ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อปฏิบัติและหลบภัย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย thavornsiripat, 8 มิถุนายน 2007.

  1. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    ยังดีกว่าผม ในอดีตผมเคยถูกตัดสายเบรครถมอเตอร์ไซต์ 2 ครั้ง ถอดน็อตยึดก้านเบรคหลัง 1 คั้ง ยังรอดได้ทั้ง 3 ครั้ง ขอให้มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมและอุทิศส่วนกุศลให้เขาไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็เลิกลาไปเอง
     
  2. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>ลุง. ศ Full Member
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG] ออฟไลน์

    กระทู้: 237



    </TD><TD vAlign=top width="85%" height="100%"><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>[​IMG]</TD><TD vAlign=center>เครื่องพิสูจน์นักบุญ : โดย ลพ. ฤาษีโพธิวัตร (เพื่อนของหลวงพ่อที่อยู่ในป่า)
    « เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2007, 11:04:59 pm »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20>[​IMG]อ้างถึง </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>- ผู้เขียนขอนำข้อความ "บทพิสูจน์นักบุญ" ของ "หลวงพ่อฤาษีโพธิวัตร" ที่หาอ่านได้ยากสำหรับพวกเราในสมัยนี้

    - พวกเราได้ทราบมาแล้วว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านมีเพื่อนที่เคยบวชพร้อมกัน ซึ่งอยู่ในป่าอีก ๒ องค์ คือ หลวงพ่อฤาษีโพธิวัตร และหลวงพ่อฤาษีพนมไพร เป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่งที่ผู้เขียนบังเอิญได้พบหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่หลวงพ่อได้พิมพ์แจกในงานทอดกฐิน ณ วัดสะพาน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๙ จึงขอคัดลอกข้อความทั้งหมดมาให้อ่านดังนี้

    "บทพิสูจน์นักบุญ" ของ ท่านฤาษีโพธิวัตร กลางดงดิบ จังหวัดกาญจนบุรี

    ๑. เมื่อพบกันระยะแรกจงย่อตัวลง (คือถ่อมปฏิปทาที่ทรงอยู่นั้น) พยายามยกย่องสรรเสริญท่านด้วยถ้อยคำสัมโมทนียคาถา คือชมเชยในปฏิปทาของท่าน แล้วคอยสังเกตุดูว่า ท่านผู้นั้นจะพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าท่านผู้นั้นพอใจในคำสรรเสริญเยินยอนั้นจนออกนอกหน้า ควรวงเล็บไว้พลางก่อนว่า หมอนี่ ... น่าจะดีไม่แท้ เพราะยังติดอยู่ในสรรเสริญที่เป็นโลกธรรม เป็นมนุษย์บ้ายอคบยาก

    ๒. เพื่อความแน่ใจในปฏิปทาที่แท้จริง ในบางโอกาสควรหาทางตักเตือนโดยธรรม ควรตักเตือนบ่อยๆ เพื่อให้มองเห็นโทสะของตนเอง ควรใช้ลีลาในการตักเตือนทั้งแบบขู่และปลอบ ถ้าเป็นคนดีมีใจเป็นนักบุญจริง จะยอมรับการตักเตือนทุกระยะ แต่ถ้าเป็นนักบุญจอมปลอมแล้ว ไม่ช้าก็จะแสดงความไม่พอใจให้ปรากฏ เท่านี้ก็พอจะเห็นเขี้ยวชาติภูมิได้บ้างเฉพาะบางราย

    ๓. ถ้าแบบตักเตือนเค้นเอาความจริงไม่ได้ ต่อไปควรขยายปฏิปทาตามความสามารถที่มีอยู่ขึ้น เอาเพียงชั้นที่เห็นว่าพอจะไล่เลี่ยกันออกมาใช้ จงสังเกตุความพอใจและปฎิกิริยาที่แสดงออกของเขา หากเขาดีจริงก็ไม่ปรากฏปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น ถ้าความเลวสิงใจ แต่เก็บซ่อนไว้ด้วยกลมายาแล้ว เขาจะเริ่มการมึนชา หรือมีการซึมเซาให้ปรากฏ ควรสังเกตุไว้

    ๔. เมื่อเห็นว่าดีอยู่หรือซึมเซาไปก็ตาม เพื่อเค้นเอาความแน่ชัดให้แจ่มแจ้ง ควรขยับขยายปฏิปทาที่เหนือกว่าออกมาใช้ให้เห็นชัด

    ... ๔.๑. หากท่านผู้นั้น แสดงความยินดีด้วยความจริงใจ พลอยโมทนาและสนับสนุนด้วยใจจริง และเสม่ำเสมอแล้ว ก็ควรวันทนาการได้ด้วยความเคารพ เพราะแม้ว่าจะมีอายุกาลผ่านวัยน้อยกว่า หรือมีคุณธรรมบางประการหย่อนกว่าก็ตาม แต่ท่านผู้นั้นก็มี "พรหมวิหาร" ควรแก่การบูชา

    ...๔.๒. หากท่านผู้นั้นเป็นนักบญจอมปลอม เมื่อโดนไม้หลังเข้าอย่างนั้น เท่าที่เคยพิสูจน์มา ไม่ช้าเขี้ยวก็งอกออกนอกปาก สำรากถ้อยคำที่ไม่เป็นธรรมออกมาให้ปรากฏ กล่าววาจา เสียดสี ถากถาง ด้วยถ้อยคำที่เป็นเดรัจฉานคาถา กระทบกระแทกแดกดัน เปรียบเปรยนานาประการ บางโอกาสเป็นศิษย์เคยเรียนอรรถธรรม เคยได้รับการช่วยเหลือมา ก็ลืมความดีของเราผู้มีคุณเสียสิ้น แสดงความอกตัญญูให้ปรากฏ เป็นการขยายความเลวทรามออกมาให้ปรากฏชัด

    - ตามแนวที่นำมาเล่าไว้นี้ เคยพิสูจน์นักพรตผู้วิเศษมาหลายสิบรายแล้ว ที่ท่านดีจริงแล้วก็เอาอะไรท่านไม่ได้เลย แต่ที่เป็นพวกจอมปลอมแล้วไม่เกิน ๒ พ.ศ. เขี้ยวก็จะงอกออกนอกปาก แสดงความเป็น "อบายบุคคล" ให้ปรากฏชัด

    ฤาษีโพธิวัตร

    (คัดลอกจากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม ๑ หน้า ๒๕ -๒๖)

    หมายเหตุ : อันนี้เราสามารถปรับใช้ทั้งในที่ทำงาน ในกิจวัตรประจำวันได้ดีมากครับ ส่วนตัว ลุง.ศ คิดว่าใช้ได้ทั้งทางโลก และทางธรรม ครับอยู่ที่ ศิลปศาสตร์ ของแต่ละคนครับ
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext id=modified_17175 vAlign=bottom>« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 27, 2007, 11:26:44 am โดย ลุง. ศ » </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    อย่าไปทดสอบเขาแบบนี้เลย มันเสี่ยงเกินไปเสี่ยงบาปกรรม
    มองกันแค่ใจต่อใจก็คงพอมองออก
    จะไปทดสอบวิธีนั้นวิธีนี้เพื่ออะไรเพื่อจะได้รู้ว่าดีหรือไม่ดี รู้แล้วก็สร้างศรัตรูขึ้นหนึ่งคนแน่นอน ไม่เป็นศรัตรูกับใครดีที่สุดเขาจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยไปตามกรรมดีกว่า
     
  4. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099
    คุณ PK กล่าวได้ดีครับ ในสังคมใด หากทุกคนต่างลองใจอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา สังคมนั้นคงขาดความสุขสงบ

    ยกตัวอย่างใกล้ตัว ... หากวันนี้ ใครจะมาร่วมงานกับกลุ่มพลังจิตฯ แล้วต้องมาทดสอบคนในห้องด้วยวิธีต่างๆสักสองปี สุดท้ายห้องนี้คงจะลุกเป็นไฟ ไม่มีความสงบสุข

    แนวทาง เมตตา ที่คุณ kananun พยายามเน้นนั้น ผมเห็นว่าเป็นหนทางที่เหมาะสมกับวาระในปัจจุบันที่สุดแล้ว ขอให้ทุกท่านพิจารณาไตร่ตรอง ย่อมทราบได้ด้วยตนเอง
     
  5. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613

    คำของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เรื่อง สละ ละ วาง
     
  6. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=620>การเลือกบุคคลให้ทาน

    </TD><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=620>
    สำหรับบารมีนี้มี ๑๐ อย่าง ท่านขึ้นต้นด้วยทานบารมีก่อน แต่การจะประพฤติทานได้จริงๆ บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ต้องเป็นคนมีปัญญา ถ้าคนที่ไร้ปัญญาให้ทานไม่ได้ คนที่มีทรัพย์สินสะสมไว้มากแสนมากแต่ไร้การให้ทานย่อมเป็นโทษกับตัวเอง มีทรัพย์กี่หมื่นล้านก็ตาม ถ้าหากเราไม่ให้ทาน เราก็เป็นคนโดดเดี่ยวอันตรายจะมีกับเราเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนทุกคนเขาไม่ชอบหน้าเรา เราเป็นคนตระนี่แน่นเหนี่ยวประการหนึ่ง

    และประการที่สอง ถ้าเราให้ทานไม่ได้ก็หมายถึงว่าเรามีความโลภ เพราะการให้ทานนี่เป็นปัจจัยตัดความโลภ คำว่าความโลภในที่นี้อย่างหยาบก็คือ อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นมาโดยไม่ชอบธรรม เช่น โกงเขาบ้าง แย่งชิงวิ่งราวบ้างแล้วก็ทำต่างๆ ที่จะพึงทำได้ ลักขโมยเขาบ้าง อย่างนี้เป็นต้น อาการอย่างนี้เป็นอาการแห่งการสร้างศัตรู

    ฉะนั้นสมเด็จพระบรมครูจึงทรงตรัสว่า ถ้าหวังความสุขจริงๆ ก็ต้องมีการให้ทาน

    สำหรับการให้ทานนี่ก็ต้องเลือกเหมือนกัน คือการให้ทานนะมันก็มีอยู่ว่า เหมือนกับเราจะหว่านพืช ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้รับทานนั้นถือว่าเป็นเนื้อนาบุญ อย่างพระสงฆ์ก็ดี สามเณรก็ดี ถือเป็นเนื้อนาบุญ หรือว่าเนื้อนาบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเจาะจงพระก่อน พระก็ดีเณรก็ดี ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันนี้เราก็ต้องดู ต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ว่าปัญญาบารมีไปอยู่ถึงข้อ ๔ แล้วเราไม่ใช้ ต้องใช้ ปัญญาบารมีนี่ถือว่าเป็นธงชัยนำหน้าเหมือนกัน ในมรรค ๘ ท่านขึ้น สัมมาทิฏฐิ ก่อน สัมมาทิฏฐินี่เป็นตัวปัญญา

    นี่เราก็มาพิจารณากันต่อไปว่าพระสงฆ์ประเภทไหนที่เราควรจะยอมรับนับถือแล้วก็ควรจะถวายทาน
    อันดับแรกที่สุด จะสังเกตุ พระสงฆ์ทั้งหมดจะต้องมีจิตมีกำลังเหนือนิวรณ์ ๕ นั่นก็หมายความว่าถ้าเป็นพระปุถุชนก็ดี เป็นพระที่ทรงฌานสมาบัติก็ดี ก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจของนิวรณ์ นิวรณ์ยังครอบงำจิตได้ สำหรับท่านที่ทรงฌานสมาบัติ บางครั้งจิตท่านพลาดจากฌาน ลืมคุมฌาน เวลานั้นก็หมายความว่านิวรณ์เข้าครอบงำจิตแน่

    สำหรับพระที่ไม่ได้ฌานสมาบัติที่มีศีลบริสุทธิ์ก็เช่นกัน บางครั้งนิวรณ์ก็ครอบงำจิตได้ แต่ว่าก็ยังเป็นเนื้อนาบุญที่ควรจะให้การสงเคราะห์ ควรจะมอบวัตถุทานให้ ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะยังมีความดีอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพระองค์ใดเป็นพระอริยะเจ้า สำหรับพระอริยะเจ้านี่เราสังเกตกันยาก เพราะว่าคนเราติดอุปทานเสียมาก มีนักปราชญ์ชุ่ยๆ ที่บอกว่า พระอรหันต์ต้องไม่หัวเราะ พระอรหันต์ต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่กินหมาก ความจริงความเข้าใจอย่างนี้ผิด แม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงหัวเราะ ที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงหัวเราะ นานๆ จะมีการแย้มพระโอษฐ์สักทีหนึ่ง การแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ น่ะมันเป็นเฉพาะเวลาพิเศษ นั่นก็คือสมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์เห็นความสำคัญเกิดขึ้น อยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดกับใคร แล้วก็ไม่ได้หันหน้าไปหาใคร ทรงแย้มพระโอษฐ์เฉยๆ นั่นหมายถึงความสำคัญจะเกิดขึ้น ถ้าพระอานนท์ถามว่า ทรงแย้มพระโอษฐ์เพราะอะไร ก็จะทรงตรัสถึงความสำคัญที่ทรงแย้มพระโอษฐ์

    นี่เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนคนธรรมดาๆ คำว่าเหมือนคนธรรมดาก็หมายความว่า ถ้าเราหัวเราะได้ท่านก็หัวเราะ เรายิ้มกันได้ท่านก็ยิ้ม

    ตัวอย่างในสมัยหนึ่ง เมื่อท่านโกมารภัจจ์มาที่เมืองทวาราวดี เวลานั้นเขายังไม่เรียกว่าประเทศไทย มันเป็นเมืองย่อมๆ เป็นเมืองย่อมๆ เป็นจุดๆ ท่านมาทวาราวดี ๒ ปี กลับไปเฝ้าองค์สมเด็จพระชินสีห์ ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวเมืองทวาราวดีนี่พูดเพราะมาก ใช้ภาษาโดด คือภาษาคำเดียว แล้วพูดไพเราะ ไม่ปรี๊ดปร๊าดๆ เหมือนแขก ตัวอย่างเช่นคำว่า "ไป" ไปนี่เราใช้คำว่า "ไป" เฉยๆ แต่ว่าภาษามคธหรือภาษาแขก เรียก "คมนา" บ้าง "คัจฉติ" บ้าง ของเขาหลายคำ อย่างคำว่า "กิน" เราเรียกว่า "กิน" แต่ของเขาเรียกวา "ภุญชติ" อย่างนี้เป็นต้น ก็รวมความว่าของเขาใช้คำกลั้ว เราใช้คำโดด เมื่อท่านโกมารภัจจ์กราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสถามว่า ชาวทวาราวดีเขาพูดอย่างไรลองพูดให้ฟังสักประโยคซิ ท่านโกมารภัจจ์ก็พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็ทรงพูดภาษาทวาราวดีคุยกันสนุกสนาน คำว่าสนุกสนานในที่นี้นะ ถ้าพระพุทธเจ้าทรงทำหน้าตูมๆ ล่ะมันไม่สนุกหรอกท่านก็ต้องมีการยิ้มแย้มแจ่มใส และอีกประการหนึ่ง เวลานั้นจะเห็นว่าคณาจารย์มาก พระพุทธศาสนาเกิดใหม่ ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าทำหน้า.. ขอประทานอภัยนะ เหมือนกับหน้าไม้ตีพริก เพราะว่าไม้ตีพริกนี่หน้ามันไม่เงย มันก้ม มันลงต่ำ ไม่แสดงถึงอาการรื่นเริง อย่างนี้การประกาศพระพุทธศาสนาไม่ได้แน่นอน แพ้เขา พระพุทธศาสนาก็ไม่มาถึงเรา ก็เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใส ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจำไว้ด้วย เพราะว่านักปราชญ์ท่านมีเยอะแล้ว

    ประการที่ ๒ การจะดูพระ การดูพระอริยะก็ดูยาก ก็ดูอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระที่เราควรจะให้ คือไม่ใช่พระอริยะ เป็นพระผู้ทรงศีลก็ดี อย่างนี้สังเกตดูท่านพูดว่าจาที่ท่านพูดก็ดี อาการทางกายที่ท่านทำก็ดี ท่านฝ่าผืนคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าไหม พระพุทธเจ้าบอกว่าตายแล้วเกิด ถ้าหากท่านผู้นั้นบอกว่าตายแล้วสูญ อย่างนี้แสดงว่าคัดค้าน เป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่ใช่พระที่พระพุทธเจ้าทรงยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันในพระไตรปิฎกนะ มีในวิมานวัตถุ ถ้าจะพูดถึงอย่างอื่นก็หายาก ในวิมานวัตถุพูดกันเฉพาะเรื่องเทวดาเรื่องพรหมโดยเฉพาะ มีเรื่องราวมาก เล่มเบ้อเริ่มเชียว มีเรื่องไม่รู้ว่าเท่าไหร่

    นี่เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงยอมรับว่าเทวดามีพรหมมี สัตว์นรก เปรต อสุรกายมี นิพพานมี แต่ว่าท่านผู้ใดบอกสัตว์นรกไม่มี เปรต อสุรกายไม่มี นิพพานไม่มี สวรรค์ไม่มี่ พรหมไม่มี ท่านผู้นั้นก็หมายความว่าไม่ใช่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ถ้าเอาผ้าเหลืองเขามาครอง ก็แสดงว่าปลอมตัวเข้ามาทำลายพระพุทธศาสนา เหมือนกับสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วไม่นานนัก พวกพราหมณ์เข้ามาแทรกเข้ามาบวชในพุทธศาสนา แล้วเอาลัทธิของตัวเข้ามาแทรกแซงทั้งนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ในการทำลายพระพุทธศาสนาให้สิ้นไป

    ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าจะบำเพ็ญทานบารมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนา ก็ต้องดูให้ดี ท่านที่ฝ่าฝืนคัดค้านคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างท่าน กปิลภิกขุ ตัวของท่านเองก็ดี พาแม่และน้องสาวด้วย ลงอเวจีมหานรก ก็เพราะว่าคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่กล่าวมา พระพุทธเจ้าทรงตรัสอย่างนี้ท่านก็พูดอย่างโน้น แต่ว่าลีลาของท่านจริงๆ เหมือนกับเคารพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะเจ้า

    ฉะนั้นการที่จะถวายทานแก่พระสงฆ์จัดว่าเป็นจุดสำคัญคือเนื้อนาบุญ ก็ต้องดูเนื้อนาที่เราจะเห็นสมควรไหม อย่างพระสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ท่านผู้นี้ เราทำบุญมีผลไม่มากนัก แต่ก็มีผลสามารถให้เราไปสวรรค์ได้ ถ้าจิตใจเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจับเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจับใจ อารมณ์ใจจับถือองค์นั้นอยู่เสมอเป็นปกติ อย่างนี้ถือว่า เป็นฌานในสังฆานนุสสติกรรมฐาน ในเมื่อจิตเป็นฌานในสังฆานนุสสติกรรมฐาน ตายแล้วไปเป็นพรหม ถ้าบังเอิญอารมณ์เราเห็นว่าท่านไม่นิยมในสังขาร คือร่างกาย ไม่ติดในร่างกาย ไม่ติดในวัตถุ เราพลอยไม่ติดไปกับท่าน เราพลอยได้ไปนิพพานกับท่านเหมือนกัน

    ถ้าจะถามว่าเฉพาะทรงศีลเฉยๆ จะไปนิพพานได้รึ ถ้าอารมณ์ไม่ติดของท่านนั่นแหละมันจะตัดกิเลสไปทีละน้อยๆ ในที่สุดท่านก็หมดกิเลส ท่านก็ไปนิพพาน

    ถ้าญาติโยมพุทธบริษัทคบพระเช่นนั้น ถวายทานกับพระเช่นนั้น มีอานิสงส์เลิศถึง ก็สามารถถึงที่สุด ก็เลิศ อย่าลืมว่าน้ำฝนตกมาทีละหยดๆ มันก็สามารถจะทำภาชนะให้เต็มได้ การบำเพ็ญกุศลกับพระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีอานิสงส์ไม่เลิศก็สามารถทำบารมีของเราให้เต็มได้ คือ ทานบารมี
    การทำบุญ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างนี้ คือ
    • ทานกับคนที่ไม่มีศีลเลย ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับคนที่เคยมีศีลแต่ศีลขาดไปแล้ว ๑ ครั้ง หมายความว่ายังมีความดีอยู่บ้าง
    • ให้ทานแก่คนที่เคยมีศีลแล้วศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับทานที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ๑ ครั้ง
    • ให้ทานกับท่านที่มีศีลบริสุทธิ์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานผู้ทรงฌาน หรือท่านปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑ ครั้ง
      ผู้ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค หมายความว่า ท่านที่ปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่ถึงพระโสดาปัตติมรรค จะเป็นขั้นไหนก็ตามอย่างน้อยที่สุด จิตของท่านตัดนิวรณ์ มีความเคารพในพระรัตนตรัยจริงๆ ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็มีอานิสงส์มาก
    • ให้ทานกับท่านที่ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับพระโสดาปัตติผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระโสดาปัตติผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีมรรคผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอรหัตผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระเป็นสังฆทาน ๑ ครั้ง
    • ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง
    ตามลำดับการบำเพ็ญทานเป็นอย่างนี้ ทีนี้ถ้าหากว่า เราจะรู้ได้อย่างไรองค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า อย่างนี้รู้ยาก เพราะว่าคนเราติดจริยามากกว่าอย่างอื่น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ไม่หัวเราะ ต้องทำหน้าที่เป็นหัวตอ หรือว่าทำปากเป็นสาก เฉยๆ หน้าบึ้งหน้าตูมอย่างนี้ก็เลยผิด

    ความจริงถ้าเราไม่รู้อะไรมากไม่แน่ใจ ก็ดูจริยาภายนอกท่านน่ารักไหม... แล้วจริยาภายนอกก็ต้องคิด เพราะเวลานี้คนที่สามารถทำบุพเพนิวาสานุสสติญาณให้เกิดขึ้นได้ก็ดี ได้อตีตังสญาณก็ดี อนาคตังสญาณก็ดี หรือว่าจุตูปปาตญาณก็ดี อนาคตังสญาณก็ดี หรือว่าจุตูปปาตญาณก็ดี ญาณต่างๆ เวลานี้ฆราวาสได้กันมาก นับแสน แต่อาจจะเกินกว่านั้นก็ได้ ท่านลงไปเจอะพระในนรกเยอะ บางท่านบอกว่ารู้จักดี สมัยเมื่อมีชีวิตอยู่มีจริยาเรียบร้อยมาก น่าเคารพน่าไหว้น่าบูชา แต่พอไปถามความจริงว่า เพราะอะไรจึงลงอเวจีมหานรกบ้าง เพราะอะไรจึงลงโลกันต์บ้าง ก็บอกว่า พลาดพระวินัย คือ ใช้เงินของสงฆ์ผิดพลาดบ้าง เอาของสงฆ์เข้าบ้านบ้าง และใช้ของสงฆ์เงินที่เขามาถวายใช้ผิดวิธีบ้าง

    ทีนี้ขอบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ก่อนที่จะให้ทาน ถ้าหวังผลเพื่อเป็นปัจจัยเพื่อนิพพาน ต้องเลือกบุคคลผู้ให้ ถ้าไม่สามารถจะให้ได้ยังไง ก็ต้องให้ใช้วิธีถวายสังฆทานที่ดีที่สุด
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เอาภาพกิจกรรมพิเศษมาให้ดูครับ
    เลี้ยงอาหารมื้อเที่ยงและบริจาคเสื้อผ้ารองเท้า ของเล่น ฯลฯ ได้รับสบทบทุนร่วมกันจาก คุณ ณ. น้องแคท คุณ Falkmam พี่พรหมประกาศิต และอาจารย์ไก่ รวม 1,600 บาท และคุณหนู (ส่งมาแบบสายฟ้าแลบ ) +พนักงานแบงค์กรุงไทยอีก 1,200 บ. และส่วนตัวอีก 2,500 บ.


    ไปรับ พี่คลิกที่หมู่บ้านแพนด้า กำลังลองเครื่องช็อบเปอร์อยู่พอดี
    11.00 น. ไปถึงเด็กๆกำลังทานก๋วยเตี๊ยวกันอย่างเอร็ดอร่อย...
    มีพี่เลี้ยงดูแลอย่างใกล้ชิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      349.5 KB
      เปิดดู:
      33
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.9 KB
      เปิดดู:
      30
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.8 KB
      เปิดดู:
      31
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192 KB
      เปิดดู:
      30
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เด็กคนนี้ สมองดีมาก ยิ้มเก่ง แต่กล้ามเนื้อไม่มีแรง เลยต้องนั่งรถเข็นตลอด
    (ไม่ใช่เสื้อแดงนะครับ อิอิ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      336 KB
      เปิดดู:
      33
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227 KB
      เปิดดู:
      36
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      528.3 KB
      เปิดดู:
      32
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ข้าวของที่เอาไปบริจาค...มีทุกอย่างที่จำเป็นครับ
    พี่เลี้ยงก็เป็นเด็กที่นี่มาก่อน บางคนหูไม่ได้ยิน ไปฝึกฝนกลับมาก็มาช่วยดูแลน้องๆกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      202.7 KB
      เปิดดู:
      31
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      223.6 KB
      เปิดดู:
      32
    • 13.jpg
      13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      379.2 KB
      เปิดดู:
      30
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอเล่าสักนิด บางคนเห็นอารมณ์ดีๆอยู่ตรงนี้...
    แต่พอลับหลังก็กัดแขนตัวเองจนเป็นแผล หรือเอาหัวโขกผนังปูน
    บางคนก็โชคดีหน่อย..รู้จักช่วยเหลือคนอื่น ทั้งๆที่ขาไม่ค่อยดีแต่ใจสู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0906.jpg
      DSCF0906.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      34
    • 27.jpg
      27.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201.4 KB
      เปิดดู:
      33
    • 32.jpg
      32.jpg
      ขนาดไฟล์:
      361.8 KB
      เปิดดู:
      36
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ติดเอากีต้าร์ไปตัวนึง...ของพี่คลิก
    งานนี้โชคดีได้ฟังเสียงพี่คลิกร้องเพลงเล่นกีต้าร์ให้เด็กๆฟังด้วย

    (||)(||)(||)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      184.5 KB
      เปิดดู:
      30
    • 16.jpg
      16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      223.9 KB
      เปิดดู:
      34
    • 17.jpg
      17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220 KB
      เปิดดู:
      38
    • 18.jpg
      18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      305.4 KB
      เปิดดู:
      32
  12. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613
    เด็กๆที่มีความบกพร่องในขันธ์ 5 นี้ สอนเราได้เสมอเมื่อยามเราอ่อนล้า

    เคยพาเด็กพิการทางกายจากปากเกร็ดไปเข้าค่าย ให้ลองปีนเขาลูกย่อมๆที่ชัยภูมิ เด็กที่ขาขาดสองข้างถึงต้นขานั่งวิลแชร์ ขอลงจากรถและขอคลานขึ้นเขาเองไม่ให้อุ้ม ส่วนน้องที่เราคุมขาขาด 1 ข้างใช้ไม้เท้าค้ำ เราก็เดินตามไม่ทันซะอีก เฮ้อ...

    เคยพาเด็กพิการสายตาไปเดินป่าที่ห้วยขาแข้ง มีตั้งแต่มองไม่เห็นเลย จะถึงเห็นบ้างแต่ไม่ชัดเจนแจ่มใส แต่ไม่มีใครเลยที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าป่าศึกษาธรรมชาติ แถมยังจดเล็กเช่อร์ด้วยอักษรเบลซะอีก พี่ๆอายค่ะ ...

    ครั้งหลังสุดก็มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กอ่อนชั่วคราวที่บ้านเด็กอ่อนปากเกร็ด งานนี้ยอมแพ้เด็กที่เลี้ยงจริงๆ เงียบ ไม่เล่นซน ต้องให้เอาใจตลอด เวลาร้องทีไรครูทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไกลขนาดไหนจะต้องได้ยินเสียงร้องของเธอ เธอแน่จริงๆ...

    เธอทั้งหลายมีกรรม แต่พวกเราก็มีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ต้องชดใช้กันไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2008
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    (sing)(sing)(sing)

    พอเริ่มร้องเพลงเด็กบางคนก็เริ่มร้องไห้..เพราะเผลอไปร้องเพลงเพื่อชีวิต....เพลงพี่เบริด์ไม่ถนัดกัน เด็กบางคนก็ร้องเพลงคลอไปด้วย ประสานเสียงกันหลายภาษา น้องเสื้อฟ้าคนนี้อารมณ์ดีและโชคดีจริงๆ ...พี่คลิกเป่าศรีษะลูบหัวให้เป็นพิเศษ +
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 20.jpg
      20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      254.6 KB
      เปิดดู:
      79
    • 21.jpg
      21.jpg
      ขนาดไฟล์:
      268.6 KB
      เปิดดู:
      89
    • 22.jpg
      22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      273.1 KB
      เปิดดู:
      29
    • 23.jpg
      23.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.5 KB
      เปิดดู:
      36
    • 24.jpg
      24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      247.3 KB
      เปิดดู:
      37
    • 25.jpg
      25.jpg
      ขนาดไฟล์:
      225.6 KB
      เปิดดู:
      32
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  14. ksuchet

    ksuchet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +6,060
    โมทนายิ่งครับ คุณ mead จานคลิก ผมยังไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย เห็นแล้วชื่นใจบอกไม่ถูกเลย
     
  15. K_Jit

    K_Jit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,755

    wow!พี่คลิกร้องเพลงเล่นกีตาร์ คิดว่าจะสอนธรรมซะอีก:p
     
  16. K_Jit

    K_Jit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,755
    เคยเห็น bnbk ถอดใจก็ตอนเป็นพี่เลี้ยงเด็กอ่อนบ้านปากเกร็ดนี่แหละ
    ต้องกลับไปพิสูจน์ตัวเองใหม่ ว่ามีมานะ มุทิตา อุเบกขา มากน้อยเท่าใด ลองใหม่ซิ:boo:
     
  17. bnbk

    bnbk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,047
    ค่าพลัง:
    +15,613
    ก็ครูที่ดูแลเด็กน่ะสอนวิธีเลี้ยงเด็กที่มีปัญหา ให้เลี้ยงต่างจากการเลี้ยงเด็กบ้าน
    เพราะเขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ไม่มีคนใกล้ชิดเอาใจ มีแต่แม่ที่เป็นพี่เลี้ยงประจำบ้าน ซึ่งแม่แต่ละคนก็แต่ละแบบ เพราะเขาก็เป็นแค่พนักงานที่ต้องทนรำคาญกะเด็กๆในบ้าน ที่ต้องการเรียกร้องให้เอาใจใส่เหมือนกันทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ใช่ค่ะ คุณbnbk การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายนักขนาดเด็กเล็กๆคนเดียวในบ้านยังเลี้ยงยากเลยค่ะ <O:p</O:p
    ทั้งเรื่องการกิน การอยู่การสอน การแนะนำ หลายๆ เรื่อง ใครมีลูกหรือเคยเลี้ยงหลานก็คงพอจะทราบค่ะ<O:p</O:p
    แล้วคิดดูนะ เลี้ยงเด็กทีละหลายๆคนในสถานรับเลี้ยงซึ่งนิสัยใจคอเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย<O:p</O:p
    และพวกเด็กๆก็ขาดในหลายๆ สิ่งโดยเฉพาะความรักและความอบอุ่น รวมถึงการเอาใจใส่<O:p</O:p
    ที่สมควรจะได้จากคนในครอบครัว แต่พวกเขาไม่ได้<O:p</O:p
    พี่เลี้ยงที่มีก็ทำตามหน้าที่ จะมาเอาใจใส่เฉพาะคนก็ไม่ได้เพราะเด็กๆมีเยอะ <O:p</O:p
    ต้องดูแลให้ทั่วถึงเท่าที่จะเป็นไปได้ <O:p</O:p
    ณ.เคยไปเลี้ยงอยู่พักหนึ่งค่ะ เวลาเด็กๆสนุกสนานพวกเขาก็จะหัวเราะกันเสียงดัง<O:p</O:p
    แต่ถ้ามีใครสักคนร้องไห้นะเด็กอีกหลายคนก็จะร้องไห้ตามเสียงระงมเลยค่ะ กะจองอแงกันใหญ่ แล้วก็เงียบยากซะด้วย<O:p</O:p
    ยิ่งตอนเราจะกลับนะ เด็กๆ มองตามตาละห้อยยิ่งเด็กที่เราเล่นด้วยแล้วคุ้นๆ ก็จะร้องไห้ใหญ่เลย<O:p</O:p
    แต่พวกเด็กๆ ก็มีความน่ารักตามวัยค่ะ เล่นด้วยก็สนุกดี<O:p</O:p
    ถ้าใครอยากลองสัมผัสก็เชิญแวะไปเยี่ยมพวกเด็กๆ ได้เลยค่ะ <O:p</O:p
    พวกเขารอความรักความเมตตาจากผู้ที่ต้องการแบ่งปันอยู่นะคะ
     
  19. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (ping) งานเลี้ยงเด็ก ของ คุณ mead และ บริจาคสบทบทุนเลี้ยงเด็ก ชื่นมื่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (sing) อิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็สันทนาการ ชื่นมื่น

    (sing) (kiss) (kiss) (kiss) (sing)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...