ปิด :::พระกริ่งสิงห์เชียงแสน ::: ท่านใดยังไม่ได้โอนเงินรีบด่วน ก่อนตัดสิทธิ์

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย ลูกพระบุญ, 9 สิงหาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    สงสัยจะเบลอน่้ะครับเนี่ยๆ
     
  2. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    จริงด้วยค่ะ เพิ่งเห็นแหะแหะ สิงหาคมจ้ะ อายจัง มาล้อกันใหญ่เลย คุณลูกพระบุญจ๊ะ แล้วก็ไม่ท้วงเพชรแต่เช้าน้า
     
  3. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ผมจอง 1 องค์ครับ ขอบคุณมากคุณเพชรที่บอกบุญมาให้ พร้อมได้พระไปบูชาอีก

    อนุโมทนาบุญ
     
  4. Soulman

    Soulman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +67
    ธนาคารดันปิด เงินใน ATM ก็ไม่มี มีแต่เงินสด เลยยังไม่ได้โอนไป

    ขอภัย ถ้าโอนแล้วจะเรียนให้ทราบ
     
  5. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    แหมกะผมก็ไม่ทันสังเกตุน่ะครับ

    ไม่เป็นไรครับมีถูกผิด เบลอ เพราะงานหนักน่ะครับ

    คริๆ

    จะไปจัดส่งละน่ะครับผม
     
  6. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259

    ครับทราบขออนุโมทนาน่ะครับผม
     
  7. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259

    ไม่เป็นไรครับพร้อมเมื่อไหร่ค่อยโอนน่ะครับ
    ผมไม่รีบอะไรหรอกน่ะครับ

    ช้าๆครับ
     
  8. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    ถ้าอย่างนั้นจะแปลว่าเบลอเพราะงานหนักพอกันนะคะ อิอิ:cool:
     
  9. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    จัดส่งชุดเเรแก วัน เสาร์ ที่ ๑๔ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

    รายละเอียดท่านสามารถดูได้ที่ หน้าแรกน่ะครับผม
     
  10. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    [​IMG]


    ความเป็นมาของพระคาถาโมรปริตร


    สมัยที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกยูงทอง ก่อนออกไปหากินในตอนเช้า จะต้องสวดโมรปริตรเสียก่อนและพอกลับมาในตอนเย็น ก็จะต้องสวดโมรปริตรอีกครั้งหนึ่ง ด้วยอำนาจแห่งโมรปริตรนั้นจึงทำให้นกยูงทองแคล้วคลาด จากภยันตรายทั้งปวง

    ท่านกล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งพระเจ้าพรหมทัต สั่งให้จับนกยูงทองมาถวายเพราะพระอัครมเหสีใคร่จะทอด พระเนตร พวกนายพรานถึงแม้ว่าจะวางกับดักเพื่อจะจับนกยูงทองอย ่างไรก็ตามแต่ก็หาสำเร็จไม่ บางครั้งพอนกยูงทองเข้ามาใกล้เครื่องดักเหล่านั้น ก็มีอันทำให้เครื่องดักเหล่านั้นล้มระเนระนาดลงไปเอง ดูเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งนี้ก็เป็ฯด้วยอานุภาพแห่งโมรปริตรที่นกยูงทองได้ สวดทุกเช้าค่ำนั่นเอง

    กล่าวฝ่ายพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต เมื่อไม่ได้ทอดพระเนตรนกยูงทองตามประสงค์ก็เสด็จทิวง คต ทำให้พระเจ้าพรหมทัตรู้สึกขัดเคืองพระราชหฤทัยเป็นที ่ยิ่ง ด้วยทรงเห็นว่านกยูงทองเป็นต้นเหตุทำให้มเหสีของพระอ งค์ต้องมาถึงแก่ความตาย จึงหาอุบายที่จะฆ่านกยูงทองเสีย โดยได้แกล้งจารึกลงไปในแผ่นทองว่า

    "ถ้าผู้ใดได้กินเนื้อของนกยูงทอง ผู้นั้นจะไม่รู้จักแก่ ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักตายเลย"

    เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว กษัตริย์องค์ต่อๆมาเมื่อพบคำจารึกนั้น ต่างก็ให้พวกนายพรานไปพยายามจับนกยูงทองตัวนั้นมาให้ ได้ แต่กาลล่วงเลยมาถึง 7 ช่วงกษัตริย์ก็ยังจับนกยูงทองนั้นไม่ได้ ทั้งนี้ก็เป็ฯด้วยอานุภาพของโมรปริตรคอยคุ้มครองป้อง กันภัยให้กับนกยูงทองตัวนั้นอยู่ จวบจนกระทั่งมาถึงกษัตริย์องค์ที่ 7 จึงได้มีนายพรานคนหนึ่ง ได้นำนางนกยูงไปล่อให้นกยูงทองนั้นลงมาที่เชิงเขา นกยูงทองพอได้ยินเสียงนางนกยูงร้องก็หลงใหลไปด้วยอำน าจแห่งกิเลส จึงลืมระลึกถึงมนตร์โมรปริตรดังที่ได้เคยปฏิบัติมา ผลปรากฏว่านกยูงทองเกิดไปติดบ่วงที่นายพรานดักไว้และ ถูกจับไปถวายพระราชาในที่สุด

    เมื่ออยู่ต่อหน้าพระราชา นกยูงได้ทูลถามถึงสาเหตุที่ทรงให้ดักจับ พระราชาก็ตรัสเล่าตามที่ปรากฏในคำจารึกนั้น นกยูงทองจึงทูลว่า "ทำไมพระองค์จึงทรงเชื่ออย่างนั้น ถ้าเนื้อของข้าพเจ้าวิเศษถึงกับทำให้คนกินไม่แก่ ไม่ตายจริงแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองก็คงไม่ตายน่ะซิ แต่นี่ข้าพเจ้าเองยังต้องตาย ไฉนผู้กินเนื้อของข้าพเจ้าจะไม่ตายเล่า" หลังจากนกยูงทองได้เตือนสติพระราชาแล้ว ก็ได้แสดงให้เห็ฯอานิสงค์ของการไม่เบียดเบียนสัตว์ จนพระราชาเกิดความเลื่อมใส รับสั่งให้ปล่อยนกยูงทองไป และทรงออกหมายประกาศมิให้ผู้ใดทำร้ายสัตว์ในพระราชอา ณาเขตของพระองค์อีกต่อไป

    เราจะเห็นได้ว่า ถึงแม้นกยูงทองจะถูกจับได้เพราะลิมสาธยายมนตร์แต่อาศ ัยที่ได้เคยสาธยายมนตร์โมรปริตรมานาน จึงได้บันดาลให้ถูกปล่อยตัวในที่สุด ดังนั้นจึงเชื่อกันว่ามนตร์บทนี้มีผลทำให้ผู้สวดเกิด การแคล้วคลาดจากสรรพภัยภิบัติทั้งมวล จึงมีผู้นิยมสวดกันจนกระทั่งปัจจุบัน

    (ขออนุโมทนา ที่มาข้อความ เว็บ พลังจิต : พระคาถาโมรป.......)
     
  11. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    [​IMG]

    ในบรรดาพระป่าสาย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (ภูริทตฺโต) ส่วนมากให้ความสำคัญในการบริกรรมพระคาถาบทหนึ่ง คือ พระคาถาโมรปริตรหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระคาถาพญายูงทอง" สำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของคาถานี้นั้น สมาชิกหลายท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วคาถา "นะโมวิมมุตตานัง นะโมวิมุตติยา" เป็นคาถาที่ปรากฏในตำนานโมรปริตร (อุเทตะยัญจักขุมา) ซึ่งเป็นนิทานชาดก โดยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็น "พญานกยูงทอง"

    โดยคาถานี้เป็นคาถาที่ปรากฏอยู่บนหลังเหรียญเกือบทุก รุ่นของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร โดยหัวใจของคาถาบทนี้คือ"นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา" อันมีความหมายว่า "ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแต่ผู้วิมุตแล้วทั้งหลาย ความนอบน้อมของข้าฯ จงมีแต่วิมุตตฺธรรม"

    นอกจากจะพบคาถานี้บนหลังเหรียญแทบทุกรุ่นของท่านพระอ าจารย์ฝั้นแล้ว ยังพบคาถาบทนี้ในตะกรุดอีกด้วย ทั้งนี้ได้มีเหล่าบรรดาลูกศิษย์จำนวนมากไปหาอาจารย์ฝ ั้น ให้ทำตะกรุดให้ โดยจัดหาแผ่นโละทองเหลือง-ทองแดง-ตะกั่วไปพร้อม ท่านก็มีเมตตาจารให้ทุกคน โดยท่านจะจารพระคาถาเป็นภาษาขอม ลาว อ่านว่า นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา โดยส่วนใหญ่บางครั้งอาจมีหัวใจคาถาอื่นเพิ่มเติมบ้าง เช่น นะโมพุทธายะ และ นะมะพะทะ ผนวกเข้าไว้ก็ได้ ตะกรุดของพระอาจารย์ฝั้นบางคนก็เอาไปปิดเสาเรือน บางคนก็พกพาไว้ติดตัว โดยมีความเชื่อว่า สามารถกันไฟ กันฟ้าผ่า รวมทั้งแคล้วคลาด

    [​IMG]
    นอกจากนี้แล้วยังพบว่า หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ยังใช้คาถาบทนี้ด้วย ดังปรากฏในหนังสือสวดมนต์ของวัด



    [​IMG]

    ทั้งนี้สันนิษฐานว่าคงสืบเนื่องมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

    สำหรับบทสวดของคาถาบทนี้จะแบ่งเป็นบทสวดตอนเช้า กับ บทสวดตอนเย็น ดังนี้

    อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง เยพราหมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะมัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตวา โมโร วาสะมะกัปปะยิติ

    พระคาถาทั้ง ๒ บทนี้ มีความเชื่อมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า หากใครสวดทุกเช้าและค่ำ จะแคล้วคลาดปลอดภัยอันตรายทั้งปวง



    (ขออนุโมทนา ที่มาข้อความ เว็บ พลังจิต : พระคาถาโมรป.......)
    (ขออนุโมทนา ที่มาภาพหลวงปู่มั่น เว็บพลังจิต : พระอรหันต์มีจ.....)
    (ขออนุโมทนา ที่มาภาพหลวงพ่อฤาษี เว็บพลังจิต : 11111......)
    (ขออนุโมทนา ที่มาของภาพหลวงปู่ปาน เว็บพลังจิต : อยุธยามหาม......)
     
  12. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    ตำนาน

    [​IMG]

    เริ่ม เรื่องที่ พวกพระภิกษุ ๕๐๐ รูป ในนครสาวัตถี ครั้นได้เรียนกัมมัฏฐานในสำนัก สมเด็จพระบรมศาสดา แล้วหลีกไปหาที่สงัดเงียบ สำหรับเจริญวิปัสสนา เดินทางไปได้สิ้นระยะทางประมาณ ๑๐๐ โยชน์


    ถึงหมู่ บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเหล่านั้นได้เห็นพระภิกษุ มีความยินดี นิมนต์ให้นั่ง บนอาสนะอันสมควร แล้วอังคาสด้วยข้าวยาคู เป็นต้น พร้อมทั้งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายจะไป ณ ที่แห่งใด


    ภิกษุ ทั้งหลายจึงกล่าวว่า เราจะไปแสวงหาสถานที่สบาย สำหรับปฏิบัติธรรมตลอดไตรมาส ชาวบ้านเหล่านั้นจึงกล่าวว่า จากนี้ไปไม่ไกลนัก มีป่าชัฏเป็นที่สงัด เงียบเป็นที่รื่นรมย์ ขอนิมนต์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย โปรดจงเจริญสมณธรรม ในที่นั้น ตลอดไตรมาสเถิด


    ข้าพเจ้าทั้งหลายจะขอ ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และรักษาศีลในสำนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย พระภิกษุทั้งหลายรับนิมนต์แล้วก็ออกเดินทางเข้าไปสู่ป่าชัฏ เพื่อเจริญสมณธรรม


    ฝ่ายพวกรุกขเทวดาที่สิงสถิต อยู่บนต้นไม้ในป่านั้น ต่างพากันคิดว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้ง หลายมาอาศัยอยู่ที่โคนต้นไม้ของเรา ตัวเราและบุตรภรรยาขึ้นอยู่บนต้นไม้นี้ จักไม่เป็นการบังควร ดูว่าจะไม่เคารพ พวกรุกขเทวดาทั้งหลาย จึงพากันลงจากต้นไม้ มานั่งอยู่เหนือพื้นดิน ได้รับความลำบากมิใช่น้อย พวกรุกขเทวดาผู้ใหญ่ ได้พูดปลอบใจเทวดาผู้น้อยว่า ไม่เป็นไรหรอกชาวเราเอ๋ย? พระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้คงจะอยู่ ณ ที่นี้ไม่นาน รุ่งขึ้นท่านก็คงจะจาริกไปที่อื่น ชาวเราทั้งหลาย จักได้กลับขึ้นไปอยู่บนวิมานของเราเหมือนเดิม

    รุ่งสาง พระสุริยะก็ฉายแสงส่องลงมายังภาคพื้นปฐพี เหล่าภิกษุทั้งหลาย ก็พากัน ออกเที่ยวบิณฑบาตภายในหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากป่านั้นนัก

    พวกเทวดาต่างพากันคิดว่า ดีหละ พระเป็นเจ้าทั้งหลายคงจะย้ายที่อยู่ กันสิ้นแล้ว จึงพากันขึ้นไปสถิตยังต้นไม้ของตนตามเดิม


    เหตุการณ์ เป็นเช่นนี้ ล่วงเวลาไปครึ่งเดือน พวกรุกขเทวดาจึงพากันคิดว่า ชะรอยพระเป็นเจ้าคงจะอยู่ ณ ที่นี้ถ้วนไตรมาสเป็นแน่ เห็นทีชาวเราคงจะต้องลำบากไปตลอดไตรมาสด้วย เห็นทีชาวเราทั้งหลายจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ท่านไปเสียจากที่นี่


    เมื่อ คิดดังนั้นแล้ว รุกขเทวดาต่างก็พากันแสดงตนให้ปรากฏต่อประสาทสัมผัสของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยอาการ กิริยา อันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ เช่น ทำให้เกิดลมพายุพัด ทำให้เกิดฝนตกเฉพาะภาคพื้นนั้น ทำให้ดูประหนึ่งแผ่นดินไหวสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เกิดเสียงร้องโหยหวนดังเสียงของเปรต หรือสัตว์นรกผู้กำลังได้รับทุกขเวทนาจากการโดนลงทัณฑ์ แม้ที่สุดกระทำให้ภิกษุทั้งหลายได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ พวกภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปนั้นก็หาได้หนีจากที่นั้นไปไม่


    รุกข เทวดาผู้ใหญ่ เลยออกอุบาย ให้บริวารช่วยกันบันดาลให้เกิดโรค แก่ภิกษุเหล่านั้น มีอาการป่วยต่าง ๆ กัน เช่น โรคไอ โรคจาม โรคหอบ โรคนอนกรน โรคฝันร้าย โรคเหล่านี้ ทำให้กายของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป มีร่างกายซูบซีด ผอมแห้ง ได้รับทุกขเวทนา จนทนอยู่ ณ ที่นั้นมิได้ จึงพากันเดินทางหลีกหนี ออกจากป่าชัฏนั้น แล้วชวนกันไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้ประสบมา ให้พระบรมศาสดาทรงทราบ

    พระผู้มีพระภาค เมื่อได้ทรงสดับ การที่ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้ประสบมา จึงทรงมีพุทธประสงค์ให้ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป กลับไปเจริญสมณธรรมในที่เดิม

    จึงทรงประทาน เมตตาสูตร ให้แก่พระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปได้เรียน เพื่อใช้ป้องกันภัย จากภูต และเทวดา ยักษ์ มาร ทั้งปวง โดยมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสาธยายพระสูตรนี้ ตั้งแต่ชายป่า จนถึงภายนอก และภายในที่พัก เช่นนี้ ความสวัสดีจะมีแก่เธอทั้งหลาย


    ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ได้เรียนพระพุทธมนต์ จนขึ้นใจแล้ว จึงพากันเดินทางกลับไปยังป่าชัฏดังเดิม ครั้นถึงชายป่าชัฏ ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็สาธยายพระพุทธมนต์ บทเมตตาสูตร จนเดินถึงที่พัก


    พวก รุกขเทวดาทั้งหลาย เมื่อได้สดับเสียงเจริญ เมตตาสูตร จากปากพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ก็มีจิตเมตตา รักใคร่ พากันมาต้อนรับปฏิสันถาร รับบาตรจีวร ปัดกวาด หาน้ำใช้ น้ำฉัน แล้วคอยรับใช้ อภิบาลรักษาอยู่ตามแนวป่า มิให้มนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ร้ายใด ๆ มารบกวน ทำร้ายพระเป็นเจ้าของตน


    ภิกษุ เหล่านั้น เมื่อได้อยู่เป็นที่สงบสุขแล้ว ก็หมั่นตั้งจิตบำเพ็ญ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ตลอดกลางวันและกลางคืน จนจิตหยั่งลงสู่วิปัสสนาญาณ เห็นความเสื่อมในร่างกายของตน ว่าอัตภาพนี้มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ประดุจภาชนะดินเผา ที่เปราะบางแตกทำลายลงง่าย ไม่คงทนถาวร ขณะที่เป็นอยู่ก็เป็นภาระ ที่ต้องประคับประคองรักษา แม้ที่สุดก็หาได้มีตัวตนที่แท้จริงไม่


    องค์สมเด็จ พระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะทรงประทับอยู่ภายในพระคันธกุฎี ทรงทราบสภาวะธรรม ที่เกิดขึ้นในจิตของพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ด้วยพระญาณ จึงทรงเปล่งพระรัศมีให้ปรากฏเฉพาะหน้า แก่ภิกษุเหล่านั้น ดุจดังว่าเสด็จมาเองเฉพาะภิกษุแต่ละองค์ และทรงตรัสพระคาถาว่า


    ภิกษุ ทั้งหลาย กายนี้เปรียบเหมือนหม้อดิน จิตนี้เปรียบเหมือนนคร ที่มีข้าศึกคอยจ้องรุกรานโจมตีคือกิเลส อาวุธที่จะใช้กำราบกิเลส ก็คือปัญญา ขณะที่เรากำลังรุกรบกับข้าศึกคือกิเลส ก็ต้องระวังดูแลรักษาหม้อดิน คือกายนี้อย่างไม่มีวันจบสิ้น กายนี้เป็นภาระอย่างยิ่ง และเหตุแห่งการเกิดกายนี้ ก็คือกรรม อวิชชาความไม่รู้ ความรู้วิชา ทำให้รุ่งเรืองปัญญา ดับเหตุแห่งอกุศลกรรมเสียได้ ย่อมไม่พัวพันต่อชาติภพ ย่อมมีชัยชนะในโลก

    เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปก็ได้บรรลุอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ด้วยประการฉะนี้


    (ขออนุโมทนา ข้อความ จาก ตำนานพระปริตร : กรณียเมตตาสูต.......)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  13. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259
    [​IMG]


    ตำนานพระปริตร : โพชฌงคปริตร​


    ตำนาน

    สมัย หนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร ใกล้กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น พระมหากัสสปะอาศัยอยู่ในปิปผลิคูหา บัง เกิดโรคาพาธแรงกล้า อาการหนักขึ้นทุกวันขณะที่พระผู้มีพระภาค ทรงสถิตอยู่ในสมาบัติ เมื่อถึงกาลอันควร ทรงออกจากสมาบัติแล้ว จึงทรงมีพระกรุณาโปรด เสด็จไปเยี่ยมอาการไข้ของพระมหากัสสปะเถระ ทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการ ให้ท่านพระมหากัสสปะได้รับฟัง เมื่อจบพระธรรมเทศนานั้น พระมหากัสสปะ มีจิตโสมนัสยินดีรื่นเริงในธรรม ลุกขึ้นกราบพระบาท หายจากอาการไข้โดยพลัน

    อีกครั้ง ขณะที่พระบรมศาสดา ทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร ใกล้กรุงราชคฤห์ ครานั้นพระมหาโมคคัลลานะ อาศัยอยู่ ณ เขาคิชฌกูฎ เกิดอาการอาพาธหนัก พระบรมศาสดาเมื่อทรงออกจากสมาบัติแล้วไปเสด็จไปเยี่ยมอาการป่วยของพระโมคคัล ลานะ แล้วทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้พระมหาโมคคัลลานะฟัง พระมหาโมคคัลลานะนั้นก็หายจากอาการป่วยโดยพลัน

    แม้พระบรมศาสดาเอง เมื่อครั้งที่พระองค์ ทรงพระประชวรหนัก ด้วยโรคปวดท้อง มิมียาใด ๆ รักษาให้หายได้ จึงมีพระพุทธฎีการับสั่งให้พระจุนทะเถระ แสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้พระองค์ทรงสดับ เมื่อพระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการจบลง พระบรมศาสดาก็ทรงหายจากอาการประชวรโดยพลัน ทรงเสด็จลุกขึ้นจากพระบรรทมได้ในทันที

    กาลนี้ ขอเชิญท่านผู้เจริญทั้งหลาย สาธยายโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้แก่คนยาก ได้สดับเพื่อความสวัสดี จะพึงมีแก่ข้าต่อไป

    โพชฌังคปริตร

    โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
    โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์

    วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร
    วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

    สะมาธุเปกขะโพชฌังคา
    สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์

    สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
    7ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว

    ภาวิตา พะหุลีกะตา
    อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว

    สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา
    ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา
    ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับความลำบาก

    โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
    จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง

    เต จะ ตัง อะภินันทิตวา
    ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม

    โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ
    โรคก็หายได้ในบัดดล

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต
    ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก

    จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง
    รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ

    สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส
    ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

    ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง
    ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก

    มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
    ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา

    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
    ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

    โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
    ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ


    http://truthoflife.fix.gs/index.php?top ... 222#msg222
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2010
  14. ลูกพระบุญ

    ลูกพระบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +2,259






    [​IMG]

    เมื่อฝันร้ายควรสวดมนต์ด้วยบท อภยปริตร



    อภยปริตร สำหรับ สวดเมื่อฝันร้าย
    กรุณาเปิดเสียง อภยปริตร ได้คลิกที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้
    http://www.oknation.net/blog/buddhamantra/video/20351
    หรือคลิกที่ " อภยปริตร " ที Favorite Link ด้านซ้ายมือ
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
    โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
    พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
    ลางชั่วร้ายอันใด และอวมงคลอันใด เสียงนก เป็นที่ไม่ชอบใจอันใด
    และบาปเคราะห์อันใด สุบิน (ความฝัน) ชั่ว อันไม่พอใจอันใดมีอยู่
    ขอสิ่งเหล่านั้น จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมัง คะลัญจะ
    โย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
    ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
    ลางชั่วร้ายอันใด และอวมงคลอันใด เสียงนก เป็นที่ไม่ชอบใจอันใด
    และบาปเคราะห์อันใด สุบิน (ความฝัน) ชั่ว อันไม่พอใจอันใดมีอยู่
    ขอสิ่งเหล่านั้น จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมเจ้า
    ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ
    โย จามะนาโป สะกุณัสสะสัทโท
    ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
    สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
    ลางชั่วร้ายอันใด และอวมงคลอันใด เสียงนก เป็นที่ไม่ชอบใจอันใด
    และบาปเคราะห์อันใด สุบิน (ความฝัน) ชั่ว อันไม่พอใจอันใดมีอยู่
    ขอสิ่งเหล่านั้น จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์เจ้า
    ////////////////////////////////////////////////////////////////////////
    ตำนานอภยปริตร

    ครั้ง หนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงพระสุบินนิมิต ถึงอาเพศ ๑๖ อย่าง แล้วให้เกิดความหวาดหวั่น ต่อมรณภัยที่มองไม่เห็น จึงทรงเล่าพระสุบินนั้น ให้พราหมณ์ปุโรหิตรับฟัง
    พราหมณ์ปุโรหิตพยากรณ์ว่าจะบังเกิดเหตุการณ์ให้พระองค์มีอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใด รวมทั้งราชสมบัติด้วย
    ปุโรหิตนั้น ได้ทูลแนะวิธีป้องกันอันตราย ด้วยบัญญัติวิธี คือ เอาสัตว์อย่างละ ๔ ๆ มาฆ่าบูชายัญ
    พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงทรงมีรับสั่งให้จัดเตรียม ประจำพิธีและสิ่งของ ตามถ้อยคำของปุโรหิตบอก
    พระ นางมัลลิกาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล จึงทูลขึ้นว่า เสด็จพี่อย่าพึ่งทำยัญพิธีกรรมใด ๆ เลย ขอได้โปรดเสด็จไปทูลถาม ถึงพระสุบินนิมิตนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน พระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู มิมีสิ่งใดที่พระพุทธองค์ไปรู้
    ราชาโกศล จึงเสด็จพร้อมมเหสีและบริวาร ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ เชตวันมหาวิหาร แจ้งทูลถามถึงสุบินนิมิตทั้ง ๑๖ ข้อนั้น
    พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร ภัยอันตรายใด ๆจะพึงบัง เกิดมีแก่พระองค์ จากเหตุแห่งพระสุบินนิมิตนั้น หามีไม่ สุบินนิมิตของพระองค์ เป็นสิ่งบอกเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หวังจากเราตถาคตนิพพานไปแล้ว
    และในที่สุดพระผู้มีพระภาค จึงทรงขอให้พระเจ้าปเสนทิโกศล ล้มเลิกยัญพิธีทั้งปวงเสีย

    บัดนี้ถึงกาลอันควรแล้ว ขอเชิญพระสาวกแก้ว ได้โปรดสาธยาย อะภะยะปริตร เพื่อพิชิตอวมงคลทั้งหลายที่บังเกิดขึ้น ให้พินาศไป ด้วยเทอญ


    โดย buddhamantra
     
  15. เงามืด

    เงามืด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2010
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +187
    ขอจอง 1 ชุด
    โอนแบบที่ 2
    ส่ง สันทัด พูนทะเล 97หมู่3 ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี 18130
     
  16. jessica24b

    jessica24b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +492
    ว่าที่ร้อยตรี สาโรจน์ วรรณมโนมัย
    611/123 หมู่ 4 ซ.สุขสวัสดิ์ 25/2
    ต.บางปะกอก อ.ราษฏร์บูรณะ
    จ.กทม 10140
     
  17. chalermchon1

    chalermchon1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    652
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ขอรับด้วยครับ

    เฉลิมชนม์ ชูเพชร
    ห้อง 311 พร้อมศิริ อพาร์ตเมนต์ 236/3 ซ.บ้านท่าสูง ม.3 ต.ท่าศาลา
    อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช 80160

    อนุโมทนาบุญครับ
     
  18. Soulman

    Soulman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +67
    โอนเงินไปเรียบร้อยแล้วครับ ตามที่PM ไปนะครับ

    ส่งมาที่

    ธีรพงษ์ แดงประดับ
    10/224 ซอยรามคำแหง2 ซอย23 แยก5 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2010
  19. Fay366

    Fay366 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
  20. peerasitg

    peerasitg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,557
    ค่าพลัง:
    +3,919
    วันนี้ได้รับพระกริ่งสิงห์เชียงแสน และแก้วจักรพรรดิ์

    อนุโมทนาครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...