอายุ ๑๐๑ ปี ๗ วัน ๗๓ พรรษา


    ดวงประทีปแห่งพุทธศาสนาได้ดับสูญไปอีกดวงหนึ่งแล้ว
    แต่สิ่งที่หลวงปู่บุดดาได้สอนไว้ยังคงอยู่

    "คนเราจะเป็นสุขเมื่อรู้จักพอดี ไม่มีใครได้อะไรตลอดไป หรือเสียอะไรตลอดไป ไม่มีใครหรือสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไปโดยไม่สูญสิ้น ขอเพียงแค่รู้จักพอดีทุกคนจะเป็นสุข"

    (คราวที่หลวงปู่ได้รับการรักษาที่ โรงพยาบาลตำรวจก็ได้รับการสงเคราะห์จากศิษย์ผู้อำนวยการ รพ. ตำรวจเป็นอย่างดีและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้เสด็จเยี่ยมด้วย)

    กราบ หลวงปู่บุดดา ถาวรโร พระใจทองคำ <!-- google_ad_section_end -->

    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  4. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    พระเครื่อง "หลวงปู่บุดดา"
    พระดี ที่หลายคนมองข้าม

    เอ่ยถึง พระหลวงปู่บุดดา คนเล่นพระอาจมองข้ามไปอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยเหตุผล พระท่านไม่ดัง พระท่านไม่แพง หรือห้อยแล้วไม่เท่ โชว์ไม่ได้ หรือไม่มีข่าวคราวปาฏิหาริย์อะไร อย่างฟันไม่เข้าหรือยิงไม่เข้าตามหน้าหนังสือพิมพ์ อันนี้ ขอท่านได้พิจารณาให้รอบคอบและถ้วนถี่ในมายาโลก ที่แม้แต่แวดวงพระเครื่องก็ยังมี หากใครจำได้ถึงอมตะของ ท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ว่า

    "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้นั้นไม่จริง"

    ผมยินดีที่จะเสนอ ของจริง ให้พี่ๆในเว็บนี้ครับ

    อันศักดิ์ศรีของหลวงปู่บุดดานั้น แม้จะดูธรรมดาในสายตาชาวโลก แต่สายของเหล่ากองทัพธรรมนั้นสูงสุดจะบรรยาย

    ครั้งหนึ่งท่านได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่บุดดา ได้เทแป้งเสกลงในมือหลวงปู่ดู่ และ ทันทีทันใดเหมือนกัน หลวงปู่ดู่รีบเทแป้งเหล่านั้นลงบนศรีษะท่านจนขาวโพลนไปหมด ท่ามกลางความ ตกตะลึง ของเหล่าลูกศิษย์ท่านมากๆ เพราะปกติหลวงปู่ดู่ท่านมีกิริยาที่เรียบร้อยเอามากๆ จนเมื่อหลวงปู่บุดดากลับไป ลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ถามหลวงปู่ทันที

    "หลวงปู่ทำไมเทแป้งอย่างนั้นล่ะครับ" ท่านตอบทันที

    "ก็ผง พระอรหันต์ ท่านให้ จะให้เอาไว้ตรงไหนนอกจากบนศรีษะของเรา ไม่งั้นจะเป็นการไม่เคารพ"

    และที่สำคัญในพิธีเปิดโลกที่แสนสะโด่งดังนั้น หลวงปู่ดู่ท่านยังเชิญบารมีขององค์หลวงปุ่บุดดามาร่วมเสกด้วย (ทางญาณนะครับ)

    แม้แต่องค์ หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง พระเถระที่ปกติไม่สรรเสริฐพระองค์ไหนง่ายๆ ในวันหนึ่ง เมื่อท่านทราบว่าหลวงปุ่บุดดา นั่งอยุ่บนรถบัส ท่านถึงพูดกับลูกศิษย์ว่า

    "ไม่ให้ท่านลงมานะ เราจะขึ้นไปกราบหลวงปุ่บุดดาบนรถเอง"

    แล้วท่านก็ขึ้นไปทั้ง กราบ ทั้ง ไหว้ อย่างเคารพและเรียบร้อยที่สุด

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ท่านเคยบอกให้ลูกศิษย์ไปกราบ หลวงปู่บุดดา ตั้งแต่ที่ท่านยังอยุ่ที่วัดอาวุธ ฝั่งธน กทม. โดยให้เหตุผลว่า

    "รีบไปกราบท่านนะ หลวงปู่องค์นี้ ท่านเป็นพระทองคำ ท่านจะไม่มาเกิดอีกแล้วนะ"

    และยกย่องหลวงปุ่บุดดาอีกหลายครั้ง และหากท่านสงสัยในกัปกริยาที่ค่อนข้างจะแหวกแนว และ ล่อแหลมขององค์หลวงปู่ ที่มักทำอะไรที่คนทั่วไปมองว่าผิดปกติ ขอให้คิดเอาเสียใหม่ นี่คือ เนื้อนาบุญของแท้

    ซึ่งแม้แต่ หลวงปู่สิม แห่งสำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง ยังขอถวายสังฆทานและจีวร เป็นการเฉพาะ และบอกว่า

    "หลวงปู่บุดดา ยอดเยี่ยมที่หนึ่ง แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา และแก่ทั้งมรรคผลนิพพาน"

    หากท่านสงสัยในพุทธคุณที่หลวงปู่บรรจุไว้ในองค์พระแล้ว โปรดอ่าน...

    ครั้งหนึ่งมีคนนำพระไปให้ท่านเสก ส่งไปแล้วท่านก้อส่งกลับ ทำอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง โดยไม่แสดงอาการ เสก แต่อย่างใด ท่ามกลางความงุนงงของผุ้นั้นมาก จนหลวงพ่อองค์หนึ่งที่นั่งอยุ่ที่นั้นบอก

    "พระองค์นี้ออกรบได้แล้วล่ะโยม"

    เต็ม ตั้งแต่ที่ส่งมาให้แล้ว ........ตกใจไหม......

    และเมื่อมีคนนำพระไปให้ ครูบาสร้อย วัดมงคงคีรีเขต จ.ตาก พระอาคมขลัง ที่ผู้อ่านศักดิ์สิทธิ์คงรุ้จักกันดี ช่วยเสกซ้ำอีกที ท่านได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า

    "เต็มแล้ว เสกไม่ได้แล้ว"

    แม้แต่องค์ หลวงพ่อพุธ ยังปฏิเสธเหมือนกัน และบอก

    "จะให้เสกทับไปได้อย่างไร

    หลวงปู่บุดดาก็เป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของเราเหมือนกัน" สุดยอดจริงๆ

    ทุกวันนี้เราหาพระที่จะมาห้อยคอนั้น ง่ายเหลือเกิน แต่จะหาพระแท้ มาห้อยนั้น ยากครับ หากท่านบูชาพระที่พุทธคุณ ไม่ใช่ค่านิยม อันเป็นเรื่องของทางโลกแล้ว

    พระเครื่องหลวงปู่บุดดา เป็นอีกองค์หนึ่งซึ่งผม ขอฝากไว้ในใจท่านทั้งหลายครับ

    ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี ยังมีพระท่านตกค้างอยุ่เป็นจำนวนมากครับ
    ท่านใดสนใจก็ไปบูชากันได้ ซึ่งนอกจากจะได้พระ "แท้" แล้ว
    ท่านจะได้มีโอกาสกราบศพหลวงปู่ ที่ไม่เน่าเปื่อย ที่ประดิษฐานในโลงแก้วด้วยครับ และยังมีโอกาสได้รับแจก จีวรที่ห่มร่างหลวงปุ่ที่ทางวัดจะเปลี่ยนในทุกๆปี ด้วยครับ

    และแฟนพันธ์แท้ศักดิ์สิทธิ์คงจำกันได้ถึง

    พระปิดตา 100 ปีหลวงปู่บุดดา ที่แจกพร้อมหนังสือ เมื่อหลายปีมาแล้ว
    ซึ่งผมขอบอกว่าเป็นของดีจริง ๆ ครับ
    เพราะนอกจากทำจากแป้งเสกหลวงปู่ฯแล้ว ยังเข้าพิธีที่วัดบวรในสมัยนั้นด้วยครับ

    กราบขอบคุณที่ท่านกรุณาอ่านจนจบ ขอให้เจอพระ "แท้" โดยถ้วนหน้ากัน
    <!-- google_ad_section_end -->
    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]


    เรื่องที่จะนำมาถ่ายทอดต่อไปนี้ คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ : บนเส้นทางพระโยคาวจร" เขียนโดย "สายฟ้า" [หลวงตาวัชรชัย เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)] ผู้ถ่ายทอดกราบขออนุญาตต่อหลวงตาวัชรชัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และจะขอตัดตอนนำเฉพาะบางตอนที่กล่าวถึง หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ กับ หลวงปู่บุดดา ถาวโร โดยตรงมาถ่ายทอด ดังนี้

    "ถ้าจะมีพระสงฆ์สักองค์หนึ่งที่สามารถนั่งสนทนาโต้ตอบกับพ่อ (หลวงพ่อของพวกเรา) ได้แบบทันปากพ่อ ทันใจพวกเราแล้ว ผู้เขียนนึกออกมาได้เพียงองค์เดียวจริงๆ นั่นคือ พระคุณหลวงปู่บุดดา ถาวโร หนึ่งในจำนวนพระสุปฏิปันโนที่พ่อนิมนต์มาในงานฉลองวัดเมื่อเกือบ 24 ปี มาแล้ว"

    พระคุณหลวงปู่บุดดา ท่านพรมน้ำมนต์ที่ศาลา 4 พระองค์ วันนั้นดูเหมือนไม่เหนื่อย แต่พอกลับมาพักที่กุฏิก็จับไข้ตามเดิม ผู้เขียนจำได้ไม่มีลืม กลับมาท่านก็ยังไม่ยอมนอนพัก นั่งอยู่ชั้น 2 กุฏิเบอร์ 2 กับผู้เขียนตัวต่อตัว ท่านมองฟ้า มองหลังคาพระอุโบสถวัดท่าซุง ผ่านหน้าต่างกุฏิ ตายังงี้ใสแจ๋วเหมือนแก้ว ไร้อารมณ์ไร้เดียงสา บริสุทธิ์เหมือนดวงตาเด็ก (เด็กดีๆ นะ) ปากก็พูดลอยๆ แต่ชัดเจนว่า

    "เออ..งานนี้ (หมายถึงงานวัดเราที่มีพระสุปฏิปันโนมารวมกันถึง 10 องค์) จัดยากนักหนา ใครๆ จะไปนิมนต์พระดีหลายๆ องค์มารวมกันยังงี้ทำไม่ได้หร็อก พระเจ้าแผ่นดินทั่วโลก พระสังฆราช พระสันตะปาปารวมกัน ไปนิมนต์ท่าน ท่านไม่มาให้หร็อก..! แต่พระมหาวีระ (ตอนนั้นพ่อยังไม่ได้สมณศักดิ์) องค์เดียวทำได้ ท่านทำให้ลูกหลานได้ดีกัน แต่หลวงปู่ยังสงสัยว่า ลูกหลานทั้งหลายจะเข้าใจเจตนาครูบาอาจารย์ และฉวยความดีนั้นเอาไว้ได้ไหม ?.."

    ท่านพูดแค่นั้นแหละ...นิ่งเงียบไปเลย ผู้เขียนธรรมดาโง่อยู่แล้ว หลังจากนั้นอีก 3 ปี จึงได้เข้าใจจุดหมายอันลึกซึ้งยิ่งใหญ่ไพศาลที่หลวงปู่บุดดาพูดถึง จะเล่าให้ฟังในตอนสรุปท้ายเรื่อง "พระผู้เป็นเนื้อนาบุญ" ตามลำดับระยะเส้นทางพระโยคาวจร

    หลวงปู่บุดดา มีจริยาวาจาตรงๆ ง่ายๆ ใครก็ทราบกันอยู่แล้ว ที่สำคัญก็คือ เป็นพระสงฆ์ที่รักผ้าครอง 3 ผืน ยิ่งนัก จะเห็นว่า ท่านจะพาดสังฆาฏิติดตัวอยู่เสมอไม่เคยขาด อีกอย่างก็คือไม่จับเงินทอง ไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้ตัวเลย เรื่องสนุกมากๆ ก็เกิดตรงจุดนี้ คือ เมื่อเสร็จจากงานวัดแล้ว พ่อก็จัดรถนำลูกหลานไปกราบเยี่ยมหลวงปู่ที่ อ.สรรคบุรี ไปกันหลายคันรถ ศาลารับแขกของหลวงปู่ที่สำนักนั้นแน่นไปหมด พ่อก็บอกว่า

    "ลูกหลานเอ๊ย...ช่วยหลวงปู่สร้างศาลาใหม่นะลูก ช่วยกันคนละเล็กละน้อย"

    โธ่เอ๋ย...ถ้าหลวงพ่อออกปากอย่างนี้ ซ้ำยังบอกว่า

    "หลวงปู่บุดดา เป็นพระทองคำทั้งองค์นะลูกนะ ทำบุญกับท่าน ก็คือ ทำบุญกับพระอรหันต์ นะ"

    จากคนละเล็กละน้อยก็รวมเป็นก้อนใหญ่มากๆ จำไม่ได้ว่าเท่าไร หลวงพ่อสั่งให้นับจำนวนเงินมัดรวมเข้าเป็นปึกสวยเชียว

    "ถวายหลวงปู่เข้าไป เอ๊า...โมทนาพร้อมๆ กันลูกเอ๊ย..."

    คนถือเงินน้อมถวายปุ๊บ หลวงปู่ก็คว้าย่ามมาแหวกปั๊บ แหวกกว้างเลยกะให้เงินหล่นใส่ย่ามไม่ถูกมือท่าน เท่านั้นแหละท่านผู้อ่าน พ่อเราก็คว้าเงินทั้งปึกมาถือไว้... แย่งเอาเสียเองเลย

    "หลวงปู๊....." พ่อทำเสียงยาวเลย

    "นี่...ถ้าจับเงินไม่ได้ก็ไม่ต้องเอานะ... นี่ถ้าพระใจเป็นแก้วทั้งใจอย่างหลวงปู่ยังคิดว่าไอ้แบงก์กับธาตุดินมันยังมีค่าต่างกัน...ถ้าธาตุดินนี้มันทำให้ใจหลวงปู่เสียหายได้ ก็ไม่ต้องเอาน๊ะ...."

    เท่านั้นแหละหลวงปู่ผู้ไม่จับเงินมาตลอดชีวิต

    ก็มีอันเปลี่ยนไป ท่านคว้าเงินมาจากมือ พ่อ

    "เอาของเขาคืนมานะ..." จับ 2 มือแน่นชูขึ้นตรงหน้าเลย

    "นี่..นี่..นี่ บุดดาจับเงินแล้วนะ จับเงินแล้วนะ"

    จับยัดใส่ย่ามวางบนตัก ชนิดใครก็มาแย่งไปอีกไม่ได้ พวกเราหัวเราะกันลั่นเลย หัวเราะไปใจเป็นสุขที่สุด ไม่รู้ว่าเป็นสุขเพราะอะไร... พ่อบอกอยู่เสมอว่า

    "ใจพระทองคำแท้ (พระอรหันต์) ท่านไม่ติดอะไรทั้งโลก แม้ร่างกายตัวท่านเอง แต่ท่านอยู่กับร่างกายและโลก เกี่ยวพันบริหารงานโลกโดยใจไม่มีทุกข์โทษเวรภัยใดๆ มาทำให้มัวหมองแปดเปื้อนได้ เมื่อใจไม่ติดแน่นอนแล้ว จริยาทางกาย วาจา ก็ลดลงมาหากระแสโลกเพียงเพื่อสงเคราะห์ จะได้พูดกันแนะนำกันรู้เรื่องแบบธรรมดาโลกเขา แต่จริยาท่านอยู่ในสมณมารยาท ในวินัยประเพณี ไม่มีบกพร่องด่างพร้อย เมื่อพ่อกล้าทำอย่างนั้น พ่อก็กล้าชักชวนให้หลวงปู่องค์อื่นออกมาทำงานแทนคุณพระพุทธเจ้าก่อนที่ร่างกายจะสลายหายประโยชน์ไป พระคุณหลวงปู่บุดดาท่านเข้าใจ เต็มใจทำอยู่แล้ว เมื่อมีเพื่อนผู้รู้ใจมารับรองประคองเชิญ ท่านก็ก้าวออกมา..."

    นับแต่นั้น ! หลวงปู่บุดดา ก็จับเงินทองได้ ให้ญาติโยมผู้หญิงผู้เลื่อมใสศรัทธาเข้าใกล้ตัวท่านได้ ด้วยประการะฉะนี้ (เอาเข้าให้..)<!-- google_ad_section_end -->


    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  6. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]


    เอาละ...ทีนี้มาต่อความ หลังจากพ่อชวน หลวงปู่บุดดา เป็น "พระเปิด" เรียบร้อยแล้ว เรื่องมันก็ยิ่งตรงแน่ไม่ต้องแปลกันแล้ว ขอออกตัวคือบอกความจริงกันเสียก่อนว่า ผู้เขียนไม่มีวาสนาได้ตามพ่อไปทุกที่ หรือได้ฟังได้เห็นไปเสียทุกเรื่องราวที่พ่อทำ... นานๆ จะได้พบเห็นปรากฏการณ์บริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนาจากจริยาที่พ่อประพฤติเป็นธรรมดาๆ สักครั้ง จึงจดจำสลักเข้าไปในใจตัวเอง... แต่ไม่หวงแหนที่จะเล่าให้ท่านฟัง

    เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที "บ้านซอยสายลม" ของพวกเรานี่แหละ ตั้งแต่สมัย พี่อ๋อย (คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา เจ้าของบ้าน) ยังมีชีวิตอยู่นั้น หลวงปู่บุดดาก็มักจะมาเยี่ยมพ่อที่บ้านนี้บ่อยครั้ง พี่อ๋อยจะยิ้มเต็มปากเต็มหน้าเต็มใจต้อนรับหลวงปู่ ชี้ถวายที่นั่ง..... ประเคนถวายน้ำฉัน แล้วก็จะนั่งยิ้มคุยกับหลวงปู่คอยเวลาที่พ่อจะลงมาพบ พี่อ๋อยกับหลวงปู่บุดดาคงจะเป็นคนประเภทเดียวกันคือ พูดตรงไปตรงมา เสียงดังฟังชัด สมัยก่อนโน้นหลวงปู่บุดดาพูดเสียงดังมาก โดยเฉพาะเวลาคุยกับพ่อนี่ไม่ต้องใช้ไมโครโฟนหรอก ถ้าพระคุณ 2 องค์นี่คุยกันทีไร พวกเราคอยหัวเราะได้เลย ท่านทันกันจริงๆ พ่อบอกว่า

    "ก็ไอ้คน "ถาวโร" เหมือนกันนี่ มันก็อย่างนี้แหละ...."

    ครั้งหนึ่งพ่อคุยเรื่อง 'อารมณ์พระนิพพาน' กับหลวงปู่... พวกเราก็นั่งเชียร์กันเต็มที่ ท่านปรารภเรื่องร่างกายว่าเป็นของไม่ดี แล้วถามหลวงปู่ว่า

    "หลวงปู่...ร่างกายนี่มันทุกข์ไหมครับ ?.."

    "มันทุกข์น่ะเช้..."
    หลวงปู่มักจะทำเสียงยาว ทำหน้าจริงจัง จ้องตายืนยันคำพูดทุกครั้ง ซึ่งมักจะตกหลุมพ่อทุกครั้งเหมือนกัน

    "อ้าว...ถ้ามันทุกข์แล้วหลวงปู่ "เสือก" เกิดมาทำไมล่ะ...."

    " ก้อ ก้อ มันโง่น่ะเช้...."
    แล้วท่านก็ไปกันได้ทุกครั้ง...ไม่เคยอับจนซักที

    เกี่ยวกับเรื่องที่พ่อมักจะใช้คำพูดที่ "ดูเหมือนจะไม่เคารพ" ต่อพระที่มีพรรษามาก ซ้ำยังเป็นพระสุปฏิปันโนเสียอีกด้วยนั้น พวกเราใช้หูคนฟังใช้ใจมนุษย์คิด ก็มักจะมีข้อข้องใจกันบ่อยๆ แต่ถ้าฟังให้ตลอดเรื่องถึงตอนจบ ก็จะพบเห็นว่า พ่อจะยกมือไหว้เป็นเชิงขอขมาพร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนโยนตบท้ายเสมอ

    "อ้อ..ครับ...ครับ.. แล้วหลวงปู่จะเกิดอีกไหมครับ..."

    "จาไปเกิดให้มันโง่อีกเร้อ..."
    หลวงปู่ก็พูดไปชี้ๆ จิ้มๆ ไปเหมือนเดิมอีก

    ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่มาคอยอยู่ แต่ว่าพ่อออกไปกิจนิมนต์นอกบ้านสายลมเป็นกรณีพิเศษ พ่อกลับมาก็พบหลวงปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้เชิงประตูทางขึ้นที่พ่อพัก...

    พ่อ หยุดยืน เอามือชี้หลวงปู่

    " เอ้า...พระที่ไหนเล่านี่.."

    หลวงปู่ก็เอามือชี้ไปที่พ่อ
    "ก้อ ก้อ พระที่วัดท่าซุงนะเช้..."

    พ่อมักจะหัวเราะเสียงดังชอบอกชอบใจ พวกเราก็ชอบมากๆ ด้วย มาถึงครั้งสำคัญของบ้านซอยสายลม คือ คราวที่พี่อ๋อยเสียชีวิตด้วยโรคประจำวิบากกรรมของท่าน คือโรคมะเร็งที่หน้าอก....... ศพของพี่อ๋อยตั้งอยู่ตรงห้องพรมเขียว (ตอนนี้เปลี่ยนสีหรือยังไม่ทราบเพราะผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ไปบ้านซอยสายลมมาหลายปีแล้ว) คือ ห้องที่ใช้ฝึกญาณ 8 ในปัจจุบัน (พ.ศ.2542) ตั้งโลงชิดผนังห้อง ด้านท้ายห้องมีม่านกั้นห้องน้ำไว้สวดพระอภิธรรมกันที่นี่ ต้อนรับแขกที่ห้องนี้แหละ

    พวกเรารุ่นโน้น คือที่ไปซอยสายลมทันช่วงเวลาปี 2516 - 2522 คงจะจำความรู้สึกร่วมสมัยได้ว่า เราก็มั่นใจในพ่อ... พอใจพระนิพพาน ทำตามพ่อสอนเต็มใจอิ่มใจ แต่ไม่วายสงสัยว่า

    "แล้วจะไป พระนิพพาน ได้จริงๆ หรือนี่.."
    พี่อ๋อยก็เคยคุยกันถึงเรื่องนี้ พอพี่อ๋อยตาย พ่อ ก็บอกว่า

    "ท่านอ๋อยสบายแล้ว ไปนิพพานเสียแล้ว..."

    พวกเรา (ก็ขออนุญาตเชิญท่านเจ้ากรมเสริม..พี่หนุ่ย..คุณหน่อย..คุณโหน่ง คุณหน่าและคุณหน่อง..ครอบครัวพี่อ๋อยเป็นต้นแถว ไม่รู้ว่าจะอนุญาตไหม) ทุกคนเชื่อพ่อ ยิ้มแย้มแจ่มใสที่พี่อ๋อยชนะแล้ว คงจะเป็นสุขกันแบบคนไม่สนใจในโลกไปชั่วขณะ จนญาติมิตรที่มากันในงานศพพากันบ่นว่า

    "คุณเสริมนี่จะยังไงเสียแล้ว เมียตายไม่ทันเผาก็ยิ้มย่อง คงอยากมีเมียใหม่ซีนะ..."

    แต่ทั้งๆ ที่เชื่ออย่างนี้แล้วก็แหม... อยากจะให้มัน... ให้มันยังไงก็นึกไม่ออก ก็พอดีหลวงปู่บุดดามาเยี่ยมศพพี่อ๋อย พ่อก็นั่งอยู่ด้วย "หลวงปู่พระมหาอำพัน วัดเทพศิรินทร์" ก็นั่งอยู่พร้อม คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ แต่ผู้เขียนน่ะตาลุกหูผึ่งเชียวละ อยากให้หลวงปู่บุดดายืนยัน นี่...สารภาพกันตรงๆ ไม่กลัวใครด่าแล้ว พ่อคงจะทราบถึงไข้ประจำสันดานของผู้เขียนและของใครๆ ด้วย ท่านเลยถาม หลวงปู่บุดดา ตรงๆ

    "นี่หลวงปู่... คุณอ๋อยนี่ตอนมีชีวิตอยู่ท่านมีคุณต่อพระศาสนามาก ใจท่านก็รักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ตอนตายแล้วนี่อ๋อยอยู่ที่ไหน..."

    หลวงปู่ หันขวับมาทาง หลวงพ่อ ตาก็อย่างเดิมนั่นแหละ

    จ้องเป๋งใสแป๋วเลย... แล้วชี้ไปบนอากาศพูดเสียงดังฟังชัด

    "จาไปไหน... ก็เป็นพระอรหันต์ไปอยู่ในนิพพานนะเช้

    ตัวใสแจ๋วเป็นแก้วอยู่นั่นน่ะไม่เห็นเร้อ..."

    เฮกันเลย... ฮากันในงานศพต่อหน้าแขกเหรื่อนั่นแหละ

    หน้ายังงี้ยิ้มระรื่นกันไปหมด
    ลืมดูไปว่าตอนนั้นแขกเหรื่อที่ไม่ใช่ศิษย์พ่อเขาทำหน้าตากันยังไง<!-- google_ad_section_end -->

    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    ครั้งหนึ่งท่านได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    <O:p</O:p
    หลวงปู่บุดดา ได้เทแป้งเสกลงในมือหลวงปู่ดู่ <O:p</O:p
    และ ทันทีทันใดเหมือนกัน หลวงปู่ดู่รีบเทแป้งเหล่านั้นลงบนศรีษะท่านจนขาวโพลนไปหมด ท่ามกลางความ ตกตะลึง ของเหล่าลูกศิษย์ท่านมากๆ เพราะปกติหลวงปู่ดู่ท่านมีกิริยาที่เรียบร้อยเอามาก ๆ จนเมื่อหลวงปู่บุดดากลับไป ลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ถามหลวงปู่ทันที

    <O:p</O:p
    "หลวงปู่ทำไมเทแป้งอย่างนั้นล่ะครับ" ท่านตอบทันที<O:p</O:p
    "ก็ผง พระอรหันต์ ท่านให้ จะให้เอาไว้ตรงไหนนอกจากบนศรีษะของเรา ไม่งั้นจะเป็นการไม่เคารพ"

    <O:p</O:p
    และ ที่สำคัญในพิธีเปิดโลกที่แสนสะโด่งดัง นั้น <O:p</O:p
    หลวงปู่ดู่ ท่านยังเชิญบารมีขององค์หลวงปุ่บุดดามาร่วมเสกด้วย (ทางญาณนะครับ)

    <O:p</O:p
    แม้แต่องค์ หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง พระเถระที่ปกติไม่สรรเสริฐพระองค์ไหนง่าย ๆ <O:p</O:p
    ในวันหนึ่ง เมื่อท่านทราบว่า หลวงปุ่บุดดาฯ นั่งอยุ่บนรถบัส ท่านถึงพูดกับลูกศิษย์ ว่า<O:p</O:p

    "ไม่ให้ท่านลงมานะ เราจะขึ้นไปกราบหลวงปุ่บุดดาฯ บนรถเอง"<O:p</O:p
    แล้วท่านก็ขึ้นไปทั้ง กราบ ทั้ง ไหว้ อย่างเคารพ และเรียบร้อยที่สุด

    <O:p</O:p
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ท่านเคยบอกให้ลูกศิษย์ไปกราบ หลวงปู่บุดดา ตั้งแต่ที่ท่านยังอยุ่ที่วัดอาวุธ ฝั่งธน กทม. โดยให้เหตุผลว่า

    <O:p</O:p
    "รีบไปกราบท่านนะ หลวงปู่องค์นี้ ท่านเป็นพระทองคำ ท่านจะไม่มาเกิดอีกแล้วนะ"
    และยกย่องหลวงปุ่บุดดา อีกหลายครั้ง และหากท่านสงสัยในกัปกริยาที่ค่อนข้างจะแหวกแนว และ ล่อแหลมขององค์หลวงปู่ ที่มักทำอะไรที่คนทั่วไปมองว่าผิดปกติ ขอให้คิดเอาเสียใหม่ นี่คือ เนื้อนาบุญของแท้

    <O:p</O:p
    ซึ่งแม้แต่ หลวงปู่สิม แห่งสำนักสงฆ์วัดถ้ำผาปล่อง <O:p</O:p
    ยังขอถวายสังฆทานและจีวร เป็นการเฉพาะ และบอกว่า<O:p</O:p
    "หลวงปู่บุดดา ยอดเยี่ยมที่หนึ่ง แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา และแก่ทั้งมรรคผลนิพพาน"

    <O:p</O:p
    หากท่านสงสัยในพุทธคุณที่หลวงปู่บรรจุไว้ในองค์พระแล้ว โปรดอ่าน...

    ครั้งหนึ่ง มีคนนำพระไปให้ท่านเสก
    <O:p</O:pส่งไปแล้ว ท่านก้อส่งกลับ ทำอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง โดยไม่แสดงอาการ เสก แต่อย่างใด

    <O:p</O:pท่ามกลางความงุนงงของผุ้นั้นมาก จนหลวงพ่อองค์หนึ่งที่นั่งอยุ่ที่นั้นบอก
    "พระองค์นี้ ออกรบได้แล้วล่ะโยม" เต็ม ตั้งแต่ที่ส่งมาให้แล้ว ...ตกใจไหม....
    <O:p</O:p
    และ เมื่อมีคนนำพระไปให้ ครูบาสร้อย วัดมงคงคีรีเขต จ.ตาก พระอาคมขลัง <O:p</O:p
    ที่ผู้อ่านศักดิ์สิทธิ์คงรุ้จักกันดี ช่วยเสกซ้ำอีกที ท่านได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า
    "เต็มแล้ว เสกไม่ได้แล้ว"

    <O:p</O:p
    แม้แต่องค์ หลวงพ่อพุธ ยังปฏิเสธเหมือนกัน และบอก
    "จะให้เสกทับไปได้อย่างไร หลวงปู่บุดดาก็เป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของเราเหมือนกัน" <O:p</O:p
    สุดยอดจริง ๆ<O:p</O:p

    ทุกวันนี้ เราหาพระที่จะมาห้อยคอนั้น ง่ายเหลือเกิน <O:p</O:p
    แต่จะหาพระแท้ มาห้อยนั้น ยากครับ หากท่านบูชาพระที่พุทธคุณ ไม่ใช่ที่ค่านิยม <O:p</O:p
    อันเป็นเรื่องของทางโลกแล้ว พระเครื่องหลวงปู่บุดดา เป็นอีกองค์หนึ่งซึ่งผม
    <O:p</O:p
    ขอฝากไว้ในใจท่านทั้งหลายครับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    http://fws.cc/wt83/index.php?topic=103<O:p</O:p

    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  8. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    [​IMG]

    ปุจฉา วิสัชนา : หลวงปู่บุดดา ถาวโร

    วิสัชนา : กราบพระพุทธรูปนั้นแหละ ตื่นขึ้นมากราบ ๓ ครั้ง แล้วห่มผ้า แล้วไปอุ้มบาตร กลับมาก็กราบซะก่อน เวลาฉันก็กราบอีก ทำวัตรเช้าวัตรเย็นแล้วก็กราบ ทีนี้จิตก็เชื่องซี่ มันก็ไม่ไปอื่นซี มีงานให้มันทำก็ทำได้ ไม่มีงานทำก็ไม่ต้องทำซี่ มันก็พากันเที่ยวซี่

    ปุจฉา : หลวงปู่ครับ สุนัขนี่มันรู้ภาษาคนไหมครับ ?

    วิสัชนา : มันรู้ แต่มันพูดไม่ได้เท่านั้นแหละ แต่พูดในใจ มันพูดรู้น่ะ ถ้ามองตามัน จิตใครมีธรรมมันก็เข้ามาหา มานอนด้วย ถ้าจิตใครไม่มีเมตตามันไม่เข้ามาหาหรอก มันกลัว มันมองตามันรู้น่ะ มันรู้สายตาน่ะ

    ปุจฉา : อยากให้หลวงปู่บอกหลักสูตรการทำจิตขณะบริจาคทานครับ
    วิสัชนา : ก็นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ซี่ เข้าหลักสูตรนะ ถ้าลืมหลักสูตรแล้วอุทิศไปไม่ถูกหลัก มันเฉยๆ มันเป็นโมหะแล้ว ถ้าอุทิศถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันพร้อมด้วยศีล ด้วยปัญญา ด้วยทานศีลภาวนา มันไม่พร้อมก็ไม่มีปัญญาน่ะซี่

    ปุจฉา : หลวงปู่ครับ ฟังเทศน์กับฟังเทเป็นยังไงครับ ?
    วิสัชนา : ฟังเทมันฟังไม่รู้เรื่องซี่! ฟังธรรมมันต้องทำไปด้วยซี่! เป็นพระโสดา สกิทาคา อรหันต์ได้ ฟังเท...พระเทศน์เสร็จ สาธุ...ไม่รู้เรื่อง เขาฟังเทศน์จะเอาแต่บุญ ไม่เอามรรคผลนี่

    ปุจฉา : ทำกรรมฐานอย่างไรจะถูกครับ ?
    วิสัชนา : ทำอย่างไหนก็ได้ ทำแล้วกิเลสระงับดับลงไปไม่กำเริบนั่นแหละถูก ทำแล้วข่มกิเลสได้ ฆ่ากิเลสตาย คายกิเลสหลุด ถูกทั้งนั้นแหล

    ......................................................................................................................................................

    วิสัชนา : ยังไม่ถึงก็ยากซี่! ถึงแล้วมันจะยากอะไรล่ะ ไม่ได้ก้าวขาสักก้าว

    ปุจฉา : หลวงปู่ ไปเที่ยวอินเดียไหมค่ะ ?

    วิสัชนา : ไปดมขี้แขกทำไมล่ะ! แขกสะอาดเมื่อไหร่ล่ะ! เที่ยวเสียค่าเครื่องบินเขา เสียเวลาเที่ยวทำไม สู้ไปเที่ยวในมนุษย์ธรรม เทวธรรม พรหมธรรม ไปโลกตตรธรรม ไปพบพระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ดีกว่านะ

    ปุจฉา : ถ้าถือศีล ๕ หมดประเทศ คนไทยจะทำมาหากินไม่ได้นะครับ
    วิสัชนา : นั่นแหละ! ตัวทำมาหากินมั่งคั่งมั่นคงบริบูรณ์เป็นเศรษฐีกันหมดทั้งเมืองไทยนั้นแหละ เศรษฐีศีล ถ้าเข้าถึงขีดพระโสดา มีศีลสมบัติ สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ ตรัสรู้ถึงนิพพานได้ ทำเอาเอง

    ปุจฉา : ทำไมผมเรียนธรรมไม่จบซักทีครับหลวงปู่
    วิสัชนา : เรียนยังไงก็ไม่จบเพราะออกไปเรียนทางอื่นหมด ปุริสธรรมไม่เรียนเสียก่อน เทวธรรม พรหมธรรมไม่เรียนเสียก่อน ยังงี้จะไปโลกุตตระถูกที่ไหนล่ะ? ก็ไม่เอาทางต้นไปก่อน จะไปเอายอดปลายได้หรือ? อริยสัจก็เลยฟังไม่ออก

    ปุจฉา : หลวงปู่ครับ พระสมเด็จองค์นี้ของจริงหรือของปลอมครับ ?
    วิสัชนา : จริงหรือปลอมก็ใช้ไปเถอะ! เพราะเป็นของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใช้ได้หมดแหล่ะ!

    ......................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2011
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    บรรยากาศ บริเวณหน้าวัดวังกะชอน
    อ.วังทอง พิษณุโลก

    ......................................................................................................................................​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]



    องค์หลวงพ่อฯ เคยเมตตาแนะนำไว้ ในทำนอง ว่า..

    “..ในห้วงระยะเวลากฐินทาน
    ให้ร่วมบุญกฐิน ให้เกิน 7 วัด ขึ้นไป
    จะทำให้เราคล่องตัว ในปัจจุบัน..”<O:p</O:p

    (ข้อนี้.. ไม่ได้ระบุว่า จะต้องใช้ปัจจัยมาก หรือน้อย ขอเพียงเต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจ และบริสุทธิ์ เท่านั้น)

    ขอกราบอาราธนาบารมี คุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>แห่งพระศรีรัตนตรัย อันมี องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์
    สมเด็จองค์ปฐม เป็นองค์ต้น สมเด็จองค์ปัจจุบัน เป็นที่สุด พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์
    คุณแห่งพระธรรม คุณ<st1:personName ProductID="ของพระอริยสงฆ์ ทั้งหลาย" w:st="on">ของพระอริยสงฆ์ ทั้งหลาย</st1:personName> บุญบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า ทุก ๆ พระองค์
    ครูบาอาจารย์ ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา ตลอดจนถึง พรหม เทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นานา ทั่วสากลพิภพ

    ด้วยเหตุแห่ง บุญราศี เร่งรัดบำเพ็ญบารมีของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตั้งแต่ต้น ถึง ณ บัดนี้
    ขอจงรวมตัวกันเป็นกำลัง เป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย มีความสุขกายในทางโลก
    มีช่องทางรับทรัพย์ไม่สิ้น จะกินจะใช้ ไม่มีวันหมด จนกว่าจะเข็ดจะเบื่อในโลกีย์
    ขอให้มีความสุขใจ ในทางธรรม สามารถเห็น และวางได้ ในกองทุกข์ มีดวงตาเห็นธรรม
    สามารถสร้างความสุขสมในอารมณ์จิต สามารถละการมี การรวย การเกิด ด้วยการไม่เกิด
    ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ตามบุญบารมีของข้าพเจ้าทั้งหลายในชาติปัจจุบันนี้ ด้วยเถิด

    หากไม่ถึงพระนิพพานเพียงใดก็ตาม ขอคำว่า “ไม่มี” จงอย่าบังเกิดแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
    และหากต้องเกิดอีกกี่ชาติก็ตาม ขอให้ได้พบกับพระพุทธศาสนา มีความเคารพในศีล เคารพในธรรม
    ไม่เบียดเบียนแก่กัน มีจิตใจที่ตั้งตรงต่อพระรัตนตรัย ทุกชาติภพ นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    ด้วยเทอญ.<O:p</O:p

    ....................................................................................................................................................................................................<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2011
  12. malaikajorn

    malaikajorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +964
    อนุโมทนาสาธุอย่างยิ่งค่ะ
    ขอร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี

    ประธานกรรมการ 1 รายการ (ทำบุญ 2,000 บาท)
     
  13. plamp256

    plamp256 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,308
    ค่าพลัง:
    +6,725
    พี่ภาพพระไม่ติด...............................
     
  14. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    ขอร่วมทำบุญด้วยและผมมีพระของหลวงปู่บุดดา
    จะขอนำมาร่วมกองบุญกฐินด้วย จะส่งให้คุณมหาหิน
    เร็วๆนี้ คุณมหาช่วยกำหนดเงินทำบุญสำหรับแจก
    ผู้ร่วมทำบุญให้ด้วยครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ขอน้อมโมทนากับพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ พวกเรา ทุกท่าน ครับ
    กำลังใจในบุญ เพื่อ พระนิพพาน ของพวกเราไม่ก้อย ไม่ถอย ไม่ท้อ แน่ ๆ
    ใช่ไหมครับ

    สาธุ..
    สาธุ..
    สาธุ....

    .......................................................................................................................................................
     
  16. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    ...............................................................................................

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->plamp256<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4905438", true); </SCRIPT>
    พี่ภาพพระไม่ติด...............................<!-- google_ad_section_end -->

    ทำไงดีครับ

    ...............................................................................................
     
  17. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    คุณศิวะบุญ อักษรพิบูลย์
    โทร.มาจาก ฉะเชิงเทรา ร่วมบุญ 1,000 บาท

    ขอน้อมโมทนา อย่างยอดยิ่ง

    สาธุ..
    สาธุ..
    สาธุ....

    ................................................................................................
     
  18. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE class=tborder id=post4905078 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บุญทรงพระเครื่อง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4905078", true); </SCRIPT>
    สมาชิก PREMIUM

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2009
    ข้อความ: 4,000
    พลังการให้คะแนน: 748 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_4905078 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->
     
  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระคุณเจ้าท่านพระครูปลัดวิรัตน์ โอภาโส ท่านเจ้าอาวาส
    โทร. 086-590 8016

    ข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่....
    www.watdhammayan.com

    ขอน้อมโมทนา อย่างยอดยิ่ง

    สาธุ..
    สาธุ..
    สาธุ..

    .............................................................................................................................................................
    ทำบุญสร้างพระพุทธรูป
    อานิสงส์แผ่ไพศาล พุทธอัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้า ค่าค่าประมาณมิได้

    ยิ่งสร้างด้วย ทองคำ อันเป็นวัตถุที่ เลิศ ของมนุษยชาติ อานิสงส์ย่อม ยอดยิ่ง
    ได้สร้างเป็น พระเหลือ อานิสงส์ คำว่า ขาดแคลน ย่อมไม่มี ไม่ปรากฏขึ้นมาได้
    มีแต่ล้น มีแต่เหลือ ไม่มีพร่อง ไม่มีขาด ในทรัพย์ ทางโลก

    และ ที่สำคัญ

    องค์หลวงพ่อฯ กล่าวไว้ในทำนองว่า สร้างพระพุทธรูป
    หรือ บำเพ็ญภาวนาใน พุทธานุสสติกรรมฐาน

    เป็นหนทางที่ใกล้ ที่ง่าย ต่อ พระนิพพาน อย่างยิ่ง
    (ท่านฯ บอกว่า พระพุทธเจ้า อยู่ที่ พระนิพพาน
    เรามีอนุสสติถึงท่านเสมอ ๆ แล้วเราจะไปที่ไหนได้)

    ขอน้อมโมทนาอย่างยอดยิ่ง

    สาธุ..
    สาธุ..
    สาธุ....

    ..............................................................................................................................................................​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ไว้จะมาร่วมบุญอีกนะครับผม ขออนุโมทาบุญด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...