ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

เรื่องเศรษฐีหนู​

คือครั้งก่อนโน้น มีเศรษฐีคนหนึ่งเป็นผู้รอบรู้ฤกษ์ต่ำฤกษ์บนและนิมิตดีนิมิตร้ายทั้งปวง อยู่มาวันหนึ่งได้ออกเดินทางไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ได้ไปพบหนูตายตัวหนึ่งที่ถนน ตรวจดูฤกษ์บนแล้วเอ่ยขึ้นว่า ผู้ใดเอาหนูตัวนี้ไปขายผู้นั้นอาจเลี้ยงลูกเมียได้ เมื่อคนใช้ได้ยินจึงเก็บหนูตัวนั้นไปขายให้คนเลี้ยงแมว ได้เงินกากนึกหนึ่ง แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อน้ำอ้อย ไปคอยแจกคนเก็บดอกไม้หลวงที่กลางทางเวลาเย็น พวกเก็บดอกไม้ได้ให้ดอกไม้แก่เขาคนละเล็กละน้อย เขาก็เอาดอกไม้เหล่านั้นไปขายซื้อน้ำอ้อยไปคอยแจกอีก เมื่อได้เงินมากขึ้นก็ซื้อเอาน้ำอ้อยและหาบน้ำไปเลี้ยงพวกเก็บดอกไม้ กระทั่งถึงในสวน จนได้เงินมากขึ้น อยู่มาวันหนึ่ง มีฝนลมพัดกิ่งไม้ในสวนหลวงหักลงเป็นอันมาก เขาได้ขอกับคนเฝ้าสวน แล้วซื้อน้ำอ้อยไปแจกพวกเด็กเลี้ยงโค วานพวกเด็กเลี้ยงโคให้ช่วยขนกิ่งไม้ออกไปวางกองไว้นอกสวนหลวง แล้วไปบอกขายให้ช่างหม้อหลวง ได้เงินและหม้อเป็นอันมาก

เมื่อได้เงินมาแล้วก็ไปตั้งโอ่งน้ำไว้ที่ใกล้ประตูเมือง พอพวกหาหญ้าขายหาบหญ้ามาถึงตอนเย็น ก็ตักน้ำแจกพร้อมกับส่งน้ำอ้อยให้ พวกหาหญ้าขายก็ขอบใจมาก กล่าวขึ้นว่า พวกเราจะตอบแทนคุณอย่างไร เขาตอบว่า เมื่อเรามีกิจเกิดขึ้นจึงจะบอก แล้วก็เที่ยวคบเพื่อนพ่อค้าทั้งทางบกและทางน้ำไว้ ต่อมาพ่อค้าทางบกก็บอกว่าพรุ่งนี้ พ่อค้าม้าจักนำม้า ๕๐๐ ตัวมา พอมาถึงเขาก็ไปบอกพวกหาหญ้าว่า วันนี้จงให้หญ้าแก่เราคนละฟ่อนๆ เมื่อเรายังขายไม่หมดพวกท่านอย่าแบ่งขาย พวกหาหญ้าก็นำหญ้าไปทิ้งไว้ในบ้านของเขาคนละฟ่อนรวมเป็น ๕๐๐ ฟ่อน เช้าขึ้นพวกพ่อค้าม้าก็มาหาซื้อหญ้าที่ไหนไม่ได้ ก็ได้ไปซื้อเอาหญ้าของเขา เขาก็ขายได้กำไรอย่างงาม ต่อมาพ่อค้าทางน้ำก็มาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีสำเภา ๕๐๐ ลำมาถึง เขาจึงออกอุบายไปเช่ารถเศรษฐีพร้อมกับบริวารลงไปที่ท่าสำเภาวางมัดจำสินค้าและสำเภาไว้สิ้น แล้วไปนั่งอยู่ภายในม่านมีบริวารห้อมล้อม ก็มีพวกพ่อค้ามาขอเข้าหุ้นด้วยยอมให้เงินคนละพันถึงร้อยคน เขาก็ยอนรับและขายสินค้าในสำเภาอีก ได้เงินส่วนแบ่ง ๒ แสนกหาปณะ แล้วเขาคิดว่าเราควรจะไปตอบแทนคุณท่านเศรษฐี จึงนำทรัพย์แสนหนึ่งไปกราบท่านเศรษฐีๆ ถามว่าได้มาอย่างไร ก็เล่าเรื่องให้ฟัง เศรษฐีเห็นว่าเป็นคนดีมีปัญญาจึงยกลูกสาวให้ เวลาเศรษฐีนั้นตายแล้วลูกเขยก็ได้เป็นเศรษฐีแทน

มาชาติสุดท้ายลูกเขยได้มาเกิดเป็นพระจูฬบันถกองค์อรหันต์ ผู้เป็นเอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ เศรษฐีพ่อตาได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า จบเรื่องในจูฬกเศรษฐีชาดก เอกนิบาตเท่านี้

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้มีปัญญาเฉียบแหลมย่อมตั้งตัวได้ด้วยทรัพย์เพียงเล็กน้อย ทั้งชี้ให้เห็นว่า ผู้มีกตัญญูย่อมเจริญ เพราะฉะนั้นจึงมีสุภาษิตว่า “ หมั่นเรียนมากรู้มั่นซื่อสัตย์กตัญญู แม้นสู้ทางเจริญ ” ดังนี้

 

แจ้งโอนเงินร่วมบุญ150 บาท วันที่ 9 มีนาคม 2557:18.52 น. ร่วมบุญถวายกรรไกรตัดเล็บและพระบรมสารีริกธาตุและบุญที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดค่ะ

โมทนาสาธุในบุญนี้กับทุกท่านค่ะ

 

เก็บตก ๒ งานหล่อพระ

เก็บตกพิธีหล่อสมเด็จองค์ปฐมค่ะ






​

 

เก็บตกโรงทาน ภาพเอื้อเฟื้อโดยคุณไก่ และพี่เอ๋

เก็บตกขนมจากร้านภูญ่าคอฟฟี่ค่ะ



รูปไหน ๆ เห็นคุณ ta2498 ไม่หยิบขนมก็กำลังอร่อยกับขนมจีนอยู่เรื่อย อิอิ



ประชาสัมพันธ์ร้านกาแฟภูญ่าค่ะ ติดต่อจ่ายเงินค่าประชาสัมพันธ์ได้ที่พีเอ็มนู๋ตาลนะคะ พี่น้ำลูกหม่อน คิคิ
​

 

ส่วนตัวชอบอ่านมากค่ะ เคยซื้อหนังสือชาดกพระเจ้า ๕๐๐ ชาติเล่มโตมาเก็บไว้แต่ไม่ได้อ่านสักที
ขอกราบขอบพระคุณท่านพ่อ เอ้ย คุณ Sun2555 เป็นอย่างสูง
ที่ได้นำธรรมทานดี ๆ มาลงให้อ่านเพื่อให้ชาวเมืองประเทืองปัญญากันอย่างต่อเนื่อง
ขอสาธุในธรรมทานของคุณ Sun2555 ด้วยค่ะ

 

รู้สึกว่า ภาพที่โพสจะโพสไม่ขึ้นค่ะ ไม่ทราบว่าเว็บเป็นอะไรค่ะ
ต้องขออภัยทุก ๆ ท่านเป็นอย่างสูง และขอบพระคุณท่านที่ช่วยแจ้งเข้ามาด้วยนะคะ

 

มาดูสาวๆ หนุ่มๆ จากกองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีกันค่ะ คนใจบุญมักจะสวยและหล่อ(ที่ใจ) กันทุกคน



ขนมจีนสุดฟิน (ใช้ศัพท์วัยรุ่นนิดโหน่ย อิอิ)

น้ำยาแกงเผ็ดเป็ดย่าง แผล่บ ๆๆ​

เครื่องเคียงสดกรอบ​

 

..ขออนุโมทนาบุญหล่อพระประธาน ๙ มีนาคม ๒๕๕๗ ค่ะ..

เปิดดูไฟล์ 992085271555.jpg เปิดดูไฟล์ 995372493489.jpg ​

ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม พร้อมพระอัครเบื้องซ้าย และเบื้องขวา เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ.วัดมะกอก อ.ตาพระยา จ.สระแก้วในครั้งนี้ด้วยค่ะ (รู้ว่าจะมีปัญหาในการโหลดภาพอีกแล้วค่ะ)

ในนามกองบุญพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร เราได้ร่วมบุญหล่อพระในครั้งนี้กว่า ๒๐,๐๐๐ บาทค่ะ โดยได้ให้คุณ ta2498 คุณ paktrawadee คุณจันทรกาล และน้อง ๆ อีกหลายท่าน เป็นตัวแทนมอบกับท่านเจ้าภาพในครั้งนี้ค่ะ ขอเล่าบรรยากาศในงานตั้งแต่เช้าเริ่มบวงสรวงกันนะคะ

ช่วงเช้าอากาศไม่ร้อนมาก แต่คนเยอะมาก ๆ ค่ะ นับไม่ได้ว่า กี่พันคน เมื่อนำรถเข้ามาจอดแล้ว รถออกไม่ได้ ในงานนี้มีศิลปินดาราจากหลายช่องมาร่วมงานค่ะ ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ค่ะ

เริ่มพิธีบวงสรวงใหญ่โต อลังการมากค่ะ พราหมณ์ผู้ทำพิธีได้อัญเชิญเทวดามาเยอะมาก ๆ ทั้งเทวดาสายนาค ยักษ์ คนธรรพ์ และครุฑ ทั้งเทวดาในสายพุทธ สายฮินดู และเทพเจ้าจีน

แต่เป็นเรื่องแปลกที่ครั้งนี้ สมเด็จองค์ปฐมมาเป็นประธาน พร้อมพระอัครสาวกของพระพุทธองค์ พระวรกายใหญ่มาก และมีพระพุทธเจ้าใน ๒๘ พระองค์ก่อนสมัยสมเด็จพระสมณโคดม

แต่ไม่ได้มีพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาทั้งพระนิพพาน เหมือนการบวงสรวงอัญเชิญในแบบฉบับของพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อีกทั้งพิธีค่อนข้างเยอะ แต่ก็พยายามน้อมจิตตาม ขณะที่แจกทานไปด้วย ก็น้อมจิตตามไป เป็นเรื่องแปลกว่า ถ้ารู้สึกร้อน จะมีลมพัดแรง ๆ โชยมาให้หายร้อน

เมื่อมองไปบนท้องฟ้า พบว่า มีพญาครุฑกลุ่มหนึ่งมาคอยกระพือปีกให้หายร้อน งานนี้เป็นงานชุมนุมเทวดาทั้ง ๔ เหล่าทัพของเหล่าอารักขาของท้าวสักกเทวราช

ในช่วงบ่ายหลังแจกทาน ก่อนพิธีเททองเริ่มพิธี ๑๓.๓๙ น. บุตรสาว เธอร้องขอให้ไปเป็นเพื่อนเพื่อนำต่างหูทองคำไปร่วมหล่อพระ

เดิมทีเห็นคนก็จะเป็นลมแล้ว ดิฉันคิดว่า อาจจะตั้งจิตเอาไม่ได้เข้าไปใกล้พิธีหล่อพระ เพราะคนจำนวนมากแออัดกันอยู่ จึงคิดว่าจะอยู่รอบนอก พร้อมกับดูแลโรงทานไป

เมื่อบุตรสาวบอกว่า หนูจะไม่ไปกับคนอื่น ขอให้แม่ไปเป็นเพื่อนหนู จึงเข้าไปดูลู่ทาง จากนั้นอาศัยช่วงที่ผู้คนกำลังลุกขึ้นมาจุดธูปแทรกเข้าไป

พิธีกร(อ.ชัย) ได้ประกาศบริจาคทองคำ และอื่น ๆ ที่นำร่วมหล่อพระครั้งนี้ น้องแพร(บุตรสาว) เธอได้นำทองคำไปมอบให้เจ้าหน้าที่สมใจ

จากนั้นขากลับ ดิฉันเห็นพระภิกษุที่กำลังเข้าสมาบัติ อยู่จึงคิดอยากจะนำปัจจัยไปถวายไม่ได้มากมาย องค์ละ ๑๐๐ บ้าง ๒๐ บ้าง เนื่องจากช่วงเช้าได้นำปัจจัยปิดยอดหล่อพระ และโรงทานไปหลายพัน คงเหลือปัจจัยไม่มาก

ต่อมาได้ชวนคุณ Vatechayana คุณ ta2498 คุณ paktawadee คุณจันทรกาล และร.ท.ไพรสิทธิ์ ร่วมกันทำบุญกับพระภิกษุที่กำลังเข้าสมาบัติ ปรากฏว่า หลังจากนั้น ก็เริ่มมีคนทำตามพวกเรา กลับมาในจุดแรกที่ดิฉันได้ทำ พบว่า มีปัจจัยถวายพระเป็นจำนวนมากค่ะ

ขอผลบุญที่พวกเราได้ถวายปัจจัยพระภิกษุเข้าสมาบัติ มีผลแก่พวกเราเพียงใด ขอให้มีผลแก่ทุก ๆ ท่านเพียงนั้นด้วยเถิด สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

.. คุณป้าเนียนให้พรจากการร่วมบุญโรงทานค่ะ..

จากนั้นดิฉันได้นำปัจจัยมอบให้แก่คุณป้าเนียน เพื่อร่วมบุญโรงทานเพิ่มเติม จำนวน ๑๑๔๐๐ บาท โดยไปมอบพร้อมกับคุณพี่เดือนฉาย คุณป้าเนียนได้ให้พรว่า..

"ขอผลบุญกุศลที่หนู และผู้ร่วมบุญโรงทานทุกท่าน มีแต่ความร่ำรวย ๆ

มีความคล่องตัวทุกเรื่อง อย่าได้พบคำว่า อดอยาก ยากจน นับตั้งแต่บัดนี้ไปทุกภพทุกชาตินะลูกน๊ะ"

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานดี ๆ ของคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับทุกๆท่านและน้องแพรด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

เล่าสู่กันฟังค่ะ

ดิฉันเข้ามาในห้องนี้ ในฐานะสมาชิกใหม่ แอบสารภาพที่มาของการได้มาร่วมบุญกับคุณน้ำใส และเพื่อนร่วมบุญคนอื่นๆในนี้ค่ะ ปกติในแต่ละเดือนก็จะทำบุญกับพระสงฆ์อาพาธเป็นประจำ และร่วมบุญอื่นๆตามแต่โอกาส เดือนที่ผ่านมาคิดอยากทำบุญอื่นๆ ก็ไม่ทราบจะทำบุญอะไรดี พอดีเข้าไปในกระทู้หนึ่ง เห็นคุณ diya จำได้ว่าเคยร่วมทำบุญกับเธอ และคุณdiya ก็ชอบทำบุญหลากหลาย ดิฉันจึงสะกดรอยตามคุณdiya ด้วยการเข้าไปในกระทู้อื่นๆที่เธอไปร่วมบุญ แล้วก็สมใจ ดิฉันได้มาที่กระทู้นี้ และได้ร่วมบุญหล่อพระ ร่วมบุญโรงทาน และที่รู้สึกดีมากขึ้น ที่คุณกึกก้อง กรุณาให้ร่วมบุญถวายกรรไกรตัดเล็บและพระบรมสารีริกธาตุ ผู้คนในห้องนี้ล้วนใจดีและมีเมตตา พร้อมหยิบยื่นโอกาสให้ผู้อื่นได้ทำบุญ
ขอขอบคุณและโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

ป.ล. ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับพญานาคเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เข้ามาที่นี่มีเรื่องราวให้อ่านเยอะ เลยเป็นแฟนประจำไปเลยค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
​

การทำบุญถวายพระบรมสารีริกธาตุและกรรไกรตัดเล็บมีผลอานิสงส์ดังนี้

ตัวอย่างเช่น...
​

ได้ทำบุญถวายพระบรมสารีริกธาตุและกรรไกรตัดเล็บ

ในนามท่านศศิมานรินทร์เป็นเจ้าภาพซึ่งมีวิมานอยู่บนชั้นดุสิต

จึงได้ถามคุณน้ำใสว่ามีผลอานิสงส์กับท่านอย่างไรบ้าง
​

ท่านศศิมานรินทร์ได้บอกกับคุณน้ำใสว่า....

สำหรับบุญถวายพระบรมสารีริกธาตุ และกรรไกรตัดเล็บนั้น ส่งผลให้

ทิพยวิมานสว่างไสว และการพิจารณาข้อธรรมมีความง่ายมากขึ้น

จิตจะมีความสว่างไสวมากขึ้น ที่สำคัญเราสามารถแบ่งบุญนี้

ให้แก่เทวดา-เทพธิดาอันเป็นบริวารของเราได้ด้วย

แต่มากน้อยขึ้นอยู่กับฐานบุญเก่าของแต่ละองค์

(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)(rose)

๑.http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2-%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%98-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%97-%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B0.283863/page-118

๒. http://palungjit.org/threads/มหากุศลครั้งสำคัญในชีวิต-ขอเชิญร่วมจองเป็นเจ้าภาพลูกนิมิตลูกรอง.519613/
​

 

..ยินดีต้อนรับท่านสมาชิกใหม่ค่ะ..

ก่อนอื่น ขอต้อนรับคุณ kratium อย่างเป็นทางการ และขอขอบคุณน้อง diya ที่นำกัลยาณมิตรที่ดีมาร่วมบุญกันอีกท่านหนึ่งค่ะ

สำหรับเพื่อน ๆ ในกระทู้นี้มีแต่ผู้ที่มีใจเมตตาต่อกัน บางท่านปรารถนาเข้าพระนิพพานในชาตินี้

แต่อีกหลาย ๆ ท่านปรารถนาพระโพธิญาน นางแก้ว และพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา กระทู้เปิดกว้าง และไม่ได้เลือกสายปฏิบัติค่ะ

บางท่านเป็นสายมโนมยิทธิ บางท่านสายธรรมกาย บางท่านนับถือพระป่าค่ะ แล้วแต่ปฏิปทาของแต่ละท่าน เราไม่ได้แบ่งแยกว่าสายใด ส่วนใหญ่เน้นการสร้างบุญร่วมกัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปฏิบัติกันมากกว่า เรียกได้ว่า กระทู้นี้มีแต่ให้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทั้งสองท่านด้วยค่ะ

Numsai

____________________

*** สองวันนี้อาจจะยังไม่ได้เข้ากระทู้ เนื่องจากต้องอุปัฏฐากพระภิกษุที่จะมาที่บ้าน ทราบเพียงว่า เป็นพระไทย ท่านมาจากแสวงบุญที่อินเดีย แต่ไม่มีที่พัก เพื่อนเลยขอให้มาพักที่บ้านค่ะ ต้องจัดเตรียมอาหาร และที่พักค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ

 

เรื่องเจ้าหน้าที่ตีราคาของหลวง​

คือในครั้งก่อนโน้นที่กรุงพาราณสี มีอำมาตย์ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ตีราคาของหลวงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนฉลาดมาก ตีราคาของได้ถูกต้องเสมอมา แต่พระเจ้าพาราณสีนั้น มีพระหฤทัยมากไปด้วยความโลภ ทรงเห็นว่า อำมาตย์นั้นซื้อของหลวงด้วยราคาแพงไปก็ไม่ทรงพอพระทัย ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ได้ทรงเห็นคนบ้านนอกคนหนึ่งเดินผ่านหน้าพระราชวังมา ทรงเห็นว่าจะเป็นคนฉลาดพอซื้อของหลวงได้ด้วยราคาถูก จึงตรัสสั่งให้หาคนบ้านนอกนั้นเข้าเฝ้า ทรงเล่าพระราชประสงค์ให้ฟังแล้วถอดเจ้าหน้าที่คนเก่าออกเสีย ตั้งคนบ้านนอกนั้นแทน คนบ้านนอกนั้นไม่รู้จักราคาสิ่งของเลย ต่อมาไม่ช้ามีพวกพ่อค้าม้า ๕๐๐ นำม้ามาขายที่กรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีจึงตรัสสั่งเจ้าหน้าที่คนใหม่ให้ไปติดต่อ เจ้าหน้าที่คนใหม่ก็ให้พาพวกพ่อค้าเข้าไปในพระราชวัง ตีราคาม้าทั้ง ๕๐๐ ตัวเท่ากับข้าวสารทนานหนึ่ง แล้วต้อนม้าทั้ง ๕๐๐ ตัวเข้าโรงม้าหลวง

ฝ่ายพวกพ่อค้าม้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงพากันไปหาเจ้าหน้าที่คนเก่าเล่าเรื่องให้ฟัง เจ้าหน้าที่คนเก่าจึงบอกอุบายให้ติดสินบนเจ้าหน้าที่คนใหม่ เพื่อให้ตีราคากรุงพาราณสีเหมือนกับตีราคาม้าทั้ง ๕๐๐ ตัว แล้วพร้อมกันเข้าเฝ้าพระเจ้าพาราณสี อำมาตย์คนเก่ากับเหล่าบริวารก็เข้าเฝ้าด้วย พ่อค้าม้าที่เป็นหัวหน้าจึงถามเจ้าหน้าที่คนใหม่ขึ้นว่า ข้าแต่นาย ม้าทั้ง ๕๐๐ ตัวนั้นมีราคาสักเท่าใด เขาก็ตอบว่ามีราคาเท่าข้าวสารทนานหนึ่ง แล้วพ่อค้าม้าก็ถามต่อไปว่า ข้าวสารทนานหนึ่งเล่ามีราคาสักเท่าใด เขาตอบว่ามีราคาเท่ากรุงพาราณสี พระเจ้ากรุงพาราณสีได้ทรงฟังก็ทรงขัดเคืองยิ่งนัก ฝ่ายเจ้าหน้าที่คนเก่ากับเหล่าบริวารก็พร้อมกันตบมือหัวเราะขึ้น พระเจ้าพาราณสีทรงละอายยิ่งนัก จึงให้ถอดเจ้าหน้าที่คนใหม่ออกเสีย มอบให้คนเก่าต่อไป

มาชาติสุดท้ายเจ้าหน้าที่คนใหม่ได้มาเกิดเป็นพระอุทายีผู้โง่เขลา ส่วนเจ้าหน้าที่คนเก่าได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า จบเรื่องนี้ในตัณฑุลนาฬิชาดก เอกนิบาต เท่านี้

เรื่องนี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ผู้จะใช้คนต้องใช้ให้ถูกจึงจะได้ผล

 

เรื่องผีเสื้อน้ำถามปัญหาเทวธรรม​

คือในครั้งก่อนโน้น พระเจ้าพาราณสีมีพระราชโอรสกับพระมเหสีองค์ก่อนอยู่สองพระองค์ ทรงพระนามว่ามหิสสาสะกุมารองค์หนึ่ง จันทกุมารองค์หนึ่ง มีพระมเหสีใหม่อีกองค์หนึ่ง มีพระราชโอรสทรงพระนามว่าสุริยะกุมาร ในเวลาที่พระสุริยะกุมารประสูติ พระเจ้าพาราณสีทรงดีพระทัยมากได้ตรัสพระราชทานพรแก่พระมเหสีใหม่ว่า ต้องการสิ่งใดจะให้ทั้งนั้น ต่อมาภายหลังพระมเหสีใหม่จึงทูลขอราชสมบัติให้แก่พระโอรสของพระนาง พระเจ้าพาราณสีทรงคัดค้านหลายหน แต่พระนางก็ไม่ฟังเพราะได้รับพระราชทานพรไว้แล้ว พระเจ้าพาราณสีจึงตรัสสั่งพระราชโอรสสองพระองค์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระมเหสีองค์เก่าว่า ลูกเอ๋ยขอให้ลูกทั้งสองจงช่วยรักษาสัจจะของบิดาไว้ คือขอให้เจ้าทั้งสองออกจากบ้านเมืองไปอยู่ที่อื่นก่อน จะต้องการพลโยธาทรัพย์สมบัติมากน้อยสักเท่าใดก็จงนำเอาไปตามประสงค์ เมื่อสิ้นบุญบิดาแล้วจงพากันกลับมาครองราชสมบัติต่อไป ฝ่ายพระราชกุมารทั้งสองก็ทรงกรรแสงเสียพระทัยทูลลาออกจากพระนครไป ส่วนสุริยะกุมารเล่นอยู่ที่หน้าพระลานหลวง ได้เห็นพระราชกุมารทั้งสองเสด็จผ่านไปก็วิ่งติดตามไป ถึงพระราชกุมารทั้งสองจะห้ามสักเท่าใดก็ไม่ฟังขืนตามไปจนถึงป่าใหญ่ใกล้ป่าหิมพานต์ แล้วพระราชกุมารทั้งสามได้พากันไปพักอยู่ที่ป่าไม้แห่งหนึ่ง

คราวนั้นพระสุริยะกุมารไปตักน้ำในสระแห่งหนึ่ง ที่สระน้ำนั้นมีผีเสื้อน้ำตนหนึ่งได้รับพรจากท้าวเวชสุวรรณว่า ผู้ใดลงไปในสระนั้นถ้าไม่รู้เทวธรรมให้จับผู้นั้นกินเสีย ผีเสื้อน้ำนั้นได้จับคนและสัตว์ที่ลงไปในสระนั้นกินมามากต่อมากแล้ว เพราะฉะนั้นในเวลาที่สุริยะกุมารลงไปในสระนั้น ผีเสื้อนั้นจึงจับถามว่า เจ้ารู้จักเทวธรรมหรือไม่ สุริยะกุมารก็ตอบว่า รู้จักเทวธรรมนั้นได้แก่พระจันทร์ พระอาทิตย์ ผีเสื้อน้ำว่าไม่ถูกแล้วจับลงไปขังไว้ใต้น้ำอันเป็นที่อยู่ของตน เมื่อมหิสสาสะกุมารเห็นสุริยะกุมารหายไป จึงใช้ให้จันทกุมารตามไป ผีเสื้อน้ำก็จับไว้อีก เมื่อมหิสสาสะกุมารเห็นพระเจ้าน้องทั้งสองหายไปนาน จึงทรงพระขรรค์ขึ้นธนูติดตามไปจนกระทั่งถึงสระนั้น ได้ทรงตรวจดูรอบสระก็ได้เห็นรอยพระราชกุมารทั้งสองและรอยคนรอยสัตว์อื่นๆ ลงไป ไม่เห็นรอยขึ้นเลย จึงทรงเข้าพระทัยว่าสระนี้ต้องมีผีเสื้อน้ำหวงแหนเป็นแน่ จึงทรงยืนนิ่งคอยดูอยู่ ผีเสื้อน้ำได้แลเห็น จึงจำแลงเป็นช่างไม้เดินออกมาจากป่าถามมหิสสาสะกุมารว่า เหตุใดเจ้าจึงไม่ลงไปอาบน้ำกินน้ำ เก็บเอาฝักบัวในสระนี้ไปกิน มหิสสาสะกุมารได้สังเกตเห็นอาการ ก็ทรงเข้าพระทัยว่าเป็นผีเสื้อน้ำ จึงตรัสถามออกไปว่าตัวท่านเป็นผีเสื้อน้ำได้จับน้องชายทั้งสองของเราไปไว้ที่ไหน ผีเสื้อน้ำตอบว่าจับลงไปไว้ใต้น้ำอันเป็นที่อยู่ของเรา มหิสสาสะกุมารจึงตรัสถามว่า เหตุไรจึงจับน้องชายของเราไว้ ผีเสื้อน้ำก็ตอบว่า เหตุได้รับพรจากท้าวเวชสุวรรณ

มหิสสาสะกุมารจึงตรัสถามว่า ถ้าเรารู้จักเทวธรรมท่านจักคืนน้องชายให้เราหรือไม่ ผีเสื้อน้ำก็ตอบว่าจักคืนให้ พระราชกุมารจึงบอกให้ผีเสื้อน้ำแต่งที่นั่งแสดงธรรมให้ แล้วให้ผีเสื้อน้ำนั่งพนมมือคอยฟัง พระกุมารได้ขึ้นนั่งบนอาสนะที่ผีเสื้อน้ำเนรมิตขึ้น แล้วแสดงเทวธรรมให้ฟังว่า ผู้มีวาจาใจสงบเรียบร้อย ซึ่งเรียกว่าสัปบุรุษผู้ประกอบด้วยความละอายและความกลัว ผู้มั่นอยู่ในธรรมอันบริสุทธิ์เรียกว่าเทวธรรมในโลก ดังนี้ พอผีเสื้อน้ำได้ฟังก็ชอบใจ จึงคืนจันทกุมารให้แต่กักตัวสุริยะกุมารไว้ มหิสสาสะกุมารจึงตรัสว่าสุริยะกุมารเป็นน้องต่างมารดา ถ้าไม่คืนให้เราก็จักมีคำครหานินทาว่า เรารักแต่น้องของตัว ยกน้องต่างมารดาให้ผีเสื้อน้ำกิน หรือจะมีผู้ติเตียนว่าเราฆ่าน้องต่างมารดาเสีย เพราะฉะนั้นจงคืนสุริยะกุมารให้เราด้วย ผีเสื้อน้ำก็เห็นจริงจึงคืนสุริยะกุมารให้ แล้วขอรับศีล ๕ ยอมตัวเป็นผู้รับใช้สอย เมื่อได้ทราบข่าวว่าพระราชบิดาสวรรคตก็พากันเสด็จกลับพระนครได้พาผีเสื้อน้ำนั้นไปด้วย ส่วนพระมหิสสาสะกุมารก็ได้เป็นพระเจ้าพาราณสี จันทกุมารได้เป็นมหาอุปราช พระสุริยะกุมารได้เป็นเสนาบดี ผีเสื้อน้ำได้เป็นยักษ์รักษาพระนคร

ต่อมาชาติสุดท้าย ผีเสื้อน้ำได้มาเกิดเป็นพระหลวงตาองค์หนึ่ง ส่วนมหิสสาสะกุมารได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า จบเรื่องนี้ในเทวธรรมชาดก เอกนิบาต เท่านี้

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้มีหิริโอตัปปะคือความละอายต่อความชั่ว กลัวต่อความชั่ว ละอายผู้อื่นกลัวผู้อื่นจะติเตียนเรียกว่า ผู้มีเทวธรรม ยักษ์ก็กินไม่ได้

 

ระหว่างรอคุณน้ำใส ๒ วัน อ่านนิทานชาดกพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ไปพลางๆ ก่อนครับ
ขออนุโมทนาบุญครับ

 

ประสบการณ์ระลึกชาติ



วันนี้งานยุ่งค่ะ แต่ขี้เกียจ ชัดเจน ตรงประเด็นดีไหมคะ (แต่ห้ามเอาอย่างนะคะ อิอิ)
ระหว่างรอพี่น้ำใสและคุณ Sun2555
ตาลขอเล่าประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมให้ฟังนะคะ
จริง ๆ ตั้งใจจะเล่าเรื่อง...นางแก้ว...แต่ดูว่าเป็นเรื่องที่หนักไปหน่อย
ต้องใช้กำลังภายในเยอะและยังไม่มีเวลาว่างมานั่งเรียบเรียงมากนัก
จึงขอเล่าเรื่องประสบการณ์การระลึกชาติให้ฟังแทนนะคะ



เรื่องที่เล่านี้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมค่ะ
ไม่ต้องคิดจริงจังก็ได้นะคะ ใครคิดว่าไม่จริงก็ถือซะว่าเป็นนิทานสนุก ๆ เรื่องหนึ่ง
ที่บังเอิญผ่านมาอ่านเจอก็พอ...โอเคเนอะ



อย่างที่พี่น้ำใสเคยเล่าให้ฟัง เรื่องการระลึกชาตินี้
อาศัยปุพเพนุวาสานุสติญาณ และเป็นความสามารถใหญ่อย่างหนึ่งของผู้ปรารถนานางแก้ว
หากเข้าขั้นปรมัตถบารมีปลาย มักจะคล่องตัวในญาณนี้มากกว่าญาณอื่น ๆ ค่ะ
ตาลก็ไม่คิดว่าตัวเองคล่องหรืออะไร แค่คิดว่าเป็นญาณที่ง่ายที่สุดในบรรดาญาณทั้ง ๘ อันมี


๑. ทิพจักขุญาณ สามารถเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ นรก เห็นพรหม เห็นนิพพานได้

๒. จุตูปปาญาณ คนและสัตว์ที่ตายไปแล้วไปอยู่ที่ไหน คนและสัตว์ที่เราเห็นเขาอยู่ที่นี่ เขามาจากไหน

๓. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ สามารถระลึกชาติ (ของตนเอง) ได้ไม่จำกัด

๔. เจโตปริยญาณ สามารถรู้วาระน้ำจิตคนว่า ใครคิดดี คิดชั่ว ใครจิตสะอาด ใครจิตสกปรก มีกิเลสมาก มีกิเลสน้อย อันนี้รู้ได้

๕. อตีตังสญาณ รู้เรื่องราวในอดีต ถอยหลังเรื่องราวที่แล้ว ๆ มาได้ไม่จำกัด (ระลึกชาติของคนอื่น)

๖. ปัจจุบันนังสญาณ ปัจจุบันนี้ใครไปก่อหวอดที่ไหน ใครทำอะไรบ้างก็รู้

๗. อนาคตตังสญาณ รู้เรื่องราวข้างหน้าว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น ใครจะไปทำอะไรที่ไหน ใครคิดประทุษร้ายใครที่ไหน ชุมนุมกันที่ไหน ใครทำดี ใครทำชั่ว หรือสถานที่นี้จะเป็นยังไง บ้านเมืองเราจะมีน้ำมันมาก จะมีแร่ธาตุมาก จะจนจะรวย

๘. ยถากรรมมุตาญาณ ผลของกรรมของคนในประเทศนอกประเทศจะเป็นยังไง ผลของกรรมของข้าศึกที่คิดประทุษร้ายไทยจะเป็นยังไง และใครที่มีความสุข ความทุกข์ เพราะอะไร

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ ที่นำนิทานชาดก มาให้เป็นธรรมทาน

นิทานชาดกนี้ ดิฉันมักเล่าให้บุตรสาวฟังก่อนนอน ทำให้ปลูกนิสัยการรักพระพุทธศาสนาแก่ลูกไปในตัว

ปัจจุบันบุตรสาวเรียนโรงเรียนคริสเตียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เนื่องจากต้องการให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ แต่โรงเรียนไม่ได้บังคับเรื่องศาสนา อาจจะมีเล็กน้อยที่ผู้ปกครองที่เป็นคริสเตียนพยายามสอดแทรกให้

บุตรสาวของดิฉันมีความมั่นคงในพระศาสนามาก บอกว่า เขาให้ร่วมกิจกรรมอะไร หนูก็ทำไป ยกเว้นอย่างเดียวคือ การอธิษฐานขอพรจากพระเจ้า ถึงเวลาหนูก็นึกถึงพระพุทธเจ้าทุกครั้ง นี้เกิดจากการเล่านิทานชาดกให้เด็กฟังจนมีความมั่นคงในพระรัตนตรัยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 อีกครั้งค่ะ

Numsai