พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา เว็บไซด์วัดป่าโนนจ่าหอม

    http://www.watpanonjamhom.com/indexpage.php?p=page&no=3

    ความสำคัญของพระพุทธรูป

    พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์ให้เราได้มีพุทธานุสสติ คือระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงมี พระคุณอันล้ำเลิศเพื่อประโยชน์สุขต่อมนุษยชาติและสัตว์โลกทั้งปวง พระพุทธคุณดังกล่าวได้แก่

    » พระกรุณาคุณ ที่ทรงช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์

    » พระปัญญาคุณ ที่ทรงตรัสรู้ความจริงอันประเสริฐ แล้วนำมาเปิดเผยให้ชาวโลกได้ทราบอย่างถูกต้อง

    » พระบริสุทธิคุณ ที่ทรงพ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง เป็นตัวอย่างที่ถูกต้องของสัตว์โลกอย่างแท้จริง

    การได้บูชาพระพุทธรูป จะอำนวยประโยชน์แก่ตนเองและแก่ผู้อื่น โดยปราศจากโทษ มีแต่คุณประโยชน์แก่ทุกฝ่ายสถานเดียว
    หากแต่พระพุทธรูปองค์สำคญของเรา ที่เปร่งรัศมีเป็นสีทอง
    เหลืองอร่าม ท่ามกลางการกราบไหว้ ของทั้งสามโลก
    ที่ได้ร่วมแรงใจ แรงกาย แรงทรัพย์ แรงบารมี

     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กรมสุขภาพจิตแนะ"5อย่า"สร้างสุขกลางวิกฤต

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01lif01160951&sectionid=0132&day=2008-09-16


    เมื่อวันที่ 15 กันยายน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวในงาน "คลายทุกข์...สร้างสุข" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 กันยายน ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนว่า ภาวะเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางสังคมและวัฒนธรรม ส่งผลให้คนไทยประสบกับภาวะความเครียดที่นำมาสู่โรคทางจิตเวช จากตัวเลขประมาณการของกรมสุขภาพจิต พบ 1 ใน 5 คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิต คิดเป็นร้อยละ 5 หรือประมาณ 3 ล้านคน แต่คนไทยยังขาดความรู้ ความเข้าใจถึงปัญหาสุขภาพจิต และมีความเข้าใจผู้ป่วยจิตเวชน้อยมาก ทั้งที่เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสาขาอาชีพ

    นพ.มล.สมชายกล่าวว่า โดยเฉพาะในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันทำให้คนเกิดทุกข์ ดังนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายต้องช่วยกันลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ยึดกฎเกณฑ์ กติกาสังคมและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหากสร้างกติกาขึ้นใหม่ก็จะเป็นความขัดแย้งที่ไม่มีสิ้นสุด ขณะที่กลุ่มที่มีความเห็นเป็นกลางให้แสดงตัวด้วยการใส่เสื้อขาวหรือดำ เพื่อแสดงพลัง

    นพ.ม.ล.สมชายกล่าวว่า ไม่รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพจิตของกลุ่มผู้ชุมนุมเท่าใดนัก เพราะได้แสดงออกทางความคิดความเห็นทางการเมือง มีดนตรี ความบันเทิงช่วยผ่อนคลาย

    แต่ประเด็นสำคัญคือ การที่ได้รับฟังข้อมูลแล้ว จะต้องคิดพิจารณาให้ดี จะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ดูแลสุขภาพร่างกายให้มาก เพราะหากมีการกระตุ้นเร้าอารมณ์ เกิดความโกรธฉุนเฉียวก็อาจทำให้ความดันโลหิตสูงได้ ทั้งนี้

    แนะแนวทางสร้างสุขท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองด้วย 5 อย่า คือ
    1.อย่าแก้ปัญหาแบบวู่วามใช้อารมณ์เป็นใหญ่
    2.อย่าหนีปัญหา
    3.อย่าคิดแต่จะพึ่งพาผู้อื่นอยู่เรื่อยไป
    4.อย่าเอาแต่ลงโทษตัวเอง
    และ 5.อย่าโยนความผิดให้คนอื่น

    ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจโรคจิตเวชที่ถูกต้องแก่สังคม ลดอคติ สร้างกำลังใจ และให้โอกาสกับผู้ที่อยู่กับปัญหาสุขภาพจิตให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข กรมสุขภาพจิตได้กำหนดจัดงาน "คลายทุกข์...สร้างสุข" ในระหว่างวันที่ 15-16 กันยายนนี้ ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น.
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่เห็นสัญญาณบวกเศรษฐกิจ คนไทยเบรกจับจ่าย "ฟุ่มเฟือย-บันเทิง"
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02edi01150951&day=2008-09-15&sectionid=0212



    สมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย ได้รายงาน สรุปผลการวิจัยไทยวิว (ThaiView) ครั้งที่ 10 ที่เป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 16-22 สิงหาคม 2551 เป็นการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯจำนวนประมาณ 500 คน และมีรายได้ครอบครัวตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และผู้ตอบมีอายุ 18 ปีขึ้นไป

    ภาครัฐไร้มาตรการรับมือ ศก.ชะลอตัว

    จากผลการสำรวจปรากฏว่าคนกรุงเทพฯที่เคยคาดหวังว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อต้นเดือนปี พ.ศ.2551 จะทำให้การเมืองนิ่งและได้รัฐบาลที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผลักดันและสร้างบรรยากาศของเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่การสำรวจล่าสุดพบว่าคนกรุงเทพฯมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่มีสัญญาณบวก โดยมีจำนวนผู้ที่แสดงความมั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจเพียง 20% ลดลงจากเมื่อครั้ง สำรวจในปี 2550 ซึ่งมีจำนวน 27% (ดูกราฟความมั่นใจฯ)

    สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนกรุงเทพฯไม่มั่นใจมาจากสภาวะ วิกฤตทางการเมือง การต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญภาครัฐยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ให้สัมภาษณ์ถึง 79% เห็นว่าช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะซื้อสินค้าแต่ควรรอไปก่อน ช่วงเวลาในการซื้อสินค้าที่ต้องการคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังอยากเก็บเงินไว้มากกว่าจะนำมาใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า ซึ่งความรู้สึกนี้เป็นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ การสำรวจในปี 2550 แล้ว โดยผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าผู้ที่มีรายได้สูง ปานกลาง หรือต่ำ ล้วนมีความรู้สึกที่ยังไม่อยากใช้จ่ายเหมือนๆ กัน

    โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสภาพตอนนี้ มากที่สุด จะเป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า เครื่องสำอาง รวมทั้งสินค้าบันเทิงและการท่องเที่ยว

    สมาคมวิจัยฯคาดจีดีพีโต 4.5%

    นางสาววิริยา วรกิตติคุณ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทยกล่าวว่า แม้ผลสำรวจนี้จะเป็นตัวเลขในช่วงเดือนสิงหาคม แต่เชื่อว่าจากสภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ยัง ไม่ดีขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน บรรยากาศของการจับจ่ายซื้อสินค้ารวมทั้งความมั่นใจของผู้บริโภคคงเป็นตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

    "สมาคมวิจัยฯคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจรวม ของประเทศหรือจีดีพีปีนี้ว่าถึง 4.5% ก็ถือว่าเก่งแล้ว"

    นอกจากนี้ ผลการวิจัยไทยวิวครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯ 78% ระบุว่า สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งการปรับตัว ของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยึดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง คือจับจ่ายซื้อสินค้าเท่าที่จำเป็น (90% ของผู้ให้สัมภาษณ์) รองมาคือซื้อในปริมาณมากเพื่อให้ราคาถูกลง (32%) มีบ้างที่ผู้มีรายได้มากและปานกลางจะลดการใช้จ่าย การทานอาหารนอกบ้าน และด้าน ความบันเทิง นอกจากนี้ยังอยู่บ้านมากขึ้น ส่วนผู้มีรายได้น้อยก็จะทำงานพิเศษมากขึ้น รวมถึงการหันมาเสี่ยงโชค เช่น ซื้อลอตเตอรี่ และหวยบนดิน เป็นต้น (ดูตารางผลกระทบฯ)
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อย่างไรก็ตาม คนไทยยังมีบุคลิกสบายๆ แบบไทยๆ โดยมีเพียง 33% เท่านั้นที่รู้สึกค่อนข้างเครียดถึงเครียดมาก จากสภาวะ เศรษฐกิจในปัจจุบันแม้คนกรุงเทพฯจะกังวลและได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ แต่จำนวนผู้ที่แสดงความเครียดก็ยังน้อยกว่าครึ่ง

    พบว่าผู้ที่มีฐานะรายได้ปานกลางและต่ำ มีจำนวนที่กล่าวว่ามีความเครียดค่อนข้างมาก และมากกว่าผู้ที่มีฐานะรายได้ดี ซึ่งวิธีการผ่อนคลายความเครียดของคนกรุงก็โดยการพักอยู่บ้าน ดูทีวี ฟังเพลง อ่านหนังสือ สวดมนต์ และทำใจ

    แบงก์ชาติเผยคนไทยตัวเลขหนี้เพิ่ม

    ขณะที่รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาสินเชื่อส่วนบุคคลมียอดคงค้างทั้งสิ้น 2.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.75 หมื่นล้านบาท หรือ 8.81% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มี 1.99 แสนล้านบาท เป็นยอดคงค้างของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.87 หมื่นล้านบาท หรือ 22.81% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่อยู่ 8.19 หมื่นล้านบาท ส่วนสาขาธนาคารต่างประเทศมียอดคงค้าง 2.18 หมื่นล้านบาท ลดลง 1.49 พันล้านบาท หรือ 6.41% ขณะที่น็อนแบงก์ (ไม่ใช่สถาบันการเงิน) มียอดคงค้าง 9.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.33%

    สำหรับปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีทั้งสิ้น 7.80 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.78 พันล้านบาท หรือ 14.32% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 6.83 หมื่นล้านบาท แยกเป็นธนาคารไทย 4.22 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.58 พันล้านบาท หรือ 18.44% และสาขาธนาคารต่างประเทศ 1.05 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 538.46 ล้านบาท หรือ 5.42% และน็อนแบงก์ 2.53 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.66 พันล้านบาท หรือ 11.74%

    ยอดเบิกเงินสดล่วงหน้าพุ่ง

    จากข้อมูลยอดใช้จ่ายบัตรเครดิต พบว่าเป็นการเบิกเงินสดล่วงหน้า 1.73 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.06 พันล้านบาท หรือ 13.57% โดยเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยถึง 1.21 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.22 พันล้านบาท หรือ 22.32% รวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมี ยอดค้าง 1.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.71%
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อย้อนกลับมาดูผลการวิจัยไทยวิวฉบับล่าสุดอีกครั้งเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในครึ่งปีแรก คนกรุงเทพฯมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหมวดอาหาร/เครื่องดื่ม การเดินทาง/พาหนะ รองลงมาคือหมวดการดูแลสุขภาพและการศึกษา แต่ประหยัดมากขึ้นในหมวดเสื้อผ้า/เครื่องประดับ และการบันเทิง

    นอกจากนี้ ก็มีการใช้จ่ายมากขึ้นในหมวดของหนี้สินและการเก็บออม

    ส่วนครึ่งปีหลังมีรายการสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่คนกรุงเทพฯจำนวน 40% วางแผนจะซื้อ โดยโทรศัพท์มือถือและทองคำเป็น 2 รายการหลักที่มีคนกล่าวว่าจะซื้อมากที่สุด รองลงมาเป็นคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้คนที่มีรายได้มากมีสัดส่วนที่จะซื้อทองคำและคอมพิวเตอร์แบบโน้ตบุ๊กมากกว่า ในขณะที่คนที่มีรายได้ระดับกลางและรายได้น้อยมีสัดส่วนที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือมากกว่า

    ภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคในแต่ละเดือน โดยเฉลี่ยคนกรุงเทพฯใช้จ่ายเงิน 1 ใน 3 ของรายได้ไปกับหมวดอาหารเครื่องดื่ม รองลงมาเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพักอาศัย การเดินทาง/พาหนะ และการสื่อสาร/โทรศัพท์ คิดรวมเป็น 27.4% นอกจากนี้คนกรุงเทพฯยังต้องมีภาระการชำระหนี้คิดเป็น 8.6% ของรายได้ (คนที่มีรายได้ต่ำจะมีภาระหนี้สูงถึง 12%) ในขณะที่ 7.8% ของรายได้จะถูกนำไปเก็บออม (คนที่มีรายได้สูงมีสัดส่วน การเก็บออมถึง 10.5%)

    สำหรับจำนวนผู้ที่ใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี จำนวนผู้ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหมวดอาหาร/เครื่องดื่มมากคือ อายุ 25-39 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย, ในหมวดการเดินทาง ค่าน้ำมัน พาหนะ พบมากในผู้มีอายุ 30-49 ปี และพบทั้งผู้มีรายได้สูงและต่ำ, ในหมวดการดูแลสุขภาพ พบมากในผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี และพบทั้งผู้มีรายได้สูงและต่ำ, ในหมวดการออม พบมากในผู้มีอายุ 18-24 ปี และ 50 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่เป็น ผู้มีรายได้สูง

    ขณะที่จำนวนผู้ที่มีค่าใช้จ่ายลดลงในหมวดเสื้อผ้าเครื่องประดับ พบมากในผู้มีอายุ 18-24 ปี และ 30-49 ปี พบในทุกระดับรายได้, ในหมวดการบันเทิง พบมากในผู้มีอายุ 18-49 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้สูงและปานกลาง, ในหมวดการสื่อสาร โทรศัพท์ พบมากในผู้มีอายุ 18-24 ปี และส่วนใหญ่มีรายได้ปานกลางและต่ำ

    คนเมืองกรุงกังวลเงินเฟ้อ-สินค้าแพง

    สิ่งที่สร้างความกังวลใจให้แก่คนกรุงเทพฯ ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อ สินค้าราคาแพงขึ้น (64%) การมีเงินไม่เพียงพอในการเลี้ยงชีพ (41%) และเศรษฐกิจตกต่ำ/ว่างงาน (36%) สิ่งที่สร้างความกังวลใจให้คนกรุงเทพฯ ความไม่มั่นคงทางการเมือง, ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, ปัญหาความแตกแยกในสังคม สิ่งที่คนกรุงเทพฯเป็นกังวลมากขึ้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแทบทั้งสิ้น รองลงมาเป็นเรื่องการเมืองและสังคม

    หากย้อนกลับไปดูผลการวิจัยไทยวิว ครั้งที่ 9 ของสมาคมวิจัยฯที่เป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างเพิ่มขึ้นโดยขยายกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,323 คนจากการสุ่มเลขหมายโทรศัพท์มือถือระบบทรู ดีแทค และเอไอเอส โดยได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นระหว่างวันที่ 16-27 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อวัดชีพจรผู้บริโภคในเรื่องของความเชื่อมั่นภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่ ตลอดจนทิศทางการใช้จ่ายของผู้บริโภค

    จากการสำรวจในครั้งนั้น พบว่ากลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ 32.5% เชื่อว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ส่วน 45.7% คิดว่าเหมือนเดิม และ 22.1% คิดว่าจะแย่ลง ซึ่งจำนวนผู้มั่นใจ เพิ่มมากกว่าเมื่อครั้งสำรวจ ThaiView 8 ก่อนการเลือกตั้ง (32.5% เทียบกับ 27%)

    กลุ่มที่เชื่อว่าบรรยากาศในการค้าจะคึกคักมากขึ้นมีสัดส่วน 37.4% ในขณะที่ 11% คิดว่าแย่ลง ด้านความสามารถสร้าง ความเชื่อมั่นของต่างชาติต่อประเทศไทยมากขึ้นที่ 36.5% และ 13% คิดว่าแย่ลง ในขณะที่จำนวนผู้กล่าวถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้า การดูแลราคาพลังงาน และค่าเงินบาทจะมีทิศทางที่แย่ลงมากกว่าผู้ที่คิดว่าจะดีขึ้น

    นอกจากนี้ ผู้ให้สัมภาษณ์ 60.4% มีความมั่นใจในความมั่นคงของรายได้ของตนเอง ในขณะที่ 39.6% ไม่มั่นใจนักโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ขณะที่ 68.3% มีความเห็นว่าปัจจุบันยังไม่ใช่เวลาที่ควรจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่ไม่ใช่ของใช้ในชีวิตประจำวัน 6.5% เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะซื้อ และ 25.2% คิดว่ายังก้ำกึ่งอยู่

    อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงกลุ่มอายุที่พร้อมซื้อสินค้า ปรากฏว่ากลุ่มอายุ 18-24 ปี มีแนวโน้มมากกว่ากลุ่มอายุอื่น โดยสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปดิจิทัล เป็นประเภทที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด รองลงมาคือ สินค้ากลุ่มทองคำ บ้านที่ดิน และยานพาหนะ นอกจากนี้ผู้บริโภคที่มีสถานะการเงินดีให้ความสนใจสินค้าเพื่อการลงทุนด้วย อาทิ ทองคำ กองทุนในตราสาร เป็นต้น

    แม้เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน แต่ปัจจัยลบต่างๆ ยังคงอยู่และยังมีท่าทีว่าจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลืมถาม!!!!..ท่านปาทานไม่ห้อยเอลับ ลวง พราง พิมพ์ ฟ้าผ่าหรือครับ(ห้ามถามว่าทำไมผมก็ไม่ห้อยนะครับ เพราะผมถามก่อน หุ หุ).....
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำเสนออย่างไรให้น่าสนใจ ?
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02hmc02150951&day=2008-09-15&sectionid=0220

    วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4036


    คอลัมน์ ถามมา-ตอบไป สไตล์คอนซัลต์

    โดย อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา apiwut@riverorchid.com

    ถ้าพูดถึงการนำเสนอสินค้าหรือการนำเสนองานแล้ว หลายคนคงรู้สึกกลัว และถ้าเป็นไปได้คุณคงอยากจะร้องเพลงช่างฉันเถิด ปล่อยฉันไป ให้หัวหน้าคุณได้ฟัง แต่บางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังเช่นคุณมือใหม่ที่ส่งอีเมล์มาถามผมว่า เขามีเวลา 10 นาที ในการนำเสนองานชิ้นใหม่ให้ผู้บริหารระดับสูงฟัง เขาควรจะนำเสนออย่างไรเพื่อให้ได้ใจผู้บริหาร และยอมเซ็นอนุมัติงานชิ้นนี้

    ถ้าพูดถึงการนำเสนอแล้ว ผมว่าหนึ่งในบุคคลที่สามารถนำเสนอสินค้าได้ดีที่สุด คือ สตีฟ จ็อบส์ CEO ของบริษัท Apple ที่เป็นผู้คิดค้นคอมพิวเตอร์ Mac เครื่องเล่น iPod หรือแม้แต่ iPhone ผมมีโอกาสได้ดูวิธีการนำเสนอของสตีฟ จ็อบส์ ในงาน Macworld 2008 ซึ่งเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก และจากแนวทางการนำเสนอของเขา ผมพอจะสรุปวิธีการนำเสนอที่เร้าใจของเขาได้สัก 10 วิธี เผื่อคุณ "มือใหม่" จะสามารถนำไปใช้ได้

    1.สร้างบรรยากาศ-ในการนำเสนอแต่ละครั้ง จำเป็นต้องมีแก่นหรือสาระสำคัญของสิ่งที่ต้องการนำเสนอ แต่ไม่จำเป็นจะต้องบอกออกไปโต้งๆ ตั้งแต่ต้น "There is something in the air today. (ปัจจุบันนี้ มันมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในอากาศ)" สตีฟ จ็อบส์ พูดในการเปิดงาน Macworld ซึ่งสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเป็นการเริ่มสร้างบรรยากาศให้กับงาน และเป็นการบอกใบ้ถึงสินค้าใหม่ที่กำลังจะนำเสนอ ซึ่งก็คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก MacBook Air

    2.แสดงความกระตือรือร้นให้เห็น-สตีฟ จ็อปส์ เป็นคนที่หลงใหลกับการออกแบบและสร้างคอมพิวเตอร์มาก ซึ่งความหลงใหลของเขาได้ถ่ายทอดลงมาสู่การนำเสนองานของเขา คนส่วนมากเมื่อต้องนำเสนอบางสิ่งบางอย่าง เขาจะพยายามพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกไป หรือบางทีก็จะท่องหรือพูดตามบทที่เขียนไว้ เหมือนกับนกแก้ว นกขุนทอง อย่าลืมว่า ที่คุณนำเสนอเพราะคุณต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจและรับทราบในสิ่งที่คุณพูด ไม่ใช่เพื่อให้เขาเข้ามานั่งหลับ ดังนั้นในครั้งต่อไปที่คุณต้องนำเสนอ ลองนำสิ่งที่คุณต้องการนำเสนอมาผสมรวมกับบุคลิกลักษณะของคุณเอง และนำเสนออย่างที่เป็นตัวคุณเองแต่ใส่ความกระตือ รือร้นเข้าไป

    3.แจ้งกรอบการพูดให้ผู้ฟังทราบโดยสังเขป-ในตอนต้นของการนำเสนอ สตีฟ จ็อบส์ แจ้งให้ทุกคนทราบเลยว่ามี 4 เรื่องด้วยกันที่ผมจะพูดในวันนี้ เราจะมาเริ่มกันที่...การพูดโดยมีการเปิดและการปิดในแต่ละเรื่อง จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจถึงการ เชื่อมต่อของเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างที่สตีฟ จ็อบส์ พูด นั้นเป็นสิ่งที่ผมต้องการจะพูดเป็นเรื่องที่สองของวันนี้ เรื่องที่สามจะเป็นเรื่องของ...

    4.ทำให้ตัวเลขมีความหมาย-ตอนที่สตีฟ จ็อบส์ พูดถึงยอดจำหน่าย iPhone ว่ามีถึง 4 ล้านเครื่อง เขาก็ได้พูดต่อว่า นั้นหมายถึง 20,000 เครื่องต่อวัน หรือ 35 เครื่องต่อนาที ตัวเลขจะไม่มีความหมายใดๆ เลยต่อผู้ฟัง ถ้ามันไม่ได้รับการเชื่อมต่อให้เห็นภาพถึงความหมายของมัน

    5.ทำในสิ่งที่ผู้ฟังจะต้องจดจำ-นี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้ฟังต้องจดจำและพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป ในการนำเสนอสินค้าของสตีฟ จ็อบส์ ทุกครั้ง จะต้องมีช่วงเวลาที่ทุกคนต้องจดจำ อย่างในงาน Macworld ครั้งนี้ เขาก็สร้างช่วงเวลาของการจดจำสินค้าของเขาโดยการเปิดตัว MacBook Air เขาพูดถึงความบางของ MacBook Air ว่า สามารถใส่ลงไปในซองเอกสารได้ แล้วเขาก็หยิบซองเอกสารออกมา พร้อมทั้งหยิบ MacBook Air ออกมาจากซองเอกสาร ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ฟังแทบทุกคนอึ้งและทึ่งไปกับสิ่งที่ได้เห็น ดังนั้นในการนำเสนองานหรือสินค้าครั้งต่อไปของคุณ ลองมองหาดูว่า ช่วงไหนของการนำเสนอที่คุณจะสามารถสร้างการจดจำให้กับผู้ฟังได้บ้าง

    6.สร้าง powerpoint สำหรับการนำเสนอที่กระชับ-คนนำเสนองานโดยส่วนมากจะชอบสร้าง powerpoint ที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย แต่ในทางกลับกัน คนที่ สามารถนำเสนองานได้ดีนั้นจะสร้าง powerpoint ที่มีข้อมูลสำคัญจริงๆ แบบสั้นๆ เพื่อที่จะบอกถึงหนึ่งประเด็นที่ต้องการจะสื่อเท่านั้น ซึ่งผู้ฟังจะสามารถเก็บประเด็นจากที่เห็นและจากที่ฟังได้อย่างง่ายใน powerpoint (จริงๆ ต้องเรียกว่า keynote เพราะเป็นโปรแกรม

    powerpoint ใน Mac น่าจะถูกต้องกว่า) ของสตีฟ จ็อบส์ มีเพียงข้อความสั้นๆ ในแต่ละหน้าหรือแค่ตัวเลขเพียงเพื่อบอกว่ากำลังพูดถึงหัวข้อที่ 1 หรือหัวข้อที่ 2 และเมื่อเขาพูดถึงสินค้า keynote ของเขาก็จะแสดงให้เห็นแค่รูปของตัวสินค้านั้นๆ เท่านั้น

    7.ทำให้เป็นการแสดงมากกว่าการฟังปาฐกถา-ในการนำเสนอของสตีฟ จ็อบส์ นั้น จะมีการใช้วิธีการนำเสนอหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ดูวิดีโอแบบสั้นๆ การสาธิตต่างๆ และการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมในการนำเสนอ ซึ่งทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนมาดูการแสดงมากกว่าการมานั่งฟังเฉยๆ

    8.อย่าตระหนกกับปัญหาที่เกิด-ไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน แน่นอนว่าในการนำเสนอ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าแสดงออกมาว่าความผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ในการนำเสนอของสตีฟ จ็อบส์ ที่จะต้องนำรูปจากเว็บไซต์มานำเสนอบน keynote ปรากฏว่าสิ่งที่แสดงออกมาที่หน้าจอคือความว่างเปล่า สิ่งที่เขาทำคือ ยิ้มแล้วพูดว่าสงสัยเว็บไซต์จะไม่ทำงานวันนี้ แล้วเขาก็พูดเรื่องต่อไปโดยไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าคุณเจอปัญหาระหว่างการนำเสนอ อย่าคิดมาก ทำให้มันดูตลก แล้วผ่านมันไป

    9.ขายประโยชน์ของสินค้า-คนส่วนมากชอบขายคุณลักษณะของสินค้ามากกว่าประโยชน์ของมัน แต่สตีฟ จ็อบส์ ทำในทางกลับกัน เขาขายประโยชน์ของสินค้า ตอนที่เขานำเสนอ iTunes movie rentals เขาพูดไปเลยว่า เราไม่นำเสนอการเช่ายืมเพลงเพราะคนส่วนมากต้องการเป็นเจ้าของเพลงมากกว่า คุณสามารถฟังเพลงที่คุณชอบได้เป็นพันครั้งในชีวิตของคุณ แต่คนส่วนมากจะดูหนังแค่ครั้งเดียวหรืออย่างมากก็ 3-4 ครั้ง ดังนั้นการให้เช่ายืมหนังจึงเป็นแนวทางที่ดี แนวทางที่ไม่แพง และมันก็ไม่ได้ใช้หน่วยความจำอะไรมากมาย ผู้ฟังส่วนมากชอบถามตนเองว่าฉันจะได้อะไรจาก สิ่งเหล่านี้ ดังนั้นตอบคำถามให้ตรงประเด็น อย่าให้ผู้ฟังต้องเดาเอาเอง

    10.ซ้อม ซ้อม และซ้อม-สตีฟ จ็อบส์ คงไม่สามารถนำเสนอได้ดีเช่นนี้ถ้าเขาไม่ได้ผ่านการซ้อมมาก่อน การนำเสนอที่จะทำให้การพูดลื่นไหลไปได้อย่างเหมาะเจาะกับ keynote และวิดีโอสั้นๆ รวมทั้งการสาธิตต่างๆ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุมานะและการฝึกซ้อมอย่างมากมาย ดังนั้นการนำเสนอที่ไม่มีการซ้อม คงเป็นได้แค่การพยายามพูดให้อยู่ในเรื่องที่ต้องการจะพูดเท่านั้น

    ผมหวังว่า 10 วิธีการนำเสนอนี้จะสามารถช่วยให้คุณ "มือใหม่" สามารถนำเสนองานได้อย่างราบรื่นและน่าสนใจ แต่เรื่องที่ว่าผู้บริหารจะอนุมัติหรือไม่อนุมัตินั้น ผมคงต้องบอกว่า...เอ่อ...ตัวใคร

    ตัวมันครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภัยอี-เมลลวงจากฟิชชิ่ง

    คอลัมน์ Forward Mail
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01epe03160951&sectionid=0147&day=2008-09-16


    อาร์วี่ คอร์เตส นักวิจัยภัยคุกคามข้อมูล จากบริษัท เทรนด์ ไมโคร มีคำเตือนให้ระวังภัยจาก Oi Fotos เว็บไซต์ศูนย์รวมรูปภาพในประเทศบราซิลที่เพิ่งตกเป็นเหยื่อของพวกฟิชชิ่ง-สปายแวร์ พวกอาชญากรคอมพิวเตอร์หรือผู้ไม่ประสงค์ดีจะใช้ประโยชน์จากบริการ Mobile Service ของเว็บไซต์ Oi Fotos โดยการส่งฟิชชิ่ง อี-เมล ระบุเฉพาะแค่การแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังผู้ใช้บริการหรือลูกค้าว่า จะได้รับภาพจากฝ่ายขายของเว็บไซต์ และแจ้งให้ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าสามารถเปิดดูภาพได้ทันที โดยมีการเปลี่ยนแปลงข้อความให้เป็นไปตามนี้ "คุณได้รับภาพจากหมายเลข (0xx) ****-2981. ให้ดูภาพกรุณาคลิกไปที่ไฟล์ภาพด้านล่างนี้..... เมื่อคลิกเข้าไปผู้รับอี-เมลก็จะถูกพาไปยังเว็บไซต์อันตรายทันที และพยายามที่จะติดตั้งสปายแวร์โปรแกรมที่ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน (เช่น ข้อมูลการเข้ารหัสเพื่อทำธุรกรรมการเงินออนไลน์) จากเครื่องที่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายใช้งานอยู่ เทรนด์ไมโคร ตรวจพบไฟล์ MAL_BANKER, พบว่าเป็นลักษณะเฉพาะที่เหมือนกับตระกูลสปายแวร์ TSPY_BANCOS และ TSPY_BANKER เป็นสปายแวร์ที่จ้องขโมยข้อมูลส่วนตัวทางด้านการเงินจากผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งยูอาร์แอลเหล่านี้ถูกบล็อคโดยเครือข่ายป้องกันภัยอัจฉริยะ (สมาร์ท โพรเทคชั่น เน็ตเวิร์ก) ขอให้ระวัง

    ผู้อ่านร่วมส่งเรื่องราวเผยแพร่ได้ที่ epeople@matichon.co.th
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทดลองกับตัวเอง ครั้งละองค์
    มีหลายองค์ ต้องเปลี่ยนหมุนเวียนใส่ครับ

    พิสูจน์ด้วยตนเองครับ

    พรุ่งนี้คุยกันใหม่ครับ สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้พระวังหน้า ขอให้ได้ความรู้กลับออกไป เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันครับ

    ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านครับ
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    http://finance.yahoo.com/q?s=leh <!--MsgFile=0-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>เป็นอุทาหรณ์ของคนเล่นหุ้นได้รู้ซึ้ง จนในพริบตาเป็นอย่างนี้เอง 5 วันก่อนยัง 10 กว่าเหรียญ ตอนนี้เหลือ 27เซนต์ <!--MsgFile=3-->
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    "เฟด" ออกแถลงการณ์พยุงตลาดเงิน รับมือวิกฤต "เลห์แมนฯ" ป่วนศก.โลก

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2551 20:25 น.


    เฟดออกแถลงการณ์รับมือวิกฤติ เลห์แมนฯ ไฟเขียวมาตรการเสริมสภาพคล่องในระบบ พร้อมขยายขอบเขตหลักทรัพย์ค้ำประกันปล่อยกู้ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล

    วันนี้ ( 15 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ด่วน โดยระบุว่า คณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (บอร์ดเฟด) ประกาศในวันอาทิตย์ถึงมาตรการริเริ่มบางประการเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มวงเงินสภาพคล่องที่มีอยู่แล้ว หลังสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง กำลังตกอยู่ในภาวะน่าที่น่าเป็นห่วง และบางแห่งมีแนวโน้มที่จะล้มละลาย

    นายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด กล่าวยอมรับว่า เฟดได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐ โดยมีการหารือกันอย่างต่อเนื่องกับผู้เกี่ยวข้องในตลาด ซึ่งรวมถึงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อระบุถึงจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้นในตลาดหลังจากเกิดปัญหาในสถาบันการเงินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และเพื่อพิจารณาถึงการตอบรับอย่างเหมาะสมทั้งในภาครัฐบาลและภาคเอกชน

    ทั้งนี้ มาตรการที่เราประกาศออกมาในวันนี้ รวมทั้งมาตรการสำคัญที่ภาคเอกชนประกาศออกมา มีจุดประสงค์ที่จะลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและลดอุปสรรคในตลาด

    นายเบอร์นันกี กล่าวเสริมว่า เฟดได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับผู้ควบคุมกฎระเบียบรายอื่นๆของสหรัฐและของต่างประเทศ รวมทั้งติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านการกำกับดูแลและธนาคารกลางหลายแห่งเพื่อสอดส่องและแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดการเงินและบริษัททั่วโลก"

    นอกจากนี้ เฟด ยังได้ขยายขอบเขตของหลักทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ในการประกันการกู้ยืมในโครงการปล่อยกู้แก่บริษัทดีลเลอร์ชั้นนำ (PDCF) เพื่อให้ใกล้เคียงกับประเภทของหลักทรัพย์ที่สามารถใช้ในการประกันการกู้ยืมในระบบรีโปสามฝ่ายของธนาคารชำระบัญชีขนาดใหญ่สองแห่ง

    โดยก่อนหน้านี้ หลักทรัพย์ประกันการกู้ยืมในโครงการ PDCF ถูกจำกัดไว้เพียงแค่หลักทรัพย์ตราสารหนี้ที่มีอันดับน่าลงทุนเท่านั้น เฟดได้ขยายขอบเขตของหลักทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ในการประกันการกู้ยืมในโครงการปล่อยกู้ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล (TSLF) ด้วยเช่นกันโดยขณะนี้หลักทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ประกันการกู้ยืมในการประมูลโครงการ 2 รวมถึงหลักทรัพย์ตราสารหนี้ที่มีอันดับน่าลงทุนทุกประเภท

    เฟดยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ เฟด ได้อนุญาตให้ใช้ได้เพียงพันธบัตรรัฐบาล , หลักทรัพย์ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสินทรัพย์หรือสัญญาจำนองที่มีอันดับความน่าเชื่อถือขั้น AAA เท่านั้น

    ความเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงการขยายขอบเขตครั้งใหญ่ในหลักทรัพย์ประกันการกู้ยืมที่เฟดยอมรับได้ในทั้งสองโครงการ และจะส่งเสริมประสิทธิภาพของโครงการทั้งสองในการอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่บริษัทดีลเลอร์ชั้นนำและตลาดการเงิน

    นายเบอร์นันกี ระบุเพิ่มเติมว่า เฟดยังกำหนดให้มีการเปิดประมูล TSLF ในโครงการ 2 ทุกสัปดาห์ แทนที่จะเป็นทุกสองสัปดาห์เหมือนแต่ก่อน นอกจากนี้ ปริมาณพันธบัตรที่จะนำออกประมูลในโครงการ 2 ก็ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นสู่ 1.50 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนปริมาณพันธบัตรที่ออกประมูลในโครงการ 1 ยังคงอยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ตามเดิม ด้วยเหตุนี้ ปริมาณพันธบัตรทั้งหมดที่ออกประมูลในโครงการ TSLF จึงเพิ่มขึ้นสู่ 2 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 1.75 แสนล้านดอลลาร์

    นอกเหนือจากนี้ บอร์ดของเฟดได้ใช้กฎเฉพาะกาลขั้นสุดท้ายที่กำหนดข้อยกเว้นเป็นการชั่วคราวให้แก่ข้อจำกัดในมาตรา 23 A ในกฎหมายธนาคารกลางสหรัฐ โดยกฎเฉพาะกาลนี้อนุญาตให้สถาบันเงินฝากที่ได้รับการค้ำประกันทุกแห่งสามารถอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่กิจการในเครือ โดยใช้สินทรัพย์ที่ปกติแล้วมักจะได้มาในตลาดรีโป 3 ฝ่าย โดยข้อยกเว้นนี้จะหมดอายุลงในวันที่30 ม.ค.2009 นอกจากว่าทางคณะกรรมการจะตัดสินใจขยายเวลาออกไปและข้อยกเว้นนี้ตั้งอยู่บนเงื่อนไขหลายประการในการส่งเสริมความปลอดภัย และความแข็งแกร่งของระบบการเงิน

    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109547
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สมัยวิฤกติปี 2540 หุ้นธ.ศรีนครลดทุนจาก 10 บาทเหลือ 1 สตางค์ สมัยก่อนใครนอนกอดใบหุ้นอยู่ 1 ล้านบาท ตื่นมาเหลือแค่ 1 พันบาท........................... <!--MsgFile=13-->
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    5 เสือวาณิชธนกิจของUSA มีที่ใดบ้าง ?และขอแนะนำ website นี้ครับ
    http://www.vault.com/nr/finance_rankings/finance_rankings.jsp?finance2009=2

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=text12 vAlign=top>[​IMG]
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=430 bgColor=#999999 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text12 cellPadding=5 bgColor=#d4d2d4><TBODY><TR><TD>These rankings were finalized in May 2008. On September 15th, 2008, longtime top 10 banks Lehman Brothers and Merrill Lynch (ranking No. 4 and No. 6 in this year's rankings, respectively) ceased to exist in their current forms - Lehman filed for bankruptcy and Merrill Lynch agreed to be acquired by Bank of America (currently No. 17.)

    What does this mean? Going forward, expect to see a further upwards surge in the rankings from Lazard and Deutsche - and to see Bank of America take on Citi-like prestige.

    Read the latest financial news on Vault.com's finance blog, In the Black.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    The 2009 Vault banking employer prestige rankings are here. This year, we surveyed 1,167 banking professionals in order to rank the top 50 firms in commercial and investment banking. Click here for Rankings Methodology.
    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=text12 vAlign=top>Banking Employers: 1 - 25 | Next 25 >


    </TD><TD vAlign=top align=right><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#788c9d>[​IMG]


    </TD><TD>[​IMG]


    </TD><TD class=text10i>Featured Employers


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
    <TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=2 cellPadding=3 width=430 border=0><TBODY><TR><TD class=white12b align=middle bgColor=#000000>2009
    RANK

    </TD><TD class=white12b align=middle bgColor=#000000>FIRM</TD><TD class=white12b align=middle bgColor=#000000>SCORE</TD><TD class=white12b align=middle bgColor=#000000>2008
    RANK

    </TD><TD class=white12b align=middle bgColor=#000000>HEADQUARTERS</TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#788c9d>1 </TD><TD class=text11 bgColor=#788c9d>Goldman Sachs & Company </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>9.131 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>1 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>2 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>The Blackstone Group </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>8. 261 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>2 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>3 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Morgan Stanley </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>8.039 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>3 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#788c9d>4 </TD><TD class=text11 bgColor=#788c9d>Lehman Brothers </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>7.776 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>4 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>5 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>J.P. Morgan Investment Bank</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>7.652 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#788c9d>6 </TD><TD class=text11 bgColor=#788c9d>Merrill Lynch </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>7.174 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>6 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>7 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Lazard </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>7.138 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>8 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#788c9d>8 </TD><TD class=text11 bgColor=#788c9d>Credit Suisse's Investment Banking Business</TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>7.000 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>9 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>9 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Deutsche Bank </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>6.824 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>12 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>10 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>UBS Investment Bank </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>6.714 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>10 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>11 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Citi Institutional Clients Group</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>6.520 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>7 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>12 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Chase Commercial Bank </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>6.340 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>11 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>13 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Greenhill & Co. </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>6.109</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>16 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>14 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Barclays Capital </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.866 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>17 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>15 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Rothschild </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.690 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>19 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>16 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Bear Stearns </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.678 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>13 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>17 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Bank of America</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.661 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>15 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>Charlotte, NC</TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>18 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Wachovia Corporation </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.546 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>18 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>Charlotte, NC </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>19 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Citi Consumer Banking</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.503 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>14 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>20 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>HSBC North America Holdings</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.502</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>20 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>London, UK </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#788c9d>21 </TD><TD class=text11 bgColor=#788c9d>Houlihan Lokey </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>5.445 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>21 </TD><TD class=white11 align=middle bgColor=#788c9d>Los Angeles, CA </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>22 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Royal Bank of Scotland </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.402 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>25 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>Edinburgh, Scotland </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>23 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Perella Weinberg Partners </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.371 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>23 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>24 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Jefferies & Company </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.322 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>22 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY</TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#000000>25 </TD><TD class=text11 bgColor=#f3f3f3>Evercore Partners</TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>5.258 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>26 </TD><TD class=text11 align=middle bgColor=#f3f3f3>New York, NY</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เฟดคงอัตราดอกเบี้ย 2.0% ตลาดหุ้นดีดตัวขานรับข่าวรัฐพยุงเอไอจี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 05:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันอังคาร (16) ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับบรรดานักลงทุนที่คาดว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25 เปอร์เซ็นต์ หลังเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในตลาดการเงิน สืบเนื่องจากการล่มสลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้

    ขณะที่เอฟโอเอ็มซีได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ขณะที่ตลาดการเงินมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น แต่ตลาดแรงงานกลับอ่อนแอลงนับตั้งแต่การประชุมครั้งล่าสุดของเฟดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ความเสี่ยงด้านตัวเลขการเจริญเติบโตที่ลดลง และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เป็นประเด็นที่เฟดจะต้องให้ความสำคัญต่อไป

    “คณะกรรมการฯ จะจับตาพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างระมัดระวัง และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเสถียรภาพด้านราคาต่อไป” แถลงการณ์ของเฟดระบุในตอนท้าย

    ขณะที่ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (16) เพิ่มขึ้น 141.51 จุด หรือ 1.30 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 11,059.02 จุด ส่วนดัชนีแนสแดกพุ่งขึ้น 27.99 จุด หรือ 1.28 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 2,207.90 จุด ขณะที่ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์สบวก 20.90 จุด หรือ 1.75 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 1,213.60 จุด

    ทั้งนี้การดีดตัวกลับมาปิดตลาดในแดนบวกอีกครั้งของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เป็นผลสืบเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่าเฟดได้ขอให้โกลด์แมน แซคส์ และเจพี มอร์แกน เชส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ปล่อยเงินกู้จำนวน 70,000-75,000 ล้านดอลลาร์ให้กับเอไอจี รวมถึงกรณีที่ทางการรัฐนิวยอร์กยอมให้เอไอจีกู้ยืมเงินจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์ด้วยการนำทรัพย์สินของบริษัทมาค้ำประกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ท่านเพชรพูดถึงเรื่องอารายครับ....แบบว่าเกิดไม่ทันอ่ะครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    555555..
    คุณน้องนู๋ มาดูแบบนี้ที่เวทีพันธมิตรกันซักนิด....ไม่ยักกะรู้ว่ามีสีสันแบบนี้ที่เวทีด้วย...
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=270 bgColor=#e7f1fa><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=250 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top>พี่น้องผองเพื่อนพันธมิตรฯ ยังฟิต ฮึ่มขับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฉะผู้สมัครผู้ว่าฯ เมินพัฒนาชีวิตคนกรุง แฉ 10 ชื่อถนนอันตราย
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000109932
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กันยายน 2551 15:49 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ปีนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นักวิชาการติงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ยังไม่มีนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองชัดเจน ชี้ ทุ่มงบสร้างรถไฟฟ้าไม่ใช่คำตอบเดียว ต้องลดการใช้รถส่วนตัว เน้นเดิน-ขี่จักรยาน พร้อมจัดวันคาร์ฟรีเดย์ 21 ก.ย.นี้ พร้อมเผย 10 ถนนกรุงเทพฯ มลพิษพุ่ง ราชปรารภ-สุขุมวิท-อาจณรงค์ ด้านตากสิน-อนุสาวรีย์ รถติดหนักจนเสียงดังทะลุมาตรฐาน

    วันนี้ (16 ก.ย.) ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีเสวนา “คุณภาพชีวิตคนเมือง...กับผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่” ในโอกาสวัน Car free day 2008” ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และประธานกองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใดพูดถึงนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และลดภาวะโลกร้อน ที่สำคัญ ยังไม่มีใครกล้าพูดว่า ประชาชนต้องทำอะไรบ้าง เพราะการแก้ปัญหาไม่อาจทำเพียงลำพัง ซี่งนอกจากคนกรุงเทพฯ ควรที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาแล้ว ก็ควรจะติดตามการทำงานของนักการเมืองด้วย ว่าได้พลักดันหรือปฏืบัติหน้าที่ตามที่ได้หาเสียง หรือประกาศนโยบายไว้มากน้อยแค่ไหน เพราะเราคงไม่มีหน้าที่เพียงใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างเดียว

    “เมื่อพิจารณานโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งต้องประสานกำกับนโยบายกับท้องถิ่น และส่วนกลาง คือ รัฐบาล พบว่า แต่ละคนมีจุดเด่นและนโยบายที่สามารถปฏิบัติได้ แต่การเน้นนโยบายด้านจราจรด้วยการสร้างรถไฟฟ้าเพิ่ม ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้งบประมาณสูง อีกทั้งอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง หากมองว่าปัญหาการจราจร คือ ปริมาณรถและความคล่องตัว ยังมีวิธีแก้อีกหลายวิธี ที่สำคัญคือ ลดปริมาณการใช้รถ ทำให้ประชาชนหันมาใช้รถสาธารณะจริงๆ ใช้จักรยาน และการเดินให้มากขึ้น” ดร.เจษฏ์ กล่าว

    ดร.เจษฏ์ กล่าว ต่อว่า สิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม.ควรเร่งทำเป็นลำดับต้นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต คือ 1.สร้างงาน อาชีพ ให้ประชากร โดยประสานความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ และภูมิภาค 2.สร้างสิ่งแวดล้อม เช่น สวนสาธารณะ ที่พักผ่อน 3.ปรับความคล่องตัวบนถนน เน้นความปลอดภัย ลดปริมาณการใช้รถส่วนตัว 4.แก้ปัญหามลภาวะ เช่น ขยะ สิ่งปฏิกูล ไม่ใช่แค่กำหนดเวลาการเก็บ แต่ต้องหาวิธีลดขยะในครัวเรือนด้วย

    ด้านศ.ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ กรรมการบริหารแผน สสส.กล่าวว่า การทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ มิติหนึ่งคือคุณภาพอากาศที่เหมาะสม ซึ่งการจัดการระบบขนส่งมวลชน ให้ความสะดวกสบาย ประชาชนใช้รถส่วนตัวน้อยลง หันไปใช้ระบบขนส่งมวลชน ส่งเสริมการเดิน การใช้จักรยาน ที่ผู้บริหารกรุงเทพฯ ต้องสร้างความพร้อม ไม่ใช่แค่รณรงค์ให้ขี่จักรยานแค่วันเทศกาล ขีดเส้นทางจักรยานไว้บนถนน แต่ต้องคิดเรื่องความปลอดภัย มีความต่อเนื่อง การลดมลพิษ ลดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่จึงจะเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งไม่ต้องคิดใหญ่เสมอไป แต่ต้องคิดจากสิ่งที่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หากจะทำก็ไม่ใช่เรื่องยากและสามารถทำได้จริง

    “อย่างการลดค่าจัดเก็บขยะของผู้ว่าฯ ที่ผ่านมา ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำ เราควรรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยของตัวเอง ทั้งนี้ควรมีการขึ้นค่าธรรมเนียมการจัดเก็บขยะด้วยซ้ำ ไม่ควรมากลัวเสียคะแนนเสียงโดยการไปลดภาษี เนื่องจากต้องการให้ประชาชนรู้สึกมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ต้องสร้างจิตสำนึกในการลดปริมาณขยะและการแยกขยะกับประชาชนด้วย จึงอยากให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดตรงนี้ เพราะหากเงินภาษีที่ได้จากการเก็บขยะ สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งประชาชนก็จะเข้าใจเอง” ศ.ดร.ธงชัย กล่าว

    ศ.ดร.ธงชัย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาของ กทม.อาจต้องขึ้นการกับการแก้ไข พ.ร.บ.บริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2538 โดยให้รองผู้ว่าฯ เดิมมีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่อง การศึกษา การคลัง การโยธา สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข แต่อาจต้องมาดูการแก้ไขปัญหาในระดับเขตด้วย เพราะปัญญาแต่ละพื้นที่ในเขตเมืองกับชานเมืองปัญหาก็แตกต่างกัน ซึ่งกฎหมายที่ใช้อยู่ก็ล้าหลังมาก หากมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ก็สามารถทำได้

    ศ.ดร.ธงชัย กล่าวอีกว่า การรณรงค์และเตรียมความพร้อมให้ประชาชนกันมาใช้จักรยาน หรือการเดิน เป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งวันที่ 21 ก.ย.นี้ กรุงเทพมหานคร ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย และ สสส.จะจัดกิจกรรมวันปลอดรถ Car free day 2008 ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 3 พันคน และจะร่วมกันแปรขบวนจัรยานเป็นรูปแผนที่ประเทศไทย พร้อมทั้งมีกิจกรรมพร้อมๆกันในอีก 40 จังหวัด

    รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ที่สำรวจคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ปี 2550 โดยการตรวจฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 โมครอนพบ 10 ถนน ที่เกินค่ามาตรฐาน คือ 1.ราชปรารภ 2.สุขุมวิท 3.อาจณรงค์ 4.บำรุงเมือง 5.สาธุประดิษฐ์ 6.หลานหลวง 7.เยาวราช 8.พิษณุโลก 9.สุขาภิบาล 1 และ 10.ถนนพระราม 1 ส่วนสถานการณ์เสียง พบถนนที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานทุกวัน คือเกิน 70 เดซิเบล คือ ถนนอินทรพิทักษ์และถนนตรีเพชร ส่วนถนนที่การจราจรหนาแน่นที่มีเสียงเกินมาตราฐาน 3 อันดับ คือ 1.ตากสิน 2.สุขุมวิท 3.บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

    “หนึ่งในสาเหตุสำคัญของมลพิษอากาศและเสียง คือ การจราจร หากลดปริมาณรถยนต์บนถนนลงได้ ปัญหาก็จะลดลงด้วย ซึ่ง สสส.ร่วมกับ สมาคมนักผังเมืองไทย จัดการสำรวจทางเท้าเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นแนวทางปรับปรุงทางเท้าให้เหมาะกับการเดิน คาดว่า จะส่งผลสรุปให้ กทม.ได้ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งสนับสนุนการออกกำลังกาย ด้วยการเดิน การใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันด้วย” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    --------------------------------------------------
    ***********************************
    ///////////////////////////////////////////////////

    วันที่ 5 ตุลาคม 2551 อย่าลืมไปเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครกันครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    #21221
    อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder id=post1499870 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">15-9-2551, 08:36 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#21151 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ในวันที่นัดพบกัน ผมจะนำไม้ครูไปด้วย เผื่อท่านใดที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้ชม และท่านใดที่ไม่เคยขอพระบารมีองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร จะได้ขอพระบารมีกัน

    ผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า ไปถวายพระอาจารย์นิล เพื่อบรรจุในพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ขอเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ไปร่วมกันถวายโดยพร้อมเพรียงกันด้วยครับ

    และผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามพระกุกุธสันโธ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,พระนามพระโกนาคมนะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ไปให้ทุกๆท่านได้สักการะบูชาและชมพระบารมีกัน ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ผมจะอัญเชิญไปมอบให้กับทุกๆท่านด้วยครับ

    การที่คนเราจะมีบารมีสูงสุดนั้น ต้องเกิดจากการปฎิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ที่พระองค์ท่านได้มีพระเมตตาสั่งสอนสัตว์โลกทั้งหลาย เพื่อความหลุดพ้น และมีความตั้งใจที่จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อโปรดผู้คนทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ต่างๆ ความตั้งใจนั้น เป็นการสร้างบุญ ,สร้างบารมีจนบารมีเต็มครับ

    ---------------------------------

    ผู้ปฎิบัติธรรมเป็นผู้มีบุญสูงสุด
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    เว็บลานธรรมจักร
    โพสโดย p.somchai - ตอบเมื่อ: 23 มกราคม 2008, 2:28 pm

    ผู้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง แต่ผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา คือปฏิบัติให้จริงตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเป็นผู้มีบุญสูงสุด

    พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เปรียบได้ เพราะพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะพาไปให้รู้จักพลังพิเศษ คือความคิดที่สามารถทำลายความทุกข์ได้ ตั้งแต่ทุกข์น้อย จนถึงทุกข์ทั้งปวง จนถึงเป็นผู้ไกลทุกข์สิ้นเชิง ไม่มีเวลากลับมาให้เป็นทุกข์อีกเลย ตลอดไป

    ผู้มีพลังพิเศษพาหนีทุกข์ได้ พาดับทุกข์ได้ พาพ้นทุกข์ได้ คือผู้มีความคิดพิเศษ และความคิดพิเศษนี้เกิดได้จากความรู้จักปฏิบัติพระพุทธศาสนาเท่านั้น

    พลังแห่งความคิดพิเศษ หรือความคิดพิเศษนั่นเอง ที่เป็นผู้ช่วยยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะช่วยทุกคนที่รู้ค่าของความพิเศษ ที่ยอมรับยอมเชื่อ ว่าความคิดพิเศษนั้นมีอำนาจใหญ่ยิ่งจริง อาจพาให้พ้นทุกข์ได้จริง ทั้งทุกข์น้อยทุกข์ใหญ่ จนถึงทุกข์สิ้นเชิง

    จะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของตนเองนี้เป็นสัจจะ คือเป็นความจริงแท้ ไม่ว่าผู้ใดจะเชื่อหรือจะไม่เชื่อก็ตาม ก็เป็นความจริง ผู้ใดจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของผู้นั้น

    ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปรารถนาความไม่มีทุกข์ ทุกคนล้วนปรารถนาความไม่มีทุกข์ แต่ไม่ทุกคนที่ยอมรับความจริง ว่าการที่หนีความทุกข์ไม่พ้นนั้นเป็นเพราะคิดไม่เป็น ถ้าคิดให้เป็นจะไม่มีความทุกข์ใดใกล้กรายได้เลย เพราะความคิดนั้นแหละคือกำลังสำคัญที่สามารถทำไม่ให้ทุกข์เกิดได้

    ความคิดไม่เป็น หรือความคิดไม่ถูก ของตนเองเท่านั้น ที่ทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจตน ไม่มีการกระทำคำพูดของผู้ใดอื่นจะอาจทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจใคร ถ้าใครนั้นเป็นผู้รู้จักคิดให้เป็น รู้จักคิดให้ถูก ความคิดจึงสำคัญนัก ความคิดจึงมีพลังนัก มีอิทธิพลนัก ต่อชีวิตจิตใจผู้คนทั้งปวง ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ ไม่เลือกสูงต่ำ ร่ำรวยหรือยากดีมีจนเพียงใดก็ตาม

    ผู้ปรารถนาความเบิกบานสำราญใจไม่เศร้าหมองร้อนรนด้วยความทุกข์ พึงเห็นความสำคัญของความคิดให้มาก เห็นให้จริงใจว่า ความคิดของใครก็ตามที่ถูกต้องเป็นธรรมจะนำไปสู่ความเบิกบานสบายใจแน่นอน สมดังที่ปรารถนาอยู่ทุกเวลานาที

    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    : แสงส่องใจ วัดบวรนิเวศวิหาร ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗


    ---------------------------------

    บุญ,กุศล,กรรมดี,ธรรม,บารมี

    โดย อปากฏนาม [ 16 ส.ค. 2545 / 10:41:21 น. ]
    [ IP Address : 203.113.34.239 ]

    http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006067.htm
    ศัพท์เหล่านี้ใช้แทนกันได้(อย่างเดียวกัน)คือ
    ๑. บุญ
    ๒. กุศล
    ๓. กรรมดี
    ๔. ธรรม (ธรรมฝ่ายขาว)
    ๕. สุกต
    ๖. สุกฺก
    ๗. สุจริต
    ทุกศัพท์ที่กล่าวมานี้ใช้แทนกันได้ เพราะศัพท์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัพท์ที่มีความหมายกว้างครอบคลุม และเป็นศัพท์ที่มีความหมายไปในทางดี บุญกับกุศลนั้นเคยอธิบายไปแล้วว่าต่างกันอย่างไร ไม่อยากอธิบายอีกเดี๋ยวจะซ้ำซาก แต่จะขออนุญาตนำคำตอบที่ดีตรงประเด็นของเพื่อนลานธรรมท่านหนึ่งมาทวบทวนเรื่องบุญกุศลอีกครั้งว่า
    : (praves)
    บุญ ทำให้มีความสุข (มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ)
    กุศล ทำให้เกิด สัมมาทิฏฐิ (กุสลจิตนำสู่วิมุตติ)
    วาสนา (นิสัย) คือ ลักษณะทำให้สั่งสมในจิต คือ สันดานในใจ เช่น กิริยา สุภาพ หรือกระด้าง ชอบคบปราชญ์ หรือ คบอบายมุข
    บารมี คือ อุปกรณ์ให้เกิดความสำเร็จในสิ่งที่ใจปรารถนา เช่น
    - (ทางที่ถูก) พระโพธิสัตว์บางท่าน เจริญบารมี 30 ทัศ (10 บารมี ๆ 3 ระดับ) มี ทาน วิริยะ เนกขัมมะ ฯลฯ สี่อสงไขยแสนมหากัปป์ เพื่อช่วยพาสัตว์ดลกออกจากองทุกข์ การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    - (ทางที่ผิด) เจ้าพ่อนักเลงใช้ "บารมี !?!" ทางโลก (เงิน อำนาจ ความกลัว ความรุนแรง) ในทางทำลายผู้อื่น นักการเมืองสร้างปัญหาให้บ้านเมืองเพื่อเรียก "บารมี !?! "
    จะให้เกิดวาสนาบารมีในทางธรรมะ ต้องเจริญไตรสิกขา (กระบวนการเรียนรู้ทางจิต) ทาน ศีล ภาวนา (ทาน ศีล ภาวนา คือ ปัจจัยแห่งความพ้นทุกข์ มิใช่เส้นชัย)
    จากคุณ : praves [ 15 ส.ค. 2545 / 23:04:04 น. ]
    ได้ความหมายของคำว่า "วาสนา"และ ความหมายของคำว่า "บารมี" แถมไปด้วยครับ
    ********************
    บารมี

    ส่วนความว่า "บารมี"นั้นก็กว้างเช่นกัน อาจจะเรียกได้ว่าครอบคลุมอีกที สิ่งใดที่เราทำให้ยิ่ง ทำให้เต็ม ทำให้สมบูรณ์ ทำให้พรั่งพร้อม ความยิ่ง ความเต็ม ความสมบูรณ์ ความพรั่งพร้อม นั่นแหละ เรียกว่า บารมี
    บารมีนั้น มีการอธิบายกันได้หลายนัยมาก ขอให้ดูเพิ่มเติมจากหนังสือ "ทศบารมีในพระพุทธศาสนาเถรวาท" นะครับ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะอธิบายบารมีไว้อย่างละเอียดพิสดารมาก
    หนังสือเล่มนี้เขียนโดยสมเด็จพระเทพฯ พระองค์นับว่าเป็นปราชญ์ทางศาสนาพระองค์หนึ่ง พระองได้รวบรวมบารมีที่ปรากฏในพระพุทธศาสนามารวมไว้อย่างครอบคลุมและครบถ้วน นับว่าเป็นหนังสือที่สมบูรณ์แบบมาก หาซื้อมาอ่านเพิ่มเติมนะครับ

    สำหรับคำถามที่มีคนถามว่า"แล้วความต่อเนื่องของบุญกุศลกับวาสนาบารมีคืออะไร เป็นอย่างไร" นั้น พออ่านกระทู้ผมเสร็จแล้ว ก็คงจะพอมองภาพออกแล้วนะครับ หรือคงจะพอได้คำตอบแล้ว อย่างไรอย่าลืมส่งข่าวด้วยนะครับ
    เมื่อได้อธิบายมาแล้วก็อยากจะลอง ๆ โยงกันดูระหว่างบุญ,กุศล,วาสนา,บารมีว่ามีความเกี่ยวเนื่องหรือสัมพันธ์กันอย่างไร ผิดถูกก็ช่วย ๆ กันบ้างก็แล้วกันนะครับ
    อันดับแรกกุศลกับบุญนั้นอย่างเดียวกัน แล้วแต่จะปรารถนาหรือตั้งใจอย่างไร ถ้าทำความดีแล้วตั้งใจจะเกิดอีกอย่างรวย ก็แสดงว่าสร้างสังขารตัวตนอีก อย่างนี้ก็เป็นแค่บุญ แต่กุศลนั้นคือพอเราทำความดีอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วปรารถนาจะทำลายขันธ์ คือปรารถนาจะละโลบโกรธหลงไป หรือปรารถนาบรรลุพระนิพพาน ถ้าอย่างนี้เรียกว่าเราได้ทำกุศล นี่คือความแตกต่าง ของ"บุญกุศล"

    กิริยาที่เราทำบุญกุศลจนเคยชินเป็นกิริยา เป็นนิสัย หรืออนุสัยติดตัว (ทานานุสัย อุปนิสัยชอบทำทาน สีลานุสัย อุปนิสัยชอบรักษาศีล ภาวนานุสัย อุปนิสัยขอบเจริญภาวนา) อย่างนี้น่าจะ(ใช้คำว่าน่าจะ)เรียกว่า "วาสนา"

    สิ่งใดที่เราทำให้ยิ่ง ทำให้เต็ม ทำให้สมบูรณ์ ทำให้พรั่งพร้อม ความยิ่ง ความเต็ม ความสมบูรณ์ ความพรั่งพร้อม นั่นแหละ เรียกว่า "บารมี"

    เมื่อนำความหมายของคำว่าของทั้งหมดมาต่อกันก็คงจะได้ประมาณว่า "บุญกุศสลที่บำเพ็ญจนเป็นนิสัยอย่างพรั่งพร้อม อย่างยิ่ง อย่างสมบูรณ์ที่สุด" นี่คือความหมายที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกันได้ ถ้าเป็นศัพท์ก็คงจะได้ประมาณว่า "ปารมีวาสนปุญญกุสลํ" (ปาระมีวาสนะปุญญะกุสะลัง) ทั้งนี้ต้องมีภพชาติมารองรับอีก ในกรณีที่เป็นได้แค่บุญ ส่วนกุศลนั้นตัดภพชาติ ตัดสังขาร ตัดกิเลสตัณหาทั้งหมด หยุดการสร้างภพชาติอีก
    *****วาสนาบารมีใช้ได้กับบุญและกุสลครับ ความตั้งใจที่จะไปต่างกัน สถานที่ไปจึงต่างกัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พี่แอ๊วแจ้งมาแล้วครับว่า พี่แอ๊วจะมาร่วมงาน และได้นิมนต์พระอาจารย์นิล มาฉันเพลด้วยครับ

    มาทำบุญกันนะครับ

    .


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านใดที่จะไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม อย่าลืมนำเจดีย์ไปด้วยนะครับ

    จะปิดทองหรือไม่ปิดทอง จะติดเพชรหรือไม่ติดเพชรก็ได้ แต่ขอเป็นเจดีย์ในลักษณะนี้ครับ ส่วนผอบ(ที่ไม่ใช่เจดีย์)ผมใช้ในการบรรจุพระธาตุพระอรหันต์ครับ

    [​IMG]
    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ----------------------------------------------------

    อีกเรื่อง พี่ท่านนึง ได้แจ้งผมว่า จะมอบพระธาตุพระสิวลีเถระเจ้า ให้กับผม เพื่อมามอบให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมขอความกรุณาให้นำผอบ มาเพื่อบรรจุด้วยนะครับ

    และพี่ท่านนี้ มีความประสงค์ที่จะมอบพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม เพื่อประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมขอเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านมาร่วมกันถวายพระอาจารย์นิล ด้วยกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message -->----------------------------------------------------------

    พี่ท่านนี้ ได้โทร.บอกผมว่า เตรียมจัดหาเจดีย์(ซึ่งเป็นแก้ว)เรียบร้อยแล้ว และจะนัดกันกับผมอีกครั้งในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาให้ผมเพื่อให้ผมอัญเชิญไปถวายพระอาจารย์นิล เพื่ออัญเชิญไว้ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ<!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่นัดพบกัน ผมจะนำพระวังหน้า ซึ่งเป็นพระพิมพ์และวัตถุมงคลที่หาได้ค่อนข้างยาก นำไปให้ชมกัน คงต้องไปนั่งวิเคราะห์กันว่า เนื้อลักษณะนี้เป็นอย่างไร เนื้อลักษณะนั้นเป็นอย่างไร

    จะนำพระวังหน้า ที่องค์หลวงปู่พระอภิญญาใหญ่ ที่ท่านนำพิมพ์ไปสร้างในครั้งหลัง นำไปให้ชมกันด้วยครับ
    ตอนนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนเจ้านายใหม่ ในช่วงกลางวันคงเข้ามาน้อยลงครับ
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ง่ำๆ งานนัดครั้งนี้ไม่น่าจาพลาดนะครับ ตอนเช้าพาเด็กไป วิ่งออกกำลังก่อน สายๆจาตามไปครับ คาดว่าจาเรียง เนื้อลับ ลวง พรางไปให้ชม กัน ทุกสภาพ เต็มกล่องครับ หุ หุ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โอ้...มายก๊อด 3วัน หุ้นไทยลงมาเกือบ 50จุดครับ หุ ห สงสัยจาเป็นหมาป่าคอย เทะซากศพ รึเปล่าครับ บรื่อๆๆๆๆ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...