ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    รอดพ้นจากยาพิษเพราะกรรมฐาน จากเรื่องจริง โดยหลวงพ่อจรัญ ชุดกรรมกำหนด Ep.5/13

    Siammelodies
    May 8, 2022
    เล่าเรื่องจริงชุด... กรรมกำหนด โดยหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน

    EP.5/13 รอดพ้นจากยาพิษเพราะกรรมฐาน เสียงอ่านโดย อ.วิษณุกร


     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    35-พระจูฬปันถกเถระ
    เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ


    พระจูฬปันถก เป็นน้องชายร่วมมารดาบิดาเดียวกันกับท่านพระมหาปันถก เมื่อ
    พระมหาปันถก สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วได้รับความสุขจากการหลุดพ้นสิ้นกิเลสาสวะทั้งปวง
    แล้ว มีความปรารถนาจะให้จูฬปันถก น้องชายมีความสุขเช่นนั้นบ้างจึงไปขออนุญาตจาก
    ธนเศรษฐีผู้เป็นคุณตา ซึ่งก็ได้รับอนุญาตและให้ความร่วมมือด้วยดี เพราะคุณตาก็เป็นผู้มีศรัทธา
    ในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว เมื่อจูฬปันถกได้รับการอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว ท่านพระมหาปันถก
    ผู้เป็นพี่ชายได้สอนคาถาพรรณนาพุทธคุณหนึ่งคาถา ความว่า...

    ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
    ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
    องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
    ตปนุตมาทิจฺจมิวนฺตลฺเข ฯ

    “ดอกปทุมชาติที่ชื่อว่าโกกนุท ขยายกลีบแย้มบานตั้งแต่เวลารุ่งอรุณยามเช้า กลิ่นเกษร
    หอมระเหยไม่รู้จบเธอจงพินิจดูพระสักยมุนีอังคีรส ผู้มีพระรัศมีแผ่ไพโรจน์อยู่ ดุจดวงทิวากร
    ส่องสว่างอยู่กลางนภากาศ ฉะนั้น”


    • ปัญญาทึบพี่ชายไล่สึก
      ด้วยคาถาเพียงคาถาเดียวเท่านั้น ปรากฏว่าพระจูฬปันถก เรียนอยู่นานถึง ๔ เดือนก็ยังจำไม่ได้ ท่านพระมหาปันถกพี่ชาย พยายามเคี่ยวเข็ญอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็เห็นว่าท่านเป็นคนโง่เขล่าปัญญาทึบ เป็นคนอาภัพในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถจะบรรลุคุณพิเศษเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนาได้ จึงตำหนิประณามท่านแล้วขับไล่ออกจากสำนักไป ด้วยคำว่า
      “จูฬปันถก เธอใช้เวลาถึง ๔ เดือน ยังไม่อาจเรียนคาถาแม้เพียงบาทเดียวได้ นับว่าเธอเป็นคนอาภัพ ไม่สมควรอยู่ในพระศาสนานี้ เพียงคาถาเดียวยังเรียนไม่ได้แล้วจะทำกิจแห่งบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้อย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจงออกไปเสียจากที่นี้เถิด”
      ในวันนั้น หมอชีวกโกมารภัจ ได้กราบอาราธนาพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป ไปเสวยและฉันภัตตาหารที่บ้านของตนในวันรุ่งขึ้นในฐานะที่พระมหาปันถก ผู้มีหน้าที่
      เป็นภัตตุทเทศก์ ได้จัดนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ทั้งหมดในพระอาราม ในฉันภัตราหารที่บ้านของหมอชีวกโกมารภัจ นั้น เว้นเฉพาะพระจูฬปันถก เพียงรูปเดียวเหลือไว้ในพระอาราม
      พระจูฬปันถก เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตและวาสนาของตนเอง คิดว่าตนเองเป็นอาภัพบุคคลในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถที่จะบรรลุโลกุตรธรรมได้ จึงตัดสินใจที่จะสึกออกให้เป็นฆราวาสแล้วทำบุญสร้างกุศลต่างๆ ตามควรแก่ฐานะ จึงได้หลบออกจากวัดตั้งแต่เช้าตรู่
      ขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จจงกรมอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นเธอเดินมาจึงตรัสถามว่า:-
      “จูฬปันถก นั้นเธอจะไปไหนแต่เช้าตรู่เช่นนี้ ?”
      “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระมหาปันถกได้ขับไล่ข้าพระพุทธเจ้าออกจากอาราม ดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจะไปลาสิกขา พระเจ้าข้า”
      “จูฬปัถก เธอมิได้บวชเพื่อที่ชาย เธอบวชเพื่อตถาคตต่างหาก เมื่อพี่ชายขับไล่เธอ เหตุไฉนเธอจึงไม่มาหาตถาคต การกลับไปอยู่ครองเรือนจะมีประโยชน์อะไร มาอยู่กับตถาคตจะประเสริฐกว่า”
      พระบรมศาสดา พาเธอไปที่พระคันธกุฏี ประทานผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนเล็ก ๆ ให้เธอผืนหนึ่ง แล้วทรงแนะนำให้เธอบริกรรมด้วยคาถาว่า รโชหรณํ รโชหรณํ พร้อมกับใช้มือลูบคลำผ้าผืนนั้นไปด้วย เธอรับผ้ามาด้วยความเอิบอิ่มใจ แสวงหาที่สงบสงัดแล้วเริ่มปฏิบัติบริกรรมคาถา
      ลูบคลำผ้าที่พระพุทธองค์ประทานให้เธอบริกรรมได้ไม่นาน ผ้าขาวที่สะอาดบริสุทธิ์ผืนนั้น ก็เริ่มมีสีคล้ำเศร้าหมองเหมือนผ้าเช็ดมือ จึงคิดขึ้นว่า “ผ้าผืนนี้เดิมทีมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่อาศัยการถูกต้องสัมผัสกับอัตภาพของเรา จึงกลายเป็นผ้าสกปรก เศร้าหมอง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
      หนอ” แล้วเจริญวิปัสสนากรรมฐานยกผ้าผืนนั้นขึ้นเปรียบเทียบกับอัตตภาพร่างกายเป็นอารมณ์
      ก็ได้บรรลุพระอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ คือปัญญาอันแตกฉานมี ๔ ประการคือ
      ๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
      ๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
      ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุตติคือภาษา
      ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ
      ครั้งรุ่งเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เสด็จไปยังเรือนของหมอชีวกโกมารภัจ เพื่อเสวยภัตตาหารตามที่หมอชีวกกราบอาราธนาไว้ เมื่อหมอชีวกน้อมนำ
      ภัตตาหารเข้าไปถวายพระบรมศาสดา พระองค์ทรงปิดบาตรแล้วตรัสว่า “ยังมีพระภิกษุอีกรูปหนึ่ง อยู่ที่วัด” หมอชีวกจึงส่งคนไปนิมนต์ให้ท่านมาฉันภัตตาหาร

    • ประกาศความเป็นอรหันต์
      ขณะนั้น พระจูฬปันถก เพื่อจะประกาศความเป็นพระอรหันต์ของตน ให้ปรากฏ จึงได้เนรมิตพระภิกษุขึ้นถึงจำนวน ๑,๐๐๐ รูป ในพระอารามอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ กัน บ้างก็สาธยายพุทธคุณ บ้างก็ซักจีวร บ้างก็ย้อมจีวร เป็นต้น เมื่อคนรับใช้มาถึงวัดได้เห็นพระภิกษุจำนวนมาก
      มายอย่างนั้น จึงรีบกลับไปแจ้งแก่หมอชีวก พระพุทธองค์ทรงสดับอยู่ด้วย จึงรับสั่งให้คนใช้นั้นไปนิมนต์ท่านที่ชื่อจูฬปันถก
      คนรับใช้ไปกราบนิมนต์ตามพระดำรัสนั้น ด้วยคำว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า พระบรมศาสดารับสั่งให้มานิมนต์พระจูฬปันถก ขอรับ” ปรากฏว่าพระภิกษุทุกรูปต่างก็พูดเหมือนกันว่า
      “อาตมา ชื่อพระจูฬปันถก” คนรับใช้ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องกลับไปกราบทูลพระบรมศาสดา
      ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก พระพุทธองค์ ตรัสแนะว่า:-
      “ถ้าพระภิกษุรูปใดพูดขึ้นก่อน เธอจงจับมือภิกษุรูปนั้นไว้แล้วนำท่านมา ส่วนพระภิกษุที่เหลือก็จะหายไปเอง”
      คนรับใช้ ปฏิบัติตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแนะนำนั้นแล้ว ได้นำพระจูฬปันถก สู่ที่นิมนต์ เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดาทรงมอบให้ท่านเป็นผู้กล่าวภัตตานุโมทนา อันเป็น
      การเสริมศรัทธาแก่ทายกทายิกา

    • บุพกรรมของพระจูฬปันถก
      ในอดีตกาล ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ พระจูฬปันถก ได้บวชเป็นพระภิกษุ
      ในครั้งนั้นด้วย ท่านเป็นผู้มีปัญญาดี จำทรงหลักธรรมคำสอนได้เร็วแม่นยำ ท่านเห็นเพื่อนภิกษุ
      รูปหนึ่ง ซึ่งปัญญาทึบท่องสาธยายหัวข้อธรรมเพียงบทเดียวก็จำไม่ได้ จึงหัวเราะเยาะท่าน ทำให้ภิกษุรูปนั้นเกิดความอับอายเลิกเรียนสาธยายหัวข้อธรรมนั้น เพราะกรรมเก่าในครั้งนั้นจึงเป็นผลติดตามให้ท่านมีปัญญาทึบโง่เขลาในอัตภาพนี้
      พระจูฬปันถก สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เป็นกำลังช่วยกิจการพระศาสนาตามความสามารถของท่านและโดยที่ท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในมโนมยิทธิ พระบรมศาสดาจึงทรงยกยองท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ
      ท่านดำรงอายุสังขาร สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
    • :- https://84000.org/one/1/35.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2022
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ความมหัศจรรย์แห่งกรรม

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    57,443 views Oct 2, 2021
    เรื่องเล่าพระ
    ความมหัศจรรย์แห่งกรรม เป็นเทศนาธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ซึ่งได้เกริ่นนำ ว่ามนุษย์เกิดจาก อวิชชา ตัณหา กรรม อาหาร ปัจจัย 4 อย่างนี้ทำให้มนุษย์เกิดขึ้นในโลก กรรมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในความมหัศจรรย์ กรรมบางอย่างให้ผลในปัจจุบันทันตาเห็น กรรมบางอย่างก็รอเวลาให้ผลในอนาคต บางทีตั้งหลายชาติกว่าจะให้ผล ทั้งหมดขึ้นอยู่กับต้นเหตุแห่งกรรมเหล่านั้น ว่าเหมาะสมที่จะส่งผลเมื่อไหร่ เวลาใด พระศาสดาตรัสว่า กรรมเป็นเรื่องอจินไตย บุคคลไม่ควรคิดให้มาก เพราะเงื่อนไขที่ผลของกรรมจะแสดงออกมา มีความสลับซับซ้อนเหลือประมาณ และตราบใดที่จิตใจมนุษย์ยังมีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ฝังแน่นในกมลสันดาน วันหนึ่งๆ ก็พากันสร้างทั้งบุญ สร้างทั้งบาป มีทั้งกรรมที่ไม่ใช่บุญ ไม่ใช่บาป คลุกเคล้ากันอยู่ไม่จบสิ้น ชนิดของกรรม 1. กรรมชนิดที่บีบคั้น ภาษาบาลีเรียกว่า อุปปีฬกกรรม (อุบ-ปะ-ปี-ละ-กะ-กำ) 2.กรรมตัดรอน ภาษาบาลีเรียกว่า อุปฆาตกรรม หมายถึงกรรมรีบเร่งเร็วด่วน เป็นกรรมที่ให้ผลเฉียดขาดไปเลย เช่น คนตายโหง หรือถูกฆาตกรรม 3.กรรมที่ให้ผลช้า ค่อยๆตามส่งผลไปทีละภพ ทีละชาติ ภาษาบาลี เรียกว่า อุปราปรเวทนียกรรม (อุป-ปะ-รา-ปะ-ระ-เว-ทะ-นี-ยะ-กรรม) กฏแห่งกรรม มีความสลับซับซ้อนมาก แต่ก็มีความละเอียดประณีต จัดลำดับการให้ผล-ก่อน -หลัง อย่างยุติธรรม กรรมอย่างใดมีกำลังแรงมากกว่า ก็ต้องส่งผลก่อนเป็นธรรมดา ต่อเมื่อกรรมนั้นอ่อนแรง หรือหมดสิ้นไป กรรมชั่วถึงจะแสดงตัวให้ผลเป็นความทุกข์เดือดร้อน ความละเอียดประณีตของกรรมดังกล่าว ทำให้ปุถุชน เกิดความเข้าใจไขว้เขว ถึงกับมีคำพังเพยประชดประชันว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีถมไป อันเป็นเรื่องเข้าใจได้ยาก พระศาสดาจึงทรงตรัสว่า กรรมเป็นเรื่องอจินไตย อันบุคคลไม่ควรคิดมาก เพียงรักทำดี เกลียดทำชั่วก็เพียงพอที่จะเสวยสุขจากกรรมดี การศึกษาหลักธรรมในพุทธศาสนา ควรเรียนรู้เรื่องกรรม และเรื่องผลของกรรมให้มากเข้าไว้ ว่ากรรมดี และกรรมชั่ว ส่งผลเช่นไร ทั้งนี้ไม่ใช่ศึกษาเพื่อผู้ใดใครอื่น ความจริงศึกษาเพื่อตัวเราเองโดยแท้ และท่านทรงตรัสสอนมิให้พอใจแต่เพียงบุญกุศลในส่วนโลกีย์ อันให้ได้สมบัติ 3 ประการ คือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และการเป็นพรหมบนพรหมโลก ทรงสอนให้เร่งบำเพ็ญ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรคมีองค์ 8 ให้บริบูรณ์ เพื่อบรรลุอริยมรรค อริยผล ตั้งแต่โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี จนถึงอรหันต์ จึงจะส่งผลให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไม่ต้องย้อนกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก

     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    บ้านแตก (กรรมบันดาล)

    หลวงตา
    20,846 views Jul 7, 2022
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อาจารย์ยอด : พระนิกร ธรรมวาที [พระ][กรรม]

    อาจารย์ยอด
    1,831,854 views Nov 16, 2016
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    บุพกรรมที่ทำให้เกิดมามีอำนาจอานุภาพน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่มีอำนาจน้อย แม้แต่พรรคพวกของตัวเองก็ไม่ยำเกรง หรือไม่มีอำนาจ ไปที่ใดก็มีแต่ผู้ดูหมิ่นเหยียดหยาม บุคคลจำพวกนี้ ชาติปางก่อน มีสันดานมากไปด้วยความอิจฉาริษยา ปราถนาแต่จะให้ตัวเองมียศมีศักดิ์ มีทรัพย์สมบัติ เห็นคนอื่นดีกว่า อดกลั้นใจไว้ไม่ได้ก็คิดอิจฉาริษยา ติฉินนินทา ใส่ร้ายป้ายสี ต่างๆนานา ยกโทษขึ้นชี้แจงแสดงโทษให้เรี่ยราย จิตนั้นมั่นหมายที่จะให้ประเสริฐเลิศเลอแต่เพียงผู้เดียว เห็นใครดีกว่าไม่ได้ บุคคลเหล่านี้ตายไปก็มีแต่อบายอยู่เบื้องหน้า พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็มีแต่โทรมแต่ทรุด น้อยหมู่น้อยเดช น้อยศักดาอานุภาพ ไม่มีผู้ยำเกรง แม้แต่พวกของตัวเองก็ดูหมิ่นเหยียดหยาม ด้วยอกุศลกรรมที่มากไปด้วยความอิจฉาริษยา มากไปด้วยเวรพยาบาทนั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนโง่เขลาปัญญาน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่มีปัญญาน้อย เป็นคนโฉดเขลาโง่เง่ามึนตึง เป็นคนไร้เหตุผล นั้น อาศัยมากไปด้วยความประมาท ชาติก่อนเป็นคนเกียจคร้าน ไม่เล่าเรียน ไม่เพียรฟังพระสัทธรรมเทศนา ไม่เจริญภาวนา ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเลย มีแต่หลงไปในทางโลกธรรมเป็นเบื้องหน้า ที่จะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตานั้นไม่มีเลย มียศก็หลงเมายศ มีทรัพย์ก็หลงเมาทรัพย์ มิได้ขวนขวายให้รู้บาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ เป็นบุคคลมากไปด้วยความหลงสับสนวุ่นวาย ความประมาท เมื่อตายไปแล้วมีอบายภูมิเป็นเบื้องหน้า พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ปราศจากปัญญาเป็นคนโฉดเขลา เอาตัวรอดมิได้ เพราะโทษที่เกียจคร้าน ไม่เล่าเรียน ไม่ฟังพระสัทธรรมเทศนานั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนมีสติปํญญาเฉลียวฉลาดลำเลิศ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาเป็นนักปราชญ์ ประกอบด้วยปรีชาฉลาดนั้น ด้วยอำนาจกุศลที่ตนอุตสาหะเล่าเรืยนพระไตรปิฏก และอุตสาหะสดับฟังพระสัทธรรมเทศนา ผู้ใดศรัทธาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม อันแสดงศาสนพรหมจรรย์และมรรคพรหมจรรย์ สิ้นเศษบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวงนั้นก็ดี บุคคลที่ไม่ได้เล่าเรียนพระไตรปิฏก แต่มีศรัทธาเพียรอุตสาหะสดับรับฟังพระธรรมเทศนา ไม่เข้าใจก็สอบถาม จำเอาข้อความที่ควรปฎิบัตินั้นไว้เป็นข้อปฎิบัติสำหรับตนนั้นก็ดี บุคคลเหล่านี้หากถ้าบังเกิดเป็นเทวบุตรและเทวธิดาก็มีญาณปรีชาเฉลียวฉลาด ปรากฏในที่ประชุมแห่งเทวบุตรเทวธิดาทั้งปวง ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นบัณฑิตชาติ มีปัญญาบังเกิดพร้อมด้วยปฎิสนธิวิญญาณเป็นไตรเหตุกะปฎิสนธิปัญญามาก อาจสามารถจะหยั่งรู้หยั่งเห็นในห้วงพระไตรปิฎก อาจหยั่งรู้หยั่งเห็นบาปและบุญ คุณและโทษต่างๆ บางจำพวกก็มีปัญญาคมดังพระแสงเพชร อาจเผด็จกองกิเลสให้เป็นสมุทเฉทประหารได้นั้นก็มีด้วยอำนาจกุศลที่ได้เล่าเรียนพระไตรปิฏก และอุตสาหะฟังพระสัทธรรมเทศนานั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่บังเกิดในตระกูลมหาศาลสูงศักดิ์ เป็นต้นว่าเกิดในขัตติยะตระกูล พราหมณ์ตระกูลนั้น ก็ด้วยกุศลที่เคารพยำเกรงแก่ท่านที่ควรเคารพยำเกรง มากไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เคารพอ่อนน้อมทางกายก็ดี ทางวจีก็ดี ต่อพระรัตนตรัย ต่อผู้เฒ่าผู้แก่ และผู้เป็นใหญ่ในตระกูลก็ดี เช่น บิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชายพี่หญิง ลุงและป้า น้าและอานั้นก็ดี เมื่อตายแล้วก็มีสวรรค์รออยู่เบื้องหน้า ได้ไปเกิดเป็นเทพยดาอันประเสริฐ เป็นใหญ่ในสุราลัยเทวสถาน เป็นที่เคารพแห่งเทพทุกวิมานเมืองสวรรค์ ครั้นจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์ ด้วยกุศลกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดในตระกูลตำต้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่บังเกิดในตระกูลอันตำช้า เป็นต้นว่าเป็นลูกข้าลูกครอก ลูกคนจัณฑาลนั้น ด้วยอำนาจอกุศลที่เป็นคนใจกระด้าง มีสันดานมากไปด้วยมานะ เย่อหยิ่งจองหอง ยกเนื้อยกตัว กายกระด้าง วาจากระด้าง ไม่อ่อนน้อม ไม่ยำเกรงต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ ท่านที่ควรเคารพก็ไม่เคารพนบน้อม ที่ควรบูชาก็ไม่กระทำสักการบูชา คนจำพวกนี้ย่อมมีอบายเป็นเบื้องหน้า เมื่อมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็บังเกิดในตระกูลตำช้า ด้วยอำนาจอกุศลที่ตนเป็นคนใจกระด้าง

    บุพกรรมที่ทำให้มีรูปโฉมสิริงดงาม จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาบริบูรณ์ด้วยรูปโฉมสิริงดงาม เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจแห่งบุคคลทั้งปวงนั้น ด้วยอำนาจที่อดใจมิได้ลุแก่อำนาจโทโส แม้จะเกิดโทโสขึ้นในจิตสันดาน ก็อุตสาหะระงับเสียด้วยนำคือขันติและเมตตา รักษาศีลไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสันดาน เปรียบปานประดุจเนื้อทรายจามรีรักษาขน บุคคลจำพวกนี้ เมื่อตายแล้วก็มีสวรรค์เป็นเบื้องต้น บังเกิดเป็นเทวบุตรเทวธิดา มีรูปโฉมสวยสง่างาม เป็นที่ยินดีแห่งสรรพเทพเทวินทร์อินทร์พรหมทั้งปวง ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มีรูปโฉมบริสุทธิ์ผุดผ่องงดงามยิ่งนัก ยากที่จะหาใครมาเทียบ

    บุพกรรมที่ทำให้มีรูปชั่วพิกลพิการต่างๆ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ มนุษย์ที่เกิดมามีรูปชั่วพิกลพิการต่างๆ เป็นที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าละอาย น่าสะอิดสะเอียนใจแก่มหาชนทั้งปวงนั้น ด้วยอำนาจอกุศลกรรมมีความโกรธอยู่ในสันดาน อดีตชาติเป็นคนพาล เต็มไปด้วยเวรพยาบาท มักผูกอาฆาตจองเวรแก่ผู้อื่น คิดแต่จะด่าจะว่า จะตีจะฆ่า จะทำร้าย จะล้างจะผลาญผู้อื่น เหมือนอสรพิษที่คอยจะกัดจะกินอยู่อย่างเดียว ปราศจากขันติและเมตตา คนจำพวกนี้เมื่อตายไปแล้วจะมีอบายเป็นที่ไป ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ เมื่อพ้นจากอบายบ่ายหน้าขึ้นมาเมืองมนุษย์ ก็เกิดเป็นคนรูปชั่วไม่บริสุทธิ์ พิกลพิการต่างๆ เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง น่าชัง น่าละอาย น่าสะอิดสะเอียนใจแก่ผู้พบเห็น ด้วยอกุศลกรรมที่ตนมีสันดานมากไปด้วยเวรอาฆาต มักผูกเวรพยาบาทแก่ผู้อื่น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนยากจนเข็ญใจ

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาเป็นคนยากจนเข็ญใจ ตกตำยากไร้ อนาถา ผ้าจะนุ่งจะห่ม ข้าวจะกินก็หาได้ยากนัก ด้วยอกุศลกรรมที่ตนได้ทำอทินนาทาน แต่อดีตชาตินั้นเป็นคนพาล ลุแก่อำนาจความโลภ หามีหิริและโอตัปปะได้ไม่ คิดเห็นแก่ที่จะได้นั้นเป็นประมาณ ไม่เคยทำบุญให้ทาน กระทำแต่การปล้นสะดม ลวงล่อฉ้อโกงเขา ฉกชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน คนจำพวกนี้ตายไปแล้วตกนรก เสวยทุกขเวทนาหยาบช้าแรงกล้า แล้วมาเกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย พอพ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนต้องลำบากเข็ญใจ จะกินก็ไม่เต็มท้อง อดๆอยากๆ แสนยากแสนจน ด้วยเศษบาปแห่งอกุศลที่ตนกระทำอทินนาทาน ลักเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน

    บุพกรรมที่ทำให้เป็นคนมั่งคั่งรำรวย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมามีทรัพย์สมบัติพัสถานบริบูรณ์ พร้อมด้วยข้าทาสบริวาร ด้วยอำนาจกุศลที่ตนรักษาศีลอทินนาทาน ไม่ฉกไม่ลัก ไม่ลวงล่อ ฉ้อโกง เลี้ยงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ อุตสาหทำบุญให้ทาน จำแนกแจกทรัพย์เป็นการกุศล เช่น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มากไปค้วยกุศลเจตนา ยินดีที่จะบริจาคทาน มิได้ลุแก่อำนาจโลภะและตระหนี่ บุคคลเช่นนี้ เมื่อตายแล้วย่อมขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติในสุราลัยพิมาน เป็นสหายแห่งเทวบุตรและเทวธิดา จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ก็บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารจะเพียบพร้อมบริบูรณ์ ด้วยอำนาจกุศลที่ตนรักษาศีลอทินนาทาน และจำแนกแจกทรัพย์ให้ทานวัตรต่างๆนั้น


    บุพกรรมที่ทำให้ไม่เจ็บป่วย ไม่เป็นโรค จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมามีแต่ความสุขสบาย ไม่ป่วยไม่เป็นโรคนั้น ด้วยอำนาจกุศลที่มีความเมตตากรุณาแก่สัตว์ มิได้เบียดเบียนแก่สัตว์ทั้งปวง เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ปราศจากโรคภัยต่างๆ ตั้งแต่น้อยๆจนแก่ชรา เมือจะตายนั้นก็ตายอย่างสงบไม่ทุกข์ทรมาน ไม่ลำบากเวทนา ไม่ดิ้นรน ไม่กระสับกระส่าย ถึงที่ควรจะตายก็ตายง่ายๆ ตายได้สติอารมณ์ ด้วยอำนาจกุศลที่ตนไม่เบียดเบียนแก่สัตว์ มีเมตตากรุณาเป็นเบื้องหน้า

    บุพกรรมที่ทำให้อายุยืน จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่อายุมากอายุยืนนั้น ด้วยอำนาจผลที่ตนรักษาศีลปาณาติบาต ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แท้จริงบุคคลที่มีสันดานมากไปด้วยกุศลจิต กระทำการเป็นกายสุจริต มิได้ฆ่าสัตวฺตัดชีวิต ประกอบด้วยความเมตตากรุณาแก่สัตว์นั้น ครั้นสิ้นชีวิตทำลายขันธ์ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติเป็นสุขสวัสดิ์สถาพรสิ้นกาลช้านาน ครั้นจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มีอายุยืนยาว มิได้ตายแต่หนุ่มสาว มิได้ตายแต่ท่ามกลางอายุ อายุนั้นยืนอยู่จนแก่จนเฒ่า สิ้นอายุขัยแล้วจึงจะตาย ด้วยผลที่ตนรักษาศีลปาณาติบาตมิได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น

    บุพกรรมที่ทำให้อายุน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ มนุษย์มีอายุน้อยด้วยอกุศลที่กระทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แท้จริงบุคคลที่เป็นพาลมีสันดานมากด้วยอกุศลจิต กระทำกายทุจริตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตปราศจากความเมตตากรุณานั้น ครั้นสิ้นชีวิตทำลายขันธ์ก็ลงไปเสวยทุกข์เวทนาในนรกสิ้นกาลช้านาน พ้นจากนรกก็เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนอายุน้อยอายุสั้น ด้วยเศษบาปปาณาติบาตติดตามมาให้ผล

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นพระอินทร์หรือท้าวสักกะเทวราชผู้เป็นราชาแห่งเทพยดาทั้งหลาย คือเทวธรรม 7 ประการ

    1. บำรุงเลี้ยงบิดามารดา ตลอดชีวิต
    2. ประพฤติถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญในตระกูล
    3. พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่พูดคำหยาบ
    4. ไม่พูดส่อเสียด ให้ผู้อื่นเสียใจ
    5. ให้ทานเป็นนิจ ไม่ตระหนี่เหนียวแน่น
    6. มีวาจาสัตย์ รักษาคำสัตย์
    7. ไม่โกรธ มีขันติ มีเมตตา.
    8. https://sites.google.com/site/kaokaew6/phra-tir-pitk-xxnlin
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2022
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    บุพกรรมที่ทำให้เกิดมามีอำนาจอานุภาพน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่มีอำนาจน้อย แม้แต่พรรคพวกของตัวเองก็ไม่ยำเกรง หรือไม่มีอำนาจ ไปที่ใดก็มีแต่ผู้ดูหมิ่นเหยียดหยาม บุคคลจำพวกนี้ ชาติปางก่อน มีสันดานมากไปด้วยความอิจฉาริษยา ปราถนาแต่จะให้ตัวเองมียศมีศักดิ์ มีทรัพย์สมบัติ เห็นคนอื่นดีกว่า อดกลั้นใจไว้ไม่ได้ก็คิดอิจฉาริษยา ติฉินนินทา ใส่ร้ายป้ายสี ต่างๆนานา ยกโทษขึ้นชี้แจงแสดงโทษให้เรี่ยราย จิตนั้นมั่นหมายที่จะให้ประเสริฐเลิศเลอแต่เพียงผู้เดียว เห็นใครดีกว่าไม่ได้ บุคคลเหล่านี้ตายไปก็มีแต่อบายอยู่เบื้องหน้า พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็มีแต่โทรมแต่ทรุด น้อยหมู่น้อยเดช น้อยศักดาอานุภาพ ไม่มีผู้ยำเกรง แม้แต่พวกของตัวเองก็ดูหมิ่นเหยียดหยาม ด้วยอกุศลกรรมที่มากไปด้วยความอิจฉาริษยา มากไปด้วยเวรพยาบาทนั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนโง่เขลาปัญญาน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่มีปัญญาน้อย เป็นคนโฉดเขลาโง่เง่ามึนตึง เป็นคนไร้เหตุผล นั้น อาศัยมากไปด้วยความประมาท ชาติก่อนเป็นคนเกียจคร้าน ไม่เล่าเรียน ไม่เพียรฟังพระสัทธรรมเทศนา ไม่เจริญภาวนา ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเลย มีแต่หลงไปในทางโลกธรรมเป็นเบื้องหน้า ที่จะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตานั้นไม่มีเลย มียศก็หลงเมายศ มีทรัพย์ก็หลงเมาทรัพย์ มิได้ขวนขวายให้รู้บาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ เป็นบุคคลมากไปด้วยความหลงสับสนวุ่นวาย ความประมาท เมื่อตายไปแล้วมีอบายภูมิเป็นเบื้องหน้า พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ปราศจากปัญญาเป็นคนโฉดเขลา เอาตัวรอดมิได้ เพราะโทษที่เกียจคร้าน ไม่เล่าเรียน ไม่ฟังพระสัทธรรมเทศนานั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนมีสติปํญญาเฉลียวฉลาดลำเลิศ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาเป็นนักปราชญ์ ประกอบด้วยปรีชาฉลาดนั้น ด้วยอำนาจกุศลที่ตนอุตสาหะเล่าเรืยนพระไตรปิฏก และอุตสาหะสดับฟังพระสัทธรรมเทศนา ผู้ใดศรัทธาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม อันแสดงศาสนพรหมจรรย์และมรรคพรหมจรรย์ สิ้นเศษบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวงนั้นก็ดี บุคคลที่ไม่ได้เล่าเรียนพระไตรปิฏก แต่มีศรัทธาเพียรอุตสาหะสดับรับฟังพระธรรมเทศนา ไม่เข้าใจก็สอบถาม จำเอาข้อความที่ควรปฎิบัตินั้นไว้เป็นข้อปฎิบัติสำหรับตนนั้นก็ดี บุคคลเหล่านี้หากถ้าบังเกิดเป็นเทวบุตรและเทวธิดาก็มีญาณปรีชาเฉลียวฉลาด ปรากฏในที่ประชุมแห่งเทวบุตรเทวธิดาทั้งปวง ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นบัณฑิตชาติ มีปัญญาบังเกิดพร้อมด้วยปฎิสนธิวิญญาณเป็นไตรเหตุกะปฎิสนธิปัญญามาก อาจสามารถจะหยั่งรู้หยั่งเห็นในห้วงพระไตรปิฎก อาจหยั่งรู้หยั่งเห็นบาปและบุญ คุณและโทษต่างๆ บางจำพวกก็มีปัญญาคมดังพระแสงเพชร อาจเผด็จกองกิเลสให้เป็นสมุทเฉทประหารได้นั้นก็มีด้วยอำนาจกุศลที่ได้เล่าเรียนพระไตรปิฏก และอุตสาหะฟังพระสัทธรรมเทศนานั้น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่บังเกิดในตระกูลมหาศาลสูงศักดิ์ เป็นต้นว่าเกิดในขัตติยะตระกูล พราหมณ์ตระกูลนั้น ก็ด้วยกุศลที่เคารพยำเกรงแก่ท่านที่ควรเคารพยำเกรง มากไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เคารพอ่อนน้อมทางกายก็ดี ทางวจีก็ดี ต่อพระรัตนตรัย ต่อผู้เฒ่าผู้แก่ และผู้เป็นใหญ่ในตระกูลก็ดี เช่น บิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชายพี่หญิง ลุงและป้า น้าและอานั้นก็ดี เมื่อตายแล้วก็มีสวรรค์รออยู่เบื้องหน้า ได้ไปเกิดเป็นเทพยดาอันประเสริฐ เป็นใหญ่ในสุราลัยเทวสถาน เป็นที่เคารพแห่งเทพทุกวิมานเมืองสวรรค์ ครั้นจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เกิดในตระกูลอันสูงศักดิ์ ด้วยกุศลกรรมดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดในตระกูลตำต้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่บังเกิดในตระกูลอันตำช้า เป็นต้นว่าเป็นลูกข้าลูกครอก ลูกคนจัณฑาลนั้น ด้วยอำนาจอกุศลที่เป็นคนใจกระด้าง มีสันดานมากไปด้วยมานะ เย่อหยิ่งจองหอง ยกเนื้อยกตัว กายกระด้าง วาจากระด้าง ไม่อ่อนน้อม ไม่ยำเกรงต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติผู้ใหญ่ ท่านที่ควรเคารพก็ไม่เคารพนบน้อม ที่ควรบูชาก็ไม่กระทำสักการบูชา คนจำพวกนี้ย่อมมีอบายเป็นเบื้องหน้า เมื่อมาบังเกิดเป็นมนุษย์ก็บังเกิดในตระกูลตำช้า ด้วยอำนาจอกุศลที่ตนเป็นคนใจกระด้าง

    บุพกรรมที่ทำให้มีรูปโฉมสิริงดงาม จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาบริบูรณ์ด้วยรูปโฉมสิริงดงาม เป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจแห่งบุคคลทั้งปวงนั้น ด้วยอำนาจที่อดใจมิได้ลุแก่อำนาจโทโส แม้จะเกิดโทโสขึ้นในจิตสันดาน ก็อุตสาหะระงับเสียด้วยนำคือขันติและเมตตา รักษาศีลไว้ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสันดาน เปรียบปานประดุจเนื้อทรายจามรีรักษาขน บุคคลจำพวกนี้ เมื่อตายแล้วก็มีสวรรค์เป็นเบื้องต้น บังเกิดเป็นเทวบุตรเทวธิดา มีรูปโฉมสวยสง่างาม เป็นที่ยินดีแห่งสรรพเทพเทวินทร์อินทร์พรหมทั้งปวง ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มีรูปโฉมบริสุทธิ์ผุดผ่องงดงามยิ่งนัก ยากที่จะหาใครมาเทียบ

    บุพกรรมที่ทำให้มีรูปชั่วพิกลพิการต่างๆ จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ มนุษย์ที่เกิดมามีรูปชั่วพิกลพิการต่างๆ เป็นที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าละอาย น่าสะอิดสะเอียนใจแก่มหาชนทั้งปวงนั้น ด้วยอำนาจอกุศลกรรมมีความโกรธอยู่ในสันดาน อดีตชาติเป็นคนพาล เต็มไปด้วยเวรพยาบาท มักผูกอาฆาตจองเวรแก่ผู้อื่น คิดแต่จะด่าจะว่า จะตีจะฆ่า จะทำร้าย จะล้างจะผลาญผู้อื่น เหมือนอสรพิษที่คอยจะกัดจะกินอยู่อย่างเดียว ปราศจากขันติและเมตตา คนจำพวกนี้เมื่อตายไปแล้วจะมีอบายเป็นที่ไป ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ เมื่อพ้นจากอบายบ่ายหน้าขึ้นมาเมืองมนุษย์ ก็เกิดเป็นคนรูปชั่วไม่บริสุทธิ์ พิกลพิการต่างๆ เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง น่าชัง น่าละอาย น่าสะอิดสะเอียนใจแก่ผู้พบเห็น ด้วยอกุศลกรรมที่ตนมีสันดานมากไปด้วยเวรอาฆาต มักผูกเวรพยาบาทแก่ผู้อื่น

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นคนยากจนเข็ญใจ

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมาเป็นคนยากจนเข็ญใจ ตกตำยากไร้ อนาถา ผ้าจะนุ่งจะห่ม ข้าวจะกินก็หาได้ยากนัก ด้วยอกุศลกรรมที่ตนได้ทำอทินนาทาน แต่อดีตชาตินั้นเป็นคนพาล ลุแก่อำนาจความโลภ หามีหิริและโอตัปปะได้ไม่ คิดเห็นแก่ที่จะได้นั้นเป็นประมาณ ไม่เคยทำบุญให้ทาน กระทำแต่การปล้นสะดม ลวงล่อฉ้อโกงเขา ฉกชิงวิ่งราวเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตน คนจำพวกนี้ตายไปแล้วตกนรก เสวยทุกขเวทนาหยาบช้าแรงกล้า แล้วมาเกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย พอพ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนต้องลำบากเข็ญใจ จะกินก็ไม่เต็มท้อง อดๆอยากๆ แสนยากแสนจน ด้วยเศษบาปแห่งอกุศลที่ตนกระทำอทินนาทาน ลักเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน

    บุพกรรมที่ทำให้เป็นคนมั่งคั่งรำรวย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมามีทรัพย์สมบัติพัสถานบริบูรณ์ พร้อมด้วยข้าทาสบริวาร ด้วยอำนาจกุศลที่ตนรักษาศีลอทินนาทาน ไม่ฉกไม่ลัก ไม่ลวงล่อ ฉ้อโกง เลี้ยงชีวิตด้วยความซื่อสัตย์ อุตสาหทำบุญให้ทาน จำแนกแจกทรัพย์เป็นการกุศล เช่น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มากไปค้วยกุศลเจตนา ยินดีที่จะบริจาคทาน มิได้ลุแก่อำนาจโลภะและตระหนี่ บุคคลเช่นนี้ เมื่อตายแล้วย่อมขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติในสุราลัยพิมาน เป็นสหายแห่งเทวบุตรและเทวธิดา จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ก็บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารจะเพียบพร้อมบริบูรณ์ ด้วยอำนาจกุศลที่ตนรักษาศีลอทินนาทาน และจำแนกแจกทรัพย์ให้ทานวัตรต่างๆนั้น

    บุพกรรมที่ทำให้ไม่เจ็บป่วย ไม่เป็นโรค จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่เกิดมามีแต่ความสุขสบาย ไม่ป่วยไม่เป็นโรคนั้น ด้วยอำนาจกุศลที่มีความเมตตากรุณาแก่สัตว์ มิได้เบียดเบียนแก่สัตว์ทั้งปวง เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ปราศจากโรคภัยต่างๆ ตั้งแต่น้อยๆจนแก่ชรา เมือจะตายนั้นก็ตายอย่างสงบไม่ทุกข์ทรมาน ไม่ลำบากเวทนา ไม่ดิ้นรน ไม่กระสับกระส่าย ถึงที่ควรจะตายก็ตายง่ายๆ ตายได้สติอารมณ์ ด้วยอำนาจกุศลที่ตนไม่เบียดเบียนแก่สัตว์ มีเมตตากรุณาเป็นเบื้องหน้า

    บุพกรรมที่ทำให้อายุยืน จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ บุคคลที่อายุมากอายุยืนนั้น ด้วยอำนาจผลที่ตนรักษาศีลปาณาติบาต ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แท้จริงบุคคลที่มีสันดานมากไปด้วยกุศลจิต กระทำการเป็นกายสุจริต มิได้ฆ่าสัตวฺตัดชีวิต ประกอบด้วยความเมตตากรุณาแก่สัตว์นั้น ครั้นสิ้นชีวิตทำลายขันธ์ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติเป็นสุขสวัสดิ์สถาพรสิ้นกาลช้านาน ครั้นจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็มีอายุยืนยาว มิได้ตายแต่หนุ่มสาว มิได้ตายแต่ท่ามกลางอายุ อายุนั้นยืนอยู่จนแก่จนเฒ่า สิ้นอายุขัยแล้วจึงจะตาย ด้วยผลที่ตนรักษาศีลปาณาติบาตมิได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น

    บุพกรรมที่ทำให้อายุน้อย จากพระพุทธพจน์

    ดูก่อน สุภมานพ มนุษย์มีอายุน้อยด้วยอกุศลที่กระทำปาณาติบาตฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แท้จริงบุคคลที่เป็นพาลมีสันดานมากด้วยอกุศลจิต กระทำกายทุจริตฆ่าสัตว์ตัดชีวิตปราศจากความเมตตากรุณานั้น ครั้นสิ้นชีวิตทำลายขันธ์ก็ลงไปเสวยทุกข์เวทนาในนรกสิ้นกาลช้านาน พ้นจากนรกก็เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอสุรกาย พ้นจากอบายมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนอายุน้อยอายุสั้น ด้วยเศษบาปปาณาติบาตติดตามมาให้ผล

    บุพกรรมที่ทำให้เกิดเป็นพระอินทร์หรือท้าวสักกะเทวราชผู้เป็นราชาแห่งเทพยดาทั้งหลาย คือเทวธรรม 7 ประการ

    1. บำรุงเลี้ยงบิดามารดา ตลอดชีวิต
    2. ประพฤติถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญในตระกูล
    3. พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่พูดคำหยาบ
    4. ไม่พูดส่อเสียด ให้ผู้อื่นเสียใจ
    5. ให้ทานเป็นนิจ ไม่ตระหนี่เหียวแน่น
    6. มีวาจาสัตย์ รักษาคำสัตย์
    7. ไม่โกรธ มีขันติ มีเมตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2022
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    วิบากกรรม ใช้น้ำกรดราดพระพุทธรูป

    thamnu onprasert
    Oct 6, 2022

    เรื่องราวกฏแห่งกรรมของชาย๓คน
    คนที่ ๑ ใช้น้ำกรดราดพระพุทธรูป
    คนที่ ๒ ชอบตีไก่ชนไก่ให้ได้รับความทรมานอยู่เป็นนิจ

    คนที่ ๓ ฆ่าอึ่งอ่างนับร้อยๆตัวด้วยวิธีพิศดาร
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อาจารย์ยอด : เอาบุญบังหน้า [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    133,504 views Nov 26, 2022
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  21. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    บุคคลที่ตกเป็นทาสของความรัก
    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพตต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    ลองพรรณนาดูสิ ความผิดหวังในโลกอันนี้นะมันมากมายจริงๆ นะ มันล้วนแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลยตัณหา น่ะมันก็ยึดติดใจของคนเรานี่แหม...ถ้าเราได้เมียมาล่ะ สวยๆ งามๆ นี่มาแล้วเราจะสุขใจเต็มที่เลยทีเดียวถ้าฝ่ายผู้หญิงก็ดีไปเจอชายที่ตนรักเข้าแหม...ถ้าเราได้ชายคนนี้เป็นสามีนี่แหม...เราจะมีความสุขใจมากคิดไปล่ะกลุ้มใจล่ะ...แสวงหากันไปถ้าไม่ได้รูปสิ่งที่ตนนั้นชอบใจล่ะก็เอาแล้วทีนี้ เดือดร้อนแล้วบางรายก็ถึงกับฆ่าตัวตายเลยทีเดียวมันผิดหวังอย่างใหญ่โต คนผู้ถึงกับฆ่าตัวตายมันเป็นทาสแห่งความรักเอาจริงๆน่าเสียดาย...ร่างกายอันนี้พ่อแม่เลี้ยงมาแสนทุกข์แสนยาก เจริญวัยใหญ่โตมาแล้วก็มาตกเป็นทาสแห่งความรักถึงกับทำลาย "มรดกอันล้ำค่า" ของมารดาบิดาอันนี้ให้ย่อยยับไปก่อนกาลเวลาที่ควรจะตาย ร่างกายอันนี้นะมันก็เป็นมรดกของมารดาบิดาอันล้ำค่าหาค่ามิได้เลย...เราจะไปหาที่ไหนล่ะ มันก็มีแต่ร่างกายอันเดียวนี้จะเอาอันอื่นมาแทนไม่ได้เลย คนเรามันไม่ทวนกระแสจิตเข้ามาดูอัตภาพร่างกายนี้ เพราะฉะนั้นแหล่ะ จึงตกเป็นทาสของกิเลสกลุ้มใจแล้วก็ฆ่าตัวตายโดยแบบหนึ่งแบบใดก็แล้วแต่คิดได้แหละ อันนี้นะ พุทธบริษัททั้งหลายควรพากันนึกไว้เสมอการฆ่าตัวตายนี้มันเป็นกรรมเป็นเวรก็เท่ากันแหล่ะกับการฆ่าผู้อื่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...