พระสงฆ์กับเงินตราและกรณีปัญหาเกี่ยวกับพระอ.เกษม อาจิณณสีโล

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 16 กรกฎาคม 2012.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    กฎกติกาของเว็บบอร์ดพลังจิต

    ขอความกรุณาช่วยกันรักษากฎกติกามารยาทที่ให้ไว้ข้างล่างเพื่อความสงบสุขของตัวเองและสังคม

    ขอให้สมาชิก ตกลงที่จะทำตามกฎกติกามารยาท

    1) ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดปด ไม่หลอกลวง ไม่พูดวาจาทำให้แตกร้าวกัน ไม่พูดวาจาไร้ประโยชน์
    2) ไม่โพส ใส่ร้ายป้ายสี เสียดสี ในสิ่งไม่เป็นความจริง บิดเบือน ตำหนิติเตียน จาบจ้วงพระรัตนตรัย หรือ บุคคลใดๆ ในทางเสียหาย
    3) ไม่โพสหรือสื่ออะไรต่างๆที่ ละเมิดต่อ กฎหมายบ้านเมือง ศีลธรรม ประเพณี
    4) ไม่โพส รูปไม่เหมาะสม วิดีโอคลิปโป๊ ล่อแหลม ขัดต่อศีลธรรม ลงในกระทู้และในรูปแทนตัว
    5) ไม่ก่อกวนสมาชิก แต่บางกรณีสมาชิกสามารถสอบถามเพื่อความชัดเจนและ ไม่ก่อกวนระบบของเว็บพลังจิต
    6) ไม่เผยแผ่สิ่งที่เป็นมิจฉาทิฐิ
    7) ถ้ามีการกระทู้ของต่างศาสนาเข้ามาเผยแผ่ในเว็บพลังจิต ทางเว็บพลังจิตจะพิจารณาเป็นกรณีๆไป
    ถ้ามีกระทู้ใดๆหรือแนวสอนใดๆ ที่เข้ามาเผยแผ่ในเว็บพลังจิต อันมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คนออกจากพุทธศาสนา ทางเราจะพิจารณาและย้ายกระทู้ดังกล่าวไปในห้องที่เหมาะสมหรือลบออก


    ทีมงานผู้ดูแล palungjit.org ขอสงวนสิทธิ์
    ที่จะ ลบ แก้ไข เคลื่อนย้าย หรือปิดกระทู้ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม โดยเหตุผลใดๆก็ตาม โดยมิต้องบอกกล่าวแก่สมาชิกก่อน

    ถึงแม้ว่าผู้ดูแลระบบและผู้คุมห้องของ palungjit.org จะพยายามไม่ให้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอยู่ในบอร์ดนี้
    เป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแลได้อย่างทั่วถึงทั้งหมด


    ข้อความในเว็บบอร์ดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนและไม่ใช่ของผู้ดูแล palungjit.org ทั้งหมดและบางส่วนเป็นของทีมงาน
    และผู้จัดทำเว็บบอร์ดแห่งนี้จะไม่มีการรับผิดชอบต่อเนื้อหาใดๆ

    สมาชิกสามารถร่วมดูแลเว็บบอร์ดได้ ถ้าเห็นอะไรไม่สมควร กรุณาการกดปุ่มแจ้ง เพื่อทางทีมงานจะได้นำไปพิจารณาต่อไป


    จุดมุ่งหมายของเว็บพลังจิต คือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น
    อันมีมีพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
    คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เหมือนกัน ซึ่งเป็น หัวใจคำสอนในพุทธศาสนา

    1.ละชั่วทั้งปวง ทาง กาย วาจา ใจ
    2.ทำดี ทางกาย วาจา ใจ การทำดีย่อแล้วมี 3 อย่างคือ ทาน ศีล และภาวนา(สมถะและวิปัสนา)
    3.ทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลศ เพื่อความพ้นทุกข์หรือหลุดพ้นสู่นิพพาน

    สมาชิกใช้คำหยาบ ผมแจ้งไปผู้ดูแลฯไม่สนใจ นี่เป็นอีกกรณีหนึ่ง พวกกูไม่ผิด ใครไม่ใช่พวกกู กูแบน
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรง บัญญัติแล้ว

    พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ หน้าที่ ๒๕๑/๒๗๙
    ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขาบทของพวกเราที่ ปรากฏแก่คฤหัสถ์
    มีอยู่ แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร สิ่งนี้ไม่ควร
    ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อย เสีย จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบท
    แก่สาวกทั้งหลาย เป็นกาลชั่วคราว พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
    สาวกเหล่านี้ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น เพราะเหตุที่พระศาสดาของพระ
    สมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายใน
    บัดนี้ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์ไม่พึงบัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติไม่พึง
    ถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว พึงสมาทานประพฤติ ในสิกขาบททั้งหลายตามที่
    ทรงบัญญัติแล้ว นี้เป็นญัตติ
    ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขาบทของพวกเราที่ ปรากฏแก่คฤหัสถ์
    มีอยู่ แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อ สายพระศากยบุตร สิ่งนี้ไม่ควร
    ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสีย จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบท
    แก่สาวกทั้งหลายเป็นกาล ชั่วคราว พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
    สาวก เหล่านี้ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น เพราะเหตุที่พระศาสดา ของพระ
    สมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายใน
    บัดนี้ สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระ บัญญัติที่ทรงบัญญัติแล้ว สมาทาน
    ประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ ทรงบัญญัติไว้แล้ว การไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ
    ไม่ถอนพระบัญญัติ ที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่
    ทรงบัญญัติแล้ว ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น
    พึงพูด
    สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรง บัญญัติแล้ว
    สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ทรงบัญญัติ แล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึง
    นิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วย อย่างนี้ ฯ
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ความคิดเห็นที่ 2 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
    นิพพาน ก็น่าจะหายแต่ส่วนที่ปรุงแต่ง ครับ ... คือในความจริงมีแค่2ส่วน
    คือ สังขตะธรรม เป็นส่วนที่ถูกปรุงแต่ง รูป กับ อสังขตะธรรม ที่ไม่ปรุงแต่ง
    นิพพานก็ไปเป็น ธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีกาลเวลาเปรียบต่าง
    ส่วนพระพุทธรูป นั่น ไม่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าครับ.. พระองค์ตรัสไว้ก่อนที่
    คนกรีกจะอุตริปั้นขึ้นมาแล้วครับ คนพุทธสมัยแรกก็ต่อว่าประนาม.. ปั้นจากหน้าเทพกรีก
    ส่วนคนยุคหลัง บูชา โดยต้องมีรูปไว้ให้รำลึก... บ้างก็บูชาหวังแบบเทพนิยม
    ที่จริงพระพุทธองค์สอนให้เรา นำพระธรรมมาปฏิบัติ นั่นแหละคือการบูชาแท้ครับ
    ส่วนพวกกราบหินวัตถุ แต่ทำเลว หรือไม่ได้ปฏิบัติชอบยังไง... ก็ไม่ได้บูชาพระพุทธจริง
    จากคุณ : นบนอบ
    เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 14:55:19

    ความคิดเห็นที่ 6 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
    ความคิดเห็นที่ 3
    ใช่แล้วครับ คนพุทธสมัยแรกไม่มีใครจะแม้แต่วาดเป็นรูปพระพุทธตามกำแพง ต้องblankว่าง
    ส่วนของพระพุทธเจ้าไว้ครับ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ไม่ให้พุทธสาวก ยึดรูป
    คนกรีกตอนนั้นไปปกครองอินเดีย.. ไปหาข้อมูลดูนะครับ มิเลนเดอร์... แม่ทัพกรีก
    ซึ่งตอนแรกคนพุทธไม่ยอมรับนะครับ การสร้างรูปอย่างกับเทพกรีก ภายหลังโดน
    คนกรีกสอนให้ปั้น ก็เลยเออออ และเพื่อสร้างความนิยมไม่ให้โดนเทพพรามหณ์กลืนด้วย
    จากคุณ : นบนอบ
    เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 15:12:03

    ความคิดเห็นที่ 7 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
    ใช่ครับ อย่างที่คุณ นบนอบ กล่าวไว้ถูกต้องครับ
    คนที่ปั้นพระพุทธรูปคนแรก ไม่ใช่คนอินเดีย ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นฝรั่ง !!!
    เป็นฝรั่งชนชาติกรีก ในยุคที่กรีกเรืองอำนาจ คือช่วงสมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (อินเดียเรียกชื่อนี้ว่า "อลิกสุนทร" หรือแขกอินเดียจะออกเสียงว่า "อะลิกะซานทะระ" ซึ่งก็คือ อเล็กซานเดอร์ นั่นเอง)
    เมื่อ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ยึดครองอินเดียได้แล้ว (เมื่อสองพันปีก่อนโน้นนนน) ก็คิดถอยทัพ เพราะเบื่อการรบแล้ว แต่การถอยทัพตามหลักยุทธศาสตร์ ก็ต้องแต่งตั้ง มหาอุปราชครองเมืองนั้น ๆ แทนตนเอง ซึ่ง ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งผู้นั้น ก็คือ เมนันเดอร์ หรือ เมนานเดอร์ ขุนทัพคู่ใจ คนสนิท และเป็นอาจารย์สอนปรัชญาของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ นั่นเอง (คนอินเดีย ออกเสียงเรียก เมนานเดอร์ แบบลิ้นภารตะ ว่า เมลันดะระ หรือบ้างก็เรียก มิลินดะระ ส่วนคนไทยก็เลยเรียกตามแขกอินเดียว่า "มิลินทร์")
    มหาอุปราชมิลินทร์ หรือ พระยามิลินทร์ ภายหลัง หันมานับถือพุทธศาสนา (จากการได้โต้วาทะ ถามตอบ หลักปรัชญา-ศาสนา กับพระนาคเสน อยู่นานถึง 11 - 12 ปี) ก็ยอมจำนน และหันมาศรัทธาในพระรัตนตรัย
    ก็เลยเป็นที่มาว่า ท่านน่าจะเป็นคนแรก ที่คิดทำหรือปั้น หรือแกะสลัก พระพุทธรูป เพราะยังติดอยู่กับความเชื่อหรือรสนิยมเดิม ๆ ในเรื่องของงานศิลป์
    ดังจะเห็นได้ว่า พระพุทธรูปในยุคแรก ๆ นั้น ใบหน้า หรือพระพักตร์ จะค่อนข้างคล้าย ๆ ละม้ายไปทางเทพเจ้าอพอลโล่ ของกรีก ซะด้วยซ้ำ
    แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 15:34:04
    แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 15:31:57
    จากคุณ : รถเรณู [FriendFlock] [Bloggang]
    เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 15:29:34


    ความคิดเห็นที่ 16 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
    รูปปั้นพระพุทธเจ้า ทำขึ้นหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว หลายร้อยปี
    เริ่มจากที่อาณาเขตคันธารราฐ (Gandhara) สร้างตามศิลปอิทธิพลของกรีก
    รายละเอียด : 卍 ธรรมศาลา • แสดงกระทู้ - ผ้าคลุมกรีก-โรมัน vs จีวรพระพุทธรูป ญาติกันนะจะบอกให้
    =================
    การไหว้บูชาคุณความดีของพระพุทธเจ้า ที่ทรงเผยแผ่ศาสนา เป็นศาสดาเอก
    ทรงเมตตาให้ความรู้บอกทางหนทางอริยสัจ๔ ให้ผู้คนในโลกเข้าถึงความดับทุกข์โดยสนิท นิพพาน
    ศรัทธาลักษณะนี้จะสามารถโน้มเข้าสู่คุณงามความดีภายในผู้ศรัทธา นำสู่การเรียนรู้เพื่อปฏิบัติตามได้ .
    แต่หากการไหว้ขออ้อนวอนพระพุทธรูป เพื่อบางสิ่งบางอย่างให้สมหวังทางโลก
    จะทำให้พลาดเป้าหมายพุทธศาสนาออกไป
    ศรัทธาลักษณะอาจจะไปอยู่ในรูปแแบบศาสนาเทวนิยม คริสต์ พราห์ม-ฮินดู
    หลักการสำคัญของพุทธศาสนาที่ต้องพึงจับให้มั่น เพื่อบังเกิดผลสัมมาทิฏฐิ
    คือ ชีวิตที่มีร่างกายจิตวิญญาณ(ตามองค์ประกอบที่เรียกว่าขันธ์๕)
    ขันธ์๕ นี้ซึ่งเป็นสภาพปรุงแต่งมีความเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ถาวรเป็นเพียงการประชุมรวมกันของธาตุขณะนึงๆ ณ ปัจจุบันขณะ ต่อเนื่องกันไป
    ขันธ์๕ นี้ซึ่งเป็นสภาพปรุงแต่งมีความเป็นทุกขัง ชำรุดเสื่อมสภาพ ไม่เสถียร
    ขันธ์๕ นี้ซึ่งเป็นสภาพปรุงแต่งมีความเป็นอนัตตา มีเพียงชั่วคราว มิได้เป็นตัวเราของเรา
    ขันธ์๕ นี้ซึ่งเป็นสภาพปรุงแต่งมีความเป็นสุญญตา ว่างเปล่าจากตนหรือจากของๆตน
    แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 21:32:40
    แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 55 21:31:17
    จากคุณ : nataraja [Bloggang]
    ยนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 21:29:20

    มีอีกเยอะไปหาอ่านเอาเองครับ
    คัดลอกมาจาก PANTIP.COM : Y12341695
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
  5. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    เข้มกันจัง มาฟังนิทานสักนิดเพื่อผ่อนคลาย

    กาลครั้งหนึ่ง ครั้งไหนก็ไม่ทราบ มีเดรัจฉานตัวหนึ่งได้พบรูปปั้นซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นรูปอะไร แล้วมีจิตรำลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ยังอานิสงส์ให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาติถัดๆ ไป

    ทีนี้มีคำถามหลังฟังนิทานว่า การกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นส่งให้การกราบไหว้ของเราถึงพระพุทธเจ้าหรือไม่ ที่ว่าถึง อะไรถึง แล้วที่ว่าไม่ถึง อะไรไม่ถึง
     
  6. ผีกระติ๊บ

    ผีกระติ๊บ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +51
    โห คุณ...ทำตัวเหมือนสำนวนไทยที่ว่า" ขี้แพ้ชวนตี "เลยนะ
    ไปไม่เป็นไปไม่ถูกจริงๆนั่นแหละ เอาอะไรมาเป็นเหตุผลเป็นข้ออ้างก็ดูไม่เข้าท่าเลยจริงๆ:'(
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    "บุคคลผู้มืดมา กลับมืดไป
    บุคคลผู้มืดมา กลับสว่างไป
    บุคคลผู้สว่างมา กลับมืดไป
    บุคคลผู้สว่างมา กลับสว่างไป"
     
  8. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    สวัสดีท่าน อุรุ
    ก็บอกท่านแล้วให้เอาประวัติพระดีๆ ที่ค้นหาประวัติยากๆ มาลงให้ชมย่อมมีประโยชน์มากกว่า
    ไอ้ข่าวพระแบบนี้ แค่เห็นครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว มองแล้วไม่เจริญหูเจริญตา หลับฝันร้ายนะ่ท่าน ผมแค่บอกเล่าเก้าสิบเท่านั้น แค่อยากให้ท่านอยู่กับของดีๆ สิ่งดีๆ พระแบบนั้นเขา
    ต่อว่ากันไปทั้งเมืองแล้ว ดูอย่างท่านยันตระซิ สาปสูญ ขนาดมีเงินมากมายยังกลับเข้าสู่สังคมไม่ได้เลย ขอบคุณกับลิงค์ที่ส่งให้ชม แต่ไม่ได้ดูทั้งหมดนะ THANK...
    ปล.(ไม่รู้จะปล.ทำไม) ในรูป ท่านทำไมไม่นั่งหันหน้ามา แล้วท่านบวชอยู่วัดไหนล่ะ ผ่านไปจะได้ไปใส่บาตร อันนี้ถามเล่นๆนา...
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อย่าหลงเปลือกศาสนา

    โบราณท่านได้เล่าไว้ว่ามีลิงสองแม่ลูกอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ เช้าวันหนึ่ง แม่ลิงออกไปหาอาหาร พบต้นมังคุดต้นหนึ่งมีผลดกเต็มต้นก็ดีใจ แกะมังคุดกินจนอิ่มหนำสำราญ แล้วเก็บที่เหลือมาฝากลูก ลูกลิงคว้าผลมังคุดได้ผลหนึ่ง แล้วกัดกินทั้งเปลือกด้วยความหิว พอลิ้นกระทบรสฝาด ลูกลิงรีบคายและขว้างทิ้งทันทีพร้อมกับต่อว่าแม่ว่า "เอาผลไม้ไม่มีรสชาติทั้งฝาดทั้งขมมาให้กิน" แม่ลิงจึงหยิบผลใหม่มาแล้วแกะเปลือกส่งให้ลูกเพื่อชิมดูใหม่ พอได้ลิ้มรสหวานของมังคุด ลูกลิงก็ติดรสร้องกินแต่ผลมังคุด ไม่ยอมกินผลไม้อื่นต่อไป
    ศาสนาทุกศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธอยู่ในสภาพคล้ายผลมังคุด มีทั้งสิ่งที่เป็นเปลือกห่อหุ้ม และสิ่งที่เป็นเนื้อยู่ด้วยกัน ผู้ศึกษาบางท่านอยู่ในฐานะเช่นเดียวกับลูกลิง คือแยกเปลือกกับเนื้อไม่ออก เข้าใจว่าศาสนาสถาน เช่นโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญบ้าง ศาสนิกคือพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาบ้างเป็นตัวศาสนา หลงยึดเอาความเสื่อม ความเจริญของวัดวาอารามและพระสงฆ์ ว่าเป็นความเสื่อมความเจริญแห่งศาสนาไปด้วย การบูชาหรือทะนุบำรุงพระศาสนาจึงหนักไปทางบูชาด้วยอามิส ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสอนว่าไม่ถูกทาง
    บางท่านอยู่ในฐานะเช่นแม่ลิง คือรู้ว่าศาสนธรรมคือคำสอนเท่านั้น คือตัวเนื้อแท้แห่งพระศาสนา มุ่งบูชาด้วยการปฏิบัติธรรมเป็นสำคัญ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นการบูชาที่ถูกต้อง สามารถดำรงพระศาสนาไว้ได้

    แล้วท่านเล่า เข้าถึงเนื้อแท้แห่งพระศาสนา และบูชาพระศาสนาด้วยอาการอย่างไรหรือยังหลงกินเปลือกศาสนาแล้วคายโดยไม่แยแสต่อรสแท้แห่งพระพุทธศาสนา?

    คัดลอกมาจาก ˹ѧ
     
  10. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739

    หวัดดี เกษม ข้า ถวายเงินให้วัด แถวบ้าน ตอน เข้าพรรษาไปหลายบาทเลยหว่ะ...........เพราะข้าอยากทำบุญ
     
  11. มินาโก๊จัง

    มินาโก๊จัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +138
    เราเห็นด้วยกับท่านนะ "และเราคิดว่า ท่านไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย"
     
  12. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    สำนักเดรถีย์ โล้นเกษม ทำลายพระพุทธรูป เผาพระุพุทธรูป

    นี่ละท่าน ต่ำทรามสุดๆแล้ว ไม่สมควร กระทำอย่างยิ่ง


    พระพุทธรูป = พระพุทธ

    พระธรรม = คำสั้งสอน

    พระสงฆ์ = ก็คือพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัตชอบ (ยกเว้น โล้นเกษม)


    เราชาวพุทธ พรุพุทธเจ้าท่านก็ตรัสสอนไห้ ไหยึด พระรัตนตรัย

    เป็นที่พึ่ง ก็คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 3 ประการนี้ เป็นสรณะ เป็นที่ยึดเหนี่ยว

    พระุพุทธรูปเป็นสัญญาลักษ์ แทนพระพุทธเจ้า ใครๆก็ทราบดี


    ส่วน โล้นเกษม ทำลาย พระพุทธรูป เผา ทุบ ก็หมดกัน!! สัญญาลักษ์แทน

    พระพุทธเจ้า ก็ไม่มี ก็จะเหลือแค่ พระธรรม และก็ พระพสงฆ์


    ถ้าขืนเป็นแบบนี้ ก็เป็นได้แค่ลัทธิ แบบ เซน แบบเต๋า ฯล.. เป็นต้น

    ไม่ใช่ศาสานา ศานสนา ต้องมีผู้ก่อตั้ง มีคำสังสอน มีผู้รับรอง มีผู้ปฏิบัติตาม


    ที่โล้น เกษม กับอุระเวลา ทำอยุ่เวลานี้ เขาเรียกว่า การเผยแพร่ลัทธิ

    โล้นเกษม ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ โดยการเผา สัญญาลักษ์ ของผู้ก่อตั้งพระศาสนา

    ก็คือพระัพุทธรูป และก็บอกว่า อย่าไปกราบ อย่าไปไหว้.... คำ...ผมยังไม่กล้า

    แม้จะเอ่ยตามโล้นเกาษม ปู่ ย่า ตายาย ผม นับถือศาสนาพุทธแท้ๆ

    คำพูดยังโล้นเกษม พูดถึงพระัพุทธรูป เราคนไทย พุทธแท้ๆ ไ่ม่สามารถ พูดคำนั้นได้

    ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใดๆ


    ทุกวันนี้ โล้นเกษม และ อุรุเวลา พยามเอาลัทธิเซน มาเผยแพร่

    โล้นเกษม ทำตัวเป็นเจ้าลัทธิ อุรุเวลา ทำตัวเป็น นำเสนอ วิธีการของเจ้าลัทธิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  13. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    [​IMG]


    ภาพจริง ถ่ายจากสถาณที่จริง ผู้โพสท์ภาพคือ โล้นเกษมตัวจริง เสียงจริง
     
  14. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    คณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์มีมติขับ "พระเกษม อาจิณณสีโล" ออกจากพื้นที่เพชรบูรณ์แล้ว หลังอ้างถูกต่อว่าอยากดังใช้ปากด่า-ยกตีนเตะเก้าอี้ ด้านป่าไม้จังหวัดจะเข้าสอบที่พักสงฆ์สามแยกเกิน 100 ไร่ มีการก่อสร้างเพิ่มเติมหรือไม่
    ความคืบหน้ากรณี "พระเกษม อาจิณณสีโล" เจ้าสำนักสงฆ์สามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งหลังจากมีการนำคลิปวิดีโอแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกเผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทิวบ์ (YouTube - Broadcast Yourself) ความยาวประมาณ 24 นาที ภาพที่ปรากฏระบุว่าเป็นโรงรับจังหันเช้า ภายในสำนักสงฆ์ ถ่ายเมื่อวันที่ 18-19 ส.ค.ที่ผ่านมา มีโต๊ะอาหารตั้งอยู่ตรงกลาง เพื่อให้พระสงฆ์และแม่ชีเดินตักอาหารใส่บาตไปฉัน
    โดยมีญาติโยมนั่งอยู่ 2 ฝั่งของศาลา ระหว่างนั้น พระเกษมเดินไปมาพูดจาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำนองว่าตัวเองไม่อยากดัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำแบบนี้ ก่อนจะยกเท้าขึ้นไปวางบนโต๊ะเก้าอี้ ก่อนจะเตะถีบโต๊ะจนข้าวของล้มระเนระนาด จากนั้นยกเท้าใส่กล้อง และถ่มน้ำลายต่อหน้าชาวบ้าน และต่อมามีคนนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งพระเกษมยอมรับว่าเป็นคนโพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวด้วยตัวเอง เพื่อตอบโต้พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งในจังหวัดที่หาว่า พระเกษมอยากดัง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
    ล่าสุด วันนี้(21 ก.ย.) นายวิโรจน์ ไผ่ย้อย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับทางคณะสงฆ์ ซึ่งประกอบไปด้วย เจ้าคุณวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดสนธิการาม แล้ว โดยคณะสงฆ์มีมติแจ้งให้พระเกษม ออกจากพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เหมือนเมื่อครั้งเกิดเรื่องฉาวในปี 2551 ซึ่งทางสงฆ์ทำได้แค่แจ้งให้ออกจากพื้นที่เท่านั้น และตามธรรมเนียมปฏิบัติ พระสงฆ์ที่ถูกแจ้งจะต้องดำเนินการตามมติคือเดินทางออกจากพื้นที่ทันที แต่กรณีพระเกษมนั้นไม่ปฏิบัติตาม ยังคงพำนักอยู่ในที่พักสงฆ์เช่นเดิม
    นายชิต อินทระนก ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กรมป่าไม้ มีหนังสือแจ้งเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2552 ให้พระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ในเขตป่าไม้เข้าร่วมโครงการที่ให้พระอยู่ร่วมรักษาพื้นที่ป่าไม้คือ หนังสือสำคัญแสดงการเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ร่วมกับพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้จำนวน 100 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำหนาว และเมื่อพระสงฆ์เข้าร่วมโครงการแล้ว จะมีการออกหนังสือจากป่าไม้ให้ทางพระสงฆ์ เพื่อยืนยันการเข้าร่วมโครงการ พร้อมปฏิบติตามกฎต่างๆ ของกรมป่าไม้ หนึ่งในข้อสำคัญนั้นระบุว่า พระสงฆ์จะต้องไม่เน้นการก่อสร้างวัตถุ ซึ่งจะต้องมีการเข้าไปตรวจสอบใน 1-2 วันนี้ว่า หลังเข้าร่วมโครงการของที่พักสงฆ์สามแยกนั้น มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจากเดิมอีกหรือไม่ หากพบว่ามีการดำเนินการก่อสร้างผิดไปจากเดิมอีกก็อาจเข้าข่ายผิดกฎของโครงการ และจะต้องดำเนินการยกเลิกการเข้าร่วมโครงการ
    นอกจากนี้ จะเข้าไปตรวจสอบพิกัดของที่พักสงฆ์ว่าเกิน 100 ไร่หรือไม่ ในกรณีของพระเกษมนั้น คาดว่าน่าจะเข้าร่วมโครงการแล้วจะต้องไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการประสานและติดต่อสอบถามจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ ในกรณีการเข้าไปตั้งสำนักสงฆ์ของพระเกษม เช่นกัน
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    "บุคคลผู้มืดมา กลับมืดไป
    บุคคลผู้มืดมา กลับสว่างไป
    บุคคลผู้สว่างมา กลับมืดไป
    บุคคลผู้สว่างมา กลับสว่างไป"
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...