พระบูชาหลายรายการหน้า 9 ความคิดเห็นที่ # 171 ขึ้นไป

กล่องพัสดุภายในบรรจุไฟฉายที่สั่งซื้อครั้งนี้ เพื่อมาน้อมถวายต่อสงฆ์ครับ

 

ไฟฉายกระบอกเดิมด้านขวา C8 ที่กระจกเป็นฝ้าฝุ่นเพียงใช้งานผ่านไปเพียงประมาณ 10 เดือน ส่วนกระบอกซ้ายคือ Fenix PD35 กระจกนอกจากโค๊ดให้แสงผ่านได้มากแล้ว เข้าใจว่า จะมีการกันฝุ่นเข้าได้ดีกว่าของ C8

 

การต๊าปเกลียวเพื่อให้ฝาหลังหมุนเปิด/ปิด เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นเกลียวที่ไม่ละเอียดจนเกินไป มีความหยาบพอสมควร ที่ภาษาช่างอาจเรียกว่า เกลียวหยาบปานกลาง เนื้ออลูมีเนียมเป็นเกรดแข็งแรงกว่า C8 มาก ผมสามารถรับรู้ได้ด้วยการสัมผัสและการเอาโลหะเคาะเบา ๆ ทำให้รู้สึกได้ว่า Fenix เป็นไฟฉายที่คุณภาพดีกว่า นี่แค่เรื่องเปลือกนอกนะครับ เดี๋ยวจะเจาะเ้ข้าไปด้านในคุณภาพของไฟฉายอีกที ( เจาะโดยไม่ต้องเปิดไส้ในนะครับ เป็นการทดสอบทดลองในเชิงช่างแบบผมครับ )

 

ถ่านของ trustfire ผมอัดไฟตั้งแต่ได้รับไฟฉายมาคือประมาณ 12.30 น. มาเต็มสีเขียวเมื่อประมาณ 16.30 น. ส่วนถ่านของ ultrafire ที่ผมอัดเต็มไว้ก่อน ผมทำการทดลองเพียงไม่ถึงสิบนาที ผมอัดเวลาประมาณ 13.00 น. มาเต็มสีเขียวเวลาประมาณเกือบ 16.40 น. ซึ่งหมายความว่า แบตเตอรี่เดิมยังมีคุณภาพพอใช้ได้อยู่

 

ทดลองวงจรของไฟฉายตัดเมื่อร้อนหรือ 3 นาที

ผมได้ทดลองไฟถ่านที่มีไฟเต็มของ ultrafire เข้าไปในไฟฉาย PD35 ทดสอบเปิดแรงเต็มที่ แล้วมองนาฬิกาที่มีเข็มวินาที ขณะเดียวกันก็มองแสงไฟไปด้วยว่า แสงจะตกจากประมาณ 7 - 800 ลูเมนเมื่อเวลาผ่านไป 3 นาที หรือ จะตกต่อเมื่อเกิดความร้อนขึ้นในตัวไฟฉาย

ผมส่องไฟไปที่กำแพงเมื่อแสงพุ่งแรงสุดที่ประมาณ 700 ลูเมนเศษหรือ 800 ลูเมน ( ตามสเป็คของโรงงาน ) โดยวางนาฬิกาเข็มวินาทีไว้ใกล้ตาด้วย เวลาผ่านไปทีละวินาที พอถึงนาทีที่ 2 นาทีกับอีก 10 วินาที ผมลองใช้มือแตะที่ครีบระบายความร้อน รู้สึกได้ว่า อุ่นขึ้นมาก แสงสว่างที่ส่องไฟไปที่กำแพงยังไม่ตกลงเลย ผ่านไปถึงนาทีที่ 3 เต็ม ๆ และผ่านไปอีกถึงนาทีที่ 4 ก็ยังไม่รู้สึกว่าแสงตกลง ( คือรู้สึกว่าแสงไม่ได้ตกลงไปเหลือ 550 ลูเมนส์ตามที่สเป็คกล่าวไว้ ) ซึ่งความจริงแสงได้ตกลงไปแล้ว หากแต่ความรู้สึกอาจตามไม่ทัน เนื่องจากแสงที่จ้าจริง ๆ ทำให้ตาพร่า ผมรอให้เข็มวินาทีผ่านไปเกิน 5 นาทีอีกสิบวิแล้ว จึงแน่ใจว่า ถ้าไม่ไฟฉายเสียก็ตาพร่าแบ่งระดับแสงไม่ออก ผมจึงกดสวิทที่คอเพื่อดูว่าขณะนี้เราอยู่ที่จังหวะใด พบว่า ทันทีที่กดสวิทที่คอ แสงกลับแรงขึ้นมาอยู่ที่ 7 - 800 กว่าลูเมน นั่นแปลว่า ไฟฉายเขาทำงานดีแล้ว แต่ตาผมพร่าทำให้แบ่งไม่ออกเอง

 

ผมยอมรับว่า แสงไฟจากไฟฉาย Fenix PD35 ตัวนี้ ในระดับแรงสุดหรือที่เรียกว่า Turbo นั้น แรงมาก ความเข้มของแสงเพียง 7 - 800 ลูเมนส์เศษนั้น แรงจนตาพร่า ( นี่คือการทดลองในห้องขนาด 5 X 6 เมตรนะครับ ) คืนนี้จะได้ไปทดลองบนพื้่นผิวถนนและในสนามหญ้า ในป่า ในรก ในพงต้นไม้หนาแน่นอีกทีครับ

 

สวิทกดที่คอ หรือภาษาอังกฤษเขาว่าที่ " หาง " กดเพื่อเปิดและปิดเท่านั้น เมื่อกดสวิทที่ก้นแล้วไฟเปิดติดในจังหวะใดก็ตาม ( หากปิดสวิทที่ก้นในจังหวะที่เปิดไฟอยู่ที่ step ที่เท่าใด ตอนเปิดจะเปิดติดในจังหวะนั้น ๆ เสมอ ) เมื่อไฟเปิดแล้ว กดสวิทที่คอเพื่อไล่ระดับความเข้มของแสงไปเรื่อย ๆ มี 5 จังหวะ ทุกจังหวะสามารถใช้ไฟฉุกเฉินได้หมดคือ กดสวิทที่คอคาเอาไว้ประมาณ 2 วินาที ไฟจะเข้าสู่โหมดกระพริบแรงมาก ทำให้คนหรือสัตว์ที่เราคิดว่าจะเข้ามาทำร้าย อาจจะถึงกับตาพร่า ในสัตว์ที่ตาเขาไวต่อแสงมาก ๆ อาจทำให้ถึงกับสู่ภาวะตาบอดชั่วคราวได้เลย ซึ่งผมขอความกรุณาว่า อย่าไปเปิดจังหวะนั้นใส่คนหรือสัตว์โดยไม่จำเป็นเลย ตาพร่านี้จะกินเวลานานมากกว่าจะหายคืนกลับปกติครับ

 

การทดลองไฟฉายภาคกลางคืนเปรียบเทียบระหว่าง C8 และ PD35

ต่อไปนี้เป็นการทดลองเปรียบเทียบระหว่างไฟฉาย Fenix กระบอกใหม่ที่ให้แสงเต็มที่ได้ประมาณ 800 ลูเมน ( ซึ่งพวกเรากำลังจะน้อมถวายเป็นสังฆทานต่อสงฆ์ที่มีถิ่นพำนักในดงงูกะปะ ) เปรียบเทียบกับกระบอกเดิมที่วงจรภายในของไฟฉายเสียหายไปมากเพียงเวลา 10 เดือนที่ผ่านไป แต่กระบอกเดิมนั้น มีความสว่างถึง 1,800 ลูเมน

ขอให้ติดตามรายงานการทดลองต่อไปครับ

 

ซ้ายแสงจาก Fenix PD35 ระดับแสง 800 ลูเมนที่เปิดปุ๊บติดปั๊บ แสงสว่างเกลี่ยได้กว้าง แสงสาดเฉลี่ยความสว่างเต็มประมาณเกือบทั่วทุกพื้นที่ในวงกว้าง ซึ่งผมเห็นว่าพอเพียงแก่การใช้งาน โดยเฉพาะการสังเกตุให้เห็นงูกะปะ หรือแม้จะเป็นงูเห่า งูจงอางก็ตาม แสงเฉลี่ยได้กว้างและไม่ขาดเว้าเหมือนของ C8

ขวาเป็นแสงจาก UltraFire C8 ระดับแสง 1,800 ลูเมนที่ให้แสงดูเหมือนพุ่งไกลกว่า แต่มีข้อเสียคือ แคบกว่ามาก ความสว่างไปกระจุกอยู่ตรงกลาง ซึ่งข้อดีก็คือ ถ้าส่องไปเจองูก็จะชัดเจนกว่า แต่ถ้างูหลบ หรือสาดผ่านไปเพียงเล็กน้อยก็อาจคลาดเคลื่อนและไม่เห็น เพราะชัดเฉพาะตรงกลางจุดเล็ก ๆ

 

ขวา C8 ซ้าย PD35

ถ้ามองจากภาพดูเหมือน C8 จะชัดเจนกว่า แต่ผมทดลองเอากล้องเก็บไว้ก่อน แล้วดูด้วยตาเปล่า พบว่า C8 แรงเป็นจุดกลาง ส่วน PD35 แสงสว่างกว้างเฉลี่ยทั่วถึงทั้งวงกลมกว้าง ๆ นั้นได้ดีกว่าในลักษณะของความสบายตา

ทั้งนี้ถ้าเป็นนักยิงปืนนักยิงธนูก็อาจเชียร์ C8 แต่ในฐานะที่ผมมีอายุมากขึ้นมากแล้ว ต้องการความสบายของสายตาและเบ้าตาด้วย C8 มองแปร๊บเดียวปวดเบ้าตากว่า ส่วน PD35 ให้แสงสบายตามากกว่า ผมเข้าใจว่าถ้าผมไม่ไปปวดเบ้าตากับ C8 เสียก่อน PD35 น่าจะถือว่าทำให้เจ้าของมีชีวิตที่สบายตาและไม่ปวดตา

 

ขวา C8 ซ้าย PD35

 

ภาพบนสุดนี้ผมใช้ C8 ส่องในระยะ 4 เมตรด้วยแสงประมาณ 1,800 ลูเมน


....................................................



ภาพล่างผมยืนอยู่ที่เดิม ใช้ PD35 ส่องด้วยความแรง 800 ลูเมน พบว่า แสงกว้างกว่า ทำให้สามารถเห็นชัดเจนกว่าแบบว่า ถ้าส่องงูน่าจะ PD35 เหนือชั้นกว่า แต่ถ้าจะส่องหาปลอกกระสุนคงต้องใช้ C8

 

ภาพด้านบนนี้ผมยืนห่างจากบ้านหลังที่สาดแสงส่องข้างบ้านประมาณ 50 เมตรโดยเปิด 1,800 ลูเมนจาก C8


..........................................


ส่วนภาพล่างผมยืนอยู่ที่เดิม ใช้ PD35 ส่องใน step ที่ 5 คือประมาณ 800 ลูเมน

 

ผมยืนห่างจากต้นไม้ใหญ่ประมาณ 25 - 30 เมตร ใช้ C8 เปิดเต็มที่ 1,800 ลูเมน


..............................


ภาพล่างผมยืนอยู่ที่เดิมแล้วใช้ PD35 ส่องที่ความเข้มแสง 800 ลูเมน

 

สรุป PD35 สบายตากว่า ไม่ปวดตา แสงก็พอเพียงอย่างเหลือเฟือ

ผมฟันธงในฐานะที่ผมเองเคยอยู่ป่า เคยเข้าป่าไปภาวนาชนิดที่เรียกว่า มืดสนิทจริง ๆ และอยู่คนเดียวโดยหากพลาดก็ไม่ต้องหาคนช่วย คนที่จะมาจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด จะต้องใช้เวลาเดินเข้าป่าไม่ต่ำกว่าเกือบ 1 ชั่วโมง นั่นหมายถึงสายไปเสียแล้ว ผมย่อมตระหนักและเข้าใจดีว่า หากผมเขียนโดยไร้ความรับผิดชอบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ผมย่อมต้องใช้วิจารณญาณหลาย ๆ ด้านโดยรอบ รวมทั้งความมั่นใจในอุปกรณ์ด้วย เพราะ C8 ของ UltraFire ตัวที่ผมใช้ทดลองนี้ เปิดแล้วไม่ติดหลายครั้งมาก จนกว่าจะเปิดติดสักครั้ง ถ้าหากมีภัยมาก็สายไปแล้ว ส่วน Fenix PD35 มีความแม่นมากในทุก ๆ จังหวะของสวิทที่รับรู้ได้ถึงความเฉียบแน่นและแม่นยำกว่าในทุก ๆ ด้านครับ

สรุปว่า PD35 ของ Fenix ดีถึงระดับที่ผมกล้าให้ความเชื่อถือได้ถึง 5 ดาว ( เมื่อเปรียบเทียบกับโรงแรมระดับ 5 ดาวนะครับ ) คือนำองค์ประกอบทุก ๆ ด้านมาพิจารณาแล้ว เขาได้ 5 ดาวจริง ๆ

ส่วน C8 กระบอกนี้ที่วงจรเสียไปแล้ว ผมให้เหลือแค่ 1 ดาวครับ

 

การทดสอบการทำงานวงจรลดแสงอัตโนมัติใน PD35

ผมได้ทำการทดสอบการทำงานของวงจรภายในไฟฉาย Fenix PD35 ด้วยการจับเวลา เมื่อเปิดแสงสว่างไปที่แรงที่สุดคือประมาณ 800 ลูเมน ต้องรอไปอีกประมาณ 5 นาทีหรืออาจมีเศษวินาที วงจรอัตโนมัติจะทำงานด้วยการลดแสงลงจาก 800 ลูเมนลงเหลือประมาณ 500 ลูเมน ผมใช้มือแตะที่ครีบระบายความร้อนบ่อย ๆ ตั้งแต่นาทีที่ 2 เป็นต้นไป ความร้อนที่ครีบระบายออกมาจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 40 C เศษ ๆ และร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 1 - 2 นาที เขาสามารถทำความร้อนได้ถึงประมาณ 50 C หรืออาจจะ 50 C เศษ ๆ

ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าบริษัท Fenix ใช้วิธีอะไร คือ ถ้าใช้สวิทหน่วงเวลาหรือที่ช่างเรียกว่า ไทเมอร์รีเลย์ ก็คงตั้งไว้ที่ 5 นาที ซึ่งถ้าตามความเห็นของผมนั้น น่าจะถือว่า นานเกินไป ควรลดเวลาในตัวไทเมอร์รีเลย์ลงเหลือแค่ 3 นาทีก็พอแล้ว หรือถ้าหากใช้วงจรตรวจจับความร้อน ก็คงตรวจจับที่ประมาณ 50 C เศษ ๆ ซึ่งถือว่าพอดีกับการใช้งาน ถึงแม้ความเห็นส่วนตัวอยากให้ลดลงมาที่ 42 C มากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้านาทีฉุกเฉินนั้น 50 C ถึงแม้จะทำให้วงจรเสียหายได้ แต่ชีวิตของผู้ใช้สำคัญกว่า

หมายเหตุ
ตรงนี้ผมได้โทรศัพท์คุยกับไทยไล้ท์ช๊อปแล้ว ทางร้านบอกว่า การเปิดไฟฉายแรงที่สุดใน PD35 นั้น ควรเปิดเพียง 1 - 3 นาทีแล้วควรต้องใช้มือเจ้าของเป็นคนลดความแรงลง ไม่ควรรอให้วงจรเป็นตัวจัดการลดให้อัตโนมัติ เพราะวงจรอัตโนมัตินี้ ถ้าหากเจออย่างนี้บ่อย ๆ เพียงไม่กี่เดือน ก็อาจพบความผิดปกติได้ เช่น อาจจะแรงสุดแล้ว แต่แสงไม่ถึง 800 ลูเมนในภายหลัง หรืออาการอันไม่พึงประสงค์อื่น ๆ

ดังนั้น การใช้งานที่ถูกต้องคือการกดสวิทที่คอใน step ที่ 1, 2, 3 และ 4 ไม่ควรกดไปใช้ step ที่ 5 เกิน 1 นาที

 

ทบทวนวิธีการใช้งานแบบอ้างอิงหนังสือคู่มือ


ไฟฉาย Fenix PD35 XM-L2 850 Lumens "เล็ก-เบา-แรง"

จัดมาเต็มสำหรับไฟฉาย EDC แนวพกพาขนาดเล็กกำลังดี น้ำหนักเบา ให้ความสว่างสูง รุ่นใหม่สดๆจาก Fenix คือ ไฟฉาย Fenix PD35 ที่ต่อยอดมาจาก Fenix PD32 รุ่นก่อนหน้าที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้ชนิด หมดไปอย่างรวดเร็ว มาในรุ่นนี้ Fenix PD35 ออกแบบรูปทรงมาคล้ายๆ PD32 แต่เลือกใช้หลอดแสงขาวรุ่นใหม่สุดคือ XM-L2 U2 โดยมีความสว่างสูงสุดที่ 850 Lumens ซึ่งต่างจาก PD32 ทั้งแสงและระดับความสว่างอย่างชัดเจน จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการไฟฉายพกพาขนาดไม่ใหญ่มาก ใช้แบต 18650 เพียงก้อนเดียว ให้ความสว่างสูง แต่น้ำหนักไม่มาก พร้อมมาตรฐานที่ครบครันจาก Fenix และมีจำนวนการผลิตไม่มาก จึงถือว่าเป็นไฟฉายที่น่าจับจองน่าใช้อีกรุ่นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

..........................

คำโฆษณาของบริษัทที่กล่าวมาด้านบนนั้น ผมเห็นว่าถูกต้องและสมควรได้รับคำชมเชยว่า เป็นคำแนะนำถึง PD35 ที่ได้ความถูกต้องและได้ใจคนชอบไฟฉายในระดับใช้งานจริง ๆ ปานกลางได้อย่างดี

 

ทบทวนวิธีการใช้งานแบบอ้างอิงหนังสือคู่มือ


- PD35 มาพร้อมความสว่างสูงถึง 850 lumens และมีโหมดการใช้งานให้มากถึง 6 โหมด(รวมโหมดกระพริบ) จึงเหมาะกับการใช้งาน outdoor ในทุกรูปแบบ

..........................

เปิดสวิทจากก้นไฟฉายถือว่าเป็นการเปิดให้แสงสว่างออกมาโดยสวิทก้นจะเลือกระดัีบแสงเดิมที่เราปิดเอาไว้เมื่อการใช้งานครั้งล่าสุด ผมแนะนำว่า ควรเลือก step ที่ 3 เปิดไว้แล้วปิดสวิทที่ก้น พอเปิดใหม่ไฟฉายจะติดที่ step 3 อันผมเห็นว่าไม่แรงเกินไป ไม่ค่อยหรือมืดเกินไป หากใช้งานไฟฉายตัวนี้ดี ๆ คงจะใช้ได้นานไม่ต่ำกว่า 5 ปีก่อนที่จะมีอาการครั้งแรก

เมื่อกดสวิทก้นครึ่งจังหวะ แสงระดับเดิมจะติด และเมื่อปล่อยสวิทไฟจะดับ

 

- ขนาดของไฟฉายยาวไม่ถึง 14cm และมีน้ำหนักเพียง 87 กรัม แต่ให้ความสว่างเกินตัว

............................

ขนาดและน้ำหนักของไฟฉายถือว่าเต็มไม้เต็มมือสำหรับนักใช้ไฟฉายระดับปานกลาง แต่อาจใหญ่ไปสำหรับการนำไฟฉายมาห้อยคอ และก็อาจจะเบาไปสำหรับนักเฝ้าป่าที่ต้องป้องกันคนตัดไม้ทำลายป่าหรือล่าสัตว์ ( ซึ่งรายการหลังนี้ความจริงไม่ใช่กิจของสงฆ์ ควรใช้วิธีอื่นดูแล แทนที่จะเอาตัวพระภิกษุเข้าแลกด้วยการเฝ้าป่าในยามค่ำคืนแล้วเดินเข้าไปถามนักตัดไม้ ซึ่งอันตรายมาก )

สรุปขนาดกำลังดีสำหรับนักใช้ระดับปานกลางค่อนข้างซีเรียส