พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 41 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 36 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ake7440+, jirautes, Shinray01, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณโชคเป็นพวกวัยรุ่นใจร้อนครับ

    พี่กลับบ้านก่อนครับ
     
  2. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อืม...มาทำให้อยาก(รู้) แล้ว จากไปอีกแล้วนะครับ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากพี่ใหญ่ ต้องไม่ธรรมดา แน่ครับ
    เพราะแค่ เล่น(ลม) ยังลึกซึ้งจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2008
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เดินทางปลอดภัยนะครับพี่
     
  4. ทองอ้วน

    ทองอ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอให้คะแนนคุณ หมอเอก และ คุณ พรสว่าง ด้วยครับ
     
  5. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ทำชั่ว..ไม่มีวันหนีพ้น.. บางคนเข้าใจผิดว่า.. ทำชั่วแล้ว..หนีความชั่วได้...หนีความผิดได้.. ต่อให้หนีไปไกลแสนไกล.. ก็ไม่มีวันหนีกฎแห่งกรรมได้.. พระพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า... บุคคลไม่ควรดูหมิ่น
     
  6. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    จากธรรมะข้างต้นทำให้ผมเข้าใจว่าคนเราไม่ว่าจะทำกรรมดีกรรมชั่วไม่ว่าน้อยหนีมากยังซะก็ต้องได้ชดใช้กรรมที่ตนทำไว้อย่างแน่นอนแม้ว่าบุญเราทำไว้น้อยเพียงไรยังไงสักบุญนั้นก็สนองเราเหมือนๆกับความชั่วที่ไม่มีวันให้ต้องชดใช้แม้เราจะดูว่าน้อยแค่นี้คงจะตามเราไม่ทันหรือทำไรเราไม่ค่อยได้คิดว่าคงตามเราไม่ทันหรอกแต่ว่ายัวงไงเราก็ต้องชดใช้กรรมอยู่ดีเพราะฉะนั้นกรรมไม่ว่าน้อยหรือมากก็ไม่พึ่งที่จะควรทำควีรสะสมความดีไว้ดีกว่ามีแต่จะช่วยและติดตัวหนุนนำให้เจริญติดตัวไปยังชาติหน้า
     
  7. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า...ท่านโดมาแล้วครับ เป็นเสนาลิง ขออนุญาตลงเพื่อเทอดพระเกียรติครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2011
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เอาแล้วมั้ยล่ะท่านปาทาน ท่านลุงข้างบ้านผมว่าเซียนยังห่างท่านปาทานเยอะมากเป้นล้านเท่าเลยครับ หุ หุ
     
  12. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    มีเป็นลังยังว่าน้อยอีกหรอครับอิอิ *-* ผมว่ายังเยอะกว่าพระทั้งบ้านของผมอีกมั่งครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พี่มีน้อยจริงๆครับ ต้องยอมรับคุณnongnooo และคุณเพชรครับ
    (แอบกระซิบ ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณnongnooo และคุณเพชร สิครับ)
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 27 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 22 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ake7440+, ศิษย์โลกอุดร, nongnooo+, Shinray01 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมเริ่มเลยครับ

    ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับคุณnongnooo อย่าลืมผมนะครับ
     
  15. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    ผมว่าเฉพาะอยู่บนโต๊ะนี้ น่าจะไม่น้อยกว่า 8,000 องค์นะครับ..โมทนาสาธุครับ
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    555555 นั่นบทบู๊...
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พูดไป ๒ ไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ..อิ...อิ...
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พระพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะนำไปศึกษากัน ในวันที่นัดพบกันครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่จะบอกวา ผมเองมีน้อยครับ สู้คุณnongnooo และคุณเพชรไม่ได้หรอกครับ มีน้อยกว่าเยอะมากครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -----------------------------------------------

    เห็นหรือเปล่าครับ คุณเพชรนี่ก็ชอบตำลึงทอง เก็บเงียบครับ

    .
     
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG][​IMG]

    ค่อยๆนำมาให้ชมก็ได้ครับ อย่าหักโหม ส่องหมดนั่นถึงขั้นตาแดง ตาเหร่เลยนะครับ....หุ...หุ...นั่นบ้านหรือวัดเนี่ย พระมากกว่าวัดอีก...
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dhammajak.net/ratchathum/b01.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 bgColor=#f6f6f6 colSpan=3 height=20></TD><TD vAlign=top width=20 height=20>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=500 bgColor=#f6f6f6 colSpan=4 height=362>
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=30 bgColor=#f6f6f6 height=1051> </TD><TD vAlign=top width=440 bgColor=#f6f6f6 height=1071 rowSpan=2>[FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]© หนึ่งท้าวประกอบมนสะเอื้น อนุเคราะหะอวดทาน
    เพื่อชนนิกรสุขะสราญ ฤดิเพื่อ บ่ ยากจน
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]จาก พระนลคำหลวง
    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif] [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT][/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]นับแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมีมากมายจนเหลือที่จะพรรณนาได้สุดสิ้น ครบถ้วนทั้งสองประการ คือ “ธรรมทาน” ซึ่งถือเป็นทานอันเลิศทางพระพุทธศาสนา สามารถแก้ความทุกข์ยากขาดแคลนทางจิตใจ ทำให้ใจเป็นสุขและตั้งอยู่ในความดีงาม โดยได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแฝงด้วยคติธรรมเป็นเครื่องเตือนใจในเรื่องต่าง ๆ แก่พสกนิกรตามสถานะและวาระโอวาทอยู่เสมอ ในท้องถิ่นที่ต้องการความรู้ ได้พระราชทานความรู้และตรัสแนะนำในสิ่งอันจะทำประโยชน์มาให้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่จะทรงช่วยดับทุกข์ความเดือดร้อนในจิตใจของประชาชนทั้งมวล[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif] [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]นอกจากธรรมทานแล้ว “อามิสทาน” หรือ “วัตถุทาน” ก็ทรงมีพระเมตตาคุณในพระราชหฤทัยเป็นล้นพ้น ได้พระราชทานพระราชทรัพย์และวัตถุสิ่งของต่าง ๆ เพื่อแก้ความทุกข์ยากขาดแคลนทางกายให้แก่พสกนิกรเสมอมา[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] [/FONT][/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ในการบำเพ็ญทางบารมีนี้ ได้ทรงบำเพ็ญตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสองทุกประการ คือ ทรงบำเพ็ญครบถ้วนตามคุณสมบัติของทาน ๓ ประการ ได้แก่ คุณสมบัติของทานประการที่หนึ่ง คือ การพระราชทานให้แก่บุคคลที่สมควรได้รับการอนุเคราะห์โดยมิได้ทรงเลือกเชื้อชาติหรือศาสนา คุณสมบัติของทานประการที่สอง คือ ถึงพร้อมด้วยเจตนาโดยทรงมีพระเมตตาคุณเปี่ยมล้นในพระราชหฤทัยทั้งก่อนการพระราชทาน ขณะพระราชทาน และหลังการพระราชทานแล้ว คุณสมบัติประการที่สาม คือ วัตถุที่พระราชทานนั้นล้วนเป็นประโยชน์แก่ราษฎรผู้รับพระราชทาน ให้พ้นจากการขาดแคลนได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] นอกจากนี้ยังทรงบำเพ็ญทานให้เป็นบุญตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ คือ บำเพ็ญให้เป็นเครื่องชำระกิเลสอันมีความละโมบ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น “สวนหลวง ร.๙“ ซึ่งชาวไทยร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อถวายเป็นราชสักการะ ก็มิได้ทรงสงวนไว้สำหรับพระองค์แต่ได้พระราชทานให้เป็นสาธารณสถาน เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงชนชาวไทยทั้งมวล [/FONT][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT] ​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ส่วนโครงการหลวง โครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่มีอยู่นับพันโครงการทั่วประเทศ รวมทั้ง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งโปรดให้ตั้งขึ้นในภาคต่าง ๆ เพื่อศึกษาพื้นที่และวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืชผลให้เหมาะแก่ท้องถิ่น อันเป็นการแก้ไขต้นเหตุแห่งปัญหาเพื่อพัฒนาประเทศให้ได้ผลนั้น จัดเป็นการบำเพ็ญทานให้เป็นกุศล คือ เป็นกิจของคนดีคนมีปัญญา ถูกกาลสมัย เหมาะแก่ความต้องการของผู้รับ ไม่ทำให้พระองค์หรือผู้ใดเดือดร้อน การบำเพ็ญทานให้เป็นกุศลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงยังผลให้ไพร่ฟ้าหน้าใสได้โดยทั่วหน้ากัน

    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© ด้วยท้าวประกอบมนสะเอื้อ อนุเคราะอวดทาน
    จึ่งไทยพสกสุขะสราญ ฤดิชื่นระรื่นทรวง
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://www.dhammajak.net/ratchathum/b02.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 bgColor=#f6f6f6 colSpan=3 height=20></TD><TD vAlign=top width=20 height=20>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=500 bgColor=#f6f6f6 colSpan=4 height=362>
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=30 bgColor=#f6f6f6 height=1527> </TD><TD vAlign=top width=440 bgColor=#f6f6f6 height=1547 rowSpan=2>[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© หนึ่งคือประพฤติศุภะสำรวม จิตะมุ่งมนูญผล
    ทรงศีละสังวระวิมล ธุระมุ่งเสวยสวรรค์
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]จาก พระนลคำหลวง
    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระองค์ให้เป็นที่ประจักษ์ตลอดมาว่า ทรงเคร่งครัดในการรักษาศีล และทรงมีน้ำพระทัยนับถือพระพุทธศาสนาโดยบริสุทธิ์ ดังจะเห็นได้จากการเสด็จออกทรงผนวชรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ ของพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเมื่อทรงผนวชแล้วได้เสด็จมาประทับรักษาศีลตามพุทธบัญญัติ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยประทับ ณ "พระตำหนักปั้นหย่า" แล้วจึงเสด็จมาประทับ ณ "พระตำหนักทรงพรต" ตามขัตติยราชประเพณี แม้เมื่อทรงลาผนวชแล้ว พระองค์ยังคงเสด็จมาประทับนั่งสมาธิกรรมฐานเป็นครั้งคราว ณ พระตำหนักทรงพรตนี้[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ตลอดระยะเวลาแห่งการทรงผนวช ทรงดำรงพระองค์ได้งดงามบริสุทธิ์ สมควรแก่การเป็นพุทธสาวก จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา แก่พสกนิกรโดยทั่วหน้า [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] เมื่อทรงลาผนวชมาอยู่พระราชฐานะแห่งพระมหากษัตริยาธิราชแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงประพฤติอยู่ในศีลโดยบริสุทธิ์ กล่าวคือ ทรงประพฤติพระราชจริยาในทางพระวรกายและในทางพระวาจาให้สะอาดงดงามถูกต้องอยู่เป็นนิจ ไม่เคยบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นศีลในการปกครอง หรือศีลในทางศาสนาก็ตาม
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]
    ในด้านศีลในการปกครอง คือ การประพฤติตามกฎหมายและจารีตประเพณีอันดีงามนั้น ไม่เคยปรากฎเลยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระราชอำนาจของพระองค์เหนือกฎหมาย และไม่เคยมีแม้แต่สักครั้งเดียวที่จะทรงละทิ้งจารีตประเพณีอันดีงามของชาติและของพระราชวงศ์ พระเกียรติคุณในข้อนี้เป็นที่ซึมซาบในใจของชาวไทยเป็นอย่างดี นับจากกาลเวลาที่ล่วงผ่านมาตราบจนถึงทุกวันนี้
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG] [​IMG] [/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ส่วนศีลในทางศาสนา อย่างน้อยคือศีลห้าอันเป็นศีลหรือกฎหมายที่ใช้ในการปกครองแผ่นดินมาตั้งแต่อดีตก่อนพุทธกาลนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสมาทานรักษาอย่างเคร่งครัด และทรงสนับสนุนให้พสกนิกรของพระองค์สมาทานรักษาอย่างเคร่งครัด และทรงสนับสนุนให้พสกนิกรของพระองค์สมาทานรักษาเช่นเดียวกัน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG] [​IMG][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] สำหรับผู้ที่มิได้นับถือพุทธศาสนา พระองค์ทรงสนับสนุนให้ยึดมั่นตามคำสอนแห่งศาสนาอันตนศรัทธา ด้วยทรงตระหนักว่าทุกศาสนามีหลักคำสอนที่นำไปสู่การประพฤติดี ศาสนาจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่ร่วมกันของชนหมู่มาก แม้บัดนี้ในการปกครองจะมีกฎหมายอยู่แล้วก็ยังต้องอาศัยศาสนาเป็นเครื่องอุปการะ ด้วยกฎหมายบังคับได้เพียงแค่กาย ส่วนศาสนาสามารถเข้าถึงจิตใจ น้อมนำไปปฏิบัติตามโดยไม่ต้องบังคับ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปกครองบ้านเมืองด้วยกฎหมายและศาสนา ประกอบกับการที่ทรงสมาทานศีลอย่างเคร่งครัดดังปรากฎในที่ทุกสถาน ชาวไทยจึงมีความสุขสงบและวัฒนาด้วยศีลบารมีแห่งพระองค์[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© ด้วยท้าวประพฤติศุภะสำรวม จิตะมุ่งมนูญผล
    ทรงศีละสังวระวิมล สุขะจึ่งสถิตไทย
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/ratchathum/b03.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 bgColor=#f6f6f6 colSpan=3 height=20></TD><TD vAlign=top width=20 height=20>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=500 bgColor=#f6f6f6 colSpan=4 height=362>
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=30 bgColor=#f6f6f6 height=1468> </TD><TD vAlign=top width=440 bgColor=#f6f6f6 height=1488 rowSpan=2>©[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] หนึ่งเอื้อบำรุงสมณพราหมณ์ และประดิษฐ์หิตานันท์
    โรงเรียนสะพานและคฤหะอัน ชนไข้จะพึงประสงค์
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]

    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]จาก พระนลคำหลวง
    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ในด้านการบริจาค ซึ่งหมายถึงการเสียสละสิ่งที่ไม่มีประโยชน์หรือมีประโยชน์น้อยกว่า เพื่อสิ่งที่มีประโยชน์ใหญ่ยิ่งกว่านั้น ด้วยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดถือประโยชน์และความเจริญของชาติ ศาสนา รวมทั้งประโยชน์สุขของพสกนิกร สำคัญยิ่งกว่าพระองค์เอง พระราชกรณียกิจนานัปการจึงเป็นไปเพื่อความวัฒนา และประโยชน์สุขของชาวไทยและสถาบันดังกล่าว[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ด้านการศาสนา ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภกศาสนาต่าง ๆ อันมีในประเทศไทย และได้พระราชทานทรัพย์เพื่อทะนุบำรุงไปเป็นจำนวนมาก โดยพระพุทธศาสนานั้นทรงมีคุณูปการเป็นอเนกอนันต์ ทั้งในการบูรณะปฏิสังขรณ์ปูชียสถาน อันมีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น การสร้างถาวรวัตถุ เช่น "พระพุทธรูปปางประทานพร ภปร." และ "พระพุทธนวราชบพิตร" เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะพระพุทธนวราชบพิตร ซึ่งเสด็จไปพระราชทานด้วยพระองค์เองแก่ทุกจังหวัดทั่วประเทศนั้น ได้ทรงบรรจุที่ฐานด้วยพระพิมพ์ซึ่งทรงสร้างด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ประกอบด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ทั้งในพระองค์และจากจังหวัดต่าง ๆ นอกจากนี้ยังทรงบำรุงพระพุทธศาสนาในด้านอื่น ๆ อีกนานัปการ ด้วยศรัทธาและปริจาคะของพระองค์เช่นนี้ จึงไม่น่าสงสัยที่พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองจนประเทศไทยกลายเป็นแหล่งศึกษาพระธรรม ของชาวต่างประเทศและเป็นแหล่งส่งพระธรรมทูตไปประกาศพระศาสนาในประเทศต่าง ๆ [/FONT]
    [​IMG]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ในด้านการสงเคราะห์ ได้ทรงเสียสละพระราชทรัพย์และสิ่งของจำนวนมากมายจนสุดที่จะประมาณได้ เพื่อดับความทุกข์ยากของพสกนิกรในยามประสบภัยพิบัติและในถิ่นทุรกันดาร[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ทรงสละพระราชทรัพย์เพื่อพัฒนาการศึกษาให้แก่เยาวชนไทย โดยโปรดให้มีโครงการจัดตั้งโรงเรียนในถิ่นยากจนต่าง ๆ โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และทุนอานันทมหิดลเพื่อส่งนักเรียนไทยไปศึกษาต่างประเทศ เป็นต้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ทรงสละพระราชทรัพย์นับจำนวนไม่น้อย ในการพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่มูลนิธิและสาธารณสถานต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สุขของชาวไทย[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ทรงเสียสละพระราชทานที่นาของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในจังหวัดต่าง ๆ กว่า ๕๐,๐๐๐ ไร่ ให้เข้าอยู่ในโครงการปฏิรูปที่ดิน เมื่อปี ๒๕๑๘ เพื่อแบ่งปันที่ทำกินให้แก่เกษตรกรที่ยากจน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] การที่ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ วัตถุสิ่งของและที่ดินจำนวนมหาศาล รวมทั้งการที่ทรงเสียสละปฏิบัติพระราชภารกิจทั้งนอกและในประเทศ พระราชภารกิจในโครงการพระราชดำรินับพัน ๆ โครงการทั่วประเทศนี้ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดในความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์ ด้วยทรงเสียสละเวลา พระปรีชาสามารถ และความสำราญพระราชหฤทัยทั้งมวล ทรงยอมรับความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายทุกประการเพื่อพสกนิกร อย่างไม่มีประมุขประเทศใดในขณะนี้ จะเสียสละได้เทียบเท่าที่พระองค์ทรงเสียสละให้แก่พสกนิกรไทยมาเนิ่นนานไม่น้อยกว่า ๔๑ ปี[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© ด้วยท้าวบำรุงสมณพราหมณ์ และประดิษฐ์หิตานันท์
    จึ่งพุทธศาสน์นิกะระพลัน พุฒิเพิ่มเพราะภูมินทร์
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC](หมายเหตุ ผงศักดิ์สิทธิ์ในพระองค์ ได้แก่
    ๑. ดอกไม้แห้งจากมาลัยที่ประชาชนได้ทูลเกล้าฯ ถวายในการเสด็จพระราชดำเนินเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต และได้ทรงแขวนไว้ที่องค์พระพุทธปฏิมากรตลอดเทศกาล จนถึงคราวที่จะเปลี่ยนเครื่องทรงใหม่ ดอกไม้แห้งนี้ได้โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมไว้
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]๒. เส้นพระเจ้า ซึ่งเจ้าพนักงานได้รวบรวมไว้หลังจากทรงพระเครื่องใหญ่ทุกครั้ง
    ๓. ดอกไม้แห้งจากมาลัยที่แขวนพระมหาเศวตฉัตรและด้ามพระแสงขรรค์ชัยศรี ใรพระราชพิธีฉัตรมงคล
    ๔. สี ซึ่งขูดจากผ้าใบที่ทรงเขียนภาพฝีพระหัตถ์
    ๕. ชันและสี ซึ่งทรงขูดจากเรือใบพระที่นั่ง ขณะที่ทรงตกแต่งเรือใบพระที่นั่ง
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ผงศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดต่าง ๆ ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักร ได้แก่วัตถุที่ได้มาจากปูชนียสถานหรือพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนเคารพบูชาในแต่ละจังหวัด อันได้แก่ดินหรือตะไคร่น้ำแห้งจากปูชนียสถานเปลวทองคำปิดพระพุทธรูป ผงรูปหน้าที่บูชา และน้ำจากบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งได้เคยนำมาใช้เป็นน้ำสรงมุรธาภิเษก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก)[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/ratchathum/b04.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 bgColor=#f6f6f6 colSpan=3 height=20></TD><TD vAlign=top width=20 height=20>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=500 bgColor=#f6f6f6 colSpan=4 height=362>
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=30 bgColor=#f6f6f6 height=1059> </TD><TD vAlign=top width=440 bgColor=#f6f6f6 height=1079 rowSpan=2>[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] หนึ่งมีมลวิมละใส หฤทัย ธ ซื่อตรง
    เป็นนิตย์นิรันตะระธำรง สุจริต ณ ไตรทวาร
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]จาก พระนลคำหลวง
    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] อันทศพิธราชธรรมข้อที่สี่ คือ อาชชวะ หรือความซื่อตรงนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิบัติอยู่นิจ สำหรับผู้ที่มีอายุคงจะจำกันได้ดีว่าหลังจากที่ได้ทรงดำรงสิริราชสมบัติแล้ว ในวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ อันเป็นวันกำหนดเสด็จกลับไปทรงศึกษาต่อในต่างประเทศ ระหว่างประทับรถพระที่นั่งเพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปขึ้นเครื่องบินนั้น ได้มีเสียงร้องมาจากกลุ่มพสกนิกรที่เฝ้าส่งเสด็จว่า "อย่าทิ้งประชาชน" และได้มีพระราชดำรัสตอบในพระราชหฤทัยว่า "เราจะไม่ทิ้งประชาชน ถ้าประชาชนไม่ทิ้งเรา" การตั้งพระราชหฤทัยดังนี้เสมือนเป็นการพระราชทานสัจจะ ว่าจะทรงเป็นร่มบรมโพธิสมภารของพสกนิกรตลอดไป[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ครั้นต่อมาในวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ซึ่งเป็นวันที่ทรงกระทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้มีพระปฐมบรมราชโองการแก่พสกนิกรทั่วประเทศว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" วันเวลาที่ล่วงผ่านไปเนิ่นนานจากวันนั้นถึงวันนี้ ๔๑ ปีเศษแล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงรักษาสัจจะที่ได้พระราชทานให้แก่พสกนิกรทั้งสองประการ มาอย่างสมบูรณ์สม่ำเสมอ พระองค์ไม่เคยทรงทอดทิ้งพสกนิกร ด้วยทรงถือเอาความทุกข์เดือดร้อนของพสกนิกรเป็นความทุกข์เดือดร้อนของพระองค์เอง เหตุนี้เมื่อเกิดความเดือดร้อนหรือภัยพิบัติในส่วนใดของประเทศ พระองค์จะเสด็จฝ่าไป ไม่ว่าระยะทางจะใกล้ไกล ทุรกันดารเพียงใด แดดจะแผดกล้าร้อนแรง หนทางจะคดเคี้ยวข้ามขุนเขา พงไพรจะรกเรื้อแฉะชื้นเต็มไปด้วยตัวทาก ฝนจะตกกระหน่ำจนเหน็บหนาว น้ำจะท่วมเจิ่งนอง พระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อที่จะเสด็จไปประทับเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรผู้ทุกข์ยาก เพื่อทรงดับความเดือดร้อนให้กลับกลายเป็นความร่มเย็น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] นอกจากนี้ยังทรงครองแผ่นดินด้วยธรรมานุภาพ ไม่ว่าการสิ่งใดอันจะยังความทุกข์สงบมาสู่พสกนิกร พระองค์จะทรงปฏิบัติ และการสิ่งใดที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้พสกนิกรประพฤติปฏิบัติตาม จะพระราชทานกระแสพระราชดำรัสชี้แจงถึงเหตุและผลให้เข้าใจ พสกนิกรผู้ปฏิบัติจึงปฏิบัติด้วยเห็นประโยชน์แห่งผลของการปฏิบัตินั้น ปฏิบัติด้วยความเต็มใจและด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ มิใช่ด้วยความกลัวเกรงพระบรมเดชานุภาพ การครองแผ่นดินโดยธรรมของพระองค์จึงยังประโยชน์สุขมาสู่มหาชนชาวสยาม สมดังพระราชปณิธาน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] คงไม่มีความรู้สึกอันใดที่จะวาบหวานและซาบซึ้งใจชาวไทย ยิ่งไปกว่าความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พระผู้ทรงมีพระราชอัธยาศัยเปี่ยมไปด้วยอาชชวะคือความซื่อตรงต่อพสกนิกรและประเทศชาติ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© ด้วยท้าวทรงวิมละใส หฤทัย ธ ซื่อตรง
    จึ่งชนและชาติถิระธำรง ทฤฆะทัศน์จรัสเรือง
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/ratchathum/b05.htm

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 bgColor=#f6f6f6 colSpan=3 height=20></TD><TD vAlign=top width=20 height=20>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=500 bgColor=#f6f6f6 colSpan=4 height=362>
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=30 bgColor=#f6f6f6 height=1097> </TD><TD vAlign=top width=440 bgColor=#f6f6f6 height=1117 rowSpan=2>[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]©[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] หนึ่งคือหทัยบ่มิกระด้าง บ่มิพึงจะรุนราญ
    บ่มิถือพระองค์สมะสมาน มนะน้อมนิยมชม
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]จาก พระนลคำหลวง
    พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ราชธรรมในข้อมัททวะหรือความอ่อนโยนนี้ เป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรมาช้านานแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโยนเพียบพร้อมทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยนในความหมายทางโลกหรือความหมายทางธรรม[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ความอ่อนโยนในความหมายทางโลก คือความอ่อนโยนต่อบุคคลอื่นในสังคม อันเป็นมารยาทที่บุคคลในสังคมจะพึงปฏิบัติต่อกันเพื่อผลดีในทางสังคม ความอ่อนโยนในความหมายนี้ย่อมชี้ให้เห็นชัดได้ด้วยพระราชจริยาวัตรต่าง ๆ ในที่ทุกสถาน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ส่วนความอ่อนโยนในทางธรรมนั้น มีความหมายกว้างขวางมาก คือ หมายถึงความสามารถโอนอ่อนผ่อนตาม น้อมไป หรือเปลี่ยนไปในทางแห่งความดี ทำให้เกิดการผสมผสานกันอย่างดีในทางการงานและบุคคลแก่บุคคลทุกระดับชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าถึงธรรมะในข้อนี้เป็นอย่างดี และอย่างถ่องถ้วนทุกระดับขั้น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC][​IMG][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ขั้นแรก คือ ความอ่อนโยนทางพระวรกาย ทุกพระอิริยาบถที่ปรากฎไม่มีที่จะแสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ หรือถือพระองค์เลยจะมีก็แต่ความอ่อนโยน นิ่มนวล งดงาม เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์พระราชหฤทัย อันยังความชื่นชมโสมนัส และอบอุ่นใจให้เกิดแก่พสกนิกรโดยทั่วกัน[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ขั้นที่สอง คือ ความอ่อนโยนทางพระวาจา อันพึงเห็นได้จากการที่ทรงมีพระราชปฏิสังถารแก่ราษฎรซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดา ที่มารับเสด็จอย่างใกล้ชินสนิทสนม ไม่เคยมีพระวาจาที่กระด้าง มีแต่อ่อนโยนสุภาพละมุนละไม แม้จะทรงอยู่ในพระราชฐานะอันสูงสุด กลับทรงแสดงพระองค์เป็นธรรมดาอย่างที่สุด มิได้ทรงวางพระองค์ให้แตกต่างห่างไกลจากประชาชนที่ประกอบด้วยฐานะต่าง ๆ กัน ทางปฏิบัติพระองค์เป็นกันเอง เสมือนบิดาปฏิบัติต่อบุตรอันเป็นที่รัก ตรัสพระวาจาอ่อนหวานอันควรดื่มด่ำไว้ในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ขั้นที่สาม คือ ความอ่อนโยนนิ่มนวลทางจิตใจและสติปัญญา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบรรลุถึงมัททวะในขั้นนี้อย่างแท้จริง และทรงเข้าพระทัยในธรรมะของชีวิตอย่างลึกซึ้งว่า แต่ละชีวิตย่อมมีหน้าที่หลายอย่าง พระองค์จึงทรงวางพระทัยให้อ่อนโยน และทรงวางพระสติปัญญาให้โอนอ่อนไปตามสถานภาพได้อย่างเหมาะสม เช่นในพระราชฐานะต่าง ๆ ในพระบรมราชวงศ์ (ทั้งพระราชฐานะที่เป็นพระราชโอรส เป็นพระอนุชา เป็นพระบิดา เป็นอัยกา ฯลฯ)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC] ในพระราชฐานะแห่งพระมหากษัตริยาธิราช ทรงมีสัมมาคารวะอ่อนน้อมแด่ผู้เจริญโดยวัยและเจริญโดยคุณ และมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโยนต่อบุคคลที่เสมอพระองค์และต่ำกว่า ไม่เคยทรงดูหมิ่น การที่ทรงวางพระองค์เช่นนี้จึงก่อให้เกิดความสุขความเจริญแก่บ้านเมือง และความปิติศรัทธาแก่ชาวไทยอย่างไม่มีอะไรจะเปรียบ[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, AngsanaUPC]© ด้วยท้าวประทานมธุรถ้อย รติร้อยมโนชน
    อ่อนโยนอดุลย์จริยะดล รติท้าวสนิทใจ
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...