พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    เอามาฝากน้องๆที่ยังเรียนกันอยู่ ยกตำราภาษาอังกฤษทั้งเล่มมาไว้ที่นี่

    เปิดดูไฟล์ TengEnglish2.xls
     
  2. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    วันที่ 29
    1.สวดมนต์ไหว้<O:p></O:p>
    2.ภาวนาทำสมาธิ<O:p></O:p>
    3.รักษาศีลสมาทานศีล<O:p></O:p>
    4.รับงับความโกรธกับความโลภอันเป็นกิเลส<O:p></O:p>
    5.ช่วยแม่จัดของให้เป็นที่เป็นทาง<O:p></O:p>
    6.ยินดีในบุญของผู้อื่น<O:p></O:p>
    7.ทำบุญอธิฐานใส่บาตรกับแม่<O:p></O:p>
    8.ศึกษาธรรมะต่างๆ<O:p></O:p>
    9.เพียรที่ปิดกั้นระวังความชั่วต่างๆมิให้เกิด<O:p></O:p>
    10.ขยันทำงานอ่านหนังสือตั้งใจเรียนทดแทนคุณพ่อแม่<O:p></O:p>
    11.เพียรที่กำจัดบาปและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว<O:p></O:p>
    12.เพียรที่จะสร้างความดี<O:p></O:p>
    13.เพียรรักษาความดี รักษาความดีอย่างตั้งมั่น<O:p></O:p>
    14.แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย<O:p></O:p>
    15.เชื่อฟังพ่อแม่<O:p></O:p>
    16.มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่สัญญากับเพื่อน<O:p></O:p>
    17.เจริญพรหมวิหาร 4<O:p></O:p>
    18.ใช้อิทธิบาท4เข้าช่วยในการเรียน<O:p></O:p>
    19.ช่วยพ่อแม่ขายของเฝ้าร้าน
    20.หมั่นระลึกและเคารพคุณพระรัตนตรัยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพเวลามีปัญหาให้เกิดความกำลังใจและมีแรงหรือเวลากลัวต่างๆให้มีความกล้าระลึกเป็นกำลังใจว่าท่านคอยคุ้มครองช่วยเหลือเรา
    21.อภัยทานแก่คนที่มาแกล้งหรือทำร้ายเราคิดมิดีกับเรา<O:p></O:p>
    22.ช่วยแม่ขายของ

    วันที่ 30
    1.สวดมนต์ไหว้<O:p></O:p>
    2.ภาวนาทำสมาธิ<O:p></O:p>
    3.รักษาศีลสมาทานศีล<O:p></O:p>
    4.รับงับความโกรธกับความโลภอันเป็นกิเลส<O:p></O:p>
    5.ช่วยแม่จัดของให้เป็นที่เป็นทาง<O:p></O:p>
    6.ยินดีในบุญของผู้อื่น<O:p></O:p>
    7.ทำบุญอธิฐานใส่บาตรกับแม่<O:p></O:p>
    8.ศึกษาธรรมะต่างๆ<O:p></O:p>
    9.เพียรที่ปิดกั้นระวังความชั่วต่างๆมิให้เกิด<O:p></O:p>
    10.ขยันทำงานอ่านหนังสือตั้งใจเรียนทดแทนคุณพ่อแม่<O:p></O:p>
    11.เพียรที่กำจัดบาปและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว<O:p></O:p>
    12.เพียรที่จะสร้างความดี<O:p></O:p>
    13.เพียรรักษาความดี รักษาความดีอย่างตั้งมั่น<O:p></O:p>
    14.แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย<O:p></O:p>
    15.เชื่อฟังพ่อแม่<O:p></O:p>
    16.มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่สัญญากับเพื่อน<O:p></O:p>
    17.เจริญพรหมวิหาร 4<O:p></O:p>
    18.ใช้อิทธิบาท4เข้าช่วยในการเรียน<O:p></O:p>
    19.ช่วยพ่อแม่ขายของเฝ้าร้าน
    20.หมั่นระลึกและเคารพคุณพระรัตนตรัยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพเวลามีปัญหาให้เกิดความกำลังใจและมีแรงหรือเวลากลัวต่างๆให้มีความกล้าระลึกเป็นกำลังใจว่าท่านคอยคุ้มครองช่วยเหลือเรา
    21.อภัยทานแก่คนที่มาแกล้งหรือทำร้ายเราคิดมิดีกับเรา<O:p></O:p>
    22.ช่วยแม่ขายของ
    23.ห่มผ้าห่มให้พ่อ
     
  3. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    เรื่องราวของเหมียวผู้กล้าหาญ น่ารักมากๆค่ะ ขอบอก

    [vdo]457892[/vdo]
    ทำไม่เป็นอ่ะ ทำไมมันไม่เล่นคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 111.wmv
      ขนาดไฟล์:
      799.5 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ธันวาคม 2008
  4. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309

    ดีมากเลยครับขอบคุณครับผมหาแบบนี้มานานแล้วกฎและเนื้อเรื่องครบดีผมไม่ค่อยเก่งอังกฤษ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“พระจันทร์ยิ้ม” เหนือฟ้าเมืองกรุง
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000142101
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 ธันวาคม 2551 19:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลายคนคงพอทราบแล้วว่า คืนวันที่ 1 ธ.ค.นี้ มีภาพปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ไม่มีให้ชมกันบ่อยนัก แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ทราบ ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ จึงบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่หลายคนขนานว่า “พระจันทร์ยิ้ม” มาฝาก

    ภาพปรากฎการณ์ "พระจันทร์ยิ้ม" นี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า เป็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์ ดาวศุกร์ และ ดาวพฤหัสบดี อยู่ใกล้กัน (Conjunction of Moon, Venus and Jupiter) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วงหัวค่ำของวันที่ 1 ธ.ค.นี้ โดยดาวศุกร์ และดาวพฤหัสบดี อยู่ห่างกันเพียง 2 องศา และดวงจันทร์ปรากฏเป็นเสี้ยว หันด้านมืดเข้าหาดาวเคราะห์ทั้งสองพอดี ทั้งนี้ ดาวศุกร์จะสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี และอยู่เยื้องต่ำกว่าเล็กน้อย

    ขณะที่ข้อมูลจากเว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ไทยระบุว่า ดวงจันทร์ในคืนวันที่ 1 ธ.ค.2551 นี้ จะตกเวลา 20.46 น.ดังนั้น มีเวลาไม่มากนักที่จะได้ชมปราฏการณ์ในคืนนี้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=399 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=399>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>(ภาพโดยอนุชิต นิ่มตลุง)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=399 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=399>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>(ภาพโดยอนุชิต นิ่มตลุง)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    จะไปอาบน้ำนอนแล้วนะคะ วันนี้ได้นอนเร็ว ไม่ต้องไปไหน

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 06-1.jpg
      06-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.1 KB
      เปิดดู:
      965
  7. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    **-**

    ...น่ารักจักเยย..อ่ะ..;aa14
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จดหมายจากพ่อ . . ถึงลูกชายที่รัก

    http://hilight.kapook.com/view/4983


    [​IMG]

    ลูกรัก . . .

    [​IMG]


    ในวันที่ลูกเห็นพ่อแก่ตัวลง และความเจ็บป่วยเริ่มย่างกายเข้ามาหา ได้โปรดเข้าใจสังขารของพ่อด้วยนะลูกรัก



    [​IMG]


    ถ้าพ่อกินเลอะเทอะ หรือกินหก และไม่สามารถลุกขึ้นมาแต่งตัวเองได้เวลาป่วยไข้ ก็โปรดเข้าใจพ่อนะ . . . ถึงแม้เมื่อก่อนพ่อจะเป็นคนพล่ำสอนสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกก็ตาม​



    [​IMG]


    จำได้ไหม...ลูกรัก เมื่อก่อนพ่อมักพูด ประโยคเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่ลูกก็ไม่เคยพูดขัดคอพ่อ ลูกได้แต่นั่งฟังพ่อพูดตาแป๋ว . . . ตกค่ำพ่ออ่านนิทานกล่อมลูกเรื่องเดิม ๆ ให้ลูกฟังแล้วฟังอีก จนลูกของพ่อหลับสนิท​



    [​IMG]


    หากพ่อไม่ต้องการอาบน้ำ ก็อย่าคิดตำหนิพ่อเลยนะลูก ...จำได้ไหม ว่าพ่อต้องวิ่งไล่จับลูกกี่ครั้งกี่หนเพื่อตามตัวลูกมาอาบน้ำ พร้อมทั้งนั่งฟังขอแก้ตัวสารพัดในการไม่อาบน้ำ แต่! พ่อคนนี้ก็มีวิธีทำให้ลูกของพ่อต้องเดินไปอาบน้ำแต่โดยดี



    [​IMG]


    ลูกรัก... หากลูกเห็นพ่อไม่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้โปรดอย่ามองพ่อด้วยสายตา และรอยยิ้มที่ดูเยาะเย้ยพ่อคนนี้เลย . . . ขอเวลาให้พ่อได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในยุคของลูกบ้าง



    [​IMG]


    พ่อสอนสิ่งต่าง ๆ มากมายให้ลูก ทั้งเรื่องการกินดีอยู่ดีและการมีชีวิตที่สุขสบาย​



    [​IMG]


    ในบางช่วงขณะที่พ่อต้องสูญเสียความทรงจำ หรือไม่สามารถปะติปะต่อเรื่องราวเวลาเราสนทนากันได้ ให้เวลาพ่อหน่อย . . . พ่อจำเป็นต้องใช้เวลาในการทบทวนความจำ และถ้าพ่อทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่า พ่อเพ้อเจ้อ หรือมีปัญหาทางประสาท และที่สำคัญถึงพ่อไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดให้ลูกฟังได้ แต่พ่อก็เชื่อว่าลูกจะฟังในสิ่งที่พ่อพูดนะ



    [​IMG]


    ถ้าพ่อยังไม่ต้องการกิน ลูกอย่าบังคับพ่อนะ พ่อรู้ว่าพ่อหิวและต้องกินเมื่อไหร่​



    [​IMG]


    เมื่อขาของพ่ออ่อนล้า อย่าปล่อยให้พ่อเดินลำพัง​



    [​IMG]


    ขอมือลูกจูงพ่อไป เหมือนเมื่อครั้งที่พ่อจูงมือลูกเดินก้าวแรกในชีวิตของลูก



    [​IMG]


    ถ้าวันหนึ่ง พ่อบอกว่า พ่อต้องการตาย! ได้โปรดอย่าโกรธพ่อ เพราะไม่ได้หมายความว่า พ่อไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ แต่....วันหนึ่งลูกจะเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด เข้าใจพ่อนะ​




    [​IMG]


    เพราะพ่อก็พยายามเข้าใจว่า ไม่มีใครที่จะมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้า ทุกคนต้องตาย​



    [​IMG]


    สักวันหนึ่ง ลูกจะเข้าใจพ่อ ทุก ๆ สิ่งที่พ่อทำ ทุกย่างก้าวที่ลูกเดิน พ่อพยายามเตรียมสิ่งดี ๆ ไว้รอลูกเสมอ



    [​IMG]


    ลูกรัก...อย่ารู้สึกแย่ หรือโกรธพ่อ พ่อยังอยู่ข้าง ๆ ลูก ลูกก็ต้องอยู่ใกล้ ๆ พ่อ พยายามเข้าใจพ่อ และช่วยพ่อ เหมือนเมื่อครั้งที่พ่อช่วยหนูให้ยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้ ​



    [​IMG]


    ช่วยพ่อเดิน ช่วยพ่อจนวินาทีสุดท้ายของเส้นทางเดินด้วยความรักและความอดทน พ่อจะจ่ายค่าตอบแทนให้ลูกเป็นรอยยิ้มและความรักที่ยิ่งใหญ่ พ่อจะอยู่กับลูกตลอดไป



    [​IMG]


    พ่อรักลูก . . . จากพ่อ





    ข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
    ขอขอบคุณฟอร์เวิร์ดเมลจากคุณ Wanchai Wongaramvilai
    เรียบเรียงและแปลโดย Daughter​
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บายศรีสู่ขวัญ…ผูกพันสองเรา

    http://women.kapook.com/wedding00068/

    [​IMG]

    “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” ประเพณีที่นิยมปฏิบัติกันในพิธีการงานมงคลทางท้องถิ่นภาคเหนือ และภาคอีสานของไทย ถือกันว่าเป็นสิริมงคลอันดีสำหรับคู่บ่าวสาวที่จะทำพิธีสู่ขวัญ
    “พิธีสู่ขวัญ” หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” เป็นพิธีเก่าแก่ของชาวไทยแทบทุกภาค การทำพิธีอาจจะผิดแผกแตกต่างกันไปบ้าง แต่หลักใหญ่ๆ ยังคงเหมือนกัน พิธีสู่ขวัญนี้จะทำกันได้ในทุกโอกาส ทั้งในมูลเหตุแห่งความดีและไม่ดี พิธีสู่ขวัญจึงเป็นได้ทั้งการแสดงความชื่นชมยินดี และเป็นการปลอบใจให้เจ้าของขวัญ ตามความเชื่อที่ว่าคนเราเมื่อเกิดมาในโลกจะมี “ขวัญ” ประจำกายคอยช่วยพิทักษ์รักษาเจ้าของขวัญให้มีความสวัสดี ดังนั้นพิธีสู่ขวัญจึงถือเป็นประเพณีสำคัญที่จะทำพิธีเรียกขวัญให้มาสถิตอยู่กับตัว
    การทำ “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” นิยมกันมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจะทำพิธีในช่วงสำคัญของชีวิต อาทิเช่น การทำขวัญเดือนสำหรับเด็กทารก การทำขวัญนาค การทำขวัญเมื่อหายป่วย รวมทั้งพิธีสู่ขวัญคู่บ่าวสาวในวันแต่งงาน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงสำคัญที่สุดอีกช่วงหนึ่งของชีวิต เมื่อมี “พิธีบายศรีสู่ขวัญ” แล้ว ก็จะไม่มีพิธี “หลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร” อย่างประเพณีที่ชาวภาคกลางมักถือปฏิบัติ
    พิธีบายศรีสู่ขวัญนี้จะกระทำหลังจากเสร็จพิธีรับสินสอดทองหมั้นก็ได้ หรือจะรวมอยู่ในพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษก็ได้ ขั้นตอนการทำขวัญจะแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อดั้งเดิมในแต่ละท้องถิ่น โดยผู้ทำพิธีต้องเป็นนักปราชญ์ผู้ฉลาดหรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือการทำพิธีจึงจะเกิดสิริมงคล
    ประวัติความเป็นมาของพิธีบายศรีนั้นไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยเชื่อว่าบายศรีนี้น่าจะได้คติมาจากพราหมณ์ซึ่งเข้ามาทางเขมร เพราะคำว่า “บาย” เป็นภาษาเขมรแปลว่า ข้าวสุก ส่วนคำว่า “ศรี” มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับภาษาบาลีว่า “สิริ” แปลว่า มิ่งขวัญ
    นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องบายศรีที่ใช้ใบตองเป็นหลักนั้น ตรงตามคติของพราหมณ์ที่ว่าใบตองเป็นของบริสุทธิ์สะอาด เมื่อนำมาใส่อาหารจะไม่มีมลทินของอาหารเก่าแปดเปื้อนเหมือนการใช้ถ้วยชาม จึงนำใบตองมาทำเป็นกระทงสำหรับใส่อาหารในพิธีการต่างๆ รวมทั้งพิธีบายศรี คำว่าบายศรีตามพจนานุกรมจึงแปลว่า ภาชนะที่จัดตกแต่งให้สวยงามเป็นพิเศษด้วยใบตอง และดอกไม้สด เพื่อเป็นสำรับใส่อาหารคาวหวานในพิธีสังเวยบูชาและพิธีทำขวัญต่างๆ
    ในการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญจะมีเครื่องใช้สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือเครื่องบูชาพาขวัญหรือเครื่องบายศรีตามประเพณี และด้ายดิบนำมาจับเป็นวงยาวพอที่จะผูกรอบแขนหรือรอบข้อมือได้ ในการจัดเครื่องบายศรีนี้ ถือว่าเป็นของสูงเพราะเป็นเครื่องสังเวยเทพยดา ดังนั้นจะต้องจัดด้วยพานแล้วนำใบตองมาเย็บเป็นบายศรี การจัดพานบายศรีงานแต่งยังต้องเริ่มจัดโดยคนบริสุทธิ์ คือเป็นคนดี มีผัวเดียวเมียเดียว โดยอาจมาเพียงมาจับๆ แตะๆ ตอนเริ่มจัดพานพอเป็นพิธีแล้วให้คนอื่นจัดต่อไปจนเสร็จ แต่ต้องจัดทั้งพานบายศรีของฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาว
    พานบายศรีจะถูกจัดและตกแต่งด้วยใบตองอย่างสวยงามเป็นชั้นๆ จะมีความสูงที่ 3 ชั้น หรือ 7 ชั้นก็ได้ ชั้นล่างประกอบไปด้วยกรวยข้าวซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้ ข้าวต้ม ไข่ต้ม ขนม กล้วย อ้อย มีดด้ามแก้ว และเงินบริสุทธิ์ที่ทำเป็นแห่งหรือก้อนที่เรียกว่าเงินฮาง
    ส่วนชั้นที่ 2 ขึ้นไปจะตกแต่งด้วยดอกไม้ใบตอง อย่างดอกฝาง ดอกดาวเรือง ดอกรัก ในเงิน ใบคำ ใบคูน ใบยอป่า ดอกไม้เหล่านี้มีความหมายเป็นมงคล อย่างดอกรักซึ่งหมายถึงความรักที่มั่นคง ดอกดาวเรืองซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและไปชัยพฤกษ์ หรือใบคูนซึ่งหมายถึงการมีอายุยืนยาว
    ที่พานบายศรีชั้นบนสุดจะมีใบศรี ด้านผูกข้อมือ และเทียนสำหรับเวียนศีรษะ นอกจากพานบานศรีแล้วในพิธียังต้องเตรียมเครื่องบูชาและสิ่งประกอบอื่น ได้แก่ ขันบูชาและพานขนาดกลางสำหรับวางผ้า 1 ผืน แพร 1 วา หวี กระจกเงา น้ำอบน้ำหอม สร้อย แหวน และยังต้องมีอาหารคาวหวาน แก้วน้ำเย็น แก้วน้ำส้มป่อย และแก้วเหล้า สำหรับหมอขวัญดื่มหรือจุ่มด้วยดอกไม้สำหรับประพรมพานบายศรีด้วย
    พานบายศรีที่จัดแต่งเสร็จแล้วจะถูกนำมาวางไว้ในที่อันเหมาะสม เพื่อรอเวลาทำพิธี เมื่อได้เวลาสู่ขวัญแล้วจึงจะยกออกไปตั้งไว้บนผ้าของคู่บ่าวสาวที่อยู่ท่ามกลางญาติมิตร พิธีจะเริ่มจากเจ้าสาวจับพานบายศรีตรงหน้าเจ้าบ่าว ส่วนเจ้าบ่าวจะจับพานบายศรีตรงหน้าเจ้าสาว โดยจับไขว้ให้แขนอยู่ด้านบนซึ่งเรียกกันว่า “สู่ขวัญกลับก่าย” คือ แขนฝ่ายชายก่ายแขนฝ่ายหญิง หลังจากนั้นผู้ที่ทำขวัญหรือ “หมอขวัญ” จะนำไข่ต้มมาเป็นของเสี่ยงทาย โดยปอกไข่แล้วตัดไข่เป็นสองซีกตามแนวตั้ง จากนั้นจะทำนายโดยดูจากไข่แดง หากเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งแสดงว่ามีจิตใจโลเล แต่ถ้าไข่แดงอยู่ตรงกลางพอดีแสดงว่าทั้งคู่มีจิตใจรักมั่นคง
    จากนั้นจะขอให้ผู้หญิงที่เป็น “แม่ใหญ่” หมายถึงสตรีซึ่งมีคุณสมบัติดีงาม เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือ อยู่ในศีลในธรรม สามียังมีชีวิตอยู่และมีสุขภาพแข็งแรง ยังรักใคร่กันดี มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์เป็นสุข ทำพิธีป้อนไข่ โดยเอาไข่ซีกบนกับปั้นข้าวเหนียวเล็กๆ ใส่ไว้ที่มือขาวเพื่อป้อนเจ้าบ่าว และเอาไข่ซีกล่างกับนั้นข้าวเหนียวขนาดเล็กๆ เท่ากัน ใส่ไว้ที่มือซ้ายเพื่อป้อนเจ้าสาว ขณะที่ป้อนจะเอามือขวาอยู่เหนือมือซ้าย ซึ่งในการป้อนไข่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องกินและกลืนจริงๆ ห้ามคายออกมาเด็ดขาด
    หลังจากนั้นจะมีการผูกขวัญแก่คู่บ่าวสาว โดยให้บิดา มารดา ญาติ และแขกที่มารวมงานผูกข้อมือคู่บ่าวสาว จะผูกมือเดียวหรือทั้งสองมือก็ได้และอาจจะผู้เส้นเดียว หรือ 3 เส้น หรือ 5 เส้นก็ได้ การผูก 3 เส้น หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการผูก 5 เส้นหมายถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ในพิธีผูกขวัญนี้พ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นคนผูกข้อมือให้เจ้าบ่าวและพ่อแม่ ฝ่ายเจ้าบ่าวจะเป็นคนผูกข้อมือให้เจ้าสาว การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่าการับขวัญเขยและรับขวัญสะใภ้
    การทำพิธีบายศรีสุ่ขวัญในวันแต่งงานขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่บ่าวสาวว่าจะทำหรือไม่ แต่ก็นับได้ว่าเป็นพิธีที่มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย สำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเป็นสิริมงคลในอนาคตต่อไป
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ฉบับเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551
    nenfe.nfe.go.th
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมอแนะวิธีต้านภัยหนาวภูมิปัญญาไทย สมุนไพรแก้เจ็บคอมีเสมหะ-น้ำมันงาทาผิวแห้ง

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TWc9PQ==

    กรมพัฒนาการแพทย์ฯ - น.พ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำการดูแลสุขภาพด้วยหลักการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในช่วงหน้าหนาวปีนี้ว่าตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทย เรามีธาตุเป็นองค์ประกอบของร่างกาย 4 ธาตุ ได้แก่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ โดยการเจ็บป่วยในแต่ละช่วงฤดูกาลจะขึ้นอยู่กับการเสียสมดุลของธาตุนั้นๆ การเจ็บป่วยในฤดูหนาวมักเกี่ยวข้องกับธาตุน้ำในร่างกายเสียสมดุล ร่างกายจะแสดงอาการที่พบบ่อยคือ มีเสมหะ เจ็บคอ แสบคอ เป็นต้น อาการดังกล่าวคือกลุ่มอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ สำหรับฤดูหนาวกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วงอีกกลุ่มคือ คนที่มีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืดมีโอกาสถูกกระตุ้นให้แสดงอาการของโรคได้เร็วและรุนแรงขึ้นกว่าฤดูอื่น ดังนั้นวิธีการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาวทางการแพทย์แผนไทยสามารถใช้ทฤษฎีเรื่องของอาหารปรับสมดุลของธาตุน้ำได้

    ใช้รสชาติของอาหารป้องกันภาวะการเจ็บป่วย ช่วยให้ธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุล แนะนำให้บริโภคอาหารรสเปรี้ยว ขม มากกว่ารสอื่นๆ เช่น อาหารประเภทต้มยำ ยำต่างๆ น้ำพริกมีรสเปรี้ยว ผักจิ้มเครื่องเคียงที่มีรสเปรี้ยว รสขม เช่น ยอดมะกอก ช่อมะม่วง ยอดติ้วยอดแต้ว ผักเม็ด มะระ สะเดา แกงขี้เหล็ก เป็นต้น สรรพคุณของรสเปรี้ยวจะช่วยในการขับเสมหะ บำรุงเสมหะ ส่วนรสขมจะช่วยบำรุงน้ำดีทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้อาหารที่มีรสเผ็ดร้อนจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยให้เสมหะถูกขับออกได้ง่าย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา พริก เป็นต้น อาหารที่บำรุงธาตุน้ำดังกล่าวหากรู้หลักและเข้าใจเกี่ยวกับการบริโภคตามธาตุร่างกายจะสดชื่นแข็งแรงมีภูมิต้านทานโรคในช่วงฤดูหนาวนี้ได้

    น.พ.นรากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ปัญหาผิวแห้งนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่ก่อความรำคาญแก่ทุกเพศทุกวัยไม่เฉพาะกลุ่มสตรีเท่านั้น เพราะเมื่อผิวแห้งมากจะรู้สึกคัน รำคาญ ยิ่งหนาวมากๆ บางคนจะแสบร้อนและคัน หากดูแลไม่ดีอาจเกิดแผลอักเสบจากการเกาจนเลือดออกและมีสิ่งสกปรกเข้าแผลเกิดติดเชื้ออักเสบ ขอแนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา น้ำมันมะกอก ทาผิว เนื่องจากเป็นสารจากธรรมชาติอุดมด้วยวิตามินอี มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะน้ำมันงาและน้ำมันมะพร้าว ถือว่าเป็นพระเอกของตลาดความงามผิวพรรณ กรณีผิวแห้งมากๆ แนะนำน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้นาน น้ำมันมะพร้าวช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง ป้องกันมะเร็งผิวหนังจากแสงแดดได้ สมานแผลได้ดีเมื่อเข้าสูตรตำรับกับสมุนไพรแก้ปวด


    -------------------------------------------------------------

    หายนะครั้งต่อไปของโลก?
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TWc9PQ==


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ภูเขาไฟขนาดยักษ์

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ตั้งแต่โลกเกิดขึ้นเมื่อ 4,500 ปีที่ผ่านมา มีหายนะเกิดขึ้นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์พุ่งชนโลก ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่เมืองโทบา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งฆ่าสิ่งมีชีวิตบนโลกถึง 60% ทั้งยุคไอซ์เอจที่นานถึง 25 ล้านปี

    แล้วโลกจะพบกับหายนะอีกไหม?

    นักวิทยาศาสตร์นำก้อนหินที่ยานอพอลโลเก็บมาจากดวงจันทร์มาศึกษา และพบว่าก้อนหินบนโลกและดวงจันทร์กำเนิดจากที่เดียวกัน โดยหลังจากโลกก่อตัวได้ไม่นาน ก็มีดาวเคราะห์พุ่งชนอย่างแรง จนเกิดสะเก็ดชิ้นใหญ่กระเด็นออกมา กลายเป็น "ดวงจันทร์"

    ดวงจันทร์ที่เพิ่งเกิดใหม่อยู่ใกล้โลกมากกว่าระยะห่างในปัจจุบันราว 10 เท่า จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ ทำให้ดวงจันทร์ที่เคยโคจรรอบโลก 1 รอบ ทุกๆ 6 ชั่วโมง กลายเป็น 24 ชั่วโมง

    ดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้โลกมากเกินไป สร้างหายนะกับโลกยุคเก่า โดยเมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่กว่าคลื่นยักษ์ที่เกิดขึ้นในเอเชีย เมื่อพ.ศ.2547 ถึง 1,000 เท่า ความเร็วของคลื่นมากกว่า 300 ไมล์ต่อชั่วโมง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.ภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์

    2.หายนะครั้งใหม่

    3.สึนามิ

    4.ไอช์เอจ เกิดขึ้นทุกๆ 100,000 ปี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่คลื่นยักษ์ครั้งนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลให้กับโลกเช่นกัน เพราะคลื่นพัดแร่ธาตุและสิ่งมีประโยชน์บนดินลงไปในน้ำทะเล เมื่อแร่ธาตุผสมกันก็เกิดเป็นแหล่งอาหาร และสร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในมหาสมุทร

    สำหรับหายนะที่เคยเกิดขึ้นในโลกยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ภูเขาไฟเลกี้ในไอซ์แลนด์เกิดระเบิดขึ้นเมื่อค.ศ.1783 พ่นก๊าซและลาวาครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางไมล์ เป็นเวลานานถึง 8 เดือน

    ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จำนวนมากสร้างความระคายเคืองในดวงตามนุษย์ ผิวหนังสัตว์เกิดรอยแผลไหม้ ต้นไม้และพืชต่างๆ ล้มตาย ก๊าซพิษลอยไปทั่วภาคตะวันตกของยุโรป

    ถ้าภูเขาไฟเกิดระเบิดขึ้นในขณะนี้ จะทำให้ชาวอังกฤษราว 23,000 คนเสียชีวิต เนื่องจากไอซ์แลนด์ยังมีภูเขาไฟที่คุกรุ่นอีก 18 แห่ง


    เมื่อโลกพบกับหายนะ สภาพอาจเป็นเช่นนี้
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รวมใจ "วันพ่อแห่งชาติ" ชมโครงการพระราชดำริทั่วไทย
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02amz02011251&day=2008-12-01&sectionid=0227


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กิจกรรมยิ่งใหญ่ทรงคุณค่า "วันพ่อแห่งชาติ" 5 ธันวาคม 2551 ทั้งกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศพร้อมใจกันจัดงานทำบุญตักบาตรโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ บริเวณถนนราชดำเนินจะตกแต่งประดับประดาไฟตามประเพณีเพิ่มความงดงามดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวนานาประเทศ และพสกนิกรชาวไทยจะได้ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการร่วมถวายความจงรักภักดีและเฉลิมฉลองพร้อมกันทั่วประเทศ

    ตลอดเดือนธันวาคมจึงเชิญชวนท่านไปเยือน "โครงการพระราชดำริ" อันเนื่องมาจากพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและทั่วโลกได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัส ศึกษา และเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตโลกแห่งการเรียนรู้

    ภาคใต้

    "โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย"

    พิพิธภัณฑ์การเปลี่ยนแปลงจากน้ำเสียสู่น้ำใสธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ที่นักท่องเที่ยวพากันไปเหยียบทรายเม็ดแรกของประเทศบริเวณแหลมยื่นลงทะเลยาวราว 2 ก.ม. จุดเริ่มของหาดทรายภาคใต้ฝั่งตะวันตกติดทะเลอ่าวไทย ภายในมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศน์ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์

    ที่ตั้ง : อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เปิดบริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. โทร. 0-2579-2116, 0-2579-3473 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.lerd.net

    "โครงการพัฒนาส่วนพระองค์จังหวัดชุมพร"

    สันทรายงามพันธุ์ไม้แปลกแห่งเดียวในสยาม ปรากฏการณ์บน "หาดบางเบิด" อันเกิดจากลมกับธรรมชาตินับพันปี พัดพาเม็ดทรายขาวสะอาดมารวมกันเป็นกำแพงใหญ่สูงราว 30 เมตร ตลอดแนวยาว 10 ก.ม. หลังเนินทรายยังเป็นแหล่งกำเนิดพันธุ์ไม้หายากกว่า 160 ชนิด พันธุ์ไม้ในเทพนิยาย ชูช่องามอยู่บนหุบทรายส่งกลิ่นหอมอบอวลตลอดทั้งปี ภายในมีโครงการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ เป็นห้องเรียนนิเวศวิทยาและแหล่งศึกษาวิจัยส่งเสริมอาชีพชาวบ้าน มีแตงโมดังพันธุ์บางเบิด และการแปรรูปพืชเกษตรเพิ่มมูลค่าโดยแปรรูปเป็นเครื่องหอมประทินผิว

    ที่ตั้ง : บ้านน้ำพุ อ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 08-1958-7482

    "โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ"

    อู่ข้าวอู่น้ำของภาคใต้ สามารถนั่งเรือชมธรรมชาติกลางสายน้ำ ชมวิถีการพัฒนาเกษตร ประมง ชุมชนแบบบูรณาการ เรียนรู้การก่อสร้างประตูน้ำ "อุทกวภาชประสิทธิ์" ซึ่งมีความหมายล้ำค่าว่า เป็นประตูแยกน้ำเค็มและน้ำจืดได้สำเร็จ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นหัวใจหลักหลังปี 2542 สามารถบริหารจัดการทรัพยากรทั้งลุ่มน้ำครอบคลุมพื้นที่ถึง 1.9 ล้านไร่
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่ตั้ง : ต.หูล่อง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. หาข้อมูลเพิ่มที่ www.pncenter.com

    "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง"

    คืนชีวิตดินด้วยทฤษฎีแกล้งดินอันแยบยลและหญ้าแฝก จากผืนป่าพรุดินกรดเมื่อ 26 ปีก่อนแปรสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์และเชิงเกษตรครบวงจร เพียบพร้อมด้วยองค์ความรู้ภายใต้เกษตรทฤษฎีใหม่ มีทั้งนาข้าว พืชผล พืชไร่ พืชดอก สวนยาง พันธุ์ไม้หายาก โรงสี โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไบโอดีเซล การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชน

    ที่ตั้ง : ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เปิดบริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.30 น. โทร. 0-7354-2062-3 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.pikunthong.com

    ภาคกลาง

    "ศูนย์ภูมิอนุรักษ์ธรรมชาติ เขื่อนขุนด่านปราการชล"

    อัครปราการเขื่อนคอนกรีตบดอัดขนาดใหญ่ ภายในพื้นที่ได้รวบรวมแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการเกษตร ปศุสัตว์สิ่ง แวดล้อม พลังงาน การสาธิตวิถีไทยด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น เดินเที่ยวชมพื้นที่ลาดชันภาคเหนือขึ้นดอย เที่ยวภาคใต้ และ "อาศรมปัญญา" ซึ่งรวบรวม 108 เซียน

    ที่ตั้ง : "ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ" อยู่บ้านท่าด่าน ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. "เขื่อนขุนด่านปราการชล" อ.เมือง จ.นครนายก เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 0-3738-4208 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.thadandam.com

    ภาคตะวันออก

    "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน"

    มหัศจรรย์ป่าชายเลน ป่าที่เกิดจากแรงดึงดูดของดวงจันทร์ต่อพลังน้ำบริเวณรอยต่อน้ำจืดกับมหาสมุทรที่ได้รับการฟื้นฟูความสมดุลทางธรรมชาติจนกลายเป็นบ้านของ "ฝูงหิ่งห้อย" และ "ฝูงพะยูน" ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสูญหายไปตั้งแต่ปี 2515

    ที่ตั้ง : ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. โทร. 0-3938-8116 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen

    "วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร"

    บริเวณที่ราบเชิงเขาซีโอนและชีจรรย์ หุบเขาแสนสงบเป็นที่ตั้งโครงการพระราช ดำริ 2,500 ไร่ ทำให้อารามหลวงแห่งนี้มั่งคั่งด้วยพันธุ์ไม้และขุนเขา บนหน้าผาเขาชีจรรย์แกะสลักวิหารเซียน ที่ตั้งถาวรวัตถุงานศิลป์ชั้นสูงของจีน วิหารพระศรีอริยเมตไตรย โครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำ โรงพยาบาล ภายในวัดพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์สีขาวสะดุดตาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ฯลฯ ที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้ง รูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และพระตำหนักทรงไทยที่ใช้ทรงงาน
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่ตั้ง : ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดบริการทุกวัน โทร. 0-3823-7912, 0-3823-8369 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.kammatthana.com

    ภาคเหนือ

    สถานีวิจัยโครงการหลวง "อินทนนท์"

    ทัวร์ธรรมชาติเกษตรยั่งยืน ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวทางธรรมชาติแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอย่างยั่งยืน มีพืชพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ พืชผัก ผลไม้ สตรอว์เบอร์รี่ พืชไร่ กาแฟ สุดลูกหูลูกตา สิ่งสำคัญ คือแหล่งเพาะเลี้ยง "ปลาเรนโบว์เทราท์" แห่งเดียวในประเทศ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชดำริตั้งสถานีวิจัยโครงการหลวงอินทนนท์เมื่อปี 2522

    ที่ตั้ง : หมู่บ้านขุนกลาง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิดบริการทุกวัน 08.00-18.00 น. โทร. 0-5326-8567-8 หาข้อมูลเพิ่มที่ www.doikham.com/ general/project-plan/research/index-research-intanoon.htm

    "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"

    สวิตเซอร์แลนด์แห่งสยาม บนยอดภูสลับอยู่บนเนินสูงต่ำในอ้อมกอดธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ถูกขนานนามว่าเป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งสยาม" ละลานตากับพันธุ์ไม้ดอก ไม้ผล พืชผัก พืชไร่ บน ผืนป่าร่มรื่นเขียวขจี มีกิจกรรมความหลากหลายให้ศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวไทยภูเขาทุกเผ่าต่างๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรม ประเพณีพื้นบ้าน จากต้นท้อต้นแรกแปลงสภาพดอยฝิ่นเป็นสถานีทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจ ทุกวันนี้สามารถสร้างผลผลิตโดยมีตราสัญลักษณ์ "ดอยคำ"

    ที่ตั้ง : ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 0-5345-0107-9 หาข้อมูลเพิ่มที่ ww.angkhang.com

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    "วังน้ำเขียว"

    สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน บนทิวเขาหลดหลั่นทั่วพื้นที่ต้นน้ำภาคอีสาน วังน้ำเขียวจูงใจให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปค้นหาความสุข สูดโอโซนบริสุทธิ์แถวน้ำตกและอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง เป็นต้นน้ำลำพระเพลิง ลำมูลบน ลำเชียงสา ไหลสู่ชุมชนเกษตรไร้สารพิษ แหล่งผลิตสมุนไพร เห็ดหอม แปลงผักสลัดไร้สารเคมียอดนิยมส่งขายไปทั่วประเทศ เกษตรกร ทั่วไทยพากันมาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรต่างๆ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชุมชนต่างๆ

    ที่ตั้ง : ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. โทร. 0-4424-9108

    "ผานาง-ผาเกิ้ง"

    ชุมชนคนกับป่าอยู่กันฉันมิตร ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สัมผัส "โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ผานาง-ผาเกิ้ง" ท่องผืนป่าใหญ่ของเทือกเขาภูผาผี ถิ่นอาศัยของสัตว์ป่ามากมาย ทั้งลิง ชะมด อีเห็น ไก่ป่า กระรอก นกนานาพรรณ รอบเทือกเขามีชุมชนอยู่ร่วมด้วยอย่างมีความสุข ประกอบอาชีพ ปลูกสวนป่า ทำไร่นาสวนผสม สวนยาง เพาะเห็ด ทำดอกไม้ประดิษฐ์ แปรรูปสมุนไพร เพาะชำกล้วยไม้ ตีเหล็ก ผลิตหัตถกรรมเครื่องใช้ เลี้ยงสัตว์ ฝึกอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าแบบครบวงจร เป็นแหล่งผลิตไหมมัดหมี่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง และมีบริการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การพายเรือ ขี่จักรยาน ตั้งแคมป์ในโครงการ เยี่ยมชมการผลิตสินค้าชุมชน

    ที่ตั้ง : ต.ผาอินทร์แปลง กิ่งอำเภอเอราวัณ จ.เลย โทร. 0-4281-2290

    "ฟาร์มตัวอย่างบ้านยางน้อย"

    คลังอาหารคนไทยสู่โลก จากทุ่งกว้างหลายพันไร่ถูก ออกแบบให้กลายเป็น "คลังผลิตอาหารคนไทย" พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งปี ภายในมีฟาร์มครบวงจรด้วยอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ของใช้ แปลงพืชผัก การผลิตไหมมัดหมี่ ผ้ากาบบัว บาติก เครื่องทองเหลืองชุบเงินชุบทองเครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ

    โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ไฮไลต์เนื้อหมูเนื้อเป็ดเทศสายพันธุ์จากจีนในฟาร์มแห่งนี้ส่งขึ้นโต๊ะเสิร์ฟตามภัตตาคารมีชื่อเสียงมากมาย รวมทั้ง "ข้าวกล้องปรุงเบญจกระยาทิพย์" ผลิตจากข้าวกล้องเพาะให้งอก (germinated) เสริมภูมิต้านทานตามธรรมชาติเหมาะกับคนวัยทอง สร้างชื่อครองความนิยมทั่วโลก

    ที่ตั้ง : ต.ก่อเอ้ อ.เขื่อนใน จ.อุบลราชธานี เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. โทร. 0-4547-3547

    "ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม"

    ต้นแบบศูนย์ศิลป์อีสานใต้ นักท่องเที่ยวต่างชาติพากัน ข้ามทวีปมาชมฝีมือศิลปินสร้างสรรค์ศิลปะพื้นบ้าน เครื่องปั้น

    ดินเผา ผ้าไหม งานหัตถกรรม งานเขียน และงานฝีมือมากมายที่ส่งไปขายทั่วโลก รวมทั้งได้สัมผัสกับความเป็นอยู่ในพิธีแห่บั้งไฟ จับปลาบึก การแสดงโปงลาง รำเซิ้ง ทำผ้าแพรวา ขึ้นพระธาตุพนม

    ที่ตั้ง : ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. หาข้อมูลเพิ่มที่ www.khutnakham.com

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญชวนชาวไทยและ นานาประเทศร่วมสร้างประสบการณ์อันยิ่งใหญ่โครงการพระราชดำริ เนื่องใน "วันพ่อแห่งชาติ" ตลอดเดือนธันวาคม 2551 กันอย่างมีความสุข (หน้าพิเศษ Amazing Thailand)
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เทิดในหลวง กษัตริย์นักประดิษฐ์ของโลก พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02amz03011251&day=2008-12-01&sectionid=0227


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ด้วยพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพยิ่งใหญ่ของ "พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" ในโอกาส "วันพ่อแห่งชาติ" 5 ธันวาคม 2551 องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) จะได้เข้าเฝ้าฯเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "โกล บอล ลีดเดอร์ อวอร์ด : Global Leader Award" ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ได้รับการทูลเกล้าฯถวายรางวัลนี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อุทิศพระองค์และใช้งานทรัพย์สินทางปัญญาส่งเสริมและพัฒนาประเทศ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยให้ดีขึ้นได้อย่างโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก

    ตามรายงานของ นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ อธิบายไว้ว่า นอกจาก WIPO จะทูลเกล้าฯถวายรางวัล โกลบอล ลีดเดอร์ อวอร์ดแล้ว ทางสหพันธ์สมาคมนักประดิษฐ์ระหว่างประเทศ (International Federation of Inventor Association : IFIA) ที่มีสมาชิกทั่วโลก 84 ประเทศ ยังได้มีมติให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันนักประดิษฐ์โลกด้วย ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการจดสิทธิบัตร "กังหันน้ำชัยพัฒนา" จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

    เนื่องด้วยในโครงการพระราชดำริต่างๆ หลายโครงการพระองค์ทรงประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้งาน และมีพระบรมราชานุญาตให้ยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก และเห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เข้าพระทัยถึงระบบงานทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างดี

    ทั้งนี้ผลงานทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาด้านสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร ได้แก่ สิทธิบัตรเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย (กังหันน้ำชัยพัฒนา) เครื่องกลเติมอากาศแบบอัดอากาศและดูดน้ำ การแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) กระบวนการปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยวเพื่อให้เหมาะต่อการเพาะปลูก (โครงการแกล้งดิน) การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นเป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับเครื่องยนต์สองจังหวะ การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ภาชนะรองรับของเสียที่ขับออกจากร่างกาย อุปกรณ์การผลักดันของเหลว

    ด้านลิขสิทธิ์ ผลงานที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ เช่น เพลงพระราชนิพนธ์ หนังสือต่างๆ ภาพถ่ายและภาพฝีพระหัตถ์ ฯลฯ และที่ทรงจดแจ้งต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญามี 4 ผลงาน คือด้านวรรณกรรม 3 ผลงาน ได้แก่ หนังสือแนวคิดทฤษฎีใหม่ โครงการทฤษฎีใหม่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระ มหาชนก ด้านศิลปกรรม 1 ผลงาน คือประติ

    มากรรมสิทธิบัตรสหรัฐ

    ด้านเครื่องหมายการค้า ไม่มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในพระปรมาภิไธย แต่พระราช ทานให้ บริษัท สุวรรณชาด จำกัด และมูลนิธิชัยพัฒนา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารวม 13 คำขอ ได้แก่ เครื่องหมายการค้าสุวรรณชาด 1 คำขอ โกลเด้นเพลส 4 คำขอ ทองแดง 2 คำขอ มุมสบาย 1 คำขอ ธรรมชาติ 5 คำขอ

    โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550 หลายองค์กรที่ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาได้เคยทูลเกล้าฯถวายเหรียญรางวัลและประกาศนียบัตรต่างๆ แด่พระองค์มากมาย ประกอบด้วย IFIA ประเทศฮังการี ทูลเกล้าฯถวายรางวัล IFIA CUP 2007 สำหรับผลงานกังหันน้ำชัยพัฒนา เหรียญ Genius Prize สำหรับผลงานทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง

    รวมทั้งสมาคมส่งเสริมการประดิษฐ์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี : Korea Invention Promotion Association (KIPA) ทูลเกล้าฯถวายรางวัล Special Prize พร้อมประกาศนียบัตร ถือเป็นรางวัลทรงเกียรติของนักประดิษฐ์ระดับโลก (หน้าพิเศษ Amazing Thailand)
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กลุ่มเชื่อยูเอฟโอจี้โอบามา เปิดหลักฐานข้อมูล"มนุษย์ต่างดาว"ต่อสาธารณชนครั้งแรก
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1228121802&grpid=01&catid=06

    [​IMG]
    กลุ่มคลั่งยูเอฟโอเตรียมผู้นำสหรัฐคนใหม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ภายหลังว่าทีมทำเนียบขาวโอบามาออกโรงหนุน

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>"เดลี่ เมล์"รายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ว่า กลุ่มผู้คลั่งไคล้มนุษย์ต่างดาวได้เตรียมเรียกร้องให้นายบารัก โอบาม่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว หรือแฟ้มเอ็กซ์ไฟล์ โดยกลุ่มเตรียมล่ารายชื่อให้ได้ 4 หมื่นก่อนที่นายโอบามาจะปฎิญาณตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐในเดือนก.พ.



    รายงานระบุว่า กระแสเรียกร้องนี้เกิดขึ้นหลังจากการได้รับแรงสนับสนุนนายจอห์น โพเดสต้า ซึ่งดำรงตำแหน่งทีมถ่ายโอนอำนาจของนายโอบามา และนายบิล ริชาร์ด ผู้ว่าการรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งคาดว่าจะมีตำแหน่งในครม.โอบาม่า โดยนายโพเดสต้า ซึ่งเคยรับผิดชอบโครงการ ซึ่งเคยรับผิดชอบโครงการเปิดเผยเอกสารลับจำนวน 800 ล้านหน้าของข้อมูลลับข่าวกรอง โดยนายโพเดสตร้ากล่าาวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยหลักฐานกว่า 25 ปี และให้ข้อมูลนักวิทยาสตร์ช่วยเหลือตรวจสอบปรากฎการณ์นี้ด้วย

    [​IMG]


    ขณะที่นายริชาร์ดสัน ก็เป็นผู้คลั่งไคล้ยูเอฟโยอีกราย และก่อนหน้านี้ ได้เรียกร้องให้เพนตามอนเปิดเผยสิ่งแท้จริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยืนยันว่ามีการปกปิดหลักฐานเกี่ยวกับวัตถุจานบินลึกลับของรัฐบาลสหรัฐ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มนุษย์ เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000142158
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 ธันวาคม 2551 22:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>วิวัฒนาการ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>Vitruvian Man ภาพของลีโอนาโด ดา วินซี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลิงชีมแปนซี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลีโอนาร์โด ดา วินซี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ชาร์ล ดาร์วิน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เคยสืบประวัติบรรพบุรุษต้นตระกูลของตนเองลึกกันไปถึงไหน

    ทวด-พ่อทวด-หรือว่าเคยสืบลึกไปถึงเรื่องราวของปู่ทวด-หรือบางคนเคยสืบย้อนไปลึกกว่านั้น ในความจริงเป็นเรื่องยากที่คนเราจะสามารถสืบลึกลงไปได้เรื่อยๆ อย่างไร้ขีดจำกัด เพราะในเมื่อยิ่งเข้าใกล้อดีต ข้อมูลที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันนั้นกลับยิ่งน้อยลงๆ

    เอาแค่ปัจจุบันอาจจะพอเห็นได้แล้วว่าวิถีชีวิตของคนรุ่นพ่อแม่ (เมื่อ 40-50 ปีก่อน) นั้นแตกต่างจากสมัยนี้อย่างมาก เอาแค่การหากิน พวกเขาหลีกเลี่ยงการทำกินด้วยไม่ได้ จะกินข้าวต้องลงนาปลูกข้าว จะกินปลาต้องออกเรือไปจับมา ในขณะที่วันนี้เราสามารถหากินได้เลย (แต่ต้องจ่ายเงินก่อน) จึงไม่แปลกที่คนรุ่นปู่ย่ามาใช้ชีวิตอยู่กับลูกหลาน ในบางครั้งก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ราวกับว่าคุยกันคนละภาษา

    แต่ก่อนที่จะไปหาความหมายทำนองสังคม เศรษฐกิจ การเมือง คงต้องพักไว้ก่อน เพราะเมื่อลองย้อนไปไกลกว่านั้น ช่วงเวลาของมนุษย์ก่อนจะมาเป็นมนุษย์แบบที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวันนี้ อาจทำให้รู้ว่าเรามาจากไหน จะไปไหน และจะไปอย่างไร บนถนนสายโลกปัจจุบัน

    มนุษย์ก่อนมนุษย์ และกิ้งก่าบนท้องฟ้า

    นานมาแล้วราว 400 ปีก่อนคริสตกาล โลกฝั่งตะวันตกเคยถูกปกคลุมด้วยความเชื่อที่ว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกถูกสร้างขึ้นเป็นแพ็คเกจสำเร็จรูปโดยพระเจ้า หมายความว่า สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ล้วนมีสภาพลักษณะเป็นแบบนี้มานานแสนนานโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะพระเจ้าได้สร้างทุกเผ่าพันธุ์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

    แนวคิดนี้ฟังดูสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือในระดับชีวิตประจำวัน เพราะในช่วงชีวิตของคนเราคงไม่ได้เห็นไก่เดินสี่ขา แลบลิ้นสองแฉก และมีกระดอง แน่ๆ (ถ้าเห็นก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับไก่ตัวนั้น ที่นอกจากจะได้ลงข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งแล้วอาจถูกจับกุมไว้รุมขอโชคลาภด้วย)

    ไม่แปลก เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ในยุคนั้นก็พากันเชื่อในแนวคิดนี้

    และคงเป็นเรื่องแปลกพิสดารพอตัว ถ้าใครสักคนจะลุกขึ้นบอกว่า
     
  18. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    เมืองโบราณคูบัว
    ที่ตั้งและสภาพทั่วไปเมืองโบราณคูบัว ตั้งอยู่ที่ตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ประมาณ ๕ กิโลเมตร เมืองโบราณคูบัวเป็นชุมชนโบราณที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ พบหลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดีเป็นจำนวนมาก ลักษณะแผนผังของเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน วางตัวตามแนวเหนือ-ใต้ ขนาดความกว้าง ๘๐๐ เมตร ความยาว ๒,๐๐๐ เมตร บริเวณที่ตั้งเมืองเป็นเนินดินธรรมชาติอยู่บนลานตะพักชายฝั่งทะเล สูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณ ๑-๒ เมตรและสูงประมาณ ๕ เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลำน้ำไหลผ่าน ๒ สาย คือ ห้วยคูบัวและห้วยชินสีห์ พื้นที่ทางด้านทิศเหนือของเมืองเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ทางด้านทิศตะวันตกเป็นเขตเนินเขาและภูเขาสูง ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มมี “แม่น้ำอ้อม” ไหลผ่าน ซึ่งแม่น้ำอ้อมเป็นทางน้ำสายเก่าของแม่น้ำแม่กลอง ตัวเมืองคูบัวตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำอ้อมประมาณ ๒.๗ กิโลเมตร และห่างจากแม่น้ำแม่กลองประมาณ ๙.๑ กิโลเมตร ส่วนพื้นที่ทางทิศใต้ของเมืองเป็นที่ราบลุ่มลาดลงสู่ทะเล โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลปัจจุบันในเขตจังหวัดสมุทรสงครามประมาณ ๒๕ กิโลเมตร

    http://www.geocities.com/humanpast/locat.htm

    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="95%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width="5%"> </TD><TD vAlign=top align=middle width="45%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="50%">เมืองโบราณคูบัว
    เมืองโบราณคูบัว เป็นอาคารพุทธศาสนาเนื่องในลัทธิมหายานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง จากร่องรอยหลักฐานที่ปรากฎให้เห็น สันนิษฐานได้ว่า น่าจะเป็นฐานของวิหาร เนื่องจากมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีบันไดขึ้นไปสู่ลานประทักษิณชั้นบนทางด้านทิศตะวันออก ฐานประดับด้วยซุ้ม และเสาอิงที่แต่เดิมเคยมีรูปพระโพธิสัตว์ทำด้วยปูนปั้นประดับตกแต่ง เพราะว่าปัจจุบันยังมีรูปพระโพธิสัตว์ทำด้วยปูนปั้นประดับตกแต่งที่มีลักษณะ และสัดส่วนที่เข้ากันได้กับซุ้ม และเสาอิงที่เก็บรักษาไว้ที่วัดโขลงสุวรรณคีรีบางส่วน </TD><TR><TD colSpan=3> </TD></TR><TR><TD colSpan=2> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right colSpan=3> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width="5%"> </TD><TD vAlign=top align=middle width="45%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="50%">เมืองโบราณคูบัว
    ลักษณะฐานเช่นนี้คล้ายคลึงกับฐานของโบราณสถานคลังใน กลางเมืองโบราณศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ที่สร้างขึ้นเนื่องในวัฒนธรรมทวารวดีเช่นเดียวกัน และนอกจากนี้ยังได้พบพระโพธิสัตว์สำริดขนาดเล็กที่มีลักษณะ และรูปแบบคล้ายคลึงกันกับประติมากรรมที่พบที่บริเวณคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพุทธศิลปะที่สร้างขึ้นเนื่องในพระพุทธศาสนาลัทธิมหายานนิกายวัชรที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในอินเดีย และชวาภาคกลางในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14 - 15 </TD><TR><TD colSpan=3> </TD></TR><TR><TD colSpan=2> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right colSpan=3> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width="5%"> </TD><TD vAlign=top align=middle width="45%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="50%">เมืองโบราณคูบัว
    เมืองโบราณคูบัว ปัจจุบันตั้งอยู่ในท้องที่ ต.คูบัว เขต อ.เมืองราชบุรี โดยอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดราชบุรีไปทางด้านทิศใต้ ประมาณ 8 กม. มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน ขนาดกว้างประมาณ 800 เมตร ยาว ประมาณ 2,000 เมตร </TD><TR><TD colSpan=3> </TD></TR><TR><TD colSpan=2> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right colSpan=3> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width="5%"> </TD><TD vAlign=top align=middle width="45%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="50%">เมืองโบราณคูบัว
    วัสดุที่มีการนำมาใช้ในการก่อสร้างอาคารศาสนาสถานของเมืองโบราณคูบัวนั้น ส่วนใหญ่นิยมก่อด้วยแผ่นอิฐขนาดใหญ่ซึ่งทั่วไปมีขนาดโดยประมาณ กว้าง 17 ซม. ยาว 35 ซม. และหนา 10 ซม. เนื้ออิฐผสมด้วยแกลบข้าวเหนียวเมล็ดใหญ่ ใช้ดินเนียวเนื้อละเอียดผสมยางไม้หรือน้ำอ้อยเป็นดินสอ หรือตัวประสาน การเรียงอิฐใช้วิธีการเรียงตามแนวยาววางสลับกับแนวกว้างในชั้นเดียวกัน สำหรับส่วนฐานล่างสุดของอาคารศาสนสถานเท่าที่มีการพล ส่วนใหญ่มักใช้อิฐก่อเช่นเดียวกันกับส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไป</TD></TR></TBODY></TABLE>


    www.thaitambon.com/tambon/ttrvList.asp?ID=700120
     
  19. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE height=335 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="34%" height=23>
    ภาพรวมของเมืองคูบัว
    </TD><TD width="66%" height=23></TD></TR><TR><TD width="80%" height=304>ลักษณะที่ตั้งของเมืองคูบัวจัดว่าเป็นเมืองโบราณชายฝั่งทะเลซึ่งมีชัยภูมิที่เหมาะสมประกอบด้วยพื้นที่เขตที่สูงและภูเขาทางทิศตะวันตกอันเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรจำพวกของป่าและแร่ธาตุต่างๆ พื้นที่ราบลุ่มทางทิศเหนือเหมาะสำหรับการเกษตรกรรม ทิศตะวันออกและทิศใต้ลาดลงสู่ทะเลมีลำน้ำสายเก่าของแม่น้ำแม่กลองไหลผ่านสามารถใช้เป็นเส้นทางคมนาคมติดต่อกันระหว่างพื้นที่ตอนในกับชายฝั่งทะเล

    จากหลักฐานทางด้านโบราณคดีพบว่าพื้นที่บริเวณจังหวัดราชบุรีนี้มีคนอยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในสังคมเกษตรกรรมชุมชนโบราณเหล่านี้น่าจะมีส่วนสัมพันธ์กับพัฒนาการของเมืองคูบัว นอกจากนี้ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ การค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งการค้าเลียบชายฝั่งทะเลและการเดินเรือน้ำลึก โดยเฉพาะการค้าของจีน ทำให้เกิดความเจริญขึ้นตามเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่โดยรอบอ่าวไทยในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐-๑๓ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการของบ้านเมืองและชุมชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา รวมถึงในลุ่มน้ำอื่นๆ เช่น เมืองคูบัวในลุ่มน้ำแม่กลองด้วย

    เมืองคูบัวเจริญรุ่งเรืองอยู่จนถึงราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ก็เริ่มเสื่อมความสำคัญลง ทั้งนี้อาจสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ(แม่น้ำเปลี่ยนเส้นทางเดิน) ชุมชนใกล้เคียงเริ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีอิทธิพลของอำนาจรัฐใหม่(เขมร)เริ่มแพร่ขยายเข้ามา เส้นทางการค้าระหว่างชุมชนเปลี่ยนไปทำให้เกิดมีศูนย์กลางความเจริญแห่งใหม่เกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองอันเป็นบริเวณที่ตั้งของเมืองราชบุรีโบราณ ซึ่งมีพัฒนาการขึ้นมาในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖–๑๘
    </TD><TD width="40%" height=304><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%">[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="25%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=777 colSpan=3 height=5>โบราณสถานที่พบในเขตเมืองคูบัว</TD></TR><TR><TD width=460 colSpan=2>คูเมืองกำแพงเมือง ในเมืองคูบัวพบว่ามีการก่อสร้างแนวคูเมืองกำแพงเมือง อันประกอบ ด้วยคูน้ำ ๑ ชั้นอยู่ระหว่างคันดิน ๒ ชั้น ขนาดของคูน้ำ มีความ กว้างโดยเฉลี่ยประมาณ ๕๐ เมตร คันดินกว้างประมาณ ๕๐ เมตร สูงประมาณ ๓ เมตร ยกเว้นคูเมืองทางด้านทิศเหนือ ที่ได้มีการดัดแปลงมาจากลำห้วยธรรมชาติ คือ ห้วยคูบัว
    </TD><TD width=340>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD width=460 colSpan=2></TD><TD width=340>
    คูเมืองทางด้านทิศตะวันตกของเมืองคูบัว
    </TD></TR><TR><TD width=777 colSpan=3 height=5>ศาสนสถาน ปัจจุบันพบร่องรอยหลักฐานของโบราณสถานมากกว่า ๖๐ แห่ง โบราณสถานที่พบส่วนใหญ่เป็นศาสนสถานที่เกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนาทั้งลัทธิเถรวาทและมหายาน มีการตกแต่งส่วนฐานโบราณสถานด้วยประติมากรรมดินเผาและปูนปั้นเป็นภาพเล่าเรื่องชาดกหรือศาสนนิทาน
    วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นอิฐขนาดใหญ่ ความกว้าง ๑๗-๑๘ เซนติเมตร ความยาว ๓๔–๓๕ เซนติเมตร และความหนา ๘–๑๐ เซนติเมตร ดินเหนียวที่ใช้เผามีส่วนผสมของแกลบข้าวซึ่งมีเมล็ดใหญ่ โบราณสถานส่วนใหญ่สร้างด้วยอิฐ พบเพียงสองแห่งที่มีการใช้ศิลาแลงเป็นฐานราก คือ โบราณสถานหมายเลข ๑๘ และโบราณสถานหมายเลข ๓๑
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD width=150>
    [​IMG]
    </TD><TD width=200>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>โบราณสถานหมายเลข ๘ วัดคูบัว</TD><TD width=150>โบราณสถานหมายเลข ๑๘ วัดโขลงสุวรรณคีรี</TD><TD width=200>โบราณสถานหมายเลข ๓๑ โคกวิหาร</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.geocities.com/humanpast/conclude.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...