ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    เพื่อนๆอย่าได้กลัวความตายไปเลย
    ลองสละเวลาอ่านบทความนี้สักหน่อย

    .........................

    พร้อมตายจึงพ้นตาย
    พระไพศาล วิสาโล

    [​IMG]

    ในการธุดงค์คราวหนึ่งพระอาจารย์ลี ธัมมธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม ได้พบผู้เฒ่าสองสามีภรรยา ซึ่งมีอาชีพหาของป่า ทั้งสองได้เล่าประสบการณ์เฉียดตายให้ท่านฟังว่า ขณะที่กำลังเก็บน้ำมันยางกลางดงใหญ่ ทั้งสองได้ประจันหน้ากับหมีกลางป่า แม่เฒ่าวิ่งหนีขึ้นต้นไม้ทัน ส่วนพ่อเฒ่าหนีไม่ทันจึงถูกหมีทำร้าย เขาพยายามต่อสู้แต่สู้ไม่ไหว ทำท่าว่าจะไม่รอด เพราะหมีตัวใหญ่และดุร้ายมาก ขณะนั้นเองก็ได้ยินแม่เฒ่าตะโกนว่า ให้นอนหงายเหมือนคนตาย อย่ากระดุกกระดิก พ่อเฒ่าจึงล้มตัวลงนอนแผ่ ไม่ไหวติงเหมือนคนตาย หมีเห็นเช่นนั้นก็หยุดตะปบ แล้วสำรวจร่างพ่อเฒ่า ทั้งดึงขาและหัวของเขา กับเอาปากดุนตัว พ่อเฒ่าก็ทำตัวอ่อนไปมา ขณะเดียวกันก็คุมสติให้มั่นด้วยการบริกรรม “พุทโธ”

    หมีเห็นพ่อเฒ่าไม่กระดุกกระดิก นึกว่าตายจริงจึงเดินจากไป ด้วยอุบายดังกล่าวพ่อเฒ่าจึงรอดตาย เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าดังกล่าว พระอาจารย์ลีจึงได้ข้อคิดว่า “คนที่จะพ้นตายต้องทำตนเหมือนคนตาย”

    หลายคนมีประสบการณ์คล้ายพ่อเฒ่าผู้นี้ คือรอดตายเพราะทำตัวแน่นิ่งเหมือนคนตาย โจรหรือผู้ร้ายจึงตายใจและเดินจากไป อย่างไรก็ตามการ “ทำตนเหมือนคนตาย”นั้น ไม่ได้หมายความถึงการแกล้งตายหรือทำตัวแน่นิ่งอย่างเดียว แม้คนที่ทำใจสงบนิ่งเมื่อภัยมาถึงตัว พร้อมรับความตายเต็มที่ ก็สามารถ “พ้นตาย”ได้เหมือนกัน

    หญิงผู้หนึ่งขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็วสูง สักพักก็เห็นรถติดเป็นแพยาวเหยียดอยู่ข้างหน้า เธอจึงชะลอรถแต่ไกล แต่เมื่อรถใกล้ต่อท้ายคันหน้า เธอเหลือบมองกระจกหลัง ก็เห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ไม่มีทีท่าชะลอเลยทั้ง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากรถของเธอ ชั่วขณะนั้นเองเธอรู้ว่ารถของเธอต้องถูกชนแน่ ซึ่งหมายความว่าเธอต้องถูกอัดกระแทกทั้งจากคันหน้าและคันหลัง และเธออาจไม่รอด

    วินาทีที่รู้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก้มดูมือทั้งสองซึ่งกำพวงมาลัยไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าใจของเธอกำลังเครียดเกร็ง เธอเพิ่งรู้ว่านี้คือสิ่งที่เธอเป็นมาตลอดชีวิต เธอตั้งใจว่าถ้าจะต้องตายก็ต้องไม่ตายในอาการแบบนี้ เธอจึงหลับตา หายใจเข้าลึก ๆ และปล่อยมือลงข้างตัว ยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น วินาทีต่อมารถคันหลังก็พุ่งชนรถของเธออย่างแรง ส่งเสียงดังสนั่น

    รถทั้งสองคันพังยับเยิน แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ตำรวจบอกว่าเธอโชคดีที่ปล่อยตัวตามสบาย ถ้าเธอเกร็งตัว ก็อาจบาดเจ็บสาหัสหรือถึงกับคอหักตายได้เพราะแรงกระแทก

    อีกรายหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่งได้ไปว่ายน้ำที่เกาะสมุย จู่ ๆ ก็สังเกตว่ากระแสน้ำพัดเธอออกห่างจากฝั่งไกลขึ้นเรื่อย ๆ เธอพยายามว่ายเข้าฝั่ง แต่ยิ่งว่ายก็ยิ่งเหนื่อย เพราะไม่อาจทานกระแสน้ำที่พัดออกจากฝั่งได้ เพื่อน ๆ พยายามว่ายมาช่วยเธอ แต่พอรู้ว่าสู้กระแสน้ำไม่ได้ ก็ว่ายกลับเข้าฝั่ง เธอตกใจมากพยายามรวบรวมกำลังว่ายเข้าฝั่งแต่ไม่เป็นผล จนใกล้จะหมดแรง เธอรู้ว่าเธออาจจะไม่รอด ชั่ววินาทีนั้นเธอรวบรวมสติ คุมใจให้หายตื่นตระหนก พร้อมรับความตายที่จะมาถึง แทนที่จะว่ายต่อ เธอเลือกที่จะลอยตัวอยู่ในน้ำนิ่ง ๆ เธอพบว่าช่วงนั้นจิตใจสงบเป็นอย่างมาก ไม่มีความอาลัยหรือห่วงใยสิ่งใดทั้งสิ้น

    เวลาผ่านไปครู่ใหญ่เธอก็สังเกตว่าคลื่นค่อย ๆ ซัดตัวเธอเข้าหาฝั่ง ถึงตอนนี้เพื่อน ๆ ก็ว่ายมาช่วยพาเธอเข้าฝั่ง เธอเล่าว่าที่รอดตายได้ก็เพราะลอยตัวอยู่นิ่ง ๆ ในทะเล จนมาถึงบริเวณที่ปลอดกระแสน้ำดังกล่าว หากเธอกระเสือกกระสนว่ายเข้าฝั่งตั้งแต่ทีแรก ก็คงหมดแรงและจมน้ำในที่สุด

    ทั้งสองกรณีเป็นตัวอย่างของคนที่รอดตายเพราะทำใจพร้อมรับความตาย โดยไม่ขัดขืนดิ้นรน เพราะรู้ว่าภัยมาถึงตัวแน่แล้ว ป่วยการที่จะต่อสู้ มีอย่างเดียวที่จะทำได้คือทำใจนิ่ง ยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อใจนิ่ง กายก็นิ่งและผ่อนคลาย และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองรอดตายได้

    เป็นธรรมชาติของคนเรา เมื่อมีภัยมาประชิดตัว ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทันทีคือ “สู้” หรือ “หนี”

    ปฏิกิริยาทั้งสองประการจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีกำลังสู้ไหว หรือหนีได้ แต่หากสู้ไม่ได้หนีไม่พ้น ไม่มีอะไรดีกว่าการยอมรับมันโดยดุษณี อย่างน้อยก็ทำให้ใจไม่ทุกข์ ดีกว่าทุกข์ทั้งกายและใจ และหาก “โชคดี” ก็อาจรอดพ้นจากอันตรายได้ ดังตัวอย่างทั้งสามกรณี

    การยอมรับความจริงด้วยใจสงบ มีประโยชน์ไม่เฉพาะในยามที่อันตรายจากภายนอกมาประชิดตัวเท่านั้น แม้ในยามที่เจ็บป่วย ใจที่ไม่ต่อสู้ขัดขืนก็ช่วยได้มากเช่นกัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่ป่วยกายไม่มาก แต่เนื่องจากใจเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ยิ่งปรุงแต่งไปในทางร้าย ใจก็ยิ่งยอมรับความป่วยไม่ได้ ผลก็คือร่างกายทรุดหนัก นับประสาอะไรกับคนที่ป่วยหนักด้วยโรคร้าย ถ้าใจยอมรับความจริงไม่ได้ อาจตายเร็วกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้เสียอีก ตรงข้ามกับคนที่ทำใจได้ พร้อมรับความตายทุกขณะ กลับมีชีวิตยืนยาวมากกว่า และบางคนสามารถเอาชนะโรคร้ายได้ด้วยซ้ำ

    ใจที่ดิ้นรนหรือต่อสู้ขัดขืนกับโรคร้าย อาจทำให้ความทุกข์ทางกายเพิ่มพูนขึ้นสองหรือสามเท่าตัวด้วยซ้ำ ซึ่งเท่ากับเร่งความตายให้มาถึงเร็วเข้า ถามว่าอะไรเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ใจดิ้นรนหรือต่อสู้ขัดขืน คำตอบก็คือ ความกลัว เช่น กลัวตาย กลัวสูญเสีย กลัวเจ็บปวด ความจริงอย่างหนึ่งที่ดูเหมือนว่าโลกเล่นตลกก็คือ ยิ่งกลัวเจ็บปวด ก็กลับเจ็บปวดมากขึ้น มีคนทำวิจัยพบว่า คนที่กลัวเจ็บจากเข็มฉีดยา เมื่อถูกเข็มแทงเข้าจะรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติถึงสามเท่า ส่วนคนที่ไม่กลัว ยอมให้ฉีดยาโดยดุษณี จะรู้สึกเจ็บน้อยมาก เรียกว่าความเจ็บหารสองหรือหารสามก็น่าจะได้

    สำหรับคนทั่วไปไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับความตาย แต่ความจริงแล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายก็คือความกลัวตายต่างหาก คนเรากลัวตายด้วยหลายสาเหตุ เช่น กลัวพลัดพรากจากคนรัก ห่วงใยลูกเมียที่ยังอยู่ มีงานการที่ยังสะสางไม่เสร็จ กล่าวโดยสรุป ใจที่ยังยึดติดผูกพัน ปล่อยวางไม่ได้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรากลัวตาย ดังนั้นจึงต่อสู้ขัดขืนกับโรคร้ายและความตาย ยิ่งต่อสู้ขัดขืนใจก็ยิ่งทุกข์ เพราะโรคไม่ยอมหาย และยิ่งใจทุกข์ โรคก็ยิ่งกำเริบ ซึ่งก็ทำให้ทุกข์ใจมากขึ้น เป็นวงจรเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกายและใจทรุดหนักเกินกว่าที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้

    แต่สำหรับบางคน สาเหตุที่ต่อสู้ขัดขืนกับโรคภัยและความตายก็เพราะเป็นห่วงคนที่อยู่รอบตัว มีพระรูปหนึ่งป่วยเรื้อรังโดยหมอไม่พบสาเหตุ ระยะหลังท่านมีอาการอ่อนเพลียมากจนต้องนอนซมอยู่บนเตียงตลอดเวลา ทางวัดพยายามช่วยท่านทุกวิถีทาง ทั้งด้วยการรักษาแผนใหม่และการรักษาแบบทางเลือก แต่อาการของท่านก็ไม่ดีขึ้น เพื่อนพระจากวัดต่าง ๆ พากันมาให้กำลังใจ ท่านจึงพยายามรักษาตัวให้ดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด อาการของท่านมีแต่จะทรุดลง หลายคนเป็นห่วงว่าท่านจะไม่รอด แต่ท่านก็พยายามฝืนสู้โรคภัยไข้เจ็บ แต่ดูจะไม่ค่อยมีหวังเท่าใด

    แล้ววันหนึ่งพระอาจารย์ของท่านซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอีกวัดหนึ่งได้มาเยี่ยมท่าน ท่านเรียกชื่อของพระรูปนั้น แล้วพูดสั้น ๆ ว่า “ถ้าท่านจะตายก็ตายได้นะ ท่านไม่ต้องพยายามหายหรอก” ทันทีที่ได้ยิน ท่านถึงกับร้องไห้ ไม่ใช่ด้วยความเสียใจ แต่เพราะซาบซึ้งใจที่พระอาจารย์ได้ช่วยปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกไปจากจิตใจของท่าน ที่ผ่านมาท่านรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนผิดหวัง แต่ละคนอยากให้ท่านหาย แต่เมื่อท่านไม่หาย ท่านจึงมีความทุกข์ใจมาก และพยายามที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บเต็มที่ แต่ยิ่งปฏิเสธความเจ็บป่วย ใจก็ยิ่งทุกข์และซ้ำเติมความเจ็บป่วยให้หนักขึ้น แต่เมื่อพระอาจารย์อนุญาตให้ท่านตาย ท่านก็รู้สึกว่าท่านตายได้แล้วโดยไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ใจจึงพร้อมที่จะตาย ไม่ต่อสู้ขัดขืน ปรากฏว่านับแต่วันนั้นอาการของท่านดีขึ้นเป็นลำดับจนหายเป็นปกติ เป็นที่อัศจรรย์ใจของผู้ติดตามอาการของท่าน กรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ว่าเมื่อใจพร้อมตายก็กลับรอดตายได้

    ในสมัยพุทธกาลก็มีเรื่องคล้าย ๆ กันนี้ นกุลบิดาเป็นอุบาสกผู้ใฝ่ธรรม ต่อมาท่านป่วยหนักเจียนตาย นกุลมารดาซึ่งเป็นภรรยาเห็นสีหน้าของสามีก็รู้ว่าเป็นทุกข์มาก ไม่อยากให้สามีสิ้นลมด้วยใจที่ยังห่วงใย จึงพูดให้นกุลบิดาปล่อยวางด้วยการให้ความมั่นใจทีละอย่าง ๆ ว่า ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะเลี้ยงลูกและดูแลบ้านเรือนไม่ได้ ขอให้มั่นใจว่าเราจะดูแลลูกและบ้านเรือนได้ ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะไปหาชายอื่น ขอให้มั่นใจว่าเราจะไม่มีชายอื่นแน่นอน ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะไม่ต้องการเห็นพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ขอให้มั่นใจว่าเราปรารถนาจะเห็นพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์อยู่เนือง ๆ ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะไม่รักษาศีลให้บริบูรณ์ ขอให้มั่นใจว่าเราจะรักษาศีลให้บริบูรณ์ ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะไม่มีความสงบใจ ขอให้มั่นใจว่าเราจะมีความสงบใจ ท่านอย่าเป็นห่วงว่าเราจะมีความเคลือบแคลงสงสัยในพระธรรมวินัย ขอให้มั่นใจว่าเราจะพ้นจากความเคลือบแคลงสงสัยในพระธรรมวินัย

    พระไตรปิฎกกล่าวว่าเมื่อได้ฟังคำของภรรยาเช่นนี้ นกุลบิดาก็หายป่วยทันที ทั้งสองกรณีหลัง หากอธิบายอย่างสมัยใหม่ก็คือ ใจที่ปล่อยวาง ไร้ความวิตกกังวล ย่อมรู้สึกผ่อนคลาย นิ่งสงบ และเป็นสุข นอกจากจะช่วยบรรเทาความทุกข์ทางกายแล้ว ยังกระตุ้นกระบวนการเยียวยาตนเองจนร่างกายหายจากความเจ็บป่วยได้

    เมื่อใจพร้อมตาย ไม่ต่อสู้ขัดขืนความตาย ก็ไม่ต่างจากการ “ทำตนเหมือนคนตาย” และดังนั้นจึงอาจ “พ้นตาย” ดังคำของพระอาจารย์ลีได้ อย่างไรก็ตามประโยคข้างต้นของพระอาจารย์ลีมีความหมายลึกกว่าการอยู่นิ่ง ๆ ทำตัวเสมือนตายหรือทำใจนิ่งสงบพร้อมตาย ความหมายที่ลึกกว่านั้นก็คือ การอยู่อย่างปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่อาลัยในชีวิต อีกทั้งไร้ความทะยานอยาก ไม่ยินดียินร้ายในโลกธรรม จะอยู่หรือตายก็มีความรู้สึกเท่ากัน ผู้ที่วางใจได้เช่นนี้ความตายย่อมทำอะไรไม่ได้

    ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้ทำใจพร้อมตาย ก็อาจหนีความตายไม่พ้น แต่หากใครก็ตามสามารถทำใจถึงขั้นว่าไม่อาลัยในชีวิต และปล่อยวางทุกสิ่งแม้กระทั่งความยึดถือในตัวตน จน “ตัวกู” ไม่มีที่ตั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “ตายก่อนตาย” ดังคำของท่านอาจารย์พุทธทาส บุคคลเช่นนี้ย่อมอยู่เหนือความตาย เมื่อความตายมาถึงก็มีแต่นามรูปเท่านั้นที่แตกดับไป แต่หามี “ผู้ตาย” ไม่ นี้ใช่ไหมที่เป็นการ “พ้นตาย” อย่างแท้จริง


    ที่มา http://jitwiwat.blogspot.com/2008/10/blog-post.html
    http://www.naturetravelling.com/webboard/photo/cat-volunteer-84.jpg
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** นิมิตนางยักษ์ กงจักร เจ้าเงาะ ****

    นางยักษ์ กำลังก้มจะจับคนกิน
    พยายามห้ามไว้ ก็ไม่เชื่อ
    มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่ มือมีกงจักร
    ปล่อยกงจักรหมุนลอย เลยนางยักษ์ไป
    แล้วเลี้ยวกลับมาตัด หัวนางยักษ์ขาดกระเด็นตกพื้น
    สักพัก หัวนางยักษ์กลายเป็นหน้ากากสีดำ
    หยิบหน้ากากขึ้นมาดู เป็นหน้ากากเจ้าเงาะป่า
    สวมใส่เล่นให้เด็กชายคนหนึ่งดู ผู้ใหญ่ดูอยู่ไกลๆหลายคน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เห็นเหมือนไม่เห็น ได้ยินเหมือนไม่ได้ยิน ****

    ปรารถนาหลุดพ้นทุกข์... มีสัจจะ รักษากาย วาจา ใจ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    หลงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด....ไม่รอดพ้นกรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต เป็นตามนั้น ****
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว !!!
    ทุกท่าน ต้องช่วยตัวเอง
    กรรมครั้งนี้รุนแรงมาก
    ขอให้ทำความดีด้วยสัจจะ วันละข้อ ทุกวัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไม่มีผู้ใดต้อนรับ...เกิดเป็นลิขิตฟ้า ****
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    " ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว แล้วเราจะได้เห็นว่าใครทำอะไรไว้ "
    นี่คือคำพูดของโลกุตตระ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. asimo_oak

    asimo_oak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +26
    วันนี้ ดร. อาจอง ออกรายการจับเข่าคุยช่อง3 เวลา 23.00 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  9. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    รอดเพราะในหลวงอีกแล้ววันนี้ ไม่งั้นจมน้ำตายหมดแน่
     
  10. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    8.พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ ยกเลิกพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ
    มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ เขมร แดนปราสาท พม่าขนยาบ้ามาให้ มาเล.ก็ 3 ตจวใต้ที่มันอยากได้ ดูเอาตอนนี้ว่ามันกำลังทำอะไรประเทศเรา
    เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน โลกร้อน
    พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย น้ำท่วม ดินถล่ม ออกข่าวทุกวัน


    9.แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดขึ้นแล้วและกำลังดำเนินอยู่
    เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย เศรษฐกิจยำแย่ ทุกข์ยาก ของแพง น้ำมันแพง
    เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เริ่มตายแล้วสอง กำลังจะตามมาอีกมากมาย
    เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน ยังมาไม่ถึง แต่ก็ใกล้แล้ว


    10.ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ยังมาไม่ถึง แต่ก็ใกล้แล้ว
    ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
    ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล อาจารย์ นักวิชาการ อธิการระวังไว้
    จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม เขาจะจัดการแน่นอน

    11.ความระทมจะถมทับนับเทวศ สงสารคนไทยจังเลย...

    ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
    คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
    ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง

    12.
    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว (คนที่มีคฑาไม่น่าเป็นอื่น)
    ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สงสารท่านจังเลย จุดเปลี่ยนจากถิ่นกาขาวไปหาศิวิไลย์อยู่ที่นารีคนนี้แหละ
    สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

    13.ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม ต้องเกิดแน่นอน อย่าตายนะต้องรอดู
    หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
    เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา เมืองใหม่ที่ว่านี้อยู่แห่งใดหนอ..???? อยากรู้ถ้าไม่ตายจะได้เห็น ได้อยู่ ทำบุญไว้มาก ๆ

    14.คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น พันธมิตร นปก ทักษิโนมิก และนักการเมืองคร่ำครึโกงกิน คงจะหายจากแผ่นดินองค์ธรรมิกราชเจ้าซะที
    แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
    ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
    นี่คือแดน ศิวิไลย์ ถ้าไม่ตาย รอดูคำทำนายนี้จะเป็นจริง


    ตอนนี้ประเทศไทยน่าจะถึงบทที่ 8-9 นะบทที่ 9 ยังไม่สมบูรณ์กำลังดำเนินอยู่อดใจรอดูรอชม สนุกกว่าหนังละครอีก
     
  11. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เวลา 15:52 น. ข่าวสดออนไลน์


    พระพยอมเตือนสติทุกฝ่ายอย่ามุ่งเอาชนะ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 12.00 น. พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี พระนักเทศก์ชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จภารกิจการเดินทางมารับบริจาคสิ่งของ ในฐานะประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ที่ สนง.เทศบาลตำบลโคกกรวด ริม ถ.มิตรภาพ อ.เมือง นครราชสีมา โดยพระพยอม กล่าวว่า อาตมาอยากจะบอกผ่านสื่อมวลชนว่า คนเราอย่าคิดแต่จะเอาชนะกันอย่างเดียว เหมือนคำสอนของทางโบราณที่ว่า ดึง ดื้อ ดัน มีแต่จะพากันไปบรรลัย ซึ่งหลวงพ่อพุทธทาส เคยพูดไว้ว่า ไม่ดื้ออย่างเดียว ทุกอย่างดีหมด ไม่ว่าฝ่ายไหน ลองลดความดื้อลงนิดหนึ่งจะช่วยลดระดับความรุนแรงได้พอสมควร ขณะนี้สถานการณ์เข้าลักษณะ รถเล็กกับรถใหญ่ชนกัน ยังไงรถใหญ่ก็ผิดเสมอ ทั้งที่จริงรถเล็กอาจแซงมาชนก็ได้ เหมือนรัฐบาลใหญ่กว่า ปะทะกันยังไงรัฐบาลก็ผิดตลอด เราก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ว่าอย่างวิ่งไปชนกันได้ไหม ให้ต่างฝ่ายก็อยากจะหลีกเลี่ยงการชนกัน นี่ดีนะที่บอกว่าไม่ไปนั่น ไม่ไปนี่ ถ้าไปมันชนกันแน่ๆ เพราะอีกฝ่ายบอกดาวกระจาย อีกฝ่ายบอกว่ามึงมาซิกูจะทำให้กระจุยเลย มันก็ลงเอยอย่างที่เห็น ประเทศชาติก็จะพินาศลง

    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ปชช.ร่วมพิธีฝังศพปู่เย็น

    มรดกกว่า 3 แสนยกให้บุตรบุญธรรม

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังมุสลิมยามีอุ้ลอิสลาม ม.4 ต.ท่าแร้ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ที่เป็นสถานที่ตั้งศพนายเย็น หรือปู่เย็น แก้วมณี เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาก่อนนำไปฝังตามประเพณี บรรยากาศที่มุสลิมมีชาวไทยมุสลิมจากทุกพื้นที่ในจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมาร่วมพิธีอาบน้ำศพ การละหมาดเพื่อขอขมาศพ จำนวนมาก นำโดย นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.เพชรบุรี นายประสงค์ พิทูรกิจจา ที่ปรึกษาเลขาธิการสำนักพระราชวัง นายปรีดา เชื้อผู้ดี รองเลขาธิการสำนักจุฬาราชมนตรี ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรีกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนจุฬาราชมนตรี มาร่วมพิธี นายฤทธิลือชา คุ้มแพรวพันธุ์ ดารานักแสดงและนักการเมืองชื่อดัง เชื้อสายมุสลิม ได้มาร่วมพิธีแห่ศพและฝังศพปู่เย็นจนเนืองแน่นเต็มถนนที่เคลื่อนศพไปประมาณ 1 กิโลเมตร
    โดยที่หลุมศพปู่เย็นได้ขุดลงไปลึก 1 เมตร 60 เซ็นติเมตร กว้าง 80 เซนติเมตร ได้นำร่างของปู่เย็นที่ห่อหุ้มด้วยผ้าขาวผูกมัดด้วยผ้าขาววางศพปู่เย็นไว้ในโลงไม้แล้วยกลงหลุม โดยร่างของปู่เย็นจะนอนตะแครงหันหน้าไปทางทิศตะวันตกศีรษะอยู่ทางทิศเหนือปลายเท้าชี้ไปทางทิศใต้ มีนายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.เพชรบุรี เป็นประธานวางดินฝังศพ ต่อจากนั้นก็จะมีการกลบแล้วประดับตกแต่งหลุมศพด้วยดอกไม้ กิ่งไม้ ปลูกต้นบานเย็นไว้บนหลุมฝังศพและปักเสาไม้ยีซังด้านศีรษะ 1 ต้นและปลายเท้าของปู่เย็น 1 ต้น เพื่อเป็นขอบเขตว่าบริเวณนี้มีศพฝังอยู่และเป็นสัญลักษณ์ว่าปู่เย็นได้ย้ายที่อยู่จากโลกนี้ไปอยู่อีกโลกหนึ่ง
    นายเชาว์ จันทร์สุมาลัย ชาวอิสลาม เป็นอดีตแพทย์ประจำ ต.ท่าแร้ง และเป็นคณะกรรมการของมัสยิดยามีอุ้ลอิสลาม เผยว่า ต่อจากนี้ทางญาติและคณะกรรมการมัสยิดจะทำพิธีเฝ้ากุโบร์ อ่านคัมภีร์อันกุลอ่านสวดขอพรที่บริเวณหลุมฝังศพนี้อีก 3 วัน 3 คืน จะมีชาวมุสลิมมานั่งสวดกันตลอดเวลาจนถึงเข้าวันพุธที่ 15 ตุลาคม 2551 ก็จะมาชุมนุมใหญ่อีกครั้งเพื่อสวดขอพรให้ปู่เย็นได้อยู่เป็นสุขในภพหน้า
    ต่อมาเวลา 14.30 น.ของวันเดียวกัน นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.เพชรบุรี ได้แถลงข่าวที่ห้องประชุมปฏิบัติการ ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี เรื่องการจัดการทรัพย์สินของปู่เย็น ว่า เรือลำแรกที่ปู่เย็นใช้จะนำไปเก็บรักษาที่ศูนย์วัฒนธรรม จ.เพชรบุรี โดยมอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรีเก็บรักษาและจัดทำประวัติเพื่อให้เยาวชนได้ศึกษา ส่วนเรือพระราชทานจะเก็บรักษาไว้ที่จุดเดิมที่ปู่เย็นพักอาศัยและปรับปรุงภูมิทัศน์จัดเป็นอนุสรณ์สถานตำนานของปู่เย็นเฒ่าทระนงแห่งลุ่มแม่น้ำเพชรบุรีพร้อมรวบรวมวัสดุอุปกรณ์การหาปลา เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเก็บไว้ โดยให้ทางเทศบาลและอบจ.เพชรบุรี ดำเนินการ ส่วนในด้านทรัพย์สินของปู่เย็นนั้นทางจังหวัดจะได้มอบให้กับนางสาวจุ๋มจิ๋ม แก้วมณี บุตรสาวบุญธรรมของปู่เย็น ทรัพย์สินของปู่เย็นมีเงินฝากที่ธนาคารออมสิน สาขาเพชรบุรี จำนวน 214,918 บาท เงินสดที่พบในตัวปู่เย็นหลังเสียชีวิตอีกจำนวน 79,000 บาท และสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น รวมทรัพย์สินทั้งหมด เงินสด จำนวน 293,918 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น ซึ่งทางจังหวัดจะได้ให้อัยการจ.เพชรบุรีเป็นผู้ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายด้วย ส่วนเงินที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถอีกจำนวน 200,000 บาทเพื่อนำมาดำเนินการเกี่ยวกับศพของปู่เย็นนั้นทางจังหวัดจะต้องเขียนรายงานกราบบังคมทูลให้ทรงทราบภายใน 3 วันต่อทุกฝ่ายด้วย
    นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล หรือ กบ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ถ.สะพานท่าสงฆ์ ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ผู้ที่เคยเฝ้าดูแลอยู่เย็นขณะที่ดำรงชีวิตในเรือพระราชทานมาโดยตลอด เผยว่า รู้สึกเสียใจในการจากไปของปู่เย็น ซึ่งปู่เย็นถือเป็นบุคคลตัวอย่างของการใช้ชีวิตแบบพอเพียงในเรือพระราชทานบนลำน้ำเพชรบุรี ปู่เย็นเป็นพรีเซนเตอร์สำคัญในการรณรงค์การท่องเที่ยวจ.เพชรบุรี ทำให้คนทั่วประเทศรู้จักจ.เพชรบุรีมากยิ่งขึ้น นับว่าปู่เย็นเป็นผู้ใช้ชีวิตที่ยาวนานถึง 108 ปี ปู่เย็นเคยบอกว่าชีวิตของคนเราเปรียบเสมือนเดินข้ามสะพานจะมีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่เบียดเบียนใคร เป็นผู้ให้ดีกว่าไปเอาของเขา ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครอยู่กินอย่างสมถะ รู้จักพอเพียงกับชีวิตก็มีความสุขแล้ว


    เนื้อข่าวภาษาอังกฤษสำนักข่าวเอพี-พระเทพฯตรัสกรณีม็อบพันธมิตรฯ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เนื้อข่าวภาษาอังกฤษ จากสำนักข่าวเอพี


    Thailand princess speaks at Connecticut school

    Associated Press

    <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:date Year="2008" Day="9" Month="10">October 9, 2008</st1:date> <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>

    WALLINGFORD, Conn. - The princess of Thailand said Thursday that she does not believe protests in her home country are being staged to benefit the monarchy.

    Princess Maha Chakri Sirindhorn talked about the importance of public service Thursday at the Choate Rosemary Hall prep school in Wallingford. She later headed to the University of Pennsylvania for a U.S.-Thailand education discussion.

    Her visit came amid the worst political violence in Thailand in more than a decade. Thousands of protesters have camped at the main government office complex to demand electoral changes and an end to corruption in Thai politics.

    In violent clashes on Tuesday, 423 protesters and 20 police were injured, Thai medical authorities said. One woman was killed, and a man died in what appeared to be a related incident.

    It was the worst political violence since 1992, when the army killed dozens of pro-democracy demonstrators seeking the ouster of a military-backed government.
    The princess was asked at a press conference following her talk whether she agreed with protesters who say they are acting on behalf of the monarchy.

    "I don′t think so," she replied. "They do things for themselves."

    Asked why the king has not spoken out, she said, "I don′t know because I haven′t asked him."

    Protest leaders have called for the prosecution of people who insult the monarchy. One leader wants to abandon Thailand′s popularly elected Parliament for one in which a majority of members would be appointed.

    Some academics have said the plan would enhance the power of the country′s military and monarchy at the expense of the poor.

    "There are a lot of political problems," the princess said. "I told my friends, colleagues just to do what is their duty."

    เว็บไซต์ : http://www.boston.com/news/local/co...ailand_princess_speaks_at_connecticut_school/
    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เทศกาลออกพรรษา ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค

    สดจากหน้าพระ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ครั้นถึงเทศกาลออกพรรษา เป็นสัญญาณบอกว่า ถึงกาลแห่งพระภิกษุสาวกแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สิ้นสุดการอยู่จำพรรษา

    แต่ทว่า ณ ริมสองฝั่งโขง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย มีปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น

    คือ ... "ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค" ที่จะเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่เวลาหลังพระอาทิตย์ตกดินจนถึงเวลาประมาณ 23 นาฬิกา มีลักษณะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็นหรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น

    เริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร และจะพุ่งขึ้นไปสูงประมาณระดับ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วก็จะดับหายวับไปในอากาศทั้งๆ ที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่ลงแล้วค่อยๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ

    ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เป็นสิ่งที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่าเกิดจากพญานาค สัตว์ในตำนาน เป็นที่เคารพบูชาของประชาชนหมู่มากในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง

    "บั้งไฟพญานาค" เป็นปรากฏการณ์ของการเกิดลูกไฟสีชมพูพวยพุ่งขึ้นจากกลางลำน้ำโขงสู่อากาศ เกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่แน่นอน สถานที่เกิดมักเป็นลำน้ำโขง ในท้องที่ อ.โพนพิสัย อ.ปากคาด อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.บึงกาฬ และบริเวณอื่นๆ บ้าง เช่น ตามห้วยหนองที่อยู่ใกล้แม่น้ำโขง

    อย่างไรก็ตาม วันเวลาที่เกิดบั้งไฟพญานาค จะเป็นปรากฏการณ์ที่แน่นอน คือ ตรงกับวันออกพรรษา วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองหน ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งตรงกับวันออกพรรษาของลาว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คนไทยภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ติดกับแม่น้ำโขงและคนลาวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีความเชื่อกันมานานแล้วว่า แม่น้ำโขง เกิดจากการเดินทางของนาคตนหนึ่ง ชื่อว่า "ปู่เจ้าศรีสุทโธ" นาคตนนี้เมื่อเลื้อยไปเจอภูผาหรือก้อนหินก็เลี้ยวหลบ ผิดกับนาคตนอื่นๆ ที่จะเลื้อยผ่าตรงไป เส้นทางการเดินของเจ้าศรีสุทโธ จึงมีลักษณะคดเคี้ยวไปมา เรียกกันว่า ลำน้ำคดหรือลำน้ำโค้ง แล้วต่อมาเพี้ยนเป็นลำน้ำโขง

    ส่วนตำนานการเกิดบั้งไฟพญานาค เล่าขานกันว่า ครั้งเมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น "พญาคันคาก" ได้จุติอยู่ในครรภ์ของพระนางสีดา เมื่อเติบใหญ่ได้บำเพ็ญเพียรภาวนา จนพระอินทร์ชุบร่างให้เป็นชายหนุ่มรูปงาม พระอินทร์ได้ประธานนางอุดรกุรุตทวีปเป็นคู่ครอง

    พญาคันคากและนางอุดรกุรุตทวีป ได้ศึกษาธรรม และเทศนาสอนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายครั้นได้ฟังธรรมจากพญาคันคาก เกิดความเลื่อมใส จนลืมถวายเครื่องบัดพลี "พญาแถน" ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์และบันดาลน้ำฝนแก่โลกมนุษย์

    ครั้นพญาแถนไม่ได้รับเครื่องบัดพลีจากมนุษย์และสรรพสัตว์ รวมทั้งเทวดาที่เคยเข้าเฝ้าเป็นประจำ ไปฟังธรรมกับพญาคันคากจนหมดสิ้น จึงบังเกิดความโกรธแค้นยิ่งนัก จึงสาปแช่งเหล่ามวลมนุษย์ไม่ให้มีฝนตกเป็นเวลาเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน ทำให้เกิดความแห้งแล้งไปทุกหย่อมหญ้า

    เหล่ามวลมนุษย์จึงได้เข้าเฝ้าพญาคันคากทูลถามและขอความช่วยเหลือ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พญาคันคากรู้ด้วยญาณ จึงบอกมนุษย์ว่า เพราะพวกเจ้าไม่บูชาพญาแถน ท่านจึงพิโรธ จึงบันดาลมิให้มีฝนตกลงมา ความแห้งแล้งมีมาเจ็ดปี

    พญานาคผู้เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลที่เข้าเฝ้าพญาคันคากอยู่ขณะนั้น ได้รับฟังจึงยกทัพบุกสวรรค์โดยไม่ฟังคำทัดทานของพญาคันคาก

    แต่พญานาคพ่ายแพ้กลับมาและบาดเจ็บสาหัสด้วยต้องอาวุธของพญาแถน พญาคันคากเกิดความสงสารด้วยเห็นว่าพญานาคทำไปด้วยต้องการขจัดความทุกข์ให้เหล่ามวลมนุษย์ จึงได้ให้พรรักษาบาดแผล

    นับจากนั้นเป็นต้นมาพญานาคได้ปวารณา ตนเป็นข้าช่วงใช้พญาคันคากไปทุกชาติภพ

    แต่ความแห้งแล้งยังคงอยู่กับเหล่ามวลมนุษย์ พญาคันคากจึงได้วางแผนบุกสวรรค์ พญาแถนพ่ายแพ้ ร้องขอให้พญาคันคากปล่อยตนเสีย แต่พญาคันคากกลับบอกว่าขอเพียงพญาแถนผู้เป็นใหญ่ให้ฝนตกลงมาตามฤดูกาล เหล่ามวลมนุษย์จะจุดบั้งไฟบวงสรวงพญาแถน

    พญาแถนได้ฟัง จึงได้ให้พรตามปรารถนา

    นับเนื่องจากนั้นมากลางเดือนหกของทุกปี ชาวอีสานจะร่วมกันทำบั้งไฟแห่ไปรอบๆ หมู่บ้านแล้วจุดบูชาพญาแถน

    ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ พระองค์ได้เสด็จเผยแผ่ศาสนาไปทั่วชมพูทวีป พญานาคีผู้เฝ้าติดตามเรื่องราวพระองค์ บังเกิดความเลื่อมใสและศรัทธายิ่งนัก รู้ด้วยญาณว่าพระองค์ คือ พญาคันคากมาจุติ จึงจำแลงกายเป็นบุรุษขอบวชเป็นสาวก ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์

    ค่ำคืนหนึ่งพญานาคเผลอหลับใหลคืนร่างเดิม ทำให้เหล่าภิกษุที่ร่วมบำเพ็ญเพียรทั้งหลายตื่นตระหนก ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องจึงขอให้พญานาคลาสิกขา เนื่องจากนาคเป็นเดรัจฉานจะบวชเป็นภิกษุมิได้

    พญานาคยอมตามคำขอพระพุทธองค์ แต่ขอว่ากุลบุตรทั้งหลายทั้งปวงที่จะบวชในพระพุทธศาสนาให้เรียกขานว่า "นาค" เพื่อเป็นศักดิ์ศรีของพญานาคก่อนแล้วค่อยเข้าโบสถ์ จากนั้นเป็นต้นมาจึงได้เรียกขานกุลบุตรทั้งหลายที่จะบวชว่า "พ่อนาค"

    ต่อมา เมื่อครั้งพระพุทธองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมและจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพุทธมารดาและเหล่าเทวดา กระทั่งครบกำหนดวันออกพรรษา พญานาคี นาคเทวี พร้อมทั้งเหล่าบริวารจัดทำเครื่องบูชาและพ่นบั้งไฟถวาย ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    นับเนื่องจากนั้น ทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 จึงได้มีปรากฏการณ์ประหลาดลูกไฟสีแดงพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงสู่ท้องฟ้า ปรากฏมาให้เห็นตราบเท่าทุกวันนี้ ทุกคนเรียกขานว่า "บั้งไฟพญานาค"

    ทั้งนี้ เทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-16 ตุลาคม 2551 ณ บริเวณลำน้ำโขงในอำเภอโพนพิสัย

    ชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ชมพิธีบวงสรวงเทวาพญานาค ประกวดลอยเรือไฟบูชาพญานาค การแสดงแสงเสียง "เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค" ทำบุญตักบาตรเทโวโรหนะ การแข่งขันเรือยาวออกพรรษาชิงถ้วยพระราชทานฯ การจัดงานถนนสายอาหาร

    ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่สำนักงานจังหวัดหนองคาย โทร.0-4242-0323 ที่ว่าการอำเภอโพนพิสัย โทร.0-4242-1185 เทศบาลเมืองหนองคาย โทร.0-4242-1017 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุดรธานี โทร.0-4232-5406-7

    [FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]
     
  12. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    12.จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว (คนที่มีคฑาไม่น่าเป็นอื่น)
    ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
    สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กัมพูชากล่าวหาไทยพยายามส่งทหารข้ามพรมแดน

    [​IMG]

    พนมเปญ 13 ต.ค.– กัมพูชากล่าวหาไทยพยายามส่งทหารข้ามพรมแดนที่กำลังเป็นกรณีพิพาท พร้อมกันนี้ยังเตือนว่าการยั่วยุดังกล่าวอาจนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่

    นายฮอ นำฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา กล่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังการหารือกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่กรุงพนมเปญ ว่า ทหารไทย 500 นาย ได้พยายามข้ามพรมแดนใกล้พื้นที่ที่ทหารไทย 2 นายเหยียบกับระเบิดเมื่อต้นเดือนนี้ และว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำการบริเวณพรมแดนได้พยายามขอร้องไม่ให้ทหารไทยล่วงล้ำดินแดน เนื่องจากอาจนำไปสู่การปะทะกันและความขัดแย้งอาจลุกลามขยายวงกว้างขึ้น

    อย่างไรก็ตาม นายสมพงษ์ ไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน แต่โฆษกกองทัพบก ปฏิเสธรายงานที่ว่า มีความพยายามรุกล้ำดินแดน. -สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 15:22:08

    นายกกัมพูชาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารใน 24 ชม.

    [​IMG]

    พนมเปญ 13 ต.ค. – นายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทภายใน 24 ชม.

    นายกรัฐมนตรีฮุน เซนแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการพบปะกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญว่า ทหารไทยจะต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ของกัมพูชาภายในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างช้า และว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชา

    นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่า ทหารไทย 84 นายเข้ามาตั้งค่ายในดินแดนของกัมพูชาห่างจากกองกำลังของกัมพูชาเพียง 30 เมตร ด้านพลเอกเนียง พาด รัฐมนตรีช่วยกลาโหมกัมพูชากล่าวว่า กัมพูชาได้ส่งทหารไปประจำการที่บริเวณพรมแดน ซึ่งมีทหารไทย 500 นายล่วงล้ำเข้ามา อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพบกของไทยปฏิเสธรายงานที่ว่าทหารไทยล่วงละเมิดพรมแดนดังกล่าว . - สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 19:40:52

    การเจรจาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ยังตกลงกันไม่ได้

    [​IMG]

    พนมเปญ 13 ต.ค. – รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและกัมพูชายังไม่สามารถตกลงกันได้ในการเจรจาว่าด้วยเรื่องข้อพิพาทดินแดนที่นำไปสู่การปะทะกันเล็กน้อยเมื่อไม่นานมานี้

    กัมพูชาออกแถลงการณ์ภายหลังการเจรจาที่กรุงพนมเปญ เรียกร้องให้เปิดเจรจากันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย หลังเกิดการยิงปะทะกันเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารกัมพูชา 1 นาย และทหารไทยอีก 2 นายได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณพรมแดนกรณีพิพาท ห่างจากปราสาทพระวิหารหลายกิโลเมตร โดยต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนและล่วงละเมิดดินแดน

    แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชายังได้เรียกร้องให้เปิดเจรจายุติปัญหาอย่างสันติวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันอีก และว่า ถ้ากระบวนการเจรจาระดับทวิภาคีล้มเหลว ก็ควรที่จะไปอาศัยกระบวนการทางกฎหมายของสถาบันระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหา. -สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 16:02:02

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2008
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เฮอริเคนนอร์เบิร์ตทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายในเม็กซิโก

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี 13 ต.ค. - ตำรวจเม็กซิโก รายงานว่า เฮอริเคนนอร์เบิร์ตทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายขณะเคลื่อนตัวผ่านเม็กซิโก ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักและแม่น้ำเอ่อล้นฝั่งหลังพัดกระหน่ำทั่วคาบสมุทรบาฮากาลิฟอร์เนียมาแล้ว

    ผู้เคราะห์ร้ายจมแม่น้ำเสียชีวิตใกล้กับเมืองอลามอสที่รัฐโซโนราทางเหนือ ภายหลังเฮอริเคนนอร์เบิร์ต กระหน่ำในพื้นที่การเกษตรขณะมีกำลังแรงระดับ 1 เมื่อค่ำวันเสาร์ ด้วยความเร็วลม 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังมีผู้สูญหายอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนหลายร้อยคนออกจากเขตภูเขาที่อาจเกิดดินถล่มใกล้แม่น้ำซึ่งเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน อย่างไรก็ตามชาวเม็กซิกันที่มีรายได้น้อยยังลังเลที่จะละทิ้งบ้านเรือนเนื่องจากยังห่วงทรัพย์สินและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อาจถูกขโมยไประหว่างที่พวกเขาไม่อยู่บ้าน ล่าสุดเฮอริเคนนอร์เบิร์ตอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้ว .-สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 10:30:48

    มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน จากน้ำท่วมในโคลอมเบีย

    [​IMG]

    โคลอมเบีย 13 ต.ค. - สถานการณ์น้ำท่วมในโคลอมเบีย ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน และชาวบ้านอีกหลายร้อยคนไร้ที่อยู่อาศัย

    ชาวเมืองบูเอน่า วิสต้า ในจังหวัดคอร์โดบา ทางภาคเหนือของโคลอมเบีย กำลังรับความเดือดร้อนอย่างหนักจากสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือนเพราะฝนตกหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน ขณะที่ชาวบ้านหลายร้อยคนต้องละทิ้งบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม นอกจากนี้พื้นที่ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกหนัก ทำให้โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายจำนวนมาก

    ทางการระบุว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างน้อย 38,000 คน จากสถานการณ์น้ำท่วมที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว ด้านสำนักงานภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยควรอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาดจากน้ำที่ท่วมขัง ซึ่งคาดว่า จะยังคงมีฝนตกและน้ำล้นตลิ่งต่อเนื่องออกไปอีก 2 เดือน เป็นอย่างน้อย.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 10:21:44

    ไฟป่าแคลิฟอร์เนียเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วเกือบ 1,900 ไร่

    [​IMG]

    แคลิฟอร์เนีย 13 ต.ค. - ทางการรัฐแคลิฟอร์เนีย ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 1,000 พันคน หนีไฟป่าที่เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วเกือบ 1,900 ไร่

    ไฟป่าครั้งนี้ปะทุขึ้น ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแองเจลิส ซึ่งอยู่ห่างจากนครลอส แองเจลิสไปทางเหนือ 32 กิโลเมตร ขณะนี้ทางการได้ระดมเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ราว 400 คน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินดับไฟป่าเข้าสกัดกั้นเปลวเพลิง ซึ่งได้เผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้ว 1,875 ไร่ บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1 หลัง และมีบ้านเคลื่อนที่ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญไปอีก 3 หลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

    ด้านโฆษกของสำนักงานดูแลป่าไม้ระบุว่า ทางการได้อพยพชาวบ้าน 1,200 คน ในพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว.- สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 10:19:35

    สวิสเผยพบเมลามีนในคุกกี้ไทยและขนมปังกรอบศรีลังกา

    [​IMG]

    เจนีวา 13 ต.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทุกคนทุกฝ่ายก็เป็น"คนไทย"ด้วยกันทั้งนั้น

    [​IMG]

    เผาป่า..เมืองพัง!!

    บทความวันนี้ผมขอเขียนเตือนสติทุกฝ่ายและคิดว่าการเขียนของผมในครั้งนี้คงจะทำให้บางคนไม่พอใจก็ได้ แต่ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใคร เพราะทุกคนก็มีพร้อมทั้ง วัยวุฒิและคุณวุฒิ มากกว่าผมเสียอีก ผมไม่ขอเชียร์ฝ่ายไหน ผมไม่สนใจว่าใครจะแพ้...หรือชนะ เพราะไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตามเมื่อเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น ประเทศชาติก็เสียหาย เศรษฐกิจก็ทรุดหนักมากขึ้น ในชั่วโมงนี้เป็นต้นไปเหตุการณ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2008
  16. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    <TABLE><TBODY><TR><TD align=right>๏ รักราช จงจิตน้อม</TD><TD></TD><TD align=left>ภักดี ท่านนา</TD></TR><TR><TD align=left>รักชาติ กอบกรณีย์</TD><TD></TD><TD align=left>แน่วไว้</TD></TR><TR><TD align=left>รักศาสน์ กอบบุญตรี</TD><TD></TD><TD align=left>สุจริต ถ้วนเทอญ</TD></TR><TR><TD align=left>รักศักดิ์ จงจิตให้</TD><TD></TD><TD align=left>โลกซร้อง สรรเสริญฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE><TBODY><TR><TD align=right>๏ ยามเดินยืนนั่งน้อม</TD><TD></TD><TD align=left>กะมล</TD></TR><TR><TD align=left>รำลึกถึงเทศตน</TD><TD></TD><TD align=left>อยู่ยั้ง</TD></TR><TR><TD align=left>เป็นรัฎฐะมณฑล</TD><TD></TD><TD align=left>ไทยอยู่ สราญฮา</TD></TR><TR><TD align=left>คนถนอมแน่นตั้ง</TD><TD></TD><TD align=left>อยู่เพี้ยง อวสานฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE><TBODY><TR><TD align=right>๏ ใครรานใครรุกด้าว</TD><TD></TD><TD align=left>แดนไทย</TD></TR><TR><TD align=left>ไทยรบจนสุดใจ</TD><TD></TD><TD align=left>ขาดดิ้น</TD></TR><TR><TD align=left>เสียเนื้อเลือดหลั่งไหล</TD><TD></TD><TD align=left>ยอมสละ สิ้นแล</TD></TR><TR><TD align=left>เสียชีพไป่เสียสิ้น</TD><TD></TD><TD align=left>ชื่อก้อง เกียรติงามฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE><TBODY><TR><TD align=right>๏ หากสยามยังอยู่ยั้ง</TD><TD></TD><TD align=left>ยืนยง</TD></TR><TR><TD align=left>เราก็เหมือนอยู่คง</TD><TD></TD><TD align=left>ชีพด้วย</TD></TR><TR><TD align=left>หากสยามพินาศลง</TD><TD></TD><TD align=left>ไทยอยู่ ได้ฤๅ</TD></TR><TR><TD align=left>เราก็เหมือนมอดม้วย</TD><TD></TD><TD align=left>หมดสิ้น สกุลไทยฯ</TD></TR></TBODY></TABLE>


    สยามานุสสติ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

    [​IMG]
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    02 พฤศจิกายน 2550
    สัมภาษณ์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา - วันโลกแตก วินาศภัยที่หลบไม่ได้ หนีไม่พ้น

    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา - คือ นักคิด-นักวิทยาศาสตร์ ผู้คิดค้นระบบการลงจอดยานอวกาศบนดาวอังคาร ร่วมกับองค์การนาซา เพื่อทำการสำรวจโลกใหม่ของมนุษยชาติ.....และอีกด้านหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก ดร.อาจองฯเท่าที่ควร ก็คือ การเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมาธิภาวนามาเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานประมาณ 30 ปี จนอาจกล่าวประเมินได้ว่า ท่านเข้าถึงธรรมขั้นสูงระดับหนึ่งไปแล้ว ท่านปฏิเสธองค์การนาซาที่เพิ่มเงินเดือนให้อีก 20 เท่า แล้วกลับเมืองไทย เพื่อมาสอนหนังสือเด็กๆในชนบท สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาจากอายุ 6 ขวบ เพื่อให้เป็นอนาคตของประเทศไทยต่อไป

    ปัจจุบันท่านเป็นผู้บริหารโรงเรียนสัตยาไส ที่อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี พร้อมกับได้รับเชิญไปบรรยายสอนเรื่องการอบรมพัฒนาจิตของเยาวชนไปทั่วโลกขณะนี้ ชีวิตของท่านเต็มไปด้วยความเสียสละ สมถะ และบำเพ็ยตนเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน ประเทศชาติที่น่าสรรเสริญมาก ซึ่งเราขอปรบมือและร่วมอนุโมทนากับท่านด้วยความจริงใจ........

    บทสัมภาษณ์ ดร.อาจองฯเมื่อ 16 ตุลาคม 2548 เกี่ยวกับอนาคตของเมืองไทยและโลกในอีก 12 ปีข้างหน้า จะพบกับเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ มีการสูญเสียไปบ้างพอสมควร แต่ก็ได้ความสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองในทางธรรมกลับคืนมา ดังนี้.-

    เมื่อประมาณ 15 ปีก่อนหน้ามนุษย์เริ่มวางแผนที่จะไปสำรวจดาวอังคาร แล้วก็เริ่มส่งยานอวกาศ ออกไปสำรวจจนได้ข้อมูลเพียงพอ เพราะที่นั่น มันมีบรรยากาศใกล้เคียงกันกับโลก คือ มีอากาศเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์ ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาในทางร้ายกับร่างกายของมนุษย์ แล้วถ้ามีคาร์บอนไดออกไซด์ มีน้ำ มีแสงแดด ต้นไม้ก็จะโต เพราะต้นไม้จะเป็นตัวดูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป เพื่อคายออกซิเจนออกมา ทำให้มีบรรยากาศใกล้เคียงกับโลก

    ดูจากหลักฐานที่เราได้มา จากก้อนหิน หรือจากการสำรวจ ทำให้เราพบว่า ครั้งหนึ่งในอดีต ดาวอังคารเคยถูกน้ำท่วม ถูกน้ำซัดผ่านบริเวณผิวขอบของดาว ก็แสดงว่า ที่นั่นต้องมีน้ำเยอะ แม้ว่าแสงแดดจะน้อยกว่าโลก จนทำให้อุณหภูมิลดลงถึง -35 องศาเซลเซียส แต่ก็ถือว่า มันมีบรรยากาศใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด.......แต่การที่มนุษย์ จะขึ้นไปอยู่บนดาวอังคารได้จริงๆ ก่อนอื่น คือ เราจะต้องสร้างเรือนกระจกครอบขึ้นมา เพื่อเข้าไปอยู่ในนั้น แล้วก็ต้องปลูกต้นไม้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดออกซิเจนหนาแน่นขึ้น มนุษย์ถึงจะอยู่ได้ เดินไปเดินมาได้ โดยไม่ต้องแบกถังออกซิเจน หรือสวมชุดมนุษย์อวกาศ ซึ่งต่างจากดาวดวงอื่น อย่างดวงจันทร์ ดาวเสาร์ หรือดาวพฤหัส เพราะบนนั้น ถึงจะมีน้ำอยู่บ้าง แต่ก็มีอุณหภูมิต่ำ จนอากาศหนาวมาก จนกลายเป็นเรื่องยากที่มนุษย์จะอพยพไปอยู่บนนั้นได้......

    .....
    แล้วความจริง แผนการสำรวจดาวอังคารของนาซาก็เริ่มต้นโครงการนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะเขาคิดว่า ต่อไปประชากรบนโลกเราก็คงเพิ่มขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้กับโลกของเรา เพราะเมื่อจำนวนมนุษย์มากเกินไป อาหารการกินก็อาจจะไม่พอ น้ำก็ไม่พอ พลังงานก็ไม่พอ อะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง ก็จะไม่พอต่อความต้องการของมนุษย์ เพราะฉะนั้น การอพยพเอาพลเมืองโลกออกไปบ้าง มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ควรทำ และสามารถทำได้ ซึ่งการอพยพออกไปในครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ? หรือคนกลุ่มไหนโดยเฉพาะ ?

    .....
    แต่แน่นอนว่า นอกจากการแสดงตัวในฐานะที่เป็นผู้นำแล้ว การขึ้นไปบนดาวอังคาร ยังหมายถึง การขยับขยายในเรื่องอุตสาหกรรมบนดาวอังคาร ซึ่งในหลายประเทศ ต่างก็มีความคิดวางแผนเกี่ยวกับตรงนี้เอาไว้แล้ว และก็อาจจะมีการตกลงแบ่งอาณาเขตกันเอาไว้ สำหรับประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า และมีศักยภาพเพียงพอ อย่าง อเมริกา หรือญี่ปุ่น เพราะว่าต่างฝ่ายก็คิดกันไว้ว่า ถ้าตัวเองไปถึงตรงนั้นได้ก่อน ก็จะมีสิทธิในการครอบครองได้ก่อน.......

    ....
    แต่การที่เขาไปสำรวจดาวอังคาร หรือการที่เตรียมจะอพยพคนออกไปจากโลก- นั่นก็ไม่ใช่หมายความว่า โลกกำลังจะแตกจริงอย่างที่เขาทำนายกัน เพียงแต่ว่า ขณะนี้โลกของเรา อาจกำลังจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เป็นผลมาจากมนุษย์ด้วยกัน เพราะว่าเราทำลายป่าไม้ เผาผลาญพลังงานมากเกินไป มันทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ แล้วก็เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น จนน้ำแข็งขั้วโลกเริ่มละลาย ทำให้เกิดพายุใต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน ซึ่งเกิดจากการทำลายสิ่งแวดล้อม.....

    .....
    ผมดูจากสถานการณ์ จากเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น จากภาวะเรือนกระจก ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น วิกฤตอันนี้ มันเกิดจากภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลก เพราะเปลือกโลกมันลอยอยู่กับของเหลวข้างใน ซึ่งของเหลวข้างใน มันมีความร้อนสูง เปลือกของโลก มันก็เริ่มเคลื่อนไหวเพราะขาดสมดุล แล้วตัวน้ำทะเลที่มันสูงขึ้น ก็จะทำให้โลกข้างที่อยู่ทางมหาสมุทรแปซิฟิกมีน้ำหนักมากขึ้น จนโลกเริ่มจะแกว่ง....

    .......
    และแน่นอนว่า ถ้าระดับน้ำทะเลมันสูงขึ้น มันก็จะเกิดน้ำท่วมในหลายๆจุด แล้วถ้าลองคิดว่า น้ำทะเลมันขึ้นแค่ 2 เมตร กรุงเทพฯของเราก็คงไม่มีแล้ว เพราะกรุงเทพฯเราอยู่เหนือน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร แล้วถ้าน้ำมันสูงระดับนั้นจริงๆ มันต้องท่วมเข้ามาในภาคกลางของประเทศไทย และบางประเทศ ก็อาจต้องสูญหายไป อย่างน้อยก็ประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของหมู่เกาะแถบอันดามัน ก็อาจจะหายไปเลย......

    .......
    ผมคาดว่า อีก 12 ปี โลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสงบสุข ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีการทำสงครามกัน เพราะส่วนหนึ่ง คือ ธรรมชาติ เริ่มรู้ในความไม่รู้จักพอของมนุษย์.....ซึ่งแต่ละศาสนา ก็เคยมีการทำนายเอาไว้แล้วว่า โลกของเรา จะต้องเกิดวิกฤต แต่การที่จะไปถึงจุดนั้นได้ มนุษย์เรา คงต้องโดนกระตุ้นจากธรรมชาติเสียก่อน อย่างกรณีของการเกิดคลื่นสึนามิขึ้น คนทั่วโลก็เริ่มที่จะเข้าใจกัน ช่วยเหลือกัน เหมือนเป็นการอาศัยวิกฤต เพื่อเปลี่ยนแปลง แต่ผมคิดว่า มันก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่มนุษย์ จะต้องขอให้เกิดวิกฤตเสียก่อน ถึงจะเลิกทะเลาะกัน เลิกทำสงครามกัน.....เพราะตอนนี้ ผมคิดว่า เรามีเวลาอยู่บนโลกแค่เพียง 12 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลง.......


    http://www.blog.eduzones.com/sippa/327

    ------------------
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สมพงษ์โต้กัมพูชา ยันทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ไทย

    [​IMG]

    13 ต.ค.-รมว.ต่างประเทศขอตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชายื่นคำขาดให้ไทยถอนกำลังทหาร ออกจากพื้นที่ขัดแย้งบริเวณเขาพระวิหารภายใน 24 ชั่วโมง ยืนยันทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ และดำเนินการมานานแล้ว

    นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ แถลงหลังเดินทางกลับจากกัมพูชาว่า ต้องขอตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชายื่นคำขาดให้ไทยถอนกำลังทหารบริเวณเขาพระวิหารก่อน ส่วนกรณีการลาดตระเวนของทหารไทย ยืนยันว่าได้ดำเนินการมานานแล้วและพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของไทย ล่าสุดมีรายงานว่านายสมพงษ์ เข้ารายงานเรื่องดังกล่าวต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา

    ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ นายสมพงษ์ จะเดินทางกลับถึงไทย นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการพบปะกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ที่กรุงพนมเปญว่า ทหารไทยจะต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ของกัมพูชาภายในวันพรุ่งนี้ เป็นอย่างช้าที่สุด และว่ากัมพูชาจะไม่ยอมปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชาอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

    2008-10-13 23:20:00

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไม่มีทางอื่น ****

    ปัญหาของโลก...แก้ด้วย สัจจะธรรม
    ปัญหาของประเทศ....แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของเมือง...แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของบ้านเมือง....แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของชุมชน...แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของครอบครัว...แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของสองคน...แก้ด้วยสัจจะธรรม
    ปัญหาของตน...แก้ด้วยสัจจะธรรม
    สัจจะธรรม....คือ หลักในศาสนา
    สัจจะธรรม...จึงต้องปฏิบัติตนด้วยสัจจะ
    สัจจะ เป็นหนึ่งไม่มีสอง
    จึงไม่มีทางอื่น
    ถึงขั้นสุดท้าย บันไดหมดแล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๑
     
  20. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    23 ธ.ค. 46<O:p</O:p
    2 เทวดาโดดร่ม <O:p</O:p
    ทางเทวโลกได้ลงมาเก็บกวาด
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2 ก.ย. 47<O:p</O:p
    2 จ้าวป่า<O:p</O:p
    จะเกิดสงคราม 2 ครั้ง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    5 ก.ย. 47<O:p</O:p
    3 ปลายักษ์<O:p</O:p
    จะเกิดภัยทางน้ำ 3 ครั้ง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    26 ธ.ค. 47<O:p</O:p
    เกิดซึนามิ ครั้งที่ 1

    5 ก.พ. 50<O:p</O:p
    2 วงล้อกับ พ.ศ. 2537<O:p</O:p
    เวลาได้ถูกเลื่อนไปแล้ว<O:p</O:p
    2537 * 24 ปี คือ พ.ศ. 2561

    <O:p</O:p<O:p</O:p
    27 ก.พ. 50<O:p</O:p
    ตามหลังปลายักษ์ ตัวที่ 2<O:p</O:p
    ให้หนีขึ้นที่สูง เมื่อเกิดซึนามิ ครั้งที่2
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    29 ก.พ. 50<O:p</O:p
    เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง<O:p</O:p
    ที่ปลอดภัยอยู่ริมแม่น้ำโขง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    30 มี.ค. 51<O:p</O:p
    นาค 40 ตัว<O:p</O:p
    จะมีน้ำจำนวนมหาศาล ในที่นี้คือ ฝนตกหนัก มีน้ำฝนจำนวนมาก
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    17 เม.ย. 51<O:p</O:p
    น้ำ กบ ปลั๊กไฟฟ้าสูง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]5 เมตร</st1:metricconverter><O:p</O:p
    น้ำท่วมเกือบ <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="5 เมตร">5 เมตร</st1:metricconverter>
    <O:p</O:p
    28 พ.ค. 51 คนม้วน <O:p</O:p
    29 พ.ค. 51 แผ่นดินไหว<O:p</O:p
    3 มิ.ย. 51 นอนนอกบ้าน<O:p</O:p
    6 มิ.ย. 51 พื้นกระเพื่อม<O:p</O:p
    จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    9 มิ.ย. 51 ซ่อมขั้วไฟฟ้า<O:p</O:p
    จะเกิดในเวลากลางคืน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    19 มิ.ย. 51<O:p</O:p
    หลุมหลบภัย พระพุทธรูปข้างแม่น้ำ<O:p</O:p
    จะมีภัยทางน้ำ้แต่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยต้านอยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    10 ก.ค. 51<O:p</O:p
    งานศพ หนังสือที่ถูกฉีก ประตูทางออก<O:p</O:p
    เมื่อมีการแก้กฎหมาย จะเกิดความวุ่นวาย และมีคนตาย
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    14 ก.ค. 51<O:p</O:p
    K_isara ผู้คนมากมายกำลังเดินขึ้นเขา สว่านไฟฟ้า วิทยุสื่อสารสีแดง<O:p</O:p
    ผู้คนจำนวนมากจะตาม k_isara ไปอยู่บนเขา
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p24 ก.ค. 51<O:p</O:p
    แปลงเป็นผี กลายเป็นพระพุทธรูป<O:p</O:p
    กองหนุนจากเชียงคาน มาช่วยรักษาที่มั่น
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    29 ส.ค. 51<O:p</O:p
    K_isara เก็บของชั้นล่าง<O:p</O:p
    น้ำท่วม ภาค เหนือ กลางและอีสาน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    16 ก.ย. 51<O:p</O:p
    เรื่องเล่าจากภาพ การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอกที่เก่งด้านการเงิน แผ่นดินไหว<O:p</O:p
    หลังจากความวุ่นวายผ่านไป จะได้ผู้นำที่เป็นคนนอกจากสายการเงิน แล้วแผ่นดินไหวจะตามมา
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2 ต.ค. 51<O:p</O:p
    <ST1:p<st1:country-region w:st="on">u.s.</st1:country-region></ST1:p tank รุ่น 2-1<O:p</O:p
    สงครามครั้งที่ 1 จะเริ่มขึ้นจนลามไปถึงครั้งที่ 2 ที่เป็นครั้งสุดท้าย หรือจ้าวป่าตัวที่ 1 ตื่นแล้วนั่นเอง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    8 ต.ค. 51<O:p</O:p
    ใบเสร็จรับเงิน ราคา 11,111 บาท ที่ถูกฉีก ชีเปลือย คนหนี<O:p</O:p
    ปี 2552 จะเกิดปัญหาการเงินรุนแรง ผู้คนจะทุกข์ยากและเห็นแก่ตัวมากขึ้น</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...