พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไม่เชื่อใคร นอกจากครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้ศึกษาค้นคว้ามาก่อนผมเกิด ก่อนใครหลายคนเกิด รู้เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึกว่าเป็นอย่างไร

    แถมยังต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองอีก ว่าจริงหรือไม่ที่ครูบาอาจารย์สอนมา หลายๆคนในกลุ่มก็เป็นแบบผมซะด้วย

    คนที่เป็นแนวหน้า มักต้องเจ็บก่อนเสมอ แต่การเจ็บนั้นคุ้มค่ากับการเผยแพร่สิ่งต่างๆที่บรรพบุรุธเป็นผู้ที่มีพระคุณ สร้างสิ่งต่างๆไว้ให้คนรุ่นหลัง เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลังโดยแท้ เราเป็นคนรุ่นหลัง หากเป็นคนดี มีความกตัญญูกตเวที ย่อมต้องรำลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุธของเรา

    ผมเคยบอกไปหลายๆครั้ง จนผมเบื่อกับตัวเองแล้วว่า ลองนำไปให้พระวิปัสนาญาณ (เช่นสายพระอาจารย์มั่น) ที่ท่านอยู่บนภูบนเขา ขอความเมตตาจากท่าน ช่วยดูและตรวจสอบให้ด้วยว่า พระพิมพ์นี้ หลวงปู่องค์ไหนอธิษฐานจิต เพียงแค่นี้ก็จะทราบถึงความจริงแล้วครับ

    หนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า มีผู้ที่แอบนำไปถ่ายเอกสารขาย เล่มละ 2,000 บาท ขนาดถ่ายเอกสารก็ยังมีคนที่อยากได้ อยากมีไว้ศึกษาเลยครับ

    หรืออย่างปีที่แล้ว ที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ก็มีคนที่คัดลอกเรื่องราวในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ ไปขาย ประมาณ 20 หน้า ขาย 60 บาท ก็มี แต่ถ้าปีนี้มีอย่าไปซื้อ ให้มาอ่านในกระทู้ดีกว่า ไม่ต้องเสียเงินครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    คุณหมอครับ ผมยังไม่ปิ้งองค์ไหนเลย รออีกแป๊บนึงนะครับ คิดว่าไม่นาน น่าจะเป็นช่วงอาทิตย์ ผมจะจัดส่งพระพิมพ์ไปให้ ผมจะส่งผ้ายันต์ และสายสิญจ์ไปให้ด้วย ที่สำคัญลองไปตรวจสอบดูว่า จริงหรือไม่ที่ผมได้บอกไป ครับ

    .
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่านประโยคของพี่หนุ่มแล้วก็อดนึกถึงคำว่าบุญบารมีไม่ได้ครับ ไม่ใช่ว่าจะอวดตัว แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
    เพราะผมเองก็เป็นคนไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆเช่นกัน เพียงแต่ผมโชคดีครับ โชคดีที่ได้มีโอกาสพิสูจน์เรื่องของ "นาม" ได้ก่อนที่จะมาพบกระทู้พระวังหน้านี้
    ผมเองก็อดที่จะเข้าใจคนที่ไม่ได้มีโอกาสเช่นผม ว่าก็ไม่แปลกที่เขาจะหาว่าเรากุเรื่อง เพราะถ้าเราไม่มีโอกาสรู้เรื่องของ นาม มาก่อน ผมก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่ยึดติดกับ "รูป" เช่นเดียวกัน
    ก็ในเมื่อฝ่ายที่เขาสร้างทฤษฏีของ "รูป" นั้นเขายกนู่นอ้างนี่มาเป็นหลักการกันเสียขนาดนั้น มันจะไม่น่าเชื่อถือได้อย่างไร
    แต่ทุกท่านครับ ทฤษฏีทั้งหลายที่ท่านเหล่านั้นยกขึ้นมา ด้วยความเคารพในครูบาอาจารย์ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ศึกษาด้านรูปเช่นกัน
    สิ่งที่พวกเราเรียนกันเรื่องรูปนั้น แท้จริง ก็เป็นการสังเกตุ เป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดกันมา หาใช่ความจริงแท้ โดยมีอาจโต้แย้งได้ไปทั้งหมด มิใช่หรือครับ
    ปัจจุบันนี้ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ มันก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มี เพียงแต่ยังอธิบายไม่ได้ก็เท่านั้น

    ที่พูดมาทั้งหมดนี้ ก็เพียงอยากจะระบายความในใจ และอยากจะเป็นแรงเสริมพี่หนุ่มที่มีจิตเป็นกุศล รวมถึง่พูดแทนพี่ๆทุกท่านในบางส่วน หวังว่าผู้ที่มีโอกาสได้เข้ามาอ่านในกระทู้พระวังหน้านี้
    ถึงแม้จะไม่มีโอกาส รับรู้ถึง "นาม" แต่จากการได้อ่านกระทู้นี้ แล้วท่านเปิดใจลองศึกษาดูให้ดี ถึงแม้เพียงหนึ่งคน ผมก็ดีใจที่ได้มีโอกาสพิมพ์ข้อความนี้แล้วครับ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมพึ่งกลับมาจากไปหาลูกค้า (ก็มีเงินระดับตัวเลข 8 หลักเกือบปลายๆ) คนระดับนั้นมีสมองคิดเอง ไม่โง่แน่นอน

    ซึ่งได้มีโอกาสคุยเรื่องพระพิมพ์ต่างๆ รวมถึงเรื่องของนาม

    ผมนำพระสมเด็จ วัดระฆัง 1 องค์ พระพิมพ์อรหัง เนื้อวัดระฆัง 1 องค์ไปมอบให้(ฟรี) กับลูกค้าผม ผมบอกว่า ผมเองห้อยองค์ละ 1 เดือน พิสูจน์เองว่าดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร

    ผมบอกต่อไปว่า อย่าเชื่อผม ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดู ลองสังเกตุดูว่า มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน หรือการพบปะกับผู้คนต่างๆ หรือจะเป็นการติดต่อการค้า ลองดูว่าก่อนที่จะห้อยเป็นอย่างไร ห้อยแล้ว 1 เดือนเป็นอย่างไร

    ลูกค้าผมถามผมว่า แล้วห้อยแต่ละองค์รู้สึกอย่างไร ผมตอบว่า รู้สึกต่างกัน แต่ดีก็แตกต่างกันเช่นกัน

    เล่าเพียงเท่านี้ เดี๋ยวโดนข้อหาเล่านิทาน แต่เรื่องที่เล่านี้ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง รู้ด้วยตนเองเท่านั้น อย่าเชื่อผมเด็ดขาดครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาฝากกันตอนเที่ยงๆ หุหุหุ
    denceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedenceedencee
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เต๋าเต้ยหม้ไฟ" ตามความอร่อยที่แตกต่างไปจากที่ไหน..ไหน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่ "ฟิชเชอร์แมน" อิมแพ็ค /แม่ช้อยนางรำ
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9510000097504
    http://palungjit.org/showthread.php?t=144928
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องกินอีกเรื่องที่ยังทำไม่ค่อยได้ เดือนนึงจะมีนัดกับอีกแก๊งนึง แก๊งนี้เป็นแก๊งที่ชอบตะเวนกิน ลงขันกันเก็บไว้เป็นกองกลาง (ไม่ใช่กองหน้าหรือกองหลังหรือประตูนะครับ) ไปกินเต๋าเต้ยมา ขอบอกว่า อร่อยมากๆ แต่พยายามไม่นึกว่า ต้องเป็นตัวไหน กลัวเหมือนกัน อาหารถ้าทำสดๆ จะอร่อยมาก เลิกติดความอร่อยไม่ได้ซักกะที

    .
     
  9. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    เห็นแล้วน้ำลายไหล ร้านอยู่ที่ไหนครับพี่หนุ่ม
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ฟิชเชอร์แมน" ภัตตาคารหม้อไฟใน "อิมแพ็ค" เมืองทองธานี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ปลาเต๋าเต้ยกิโลละเป็นพัน ผมไปทานที่จ.ตรังมาครั้งนึง นับว่าเป็นร้านอาหารจีนที่ทำได้อร่อยมาก เป็นร้านดังของที่จังหวัดตรังเลยทีเดียว
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานพิเศษขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"สมเด็จพระพุทธสมณโคดม"พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่คุณหนุ่มมีเมตตาอัญเชิญมามอบให้เพื่อนๆที่ได้พบกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอโมทนาสาธุด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010127.JPG
      P1010127.JPG
      ขนาดไฟล์:
      267 KB
      เปิดดู:
      167
    • P1010129.JPG
      P1010129.JPG
      ขนาดไฟล์:
      268.3 KB
      เปิดดู:
      164
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานที่เคยมอบให้เพื่อนๆเมื่อคราวสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่น เมื่อพรรษาที่แล้ว ซึ่งบรรจุภายในองค์สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว...

    ที่วัดป่าทะเมนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นวัดสาขาของหลวงปู่ชา เมื่อคราวพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมายังผู้ปฏิธรรมที่สวดอัญเชิญพระธาตุก็เป็นสัณฐานนี้ จากการตรวจสอบโดยผู้ทรงฌานสมาธิกล่าวว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระพุทธกัสสปได้อธิษฐานจิตไว้ให้พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ได้เสด็จมารวมกันเพื่อประโยชน์ในการรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย

    สัณฐานสีฟ้านี้เป็นสัณฐานที่พบได้น้อยที่สุด จึงอัญเชิญมาบรรจุไว้ที่ส่วนของพระยอดเกศ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พูดถึงยอดเกศเลยนึกถึงเมื่อราวปีพ.ศ. ๒๕๔๒ ทางวัดอินทรวิหารได้จัดสร้างพระกริ่งชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อสมทบทุนสร้างยอดเกศ(ตุ)องค์ใหม่แทนของเดิมเนื่องจากถูกฟ้าผ่าเสียหายชำรุด ครั้งนี้เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันท่านได้ดำริให้จัดสร้างด้วยทองคำ ก็มีการบริจาคทองคำเพื่อจัดสร้างยอดเกศ(ตุ) เมื่อคำนวณปริมาณทองคำที่ใช้ในการจัดสร้างแล้วมีส่วนที่จะเหลือจากการจัดสร้างยอดเกศทองคำ จึงได้แบ่งส่วนของทองคำยอดเกศ(ตุ)นี้จัดสร้างพระกริ่งทองคำเนื้อทองยอดเกศ(ตุ)ขึ้นมาจำนวนไม่เกิน ๓๐ องค์(จำคลับคล้ายคลับคลาได้ว่า ๒๒ องค์) น้ำหนักทองคำองค์ละประมาณ ๕ บาท ก็มีโอกาสได้ไปจองบูชาเหมือนกัน อัตราการบูชาในสมัยปีพ.ศ. ๒๕๔๒ อยู่ที่องค์ละ ๕๐,๐๐๐ บาท องค์นี้ตอกโค๊ดเบอร์ ๑๒ ที่พิเศษคือกริ่งตัน แสดงว่าเป็นเนื้อทองคำเต็ม ก็ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ได้รับทองยอดเกศ(ตุ)ที่เป็นเนื้อเดียว พิธีเดียวกับการหล่อทองยอดเกศ(ตุ)ถวายพระศรีอารยเมตไตรยหลวงพ่อโต ที่วัดอินทรวิหาร...

    <TABLE id=Table1 cellSpacing=2 cellPadding=1 width=589 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=150 height=475>[​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left width=429><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=429 border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD>[SIZE=-2]หลวงพ่อโต "พระศรีอริยเมตไตรย" [/SIZE]
    เมื่อปี พ.ศ. 2410 ในรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ขณะมีอายุได้ 80 ปี ได้มาดำเนินการก่อสร้างองค์หลวงพ่อโต ขึ้น ณ วัดอินทรวิหาร งานก่อสร้างเป็นไปโดยยาก เพราะต้องอาศัยแรงศรัทธาของญาติโยม และช้าง เป็นกำลังหลักของการก่อสร้าง ต้องใช้ท่อนซุงเป็นจำนวนมากมาวางไขว้เป็นรากฐาน ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างก็ได้ปัจจัยจากกัณฑ์เทศน์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ (โต) มาซื้ออาหารเลี้ยงผู้มาช่วยเหลือการก่อสร้าง 4 ปี ก่อสร้างได้ถึงพระนาภี (สะดือ) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ก็มามรณภาพลงด้วยโรคลมปัจจุบัน เมื่อวันเสาร์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2415 เวลา 24.00 น. ณ ศาลาการเปรียญวัดอินทรวิหารการก่อสร้างต่อมา ก็มีพระมหาเถระผู้มีเมตตาคุณ ได้ดำเนินการ ซึ่งมีพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร) ศิษย์คู่บุญบารมีของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ (โต) พระครูสังฆบริบาล (แดง) จากวัดบวรนิเวศและมาเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ ในสมัยของท่านเจ้าคุณ พระอินทรสมาจาร (หลวงปู่เงิน อินฺทสโร) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ.2470 ใช้เวลาการก่อสร้างถึง 60 ปี
    - ลักษณะหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางยืนทรงบาตร ผินพระพักตร์ไปด้านทิศบูรพา(ทิศตะวันออก) มีความสูงตั้งแต่พื้นถึงยอดเกตุ 16 วา กว้าง 5 วา 2 ศอก นับเป็น พระพุทธรูปปางประทับยืนทรงบาตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    - ศึกษาตามประวัติชีวิตของท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ(โต) ในเยาว์วัยได้มายืนได้ที่ บริเวณตำบลบางขุนพรหมนี้
    - ปี พ.ศ.2507 และปี 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชโอรส พระราชธิดา ทุกพระองค์ เสด็จเปิดซุ้มประตูชื่อวัด ปิดทองพระเกตุ พระนลาต พร้อมทั้งเปิดงานประจำปีสมโภชองค์หลวงพ่อโต
    - ปี พ.ศ.2521 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ ยอดเกตุองค์หลวงพ่อโต ซึ่งรัฐบาลประเทศศรีลังกามอบให้รัฐบาลไทย
    - ปี พ.ศ. 2525 พระครูวรภัตติคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร ได้บูรณะองค์หลวงพ่อโต ร่วมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยประดับกระจกโมเสคทองคำแท้ทั้งองค์ (ทองคำ 24 K) จากประเทศอิตาลี
    - วัดและคณะกรรมการจัดงานเทศกาลประจำทุกปี ในวันที่ 1-10 มีนาคม
    - หลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์มาก สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการทิ้งระเบิดสะพานพระรามหก ระเบิดตกบริเวณองค์หลวงพ่อโตจำนวนหนึ่งแต่ไม่ระเบิดสักลูกเดียว มีผู้ศรัทธามากราบไหว้เคารพบูชาตลอดทุกวัน ขอความสวัสดีได้สำเร็จทุกรายไป
    - โดยเฉพาะหากบนด้วยหัวปลาทูและไข่ต้มพวงมาลัย จะได้สำเร็จสมปรารถนาทุกรายไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.watindharaviharn.org/vhcs2/aiweb/modules.php?name=Page_View&page=other.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010132.JPG
      P1010132.JPG
      ขนาดไฟล์:
      229.3 KB
      เปิดดู:
      46
    • P1010134.JPG
      P1010134.JPG
      ขนาดไฟล์:
      324.2 KB
      เปิดดู:
      50
    • P1010135.JPG
      P1010135.JPG
      ขนาดไฟล์:
      324 KB
      เปิดดู:
      51
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2008
  15. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เต๋าเต้ยหม้ไฟ" ตามความอร่อยที่แตกต่างไปจากที่ไหน..ไหน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ปลาพันธุ์อะไรครับผมไม่เคยได้ยิน คุณเพชรบอกว่าแพงด้วยยิ่งสงสัยใหญ่
    ปรกติที่บ้านเวลาไปช็อบที่ห้างผมซื้อแต่ ปลาจารเม็ด ปลาหิมะ ปลาเก๋า
    ผมก็ว่าแพงพอสมควรแล้วอย่างปลาหิมะซื้อครั้งนึงก็หลายร้อยแล้ว นี่แพงกว่าอีก
    ผมยิ่งสงกะสัยใหญ่เลย พอจะมีรูปปลาทั้งตัวให้ดูมั้ยครับเผื่อเจอจะได้ซื้อมาชิมดู
    เพราะเรื่องกินไม่เป็นสองรองใคร แต่เดี๋ยวนี้จะนิยมกินแบบแช่แข็งแล้วนำมาเวพป์มากกว่า
    ที่อร่อยก็จะเป็นของ CP S&P LOTUS เป็นต้น
    ของโลตั้สจะแปลกกว่าที่อื่นไม่ใช่แบบฟีต จะอยู่ได้ 2 - 3 วันเท่านั้นแต่รสชาดใช้ได้
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD> </TD><TD width="100%">palungjit.org > ทั่วไป > ท่องเที่ยว - อาหารการกิน </TD></TR></TBODY></TABLE>
    "เต๋าเต้ยหม้อไฟ" ที่ "ฟิชเชอร์แมน" อิมแพ็ค /แม่ช้อยนางรำ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=144928

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"เต๋าเต้ยหม้อไฟ" ที่ "ฟิชเชอร์แมน" อิมแพ็ค /แม่ช้อยนางรำ
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9510000097504
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 สิงหาคม 2551 16:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : แม่ช้อยนางรำ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เต๋าเต้ยหม้ไฟ" ตามความอร่อยที่แตกต่างไปจากที่ไหน..ไหน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ปลาเต๋าเต้ย"..สุดยอดของปลาจาระเม็ด
    อร่อยเด็ดจะต้องไปกินที่ทะเล "อันดามัน"
    แต่วันนี้ไม่ต้องไปถึงที่นั่นแค่ "เมืองทองธานี" ก็มี


    ประสาเรา...เรา ชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋วผู้มีชีวิตอยู่ริมทะเล

    ปลาที่บรรพบุรุษของเราชอบกินก็คือ .. "ปลาจาระเม็ด" หรือที่เรียกชื่อเป็นจีน "แปะเซีย"

    แต่ในบรรดาปลาจาระเม็ดที่อร่อยเยี่ยมยอดนั้น ต้องเป็นปลาจาระเม็ดที่ได้มาจากมหาสมุทรอินเดีย หรือที่ "ทะเลอันดามัน"

    ปลาจาระเม็ดตัวโต เนื้อแน่นแต่ละเอียด หอมกลิ่นทะเล หวานกำซาบเข้าไปในกระพุ้งปาก..กระพุ้งลิ้นและกระพุ้งแก้มนั้น ก็คือปลาจาระเม็ดที่เราเรียกว่า "เต๋าเต้ย"

    เจ้านายเอ๊ย..สมัยก่อนจะได้กินปลาอร่อยนี้จะต้องลงไปปักษ์ใต้ อย่างแถวระนอง ภูเก็ต พังงา กระทั่งสงขลา หาดใหญ่ ถึงจะมีให้กินเปิบกัน

    แต่บางครั้งก็ไม่มีเพราะพวกสิงคโปร์ มาเลย์มาแย่งซื้อเอาไปกินซะก่อน

    แต่ตอนนี้ เจ้านายไม่ได้ไปให้ไกลถึงที่นั้นหรอกเจ้าค่ะ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"หัวปลาเก๋า..ครีบปลาเก๋าอบเผือก" ลืมซะเถิดปลาจีนที่กินกันซะเบื่อ เชื่อเถิดเจ้าค่ะ..เมนูที่เยี่ยมที่ซู้ด..</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอาแค่ไป "อิมแพ็ค เมืองทองธานี" ปากเกร็ด นนทบุรี เท่านี้ก็ได้กินกัน แถมฝีมือทำปลาจาระเม็ด "เต๋าเต้ย" ที่นี่ก็อร่อยอัศจรรย์

    เจ้านายเคยคิดบ้างมั๊ยว่า...หัวปลา ครีบปลาจาระเม็ด ที่อร่อยเด็ดนั้น ที่นี่เขามีสูตรต้มกับเผือก อร่อยกว่าหัวปลาจีนที่เจ้านายเคยหลงกินมา ชนิดอย่าเอามาเปรียบเทียบเลยดีกว่า..เสียอารมณ์

    เรื่องนี้มีอยู่ว่า

    เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา อีชั้นไปเที่ยวงานแสดงสินค้าที่ "อิมแพ็ค เมืองทองธานี" ที่ว่า เห็นป้ายโฆษณาในตัวอาคารหมายเลข 8 ซึ่งเป็นเมนท์เข้าห้องล็อบบี้ใหญ่ เขียนไว้ว่า

    HONG KONG
    FISHER MAN
    SUKI & RESTAURANT

    ก็เลยสงสัยว่า คงจะมีกุ๊กจากฮ่องกงมาเปิดร้านห้องอาหารสุกี้ ที่นี่ก็เลยอยากจะดูซิว่าหน้าตา...รสชาติมันจะขนาดไหนกัน

    แต่เคยพบกับคุณ "คีรี กาญจนภาคย์" เจ้าของอิมแพ็คที่ฮ่องกงบ่อยครั้ง ทั้งที่รู้ว่าท่านเป็นผู้ชอบรับประทานอาหารจีน ชื่อท่านการันตีได้ ถ้าไม่อร่อยคงจะไม่ยกฮ่องกงมาไว้ที่ "อิมแพ็ค เมืองทองธานี" หร๊อก!!

    โอเค.เย่ห์..สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้าไป กะตังค์เตรียมไว้เขาไม่ให้กินฟรีแน่

    เข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่า ที่เขียนภาษาอังกฤษซะใหญ่ว่า "SUKI" ความหมายคือหม้อไฟแบบจีน ไม่ใช่หม้อไฟญี่ปุ่นที่เรียกว่า...สุกี้

    หม้อไฟที่นี่ แตกต่างจากหม้อไฟจีนทั่วไป ตั้งแต่น้ำซุปที่ใช้ ไม่ใช่น้ำซุปกระดูกหมู กระดูกปลา แต่เป็นน้ำต้มกับเครื่องยาจีนกลิ่นหอม รสกลมกล่อม กินแล้วมีประโยชน์

    แล้วความหอมหวานได้มาจากไหนรึเจ้าค่ะ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ฟิชเชอร์แมน" ภัตตาคารหม้อไฟใน "อิมแพ็ค" เมืองทองธานี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ก็ได้มาจากปลาทะเลสด..สด ปลาว่ายน้ำที่เจ้านายจะเลือกเอาว่าจะใช้ปลาเก๋า ทั้งเก๋าแดง..เก๋าดำ หรือปลากะพงก็ว่ากันไป

    แต่อีชั้นเลือกปลาเต๋าเต้ย ที่เจ้านายก็รู้ว่าเป็นปลาทะเลอร่อยที่ซู้ด..ที่บรรพบุรุษเคยสอนไว้

    ที่นี่เขาใช้ปลาเต๋าเต้ยสด..สด ส่งมาจากระนองทุกวัน เลือกตัวโต..โต

    เอาเนื้อ เอากระดูกมาต้มกับน้ำเครื่องยาจีน ใส่ผักหม้อไฟ ส่วนใหญ่เป็นผักจีน ต้มให้เดือดน้ำจะหอมหวาน เนื้อที่แล่หนา..หนา เอาจุ่มจิ้มในหม้อไฟ มีน้ำพริกจีนเพิ่มรสชาติอร่อยกันแบบว่า..ขอดหม้อเลยล่ะ!!

    แต่ยังความอร่อยยังมิปราณีต่อหัวปลาเก๋ากับครีบปลาเก๋า เจ้านายเขาแยกต่างหาก เอาไปต้มกับเผือกตามสูตรจีนแต้จิ๋วโบราณ

    โอ๊ย!!เจ้านายเอ๊ย เมนูนี้ถ้าไม่แนะนำให้เจ้านายมาเปิบแล้ว ก็คงจะไม่รู้ว่าอร่อยพิสดารซักแค่ไหนกัน

    ขอยืนยันการันตีว่า แค่กิน "ปลาเต๋าเต้ยหม้อไฟ" กับ "หัวปลา ครีบปลาเต๋าเต้ยต้มเผือก" เท่านั้น..ลืมเรื่องจะไปเที่ยวดูงานแสดงสินค้าใน "อิมแพ็ค เมืองทองธานี" ได้สนิทเลยล่ะเจ้าค่ะ เจ้านาย

    ********************************************************
    ********************************************************

    "ฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน สุกี้ภัตตาคาร"
    อาคาร 8 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ปากเกร็ด นนทบุรี เปิดบริการตั้งแต่ 11.00-23.00 น. โทรศัพท์ 0-2833-5434 ถึง 5
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]
    (ผมถ่ายรูปมา)

    [​IMG] [​IMG]
    (คุณเพชรถ่ายรูปมา)

    ดูอย่างไรก็สวยงามมาก ผมเชื่อว่ามีคนเคยเห็นพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ในลักษณะนี้น้อยมากแน่นอนครับ


    [​IMG]

    สวยงามมากครับคุณเพชร


    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นวด แก้ปัญหาอาการ นิ้วล็อค

    http://hilight.kapook.com/view/27913

    [​IMG]

    เก็บตกจากกิจกรรมเวิร์กช็อปที่ว่าด้วยเรื่อง "ศาสตร์แห่งการนวดบำบัดเพื่อคลายกล้ามเนื้อไหล่ แขน และมือ" ที่ทางพาร์คเกอร์ แอนด์ มอร์แกน จัดขึ้นไม่นานมานี้

    มีการเปิดเผยผลสำรวจที่ว่า จากการสำรวจคนทำงานในประเทศไทย ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจำนวน 400 คนพบว่า 60% มีอาการเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ้วล็อค อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการกดแป้นคีย์บอร์ดที่ไม่มีตัวรองรับข้อมือ จึงทำให้มีการกระดกข้อมือขึ้น-ลงซ้ำๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็น รวมทั้งเกิดภาวะพังผืดหนา ทำให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วและข้อมือ ​

    ซึ่งไม่เพียงแต่คนที่มีอาชีพเสี่ยง อย่างเช่น คนตัดสวน ช่างทำผม หมอนวด หรืออาชีพที่ต้องใช้มือและนิ้วอย่างหนักแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในปัจจุบันยังพบได้ว่า อาการของโรคนิ้วล็อค เกิดขึ้นได้ง่ายและมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน แต่โรคดังกล่าว ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาไม่ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันแล้วว่า การนวดมือและนิ้วมือ สามารถบรรเทาอาการนิ้วล็อคเบื้องต้นได้เช่นกัน​

    คุณอภิญญา ศรีสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมสปาไทย กล่าวว่า เมื่อรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณนิ้วมือ ให้เราลองนวดเอง โดยเริ่มจากขั้นตอนง่ายๆ โดยท่าที่ 1 ให้เอามือซ้ายวางบนตักด้านซ้าย หงายฝ่ามือขึ้น และใช้หัวแม่มือด้านขวากดไปตามจุดต่างๆ ให้ทั่วฝ่ามือ โดยกดไล่ตามร่องนิ้ว เริ่มจากช่องนิ้วหัวแม่มือ ตามด้วยนิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ตามลำดับจนทั่วและนวดคลึงตามนิ้วแต่ละนิ้วเหมือนๆ กัน จากโคนนิ้วถึงปลายนิ้ว แล้วกดที่ปลายนิ้วเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นเลือดลมให้สูบฉีด

    และการนวดมือ ท่าที่ 2 คือ ท่ารีดนิ้ว โดยใช้นิ้วทั้ง 4 ประคองหลังมือ ใช้นิ้วโป้งรีดนิ้วแต่ละนิ้วโดยรีดจากโคนนิ้วไปหาปลายนิ้ว ทำเหมือนกันทุกๆ นิ้ว จากนั้นดันนิ้วแต่ละนิ้วไปด้านหลัง ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับมือข้างซ้าย พลิกมานวดด้านหลังมือบ้าง ด้วยการคลึงเบาๆ ให้ทั่วหลังมือ​

    สำหรับข้อแนะนำเพิ่มเติม อ.อภิญญา บอกว่า "ในทุกๆ แนวเส้นที่เรานวดนั้น ควรนวดซ้ำไป-มาแต่ละเส้น ไม่ควรน้อยกว่า 3-5 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้กล้ามเนื้อและเส้นที่ตึงเครียดนั้นผ่อนคลาย ซึ่งหลังจากนวดเสร็จแล้ว อาจใช้น้ำมันร่วมด้วย ทั้งนวดชโลมไปที่แขนและนิ้วมือ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น"




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ​
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มะเร็งตับ...โรคเงียบ ที่อาจคุกคามชีวิตคุณ

    http://hilight.kapook.com/view/27925

    [​IMG]

    เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก radioeducation.prd.go.th



    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ข่าวการจากไปของศิลปินชื่อดังหลายท่านจากโรคมะเร็งตับ ทำให้ใครหลายคนเริ่มวิตกกังวล และหันมาสนใจโรคดังกล่าวนี้กันมากขึ้น ด้วยความจริงที่ชวนให้พองขนว่า หากประสบกับโรคนี้แล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่หายขาด ซ้ำร้ายจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ไม่เกิน 6 เดือน!!!

    ปี 2549 ดีเจ.โจ้ - อัครพล ธนะวิทวิลาศ ดีเจชื่อดังจากค่ายเอไทม์ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ หลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้ มานานกว่า 3 เดือน ด้วยวัย 35 ปี​

    ปีนี้ 2551 ยอดรัก สลักใจ ขุนพลเพลงลูกทุ่งไทย ลาโลกไปด้วยโรคมะเร็งตับอีกเช่นกัน หลังพบเป็นมะเร็งที่ขั้วตับเมื่อต้นปีที่ผ่านมา....​

    สอดคล้องกับความจริงที่ว่า มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับนี้ถ้ารู้ตัวก็มักจะเสียชีวิตใน 3 -6 เดือน​

    มะเร็งตับมีสาเหตุมาจากอะไร ?

    [​IMG]1. ส่วนใหญ่ของการเกิดมะเร็งตับมีสาเหตุมาจากไวรัสตับอักเสบบีและซี จากข้อมูลสถิติของหลายสถาบันได้ผลใกล้เคียงกันว่า 80% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นมะเร็งตับ โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 223 เท่า (ข้อมูลจากหนังสือความรู้เรื่องโรคตับสำหรับประชาชน) ​

    [​IMG]2. มีข้อมูลที่น่าสนใจประการหนึ่งว่า ประมาณ 90% ของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะมีตับแข็งร่วมด้วย นั่นก็หมายความว่า ถ้าท่านป่วยเป็นพาหะตับอักเสบบี และมีตับแข็งแล้ว ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับจะสูงมากๆ ทีเดียว​

    [​IMG]3. มะเร็งตับยังมีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีข้อมูลทางวิชาการที่ยืนยันได้ว่า ผู้ที่ดื่มสุราแอลกอฮอล์เป็นประจำมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งตับสูงกว่าผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์​

    [​IMG]4. สารอะฟลาท๊อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งพบปนเปื้อนอยู่ในถั่วลิสง ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ ก็เป็นสารก่อมะเร็ง ที่เป็นสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งตับ จากการศึกษาพบว่า อะฟลาท๊อกซิน มีความสัมพันธ์กับไวรัสตับอักเสบบี โดยเชื่อว่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นตัวทำให้เกิดมะเร็งตับ และอะฟลาท๊อกซินเป็นตัวเสริม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี จึงควรที่จะหลีกเลี่ยง ถั่วลิสง โดยเฉพาะถั่วลิสงป่นที่ค้างนานๆ ข้าวโพด พริกแห้ง กระเทียม เต้าเจี้ยว และเต้าหู้ยี้​

    จะทราบได้อย่างไรว่ากำลังเป็นมะเร็งตับ ?

    สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นมะเร็งตับ มีอัตราการอยู่รอดต่ำก็คือ มะเร็งตับในระยะแรกซึ่งจะสามารถรักษาให้หายขาดได้นั้น มักไม่แสดงอาการที่ชัดเจนออกมา โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลุมเคลือ เช่น เสียดท้องด้านขวา มีอาการจุกแน่นในบางครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่แทบไม่มีอาการอะไรเลย ทั้งนี้ ก็เพราะตับเป็นอวัยวะที่มีกำลังสำรองมาก คนเราสามารถจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการทำงานของตับประมาณ 30% ดังนั้น เมื่อมีอาการที่ชัดเจนมะเร็งก็อยู่ในระยะลุกลาม หรือ มีขนาดใหญ่และไม่สามารถจะรักษาได้แล้ว​

    อาการของผู้ป่วยมะเร็งตับ

    ที่ชัดเจนก็คือ รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร จุกเสียด แน่นท้อง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว และอาการที่เด่นชัดก็คือ ปวดชายโครงด้านขวา โดยอาจร้าวไปที่ไหล่ด้านขวาหรือลำตัวซีกขวา และอาจคลำพบก้อนที่ชายโครง​

    การตรวจหามะเร็งตับทำได้อย่างไร ?

    เนื่องจากมะเร็งตับเปรียบเหมือนมฤตยูเงียบ การเฝ้าระวังจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเป็นมะเร็งตับ คือ ผู้ที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไปและมีอาการตับแข็งร่วมด้วยควรจะต้องตรวจร่างกายอย่างน้อยทุก 6 เดือน ​

    การตรวจหามะเร็งตับในปัจจุบัน จะมีการตรวจหาระดับของสารอัลฟาฟิโตโปรตีน (Alfafeto-protein) ซึ่งเป็นสารที่มักพบในผู้ป่วยมะเร็งตับ แต่การตรวจหาค่าอัลฟาฟิโตโปรตีนอย่างเดียวไม่เพียงพอ เนื่องจากมีโอกาสผิดพลาดได้ถึง 30% การตรวจจึงควรจะร่วมกับการทำอัลตราซาวนด์ เพื่อตรวจหาก้อนมะเร็งที่มีขนาดเล็ก ๆ ได้ ถ้าจะให้ละเอียดมากกว่านี้ก็คือ การตรวจโดยใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า C T Scan ซึ่งจะสามารถเห็นมะเร็งที่มีขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตรได้​

    มีวิธีรักษามะเร็งตับอย่างไรบ้าง ?

    มะเร็งตับดูเป็นโรคที่มีความน่ากลัว เพราะผู้ป่วยมักเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เพราะเมื่อตรวจพบมะเร็งก็มีขนาดใหญ่มากแล้ว อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบในระยะแรกๆ ก็มีวิธีที่จะรักษาให้หายขาดได้ เช่น​

    [​IMG]1. การผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออก โดยมีเงื่อนไขว่าก้อนมะเร็งนั้นมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร เป็นมะเร็งก้อนเดียว มีเปลือกห่อหุ้ม และอยู่ภายในตับกลีบเดียว วิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน​

    [​IMG]2. Transcatheter Oily Chemo-embolization หรือ TOCE ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกได้ เนื่องจากมีขนาดใหญ่เกินไป วิธีรักษาแบบ TOCE นี้มักจะกระทำโดยรังสีแพทย์ โดยการสอดสายขนาดเล็กเข้าไปทางเส้นเลือดแดงตับ เพื่อเข้าไปถึงก้อนมะเร็งโดยตรงเพื่อใส่ยาเคมีเข้าไปที่ก้อนมะเร็ง พร้อมทั้งอุดเส้นเลือดหลักที่เข้าไปเลี้ยงก้อนมะเร็งด้วยในเวลาเดียวกัน วิธีการรักษาแบบนี้ก็ได้ผลอยู่บ้างแต่ไม่สามารถจะรักษาให้หายขาดได้ โดยส่วนใหญ่มะเร็งจะกลับโตขึ้นมาได้อีก หรืออาจแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นได้ เช่น ปอดหรือกระดูก ในทางการแพทย์การรักษาโดยวิธีนี้จึงเป็นการรักษาเพื่อยืดเวลา ในบางกรณีเมื่อก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลงและไม่กระจายไปที่อื่นอาจจะผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกเลยก็ได้​

    [​IMG]3. การใช้คลื่นเสียง RFA (Radiofrequency Ablation) เป็นการฉีดแอลกอฮอล์โดยตรงที่ก้อนมะเร็ง เป็นวิธีการทำลายก้อนมะเร็งด้วยการใช้เข็มแบบพิเศษ (RF needle) ขนาดเท่ากับไส้ปากกาลูกลื่น ความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร แทงผ่านผิวหนังเข้าไปในก้อนมะเร็งเป้าหมาย โดยใช้หลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้าจากเครื่อง ทำให้เกิดคลื่นความถี่สูงประมาณ 375-500 KHz จะทำให้โมเลกุลของเนื้อเยื่อรอบๆ เข็มสั่นสะเทือนและเสียดสีกันจนเกิดความร้อน (Friction heat) ซึ่งจะแผ่กระจายออกไปรอบๆ จนครอบคลุมก้อนมะเร็งทั้งก้อน จากการศึกษาพบว่าความร้อนที่มากกว่า 50 องศาเซลเซียส สามารถทำให้เซลล์ตายได้ ก้อนมะเร็งที่ได้รับการรักษาจะเปรียบเสมือนเนื้อย่าง ซึ่งในต่างประเทศใช้วิธีการรักษามะเร็งตับ RFA นี้กันมานานประมาณ 12 ปีแล้ว ส่วนในประเทศไทยเริ่มใช้กันมา ประมาณ 3-4 ปี ที่ผ่านมานี้เอง แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษาเหล่านี้ล้วนเป็นการรักษาแบบประทังทั้งสิ้น​

    [​IMG]4. การเปลี่ยนตับ ปัจจุบันแพทย์ไทยก็สามารถปลูกถ่ายตับได้ แต่สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งมักมีข้อจำกัดมากมาย ทำให้การเปลี่ยนถ่ายตับมักไม่ใช่คำตอบสุดท้ายในการรักษา​

    [​IMG]5. การฉายรังสี วิธีการนี้ไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตับที่ดี มักมีผลเสียจากฉายรังสี​

    มะเร็งตับ ป้องกันได้...

    [​IMG]1. แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี แก่เด็กทุกราย รวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนถึงวิธีการติดต่อของไวรัสตับอักเสบ บี และซี ​

    [​IMG]2. ลดสาร aflatoxin โดยการเน้นการเก็บอาหารให้แห้งเพื่อลดปริมาณ aflatoxin ​

    [​IMG]3. โรคตับแข็ง โดยการลดการดื่มสุรา ​

    [​IMG]4. ไม่รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ปลาดิบ ก้อยปลา เพราะอาจจะทำให้เป็น โรคพยาธิใบไม้ตับหรืออาหารที่หมัก เช่น ปลาร้า ปลาเจ่า แหนม ฯลฯ เพราะมีสาร ไนโตรซามีน ซึ่งทำให้เป็นโรคมะเร็งตับได้ ควรรับประทานอาหารที่สะอาด และปรุงสุกใหม่ๆ​

    [​IMG]5. ไม่รับประทานอาหารที่มีเชื้อรา ระมัดระวังอาหารที่ตากแห้ง รวมทั้งอาหารที่เตรียมแล้ว เก็บค้างคืน เพราะอาจมีเชื้อราปะปนอยู่ ​

    [​IMG]6. ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆ หรืออาหารที่ใส่ยากันบูด ​

    [​IMG]7. ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ ​





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ​


    - nci.go.th

     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานพิเศษขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"สมเด็จพระพุทธสมณโคดม"พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่คุณหนุ่มมีเมตตาอัญเชิญมามอบให้เพื่อนๆที่ได้พบกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขอโมทนาสาธุด้วยครับ
    [​IMG] [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ผมแนะนำสำหรับท่านที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ หากหาผ้าสี(ในความเห็นผมน่าจะเป็นสีเหลือง) ไม่ได้ ก็ให้ใช้สำลีรอง แล้วหาแผ่นทองคำเปลวรองอีกชั้นก่อนที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงในเจดีย์ครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...