พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ผมเฉลยข้อที่ ๑ ตามสัญญาก่อนครับ

ข้อนี้องค์ซ้ายมือเป็น"พระ"ครับ องค์ขวามือเป็น"เณร"

เนื้อปัญจสิริทุกองค์ทุกพิมพ์ให้เริ่มจากการดูด้านหลัง ยิ่งดูด้านหน้าจะยิ่งงงครับ ลวดลายของสี พันไปมาที่พระหัตถ์บ้าง พระพักตร์บ้าง ยิ่งหากเป็นพิมพ์เก๋งจีนไตรโลกอุดร ที่สวยซึ้งไปหมด จะกลายสับสนอลหม่านกับความรู้เดิมไปใหญ่ ดังนั้นทำจิตสบายๆ ดูด้านหลังพิมพ์ขององค์พระ เห็นภูเขา ลำธาร ต้นไม้ใบหน้า บางตำแหน่งเป็นรัศมีเรืองรอง บางจุดมองเป็นวัด...

"เณร"ปัญจสิรินี้ นำผงสี หรือพระแตกหักมาโรยแล้วกดพิมพ์ ซึ่งอาจนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว การตรวจสอบทางใน อาจพบพลังอิทธิคุณแฝงอยู่

ดูรูปทรงของพระ(องค์ซ้าย)นั้นบางกว่าเกือบครึ่งหนึ่ง และ เณร(องค์ขวา) หนากว่ามาก ความหนาบางอาจทำกันได้ ขนาดบางๆเป็นการทำในยุคแรกๆ ถึงกลาง หากเทียบพระพิมพ์ในรัชกาลที่ ๖ จะไม่พบพิมพ์บาง จะพบแต่ความหนา และมีสีหลักๆ ๓ สี คือ สีขาว ชมพู และน้ำเงิน อาจจะหมายถึง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ก็เป็นได้ ในช่วงรัชกาลที่ ๖ มีการประกาศสงครามโลก ช่วงก่อนนั้นอาจจะเป็นเรื่องราวที่เน้นเรื่องความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ก็เป็นได้ครับ ...

การพิจารณาจากด้านหลัง "พระ" ตามแนวทางของอาจารย์ปู่ประถม ได้ประโยชน์มากครับ สังเกตุนะครับว่า
"พระ"จริงการกระจายของสี จะคล้ายสี"น้ำ"มีเหลื่อมล้ำแบบกลืนกันเป็นเนื้อเดียว
ส่วน"เณร"จะคล้ายสี"น้ำมัน" แบบรวมกันไม่ติด แบ่งเส้นกันค่อนข้างชัด

ผงทองที่ปรากฏบนผิวพระ บางทีเชื่อไม่ได้เพราะหากเป็นผงทองเหลือง ก็"เก๊"สนิทแน่นอนครับ

พระวังหน้าทุกองค์ใช้ผงทองคำทุกองค์ครับ
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>




</FIELDSET>

 

ก๊ากกกกกกก อีกที post นี้

 

อย่าเพิ่งท้อครับ ค่อยๆศึกษาไป ระมัดระวังการเช่าหาด้วยครับ "เณร"รูปนี้ผมไปเก็บมาจากกรุตี ๓ ราคาองค์ละ ๓ บาท

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, ake7440+, ariyachot, nongnooo+, ชวภณ ศ.+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่เห็น จุดเก็บเงียบ ตอนนี้ 2 ครับ

ไม่ใช่งวดหน้าที่ให้วิ่ง แต่เป็นจำนวน

มีอยู่ 2 ท่านเป็นจุดเก็บเงียบครับ

 

ข้อ ๒) พระทั้ง๔องค์ที่เราเห็นแต่ด้านหลังนี้เรียงจากซ้ายไปขวามือของเราเป็นพระพิมพ์เดียวกันขอถามว่าเป็นพระอะไรพิมพ์อะไรองค์ไหนเป็น"พระ" และองค์ไหนเป็น"เณร"หรือเป็น"พระ"ทั้ง๔องค์หรือดูแล้ว"เณร"ทั้ง๔องค์? เรียงจากทางซ้ายมือไปทางขวามือองค์ที่ ๑- ๒- ๓หรือ ๔

พระพิมพ์นี้หากดูจากลักษณะด้านหลังทรงพิมพ์เล็กสั้น ป้อม รูปทรงด้านหน้า น่าจะเป็นพระปิดตา หรือพระมหาอุด พระพิมพ์นี้คือพระปิดตา หรือพระควัมปติ พิมพ์ปุ้มปุ้ย เนื้อผนังถ้ำ จะมีกลิ่นหอม แต่ไม่ใช่แบบน้ำหอมครับ ผงมวลสารอาจทำเทียมกันได้ มีมากเกินไป ก็ให้สงสัยเอาไว้ก่อนว่าไม่น่าไว้ใจ

องค์ที่เป็น“พระ”แท้คือองค์ที่ ๑-๒-๔องค์ที่เป็น“เณร”คือองค์ที่ ๓หลายท่านเห็นความเก่าที่ได้ที่ เลยจินตนาการไปว่ามันน่าจะเก่าจริง องค์ที่ ๓ นี้นี้ก็เก็บมาจากกรุตี ๓ อีกเช่นกัน ร้านนี้บอกว่าพี่จะเอาเก่าขนาดไหน บอกมาได้เลย เราทำให้ได้ทุกอย่างตามต้องการ เณรรูปนี้ได้มาในราคาองค์ละ ๓ บาทอีกเช่นกัน ลองคิดกันดูแล้วกันครับ องค์ท่านท้าวจตุคาม-รามเทพมีขนาดที่ใหญ่กว่าเณรรูปนี้มาก ยังต้นทุนต่ำกว่า ๕๐ สตางค์ มาขายกันองค์ละ ๕๐๐ บาทในตอนนี้ ช่วงก่อนหน้านี้ว่ากันเป็นพัน เป็นหมื่น เขาทำออกมาครั้งละหมื่นองค์ เขากำไรไปแล้ว ไม่น้อยกว่า ๕ ล้านบาท พระพิมพ์ปิดตา ปุ้มปุ้ยนี้ต้นทุนน่าจะต่ำกว่า ๕๐ สตางค์มากมาย อาจเพียง ๑๐ สตางค์ ขาย ๓ บาท ขายส่งได้จากเรา 2.9 บาท เราไปขายต่อได้องค์ละ ๑๐๐ บาท กำไร ๙๗ บาท ขายได้วันนึง เพียง ๑๐ องค์ เขาได้ไป เกือบพันบาทเข้าไปแล้ว ชี้นำมากไปเดี๋ยวเณรเต็มตลาด....

ทายกันมาได้ ๒ ข้อแล้ว เป็นไงบ้างครับ “เณร”ที่จำแลงกายมาเป็น“พระ” มาหลอกพวกเรา...ดูดีๆครับ“ เณร” หรือ“พระ” กันแน่ ให้จดจำ และดูภาพพระด้านหน้าประกอบอีกครั้ง ยิ่งดูเก่า ยิ่งต้องระวังครับ บอกได้เท่านี้ ....
<!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

 

เช่นกันครับ เมื่อก่อนท่านโด เกิด ผมสามารถอ่านหนังสือ ทุกเรื่องที่เป็นภาษาอังกฤษหนากว่า 500หน้าใช้เวลาเพียง 2-3สัปดาห์เท่านั้น ภาษาไทย หนา 400-500หน้าอ่านแค่ ไม่เกิน 3วัน หลังจากท่านโดเกิดก็รู้สึก โง่ไปเยอะครับ สปีดตกไปมาก เด๊ยวนี้หนังสือภาษาอังกฤษ เล่มหนึ่งใช้เวลา2-3เดือน ก็อยากจะบอกว่าอย่าผลัดว่าเดี๋ยวจะอ่านนะครับ เพราะต่อไปยิ่งอ่านน้อยลงมากๆครับ หุ หุ

 

ข้อ๓)พระสมเด็จหลังเบี้ยทั้ง๓องค์นี้องค์ไหนคือ"พระ"องค์ไหนเป็น"เณร"หรือเป็น"พระ"หรือเป็น"พระ"ทั้ง๓องค์หรือดูแล้ว"เณร"ทั้ง๓องค์? เรียงจากทางซ้ายมือไปทางขวามือองค์ที่๑ - ๒ หรือ๓

สมเด็จหลังเบี้ยเป็นพิมพ์ที่สวยงามทั้งรูปลักษณ์ทรงพิมพ์ และอิทธิคุณ ด้านหลังจะนูนขึ้นมา หากแบนนูน ไม่เรียก“หลังเบี้ย” แต่จะเรียก“หลังประทุน”แทน การลงรัก มี ๓ แบบคือรักแดง รักดำ และรักน้ำเงิน(รักสมุพม่า) นำมาให้ดูครบทั้ง ๓ รัก ตามลำดับ


องค์ที่เป็น“พระ” จากซ้ายมือคือองค์ที่ ๒-๓ ส่วนองค์ที่เป็น “เณร” คือองค์แรกองค์ซ้ายมือผู้ร่วมสนุกทุกท่านได้เลือกกันนั่นแหละครับ เห็นหรือยังครับ พระสมเด็จหลังเบี้ย องค์นี้น่ากลัวสุดๆ หากไม่ได้รับจากมือจากกรุตี ๓ ผมก็คงพลาดเช่นทุกท่านนั่นเอง คนทำเข้าใจปาดคราบรักแดง ให้ดูเป็นธรรมชาติของการนำไปล้างแล้วลอกหลุด เทียบทรงพิมพ์องค์ซ้ายเณร กับ องค์ขวาพระแล้ว สัดส่วนทรงพิมพ์คล้ายกันมา ต่างที่รักเท่านั้น องค์กลางมีขนาดที่ป้อมกว่า เป็นพระสมเด็จหลังเบี้ยในยุคแรกๆ ตั้งแต่ผมรู้จักพระกรุวังหน้ามา องค์นี้ผมได้จากอดีตเจ้าของ และบก.ของสำนักพิมพ์พุทธสยามเมื่อเกือบ ๘-๙ ปีที่แล้วนี่เอง(ปัจจุบันได้ปิดดำเนินกิจการแล้ว) ในราคาองค์ละ ๕,๐๐๐ บาท พระสมเด็จของวังหน้าส่วนมากจะมีผู้นำไปล้างรักออก แต่ล้างออกไม่หมด มีก็เก่าจริง ไม่มีก็ถือว่าสวยมีเสน่ห์อีกนั่นแหละ โดยส่วนตัว ผมชอบความเก่ามากกว่า ไม่ชอบแบบล้างรักออก จะล้างของดีๆ ออกทำไมไม่เข้าใจครับตอนนั้นคุณ.....(ขอสงวนชื่อ) นำไปพระสมเด็จไปไว้ในโอ่งดิน ภายในโอ่งดินเต็มไปด้วยดอกมะลิ ถามท่านว่า ทำไมต้องนำดอกมะลิไปอบด้านใน ท่านบอกว่า ดอกมะลิช่วยทำให้เนื้อหาของพระมีความเก่ามากขึ้น และองค์พระมีกลิ่นหอมแห้งๆ สังเกตจากด้านหลังขององค์กลางแล้ว มีการดูดซับมะลิที่ชื้นจนเน่าไปบ้างแล้ว เนื้อผงจึงติดสีน้ำตาลของมะลิที่แห้งแล้วนั่นเอง จำไว้ว่ารักที่ใช้ในวังหน้ามีเพียง ๓ สี คือ รักแดง รักดำ และรักสมุพม่า(น้ำเงิน) หากติดตามอ่านสิ่งที่คุณหนุ่มได้นำเสนอซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทราบคุณลักษณะของ“รัก” ปัจจุบันไม่ค่อยมีผู้นำรักมาใช้ในการสร้างพระเท่าไหร่ครับ ....

 

ข้อ ๔) ชิ้นส่วนพระเครื่ององค์นี้เป็นพระอะไรพิมพ์อะไรและแท้หรือไม่?ให้บอกข้อสันนิษฐานที่คิดว่าเป็นพระองค์นี้ต้องตอบให้ถูกทั้งชื่อพระและชื่อพิมพ์และแท้หรือไม่แท้จึงจะถือว่าถูกต้องครับ

สังเกตจากจุดขาวๆภายในองค์พระที่แตกหักนี้แล้ว จะมีโอกาสได้เห็นก็ตอนพระเกิดชำรุดแตกหักนี่เองแหละครับ จุดเล็กสีขาวนี้กระจายอยู่ทั่วองค์พระภายในเนื้อมวลสาร คลุกเคล้ากับผงยา และปูนเพชรตลอดองค์ การZoomถ่ายในมุมรอยตัดนี้ จะเห็นช่วงขอบด้านซ้ายเกิดการลู่เข้าด้านข้าง แสดงว่า รูปพิมพ์ทรงมีลักษณะโค้งนั่นเอง พระองค์นี้ พระผงยาวาสนา พิมพ์คะแนนร้อย ขอบชิดซุ้มนั่นเองครับ เป็นพระแท้ องค์พระเมื่อนำชิ้นส่วนที่เหลือมาต่อกัน จะเห็นว่ามีความแกร่ง ทั้งที่พระพิมพ์นี้มีความบางอย่างมาก การหักของพระผงยาวาสนานี้หลายๆองค์ที่ผมสังเกตมาคือ จะหักแบบแตกออกจากกัน อธิบายยากครับ ที่สำคัญคือจะไม่มีรอยบิ่น หรือกะเทาะขององค์พระ เพราะมีความแกร่งอย่างมาก ผิวหน้าขององค์พระ หากนำไปล้างน้ำ ขัดถู ยังไง ผ่านไปหลายวันต่อมาจะขึ้นฝ้าขาวขึ้นมาอีก นั่นเป็นเพราะ”ผงยา”นี้ มีการซึมไปทั่วทั้งองค์พระ ด้านในที่แห้งหากแตกออกจะเห็นการกระจายของผงยานี้อย่างชัดเจน หากนำมาตากแดด ผึ่งลมอีกครั้ง จะกลับมามีฝ้าเหมือนเดิมใหม่ อันนี้ คือจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ"พระผงยาวาสนา"

พระผงยาวาสนาเป็นของดีที่สุด และผมหวงแหนมากที่สุดพิมพ์หนึ่งเลยครับ อาจจะเป็นด้วยเหตุผลหลายๆอย่างนี่เอง ซึ่งเด่นจนอดใจรักไม่ได้ครับ ทั้งพิมพ์นี้เป็นพิมพ์ที่หายากมาก ทุก ๙๙ องค์ จะสร้างขึ้นเป็นองค์ที่ ๑๐๐ หากสร้างพระผงยาวาสนาจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ เท่ากับว่า จะมีพระคะแนนร้อยเพียง ๘๔๐ องค์เท่านั้น การนำผงยาต่างๆมาสร้างเป็นพระ ความนัยอีกด้านก็เป็นการหวังผลในด้านของสุขภาพ ความเป็นมงคลเรื่องของอายุ ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี เหมาะจะสวมพระพิมพ์นี้อย่างมากครับ พระสมเด็จจิตรลดาของในหลวงของปวงชนชาวไทยก็ได้สร้างพระผงจิตรลดา ที่มีสีน้ำตาลเพื่อเหมาะกับคนส่วนมากสามารถสวมใส่ได้ ไม่ไปติดขัดในเรื่องของสีประจำวันมาก ลองอ่านที่คุณหนุ่มสิทธิพงศ์ post ในเรื่องของ"ศิลปะการใช้พระเครื่อง"อีกครั้ง ชื่อของพระพิมพ์นี้ก็เป็นมงคลนามในเรื่องของสุขภาพ และอำนาจวาสนา ดังนั้นคุณค่าของพระองค์นี้ พิมพ์นี้ จึงมีคุณค่าอย่างมากมายมหาศาล ลองศึกษาความเป็นมาเป็นไปอีกครั้ง ทำไมคณะเราถึงมีความรู้สึกหวงแหนพระพิมพ์นี้กันมาก รู้ค่า รู้คุณ จึงต้องรักษาไว้ ไม่ได้มอบให้ใครง่ายๆครับ
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

 

ข้อ ๕) พระผงองค์นี้คือพระอะไรขอข้อสันนิษฐานที่เราคิดว่าเป็นพระองค์ที่ว่านี้ประกอบด้วยครับ

พระผงองค์นี้มีความพิเศษคือความเก่าของส่วนผสมมวลสารวิเศษต่างๆที่คลุกเคล้ากัน ผิวหน้าขององค์พระมีการกะเทาะออก แตกเป็นแผ่นออกมา ทำให้เห็นเนื้อในขององค์พระ และเป็นพระสมเด็จอย่างแน่นอน ผมไม่ได้ถ่ายภาพด้านข้างให้เห็นกัน หากเห็นด้านข้าง หลายๆท่านคงร้องอ๋อกันครับ บางองค์มีขนาดใหญ่เล็กต่างกัน เนื่องจากเป็นคนละพิมพ์กัน จริงๆคนสร้างตั้งใจสร้างพิมพ์เดียวกัน การสร้างในช่วงแรกๆจะวัดขนาดซ้ายขวาบนล่างกัน จะกะขนาดแบบคล้ายๆการตีเส้นตารางนั่นเอง แต่เมื่อทำๆไปถึงองค์หลังๆ ช่างที่สร้างก็เริ่มจะกะขนาดเองด้วยสายตาบ้างแล้ว เรียกว่าไม่ได้ใช้ไม้ หรือวัสดุในการกะขนาด องค์หลังๆจึงมีขนาดที่เล็กกว่าองค์แรกๆ นี่คือข้อวินิจฉัยในการวิเคราะห์พระพิมพ์องค์นี้ของท่านอาจารย์ปู่ประถม อาจสาครครับ “ความหนา”ไม่กำหนดครับ เพราะมีหลายขนาด ท่านอาจารย์ปู่ประถมเมตตาเล่าให้ฟังทำนองปู่เล่าให้ฟังนั่นแหละเมื่อผมได้ถามว่า แล้วในความเห็นของอาจารย์ปู่แล้ว คิดว่าพิมพ์ไหนน่าจะดีกว่า อาจารย์ปู่ยิ้มหัวเราะอารมณ์ดีว่า ปู่ว่า ขนาดใหญ่กว่า มวลสารเยอะกว่า ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว หึหึ...

พระพิมพ์ที่มีขนาดของกรอบยาวกว่าเรียกว่า”ซุ้มกระจก” พระพิมพ์ที่ถามคำถามนี้เป็นของแท้ ชื่อว่า พระสมเด็จกลักไม้ขีดนั่นเอง ...เป็นภาพพระสมเด็จปางสมาธิ หากเป็นซุ้มกระจก ส่วนมากจะเป็นพิมพ์เกศทะลุซุ้มครับ...

สังเกตจากภาพที่ผมนำลงเพื่อการศึกษานี้ ล่างซ้ายคือสมเด็จกลักไม้ขีดแบบทั่วไปที่ผู้คนนิยมกัน ล่างขวาจึงจะเป็นซุ้มกรอบกระจกครับ การตัดขอบก็มีที่มาที่ไปเหมือนกันนะครับ
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

 

ข้อ ๖) พระสมเด็จปัญจสิริพิมพ์อรหังองค์นี้เมื่อมองเพียงด้านหลังให้ลองสร้างจินตนาการว่ารู้สึกถึงอะไรอย่างน้อย๒ข้อ
และตอบคำถามนี้ว่า...
เห็นจากด้านหลังพระแล้วตอบได้หรือไม่ว่าตรงกับพระพิมพ์ด้านหน้าองค์ที่เท่าไหร่จากซ้ายไปขวาและเป็นแถวบนหรือแถวล่างบนองค์ที่๑จากซ้ายมือ๒...๓...๔...๕...หรือเป็นล่าง๖...๗...๘...๙...๑๐

ข้อสุดท้ายแล้วครับ ข้อนี้มีผู้ตอบถูกด้วยครับ ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ สุดยอดๆๆ

พระสมเด็จปัญจสิริ พิมพ์อรหังนี้ ให้สำรวจตรวจตราจากด้านหลัง ดื่มด่ำสร้างจินตนาการตามความรู้สึกกันไปก่อน เหมือนการชื่นชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง การทายองค์พระโดยดูจากภาพด้านหลังองค์พระ แล้วทายภาพด้านหน้า จึงต้องใช้จินตนาการอย่างมาก การใช้จินตนาการที่อาจารย์ปู่เน้นย้ำนั้น เหมือนการบอกเคล็ดลับในการดูพระปัญจสิริ หากขาดซึ่งจินตนาการ เราจะไม่มีความสามารถในการแยกแยกว่าเป็นเณร หรือพระเลยครับ

ตั้งแต่ผมรับทราบการดูพระปัญจสิริจากอาจารย์ปู่มา และได้เห็นองค์พระจริงๆจากที่อาจารย์ปู่ตั้งใจเดินไปหยิบมาให้ชมจากในห้องนั้นจึงมีคุณค่า และรู้ถึงความตั้งใจของคนแก่อายุจะ ๘๐ แล้วท่านหนึ่งที่มีเมตตากับลูกหลาน จึงอดซาบซึ้งใจไม่ได้ ในความกรุณาที่ไม่สิ้นสุด ช่วยถากถางความโง่ที่เคยมีให้ออกจากหัวใจในวันนั้นครับ การนำเคล็ดลับของพระพิมพ์นี้มาบอกกันในกระทู้"พระวังหน้า"นี้ จึงถือเป็นวิทยาทานที่ให้โดยมุ่งหวังให้อานิสงค์นี้ส่งผลให้อาจารย์ปู่ประถมมี สุขภาพกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรง มีความสุขในการเป็นผู้ให้ตลอดเวลา

ดูรอยต่อของสีตรงขอบ การจินตนาการจะช่วยให้เห็นอีกด้านหนึ่งขององค์พระได้ครับ...

“พระ”แท้ จะอยู่ด้านบน องค์ที่ ๔ นั่นเองครับ....ภาพที่เหลือนี้บางภาพ ผมจงใจเลือกขอบที่สีขาวอีก๔-๕ องค์ไว้แกล้งชาวบ้าน ขอโทษด้วยครับ
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

ต้องขอขอบคุณคุณเพชรที่มาทบทวนความรู้ให้ครับ หุ หุ

 

ข้อนี้ ลงครั้งที่3ผมก็ขอบอกว่าโหด จริงๆครับ ยากมาก....

 

จริงๆผมทำเป็นไฟล์ Word ไว้อ่านเองด้วยครับ แต่ไม่กล้าลงเพราะกลัวคนอื่นเอาไปใช้ทางอื่น
ไฟล์ที่ทำจะจัดย่อหน้าใหม่ และลงเฉพาะรูปที่เกี่ยวข้องน่ะครับ ตั้งใจเอาไว้ใช้เปิดทบทวน แต่ส่วนของรูปทั้งหมดผมแยกไว้อีกโฟลเดอร์ครับ ก็ขออนุญาติไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ส่วนของผม ได้องค์นี้เตือนสติเป็นอย่างดีครับ

 

ยากจริงครับ ข้อนี้ ต้องคอปัญจสิริจริงๆ คุณน้องนู๋ก็เป็นหนึ่งในผู้นิยมพระปัญจสิริมากๆ ช่วงที่ผมศึกษาด้าน New Age จากตำราฝรั่ง หนังสือหมวดหนึ่งในชุดคือ colour การใช้สีบำบัด ลองนึกตัวอย่างนะครับ สมมุติเอาที่ใกล้ตัวที่สุดในกลุ่ม ขอยกกรณีวิชาชีพของคุณหมอเอกนะครับ ขออนุญาตครับ..

ในห้องผ่าตัด ทำไมเขาไม่ให้แพทย์ผู้ผ่าตัด ใส่ชุดกราวด์สีขาว หรือสีแดง ทำไมชุดกราวด็ถึงเป็นสีเขียว? การศึกษาทางจิตสีเขียวถือเป็นสีการบำบัด การรักษาเยียวยา การเจริญเติบโต ความร่ำรวย บางครั้งในพิธีกรรมที่ผมใช้เพื่อหวังผลด้านต่างๆ ก็จะใช้เทียนสีช่วย เทียนสีฟ้า ช่วยในด้านการดึงดูดลูกค้า เทียนสีน้ำตาลจะช่วยในเรื่องการค้นหาสิ่งของที่สูญหาย เทียนสีเขียวจะช่วยในเรื่องการทำมาหากิน อื่นๆอีกมาก..

อธิบายเรื่องสีได้ง่ายที่สุดก็คือ เวลานี้ หากเราดูทีวีสี กับทีวีขาวดำ อย่างไหนที่ให้อารมณ์ความรู้สึก(emotion)มากกว่ากัน หากเราจะสร้างหนังซักเรื่องหากมีฉากที่คิดทบทวนถึงอดีต ฉากนั้นหากให้สีขาวดำ จะเกิด emotion ของการย้อนคิดถึงอดีตมากกว่าที่มีสีสรรธรรมชาติ...

คนต่างประเทศที่นับถือพุทธเมื่อเขาเข้าใจศาสตร์นี้ และเมื่อมาพบพระปัญจสิริ จึงเป็นสิ่งที่ลงตัว พระพิมพ์นี้เป็นลักษณะแนวศิลปะ พิจารณาเป็นศิลปะก่อน จะคล้ายเป็นกุศโลบายการน้อมใจให้เราเกิดความอ่อนโยน ดังคำกล่าวว่า คนไม่มีศีล เปรียบเสมือนดินที่ขาดน้ำ หมายความว่า ดินที่ขาดน้ำ ดินจะแข็งกระด้าง

 

อ่านทีไรก็เหมือนฟังบรรยายงานศิลป์ทุกครั้งนะครับสำหรับข้อความของพี่เพชรนี่
แต่ผมสรุปให้สั้นๆง่ายๆครับ
.
.
.
.
.
.
ถ้าท่านปาทานให้ร่วมทำบุญเพื่อบูชา ผม...ขอ....จอง....ครับ 555
ขออภัยถ้ามีคนสะดุ้ง 2 คนครับ ด้วยความเคารพ

ปล.ข้อความดังกล่าวเป็นการแซวเล่นนะครับผม ขออภัยอีกครั้งครับ

 

มาถึงการเฉลยข้อที่ ๗ ซึ่งเป็นข้อสอบใหม่..

ข้อ ๗) รูปเหมือนหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร พิมพ์เดินจงกรม ทั้ง ๒ องค์นี้องค์ไหนคือ"พระ"องค์ไหนเป็น"เณร"หรือเป็น"พระ"ทั้ง ๒ องค์ หรือดูแล้ว"เณร"ทั้ง ๒ องค์? เรียงจากทางซ้ายมือไปทางขวามือ องค์ที่ ๑(ซ้าย) หรือ ๒(ขวา)
<!-- / message --><!-- attachments -->


<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>



</FIELDSET>องค์ซ้ายเป็น"พระ"
องค์ขวาเป็น"เณร"

องค์ที่เป็นเณรนี้ ผมได้เอากระดาษบังไม่ให้แสงเข้ามาก เนื่องจากถ่าย outdoor ผมใช้กระดาษขาวบังไว้คล้าย reflect จงใจให้เกิดแสงสว่างเกิดขึ้นที่บริเวณใบหน้า ให้เกิดรังสีน้อยๆขึ้น เพื่อตบตาผู้ดู ให้เลือกองค์นี้


ส่วนองค์ที่เป็นพระ ผมบังด้วยกระดาษแล้ว เกิดเงาร่มๆขึ้น น่าจะซ่อนความนัยได้บ้าง...

ความพริ้วไหวของริ้วชายจีวร ความชัดเจนของซอกนิ้วมือ และนิ้วเท้า เป็นจุดสังเกตของพระพิมพ์เนื้อผนังถ้ำนี้...พระพิมพ์นี้อาจารย์ปู่ประถมตรวจดูแล้ว ชมว่าสวยงามจริง คมชัดมาก..

 

ข้อ ๘) รูปเหมือนหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร พิมพ์เดินธุดงค์ ทั้ง ๓ องค์นี้องค์ไหนคือ"พระ" องค์ไหนเป็น"เณร" หรือเป็น"พระ"ทั้ง ๓ องค์ หรือดูแล้ว"เณร"ทั้ง ๓ องค์? เรียงจากทางซ้ายมือไปทางขวามือ องค์ที่ ๑(ซ้าย) หรือ ๒(กลาง) หรือ ๓(ขวา)
<!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>
องค์ซ้ายเป็น"พระ"
องค์กลางเป็น"พระ"
องค์ขวาเป็น"เณร"

ผมตั้งใจนำมาให้ชม ๓ องค์ เพื่อตอกย้ำคำตอบของผู้ที่ตอบข้อ ๗ ถูกต้อง เขาจะตอบข้อ ๘ ได้ถูกต้องเช่นกัน องค์ที่เป็นเณรนี้ผมได้มาองค์ละ ๓ บาทจากกรุตี ๓

การจัดสร้างรูปเหมือนลอยองค์หลวงปู่นี้ มีหลายสีด้วยกัน ตามสีประจำวัน

ความพริ้วไหวของริ้วชายจีวร ความชัดเจนของซอกนิ้วมือ และนิ้วเท้า เป็นจุดสังเกตของพระพิมพ์เนื้อผนังถ้ำนี้...พระพิมพ์นี้อาจารย์ปู่ประถมตรวจดูแล้ว ชมว่าสวยงามจริง คมชัดมาก..

 

ข้อ ๙) รูปเหมือนหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร พิมพ์อธิษฐานฤทธิ์ ทั้ง ๒ องค์นี้องค์ไหนคือ"พระ"องค์ไหนเป็น"เณร"หรือเป็น"พระ"ทั้ง ๒ องค์ หรือดูแล้ว"เณร"ทั้ง ๒ องค์? เรียงจากทางซ้ายมือไปทางขวามือ องค์ที่ ๑ หรือ ๒<O</O
<!-- / message --><!-- attachments -->


<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>



</FIELDSET>
ผมลงภาพให้ชมเพียงด้านหน้า คราวนี้มาชมด้านหลังพร้อมกับด้านหน้า

หากเห็นของจริง จะสังเกต และรู้สึกได้ชัดเจนด้วยตนเองว่า
องค์ซ้ายคือ"เณร"
ส่วนองค์ขวาคือ"พระ"

ข้อสังเกตในเรื่องของคราบที่ผิดปกติ สำหรับผู้ที่ไม่เคยเห็น จะเข้าใจไปเองว่า คราบกรุเก่าจะต้องเป็นแบบดูเก่า แบบที่เห็นในคราบกรุทั่วไป องค์เณรนี้เอาไปคลุกดิน+น้ำ คือโคลนนั่นเอง ให้ดูเก่า และแห้งฝังลึก...

 

กว่าจะได้อ่านเฉลยจนจบ เล่นเอาลุ้นจนใจสั่นทีเดียว ขอบพระคุณคุณเพชร ที่นำความรู้มาถ่ายทอดให้ชาววังหน้าได้ศึกษาครับ
ทำข้อสอบจนหมด 9 ข้อ ผมก็ได้ข้อสรุปว่า ยากแท้ หยั่งถึง จริงๆครับ

อย่างน้อยคืนนี้ผมก็ได้กำลังใจ เป็นของขวัญที่ผมตามอ่านกระทู้นี้จนขึ้นหน้าที่ 501 พอดีครับ จริงๆจะอ่านเร็วกว่านี้ แต่ผมตามกดอนุโมทนาไปด้วยครับ
เป็นการ double check ว่าอ่านแล้ว ร่วมกับเป็นการยั้งตัวเองให้อ่านแต่ละโพสให้ละเอียดไปในตัวครับ