ผลที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมาจาก “กรรม” ทั้งสิ้น

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    (cont.)
    สดับธรรมพระตถาคตผ่านนางค่อมขุชตตรา
    วันหนึ่งพระนางสามาวดีได้ทราบความอัศจรรย์ของพระธรรมเทศนาที่ทำให้นางขุชชุตตรา หญิงรับใช้ร่างอัปลักษณ์กลับตัวกลับใจจากการทำบาป พระนางจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ยิ่งนัก ถึงกับร้องขอให้นางขุชชุตตราแสดงธรรมตามที่ฟังมาให้นางฟังบ้าง ในทันทีที่นางขุชชุตตรามาถึง พระนางได้ยกพระแท่นให้นางขุชชุตตรานั่งประทานผ้านุ่ง แพรพรรณให้ใหม่ เพื่อเป็นการแสดงคารวะอย่างสูง และเมื่อพระนางสามาวดีและสาวใช้บริวารทั้ง500คน ได้ฟังธรรมจบ ทั้งหมดก็บรรลุโสดาบันพร้อมกัน

    ด้วยความอิ่มเอิบใจและเลื่อมใสในพระธรรม นับแต่นั้นมาพระนางสามาวดีและเหล่าบริวารทั้ง500นาง จึงพร้อมใจกันถือศีลปฏิบัติธรรม นอกจากนี้พระนางสามาวดียังได้มอบหมายให้นางขุชชุตตราไปฟังธรรมทุกวัน เพื่อกลับมาแสดงธรรมให้พระนางและบริวารฟังด้วย
    พระนางมาคันทิยา ผู้ถูกผลาญเผาตนเองด้วยเพลิงริษยา
    ต่อมาพระเจ้าอุเทนได้แต่งตั้งพระนางวาสุลทัตตาเป็นมเหสีองค์ที่สอง และพระนางมาคันทิยาเป็นมเหสีองค์ที่สามทว่า พระมเหสีองค์หลังมีความอาฆาตแค้นในพระพุทธองค์มาก่อน เมื่อรู้ว่าพระนางสามาวดีมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ก็เกิดความไม่พอใจ คิดหาอุบายกำจัดพระนางสามาวดี กุเรื่องขึ้นใส่ความหลายครั้ง จนถึงขั้นใส่ร้ายว่าพระนางสามาวดีมีใจฝักใฝ่ในพระพุทธองค์และคิดจะปลงพระชนม์พระเจ้าอุเทน
    ท้ายที่สุดพระเจ้าอุเทนทรงคล้อยตาม และมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพระนางสามาวดีพร้อมบริวารด้วยพระองค์เอง ทว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เพียงแค่ง้างศรออก พระองค์กลับสัมผัสถึงความดีงามของพระนางสามาวดี จึงก้มลงกราบขอโทษพระนางแทบพระบาทและปวารณาตนเข้าสู่บวรพุทธศาสนา รักษาศีล ฟังธรรม เช่นพระนางสามาวดี
    สามาวดี.jpg
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พระนางมาคันทิยาก่อเพลิงเผาพระตำหนักพระนางสามาวดี
    ความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เพิ่มความเคียดแค้นให้พระนางมาคันทิยามากยิ่งขึ้น จนวันหนึ่งนางได้วางแผนเผาพระนางสามาวดีพร้อมบริวารทั้งเป็น พระนางสามาวดีนั้นแม้จะเห็นเปลวเพลิงกำลังลุกลามเข้ามาใกล้ก็มิได้ทรงหวั่นไหว กลับรับสั่งให้เหล่าบริวารตั้งจิตเจริญเมตตา แม้ท้ายที่สุดทั้งหมดจะจบชีวิตลงในกองไฟ…แต่ก็ต่างบรรลุธรรมขั้นสูงไปตามๆกัน

    เหตุแห่งการตายของพระนางสามาวดีนี้สืบเนื่องด้วยกรรมเก่าเมื่อครั้งอดีตกาลที่พระนางและเหล่าบริวารทั้ง500คนพากันสุมไฟขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ครั้นพอไฟมอดลงจึงทราบว่านางได้เผาพระปัจเจกพุทธะซึ่งกำลังเข้าสมาธิอยู่ในพงหญ้าไปด้วยพระองค์หนึ่ง และด้วยความหวาดกลัว พวกนางจึงช่วยกันสุมไฟอีกครั้งให้แรงยิ่งขึ้นเพื่อจะได้ทำลายหลักฐานให้สิ้นซาก ก่อนจะพากันกลับเข้าเมือง

    ผลกรรมในครั้งนั้นทำให้พระนางสามาวดีและบริวาร500คน ต้องถูกไฟนรกเผาไหม้อยู่หลายพันปีและเมื่อพ้นจากนรกก็ยังต้องถูกเผาทั้งเป็นอีก100ชาติ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือจุดจบกลางกองเพลิงด้วยน้ำมือของพระนางมาคันทิยา…ดังความที่เล่ามานี้

    เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์

    ภาพ : http://www.dhammajak.net

    Photo by Christopher Burns on Unsplash
    :- https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/30460.html
     
  3. D.(Username)

    D.(Username) ธรรมมะ จะกาโล มะโหติธรรม ผู้เจริญทำยํย้อมมีทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +27
    แล้วเราควรทำอย่างไรดี
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    ฟังกันยาวๆเลยค่ะ หลวงพ่อสอนไว้แล้ว สาธุค่ะ

    7/38 วิธีหนีบาปเพื่อปิดอบายภูมิทั้ง4 จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน (หนีนรก-เปรต-อสุรกาย-สัตว์เดรัจฉาน)

    สวน แห่งศรัทธา
    Dec 23, 2020
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    หนี้ศักดิ์สิทธิ์ - พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ ... เสียงอ่านโดย ทพญ. ธนาภรณ์ วงศ์แหลมทอง ชมรมเพื่อนคุณธรรม

    The Noble Path

     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    hiriottuppa.jpg
    เทวธรรม

    เทวธรรม คือ ผู้ที่มีธรรมของเทวดาในโลก เป็นธรรมะที่เทพเจ้าหรือเทวดาถามหาหรือต้องการจากมนุษย์ เป็น สัปบุรุษผู้สงบระงับ ประกอบด้วยหิริโอตัปปะตั้งมั่นอยู่ในธรรมอันผ่องแผ้ว เทวธรรมจะประกอบด้วย "หิริ" คือ การละอายต่อบาป "โอตัปปะ" คือการเกรงกลัวต่อผลของบาป หิริ นั้นประกอบด้วย ความละอายต่อการ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว โอตัปปะ คือการเกรงภัยของการคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วจะมาถึงตน มีอธิบายขยายความเทวธรรมและยกเรื่องราวประกอบอยู่ในหนังสือธรรมบทภาค ๕ เรื่อง พหุภณฺฑิกภิกฺขุวตฺถุ (ภิกษุผู้มีภัณฑะมาก) สาเหตุของการทำให้เกิดหิริโอตัปปะ

    1. เกรงทำให้วงศ์ตระกูลเสียชื่อเสียง
    2. เกิดความอายต่อผู้มีอายุอ่อนกว่า
    3. เกรงคำติฉินนินทาว่าเราเป็นคนไม่มีฝีมือในการทำความดี
    4. กลัวคนดูหมิ่นว่าเราก็เป็นที่คนที่มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่สามารถทำความดีได้
    : - https://th.wikipedia.org/wiki/เทวธรรม
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    เวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยว


    เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙

    ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์

    จากวารสารอยู่ในบุญ ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2557


    “บัณฑิตไม่ควรทำความชั่ว เพราะเห็นแก่ตัวเอง หรือเห็นแก่คนอื่น
    ไม่ควรปรารถนาบุตร ทรัพย์ แว่นแคว้น หรือความสำเร็จแก่ตนโดยทางที่ไม่ชอบธรรม
    ควรมีศีล มีปัญญา มั่นอยู่ในธรรม” (ขุ.ธ.)
    เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอดีตหญิงโสเภณีคนหนึ่งที่ประพฤติผิดศีลแทบทุกข้อ แต่มีบุญที่ได้ทำทานกับพระอรหันต์ไว้บ้าง จึงทำให้ไปบังเกิดเป็นเวมานิกเปรต เปลือยกายอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทร เรื่องของนางก็มีอยู่ว่า ครั้งอดีตกาลในกรุงพาราณสี เธอเป็นหญิงโสเภณีผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม มีผิวพรรณงดงามกว่าหญิงโสเภณีคนอื่น ๆ ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีเส้นผมที่ละเอียด ดกดำ อ่อนนุ่ม มีปลายผมตวัดงอน ยามใดที่ชายหนุ่มเจ้าสำราญทั้งหลายเห็นความงามเส้นผมของเธอ ต่างก็เกิดหลงใหลถวิลหา ทำให้หญิงโสเภณีด้วยกันเกิดอิจฉาริษยาในตัวเธอยิ่งนัก

    วันหนึ่ง ขณะอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เธอสระผมด้วยยาสระผมของเพื่อนผู้ไม่ปรารถนาดีต่อเธอ เมื่อเธอดำน้ำเพื่อล้างยาสระผมออกทันทีที่โผล่พ้นผิวน้ำเท่านั้น เส้นผมพร้อมทั้งรากผมก็หลุดร่วงทั้งหมด ทำให้ศีรษะของเธอเกลี้ยงเกลาเหมือนกะโหลกน้ำเต้าขม เมื่อเส้นผมร่วงหมดก็หมดความงาม เหมือนนกพิราบถูกถอนขนหัว ไม่สามารถประกอบอาชีพโสเภณีได้อีกต่อไป เธอจำต้องนำผ้ามาคลุมศีรษะแล้วหันมาขายสุราและน้ำมันงาแทนอาชีพเดิมโดยตั้งร้านอยู่ที่ปากทางเข้าเมือง นอกจากจะทำบาปด้วยการขายสุราเมรัยแล้ว เธอยังประพฤติผิดศีลข้ออทินนาทาน คือ จะขโมยเสื้อผ้าและของมีค่าของคนขี้เมาที่เมาได้ที่จนหลับสนิท แล้วนำไปขายเป็นประจำ

    อย่างไรก็ตามชีวิตของเธอก็ไม่ได้มืดมนไปทุกอย่าง วันหนึ่ง เธอได้เห็นพระอรหันตเถระรูปหนึ่งบิณฑบาตผ่านมา จึงนิมนต์ท่านเข้ามาในบ้านด้วยความเลื่อมใส พร้อมกับถวายแป้งผสมกับน้ำมันงา หลังจากพระเถระฉันเสร็จแล้วได้ทำการอนุโมทนา ขณะเดียวกันก็แนะนำให้เธอเลิกอาชีพขายเหล้าเพราะเป็นมิจฉาอาชีวะการขายเหล้าเพื่อมอมเมาคนอื่น นอกจากทำให้ตัวเองได้บาปและจะต้องไปตกนรกแล้ว วิบากกรรมที่ตามมายังส่งผลให้เป็นคนด้อยปัญญาแต่เธอก็ยังเลิกไม่ได้ โดยอ้างเหตุผลว่ายังหาอาชีพอื่นไม่ได้



    571103-02.jpg


    ต่อมา เมื่อเธอถึงแก่กรรม บุญส่งผลให้ไปเกิดเป็นเวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยวอยู่ในวิมานทองกลางมหาสมุทร มีเส้นผมสวยงามสมปรารถนา แต่ด้วยบาปกรรมที่ลักขโมยเสื้อผ้าและของมีค่าของคนขี้เมา ส่งผลให้เธอต้องเป็นเปรตชีเปลือย ไม่มีภูษาอาภรณ์สวมใส่ เธอต้องตายแล้วเกิด ๆ อยู่อย่างนั้นหลายครั้ง ในวิมานทองแห่งนั้นตลอดถึง 1 พุทธันดร

    เมื่อถึงสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา มีพ่อค้าชาวเมืองสาวัตถี 700 คนล่องเรือไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ แล้วถูกพายุพัดพาไปถึงเกาะกลางทะเล ซึ่งเป็นที่อยู่ของนางเวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยวนั้น เมื่อเปรตหญิงชีเปลือยเห็นพวกพ่อค้าซึ่งถูกพายุพัดมาถึงที่ก็ตื่นเต้นดีใจและแสดงตนให้พวกพ่อค้าเห็นพร้อมด้วยวิมาน หัวหน้าพ่อค้าถามว่า “น้องสาวเธอเป็นใครกัน เป็นมนุษย์หรือเทพธิดา ทำไมหลบอยู่ ไม่ยอมออกมาให้พวกเราเห็น ช่วยเดินออกมาข้างนอกหน่อยเถอะ พวกเราอยากเห็นเธอใกล้ ๆ”

    นางเวมานิกเปรตได้แต่ยื่นหน้าออกมาพลางตอบว่า “ดิฉันเป็นเวมานิกเปรตชีเปลือยมีเพียงเส้นผมปิดบังไว้เท่านั้น รู้สึกละอายที่จะออกไปข้างนอก” พวกพ่อค้าได้ฟังแล้วก็สงสาร จึงกล่าวว่า “น้องสาว ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะให้เสื้อผ้าเนื้อดีแก่เธอ” เธอรีบปฏิเสธว่า “พวกท่านให้เสื้อผ้าอย่างนี้ ดิฉันนุ่งห่มไม่ได้ขอเพียงท่านให้เสื้อผ้าแก่อุบาสกที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แล้วอุทิศส่วนกุศลมาให้ ดิฉันก็จะได้นุ่งห่มเสื้อผ้าตามที่พวกท่านปรารถนา”

    เผอิญในขบวนพ่อค้ากลุ่มนี้ มีพ่อค้าผู้เป็นอุบาสกนับถือพระรัตนตรัยร่วมทางมาด้วย พวกพ่อค้าจึงให้อุบาสกอาบน้ำ ทาด้วยของหอม แล้วให้นุ่งห่มเสื้อผ้าเนื้อดี พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้กับนาง ทำให้โภชนะเครื่องนุ่งห่มเกิดขึ้นกับนางอย่างปัจจุบันทันตาเห็น นางมีร่างกายงดงามสว่างไสว พร้อมนุ่งห่มผ้าที่สะอาด เนื้อละเอียดงดงาม เดินยิ้มแย้มออกมาจากวิมานทันที
    571103-03.jpg

    พวกพ่อค้าเห็นเช่นนั้น ก็ปีติเบิกบานที่ได้ช่วยเหลือนางเวมานิกเปรต และสนทนากับนางด้วยจิตยินดี นางเวมานิกเปรตถือโอกาสเล่าเรื่องในอดีตด้วยความระทมทุกข์ว่า “วิมานและรูปสมบัตินี้เป็นผลบุญนิดหน่อยที่ดิฉันทำ ไว้กับพระเถระ แต่อีก 4 เดือนจากนี้ ผลบุญก็จะหมดแล้ว จากนั้นดิฉันจะตกนรกหมกไหม้แสนสาหัสเหมือนอยู่ในคุกสี่เหลี่ยมที่แบ่งเป็นห้อง ๆ ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ครอบด้วยแผ่นเหล็กที่มีพื้นลุกเป็นไฟ ซึ่งมีความร้อนแผ่ไปถึง 100 โยชน์ดิฉันจะต้องเสวยทุกขเวทนาในนรกอีกนานดิฉันเป็นทุกข์เหลือเกิน ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะพ้นจากทุกข์นี้ไปได้”

    การที่นางเคยหลงทำผิดไปนั้น เพราะไม่เชื่อคำแนะนำของพระเถระ ทำให้ต้องดำเนินชีวิตผิดพลาด ชีวิตจึงมืดมน เหมือนคนเดินหลงทางในความมืด ครั้นมาเชื่อตอนตายก็สายไปเสียแล้ว พวกพ่อค้ารู้สึกสงสารนางมาก จึงพูดขึ้นว่า “แค่พวกเราทำบุญกับอุบาสก แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเธอ ยังส่งผลทันตาเห็นขนาดนี้แต่ถ้าหากเธอได้ทำบุญกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเธอก็ไม่ต้องไปอบายอย่างแน่นอน ขอให้เธอทำจิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งของเราทั้งหลายเถิด”

    นางเวมานิกเปรตดีใจมากที่ยังพอมองเห็นทางรอดจากมหานรกอยู่บ้าง นางจึงส่งใจนอบน้อมถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกทั้งให้อุบาสกและพ่อค้ารับประทานอาหารทิพย์อย่างอิ่มหนำสำราญ แล้วก็มอบผ้าทิพย์และรัตนชาติหลากชนิดให้แก่พวกพ่อค้าด้วย อีกทั้งยังฝากผ้าทิพย์คู่หนึ่งให้นำไปถวายพระบรมศาสดาจากนั้นก็ใช้ฤทธานุภาพของนางส่งพวกพ่อค้ากลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
    budddhatesana.jpg
    571103-04.jpg

    เมื่อพ่อค้ากลับถึงบ้านแล้ว ก็รีบไปยังวัดพระเชตวัน เพื่อถวายผ้าทิพย์คู่นั้นแด่พระพุทธองค์ พร้อมกับกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากนั้นร่วมกันถวายมหาทานถึง 7 วัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลเจาะจงถึงเวมานิกเปรตผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ ด้วยผลบุญดังกล่าวทำให้นางละจากความเป็นเปรตไปบังเกิดในวิมานทองของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อันโชติช่วงไปด้วยรัตนะต่าง ๆ และมีนางเทพอัปสรหนึ่งพันเป็นบริวาร

    จะเห็นได้ว่า บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ คนมีศีล มีธรรม จะเป็นเจ้าของสมบัติ แต่คนผู้ไร้ศีลจะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างโทษทัณฑ์แห่งการผิดศีลจะทำลายความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต และทำให้ประสบแต่ความทุกข์ยาก ความตกต่ำเรื่อยไป หากทุกคนในโลกมีหิริโอตตัปปะก็จะไม่มีใครกล้าทำผิด ยิ่งถ้าได้รู้ถึงความหายนะที่จะตามมาก็จะไม่กล้าทำชั่วแต่เพราะความไม่รู้หรือประมาทในชีวิต เนื่องจากตามใจกิเลสจนเคย ทำให้ล่วงละเมิดศีลเป็นอาจิณ

    เพราะฉะนั้น เราต้องตั้งสติให้ดี อย่าทำลายศีลของตนเอง ต้องรู้จักอดทนอดกลั้นอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าเห็นแก่เงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่ไม่จีรังยั่งยืน ถ้าเรารักษาศีลศีลก็จะรักษาเรา อย่าลืมว่าความทุกข์ในโลกนี้มีไม่นาน แต่เราจะไปเสวยสุขในปรโลกอีกยาวนาน คือ จะได้สมบัติใหญ่ทั้งสวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัตินั่นเอง
    :- https://www.dmc.tv/pages/ธรรมะสอนใจ/เวมานิกเปรตผู้โดดเดี่ยว.html


     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    lotusabovewater.jpg
    คิด พูด ทำ อย่างไหนบาปที่สุด


    โดย พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ)

    คำถาม : อยากทราบว่าการ คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี อย่างไหนจะเป็นบาปมากที่สุดครับ
    พระอาจารย์ : คุณโยม จุดเริ่มต้นมาจากความคิดก่อน ถ้าคิดไม่ดี คำพูด การกระทำ ก็จะไม่ดีตามไปด้วย แต่ถ้าเกิดคิดดี เดี๋ยวคำพูด การกระทำ ก็จะดีตามไปด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก แต่ว่าเมื่อทำไปแล้ว ระหว่าง คิด พูด กับ ทำ "ทำมีผลมากที่สุด เหมือนเช่นเราคิดว่าจะตี ทำร้ายสัตว์ แค่คิดกับได้พูดออกไปว่าเดี๋ยวจะทำร้าย กับลงมือทำร้ายจริงๆ ถามว่าอะไรบาปที่สุด ตอบว่าลงมือกระทำมีผลแรงที่สุด แค่คิด บาปยังไม่เยอะ เพียงแต่ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง เจริญพร
    :- https://www.dmc.tv/pages/ธรรมะสอนใจ/621126-คิด-พูด-ทำ-อย่างไหนบาปที่สุด.html


     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049

    monkmeditate.jpg
    บุรพกรรมของพระจูฬปันถก
    ถามว่า “เพราะอะไร?”
    แก้ว่า “ได้ยินว่า เธอบวชในกาลพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีปัญญา ได้ทำการหัวเราะเยาะ ในเวลาที่ภิกษุเขลารูปใดรูปหนึ่ง เรียนอุเทศ, ภิกษุนั้นละอายเพราะการหัวเราะนั้น เลยเลิกเรียนอุเทศ ไม่ทำการสาธยาย.
    เพราะกรรมนั้น จูฬปันถกนี้พอบวชแล้ว จึงเป็นคนโง่, บทที่เรียนแล้วๆ เมื่อเธอเรียนบทต่อๆ ไป ก็เลือนหายไป. เมื่อเธอพยายามเพื่อเรียนคาถานี้แล. สี่เดือนล่วงไปแล้ว.
    จูฬปันถกถูกพระพี่ชายประณาม
    ทีนั้น พระมหาปันถกได้กล่าวกะเธอว่า “จูฬปันถก เธอเป็นคนอาภัพในศาสนานี้, โดย ๔ เดือน แม้คาถาเดียวก็ไม่อาจเรียนได้, ก็เธอจักยังกิจแห่งบรรพชิตให้ถึงที่สุดได้อย่างไร? จงออกไปจากที่นี้เสียเถิด.” ดังนี้แล้ว ก็ขับออกจากวิหาร.
    พระจูฬปันถกไม่ปรารถนาความเป็นคฤหัสถ์ เพราะความเยื่อใยในพระพุทธศาสนา.
    ก็ในกาลนั้น พระมหาปันถกเป็นภัตตุเทสก์. หมอชีวกโกมารภัจถือระเบียบดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้เป็นอันมากไปสู่อัมพวัน บูชาพระศาสดา สดับธรรม ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระทศพลแล้ว เข้าไปหาพระมหาปันถก ถามว่า “ภิกษุในสำนักของพระศาสดา มีจำนวนเท่าไร ขอรับ.”
    พระมหาปันถก. ภิกษุมีประมาณ ๕๐๐ รูป.
    หมอชีวก. ท่านผู้เจริญ พรุ่งนี้ ขอใต้เท้าได้พาภิกษุ ๕๐๐ รูป มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข (ไป) รับภิกษาในเรือนของกระผม.
    พระมหาปันถก. อุบาสก ภิกษุโง่ (รูปหนึ่ง) ชื่อจูฬปันถก มีธรรมไม่งอกงาม, รูปจะเว้นเธอเสีย แล้วรับนิมนต์เพื่อภิกษุทั้งหลายที่เหลือ.
    พระจูฬปันถกหนีไปสึกแต่สึกไม่ได้
    พระจูฬปันถกฟังคำนั้นแล้ว คิดว่า “พระเถระ เมื่อรับนิมนต์ เพื่อภิกษุทั้งหลายมีประมาณเท่านั้น ก็คัดเราไว้ภายนอกแล้วจึงรับ, จิตของพี่ชายเรา จักแยก (หมดเยื่อใย) ในเราแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย, บัดนี้ เราจะต้องการอะไรด้วยศาสนานี้, เราจักเป็นคฤหัสถ์ทำบุญต่างๆ มีทานเป็นต้นเลี้ยงชีพละ.” วันรุ่งขึ้น เธอไปเพื่อจะสึกแต่เช้าตรู่.
    พระศาสดาทรงตรวจดูโลก (คือหมู่สัตว์) เฉพาะในเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นเหตุนี้แล้ว จึงเสด็จล่วงหน้าไปก่อน ได้ทรงหยุดจงกรมอยู่ที่ซุ้มประตูใกล้ทางที่พระจูฬปันถกไป. พระจูฬปันถกเมื่อเดินไปพบพระศาสดา จึงเข้าไปเฝ้าถวายบังคม.
    พระศาสดาทรงรับรองให้อยู่ต่อไป
    ขณะนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า “จูฬปันถก นี่เธอจะไปไหน? ในเวลานี้.”
    จูฬปันถกทูลว่า “พระพี่ชายขับไล่ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไปเพื่อจะสึก เพราะเหตุนั้น.”
    พระศาสดาตรัสว่า “จูฬปันถก เธอชื่อว่าบรรพชาในสำนักของเรา, แม้ถูกพี่ชายขับไล่ ทำไม จึงไม่มาสู่สำนักของเรา? มาเถิด, เธอจะต้องการอะไรด้วยความเป็นคฤหัสถ์ เธอต้องอยู่ (ต่อไป) ในสำนักของเรา” ดังนี้แล้ว ทรงเอาฝ่าพระหัตถ์อันมีพื้นวิจิตรไปด้วยจักร ลูบเธอที่ศีรษะแล้ว พาไปให้นั่งที่หน้ามุขพระคันธกุฎี ประทานท่อนผ้าที่สะอาด ซึ่งทรงบันดาลขึ้นด้วยฤทธิ์ ด้วยตรัสสั่งว่า “จูฬปันถก” เธอจงผินหน้าไปทางทิศตะวันออก ลูบท่อนผ้านี้ ด้วยบริกรรมว่า ‘รโชหรณํ. รโชหรณํ.” (ผ้าเช็ดธุลี) อยู่ที่นี้แหละ ครั้นเมื่อเขากราบทูลเวลาแล้ว, มีภิกษุสงฆ์แวดล้อม เสด็จไปเรือนของหมอชีวก ประทับนั่งบนอาสนะที่เขาตกแต่งไว้.
    พระจูฬปันถกเจริญภาวนาบรรลุพระอรหัต
    ฝ่ายพระจูฬปันถกนั่งแลดูพระอาทิตย์ พลางลูบผ้าท่อนนั้น บริกรรมว่า “รโชหรณํ รโชหรณํ” เมื่อท่านลูบท่อนผ้านั้นอยู่, ท่อนผ้าได้เศร้าหมองแล้ว. ลำดับนั้น จึงคิดว่า “ท่อนผ้านี้สะอาดแท้ๆ แต่อาศัยอัตภาพนี้จึงละปกติเดิมเสีย กลายเป็นของเศร้าหมองอย่างนี้ไปได้, สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ? (ครั้นแล้ว) เริ่มตั้งความสิ้นและความเสื่อม เจริญวิปัสสนา.
    พระศาสดาทรงทราบว่า “จิตของพระจูฬปันถกขึ้นสู่วิปัสสนาแล้ว” จึงตรัสว่า “จูฬปันถก เธออย่าทำความหมายเฉพาะท่อนผ้านั้นว่า ‘เศร้าหมองแล้ว ติดธุลี’, ก็ธุลีทั้งหลาย มีธุลีคือราคะเป็นต้น มีอยู่ในภายในของเธอ, เธอจงนำ (คือกำจัด) มันออกเสีย” ดังนี้แล้ว ทรงเปล่งพระรัศมี เป็นผู้มีพระรูปปรากฏ ดุจประทับนั่งตรงหน้า ได้ทรงภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า
    “ราคะ ชื่อว่าธุลี, แต่เรณู (ละออง) ท่านหา
    เรียกว่า (ธุลี) ไม่, คำว่า ธุลี นั่นเป็นชื่อของราคะ,
    ภิกษุเหล่านั้น ละธุลีนั่นได้ขาดแล้ว อยู่ในศาสนา
    ของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี.
    โทสะ ชื่อว่าธุลี, แต่เรณู (ละออง) ท่านหา
    เรียกว่า (ธุลี) ไม่, คำว่า ธุลี นั่นเป็นชื่อของโทสะ,
    ภิกษุเหล่านั้น ละธุลีนั่นได้ขาดแล้ว อยู่ในศาสนา
    ของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี.”
    โมหะ ชื่อว่าธุลี, แต่เรณู (ละออง) ท่านหา
    เรียกว่า (ธุลี) ไม่; คำว่า ธุลี นั่นเป็นชื่อของโมหะ,
    ภิกษุเหล่านั้น ละธุลีนั่นได้ขาดแล้ว อยู่ในศาสนา
    ของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี.”
    ในกาลจบคาถา พระจูฬปันถกบรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว ปิฎก ๓ มาถึงแก่ท่านพร้อมกับปฏิสัมภิทาทีเดียว.
    อ่านเพิ่มเติม
    :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=12&p=3
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    prate.jpg
    อาชีพอัยการ ผู้พิพากษา และตำรวจ ที่ตกนรกมากเพราะ มีอำนาจในมือมากที่สุด และก็ใช้ผิดมากที่สุดอีกเช่นกัน
    ตำรวจไม่ดีปั้นหลักฐานมา อัยการตัดสินตามหลักฐานที่ตำรวจส่งมา ผู้พิพากษาก็เชื่อตามหลักฐาน จำเลยไม่มีเงินสู้คดี
    โอกาสติดคุกสูง และเผลอๆ อาจโดนตัดสินประหารชีวิตเลยด้วยซ้ำ เคยได้มีโอกาสฟังอาจารย์สนอง วรอุไรท่านเล่าให้ฟังตอนเสวนาธรรม ว่ามีผู้พิพากษาป่วย และตายไปได้ 1 วัน ท่านได้ไปเห็นในนรกมีผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ทนาย เยอะมาก
    ท่านบอกว่าอาชีพพวกนี้เสี่ยงมาก เท้าข้างหนึ่งจุ่มไปในนรกไว้แล้ว ถ้าทำไม่ดีเมื่อไร ได้ลงนรกจริง ๆ แน่
    ผู้พิพากษาโกงชาวบ้าน
    จะเกิดไปเป็นเปรด ลองไปหาอ่านในพระไตรปิฎกดูก็ได้ [​IMG]
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๔๓๑/๗๕๔
    เรื่องกุมภัณฑเปรต
    โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่
    ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่ พระราชทานเหยื่อแก่กระแต
    เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้น ท่านพระลักขณะกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ ...
    ท่านพระมหาโมคคัลลานะกล่าวว่า อาวุโส ผมลงจากคิชฌกูฏบรรพต
    เขตพระนครราชคฤห์นี้ ได้เห็นกุมภัณฑเปรตชาย มีอัณฑะโตเท่าหม้อ ลอยไปในเวหาส์
    เปรตนั้นแม้เมื่อเดินไป ย่อมยกอัณฑะเหล่านั้นแหละขึ้นพาดบ่าเดินไป แม้เมื่อนั่งก็ย่อมนั่งบนอัณฑะเหล่านั้นแหละ ฝูงแร้งเหยี่ยว และนกตะกรุม พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง
    จิกทึ้ง ยื้อแย่ง สะบัดซึ่ง เปรตนั้นอยู่ไปมา เปรตนั้นร้องครวญคราง ...
    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ...
    สัตว์นั้นเคยเป็น ผู้พิพากษาโกงชาวบ้าน อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้เอง ...

    เรื่องของเรื่องก็คือ พระโมคัลลานะได้ไปพบเปรตอุ้มอัณฑะ เวลานั่งก็นั่งบนลูกอัณฑะ สาเหตุที่อุ้มอัณฑะเพราะ
    เป็นผู้พิพากษารับสินบน โกงกินในที่ลับ ด้วยผลกรรมนั้น ทำให้เปรตนั้นมีอวัยวะที่ควรอยู่ในที่ลับมาอยู่ในที่แจ้ง..

    และยังมีผู้พิพากษาที่ไปนรก คืออดีตชาติของพระพุทธเจ้า ตามชาดกไม่ปรากฏว่าพระโพธิสัตว์โกงกิน แต่ตัดสินคดี
    ด้วยความเหี้ยมโหด ไม่มีเมตตา ตายไปตกนรก 80000 ปี

    ลองคิดกันง่าย ๆ ในศาลมีแต่ผู้ที่บกพร่องศิล 5 ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะ ทนายและอัยการ ซึ่งต้องแข่งกัน
    มุสาทุกวัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมุสาให้ศาลเชื่อได้เนียนกว่ากัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในห้องพิจารณาคดี จึงมีแต่เรื่อง
    โป้ปดมดเท็จด้วยกันทั้งสิ้น ศาลก็จำต้องนั่งฟังผู้ทรงเกียรติใส่สูทผูกไทด์ มาโกหกตอแหลกันให้ฟังทุกวัน ถ้าวันไหน
    ฟังเรื่องโกหกแล้วตัดสินคดีผิดพลาด นรก..ถามหาสถานเดียว ผู้พิพากษาบางท่านถึงต้องท่องเอาไว้เตือนตัวเอง ว่า
    ......ปล่อยคนผิดสิบคน.... ดีกว่าจับคนถูกคนเดียว

    สรุป ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ถ้าไม่พยายามรักษาใจเอาไว้ให้มั่น หมั่นปฏิบัติขัดเกลาจิตใจสม่ำเสมอ อย่าให้หิริโอตับปะ
    มันคลายตัว เพราะถ้ามันคลายแล้ว มันจะไม่ละอาย และเกรงกลัวต่อบาป...เพียงแต่อาชีพ ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ
    และทนาย เป็นอาชีพที่สุ่มเสี่ยงตกนรกมากกว่าอาชีพอื่นนั่นเอง....

    :- http://www.legendnews.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=540026947&Ntype=4
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    นรกมีจริง

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    9,819 viewsSep 30, 2021
    เรื่องเล่าพระ

    นรกมีจริง คนหัวสมัยใหม่ ไม่เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผู้ที่ปฏิบัติจิต สามารถใช้อำนาจจิตตรวจดู รู้ว่า สวรรค์ นรก มีจริง แต่ก็ไม่อาจหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมายืนยันได้ เนื่องจากอยู่คนละมิติ ซึ่งทางพระเรียกมิติว่าภพภูมิ อีกทั้งการรู้เห็นนั้นเป็นปัจจัตตัง แปลว่ารู้ได้เฉพาะตน ทำให้คนอื่นรู้เห็นด้วยไม่ได้ อันที่จริง ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา มีข่าวเรื่องคนตายแล้วฟื้นขึ้นมาเล่าเรื่อง นรก สวรรค์ เป็นสิบๆราย ยกตัวอย่างในรายที่เชื่อได้ว่า ขณะถึงแก่ความตาย ก่อนฟื้นขึ้นมาเล่าเรื่องนรกให้ฟัง ตอนที่กล่าวถึงนรกบางขุม ยังหวีดร้องด้วยความตกใจ หวาดหวั่น พรั่นพรึงจนตัวสั่นงก เนื่องจากภาพอันน่าหวาดกลัวยังฝังแน่น ติดตรึงตาใจไม่รู้หาย ดังเช่นเรื่องของ ด.ญ. ลัดดา อินทรวิจิตร ที่ได้พบเห็นเหตุการณ์ต่างๆในขุมนรก รวมถึง พุทธโอวาท ที่พระศาสดาทรงพระเมตตากล่าวเปรียบเทียบด้วยการ อุปมา-อุปมัย ให้แก่สงฆ์สาวกได้รู้ถึงความจริงชัดเจนแจ่มแจ้ง แสดงว่านรกต้องมีอยู่จริง หาไม่แล้วพระพุทธองค์ผู้ประกาศสัจธรรม ความจริง จะไม่ตรัสถึงนรกอย่างละเอียดประณีตถึงเพียงนั้นแน่ เมื่อพระองค์ทรงรู้ถึงการมีอยู่จริงของนรก และการลงทัณฑ์ในนรก จึงทรงตรัสสอนให้รู้ถึงภัยอย่างร้ายล่วงหน้า เพื่อให้เกิดสติ ตื่นตัว ตั้งอกตั้งใจระงับยับยั้งการสร้างกรรมชั่ว เพื่อมิให้พลาดพลั้งทำบาปเวร อันจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่อตนเองเมื่อถึงเวลาที่ต้องได้รับผลการกระทำนั้นๆ
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    วัดป่า...มหาสนุก 1

    " เอาความรู้ที่ได้อ่านมา ฟังมา โยนทิ้งไปให้หมดซะก่อน "นี่คือคำสั่งแรก ที่หลวงพ่อ...แห่งวัดป่าฯ ใน จ.กาฬสินธ์ุ
    ที่ผม กับคุณหม่อง...ภรรยา มาขออยู่เพื่อปฏิบัติธรรม เป็นเวลา 1 เดือน
    เราสองคน หลบหลีกความวุ่นวายทางการเมือง แบ่งสีแบ่งพวกทะเลาะกันหนักหน่วงเป็นเหตุให้การค้าขายล่มระเนระนาด พ่อค้าอย่างผมมีอันเครียดแทบเป็นบ้าไปตาม ๆ กัน จนต้องมาหาที่ดับทุกข์ ดับความเครียดถึง...เขตแดนอีสาน

    วัดป่าแห่งนี้ เป็น...ป่า จริง ๆ คือมีแต่ต้นไม้สูง ๆ ขนาดตึก 3 ชั้น ร่มครึ้มไปหมด อยู่ห่างหมู่บ้านคนกว่า 3 กิโลเมตร

    และเป็น...ป่าช้า เก่าแก่มาหลายร้อยปีแล้ว เป็นป่าช้าร่วมส่วนกลางของ 5 หมู่บ้าน

    คนแถวนี้ ถ้าตายดี แก่ตาย ป่วยตาย เค้าจะหามมาก่อกองไฟเผาสด ๆ

    แต่ถ้าตายไม่ดี ฆ่ากันตาย อุบัติเหตุ หรือตายด้วยโรคแปลก ๆ เค้าจะเอามาขุดหลุมฝังเฉย ๆ

    ฝังเสร็จแล้วแยกย้ายกลับบ้าน ไม่มีการสวดศพ ไม่ได้พบพระ พบเจ้าอะไรเลย

    ทั่วทั้งวัดจึงเป็นหลุมศพ หรือเชิงตะกอนทั่วไปหมด ไม่มีการกำหนดปักป้ายอะไรสักนิด
    เราสองคนผัวเมีย ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะมาในสถานที่ ที่เปลี่ยวเปล่า เงียบสงัดแบบนี้

    อันที่จริงเราขอไปอยู่กับ ... หลวงตามหาฯ...เจ้าอาวาสวัดขนาดใหญ่ประจำอำเภอ กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

    แต่ท่านพิจารณาแล้วว่า วัดของท่านมันใกล้ตลาดชุมชนมากเกินไป จะหาความสงบไม่ได้
    ด้วยความเมตตา จึงพาเราสองคน มาทิ้งไว้ที่...วัดป่า อันแสนเงียบสงัด วังเวง แห่งนี้แทน

    แถมยังสำทับนักหนาอีกว่า...หลวงพ่อ...เจ้าอาวาสที่นี่

    ท่านเป็น...ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเคร่งมากนะ
    ท่านสอนอะไร ก็ให้เชื่อฟังและทำตาม จะพบกับทางพ้นทุกข์ได้
    หลังจากมาถึงและได้กราบพบ หลวงพ่อ...ท่านแล้ว
    พอเงยหน้ามองท่านเต็ม ๆ ตา ก็เกิดอกุศล ในใจทันที เพราะท่านดูเป็น พระธรรมดา ๆ มาก ๆ

    ไม่ได้มีอะไรที่เปล่งประกายสักนิด อายุก็เพิ่งจะ 50 ปี แต่บวชมานานถึง 30 พรรษาแล้ว
    ใจผมอดคิดไม่ได้ว่า....นี่นะเหรอ พระอริยสงฆ์
    พอความคิดยังไม่ทันสิ้นสุด...หลวงพ่อ...ท่านหันมามองผม แล้วอมยิ้มนิด ๆ ทั้งพยักหน้า

    แต่วิธีมองของท่าน มันเหมือนกับว่า ทะลุเข้าไปในจิตใจส่วนลึกของผมเลย

    ตอนนั้นแน่ใจเลยว่า..ท่านรู้ ท่านได้ยินความคิดของผม

    หลังจากสอบถามชื่อเสียง บ้านช่อง และอาชีพ ของเราสองผัวเมีย

    แล้วขอปวารณา ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ขอให้ท่านสั่งสอน

    ท่านถามว่าเคยไป ปฏิบัติธรรม ที่ไหนมาบ้าง

    ผมบอกท่านว่า...เคยแต่อ่านมาเยอะ ของพระ และอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ท่านโน้นท่านนี้

    เคยฝึกด้วยตัวเองมาบ้าง แต่ไม่ปะติดปะต่อ

    ท่านหรี่ตามองเราสองคน แล้วหันมาสั่งกับผมโดยเฉพาะ... เอาความรู้ที่ได้อ่านมา ฟังมา โยนทิ้งไปให้หมดซะก่อน

    ผมข้องใจมาก ถามท่านกลับไปทันทีว่า ทำไมต้องทิ้งความรู้ ที่พากเพียรหาใส่ตัวมาตั้งเยอะ ตั้งนาน นึกว่าจะดีซะอีก

    ท่านกลับบอก...เหตุผลที่ให้ทิ้งของเก่าไปให้หมด เพราะว่า......

    ประการแรก...สิ่งที่ผมได้ไปฟังมา อ่านมา เรียนรู้มานั้น คนที่เขียนตำรา หรือคนที่เล่าบรรยายให้ฟังนั้น

    พวกเค้ารู้จริง หรือเปล่า เคยปฏิบัติฯ จนได้สำเร็จได้ มรรค ได้ผล จริงหรือเปล่า

    หรือแค่ไปฟังต่อ ๆ มา ไปค้นคว้าเอาจากตำรา จากพระไตรปิฏก แล้วมานั่งนึกจินตนาการเอาเองว่ามันถูกต้องแล้ว

    ประการที่สอง...ถึงแม้ว่า ท่านเหล่านั้นที่ผมไปอ่าน ไปฟังมา ท่านรู้จริง ปฏิบัติฯ ได้มรรค ได้ผลแล้วจริง

    แต่การเรียนรู้ และการปฏิบัติฯ ตามของผม...มันไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง

    ยกตัวอย่างเช่น แทนที่ผมจะทำตามเสตปขั้นตอน จาก 1 ไปจนถึง 10 ตามที่ควรจะเป็น

    แต่ผม ดั๊นนน...ก้าวจากขั้นที่ 1 ไปขั้นที่ 4 กระโดดกลับมาขั้นที่ 2 แล้วไปขั้นที่ 8 ย้อนมาขั้นที่ 6 อย่างนี้เป็นต้น

    มันผิดหมด มันมั่วววว ...ไปหมด

    ประการที่สาม....ผมได้ทำอย่างละนิดละหน่อยตามอารมณ์อยาก มันไม่ต่อเนื่อง มันยังไม่เพียงพอ

    เปรียบเหมือน การต้มน้ำ...อารมณ์ดี ก็จุดไฟตั้งเตา แพล่บบเดียวดับไฟ เลิกแล้ว

    พอนึกสนุกก็ ติดไฟต้มน้ำอีก เพลอหน่อยเลิกซะอีกแล้ว...อย่างนี้กี่ชาติ น้ำก็ไม่เดือด ไม่สำเร็จสักที

    พอผมฟังเหตุผลที่ หลวงพ่อ...ท่านอธิบาย ก็จนปัญญาจะโต้แย้ง

    ผมเลยกราบเรียนถามท่านใหม่ว่า...แล้วจะให้เริ่มต้นยังไงครับ

    ท่านบอก........พุทโธ อย่างเดียว

    ท่านบอกแค่นั้น ผมสงสัยมากเลยถามว่าแล้วต้อง...หายใจเข้า พุธ หายใจออก โธ มั้ยครับ

    ท่านกลับบอกว่า....ไม่ต้อง แค่ท่องภาวนา...พุทโธ ในใจอย่างเดียวเท่านั้น ทำแค่นั้นพอ

    ยอมรับนะครับว่า ในตอนแรกฟังแล้ว งง ๆๆๆ ไม่ค่อยเข้าใจ

    แต่ทำยังไงได้ ก็ต้องเชื่อท่าน ทำตามที่ท่านบอก แหมม...แต่มันแค่ท่อง พุทโธ ไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเองเหรอ

    หลังจากที่มาถึงวัดป่า...แห่งนี้ 3 วันแรกมันช่างสับสนอลหม่าน และทุกข์ทรมาน จริง ๆ

    สับสน เพราะทำตัวไม่ถูก เราเป็นคนกรุงเทพ มาตั้งแต่เกิด ไม่คุ้นเคยกับวิถีชวิตของคนอีสานสักนิด

    อาหารการกิน ก็ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ต้องอาศัย...ข้าวก้นบาตร ที่ชาวบ้านเค้าถวายพระ มาแบ่งให้กิน

    แต่รสชาดมันไม่คุ้นเคย กินได้แค่ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง และผลไม้

    แถมพระป่า ท่านฉันอาหาร...มื้อเดียว เท่านั้น

    เราสองคนผัวเมีย ก็ต้องกินแค่มื้อเดียวตามไปด้วย บอกตรง ๆ หิวข้าวเย็น อย่างมากมาย

    ในแต่ละวัน ก็ต้องปฏิบัติภาวนา เดินจงกรม สลับนั่งสมาธิ ทั้งวันยันเที่ยงคืน

    กิจกรรมอื่น อันเป็น...กิจวัตร ก็ต้องทำตามที่ พระ ท่านทำ

    เริ่มตั้งแต่ตื่นก่อนตี 4 ลงไปช่วย พระลูกวัดที่ชาวบ้านเรียกว่า...ครูบา

    ช่วยปัดกวาดเช็ดถู ปูลาดเสื่อขนาดใหญ่เพื่อเตรียมต้อนรับชาวบ้านที่จะมาถวายภัตตาหารเช้า ที่นี่เค้าเรียก...ถวายจังหัน

    ต้องเดินตามท่านเข้าไป บิณฑบาต ในหมู่บ้าน ระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร

    แถมต้องเดินเท้าเปล่า ไปบนถนนลูกรัง ดินแข็ง ๆ หินคม ๆ สลับลาดยางมาตอย ที่เต็มไปด้วยกรวดทราย

    ในวันแรก ๆ เดินเขย่งด้วยความยากลำบาก และถูกหินบาดเท้าได้แผลสด ๆ

    พอมาเดินจงกรมทั้งวัน ฝ่าเท้าแตกเพิ่มเติมเข้าไปอีก ทรมานสุด ๆ

    ตอนบ่ายเย็น ต้องไปช่วยกัน...ตีตาด กวาดลานวัด เช็ดถูโบสถ์ วิหาร ศาลา สารพัด

    ตอนค่ำ...เข้าโบสถ์ รวมตัวกัน...สวดมนต์ ทำวัตรเย็น เป็นชั่วโมง

    ตบท้ายด้วยการ นั่งสมาธิ ต่อหน้า...หลวงพ่อ อีก 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ

    ความทุกข์ทรมานที่สุด ก็อีตอนนั่งสมาธิ ต่อหน้าหลวงพ่อนี่แหละครับ

    ตลอด 2 ชั่วโมง ผมทั้งปวด ทั้งเมื่อย ปวดเอว ปวดขา ปวดแขน ปวดตัว ปวด..ด..ด.ด ไปหมด

    จนต้องขยับตัวเปลี่ยนท่า ผุดลุกผุดนั่ง แทบทุก 5 นาที 10 นาที

    แถมพอปวด มาก ๆ มันหายใจติดขัด เหนื่อยหนักเข้าไปอีก

    อดทนทำเต็มที่ได้ 3 วัน เท่านั้นเอง

    พอวันที่ 4 ผมไปขอลากลับบ้าน... ขอเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว

    คุณหม่อง ภรรยาของผม เธอก็เหนื่อยเพลียเหมือนกัน แต่ยังใจสู้ อยากจะขออยู่ต่ออีกสักหน่อย

    แต่ผม น่ะ...ไม่เอาแล้ว ถอดใจแล้ว

    หลวงพ่อ....ท่านเรียกผมไปคุยกันส่วนตัว ไม่ให้คุณหม่อง อยู่ด้วย

    ท่านถามว่า ทำไมถึงจะเลิกแล้วล่ะ ไม่กลัว...ตกนรก เหรอ

    ผมฟังแล้ว รีบแย้งท่านเสียงดัง...กะอีแค่ขอกลับบ้าน แค่นี้ถึงกับ ตกนรกเลยเหรอครับ

    ท่านยิ้มเย็น ๆ แล้วเมตตาบอกว่า....เสียสัจจะ ตั้งจิตเป็นสัจจาธิษฐานแล้ว

    พวกเทวดา ที่ท่านได้ยิน ได้...อนุโมทนาแล้ว ท่านต้องไม่พอใจแน่ ๆ

    และที่สำคัญ สัญญากับ พระอริยะ แล้วผิดคำสัญญา จะต้องมีผลกรรมแน่นอน

    พอได้ฟังอย่างนั้น ผมถึงกับสลด

    ท่านสำทับอีกว่า...ไม่สงสาร คุณหม่องเหรอ เค้าตั้งใจมากนะ

    จะทำลายการสร้างกุศลของเค้า ขวางทางบุญคนที่ตั้งใจมันก็บาปหนักอยู่นะ

    เจอไม้นี้เข้าไป...ผมคอตก สารภาพว่าได้พยายามเต็มที่แล้ว แต่มันไม่ไหวจริง ๆbsp;

    มันปวดมันเมื่อย เหนื่อยอ่อนไปหมด

    หลวงพ่อ...ท่านหัวเราะ แล้วบอกว่าทุกคนที่ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนา ก็ต้องเจอแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

    ทั้งพวก ครูบา ทั้งหมด หรือแม้แต่ตัวท่านเอง ก็ต้องผ่านสถานการณ์ที่คิดว่า เลวร้าย อย่างนี้เหมือนกันหมด

    วันแรก ๆ ที่หัดอดอาหาร ก็ละโหยโรยแรงอย่างนี้เอง อีกไม่กี่วันก็จะเคยชิน

    ผมบอกท่านเสียงอ่อย ๆ ว่า เจ็บเท้ามาก ยิ่งตั้งใจเดินจงกรม ยิ่งเจ็บมาก เหนื่อยเพลียมาก

    หลวงพ่อ...ท่านกลับบอกว่า ถ้าเหนื่อย มาก ๆ แล้วทำไมไม่พัก...นอนกลางวัน

    ผมฟังถึงตรงนี้แล้ว มึนตึ๊บบบ ...เอ๊ะ นอนพักกลางวันได้ด้วยเหรอ

    ท่านหัวเราะ บอกว่าใคร ๆ เค้าก็ต้องนอนพักตอนกลางวันทั้งนั้นแหละ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงภาวนาถึงเที่ยงคืน

    อ้าววว ฟังแล้วรู้สึกตัวเองโง่ไปเลย

    แต่...ก็ยังแย้งไปอีกว่า ตอนที่นั่งสมาธิ หลังจากทำวัตรเย็น ในตอนนั้น ไม่รู้ว่าทำไมมันช่าง...เจ็บปวดทรมานเหลือเกิน

    คราวนี้หลวงพ่อ...ท่านนั่งเงียบไปอึดใจนึง แล้วจ้องถามว่าอยากรู้มั้ย ล่ะ ถ้าอยากรู้จะบอกให้

    ท่าน เล่าว่า...ตั้งแต่วันแรกที่เห็นผมเดินเข้ามากราบท่าน...

    ท่านเห็น...มีเด็กผู้ชายคนนึงเดินตามหลังมาด้วย แถมตัว ดำเมี่ยม เลย

    ในตอนนั้นพอฟังแล้ว ยิ่งอึ้ง.ง..ง

    ท่านก็ถามว่า...ตอนเป็นหนุ่มวัยรุ่น เคยทำกรรมหนัก กับเด็กหรือเปล่า ล่ะ นึกดูดี ๆ

    เท่านั้นแหละครับ ภาพในอดีตหนหลังมันผุดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ลืมมันไปเกือบ 40 ปีแล้ว

    ผมสารภาพกับท่านว่า...เมื่อตอนที่เพิ่งเข้าเรียน มหาวิทยาลัยเปิด ชีวิตอิสระเสรีวัยรุ่นกำลังวุ่นวาย มาเจอกับได้เจอกับสาวลูกครึ่งคนนึงที่กำลังว้าเหว่ ได้เสียกันจนท้องขึ้นมา เลยแก้ปัญหาอย่าง โง่เง่าด้วยการไปทำแท้ง

    พอหมดเรื่องแล้ว ด้วยความรู้สึกผิดทำให้ต้องเลิกราแยกย้ายกัน...ต่างคนต่างไป

    ซึ่งเรื่องนี้ มันเป็น..รอยบาป เป็นเรื่องที่แย่มาก ๆ จึงได้พยามลืมเรื่องนี้ออกจากใจมาตลอดเกือบ 40 ปีแล้ว

    หลวงพ่อ...ท่านบอกว่า นั่นแหละ เค้ายังตามอาฆาตอย่างเห็นชัดได้เลย เพราะตัวดำเมี่ยมเลย แสดงว่าผูกอาฆาตแรงมาก

    ในตอนที่นั่งสมาธิ ในโบสถ์ ท่านมองเห็น เด็กคนนั้นเค้าขี่คอ...ขย่ม ตามคอ ตามแขน ขา เค้าพยายามขัดขวางการภาวนาเลยทำให้ผม เจ็บปวดเนื้อตัว แขน ขา ตลอดเวลาที่พยายามนั่งสมาธิ

    ฟังหลวงพ่อ...ท่านเล่าแล้ว ผมเกิดความละอายใจ ในบาปกรรมที่เคยได้กระทำไปแล้วอย่างที่สุด

    อารมณ์ตอนนั้นมัน..เศร้าสลดเหลือเกิน เสียใจในการกระทำเลวชั่วของตัวเองในอดีต
    มันมีแต่ความเศร้า ความละอาย ความเสียใจที่แทรกเข้ามาในความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกอย่างหนึ่ง

    คือ...ความรู้สึกถึงความมีตัวตนของ วิญญาณ ดวงนั้น

    ความรู้สึกผูกพันกับเค้า และละอายต่อเค้าอย่างที่สุด

    ผมก้มลงกราบหลวงพ่อ...ขอให้ท่านช่วยพิจารณาให้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี

    ท่านนิ่งมองผมด้วยความเมตตา และสมเพชเวทนาอยู่สักพัก แล้วท่านก็พูดกับผมว่า....

    .....เอาละ...คืนนี้จะลองคุยกับเค้าให้ นะวันนี้ตั้งใจภาวนาให้เต็มที่ก็แล้วกัน

    วันนั้นทั้งวัน ทั้งๆ ที่คิดว่าจะเลิกลากลับบ้านแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าผมตั้งใจ ปฏิบัติฯ ภาวนาอย่างแข็งขัน

    เพราะคิดว่าอยากจะ...อุทิศบุญกุศล เพื่อขอโทษต่อดวงวิญญาณที่ผมได้ทำลายเค้าไป

    ส่วน คุณหม่อง ภรรยาของผมเธอดีใจมากที่จะได้อยู่สร้างกุศลปฏิบัติฯ ภาวนาต่อดังที่ตั้งใจไว้

    วันนั้นผมจัดเวลา การเดินจงกรม และนั่งสมาธิ ให้ได้อย่างละ 1 ชั่วโมง และนอนพักตอนเที่ยง 2 ชั่วโมง

    ปรากฎว่าได้ผลดีมาก สติมั่นคง ปัญญา และจิตใจผ่องใสมาก

    เมื่อถึงตอนทำวัตรเย็นเสร็จ แล้วต่อด้วยการนั่งสมาธิต่อหน้าหลวงพ่อ 2 ชั่วโมง กลับทำได้ดีขึ้น ทุรนทุรายน้อยลงมากทีเดียว

    ก่อนเดินกลับ หลวงพ่อ...ท่านเรียกไว้แล้วถามว่า....คืนนี้ลองปฏิบัติฯ ภาวนาทั้งคืนดูสิ จะไหวมั้ย

    ผมไม่กล้ารับปากท่าน แต่ก็อยากลองดูเหมือนกัน

    คืนนั้นตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 3 เป็นเวลา 5 ชั่วโมงที่ตั้งใจเดินจงกรม และนั่งสมาธิ ต่อสู้กับความง่วงเหงาหาวนอน

    โดยใช้เรื่องผิดพลาดในอดีตที่ได้ก่อกรรมหนักกับดวงวิญญาณเด็กคนนั้น

    มาเป็นแรงกำลัง ตั้งใจสร้างบุญกุศล อุทิศให้กับเค้าให้ได้มากที่สุด

    แต่ก็แปลกมากนะ...ความเหนื่อยท้อแท้ หรือความกลัว ผี ที่มีมาตลอด 3 วัน มันกลับหายไปหมด

    ในตอนเช้าเดินตามไปบิณฑบาต มีความรู้สึกว่าตัวมันเบา เท้าก็เจ็บน้อยลงจิตใจฮึกเหิมเหมือนกับเพิ่งสอบผ่าน หรือได้รางวัลอะไรสักอย่าง

    รู้แต่ว่า...ใจมันโปร่ง เบา สบาย ยังไงก็ไม่รู้ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

    แต่พอถึงเวลาพัก กลับหลับยาวไป 3 ชั่วโมงเลย ครับ

    อนณ นิศารัตน์

    วัดป่ามหาสนุก 2

    เมื่อตอนที่แล้ว เล่าว่า...ผมกับภรรยา มีเหตุให้ได้ไป ปฏิบัติธรรม อยู่ในวัดป่าฯ ที่ กาฬสินธุ์

    ได้พบกับ หลวงพ่อ....ผู้เป็นพระอริยสงฆ์

    ท่านสั่งให้เอาความรู้ที่ได้เคยอ่าน เคยฟังมาทั้งหมด โยนทิ้งไปก่อน

    แล้วเริ่มต้นนับ 1 กันใหม่

    หลังจากที่ได้เชื่อฟังท่าน และตั้งใจปฏิบัติภาวนา อย่างเต็มที่จริงจังได้เพียง 3 วัน

    ก็มีอันถอดใจ ขอเลิกลากลับบ้านดีกว่า

    หลวงพ่อ...ท่านได้เมตตาเกลี้ยกล่อมให้อดทนอีกนิด เริ่มต้นใหม่ ๆ มันก็อย่างนี้ทุกคน

    อีกไม่กี่วันน่าจะพอปรับตัวได้

    แต่ผมก็ยังมีปัญหาเรื่องการ นั่งสมาธิภาวนา...มันทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัสเหลือเกิน

    ท่านจึงได้เล่าในสิ่งที่...ท่านเห็น

    เห็น...วิญญาณเด็กผู้ชาย ตัวดำเมี่ยม เต็มไปด้วยความแค้น คอยติดตามผมอยู่ตลอดเวลา

    เมื่อเวลาที่ผม ตั้งใจนั่งสมาธิภาวนา ....วิญญาณดวงนั้น ก็จะคอยกลั่นแกล้งทรมานด้วยการ

    ขึ้นขย่มตาม คอ หลัง แขน ขา ตลอดเวลา

    ผมได้กราบขอให้หลวงพ่อ...ท่านช่วยหาวิธีแก้ไขบรรเทาโทษ

    ท่านนิ่งไปหลายอึดใจ แล้วบอกว่า....จะลองคุยกับเค้าให้

    วันต่อมา เมื่อมีโอกาสได้ปรนนิบัติรับใช้ หลวงพ่อ...ท่านได้พูดกับผมว่า

    เมื่อคืนได้นั่งภาวนา อธิษฐานเรียก...วิญญาณเด็กคนนั้นมาคุยแล้ว

    ทีแรกก็ไม่ยอมคลายทิฐิ ต้องพูดกันอยู่นานเชียวแหละ

    เด็กคนนั้นเค้าบอกว่า...โกรธแค้นอาฆาตมาก ที่ทำลายการเกิดเป็น คน ของเค้า

    แต่ที่แค้นมากที่สุด คือ...การที่ไม่เคยนึกถึงเค้าเลย ลืมเค้าไปจากจิตใจเลย

    ไม่เคยสำนึกใน บาปกรรม ที่ทำกับเค้าแม้สักนิดเลย

    เค้าเลยคอยติดตาม...กลั่นแกล้ง ให้พบกับความพินาศ ยิ้ม ล่มจม

    ให้เจ็บปวด ทุกข์ทรมานทั้งกาย ทั้งใจ ให้มากที่สุด

    ไม่ว่าทำกิจการใด ก็ให้เสียหายไปหมด

    ทุกครั้งที่ผมไป...ทำบุญ เค้าก็รอคอยหวังว่าจะระลึกถึงเค้าบ้าง

    แต่...ก็ไม่มีสักครั้งเลย ทำให้เค้าต้องผิดหวังซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

    ดีแต่ว่า...ผมได้ทำกรรมดีอย่างหนัก สร้างบุญอย่างอุกฤต บางอย่าง

    เทวดา ฟ้าดิน ผู้มีศักดานุภาพยิ่งใหญ่ได้มาช่วยปัดเป่าให้...หลายครั้ง

    ผมเองเมื่อฟังถึงตอนนี้แล้ว สารภาพเลยครับว่า...น้ำตาตก มีแต่ความเศร้าซึมเสียใจที่ได้ทำเลวชั่วกับ เด็กคนนั้น

    หลวงพ่อ...ท่านเล่าต่อว่า

    ได้พูดคุย หว่านล้อมให้วิญญาณดวงนั้น เข้าใจถึง...บาปบุญ คุณโทษของการกระทำด้วยความ อาฆาตแค้น

    ว่ามันจะยิ่งทำให้...ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ไม่ได้ไปพบทางสว่าง แต่กลับทำให้มืดมัว ทุกข์ทรมานไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย

    จนกระทั่ง วิญญาณเด็กคนนั้น จิตใจสงบ อ่อนลง ด้วยเมตตาที่ท่านแผ่ให้

    ท่านได้ขอให้...อโหสิกรรม ต่อกันเสียเถอะ มันเป็นกรรมที่ทำผูกเวรกันมาหลายภพชาติเต็มทีแล้ว

    วิญญาณเด็กคนนั้น...ได้ยื่นข้อต่อรองว่า ให้ผมที่เป็นคนทำลายการเกิดของเค้า

    ต้องตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนาให้เต็มที่ เต็มกำลังตลอด 1 เดือนนี้

    และจะต้อง...อุทิศบุญ ให้เค้าแต่ผู้เดียว อีกด้วย

    ถ้าทำได้ค่อยมาว่ากันใหม่ ....

    หลวงพ่อ...ท่านได้บอกให้เค้าละเว้น อย่าได้กลั่นแกล้งขัดขวางการภาวนา นะ

    ซึ่งเค้าก็ตกลงรับปาก ว่าจะละเว้นให้...แค่ชั่วคราว

    พอฟังถึงตอนนี้ ผมปล่อยโฮ...ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายท่านเลย

    มันเสียใจ ๆๆๆๆ...

    แต่ก็รู้สึก โล่งโปร่ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก

    สิ่งที่เคยอึดอัด คับข้องใจ อย่างไม่มีสาเหตุเหมือนกับมันหลุดออกไป

    หลวงพ่อ...ท่าน ยังบอกอีกว่า ต่อไปนี้ให้ระลึกถึง เด็กคนนี้เค้าอยู่เสมอ

    ตั้งชื่อให้เค้าซะเลย บอกกล่าวให้เค้ารู้นะว่า...เค้าชื่ออะไร

    ทุกครั้งที่ ปฏิบัติฯ ภาวนาเสร็จแล้ว ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจาะจงทุกครั้ง นะ

    แล้วท่านก็ถามว่า ผมได้เคยไปทำอะไรมา ที่เป็นบุญใหญ่ถึงขนาดที่ว่า เทวดา อันมีศักดิ์ใหญ่มาช่วยปัดเป่าให้

    ผมจึงได้เล่าถวายท่าน ถึงเรื่องราวเมื่อครั้งค้าขาย กระทั่งล่มจมมีหนี้สินเป็นล้าน ได้เข้าไปอยู่ในแวดวงโจร

    แต่มีคนมาบอกให้...อธิษฐานขอให้เทวดาฟ้าดินช่วย

    ( ไปหาอ่านได้จากเรื่อง.... กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม )

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/09/Y9748221/Y9748221.html

    แต่...ต้องทำสัญญาแลกเปลี่ยนบางอย่าง

    จนสามารถกลับมาตั้งเนื้อตั้งตัว ได้ใหม่อีกครั้ง

    ต่อมาในปี 2554 ได้มีโอกาสไปกราบ..สังเวชนียสถาน ที่อินเดีย

    ได้เขียนเล่าเรื่องไว้ ใน...กรรมทันตา โอ้..อินเดีย

    เพื่อเผยแพร่ชักชวนให้คนสนใจไป...กราบบาทพระพุทธองค์ อีกมากมายหลายคน

    หลวงพ่อ...ท่าน นั่งฟังพิจารณาแล้วบอกกับผมว่า....

    ดีแล้ว นั่นแหละ คือ...บุญกุศลอันหนัก อันอุกฤตมาก

    เป็นเหตุดีที่ทำให้ เทวดา ผู้เป็นใหญ่ท่านหันมามอง มาช่วยเหลือได้

    นับว่ายังมีบุญอยู่เหมือนกันนะ เลยได้มาจนถึง...วัดป่าฯ แห่งนี้

    หลังจากกราบลาท่านออกมาแล้ว ผมตรงดิ่งไปที่ ...โบสถ์

    ไปนั่งต่อหน้า พระประทาน ตั้งใจสวดมนต์ตั้งจิตให้สงบ และมั่นคงดีแล้ว

    อธิฐานขอให้ พระพุทธรูป เป็นพยาน ขอตั้งชื่อให้กับ ดวงวิญญาณเด็กคนนั้นที่ผมได้ทำลายเค้าไป

    ให้เค้ามีชื่อว่า...บัว

    เหตุเพราะเค้าได้เกิดมาจากความ ความเลวชั่ว และความประมาทของผม เหมือนเหง้าบัวที่อยู่ในโคลนตม

    แต่วันนี้เค้าได้เกิดขึ้นมาเหมือน...ดอกบัว ที่แทงก้านโผล่ขึ้นมารับแสงแดด

    ต่อไปนี้ขอให้เค้า...เบ่งบาน รับเอาแต่สิ่งที่ดี ๆ

    รับเอา...บุญกุศล ที่ผมจะตั้งใจทำให้อย่างเต็มกำลัง

    ผมได้รู้ ได้เข้าใจ และสำนึกผิดแล้ว ว่าการกระทำของผมมันชั่วเลวมากมาย

    มีแต่ความเสียใจ ๆๆๆ อย่างที่สุด

    ขอได้โปรด อโหสิกรรม อย่าได้ต่อเวร ก่อกรรม กันอีกเลย....ผมสำนึกผิดแล้วครับ

    อนณ นิศารัตน์

    วัดป่า...มหาสนุก 3

    เมื่อวานเล่าเรื่อง ครูบาจุก

    มีคนถามว่าแล้ว หลวงพ่อ...ให้ทำยังไง ผี ตนนั้นถึงได้ยอมให้ท่านอยู่ที่นั่นได้

    อันที่จริงผมก็ถามแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งท่านก็เล่าว่า....

    หลวงพ่อ...ย้ำเตือนเรื่องแรก คือ พระวินัย การปฏิบัติตัวต้องสำรวมระวัง

    ศีลต้องไม่บกพร่อง ถ้าด่างพร้อยก็เหมือนเปิดช่องให้เค้าเล่นงานได้

    และต้องสวดมนต์ทั้งเช้า ทั้งเย็น อัญเชิญเทวดา และสวดพระสูตร...ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ทุกวัน

    วันพระต้องสวดพระสูตรหลัก ทั้ง 3 พระสูตร คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ...อนัตตลักขณสูตร และ อาทิตตปริยายสูตร

    ให้สวดสม่ำเสมอ และแผ่เมตตาจี้ให้เค้าตลอดเวลา

    ซึ่งก็ได้ผลในเวลาไม่นาน...ผี เจ้าที่ตนนั้นก็ยอมมาฟังสวดมนต์ ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกตั้งท่าไม่ชอบ พระ ท่าเดียว

    อะไรก็ไม่เอา แผ่เมตตาก็ไม่เอา ตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างชัดเจน

    ตอนหลังไม่รู้ว่ายอมอ่อนลง เพราะ...เทพ เทวา ท่านมาสวดมนต์ด้วย เลยเกรง ๆ ละมั้ง

    ภายหลังคงได้รับ บุญ ที่ตั้งใจแผ่ให้อย่างเจาะจง จี้ ให้เค้าโดยเฉพาะ...คงจะรู้สึกร่มเย็นเป็นสุขขึ้นด้วยละมั้ง

    แหมมม...ว่าไปแล้วก็เหมือนคนเรา นะ

    พอมีคนที่มีอำนาจ บารมียิ่งใหญ่กว่าตัวเองเยอะมาถึงบ้านถึงถิ่นที่อยู่ ก็ย่อมแตกตื่น และจ๋อย ไปเยอะ

    แถมยังได้ผลประโยชน์ ได้รับบุญที่ท่านแผ่ให้อีก...ไม่มีอะไรเสีย มีแต่ได้ ยอม ๆ หน่อยก็ไม่เสียหาย เน๊อะ

    นึกถึงเรื่องที่ ครูบา ท่านเจอ ผี อันธพาลตัวบิ๊กเบิ้ม มายืนจังก้าโท่โร่ ขตาใส่ท่านในวันแรกที่บวช

    เลยนึกได้ว่า...วันแรกที่ผมบวช ก็เกิดเรื่องที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเหมือนกัน

    ผมไปอยู่ที่วัดป่า....แห่งนี้ก่อนบวชประมาณเกือบเดือน เพื่อไปเตรียมตัว และหัดท่องบทขอบรรพชา

    บทที่ขอบวช ของวัดป่า จะแตกต่างกับของ...วัดบ้าน

    และที่สำคัญ หลวงพ่อ...ท่านเน้นให้ผม ออกเสียงแบบ มคธ ให้ชัดเจนเพื่อเป็นแบบอย่างโดยเฉพาะ

    ต้องมีจังหวะ การขึ้นลงของเสียง ที่เป็นแบบเฉพาะ อีกด้วย

    ไม่แค่ท่องจำได้ แต่ต้องให้ถูก อักขระฐานกลอน อีกต่างหาก ท่านว่าต้องการอนุรักษ์ไว้เป็นแบบอย่าง

    พิธีกรรมการบวชของ...ธรรมยุติ หรือวัดป่า ไม่ค่อยวุ่นวาย
    ไม่มีการแห่ การขี่คอ การไหว้สีมา เหมือนอย่าง วัดบ้าน มหานิกายออกไปทาง เรียบง่าย เข้มขลังซะมากกว่า...ซึ่งผมเองมีความตั้งใจเต็มที่เกินร้อยในการบวชครั้งนี้
    มาเตรียมตัว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า....ผ้าขาว หรือ เป็นนาค นั่นแหละ
    สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุด คือ การนุ่งห่มจีวร
    คุณเอ๊ยยยย....ช่วงอาทิตย์แรกของการบวช ผ้าจีวร คอยแต่จะหลุดออกจากตัวอยู่ตลอด...ผ้ามันลื่นมาก
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    (ต่อ)
    ผมละกลัวมันหลุดลุ่ย ต่อหน้าชาวบ้านตอน...บิณฑบาต
    ทุกเช้ามันเครียดอยู่แต่เรื่องนี้....มันยากมาก ยิ่งมีบาตรให้สะพาย คอยเปิดฝา ปิดฝาด้วยแล้ว
    โอ๊ย ผ้าก็จะหลุด บาตรก็จะคว่ำ ฝาบาตรก็จะร่วง
    แล้วช่วงเข้าพรรษา เป็นช่วงหน้าฝน ยังต้องถือร่มอีกต่างหาก...ความเครียดพุ่ง ปรี๊ด ๆ ทุกเช้าเลย
    ย้อนมาในวันที่บวช มันยุ่งเหยิงไปหมด...กลัวท่องไม่ได้ กลัวตกใจลืมกลางคันละตายยย ๆๆๆ
    กลัวห่มจีวร ไม่เป็น หรือหลุดลุ่ย ตอนสะพายบาตรด้วยนะ ตอนที่บวช น่ะ
    ญาติก็มากัน ลูกเมียอีก ยังไม่นับชาวบ้านที่เค้าเอาใจช่วย และมาร่วมโมทนาบุญกันอีก อย่างที่เคยบอกไว้ว่า...ผมเป็นคนกรุงเทพแท้ แล้วมาปฏิบัติฯ ภาวนากรรมฐาน ที่นี่ชาวบ้านเค้าเห็นเป็นของแปลก
    แถมนี่ยังจะมา บวช ให้พวกเค้าได้ใส่บาตร เค้าเลยตื่นเต้นมากกว่าปรกติ
    ไปเตรียมตัวแต่เช้า กว่าจะออกจากโบสถ์มาเป็น...พระสำเร็จรูป ก็บ่าย
    แล้วยังต้องไปกราบ...หลวงตามหา...ที่ อ.กมลาไสย เพราะถือว่าท่านเป็นผู้ฝากให้มาเป็นลูกศิษย์ของ หลวงพ่อ....และท่านยังให้...ผ้าจีวร อย่างดีมาโดยเฉพาะ เมื่อบวชเป็นพระแล้ว ก็ต้องไปกราบคารวะ หลวงตามหาฯ ให้ท่านสั่งสอนสำทับอีกที
    ตลอดช่วงเวลาที่มาเป็น นาค หรือผ้าขาว หลวงพ่อ...ท่านจะปลุกเร้าโน้มน้าวเราทุกวัน ให้เห็นถึง บุญบารมี ของการบวชเป็น พระ
    ตอนค่ำวันนั้น ก็จะเป็นวันแรก ที่ได้...สวดมนต์ทำวัตรเย็น ในฐานะความเป็น พระภิกษุสงฆ์ เป็นครั้งแรก ซื่งความรู้สึกของการมาปฏิบัติธรรม กับความรู้สึกของการเป็น...พระ มันแตกต่างกันลิบลับ
    สำหรับผม คนเดียวนะครับ...การได้เป็น..พระป่า มันช่างภาคภูมิใจอย่างที่สุด
    ใจมันฮึกเหิมดั่งกับว่าได้เป็น...นักรบ เต็มตัวแล้วมันให้รู้สึกคึกคักห้าวหาญ มั่นอกมั่นใจเต็มร้อย ยิ่งตอนสวดมนต์ทำวัตรเย็นในวันแรก เสียงสวดสาธยายมนต์มันเหมือนกับเสียง...กลองศึกที่กำลัง ตีย่ำอย่างเร้าใจ
    พระวินัย ศีล 227 ข้อ คือสิ่งที่ต้องพึงสำรวมระวังอย่างเคร่งครัด สถานะถูกยกขึ้นให้ชาวบ้านเค้า...กราบไหว้ และถูกจับจ้องจากทุกสายตา ด้วยความคาดหวังว่าเราจะเป็น...ที่พึ่งที่ระลึก เป็นสรณะทางใจ ให้กับพวกเค้า
    การปฏิบัติฯ ภาวนา ก็ยิ่งต้องเข้มข้นมากกว่าเดิม กว่าจะได้กลับถึง กุฏิของตัวเองก็เที่ยงคืนไปแล้ว เพียงแค่หัวถึงหมอน แทบไม่ทัน พุทโธ ก็หลับวูบบบ
    มารู้สึกตัวว่ากำลังฝัน...แต่เป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก
    ในฝันมี...คุณยาย ของผมที่ท่านได้เสียชีวิตไปเกือบ 30 ปีแล้ว...ท่านมาเรียกให้เดินตามไปด้วยกัน
    ท่านพาผมไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง...มืดมิด มีแต่หมอกลอยอบอวล อยู่รอบตัวเรา เหมือนในหนังไม่มีผิดเพี้ยน มีศาลาโล่ง ๆ อยู่หลังหนึ่ง แต่ไม่ได้เข้าไปในนั้น
    แล้วผมได้พบกับบรรดา...น้าชาย ที่ตายไปหลายปีเต็มทีแล้ว 3 คน ซึ่งน้าชาย ทั้ง 3 คนของผมนี้เค้าสนิทกับผมมาก เมื่อครั้งที่พวกเค้ายังมีชีวิตอยู่ แต่ต้องขอเล่าก่อนว่า...น้าชายของผมเป็นพวกตัวแสบประจำถิ่น ไม่รู้จักการทำบุญ ทำแต่บาปกรรม เป็นระยะ
    คนนึงกะล่อนโกหกเก่งสารพัด คนนึงติดการพนัน อีกคนนึงก็เจ้าชู้ และทั้งหมดชอบ กินเหล้า เป็นชีวิตจิตใจ
    คุณยายของผมเอง ก็ติดเหล้า ต้องกินทุกเย็น เรียกว่าเป็นครอบครัว....ขี้เมาทั้งบ้าน
    ตอนที่ผมยังเด็ก ก็ชอบไปเล่นที่บ้านของคุณยาย และพวกน้า ๆ ก็ช่วยกันเลี้ยงดู สอนการใช้ชีวิตสารพัดรูปแบบ
    สอนว่ายน้ำ สอนขี่จักรยาน สอนขับรถยนต์. นับว่ามีบุญคุณกับผมมาก
    พวกน้าชายทั้ง 3 คน เค้าเดินเซื่องซึมเรียงแถวกันมา เหมือนกับมี เชือก ล่ามร้อยพวกเค้าเอาไว้โดยมีผู้คุม ที่ลักษณะ ตัวใหญ่ล่ำบึ๊ก ท่าทางดุ เฉียบขาด แต่ไม่ใช่ ดุร้าย ภาพรวมแล้วเหมือน...นักรบบางระจัน อะไรแบบนั้น น่ะ
    ผู้คุมพยักหน้าให้ พวกน้าชายทั้งหมดเข้าไปนั่งใน...ศาลา พวกเค้าก็เข้าไปนั่งเรียงแถว คอตกเลื่อนลอย เซื่องซึม แต่มองไปแล้วเรารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า...พวกเค้ากำลัง ทนทุกข์ แสนสาหัส ไม่ใช่ทุกข์ทางกายแบบ ถูกตีถูกแทง อะไรอย่างนั้น...แต่มันเป็นทุกข์ ที่ใจอย่างใหญ่หลวง กัดกินอยู่ข้างใน
    เหมือนกับไฟมันสุมอยู่ในอก ตลอดเวลานานเท่า นาน.น..น...น
    ลองนึกถึงความทุกข์ที่มันอยู่ในใจ เวลา...อกหัก เป็นหนี้ เศร้าโศกเสียใจ ฯลฯ แต่คูณด้วยพันเท่าอะไรอย่างนั้นแหละ
    ส่วนผมที่เป็น พระ ยืนดูอยู่ข้างนอกศาลา ที่มีคุณยายของผม และผู้คุมท่านนั้น
    แล้วคุณยาย ก็หันมามองผมด้วยสายตาที่ ทนทุกข์ไม่น้อยกว่าพวกน้าชายของผม
    ท่านไม่ได้พูดออกมาเป็นเสียง แต่เป็นการสื่อสารที่รู้ว่าท่านต้องการให้ผม ช่วยพวกเค้าด้วย ในชั่วขณะเวลานั้น ผมทั้งเศร้าสลดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
    และเข้าใจดีทุกอย่างว่า...พวกคุณยาย และน้า ๆ ของผม มาจาก...นรก โดยมียมทูต คุมตัวมา
    ผมได้ยอมรับในสิ่งที่เห็นตรงหน้า และยินดีที่จะช่วยพวกเค้าอย่างเต็มที่ เท่าที่จะช่วยได้
    แล้วผมก็ตื่นขึ้นมา อย่างมีสติเต็มที่ว่าสิ่งที่ฝันไปนั้น...มันจริงแท้ไม่ได้ฝันเพ้อเจ้อ
    รุ่งขึ้นเมื่อมีโอกาส ได้กราบเรียนเรื่องที่ฝัน ให้หลวงพ่อ...ทราบ
    ท่านบอกว่า...คนที่ตั้งใจบวช และปฏิบัติฯ อย่างเต็มที่ กระแสแห่งบุญ นี้เทวดาก็โมทนาด้วย และท่าน พญามัจจุราช ซึ่งเป็น เทพชั้นผู้ใหญ่ ท่านก็รับรู้และให้โอกาสกับ ญาติพี่น้อง ที่ตกอยู่ใน...นรก ของท่านได้มีโอกาสขึ้นไป...ขอส่วนบุญ
    หลวงพ่อ...ท่านยังสำทับอีกว่า สร้างบุญอันยิ่งใหญ่ด้วยการ บวช และยังตั้งใจที่จะก้าวเดินอย่างเต็มกำลัง
    ได้สร้างแรงพลังไปถึง นรก สวรรค์ แล้ว จะทำให้พวก เทวดา และพญามัจจุราช ท่านผิดหวังไม่ได้นะ ลองคิดดูสิครับ ...หลวงพ่อ...ท่านพูดถึงขนาดนี้
    แล้วผมจะกล้าขี้เกียจได้ยังไง
    อนณ นิศารัตน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2021
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    (ต่อ)
    วัดป่า...มหาสนุก 4
    จะว่าไปแล้ว ตลอดเวลา 1 เดือนที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดกับท่าน เห็นมีใครต่อใคร มาขอให้ท่านช่วยแผ่เมตตา...ช่วยเหลือสารพัด มีตั้งแต่...ซื้อรถใหม่มาให้ท่านเจิม เพิ่งได้ลูกก็มาให้ท่าน เป่ากระหม่อม ยิ่งถ้าเป็นเด็กผู้ชาย จะขอให้ท่านอุ้มด้วย
    ใครมีหนี้ ก็มาให้ท่านช่วยปัดเป่า ใครที่กำลังทุกข์ใจก็มาให้ท่านแผ่เมตตาให้ จะสอบเข้าทำงาน อยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ก็มาให้ท่านช่วย คนที่กำลังเคราะห์ร้าย เจออุบัติเหตุ หรือมีคดีความ ก็มาหาท่าน คนที่อยากมีลูก ก็มาขอให้ท่านช่วย...เรื่องนี้มาทีไรท่านหัวเราะทุกที
    แต่ก็จะบอกให้ไปอธิษฐานขอกับ พระประธาน ซึ่งสำเร็จไปหลายราย
    เรื่องประหลาด ๆ ก็มี เช่น...ครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่พาลูกชายวัยรุ่นมากราบท่าน
    ตัวลูกชาย ขับรถมอเตอร์ไซค์แหกทางโค้งตกลงไปสลบ ถึง 3 วัน พอฟื้นขึ้นมาเล่าว่า กำลังขี่รถมาช้า ๆ เห็นคนแก่กวักมือเรียก...พอหันไปมองเท่านั้นก็หมดสติไปเลย ฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วยังมีอาการเลื่อนลอย
    หลวงพ่อ...ท่านเพ่งมองนิ่งไปอึดใจนึง แล้วบอกว่าที่ตรงนั้น มันมีอีกมิติหนึ่งเหลื่อมซ้อนกันอยู่ มันเป็นเมือง ๆ นึง
    เด็กคนนี้แต่ก่อนเป็นคนของที่นั่น แต่หนีมาเกิดที่นี่...เค้ามาตามให้กลับไปรับใช้
    ท่านให้ไปถือศีล สวดมนต์ทุกวันอย่าให้ขาดแล้วจะปลอดภัย
    อีกรายหนึ่ง พ่อแม่พาลูกชายอายุประมาณ 12 ขวบมากราบท่าน เล่าว่าถูกไฟลวกอย่างรุนแรง แล้วเปิดแผลให้ดู....โดนไฟลวกทั้งแขนทั้งสีข้าง ลามถึงต้นขา ต้องไปอยู่ในห้องปลอดเชื้อถึง 3 เดือน จนแผลสนิทดีแล้ว แต่ก็ยังมีอาปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา
    หลวงพ่อ...ท่านพิจารณาอยู่นาน แล้วบอกว่า
    เด็กคนนี้เมื่อชาติที่แล้วนี้เอง เค้าเป็น..งูเห่า อยู่ที่วัดในตัวอำเภอ กมลาไสย นี่เอง
    แต่...ทุก ๆ วันจะเห็น หลวงตามหาฯ...เจ้าอาวาสท่านเดินจงกรม
    ( หลวงตามหาฯ ที่ฝากให้ผมมา ปฏิบัติธรรม กับหลวงพ่อ...นี่แหละ )ได้เห็นแล้วเกิดจิตศรัทธาอย่างมากมาย อยากเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้เดินจงกรมบ้าง
    ชาตินี้ถึงได้ลัดคิวมาเกิดเป็นคน อยู่ข้าง ๆ วัดของหลวงตามหาฯ ใช่มั้ย
    พ่อแม่ เค้าก็รับคำว่า...ใช่แล้วบ้านเค้าอยู่ข้างๆ วัดใน อ.กมลาไสย เอง
    หลวงพ่อ...ท่านบอกอีกว่า เด็กคนนี้พอโตอีกหน่อย ก็ให้บวชซะ เค้าพวกหัวช้าเรียนหนังสือคงไม่ถึงไหน แต่เค้าอธิษฐานมาเกิดเป็น มนุษย์ เพื่อจะบวช
    ส่วนเรื่องที่ถูกไฟลวกรุนแรง เพราะเป็น...กรรมเก่า มาให้ผล
    ชาติที่แล้วที่เป็น งูเห่า เคยไปพ่นพิษใส่คนอื่นเค้าปางตาย
    แล้วท่านให้เอาสีผึ้งมาที่ท่าน อธิษฐานจิต ไปทาให้ทั่ว ๆ จะดีขึ้นเอง แต่ต้องสวดมนต์ทุกวันด้วย
    เคยมีอยู่รายหนึ่ง พ่อแม่กับชาวบ้านช่วยกันจับตัว หนุ่มวัยรุ่นคนนึงมาหาท่านกลางดึกเลย เค้าอาละวาดเป็นการใหญ่ ชาวบ้านว่าถูก ผีเข้า มาที่วัดยังอาละวาดอยู่เลย
    หลวงพ่อ...ท่านดูแล้ว ให้เอาไปมัดไว้กับเสาใต้ถุนโบสถ์ แล้วให้คนเฝ้าไว้ห่าง ๆ
    พอตอนเช้าอาการ สงบดีแล้ว ให้เอาหาหมอ...ท่านบอกมันเมายาบ้า ต่างหากล่ะ
    ที่แปลก ๆ อีกราย...เป็นหนุ่มโรงงาน มาสารภาพกับหลวงพ่อ....ว่าเค้าไปเป็น ชู้ กับเมียของหัวหน้าห้องพักคนงานอยู่ใกล้กัน ตัวผู้หญิงเค้ามาขอยืมเงินบ่อย ๆ เลยสนิทกันจนเลยเถิดไป แต่ที่เค้ารู้สึกไม่สบายใจเลย ก็เพราะหัวหน้าคนนี้เป็น..คนดี ธรรมะธรรโมซะด้วย ทว่าฝ่ายผู้หญิง ก็แอบมาหาเค้าบ่อย ๆ ยืมเงินบ่อย ๆ ยุ่งกันบ่อย ๆ
    รายนี้ท่านฟังแล้วส่ายหน้าอย่างเดียว แสดงอาการเหนื่อยใจเลย แล้วท่านก็อธิบาย ยาวววว....รู้หรือเปล่าว่าเมื่อเรา เริ่มผิดศีลกาเมฯ ปุ๊บ
    ต้นงิ้วในนรก มันก็จะเกิดขึ้นทันทีปั๊บเลย...ต้นงิ้ว ของเราโดยเฉพาะ
    ยิ่งเมื่อทำผิดศีลข้อนี้ ซ้ำอีก...ต้นงิ้วของเรามันก็จะเติบโตแข็งแรงขึ้นอีก
    ยิ่งทำผิดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งโตใหญ่...หนาม ก็ยิ่งยาวขึ้นไปอีก

    ตอนนี้เค้ามี...ต้นงิ้ว เป็นของตัวเอง รออยู่ในนรกแล้ว และมันก็โตใหญ่ขึ้นทุกที
    ไอ้หนุ่มโรงงานคนนั้น หน้าเสีย หน้าซีด ถามว่าจะต้องแก้ไขยังไงดี
    ท่านบอก...ให้เลิกซะ อย่าทำอีก กรรมมันหนักนะ


    แล้วท่านก็เล่าต่อให้ฟังว่า...โยมพ่อของท่านตายไปหลายปีแล้ว
    ท่านพยายามตั้งจิตเพ่งดูว่า วิญญาณ ไปอยู่ที่ไหน เกิดเป็นอะไร
    ปรากฎว่าท่านเห็นในขณะเพ่งดู...กำลังถูกยมบาลผลักเข้าไปในประตูนรก
    ท่านเพ่งดูต่ออีกว่า...ทำผิดเรื่องอะไร ยมบาลบอกกับท่านว่า หลายเรื่อง แต่ตอนนี้ไปรับโทษ เรื่องผิดลูกเมียคนอื่นเค้า แล้วท่านก็หันไปบอกเค้าว่า....แม้แต่โยมพ่อของท่านเอง ท่านยังช่วยอะไรไม่ได้เลย


    แถมรายนี้หลวงพ่อ...พูดกับเค้าตรง ๆ ว่า เป็นคนอ่อนแอต่อกิเลส ถ้าไม่ยอมฝืนใจสู้กับ ตัณหาราคะ ที่มายั่วยวน ก็จะต้องไปเจอกับสิ่งที่ท่านบอก...แน่นอน
    บางรายก็มีเรื่องที่นึกไม่ถึง เช่น ผู้หญิงวัย 50 กว่าคนนึง
    ท่าทางมีฐานะดีมาก มารถเบนซ์ค่อนข้างใหม่เชียว
    มากันหลายคน พี่น้องญาติ ๆ กันทั้งนั้น พอมาถึง กราบท่านแล้ว
    หลวงพ่อ....ก็ถามว่ามาจากไหนกัน ทำมาหากินอะไร
    พวกเค้าก็รายงานตัวว่า อยู่จังหวัดใกล้ ๆ นี่เอง ทำธุรกิจเปิดร้านทอง เหมือนกันทั้ง พี่ ๆ น้อง ๆ มองดูก็เหมือนกับ ข่ม หรือแข่งขันกันเองอยู่ในที ที่มาหาหลวงพ่อ เพราะได้ยินว่าท่านช่วยให้การค้าเจริญขึ้นได้
    หลวงพ่อ...ท่านหัวเราะ หึ..หึ หรี่ตามองไปทีละคน แล้วพูดว่า....เอ้ามีปัญหาอะไรพูดมา
    เท่านั้นแหละ ตัวพี่สาวเจ้าของรถเบนซ์ ก็เล่าเรื่องราวความทุกข์ และปัญหาในชีวิตออกมายืดยาว
    เล่าถึงหนี้สินที่กำลังจวนตัวเป็นสิบล้าน
    พูดถึงลูกชายคนเล็กที่อยากเป็นคนเด่นคนดัง เอาเงินไปผลาญสร้างชื่อเสียงหมดไปหลายล้าน ญาติพี่น้องช่วยกันห้าม ก็ไม่ยอมเลิก
    จนหลวงพ่อ...ท่านบอกให้หยุดนั่นแหละถึงได้หยุดพูด
    มีเสียงถามขึ้นว่า...คาถาไปท่องให้ร่ำรวยขึ้น มีมั้ย
    ท่านบอกมี ให้จดไปนะ


    ...ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน หมั่นสวดมนต์ภาวนา....
    เสียงคนถามบอกว่ามันฟังเหมือน...คำขวัญวันเด็กยังไงก็ไม่รู้ ท่านบอกเอาไปท่องให้ขึ้นใจ และคิดดูว่าใช่มั้ย
    ไอ้ของวิเศษที่สร้างความร่ำรวยขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล...ท่านไม่มีหร๊อกกก มันไร้สาระ
    ผมเคยถามหลวงพ่อ...ท่าน ด้วยความเคารพว่า คนที่มาให้ท่านช่วยทุกรายเนี่ยะ ทำไมบางรายก็ช่วยให้สิ่งที่เค้า...ปรารถนาสำเร็จได้ด้วยดี แต่บางรายก็ช่วยไม่ได้ล่ะครับ
    ท่านบอกสั้น ๆ ....มันขึ้นอยู่กับว่าเค้ามี พุทโธ มั้ย
    หมายถึงเป็นคนที่มีศีลธรรมอยู่ในหัวใจ สวดมนต์ไหว้พระ ปฏิบัติฯ ภาวนาแค่ไหน
    ท่านเมตตาทุกคนเท่ากันหมด เปรียบเทียบว่าท่านช่วยให้คะแนนเพิ่มกับทุกคน 30 เปอร์เซนต์
    ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนที่มาขอให้ท่านแผ่เมตตาช่วย เค้ามีต้นทุนบุญอยู่เท่าไหร่
    ถ้าเค้าทำบุญกุศลมาดีมีคะแนนอยู่เดิม 80 คะแนนแล้ว
    ได้ท่านช่วยอีก 30 เปอร์เซนต์ คือเพิ่มให้อีก 24 คะแนน
    รวมแล้วได้ 104 คะแนน เกินร้อยไปอีก....เรื่องที่เค้าขอมันก็สำเร็จได้
    แต่...ถ้ารายไหน ทำบุญมาน้อย ไม่ค่อยได้ปฏิบัติฯ ภาวนา มีต้นทุนบุญมาแค่ 50 คะแนน
    ท่านช่วยเต็มที่ให้อีก 30 เปอร์เซนต์ ได้แค่ 15 คะแนน
    รวมของเก่าที่เค้ามีก็ได้แค่ 65 คะแนนเท่านนั้นเอง...เรื่องที่ขอให้ช่วยคงจะยากแล้ว
    ผมฟังแล้วถึงได้เข้าใจ ที่ท่านว่า...เมตตาไม่มีประมาณ คือให้ทุกคนเท่ากันหมด ไม่ได้เลือก ไม่ได้ลำเอียง


    อนณ นิศารัตน์
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    (ต่อ)
    วัดป่า...มหาสนุก 5
    ด้วยความอยากรู้ ในเรื่อง ผีสาง เทวดา นางฟ้า นรก สวรรค์ บาป บุญ เคยกราบเรียนถาม ว่า..พวกครูบา เล่าให้ผมฟังว่า เทวดามักจะมาหาหลวงพ่อ บ่อย ๆ หรือครับ
    หลวงพ่อ...ท่านตอบว่า...พวกเทวดา เค้าชอบฟังธรรม น่ะ อันที่จริงพวกเค้าก็มาสวดมนต์เย็นด้วยเป็นประจำ
    ผมบอกท่านว่าอยากเห็น...เทวดา นางฟ้า น่ะครับ
    ท่านนิ่งไปพักนึงแล้วบอก...จะให้เห็นเทวดา มันยาก เพราะภูมิเค้าละเอียดมาก จิตของผมมันยังหยาบเกินไป แต่ถ้า...ผี ก็พอจะเอามาให้ดูได้ จะดูมั้ยล่ะ
    ผมบอก...โอ๊ยย ไม่เอาอ่ะ แต่ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ
    ท่านเมตตา บอก...เปรียบเหมือน คลื่นวิทยุ นั่นแหละ คลื่นของเทวดา นางฟ้า เค้าละเอียดมากเกินไป จนคนทั่วไปรับไม่ได้ เพราะเครื่องรับมันห่วย
    แต่ถ้าเรา...พัฒนาคลื่นสมอง และจิตใจ ให้มีคุณภาพดีขึ้น จนสามารถ จูน ความถี่ให้เข้ากับพวกเค้าได้ ก็จะเห็น หรือคุยกันได้ แต่...ผี คลื่นเค้า หยาบ มากเราสามารถจูนหาเค้าได้ง่ายกว่า
    ผมเรียนถามท่านต่อ...มีชาวบ้านบอกว่า วัดของเรา...ผี เยอะและ ดุมากด้วย ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ
    ท่านบอก...วัดนี้ เป็นป่าช้ามานานร้อยกว่าปี แล้ว วิญญาณก็เลยเยอะเป็นธรรมดา
    อีกประการหนึ่ง...วัดนี้เป็น แดนกลาง ของโลกวิญญาณ เปรียบเหมือน สถานีรถไฟหัวลำโพง หรือสนามบิน น่ะ
    วิญญาณ ที่ตายไปแล้ว แต่ยังไม่มีที่ไปด้วยเหตุใดก็ตามหรือ วิญญาณที่เพิ่งพ้นโทษจาก นรก หรือหลุดจากความเป็น เปรต อสุรกาย แต่ยังไม่มีที่ไป ก็เหมือน คนที่รออยู่ที่ หัวลำโพง หรือสนามบิน แต่ยังไม่มี...ตั๋ว ที่จะไปต่อเลยตกค้างรอคอยกันอยู่อย่างนี้พวกเค้า...หิวโหย ทุกข์ทรมาน พอเจอใครที่เคยมีกรรมสัมพันธ์กัน เป็นญาติพี่น้องกันมา เค้าก็จะขอให้ช่วยส่งบุญให้ได้กินบ้าง
    ผมสงสัยว่า ...จะมีวิญญาณที่ดีบ้างมั้ย
    ท่านว่า...มีสิ วิญญาณบางดวง เคยเป็นแม่ออก พ่อออก ( คนที่เคยมาปฏิบัติธรรม ที่วัด )
    พอตายแล้ว หรือขึ้นจาก นรก มาแล้วด้วยความเคยชิน ชอบมาที่นี้ เป็นวิญญาณที่ดี ก็ปฏิบัติธรรม ชอบฟังสวดมนต์ ชอบฟังเทศน์
    เคยมีคนมาขอลูก ที่นี่...เค้าก็ตามไปเกิดด้วยกับคนนั้น
    แล้วท่านก็ยกตัวอย่าง...ผัวเมียคู่หนึ่งอยู่ จ.เลย อายุเริ่มมากแล้วแต่ไม่มีลูก มาขอให้หลวงพ่อช่วย ท่านก็ให้ไปอธิษฐานขอกับ พระประธานในโบสถ์
    มีวิญญาณของแม่เฒ่าที่มาถือศีลที่วัด จนวาระสุดท้าย
    แต่...วิญญาณก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงถือศีล สวดมนต์เหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่อีกหลายสิบปี
    พอรู้ว่าผัวเมียคู่นี้เป็นคนดี มีศีลธรรมเลยตามไปเกิดกับเค้า เด็กคนนั้นก็แปลก พอเกิดมาแล้วไม่ยอมกินเนื้อสัตว์ ถ้าป้อนให้กินจะป่วยทุกครั้ง
    ยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อถึงวันพระ จะร้องไห้จนพ่อแม่ต้องพาไปสวดมนต์ที่วัด ผมเคยเจอ ผัวเมียคู่นี้ กับลูกสาวของเค้า...แกน่ารักมากจริง ๆ ด้วย
    หลังจากอยู่ไปนาน ๆ เรียนถามท่านบ่อย ๆ
    พอจะจับความได้ว่า...ที่วัดนี้ ถึงจะมีภูต ผี วิญญาณสารพัดมาอยู่รวมกันแต่ก็มีการแบ่งภูมิ แบ่งมิติออกไปอีก
    มีวิญญาณ ที่มีฤทธิ์มีเดช เป็นหัวหน้าควบคุมกันไปไม่ได้ต่างจาก...คุก ในเมืองมนุษย์เรานี่แหละมีการแบ่งแดน กันตามความผิด ความหนักหนาของโทษทัณฑ์ มีตัวหัวโจกในทุกแดน มีผู้คุมที่ได้รับการแต่งตั้งมาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและก็ยังมี หัวหน้า ของผู้คุมอีกเป็นชั้น ๆ ไป
    แต่ทั้งหมดนั้น พวกเค้าเคารพ และยำเกรง หลวงพ่อ....มากที่สุด
    พวกวิญญาณ และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย...เกรงกลัว ผู้มีศีล ผู้ทรงศีล ผู้ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนาทำกรรมฐาน เพราะด้วยเหตุหนึ่งคือ ....ผู้ทรงศีล ผู้มาปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ได้แผ่ส่วนกุศล ผลบุญให้พวกเค้าโดยไม่มีประมาณ ไม่เลือกที่รัก ผลักที่ชัง แผ่ให้ทั่วไปหมด ได้รับกันถ้วนทั่วไปหมด
    อีกประการที่คนสมัยนี้ไม่เคยรู้ คือ....
    ในสวรรค์ มีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่ง เทวดาทั้งหลายไม่ว่าเล็ก หรือใหญ่แค่ไหนก็ต้องเชื่อฟัง
    ไม่ว่า... พระสงฆ์ รูปใดองค์ใด ที่ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนาเทวดา ที่อยู่ในสถานที่นั้น ๆ จะต้องปกปักษ์รักษา คอยดูแลอย่าให้มี ภัยอันตรายใด ๆ มากล้ำกราย
    ในทางกลับกัน ถ้าเทวดา ในที่นั้นปล่อยปละละเลยหน้าที่นี้...จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก
    กฎเหล็กข้อนี้ ถือเป็น....มติสวรรค์ ไม่มีใครลบล้างได้ ซึ่งกฎมติสวรรค์ข้อนี้ ยังขยายหมายรวมไปถึง...คนธรรมดา ที่มีความเพียรพยายาม ปฏิบัติฯ ภาวนา ทำกรรมฐานอีกด้วย
    ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผมได้มาอยู่กับท่าน ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่า...โลกหลังความตาย
    แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรพิสดารเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ของธรรมชาติ ถ้าเราเข้าใจเรื่อง 31 ภพภูมิ
    เปรียบเหมือนเราอยู่ในตึกขนาดใหญ่มหึมา กว้างขวางไม่จำกัด ...แต่มี 31 ชั้น
    วันนี้พวกเรา อยู่ในชั้นที่ 4 คือ คน หรือ มนุษย์
    ชั้นที่ต่ำที่สุด สมมุติว่าคือชั้น 1 นั่นคือ...นรก
    ชั้นที่ 2 ถัดขึ้นมา คือ เปรต อสุรกาย
    ชั้นที่ 3 คือ สัตว์เดรัจฉาน หมา แมว วัว ควาย มด ปลวก
    ส่วนชั้นที่เหนือเราขึ้นไป ก็เป็นที่อยู่ของ...เทวดา นางฟ้า พระอินทร์ พระพรหม
    ไล่ลำดับกันขึ้นไปตามความ หยาบ หรือละเอียดของจิต พวกที่ชอบเหมือน ๆ กันก็ไปรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
    แต่...เทพเทวา เทวดา นางฟ้า ก็ยังมีทุกข์ มีกิเลสอยู่เหมือนกัน พวกเค้าต่างจากเรา ก็แค่ไม่มี...ร่างกาย จึงไม่ทุกข์กาย แต่ก็ยัง...ทุกข์ใจ
    เมื่อครั้งที่เคยเป็น มนุษย์ ชอบฟังธรรม รักษาศีล สิ่งเหล่านี้มันฝังอยู่ในจิตใจ
    เมื่อได้อัตภาพใหม่เป็น เทพ เทวา ใจก็ยังฝักใฝ่ในธรรมอยู่เสมอ จะพากันมา....สวดมนต์ มากราบ พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ อยู่เสมอ
    ที่วัดป่าฯ แห่งนี้ เมื่อถึงเวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็น
    หลวงพ่อ....ท่านจะกำชับทุกครั้ง ว่านั่งให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ และห้ามนั่งขวางทาง ขวางประตู ต้องเปิดช่องไว้ให้เทวดาเค้าเดินเข้ามาได้สะดวก
    ผมเคยกราบเรียนถาม หลวงพ่อ...ว่า
    พวกเทวดา นางฟ้า เค้าหน้าตาเป็นยังไง สวยมั้ย หล่อมั้ย แต่งตัวยังไง
    ท่านบอก...พวกเค้าหน้าตาสวยหล่อมากทุกคน แต่ก็หน้าตาคล้าย ๆ กันหมด ไม่ค่อยแตกต่างกัน เวลามา จะมาเป็นหมู่เป็นพวก มีหัวหน้านำมา...คนอื่น ๆ แทบจะไม่พูดอะไรเลย
    จะมีแต่หัวหน้าของเค้าเท่านั้น ที่จะพูดหรือทำอะไร ส่วนคนอื่นจะอยู่ในระเบียบเรียบร้อยมาก
    บางวันก็มากันหลายหมู่ หลายพวกทีเดียว
    ผมถามท่าน...เพราะอย่างนี้เราถึงต้องสวดบท เชิญเทวดา ใช่มั้ยครับ
    แต่ท่านกลับบอกว่า...อันที่จริงไม่ต้องสวดเชิญ เค้าก็มากันอยู่แล้ว
    ที่ไหนมี พระผู้ปฏิบัติฯ ดี เค้าก็มากราบไหว้ร่วมฟังธรรมอยู่แล้ว
    พวกเค้าโหยหา ธรรมะ อันประเสริฐอยู่แล้ว ...ที่ไหนมีของดี เค้าก็ไปบอกต่อ ๆ กันเหมือนคนเรานี่แหละ
    แต่พอถามมาก ๆ เข้า...ก็จะโดนท่านเอ็ดเอา ว่าอยากรู้ไปทำไม
    ถ้าอยากรู้มากนัก ก็ตั้งใจปฏิบัติฯ ให้เต็มที่สิ จะได้เห็นด้วยตัวเอง
    ความสงสัยมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก ต้องรู้เอง เห็นเอง ถึงจะหายสงสัย
    มีเรื่องราวมากมายที่บอกออกไป จะยิ่งทำให้คนฟังฟุ้งซ่าน คิดจินตนาการไปผิด ๆ ถูก ๆ
    ท่านเปรียบเทียบให้ฟัง ว่า....เหมือนกับว่าพวกเราทุกคนเป็นคน ตาบอด
    แต่แล้ววันนึง ท่านเกิด...ตาดีมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา
    แล้วท่านก็มาเล่าให้กับ คนที่ยังตาบอดอยู่ฟังถึงสิ่งที่เห็นมา
    อีทีนี้แหละจะเกิดปัญหา เกิดเรื่องยุ่ง เหมือนจะเล่าถึง พระอาทิตย์ พระจันทร์ แสงแดด สีสันสวยสดของดอกไม้
    ถามว่าคนฟังที่ตาบอดมาทั้งชีวิต มันจะเข้าใจได้มั้ย จินตนาการถึงมั้ย
    ยิ่งถ้าบอกเค้าว่าเห็น เครื่องบินเป็นยังไง นกที่บินอยู่บนฟ้า หรือ ปลาที่อยู่ในน้ำ
    คนตาบอดที่นั่งฟัง ก็จะมีหลายประเภท คือ...พวกที่เชื่อว่าท่าน เห็นจริง ๆ แต่ก็จินตนาการตามไปไม่ถึง
    พวกที่เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ฟังแล้วยิ่งมืนตึ๊บบบ
    กับอีกพวกที่ไม่เชื่อเลย มีที่ไหนเหล็กหนัก ๆ จะบินได้ หรือตัวอะไรมันจะไปอยู่ในน้ำได้ยังไง
    แล้วก็พลอยด่าว่า คนที่ตาดี หายมืดบอด...ว่าบ้าไปแล้ว
    เหตุนี้แหละที่ทำให้...พระอริยสงฆ์ ท่านจึงปลีกวิเวก เบื่อหน่ายพวกคนตามืดบอด
    แถมหูหนวกบอกอะไรก็ไม่เชื่อ ไม่ฟัง
    ได้แต่สงสาร และสมเพช เมื่อท่านเมตตาแล้ว
    กรุณาก็แล้ว สุดท้ายก็ต้อง...วางอุเบกขา
    สัตว์โลกย่อมเป็นไป...ตามกรรม
    อนณ นิศารัตน์
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    พระอรหันต์สมัยพุทธกาล พระอรหันต์แคระ พระลกุณฏกะ ภัททิยะเถระ

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    Oct 28, 2021
    เรื่องเล่าพระ..
    พระอรหันต์สมัยพุทธกาล พระอรหันต์แคระ พระลกุณฏกะภัททิยะเถระ (ละ-กุน-ตะ-กะ-พัด-ทิ-ยะ) แม้ท่านจะมีร่างกายเตี้ยเล็ก ประหนึ่งคนแคระ แต่ก็ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดา ว่าเป็นผู้ทรงธรรมอันล้ำเลิศ ประเสริฐกว่าภิกษุทั้งหลาย ในด้านผู้มีเสียงเทศนาธรรมอันไพเราะ ถูกจัดอยู่ในทำเนียบ หนึ่งในจำนวนพระอสีติมหาสาวกทั้ง 80 องค์ ซึ่งหมายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นเลิศในทางใดทางหนึ่ง ทั้ง 80 องค์นั่นเอง กรรมวิบากที่ท่านมีร่างกายเตี้ยแคระราวเด็กน้อย มาจากชาติที่ท่านเกิดเป็นช่างไม้ ได้กล่าวคัดค้านการก่อสร้างด้านความสูงของพระมหาเจดียฺ์ ให้ต่ำเตี้ยกว่ามติเดิมของมหาชนเป็นอันมาก ด้วยกรรมวิบากนี้ ส่งผลให้ช่างไม้ผู้ใหญ่ในชาติสุดท้าย กลับมาเกิดเป็นพระลกุณฏกภัททิยะเถระ ผู้มีลักษณะร่างกายอันต่ำเตี้ย ยิ่งกว่ามนุษย์ในสมัยพุทธกาล และเป็นที่มาของคำว่า พระอรหันต์ผู้เตี้ยแคระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2021
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    raponsan:
    อาชีพที่เสี่ยงต่อการตกนรก ตามกฎของโลกวิญญาณ
    ๑.ตำรวจ
    ตำรวจในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้ว ต้องตกนรกเจ็ดชาติ เพราะว่าตำรวจถือว่าตัวมีกฎหมายทีสมมุติอยู่ในมือ เอะอะก็จะจับ ผิดถูกค่อยว่ากันที่หลัง ให้แก้กันที่ศาล

    ๒.อัยการ
    อัยการในโลกมนุษย์ตายแล้ว จะต้องตกนรกห้าชาติ เพราะอัยการจะไม่รับรู้เรื่องผิดถูก จะต้องเอาผู้ต้องหาเข้าคุกให้ได้ เพราะอัยการจะถือหลักว่า เอาชนะความได้มากจะเป็นผลงานของอัยการ

    ๓.ผู้พิพากษา
    ผู้พิพากษาในโลกมนุษย์ ตายแล้วจะต้องตกนรกสามชาติ เพราะว่าฟังตามขบวนการที่วางมาให้ ไม่ได้ไปสืบให้รู้จริงด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ เพราะฉะนั้นคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้กฎหมาย จึงตัองติดคุกไปมากแล้วในโลกมนุษย์

    ๔.ทนายความ
    ทนายความในโลกมนุษย์ ตายจากโลกมนุษย์แล้ว ต้องตกนรกสองชาติ เพราะทนายความจะไม่รับรู้อะไร คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ลูกความชนะเท่านั้น โดยกฎอันนี้ทางโลกวิญญาณถือว่ามีกุศลจิต แต่บางครั้งก็ช่วยคนทำผิดจริงให้ไม่ต้องติดคุก เป็นต้น

    ฉะนั้น ท่านที่มีอาชีพเหล่านี้ ท่านควรพิจารณา มหาพิจารณา ในการกระทำของท่าน เพื่อไม่ต้องตกนรกขุมลึกๆ ท่านจะเชื่อหรือไม่แล้วแต่ท่าน สิทธิแห่งความเชื่อบังคับกันไม่ได้ เพียงบอกกล่าวให้ท่านได้ทราบไว้เท่านั้น

    ด้วยความปรารถนาดีต่อมนุษยชาติ
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
    วันมาฆบูชา

    อ้างอิง หนังสือ ธรรมะ จากดวงวิญญาณบริสุทธิ์ สมเด็จโต
    :- http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3003.0;wap2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2021
  21. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  22. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
  23. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    อาจารย์ยอด : ทำบุญแล้วกลุ้มใจ [กรรม]

    อาจารย์ยอด
    110,847 viewsNov 21, 2021
     
  24. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48,571
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,049
    lpruesri toilet.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...