ฝึกสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 31 กรกฎาคม 2014.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ของเก่า หรือกรรมฐานเก่า


    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?
    กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะ เกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป








    ผู้ถาม:- “หลวงพ่อครับ กสิณนี่เป็นมโนภาพใช่ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “กสิณไม่ใช่มโนภาพนะ กสิณนี่ต้องใช้นิมิตตรง”
    ผู้ถาม:- “ต้องใช้ดูวัตถุ ใช่ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “ใช่ ต้องใช้ดูวัตถุแล้วจำภาพ ไม่ใช่มโนภาพ ถ้าเราจะตั้งก็ได้ แต่เป๋ ถ้าดูวัตถุยังไม่ค่อยจำ นี่เล่นมโนภาพ ระวังกสิณโทษจะเกิด อย่างเราเจริญปฐวีกสิณ จะต้องเอาจิตจับไว้เฉพาะปฐวีกสิณอย่างเดียว ถ้าภาพอื่นข้ามาแทรกต้องตัดทิ้งทันที นั่นเขาถือว่าเป็นกสิณโทษ จนกว่ากสิณกองนั้นเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็คล่องตัว จึงจะย้ายไปเป็นกสิณกองอื่นต่อไป
    ถ้ากสิณกองต้นเราได้แล้ว ถ้าภาพอื่นเข้ามา เราตัดเลย เพราะว่าเราเจริญปฐวีกสิณ ดูดิน ถ้าบังเอิญกสิณอย่างอื่นเข้ามาแทน เช่น กสิณน้ำ กสิณลม กสิณไฟ มันแจ่มใสกว่า เราจะยึดเอาไม่ได้ ต้องตัดทิ้งทันที จนกว่ากสิณกองนั้นจะจบถึงฌาน ๔ ให้มันคล่องจริง ๆ ไม่ใช่แต่ทำได้นะ
    คำว่าคล่องจริง ๆ หมายความว่า ถ้าเรากำลังหลับอยู่ ถ้าเราตื่นขึ้นมา เราจะจับฌาน ๔ ถ้าคนกระตุกพั้บเราจับฌาน ๔ ได้ทันที กสิณกองนั้นจึงชื่อว่าคล่อง
    ถ้าเหน็ดเหนื่อยมาแต่ไหนก็ตาม ถ้าจะจับฌาน ๔ ต้องได้ทันทีทันใด เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที ใช้ไม่ได้ ถ้าคล่องแบบนี้ละก็กสิณอีก ๙ กอง เราจะได้ทั้งหมด ไม่เกิน ๑ เดือน เพราะว่าอารมณ์มันเหมือนกัน เปลี่ยนแต่รูปกสิณเท่านั้น
    ฉะนั้น การได้กสิณ กองใดกองหนึ่ง ก็ต้องถือว่าได้ทั้ง ๑๐ กอง เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ยาก ของเหมือนกัน แต่เพียงแค่เปลี่ยนสีสันวรรณะเท่านั้นเอง มันจะขลุกขลักแค่ครึ่งชั่วโมงแรก เดี๋ยวก็จับภาพได้ แล้วจิตก็เป็นฌาน ๔ นี่เราฝึกกันจริง ๆ นะ ถ้าฝึกเล่น ๆ ก็อีกอย่างหนึ่ง”
    ผู้ถาม:- “การปฏิบัติพระกรรมฐาน ถ้าเราจะไม่ใช้กสิณ แต่เราใช้กำหนด อัสสาสะ ปัสสาสะได้ไหมครับ…?”
    หลวงพ่อ:- “ได้ ถือว่าอัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจเข้าออก
    คือ จริตของคน พระพุทธเจ้าทรงจัดแยกไว้เป็น ๖ อย่าง คือ ราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต วิตกจริต ศรัทธาจริต พุทธจริต และก็ พระพุทธเจ้าตรัสพระกรรมฐานไว้ ๔๐
    แต่ว่าเป็นกรรมฐานเฉพาะจริตเสีย ๓๐
    อย่างพวก ราคะจริต ถ้าใช้ อสุภ ๑๐ กับกายคตานุสสติ ๑ เป็น ๑๑
    และพวก โทสะจริต มีกรรมฐาน ๘ คือ มีพรหมวิหาร ๔ แล้วก็กสิณอีก ๔ สำหรับกสิณ ๔ คือ กสิณสีแดง กสิณสีเหลือง กสิณสีเขียว กสิณสีขาว
    สำหรับ วิตกจริตกับโมหะจริต ให้ใช้กรรมฐานอย่างเดียวคือ อานาปานุสสติ อย่างที่โยมว่า อัสสาสะ ปัสสาสะ
    แล้วก็ ศรัทธาจริต ใช้กรรมฐาน ๖ อย่าง คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ แล้วก็เทวตานุสสติ
    ต่อไปเป็น พุทธจริต พุทธจริตนี่ก็มีกรรมฐาน ๔ คือ มรณานุสสติ อาหาเรปฏิกูลสัญญา จตุตธาตุวัตถาน อุปสมานุสสติ
    รวมแล้วเป็น ๓๐ เหลืออีก ๑๐ เป็นกรรมฐานกลาง
    ฉะนั้นการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าหากเดินสายสุกขวิปัสสโก จะต้องใช้กรรมฐานให้ถูกกับจริต ถ้าไม่ถูกกับจริต กรรมฐานนั้นจะมีผลสูงไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังหักล้าง
    ทีนี้ถ้าหากว่านักเจริญกรรมฐานทั้งหมด ไม่ต้องการอย่างอื่น จะใช้อานาปานุสสติก็ได้ ถ้าคนทุกคนคล่องในอานาปานุสสติกรรมฐาน จะมีประโยชน์
    เมื่อป่วยไข่ไม่สบาย เมื่อทุกขเวทนามันเกิดขึ้น ถ้าใช้อานาปาเป็นฌาน ทุกขเวทนามันจะเบามาก จะไม่มีความรู้สึกเลย นี่อย่างหนึ่ง
    แล้วก็ประการที่สอง คนที่ชำนาญในอานาปาจะรู้เวลาตายของตัว แล้วก็จะรู้ว่าตายด้วยอาการอย่างไร
    แล้วก็ประการที่สาม อานาปานุสสติสามารถควบคุมกำลังฌาน สามารถเข้าฌานได้ทันทีทันใด ประโยชน์ใหญ่มาก”
    ผู้ถาม:- “เมื่อกำหนดลมหายใจด้วย ภาวนาด้วย สมาธิมันวอกแวก ๆ ครับ…”
    หลวงพ่อ:- “ก็ แสดงว่าจริตของคุณโยมหนักไปในด้านวิตกจริต กับ โมหะจริต ฉะนั้นคนที่มีวิตกจริงต้องใช้อัสสาสะ ปัสสาสะ ไม่ต้องภาวนา ขืนภาวนาแล้วยุ่ง พระพุทธเจ้าทรงจำกัดไว้เลยว่า เรามีจริตอะไรเป็นเครื่องนำ ต้องใช้เป็นกรรมฐานอย่างนั้นเฉพาะกิจ ถ้าใช้ผิดก็ไม่ได้ ผลมันไม่มี ที่โยมถามก็เหมาะสำหรับคุณโยม”
    <center>※ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๒ หน้า ๖๐-๖๒
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

    ปัญหาการปฏิบัติพระกรรมฐาน(๖)


    </center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2014
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]

    คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง

    อุเบกขาบารมีตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า ช่างมันขันติบารมีนี่ก็เหมือนกันใช้คำว่าช่างมัน ตรงตัวดี คนที่มี บารมีต้น นี่นะ เขาเก่งแค่ทานกับศีลอย่างเก่ง ถ้าอุปบารมี ก็เก่งแค่ฌานสมาบัติ จิตใจพอใจมาก แต่พูดเรื่องนิพพานไม่เอาด้วย คนที่มีบารมีเข้าถึง ปรมัตถบารมีเท่านั้น จึงจะพอใจในนิพพาน

    แสดงกระทู้ - พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) • ลานธรรมจักร
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ห้ามทิ้งคำภาวนาครับ

    ให้กลับมาที่คำภาวนา ถ้านั่งๆไปลืม นึกได้ ก็กลับมาที่กรรมฐานคำภาวนาในกรรมฐานที่ปฏิบัติ ครับ

    ห้ามทิ้งผู้รู้ ห้ามทิ้งคำภาวนา เด็ดขาดครับ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว พูดไว้ชัดเจนครับ


    ขนาดฌาน ปฐมฌาน ก็ต้องต้องมีคำภาวนาเลยนะครับ ต่ำกว่านี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ^^

    - ฌาน สมาบัติ

    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง
    โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



    อ่านดูได้ครับ หลวงพ่อกล่าวไว้ชัดเจน ปฐมฌาน ก็ต้องต้องมีคำภาวนา ห้ามทิ้งคำภาวนาเด็ดขาดครับ

    ถ้าเห็นทิ้งคำภาวนา หรือ ลืมภาวนาด้วยตัวเองนี่ ขาดสติ ฟุ้งซ่าน ต้องแก้ด้วยการกลับมาภาวนานะครับ
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถ้าเป็นบารมีต้นให้ทานได้ รักษาศีลจะบอกว่าไม่ไหว ถ้าเป็นบารมีกลางให้ทานได้ รักษาศีลได้ แต่ให้ภาวนาจะบอกว่าไม่ไหวเช่นกัน ต้องเป็นปรมัตถบารมีเท่านั้นจึงจะสามารถที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้ ดังนั้น..ถ้าใครอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญาแปลว่าทำทานมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว สามารถที่จะปฏิบัติเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา โดยไม่ต้องมีทานอีกก็ได้

    ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิและปัญญา ถ้าศีลไม่ทรงตัว สมาธิจะไม่เกิด การที่เราระมัดระวังรักษาศีลอยู่ทุกอิริยาบถ ก็คือการฝึกสมาธินั่นเอง ขณะเดียวกันถ้าไม่มีสมาธิ ก็จะไม่มีสิ่งที่จะมายับยั้งชั่งใจของตัวเองในการที่จะละเมิดศีล ดังนั้น...การรักษาศีลสร้างสมาธิให้เกิด เมื่อสมาธิเกิดจะมาช่วยระงับยับยั้งใจของตนเองในการรักษาศีลอีกทีหนึ่ง

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr valign="bottom"><td width="100%">เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี </td></tr><tr><td class="navbar" style="font-size:10pt; padding-top:1px" colspan="3">[​IMG] เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ </td></tr></tbody></table>
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : การจับอานาปานุสติแล้วเกิดอุคหนิมิตและปฏิภาคนิมิต (ไม่ชัด)
    ตอบ :
    คนที่เคยมีพื้นฐานเก่ามาก่อน จะสามารถเกิดนิมิตขึ้นมาได้ ถ้าไม่มีพื้นฐานเก่ามาก่อนจะไม่มี

    ถาม : แล้วพื้นฐานเก่านี่รวมถึงกสิณด้วยหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ :
    อยู่ ที่ว่าเราฝึกกสิณมาหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ฝึกกสิณมาก่อน นิมิตก็ไม่แน่ว่าจะปรากฏ แต่ถ้าหากว่าเราฝึกกสิณอยู่ ถึงเวลาปฏิภาคนิมิตจะสามารถปรากฏขึ้นเองได้ ขยายให้ใหญ่ได้ ให้เล็กได้ ให้มาได้ ให้ไปได้ ถ้าหากว่าตรงกับกองกรรมฐานที่ทำอยู่ เราก็พิจารณากำหนดปฏิภาคนิมิตได้ ถ้าหากว่าไม่ตรงกับกองกรรมฐานก็ต้องปล่อยทิ้งไปเฉย ๆ อย่าไปสนใจ ในช่วงนั้นถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็กำหนดรู้ลมหายใจพร้อมกับนิมิต ถ้าไม่มีลมหายใจก็ให้จับนิมิตอย่างเดียว

    เมื่อสภาพจิตเราเริ่มทรงตัว นิมิตต่าง ๆ จะปรากฏขึ้น แล้วส่วนใหญ่จะไปเสียตรงนั้น พอถึงเวลาภาวนาเมื่อไรก็อยากเห็นนิมิตอีก ตัวอยากฟุ้งซ่านก็เลยไม่เห็น เลยทำให้เสียคนไปเลย จนกระทั่งมีนักปฏิบัติที่มาทางสายวิชาการหลายคนบอกว่า ใครทำแล้วได้นิมิต ครั้งต่อไปอย่าหวังเลยว่าจะได้เพราะเขามั่นใจว่า ไอ้นี่ต้องฟุ้งซ่านจนกระทั่งไม่มีทางได้เห็นอีก


    แต่ละคนที่เคยมีพื้นฐานเก่ามาก่อน จะสามารถเกิดนิมิตแบบนั้นได้ ถ้าไม่มีพื้นฐานเก่ามาก่อนจะไม่มี แสดงว่าชาติก่อน ๆ คุณเคยฝึกมาแล้ว แต่เรื่องอย่างนี้ถ้าไปพูดกับสายวิชาการเขาไม่ยอมรับ เขายืนยันอย่างเดียวว่าไม่มี

    ให้กำหนดลมหายใจเป็นปกติ ตามดูตามรู้อย่างเดียว ถ้านิมิตเกิดขึ้นตรงกับกองกรรมฐานก็สามารถจับต่อได้ ถ้าไม่ตรงกับกองกรรมฐานก็ทิ้งไปเลยถ้ายังรู้ลมอยู่ก็กำหนดรู้ลมไป ถ้าไม่รู้ลมแล้วก็จับนิมิตอย่างเดียว


    ส่วนใหญ่แล้ว แรก ๆ ประเภทศึกษามาน้อย มักจะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ถ้าถึงตรงนั้นแล้วเดี๋ยวก็มั่วถูกไปเอง


    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
    โหลดหน้านี้ใหม่ เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม: ถามเรื่องการอธิษฐาน (ไม่ชัด)
    ตอบ : อยู่ ที่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าตั้งใจสร้างพระก็ได้อานิสงส์เป็นพุทธบูชาอยู่แล้ว ตั้งใจอุทิศให้เขา ถ้าเขียนเฉย ๆ ไม่ได้อะไรหรอก สร้างพระได้บุญใหญ่อยู่แล้ว ผลบุญที่เราได้มา เราจะขอให้เป็นอะไรเป็นอย่างไร ก็อธิษฐานเอา ตั้งใจจะให้ประเทศชาติสุขสงบอย่างไรก็ว่าไป

    ถาม: ถามเรื่องการอธิษฐาน (ไม่ชัด)
    ตอบ : ถึงเวลาอาจจะมาไม่ตรงจังหวะที่เราต้องการ เราหิวข้าวตอนนี้กว่าจะมาอีก ๓ วันเราก็หน้ามืดสิ อธิษฐานบารมีเป็นเรื่องของคนฉลาด เพราะ ว่าเรื่องของบุญ ของบาป เราตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เกิดผลแน่ ๆ คราวนี้อธิษฐานบารมีเป็นการกำหนดเจาะจงว่า จะให้เกิดผลเมื่อไร เกิดผลอย่างไร หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า บุคคลที่ใช้อธิษฐานบารมีเป็น ต้องระดับอุปบารมีขั้นปลายขึ้นไป บางคนเข้าใจผิดว่าทำบุญแล้วยังโลภอีก ไปอธิษฐานโน่น อธิษฐานนี่ กลายเป็นว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ดีแท้ ๆ และเป็น ๑ในบารมี ๑๐ ที่ต้องสร้างให้เต็ม เขากลับไปเข้าใจผิด เข้าป่าเข้าดงไปเลย

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
    โหลดหน้านี้ใหม่ เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗
     
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนการฝึกทิพโสต อันดับแรก เมื่อใจนิ่งสงบพอแล้ว ให้ตั้งใจฟังเสียงที่อยู่รอบ ๆ ข้างของเรา จะเป็นเสียงดัง เสียงเบาอะไรก็ตาม ฟังจนรู้สึกว่าชัดเจนทุกเสียง แล้วค่อยขยายวงให้กว้างออกไป อย่างเช่นว่าเราฟังอยู่ในห้อง ให้ได้ยินทุกเสียงที่ต้องการ ไม่ว่าเสียงพัดลม เสียงยุงบิน เสียงจิ้งจกร้อง เป็นต้น แล้วขยายวงให้เสียงออกไปห้องอื่น ออกไปทั้งบ้าน ออกไปทั่วขอบรั้ว ออกไปนอกรั้ว ทีละน้อย ๆ จนเราได้ยินเสียงชัดเจนหมด แล้วขยายออกไปทีละน้อย จนกระทั่งสามารถกว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด ค่อย ๆ ไล่ไปทีละขั้นตอนอย่าใจร้อน แต่ถ้าฝึกวิธีนี้ต่อไปจะรำคาญ ถึงเวลาใครบ่นก็ได้ยินหมด

    อย่าลืมว่าขึ้นต้นด้วยการทบทวนศีลของเราทุก สิกขาบทให้บริสุทธิ์ ตั้งใจว่าถ้าเราตายลงไปขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วทบทวนกรรมฐานเก่าทุกกองที่เรามั่นใจว่าได้แล้ว ถ้าทดลองอธิษฐานใช้ผลได้ยิ่งดี คือทันทีที่เรากำหนดเป็นแก้วใสได้ ให้กำหนดกสิณกองนั้น ๆ ให้ขยายใหญ่ได้ ให้เล็กลงได้ ให้มาได้ ให้หายไปได้ แล้วลองอธิษฐานใช้ผลดู ถ้าหากว่าใช้ได้คล่องตัวแล้ว ค่อยขยับไปกองใหม่ ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับว่า เราจับแพะชนแกะไปเรื่อย ของเก่าก็ยังไม่ได้ ของใหม่ก็ยังไม่ดี กลายเป็นเหนื่อยเปล่า"

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอาจารย์กล่าวว่า "การฝึกกสิณต้องใช้ให้ได้ผลก่อน ถ้ายังใช้ผลไม่ได้ยังไม่ถือว่าได้จริง อย่างถ้าเราใช้วาโยกสิณ เราอยู่ตรงนี้ตั้งใจว่าเราจะไปบ้าน กำหนดจิตเข้าสมาธิตั้งใจอธิษฐานว่าเราจะไปบ้าน คลายสมาธิออกมาอธิษฐานใหม่ แล้วตัวเราไปอยู่ที่บ้านเลย นั่นคือใช้วาโยกสิณได้ผล

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗


    ปฐมฌาน องค์ของปฐมฌาน มี 5 คือ

    ๑. วิตก
    ๒. วิจาร
    ๓. ปีติ
    ๔. สุข
    ๕. เอกัคคตา

    จะเห็นได้ว่า คร่าวๆ ไม่เข้าข่าย ของ สมาธิ ฌาน ใดๆ เลย นั้นเอง

    นั้นก็เพราะว่า จิต ยังไม่ได้เป็น สมาธิ เป็น ฌาน ในองค์ กสิณนั้นๆ นั่นเองครับ

    จิต ยังไม่ได้ ยกเข้าสู่ระดับฌาน ใดๆเลยนั้นเองครับ


    ปฐมฌาน มีอารมณ์เหมือนกับฌานในกรรมฐานอื่นๆ แปลกแต่กสิณนี้
    มีอารมณ์ยึดนิมิตเป็นอารมณ์
    ไม่ปล่อยอารมณ์ให้พลาดจากนิมิต



    ซึ่ง สิ่งที่ จขกท เล่ามาในกระทู้แรก นั้น เป็นแค่ การฝึกเริ่มแรก หรือ ก็คือ เบี้องต้นของการปฏิบัติ นั้นเอง ซึ่ง จิต ยังไม่ได้เป็น สมาธิใดๆ นั้นเองครับ



    จขกท. ลองอ่านดูครับ

    . กสิณ 10 โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พระอรหันต์แห่งวัดท่าซุง

    http://www.palungjit.org/smati/k40/kasin10.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2016
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : บุคคลพยายามที่จะเจริญภาวนาแล้วจิตสงบระดับหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้ที่เคยได้ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ คือมีแล้วเสื่อม เกิดจากเหตุผลอะไรครับ ?
    ตอบ : เพราะว่าไปปล่อยให้กิเลสท่วมทับใจตนเอง เมื่อกิเลสท่วมทับใจตนเอง สมาธิก็เสื่อม พอสมาธิเสื่อมจะทำใหม่เพื่อให้ได้เหมือนเดิม ก็ไปเกิดความอยากว่า เราอยากให้เป็นอย่างนั้น ในเมื่อเกิดความอยากขึ้นมา สภาพจิตฟุ้งซ่าน โอกาสที่จะสงบอย่างนั้นก็ไม่มี

    ถาม : ในทางตรงกันข้าม บุคคลที่เจริญสมาธิแล้วจิตสงบได้ระดับหนึ่ง แล้วหยุดไม่เจริญต่อ อีกหลายปีขณะที่อยู่ว่าง ๆ จิตสบาย ๆ ปรากฏนิมิตขึ้นมาซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างนี้เป็นเพราะกรรมเก่า หรือเป็นเพราะเขาคิดไปเอง หรือว่าเพราะอะไรครับ ?
    ตอบ : เขาเรียกว่ากรรมนิมิต คือความดีความชั่วแสดงเหตุให้ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรรมนิมิตมักจะเกิดขึ้นขณะที่สภาพจิตสบาย ๆ อยู่ในลักษณะเหมือนอย่างกับอารมณ์ใจตอนนี้ของเรา ก็คือว่าไม่ตั้งใจมาก แต่ขณะเดียวกัน กำลังใจก็ทรงตัวกว่าปกตินิดหนึ่ง นิมิตเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นไปอยู่ตลอดเวลาหากว่าไปตรงร่องพอดี

    ถาม : แล้วในขณะที่พยายามนั่งสมาธิกลับไม่เกิด แต่ช่วงที่เฉย ๆ ว่าง ๆ ปล่อยจิตเบา ๆ กลับเกิด ?
    ตอบ : สมาธิสูงเกินอุปจารสมาธิก็ไม่เห็นอะไร ต่ำเกินไปก็ไม่เห็นอะไร ต้องพอดี ๆ ดังนั้น..เวลาเรานั่งสมาธิ ส่วนใหญ่กำลังเกินอุปจารสมาธิ เพราะอยู่กับองค์ภาวนา แต่ว่าขณะเดียวกัน ในอารมณ์ทั่ว ๆ ไปเราก็ปล่อยทิ้งเลย กลายเป็นต่ำกว่าอุปจารสมาธิ ต้องให้พอดี ๆ จึงจะเห็นได้ ซึ่งคนที่ทำตรงจุดนั้นแล้ว ต้องหัดสังเกตอารมณ์ใจ ถึงจะจำได้ว่าจุดพอดีของตัวเองคือตรงไหน ถ้าโดยทั่ว ๆ ไปก็ได้แต่บอกกันเฉย ๆ ว่า “ทำให้พอดี” แต่กว่าจะรู้ว่าพอดีอยู่ตรงไหน ก็ต้องคลำกันเป็นการใหญ่

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗



    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วันจันทร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๖

    พวกเรานั่งท่าที่สบาย หายใจเข้า หายใจออกยาว ๆ ทั้ง ๒ – ๓ ครั้ง เพื่อเป็นการระบายลมหยาบออกให้หมด ไม่อย่างนั้น บางคนพอเริ่มภาวนา จะรู้สึกอึดอัด รู้สึกแน่น ทำให้ตกใจ บางทีคนไม่กล้าทำต่อไปเลยก็มี นั่นเป็นอาการที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกมันหยาบไปนิดหนึ่ง
    หายใจเข้า หายใจออกยาว ๆ สัก ๒ – ๓ ครั้ง ระบายลมหยาบให้หมด แล้วค่อยปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามปกติ

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วันจันทร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๖

    ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เป็นพื้นฐานใหญ่ของกรรมฐานทั้งปวง ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก สติจะไม่ตั้งมั่นทรงตัว สมาธิจะเกิดได้ยาก ดังนั้น การปฏิบัติในทุกวัน เราทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ หายใจเข้ารู้อยู่ หายใจออกรู้อยู่

    จะทรงกสิณได้ ต้องไม่ทิ้งลมหายใจเข้าออก

    ถาม : อานาปานสติเป็นพื้นฐานกรรมฐาน ถ้าเป็นกสิณจะต้องมีอานาปานสติหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : ถ้าไม่มีแล้วคุณจะทรงกสิณได้อย่างไร ? คำภาวนา "ปฐวีกสิณัง อาโปกสิณัง" ทุกอย่าง ต้องควบลมหายใจเข้าออกหมด ถ้าไม่ควบลมหายใจเข้าออก สมาธิจะไม่ทรงตัว ภาพกสิณก็ตั้งมั่นไม่ได้ พูดง่ายๆ ว่ากรรมฐานอะไรก็ตาม ถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออกอย่างเก่งก็ทรงตัวได้พักเดียว ถ้าไม่มีตัวสมาธิคอยช่วย การจะเข้าถึงที่สุดของกรรมฐานกองนั้นก็ไม่มี สมาธิจะเกิดได้ด้วยการดูลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก

    ถาม : ในอานาปานสติ ภายในคืออะไร ภายนอกคืออะไร ?

    ตอบ : ภายในคือลมหายใจของเราเอง ภายนอกก็คือร่างกายนี้ หรือถ้ามีปัญญามากพอก็ดูเกินร่างกายนี้ไปที่ร่างกายคนอื่นก็ได้ แต่การที่เราจะไปดูร่างกายคนอื่น ส่วนใหญ่เป็นการส่งจิตออกนอก แล้วฟุ้งซ่านได้ง่าย เขาก็เลยเน้นว่า กายในคือลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก แล้วกายภายนอกก็คือกายตัวเอง

    ถาม : เป็นกายอย่างอื่นไม่ได้ ?

    ตอบ :เป็นกายอย่างอื่นได้ แต่ส่งไกลไปเดี๋ยวคุมไม่อยู่

    ถาม : อิริยาบถภายในคืออะไร ภายนอกคืออะไร ?

    ตอบ : อิริยาบถภายในก็คือตัวสติที่ควบคุม แล้วภายนอกก็คืออาการเคลื่อนไหวของร่างกาย

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๖



    นั่งหลับตาเฉยๆ โดยไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย ถือว่าเป็นสมาธิ ??​


    ถาม : ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราไม่กำหนดลมหายใจ ไม่กำหนดภาพ ไม่ภาวนา ไม่พิจารณาอะไรเลย จะถือว่าทำสมาธิหรือเปล่า หรือเรียกว่านั่งหลับตาเฉยๆ ?

    ตอบ : คงจะนั่งหลับตาเฉยๆ ยกเว้นอย่างเดียวว่า มีความเคยชิน สามารถเข้าฌานระดับใดระดับหนึ่งได้คล่องมาก ถ้าอย่างนั้นเราสามารถจะดิ่งไปสู่ระดับนั้นได้เลย

    แต่ถ้าเราไม่มีการกำหนดใดๆ เลย ไม่มีทางที่จะทรงตัวเป็นสมาธิได้ เพราะจิตเราต้องคิดเป็นปกติ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

    ถาม : หรือจะย้อนมาปฏิบัติเหมือนเดิม จับลมหายใจเหมือนเดิม ?

    ตอบ : ลมหายใจเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกองเลย คุณจะทิ้งลมหายใจไม่ได้

    ถาม : แล้วถ้านั่งสมาธิไม่เคยเห็นแสงสี ไม่เคยเห็นภาพ ?

    ตอบ : ถือว่าโชคดีที่สุดในโลก ไม่อย่างนั้นคุณจะติดอีกเยอะ



    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๓


    ลมหายใจไม่มี

    ขณะทำสมาธิ จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ให้สนใจลมหายใจอย่างเดียว

    ถาม : เวลาเราทำสมาธิ เกิดนิมิตอะไรขึ้น เราจะทราบได้อย่างไรว่า..?

    ตอบ : จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ให้สนใจลมหายใจของเราอย่างเดียวก็พอ ถ้าลมหายใจไม่มีให้รู้ว่าไม่มี คำ ภาวนาไม่มีให้รู้ว่าไม่มี นิมิตต่าง ๆ ให้ถือว่าเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่เรายิ่งไม่สนใจภาพก็จะยิ่งชัด จะกวนให้เราสนใจให้ได้

    ถาม : แล้วเราจะวางกำลังใจอย่างไรคะ ?

    ตอบ : รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ แล้วก็กองไว้ตรงนั้นแหละ ยกเว้นว่า เป็นนิมิตที่ตรงกับกองกรรมฐาน เช่น เราใช้พุทธานุสติอยู่ จับภาพพระพุทธรูปเป็นนิมิต เมื่อภาพพระปรากฏก็จับภาพต่อไปเลย ถ้าไม่ตรงกับกองกรรมฐานก็ไม่ต้องไปสนใจ



    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕


    ที่มา : เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ - หน้า 3 - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


    อาการตกใจเมื่อทำสมาธิ <hr style="color:#998049; background-color:#998049" size="1"> ถาม : เวลาจิตจะสงบต้องสะดุ้ง..?
    ตอบ : จริง ๆ แล้วเขาไม่ให้สนใจข้างนอก ให้ใจเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น

    อาการสะดุ้ง อาการตกใจ ก็คือการที่เราส่งจิตออกไปที่อื่น พอเกิดอะไรกระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตจะรีบวิ่งกลับมาเพื่อที่จะรับรู้อาการนั้น อาการที่จิตวิ่งกลับมาเร็วเกินไป เป็นอาการที่เราเรียกว่า "ตกใจ"

    เพราะฉะนั้น ถ้าใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออกไม่ไปไหน ต่อให้ฟ้าผ่าข้างหูก็ไม่ตกใจหรอก แสดงว่าเราส่งใจออกไปโดยไม่รู้ตัว

    ส่วนอีกอย่างหนึ่งจะมีอาการหวิวเหมือนกับตกจากที่สูง อาการนั้นจิตเราเริ่มจะเป็นฌานอย่างหยาบแล้ว แต่เกาะไม่ติดพลัดหล่นลงมา เป็นอาการที่เรียกว่า "พลัดจากฌาน" จะวูบเหมือนตกจากที่สูง อันนั้นใกล้จะได้ดีแล้วตั้งหน้าทำใหม่อีกสักพักก็จะเป็นฌานไปเลย


    ถาม : ...
    ตอบ :ให้เรารับรู้อาการนั้นไว้เฉย ๆ ไม่ต้องไปสนใจว่าเป็นอะไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้นก็พอ

    ถ้ายังมีลมหายใจเข้า-ออก ให้จับลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาให้จดจ่ออยู่กับคำภาวนา ถ้าไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนาก็ให้รับรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างนั้น

    ถ้าเราไปสนใจมาก ๆ ก็จะไม่ก้าวหน้า แต่ถ้าเรารับรู้ไว้เฉย ๆ แค่รู้ว่าเป็นอะไรก็รับรู้ไว้เท่านั้น ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นและไม่อยากให้หายจากอาการอย่างนั้น เดี๋ยวก็จะก้าวหน้าไปเอง

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2014
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    กรรมฐานสี่สิบกอง เปลี่ยนไปทุกวัน จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ?




    กสิณถึงฌานสี่อธิษฐานใช้ผลได้ ถ้ายังใช้ผลไม่ได้เป็นจินตนาการไปแล้ว



    ทำอย่างไรให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้า ปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาแต่ฟุ้งซ่านก็ไม่เอาไหน



    วิธีตรวจสอบ กรรมฐานในชาติก่อน

    [​IMG]

    วิธีตรวจสอบ กรรมฐานในชาติก่อน ให้ปฏิบัติตามนี้ ​

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อปานบอกว่า ตามธรรมดาคนที่เกิดมาแล้วนี่ จะไม่เคยมีบุญวาสนาบารมีนั้น ไม่มี ทุกคนต้องมีบุญวาสนาบารมีมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่พอใจในการเจริญพระกรรมฐาน ส่วนใหญ่ก็มักจะเคยเจริญกรรมฐานมาแล้วในชาติก่อน เคยได้มาแล้วคนละหลายๆกอง วิธีปฏิบัติให้ปฏิบัติตามนี้ อันดับแรก ให้วางหนังสือไว้ที่บูชาต่อหน้าพระพุทธรูป จุดดอกไม้ธูปเทียนเสร็จตั้งใจสมาทานพระกรรมฐานด้วยความเคารพ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่ากรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนี้ มีกองใดบ้าง ที่เคยได้มาในชาติก่อน เมื่ออ่านไปแล้วขอให้ชอบกองนั้น ถ้าชอบกองไหน คั่นไว้ หรือขีดไว้ ทำสัญลักษณ์ไว้ หรือเขียนไว้ก็ได้ และต่อมา เมื่อชอบหลาย ๆ กองแล้ว กลับมาทีหลัง ก็มาดูใหม่ บูชาใหม่ว่า กรรมฐานที่ชอบหลาย ๆ กองนี้ กองไหนถ้าทำแล้วจะได้ง่ายที่สุด ให้ทำกองที่มีความรู้สึกว่าชอบใจมาก และง่ายที่สุด ก็บูชาพระแล้วก็ตั้งใจอธิษฐาน กลับมาย้อนดูใหม่ ดูกรรมฐานที่ชอบ ที่มา: หลวงพ่อธุดงค์ ตอนไปเที่ยวสุวรรณวิหาร

    https://www.facebook.com/pages/หลวงพ่อฤาษีลิงดำ-วัดท่าซุง-จอุทัยธานี/143272349109938
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...