ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    GMT<!-- 06 Jul 2006 08:51:00 GMT ## for search indexer, do not remove-->Source: Tropical Storm Risk
    Mark Saunders
    Website: http:/<WBR>/<WBR>www.tropicalstormrisk.com
    <!-- AN5.0 article title end --><!-- AN5.0 article header -->Printable view | Email this article | RSS [​IMG] [-] Text [+]

    <!-- AN5.0 article header end --><!-- START: inline article box --><!-- START: AN5.0 mainimage -->
    [​IMG]
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หนังสืออินทร์ตกเทพทำนาย
    [​IMG]

    หนังสือใบลานสีได้เก็บรักษาสืบทอดมาจากวัดแห่งหนึ่ง ในแขวงอัตตะปือ(ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแผ่ให้ เลยเกิดศรัทธาเสียสละทรัพย์ส่วนตัว พิมพ์แจกจ่ายมายังญาติพี่น้องชาวพุทธทั้งหลาย เพื่อเป็นการกุศลและเพื่อพิจารณญาณด้วยตนเอง ถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกาภิวัฒน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายไว้ว่าดังนี้

    โส ชัง ชน โทโพโส อินโตกรุณา

    พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้วจงรีบร้อนบอกเล่าสู่กันฟัง หรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเกิดเดือดร้อน ในปีจอ ขึ้น 4 ค่ำผู้มีบุญจะลงมาเกิด พร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้าน เรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมีพวกผีปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุลยามเดือนหงาย จะเกิดมีงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลายประการเช่น

    ทุกข์ยากร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตายตามทุ่งไร่ทุ่งนา
    ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีผู้เฒ่า
    ทุกข์ยากร้อน เพราะไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไปต่างประเทศไม่สะดวก
    ทุกข์ยากร้อน เพราะอดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากร้อน เพราะนอนไม่หลับ
    ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน

    ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทน์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามไม่ให้ตักน้ำอาบน้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ) พญายมราชจะนำเอายาพิษพ่นมาใส่โลกมนุษย์ ในปีจอเมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่ จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทน์ นี้คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์ มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้

    ปะโต เมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ

    พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลาน แผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้บนประตู ห้องเรือน หรือรถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดา ผู้คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผลบุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์อินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลก ถึง 9 ข้อนับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุล คือ

    จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหวหวั่น จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ - อาหาร เป็นพิษ)
    จะให้เกิดไฟไหม้ (อัคคีภัย) จะให้เกิดกาฬโรคต่าง ๆ (พยาธิร้าย)
    จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย) จะให้เกิดอด ข้าว ปลา อาหาร
    จะให้เกิดฟ้าฝ่า จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเอง สำหรับคนใจบาป
    จะให้เกิดร้อนมาก หนาวมาก

    มหันตภัยทั้ง 9 อย่างนี้ จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไป ให้รีบเร่งทำแต่ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุล ไปแล้วทุกคนพร้อมทั้งลูก หลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้ทุกคนเคร่งครัดถือศีล 5 ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศล อย่างต่อเนื่อง ศีล 5 ข้อได้แก่
    ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต (ทุกชีวิตใครก็รัก) ห้ามลักเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตน ห้ามล่วงเกินเป็นชู้คนอื่น เมีย ผัว คนอื่น (ที่มีเจ้าของ)
    ห้ามพูดปดหลอกลวงผู้อื่น ในทางที่ไม่ดีซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกสามัคคี หรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ห้ามดื่มหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง

    นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่ง ได้พบเห็นเนื้อในอักษรธรรมเขียนจารึกไว้ บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้นจากพื้นดิน ในภูผาป่าดงแห่งหนึ่ง ที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป (ข้าพเจ้าไม่ขอบอกนามพระ และกำหนดสถานที่อย่างจะแจ้งได้) เพราะได้สอบหาข้อมูลละเอียดแล้วพระผู้ทรงศีล ได้กล่าวว่า โยมเอย ถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็นกุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศลรู้เพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในปีระกา - ปีจอ และปีกุล เดือน 7 – 8 จะเกิดเหตุร้ายตามถนนหนทาง เดือน 9 -10 คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่ มีข้าวก็ไม่มีคนกิน มีทางก็ไม่มีคนเดิน สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหนังสือ “อินทร์ตก” “อินทร์ตื่น” ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้ หรือบนบาน ว่าจะบอกเล่าต่อผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชน คนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่านจะปรารถนาสิ่งใดจะได้ดั่งใจนึก พยาธิร้ายที่เบียดเบียนกายก็จะหายขาด

    ท่านไม่เชื่อขออย่าลบหลู่เป็นอันขาด
    พระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแพร่บอกกล่าวมา

    หมายเหตุ
    จากคำถามของคุณ คนเหนือ ไทยใจจร ที่ว่า
    **เอาอย่างนี้ดีใหมครับ**ช่วยหาวิธี-หนทาง-วิธีการ-โดยการแนะนำ เอามาให้ผู้คนทั้งหลาย ได้เข้าใจ ได้เห็นโทษของการเกิดมาเป็นคน ว่าความทุกข์ของความเป็นคนนั้นมีอะไรบ้าง การกำจัด (ลดจำนวน)การที่จะกลับมาเกิด ควรทำอย่างไรบ้าง ข้อสุดท้ายเราสมควรจะทำอย่างไร ที่จะทำให้เราเห็นว่าการตายเป็นของธรรมชาติ จนไม่รู้สึกอะไรเลยว่ามันไม่น่ากลัว อย่างคน**ธรรมดา**เขากลัวกัน ครับ ผมเอาใจช่วย นะครับ

    เรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านได้กล่าวสอนไว้หมดแล้ว ไม่มีหนทางใดที่จะประเสริฐยิ่งไปกว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่อง "อริยสัจจสี่" อีกแล้วเพราะเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้คนเราพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2006
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เมืองไทยจะถึงคราว.....เหมือนเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 แล้วหรือ?
    [​IMG]

    กงกรรมกงเกวียน เวียนมาอีกรอบ

    สัญญาเดิมที่อาจไม่รู้ตัว ขับดันให้เป็นไปในปัจจุบัน

    อดีต เคย บดขยี้บีฑา แม้กาลเวลาผ่านมาไม่ผิดผัน

    จิตมิจฉา ไม่กลัวบาป เหมือนบ้านเมืองต้องคำสาป

    อลองพญา-เนเมียวสีหบดี กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา

    ผ่านมา 20 รอบ รอบละ 12 ปี 240 ปี บวก 2309 ปีจอ บางระจันแตก

    เป็น ปี 2549 เดือน 8 ปีจอ ไทยเริ่ม..... 240 ปี บวก 2310 ปีกุน อยุธยากรุงแตก

    เป็น ปี 2550 เดือน 5 ปีกุน ไทย....... กงกรรมกงเกวียน ใครเล่าจะหาญ "ตัด"

    ก่อนวิบัติ เกิดขึ้น ตาม "กรรม" ใครก่อ ใครทำ ต้องแก้

    อลองพญา มาเกิดเป็น "ทักษิณ" เนเมียวสีหบดี มาเกิดเป็น "เนวิน"

    แล้ว "พระยาตากสิน" มาเกิด "เป็นใคร" "เป็นใคร" อยู่ไหน "ให้มาแก้"

    ก่อนบ้านเมือง "แพ้ภัย-บรรลัย" อย่ารอ "พ่ายก่อน-ค่อยแก้"


    "ตัดไฟ" แต่ "ต้นลม" สมควรกว่า ไม่เช่นนั้น ดี-ชั่ว กาลนี้ เห็นกัน

    [​IMG]
    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2

    กรุงศรีอยุธยานับเนื่องแต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกอบกู้อิสรภาพจากพม่า ได้สำเร็จ เมื่อปี พุทธศักราช ๒๑๓๕ ก็มีความเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเป็นลำดับ เนื่องด้วย ว่างเว้นจากศึก สงคราม ประชาราษฎรก็มีเวลาได้ทำมาค้าขาย บ้านเมืองก็เป็นปึกแผ่น สามารถทำการค้า และติดต่อ สัมพันธไมตรีกับชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง วิทยาการหลากหลายจากต่างประเทศ ก็ได้แพร่ สะพัดเข้ามาสู่ กรุงศรีอยุธยา ตลอด ระยะเวลา ๑๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา ความรุ่งโรจน์ของ กรุงศรีอยุธยาเกี่ยวกับการค้าขาย

    ลาลูแบร์ ราชฑูตฝรั่งเศส ที่เข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึก ไว้ ในจดหมายเหตุว่า ".....สินค้าที่ขึ้นหน้าตาซื้อขายกันมาก คือ ผ้าฝ้ายจาก โจฬะ มณฑล เมือง ลุรัต เครื่องถ้วยชามจีน เพชร พลอย ทอง ขี้ผึ้ง ไม้ฝาง ไม้สัก ดีบุก ตะกั่ว หนังสัตว์ และ หนังปลากระเบน เฉพาะหนังกวางนั้น ปีหนึ่งๆ เขาฆ่า กวาง ประมาณ ๑๕๐๐,๐๐๐ ตัว และส่งหนังไปขาย ใน ประเทศญี่ปุ่น ได้กำไรดี ."


    อย่างไรก็ตามความรุ่งโรจน์ของราชธานีแห่งนี้ก็ ย่อมเป็นไปตามครรลองแห่งสัจธรรม เมื่อมี ความรุ่งเรืองแล้วก็ย่อมมีการแตกดับอันเป็น ธรรมดาของโลก หากจะวิเคราะห์ถึงความเสื่อม ของกรุงศรีอยุธยาแล้ว ก็พอจะทราบได้ว่ายุคใด สมัยใดที่มีกษัตริย์และชนชั้นปกครองที่มีความ เข้มแข็ง สามัคคี ภักดีต่อบ้านเมือง ยุคสมัยนั้น ประชาราษฏรก็จะมีความร่มเย็นเป็นสุข บ้านเมือง ก็มีแต่ความรุ่งเรือง แต่หาก กษัตริย์ และ ชนชั้น ปกครอง อ่อนแอไร้ความสามัคคีแตกแยก ไม่ปรองดองต่อกัน บ้านเมืองก็ถึงกาลแตกดับ ย่อยยับ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา ในพุทธศักราช ๒๓๐๙ ในแผ่นดิน ของสมเด็จพระสุริยาสน์อมรินทร์ หรือ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ เหล่าข้าราชการ และ ชนชั้นปกครองต่าง ก็ขาดความสามารถ ไม่มีความ สามัคคีปรอง ดองกัน บ้านเมือง มิได้มีการตระเตรียม กำลังไว้ป้องกัน อริราชศัตรู แต่อย่างไร ในที่สุดบ้านเมืองก็เริ่ม อ่อนแอลงอย่างเห็น ได้ชัดพม่าได้กรีธาทัพ อันเกรียงไกรเข้าประชิดถึง กำแพง พระนคร ศรีอยุธยา ในปีพุทธศักราช ๒๓๐๙ ด้วยอายุแผ่นดินศรีอยุธยา ถึงกาล อวสาน

    ได้มีเหตุอาเพศเป็นนิมิตประหลาด หลายประการ ดังปรากฏใน เพลงยาว พุทธทำนาย ของคนกรุงเก่า กล่าวไว้ว่า "ในลักษณะทำนายไว้บ่ห่อนผิด เมื่อวินิจพิศดูก็เห็นสม มิใช่เทศกาลร้อน ก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลม ลมก็พัด มิใช่เทศกาลหนาว ก็หนาวล้น มิใช่เทศกาลฝน ฝนก็อุบัติ ทุกต้นไม้ หย่อมหญ้า สารพัด เกิดวิบัติ นานา ทั่วสากล"

    อาเพศประหลาดที่เกิดขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาจะถูกพม่าบุกเข้าปล้นและเผาผลาญ เมืองได้คือ พระประธานวัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลลงมาที่พระนาภี ส่วน พระพุทธรูปที่อยู่ ในวิหารวัด พระศรีสรรเพชญ์ที่มีชื่อว่าพระบรม -ไตรโลกนารถ มีพระอุระแตกร้าว ดวงพระเนตรตกลงมาอยู่ที่ตัก เห็นเป็นอัศจรรย์ พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในโรงพระแสงใน ก็สำแดงปาฏิหาริย์กระทืบ พระบาท เสียงสนั่นลั่นเลื่อน กึกก้อง ท้อง พระโรง เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก "

    หลังจากกองทัพพม่ายกทัพมาตั้งล้อม พระนคร ศรีอยุธยาได้ ๑ ปี กับ ๒ เดือน ครั้นวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำปี กุน นพศกศักราช ๑๑๒๙ (พุทธศักราช ๒๓๑๐) เพลาบ่าย ๓ โมง พม่า ก็จุดไฟ สุมราก กำแพงเมือง ตรงหัวรอ ที่ริม ป้อม มหาชัย และ ยิงปืนใหญ่เข้าสู่วัดท่าการ้อง วัด แม่นางปลื้ม ในที่สุดกำแพงเมืองก็ทรุดลงเป็นช่องโหว่ ทหารพม่า ก็กรูกันเข้าเมืองได้ บ้างก็เอา บันไดพาดกำแพงปีนเข้าพระนคร พวกทหารไทยที่รักษาหน้าที่เหลือกำลังจะต่อสู้ ต่างหนีเอาตัวรอด ทหารพม่า จึงบุกเข้าเผา พระราชวัง วัดวาอาราม ตลอดจนบ้านเรือน ราษฏรทั่วทุกหนแห่งที่เข้าไปถึง ไฟไหม้ลุกลามสว่างไสว ดังกลางวัน

    กล่าวกันว่าครั้งนั้นพระนครตกอยู่ในกองเพลิงถึงสามวัน สามคืนจึงสงบลง ผู้คนล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ทหารพม่าเที่ยวเก็บกวาด ทรัพย์สิน และจับผู้คน ให้อลหม่านไปทั่วทั้งพระนคร ดีแต่เป็นเวลากลางคืน ชาวเมืองจึงหนีเอาตัวรอดไป ได้มาก พม่าจับได้เพียง บางส่วน(ระหว่าง ๖๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ คน) รวมถึง พระเจ้าอุทุมพร ซึ่งยังทรงผนวชเป็นพระอยู่ในเวลานั้น ส่วนสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ มหาดเล็ก พาลงเรือไปซุกซ่อน ที่สุมทุมพุ่มไม้ที่ บ้านป่า -จิก ริมวัดสังฆาวาส กองทัพพม่าเมื่อตีได้กรุงศรีอยุธยา แล้วก็พัก อยู่ในพระนครร้างไร้ผู้คนนี้ เพียง ๙ วัน พอรวบรวมเอาเชลยศัตราวุธและทรัพย์สินต่างๆได้มากพอแล้ว จึงเลิก ทัพกลับไป ส่วนที่คอยสืบ จับผู้คนก็ยังมีตามค่ายเช่น ค่ายโพธิ์สามต้น พวกพม่าได้ เข้าไปพบพระเจ้าเอกทัศน์ที่บ้านจิก ซึ่งได้อด อาหารมากว่า ๑๐ วัน จึงรับเสด็จไปถึง ค่ายโพธิ์สามต้นแต่ก็สวรรคตเสียก่อน ทำนองว่า สุกี้(ชาวมอญ ที่เคยมาพึ่งพระบรม โพธิสมพาลแต่ภายหลังกลับใจ ไปสวามิภักดิ์กับกองทัพพม่า) จึงให้อัญเชิญ พระบรม ศพมาฝังไว้ที่ โคกพระเมรุ ตรงหน้าวิหารพระมงคลบพิตร ส่วนบรรดาเจ้านาย และ ข้าราชการที่ถูกจับเป็นเชลย พม่าก็ให้กระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ บ้างก็หนีกลับมาได้ ในภายหลัง ที่สูญไปในเมืองพม่านั้นก็มีอยู่มาก เป็นอันว่ากรุงศรีอยุธยาราชธานีอันงดงามสง่าของไทยในอดีต ได้ล่มสลาย ลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อ วันที่ ๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๑๐

    ในพงศาวดารกล่าวว่า" เมื่อพระเจ้าตากทรงรวบรวมกำลังเพื่อกอบกู้บ้านเมือง คืนจากพม่าได้แล้ว ก็คิดที่จะปฏิสังขรณ์กรุงศรีอยุธยา ให้เป็นราชธานีของสยามดังเดิม แต่ในขณะที่ทรงประทับแรมอยู่ที่พระที่นั่งทรงปืน ในพระบรมมหาราชวังหลวง ทรง พระสุบินว่า พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อนๆทรงขับไล่ มิให้อยู่ พระเจ้าตากสินจึงได้อพยพ ผู้คนไปสร้างราชธานีใหม่ ชื่อ กรุงธนบุรี ดังปรากฏในปัจจุบัน" กรุงศรีอยุธยาจึงได้ ถูกทิ้งร้างตั้งแต่นั้นมา




    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ เอกอิสโร เมื่อวันที่ 6/7/2549 20:48:09 </TD></TR></TBODY></TABLE>


    คัดลอกมาจาก http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=14709
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2006
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประวัติพระเจ้าอลองพญา และเนเมียวสีหบดี

    คิดรุกรานไทยกรรมจึงตามสนอง ..... ในปีพศ.๒๓๐๐ พม่าถูกมอญเข้ายึดครองอยู่ใต้อำนาจถึง ๗ ปี แต่มีพรานป่าชาวพม่าชื่อมังอองไจยะ รบชนะมอญและยึดเมืองคืน มังอองไจยะจึงตั้งตนขึ้นเป็น กษัตริย์พม่าชื่อ พระเจ้าอลองพญา ประมาณปี พศ.๒๓๐๒ ด้วยความชอบรุกรานบ้านเมืองผู้อื่นพระเจ้าอลองพญาจึงจัดทัพมาตีไทย (เพราะทราบว่ากำลังทหารของ ไทยช่วงนั้นอ่อนแอ) ทางด่านสิงขร ประจวบฯ เพชรบุรี กาญจนบุรี มุ่งเข้าสู่กรุงศรี อยุธยา ทางพม่าเลยได้ใจที่จะตีเอากรุงศรีอยุธยาให้ได้

    พระเจ้าอลองพญาสั่งให้ ตั้งปืนใหญ่ยิงเข้ามาในพระนคร โดยเป็นคนจุดไฟยิงปืนใหญ่เองแต่ปืนใหญ่ระเบิด ถูกพระเจ้าอลองพญาอาการสาหัส(กรรมสนอง) พม่าจึงถอยทัพกลับมาทางด่าน แม่ละเมา และพระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์ที่เมืองตาก

    ในปีพศ.๒๓๐๖ เมื่อพระเจ้ามังระได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดาที่สิ้นพระชนม์จากปืนใหญ่ ด้วยสายเลือดของผู้รุกรานจึงจัดทัพมาตีไทย ให้แม่ทัพมังมหานรธา ยกทัพมาตีทวาย ตะนาวศรี ระนอง ชุมพร ประจวบฯ จนถึงเพชรบุรี แต่ทัพไทย นำโดยพระยาตากสินหรือพระเจ้ากรุงธนบุรี และพระยาพิพัฒน์โกษาได้ต่อสู้กับพม่าเป็นสามารถจนทัพพม่าแตกพ่ายหนีกลับไป

    ในปีพศ.๒๓๐๘ พระเจ้ามังระคิดจะตีกรุงศรีฯให้ได้ จึงส่งกองทัพซึ่งมีเนเมียวสีหบดีและมังมหานรธาเป็นแม่ทัพ ( ฝ่ายไทยพระเจ้าเอกทัศน์ขึ้นครองราชย์ต่อจาก พระอนุชา พระบิดาคือ สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ) พม่ายกทัพเข้าประชิดพระนคร แม่ทัพไทยสั่งตั้งปืนใหญ่ยิงปะทะพม่าแต่กลับถูกสั่งห้าม เพราะเกรงว่าสนมในวังจะตกใจเสียงปืนใหญ่ (นี่ละหนาที่เขาว่าอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ) ในที่สุดพม่าเริ่มจุดไฟเผารากกำแพงเมืองจนพังลงมา และเริ่มบุกเข้ายึดพระนครได้ในวันที่ ๙ เมษายน พศ.๒๓๑๐ เวลาสองทุ่มเศษ พม่าใช้เวลาล้อมเมืองอยู่ นาน ๑๔ เดือน กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยอยู่นานถึง ๔๑๗ ปี ฤาเป็นเพราะชะตาเมือง...................

    ที่มา http://www.bandhit.com/History/History.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2006
  5. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เรื่องประวัติศาสตร์ช่วงกรุงแตก ก็ได้ยินมาว่าดังนี้


    ข้อความ 83

    มันอาจไม่ระสำระสายอยู่ ก็จริงแต่สำหรับพวกข้าทหารแล้วถือว่าปั่นป่วนมาก เนื่องจากเสบียงอาหารฝกล้หมดเต็มที เสบียงอาหารคือ หัวใจสำคัญของทัพ เป็นสิ่งที่นักการทหารจำต้องระลึกอยู่เสมอแต่ในหลายๆครั้งก็เป็นสิ่งที่นักการทหารละเลยหลงลืมไป อันเนื่องจาก หลักนิยมทหาร ส่วนใหญ่มักถือคติว่า เวลาทำการรบนั้นจำต้องเอาชนะให้เร็วที่สุด ไม่ควรทำสงครามยืดเยื้อ เพราะจะไม่ส่งผลดีต่อ กองทัพ จึงต้องรีบเอาชัยชนะให้เร็วที่สุด แต่ถว่าในสงครามคราวเสียกรุงนั้น เราคาดคิดไม่ถึงว่าพม่าจะไม่ถอนทัพหนีน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ตระเตรียมเสบียงอาหารเอาไว้หากต้องทำสงครามยืดเยื้อ ผลก็คือแพ้ยับเยิน การพ่ายแพ้ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ ดัง่ประวัติศาสตร์กล่าวไว้แต่อย่างใด ยุธการสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาในครั้งนั้น จึงเป็นการพ่ายแพ้ในทางยุธศาสตร์และยุทธวิธีทางการทหาร ( วางแผนการรบผิดพลาด ) ซึ่งคล้ายคลึงกับ การพ่ายแพ้ของ อ้วนเสี้ยว ในยุทธการ กัวต๋อ ( สามก๊ก )


    ข้อความ 146

    1. ดิฉันเพิ่งมีและเพิ่งได้อ่านเอกสารบางส่วนจากพงศาวดาร และคำให้การชาวกรุงเก่าที่ค้นจากหอสมุด อ่านแล้ว "อุ!แม่เจ้า" มากๆ คือภาพลักษณ์พระเจ้าเอกทัศน์โดนป้ายสีจนยับเยินไม่มีดีเลย โอ..ตาเถร...คุณพระช่วย...เล่นใส่ร้ายกันแบบไม่ต้องระลึกชาติได้ก็จับโกหกได้ค่ะ เช่น บอกว่าพระเจ้าเอกทัศน์หนีสงครามกรุงแตกแล้วไปอดตาย คือจะบอกว่าพระเจ้าเอกทํศน์ขี้ขลาดและไร้น้ำยาอย่างที่สุดกระมัง จริงๆแล้ว คนเรานะคะ สมมติว่าหนีตาย สมัยนั้นไปทางไหนก็ป่าทั้งนั้น คนเราลองถ้าเข้าป่าละก็ไม่มีทางอดตายค่ะ และถ้าคนๆหนึ่งตายโดยไม่มีแผล จะดูออกได้ง่ายหรือว่าอดตาย
    2. แต่ความจริงคือพระเจ้าเอกทัศน์สู้จนตายในสงครามกรุงแตก คิดดูนะคะ ข้าศึกหรือกบฏมีหรือจะปล่อยให้กษัตริย์ที่ตนคิดล้มล้างนั้นหนีไปได้
    3. อีกประการหนึ่ง เท่าที่เคยเห็นและจำได้จากนิมิตรฝันนั้น พระเจ้าเอกทัศน์รูปงามและไม่เป็นโรคเรื้อนแน่นอน และพระองค์ว่าราชการด้วยพระองค์เองในฐานะกษัตริย์ที่มีพรหมวิหารสูง ไม่ได้ครองตำแหน่งราชาแต่ไม่ทำอะไรเลยแล้วให้เจ้าฟ้าอุทุมพรทำแทนดังพงศาวดารกล่าวเลย เห็นอย่งนี้แล้วก็ปลงได้ว่าการเมืองสมัยไหนก็สาดโคลนใส่กันด้วยเป็นธรรมชาติของการเมืองกระมัง


    ข้อความ 147

    ตอบ คุณ อ้อย ดังนี้
    1 เรื่องที่ พระเจ้าเอกทัศน์ เป็นโรคเรื้อนนั้น มีบันทึกในเอกสารของบาตรหลวงฝรั่งเศส โดยบันทึกว่า " มีการลือกันว่าพระองค์ ( พระเจ้าเอกทัศน์ ) เป็นโรคเรื้อน ย้ำแค่ข่าวลือ
    2 หลักฐานพม่าน่าเชื่อถือกว่า หลักฐานพม่าบันทึกว่า พระเจ้าเอกทัศน์ สวรรคตกลางสนามรบโดยต้องปืนสิ้นพระชนม์ตอนกรุงแตก
    3 เรื่อง พระเจ้าเอกทัศน์ ไม่ทำอะไรนั้น นั้นอาจมาจากสาเหตุ สงครามอลองพญา อย่างแน่นอนเพราะในสงครามครั้งนั้น คำให้การต่างๆบันทึกว่าพระเจ้าอุทุมพร ลาผนวชมาช่วยรบ ( มาช่วยป่วนมากกว่า )
    4 ข้อ 3 นั้นเป็นธรรมดาของผู้มีอำนาจจะกระทำการบิดเบือนประวัติศาสตร์ แต่ทว่า คนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้หาก วีรบุรุษ ( กลุ่มกบฏกลุ่มนั้น ) ในสายตาของไทยกลายเป็นคนมีภาพลักษน์เลวร้ายจึงพยายามปฏิเสธและที่สำคัญคนไทยถูกปลูกฝังให้เทิดทูน วีรบุรุษ ( กบฏกลุ่มนั้น ) อย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยประวัติศาสตร์ ฉบับ ล้าหลังคลั่งชาติ ที่ไมยอมเปลี่ยนแปลงซักที หน่ายๆจริงๆ



    ข้อความ 148

    ลืมไปอีกอย่างหนึ่ง ในหลักฐานพม่า ได้บันทึกอย่างชัดเจนว่าหลังจากตีกรุงศรีอยุธยาได้แล้วให้จับ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา มาให้จงได้ ด้วยเหตุนี้จึงยากที่พม่าจะปล่อยให้ พระเจ้าเอกทัศน์ มีชีวิตอยู่ ถ้า พระเจ้าเอกทัศน์ยังอยู่ก็เท่ากับว่า กรุงศรีอยุธยาไม่ส้นอำนาจไปในทันที กษัตริย์อยู่ที่ไหน รัฐบาลกลางก็อยู่ที่นั้น เมืองหลวงก็อยู่ ณ ที่ตรงนั้น ไม่จำเป็นว่าต้องเป็น กรุงศรีอยุธยาเสมอไป เหมือนอย่างในสมัย พระนารายณ์ ที่ไปประทับอยู่ที่ ลพบุรีเป็นเวลา 9 เดือนภายใน 1 ปี และโดยเฉพาะอย่ายิ่งช่วง 10 กว่าปีก่อนสิ้น รัชกาลทรง ประทับอยู่ที่ ลพบุรีตลอด จนถูก พระเพทราชายึดอำนาจได้ในที่สุด



    ข้อความ 183

    ในฐานะอดีตนักศึกษาโบราณคดีนะคะ ขอแจมด้วยคน ในประเด็นสาเหตุการเสียกรุง

    พม่าวางแผนล้อมเมืองไว้เป็นเวลายาวนาน ค่อยๆ ก่อไฟ จากด้านนอก ตอนนั้น กรุงศรีฯ กำลังชะล่าใจ อยู่ในภาวะสงบศึก และก็ไม่สนใจตั้งกองทัพรบ เพราะคิดว่า ปราบพม่าอยู่หมัดแล้ว

    ฐานทัพของพม่าค่อยแทรกซึมจากภายนอกวัง จุดไฟเผาเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงภายในวัง ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และเผาวังราบเป็นหน้ากองภายใน 7 วัน

    ไม่ใช่เพราะพระเจ้าแผ่นดินอ่อนแอ แต่เป็นเพราะประมาท คิดว่า ชนะพม่า พม่าไม่กล้าทำอะไรเราแล้ว เกรงกลัวเราแล้ว ก็เลยจบลงด้วยประการฉะนี้แล

    แสดงความคิดเห็นแค่ประเด็นนี้นะคะ ประเด็นอื่น ไม่ได้ศึกษาค้นคว้าค่ะ



    ข้อความ 185

    คุณแดดเช้าเรียนมาทางโบราณคดีเหรอคะ ดีจังเลย บางทีอาจจะขอรบกวนถามถึงหลักการในองค์ความรู้อะไรบางอย่าง จะได้ไหมคะ

    แต่เรื่องประวัติศาสตร์ ดิฉันเองก็ยังอ่านน้อยอยู่ดี เพราะอ่านๆ แล้วขัดใจว่าประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือนไปเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม และพื้นนิสัย ก็ไม่ได้สนใจทางนี้มากนัก
    บังเอิญสนใจในตอนหลังเพราะอัตตาก็ว่าได้ค่ะ แต่จะพยายามเกลาๆ ตัวเองไว้ ต้องช่วยๆ กันนะคะ คุณแดดเช้า

    ส่วนการเสียกรุงนั้น เป็นเพราะไส้ศึกเป็นหลักค่ะ กรุงศรีอยุธยาไม่ได้ประมาท พม่าได้ข้อมูลลับเชิงยุทธศาสตร์จากขุนนางบางคน

    เขียนอย่างนี้แล้ว เหมือนว่าใจตัวเองเคืองๆ ขุนนางกบฏคนนั้นอยู่บ้าง คุณขุนนางอยุธยาก็เคืองก็เค้าด้วยใช่มะ? เราเคืองเพราะติดในสัญญา (ความจำได้ในตัวตน) ใช่ไหม ทีนี้ เราก็รู้จุดอ่อนของตนแล้วหละ แต่ออกจากตัวตนของตนในแต่ละระดับนั้นยากชะมัดเลยค่ะ คุณแดดเช้า



    ข้อความ 186

    1 สิ่งที่ คุณ แดดเช้า กล่าวมาในเรื่องการที่ กรุงศรีอยุธยาประมาทนั้นถูกบางส่วน กล่าวคือ ทางฝ่ายเราคาดคิดว่า พม่าจะถอนทัพไป หากฤดูนำหลากมาถึง จึงไม่ได้เตรียมการรับมือพวกข้าศึก หากมันไม่ถอนทัพ
    2 ขอแนะนำให้ คุณ แดดเช้า คุณ อริสโตเติล และ ทุกๆท่าน อ่านงานประวัติศาสตร์นิพนธ์ ของ อ. สุเนตร ชุตินธรานนท์ : สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2
    3 บอกตามตรงว่าแค้น ขุนางคนนั้นอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่เท่ากับที่ คนไทยส่วนใหญ่ยังลับหูลับตาเชื่อประวัติศาตร์จากพงศาวดารของ กบฏ คนนั้น อย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งที่ในปัจุบันมี นักประวัติศาตร์หลายคนได้ศึกษาและวิจัยประวัติศาตร์ช่วงนี้ และได้ตีความออกมาใหม่แล้ว ถึงกระนั้นคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อพงศาวดาร ( ที่ถูกชำระด้วยนำมือของกบฏกลุ่มนั้น ) มากกว่าหลักฐานชิ้นอื่นๆ ที่น่าสนใจและน่าหยิบนำมาศึกษา




    ข้อความ 187

    คุณขุนนางคะ

    ที่คนส่วนใหญ่เชื่อตามพงศาวดารก็เพราะกระทรวงศึกษารุ่นเราเป็นเด็ก (รุ่นปัจจุบันทำหรือเปล่าไม่รู้) เขาบรรจุเรื่องจากพงศาวดารไว้ในหลักสูตรตั้งแต่สมัยประถม เด็กประถมก็จำกันไป รุ่นดิฉันยังถูกสอนให้จำ ไม่ได้สอนให้คิดนะคะ เพิ่งมาหัดคิดมากขึ้นตอนมัธยมปลายแน่ะ (ถูกฝังหัวตามข้อมูลที่ผู้ใหญ่ต้องการหลายปีเลยค่ะ)

    ส่วนหนังสือที่นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ที่ใช้สติปัญญาวิเคราะห์ประวัติศาสตร์เหล่านั้น คงยังไม่แพร่หลายนัก คนจึงฝังใจกับข้อมูลเดิมๆ ที่กระทรวงศึกษาให้มา

    อีกอย่างหนึ่ง สื่ออื่นๆ ก็เล่นตามพงศาวดารด้วยใช่ไหม มันเหมือนกับว่าคนเราต้องการฮีโร่ในความเป็นตัวตนของเผ่าพันธุ์เหมือนกันนะคะ

    เรื่องอย่างนี้ เข้าใจอยู่ค่ะ ส่วนความเคืองต่อพวกกบฏเหล่านั้น ดิฉันต้องเลิกเคืองถึงจะถูก พวกนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยแล้ว เคืองไปก็เท่านั้น แม้แต่บุญมา ในชาตินี้ เขาก็จำอะไรในกาลก่อนไม่ได้เลย อย่างมากก็แค่สงสัยตัวเองว่าทำไมรู้สึกดีต่อดิฉัน รู้สึกผูกพันทางใจต่อดิฉันเรื่อยมาตั้งแต่เด็ก
    ดิฉันเองก็ต้องคิดว่า เขาก็เหมือนเป็นคนละคนกันแล้วกับบุญมาในชาติก่อน เกินวิสัยทั่วไปที่เขาจะจำอดีตอันไกลโพ้นได้

    ถ้าต้องเจ็บหรือขุ่นมัวเพราะอัตตาในชาตินี้ด้วย อัตตาในชาติก่อนด้วย ดิฉันว่ามันหนักเกินไป...ดิฉันบอกตัวเองอย่างนี้ค่ะ (นี่ไม่ได้เพ้อเรื่องบุญมานะคะย่อหน้านี้ ดิฉันหมายถึงเรื่องกบฏด้วย)



    ข้อความ 497

    ถึง คุณ ขุนรองปลัดชู
    1 คุณ อ้อย กล่าวถูกต้องยิ่งหนังที่ว่า ถ้า พระเจ้าเอกทัศน์ อ่อนแอจริงทำไมจึงครองราชย์ได้นานถึง 9 ปี หากอ่อนแอจริงป่านจริงคงถูกขุนนางรวมหัวกันทำรัฐประหารจนสำเร็จไปนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายรัชกาล พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษนั้นมีการแข่งขันกันสูงมากในการแต่งตั้งวังหน้า หากอ่อนแอจริงคงเสร็จกรมหมื่นเทพพิธ เหมือน เจ้าฟ้ากุ้ง อย่างแน่นอน
    2 หลักฐานที่กล่าวว่า พระเจ้าเอกทัศน์ เป็นกษัตริย์ทีเข้มแข็งนั้น คือ พงศาวดารพม่า เนื่องด้วยพงศาวดารพม่าได้บรรยายวิธีการป้องกันพระนครของพระเจ้าเอกทัศน์ไว้ว่าฝ่าย " พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา " ( พระเจ้าเอกทัศน์ ) ทรงจัดทัพออกตีเรา ( พม่า ) อยู่บ่อยครั้งแต่ก็พ่ายแพ้แตกทัพกลับไปหมดสิ้นถึงกระนั้นก็ดี พระองค์ก็ยังไม่ทรงหย่อนพระหัตถ์ลดความพยายามต่อการโจมตีของเรา ( พม่า ) มิหนำซ้ำพระองค์ยังทรงสร้างค่ายกว่า 50 ค่ายล้อมพระนครและเพิ่มกำลังพลประจำเชิงเทินมากขึ้น

    หมายเหตุ : คัดมาจากมหาราชวงศ์พงศาวดารพม่า



    ข้อความ 555

    ถึง คุณ คนรักชาติ ดังนี้

    หลักฐานในพระราชวิจารณ์จดหมายเหตุของกรมหลวงนรินทรเทวี ว่าด้วยเรื่อง การประกาศกฏห้ามยิงปืนใหญ่ก่อนขออนุญาติศาลาลูกขุน ซึ่งในทางยุทศาสตร์แล้วขาดความเป็นเหตุเป็นผลกับหลักฐานในพงศาวดารอยุธยาทุกฉบับ ที่ระบุว่าพม่าเอาเพลิงจุดเชื้อที่รากกำแพงจนกำแพงทรุดจึงบุกเข้ากรุงได้ กล่าวคือ หากปืนใหญ่บนเชิงเทินของทางฝ่ายอยุธยามีมันต้องหยุดยิงอยู่บ่อยครั้งจริง กองทัพพม่าไม่จำเป็นต้องขุดอุโมงค์มาจุดไฟเผารากกำแพงให้ยุ่งยากและเสียเวลาโดยใช่เหตุ กองทัพพม่าสามารถที่จะทุ่มกำลังขับพลบุกปีนกำแพงพระนครด้านใดด้านหนึ่งเพื่อโจมตีก็ได้ แต่เหตุที่ฝ่ายพม่าขุดอุโมงค์มาจุดไฟเผารากกำแพงแทนการยกพลปีนกำแพงก็เพราะปืนใหญ่บนเชิงเทินของฝ่ายอยุธยาในมีอานุภาพร้ายแรงและทำการได้มีประสิทธิภาพได้ผลทุกคราไป จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายพม่าจำต้องเปลี่ยนยุทธวิธีการโจมตีจากการยกพลปีนกำกำแพงบุกตีมาเป็นการขุดอุโมงค์เพื่อหลบกระสุนปืนใหญ่ของทางฝ่ายอยุธยาที่ทรงอานุภาพยิ่ง ถึงจะต้องเสียเวลาและยุ่งยากในการปฏิบัติการด้านโยธาทั้งที่ในยุคนั้นการปฏิบัติการด้านโยธายังล้าสมัยอยู่ ( จอบ เสียม เผลอๆใช้มีขุดด้วยซ้ำไป ) แต่ก็เป็นวิธีการที่คุ้มค่ากว่าเพราะไม่ต้องเสี่ยงกับกระสุนปืนใหญ่ที่ทรงประสิทธิภาพของทางฝ่ายอยุธยา



    ข้อความ 581

    ตอบ คุณ มิว ดังนี้
    การที่ใครก็ตามขึ้นเป็นกษัตริย์ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็น เจ้าฟ้ากุ้ง พระเจ้าอุทุมพร พระเจ้าเอกทัศน์ หรือ พระราชโอรสของ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ องค์อื่นก็ตามที่หากไม่มีขุนนางคิดทรยศ พระเจ้าแผ่นดิน แล้วไซร้ กรุงศรีอยุธยาก็ไม่แตกหรอก



    ข้อความ 610

    เรื่องราวก็ได้ล่วงเลยผ่านมา เกินกว่า 200 ปีมาแล้ว ถึงแม้ เราจะได้รู้ซึ้งถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต (มันก็ไม่อาจสามารถที่จะไปร้องขอให้เชาชำระประวัติศาสตร์เสียใหม่ได้) สิ่งที่ได้อ่าน สิ่งที่ได้รับรู้ ก็เป็นเรื่อง เฉพาะกลุ่มบุคคล แม้แต่ในกระทู้นี้ ก็ยัง แบ่งออกเป็นสองผ่าย
    หากจะบอกว่า.....อะไรทำให้กรุงแตก นั้นหรือ
    จะว่าไป มันแตกก่อนที่พม่า จะเข้าตีเสียอีก
    พม่าเองก็ได้เตรียมตัว และตั้งใจเข้ามาลบอาณาจักรอโยธาออกจากแผนที่อยู่แล้ว (ในฐานะที่แอบหนุนหลัง มอญ กระเหรี่ยง ไทยใหญ่ ฯลฯ) พม่า เตรียมตัวมาตี กรุงศรีฯ ใช้เวลาถึง 3 ปี เป็นอย่างน้อย ศึกษาลู่ทาง รวมถึงการรบของเรา เขาก็รู้เป็นอย่างดี อย่างนี้แล้วกรุงศรีฯ จะเหลืออะไร อีกทั้ง ยังแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายในวงใน วงนอกอีก ต่างฝ่ายต่างก็รู้ ดูเชิงกันไปดูเชิงกันมา อาจเห็นว่า ศึกใหญ่ ยังอยู่ไกลตัว
    อีกทั้ง กลุ่มต่าง ๆ ก็ ยังอาจจะเกี่ยงกันในเรื่องสงคราม ไม่มีกลุ่มใดเลยที่จะคิดว่ากรุงแตก เพียงคิดว่า หากเกิดสงคราม ฝ่ายกษัตริย์ ทำสงครามเสร็จ คงจะหมดเรี่ยวแรงที่จะมาต่อกรกับตน เขาได้รอกันเพียงนั้น จน ผ่านฤดูน้ำหลากมา....ต่างผ่ายต่างก็สดุ้ง เห็นว่า พม่าไม่กลับแน่แล้ว เริ่มจะคิดหาลู่ทางใหม่ ๆ (แต่ในเบื้องลึกนั้น ว่าเขาไปกันอย่างไร ทั้งที่มี ทหารเพียงแค่นั้น อย่าไปนึกถึงเลย...มันช้ำ)....
    เพียงแค่ว่า ณ วันนี้ เรามีตรงนี้ก็นับว่าดีแล้ว อย่างน้อย หลายคนก็รู้ว่า เหตุกาสรณ์ ในตอนนั้น มันเป็นเยี่ยงไร ทำไม มันก็น่าจะสุขใจในสิ่งที่อยากรู้แล้วไม่ใช่หรือ



    ข้อความ 611

    สวัสดีครับทุกๆท่าน ผมมีเรื่องที่อยากจะเล่าซักหน่อยนึงครับ คือเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆที่ชอบกรุงศรีอยุธยาได้ไปเที่ยวอยุธยากันมา ได้ไปปั่นจักรยานชมโบราณสถานเก่าอย่างเพลิดเพลินและมีความสุข ถึงแดดจะร้อนสักเพียงใด ข้าพเจ้าก็มีความสุข แต่เรื่องที่อยากจะเล่าและอยากถามผู้รู้มีดังนี้ครับ ผมได้ไปพักที่โฮมสเตย์ที่ชุมชนรางจรเข้ อ.เสนา เมื่อไปถึงบ้านพักมันทำให้ข้าพเจ้าย้อนนึกไปถึงอดีตครั้งกรุงศรีฯ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูน้ำหลากเข้าท่วมทุ่ง ท่วมบ้านเรือน จนมองเหมือนทะเล บ้านเรือนแถวนี้เป็นบ้านสองชั้นใต้ถุนสูง มีเรือจอดอยู่ใต้ถุน อยู่กันแบบพอมีพอกินคือ เก็บผัก จับปลากินกันในบริเวณนั้นเช่น ข้าพเจ้าได้ไปลงข่ายที่ทุ่งนาโดยใช้เรือพายไป มันทำให้นึกขึ้นได้ว่าพวกพม่ารามัญคงจะต้องเตรียมตัวมาตีกรุงศรีฯให้แตกให้ได้คราวกรุงเสีย เพราะน้ำที่ท่วมทุ่งนั้นสูงประมาณ 1.20 เมตรแต่คราวเสียกรุงพวกพม่ามันถมดินเป็นดอนใช้อยู่ ใช้เลี้ยงช้างเลี้ยงม้า มันถึงไม่ต้องกลับพม่า เมื่อน้ำลดมันก็เริ่มปฏิบัติการต่อได้ บริเวณชุมชนวัดรางจรเข้มีเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยอดีตต่างๆที่น่าสนใจ เช่นวัดรางจรเข้แต่เดิมเป็นที่อยู่ของชาวไทยพุทธและมุสลิมจากชวา แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีมุสลิมแล้วและในคลองเต็มไปด้วยจระเข้ วัดเจ้าเจ็ดก็มีประวัติดังนี้คือเมื่อตอนเสียกรุง กรุงถูกเผาทำลายได้มีเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงได้ทรงหนีภัยสงครามมาจากอยุธยาและมาพักอาศัยอยู่มราบริเวณวัดเจ้าเจ็ด 7 พระองค์ เมื่อเสร็จศึกพม่าออกไปจากไทยหมดแล้วเจ้าทั้ง 7 องค์จึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมาชาวบ้านให้ชื่อว่าวัดเจ้าเจ็ดจนทุกวันนี้ และยังมีศาลเจ้าที่ใช้ชื่อว่าศาลเจ้าขุน....(ผมจำไม่ได้) มีอยู่2ศาลแถวติดกับจ.อ่างทองและก็ยังมีอีกหลายๆเรื่องครับ กลัวทุกคนเบื่อที่จะฟัง แต่ถ้าอยากจะฟังเรื่องที่ผมถามชาวบ้านแถวนั้นมาก็บอกได้ครับและถ้าใครอยากจะไปเที่ยวโฮมสเตย์ที่ชุมชนรางจรเข้ก็บอกมาได้ ผมจะให้เบอร์ติดต่อไป สนุกครับและประทับใจรับประกัน 2วันกับอีก1คืน
     
  6. Ayumi_NaraK

    Ayumi_NaraK สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    แงๆๆๆๆ T^T หนูกลัววว หนูยังไม่อยากตายน๊า หนูยางเด็กง่า
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทะเลร้อนๆ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 กรกฎาคม 2549 15:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัย และฝึกอบรม การเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ข่าวถึงปรากฏการณ์ทะเลร้อนที่เกิดขึ้นในอ่าวไทยอย่างต่อเนื่องยาวนานประมาณ 2 เดือน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปะการัง ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'ปะการังฟอกขาว' กระทั่งอาจถึงตายในที่สุด

    บางคนอาจตั้งคำถามว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับคน-ปะการังจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศใต้ทะเล ความเสียหายที่เกิดกับปะการังย่อมสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศใต้ทะเล ความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ

    และในอีกด้านหนึ่งการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิของน้ำทะเลเพียง 1 องศาเซลเซียสก็อาจส่งผลกระทบต่อมนุษย์ได้

    ดังเรื่องราวต่อไปนี้...

    -1-

    "ปกติเราจะมีเครือข่ายที่ทำการตรวจวัดติดตามเรื่องอุณหภูมิน้ำทะเลอยู่เป็นระยะๆ โดยใช้ดาวเทียมติดตามทั่วทั้งโลกว่า น้ำทะเลจุดไหนมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติหรือเปล่าในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เป็นข้อมูลพื้นฐานธรรมดา แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราค่อนข้างจะกังวลก็คือน้ำทะเลที่มันร้อนขึ้นในบางพื้นที่ มันอาจจะมีผลต่อปะการัง ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวได้

    "คือเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา (เมษายน-พฤษภาคม) จนถึงประมาณต้นเดือนมิถุนายนอุณหภูมิในอ่าวไทยมันสูงกว่าปกติ แต่ตอนนี้มันกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว คืออยู่ดีๆ อุณหภูมิมันขึ้นสูงกว่าปกติโดยที่เราไม่ทราบสาเหตุ มันขึ้นสูงอยู่ประมาณ 4-6 อาทิตย์ อุณหภูมิก็กลับสู่ภาวะปกติ"

    โดยปกติการเพิ่มหรือลดลงของอุณหภูมิน้ำทะเลเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่เมื่อใดที่การเพิ่มหรือลดของอุณหภูมิน้ำทะเลดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็อาจจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ และจำเป็นจะต้องเฝ้าสังเกตสังกา เนื่องจากอุณหภูมิจะส่งผลกระทบกับปะการัง

    ดร.อานนท์เล่าว่าโดยปกติจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลอุณหภูมิของน้ำทะเลทุกตำแหน่งบนโลกย้อนหลังเป็นระยะยาว และนำข้อมูลในแต่ละช่วงเวลาของทุกปีมาหาค่าเฉลี่ย เพื่อใช้เป็นค่าเกณฑ์ของอุณหภูมิน้ำทะเลที่ควรจะเป็น แต่ในช่วงเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมาปรากฏว่าอุณหภูมิน้ำทะเลบริเวณอ่าวไทยเพิ่มขึ้นสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

    "ช่วงที่ผมแถลงอุณหภูมิของน้ำทะเลเกือบจะทั้งอ่าวไทยสูงกว่าปกติประมาณ 1.5 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะบริเวณกลางๆ ของอ่าวไทย และมันสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบๆ 5-6 อาทิตย์ คือไม่ใช่ผมเป็นคนเตือนหรอกครับ ทุกหน่วยงาน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเขาก็ได้รับข้อมูลเตือนเหมือนกัน"

    -2-

    บ่อยครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ผิดปกติทางธรรมชาติขึ้นครั้งไร มนุษย์ก็มักจะถูกโบ้ยให้เป็นจำเลยเสมอมาซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ดี เพราะมนุษย์เราก็ทำร้ายโลกจนบอบช้ำมามากต่อมาก

    แต่กับปรากฏการณ์ทะเลร้อน มนุษย์โชคดีหน่อยที่รอดตัวจากการเป็นจำเลยในคดีนี้

    แม้ว่าในทางวิทยาศาสตร์จะยังไม่สามารถหาเหตุผลที่แน่นอนของปรากฏการณ์ทะเลร้อนที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็พอจะสันนิษฐานถึงสาเหตุได้ 2 ข้อ หนึ่ง-เกิดการบล็อกการไหลเวียนของน้ำทะเลในอ่าวไทยกับทะเลจีนใต้ไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนกัน และสอง-เกิดการไหลวนตามเข็มนาฬิกาของน้ำทะเลในอ่าวไทยจึงไม่เกิดการแลกเปลี่ยนกับน้ำทะเลในทะเลจีนใต้

    "ถ้าถามว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรได้บ้าง มันก็มีคำอธิบายอยู่ แต่ว่าจะใช้หรือเปล่าเราไม่ทราบ สาเหตุข้อหนึ่งคือน้ำในอ่าวไทยจะต้องมีการแลกเปลี่ยนกับทะเลจีนใต้ตลอดเวลา กระบวนการแลกเปลี่ยนที่สำคัญคือจะมีน้ำเย็นจากทะเลจีนใต้ไหลล้นเข้ามาในอ่าวไทย แล้วดันเอาน้ำผิวน้ำซึ่งร้อนกว่าไหลออกไป แต่ถ้ามันเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่บล็อกเอาไว้ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ เช่น บางครั้งมีมวลน้ำจืดจากแม่น้ำโขงไหลพาดลงมาเป็นปริมาณมากมากองรวมกันอยู่ตรงบริเวณปากแม่น้ำโขง มันก็จะไปขัดขวางการไหลเวียนของน้ำเค็มตรงนี้ก็มีความเป็นไปได้

    "หรือว่าบางครั้งการไหลเวียนของน้ำในอ่าวไทยเกิดไหลอยู่ข้างในลักษณะตามเข็มนาฬิการุนแรงกว่าปกติ มันก็จะทำให้เกิดการสะสมของน้ำตรงกลางแล้วไม่ยอมไหลออก ส่วนจะไปบล็อกน้ำจากทะเลจีนใต้หรือไม่ นั่นเป็นคนละสาเหตุ เป็นต้นว่าปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากลม น้ำขึ้น-น้ำลง สาเหตุสำคัญมันเป็นลักษณะกระบวนการทางฟิสิกส์ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มีใครเอาอะไรไปใส่ในน้ำแล้วทำให้มันร้อนขึ้นมา"

    ดร.อานนท์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์นี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมือมนุษย์

    "เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับมนุษย์แน่ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่โดยตรง แต่ถ้าคุณโยงไปถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศก็อาจจะโยงไปได้ห่างๆ แต่มันยังไม่ชัดเจน ฉะนั้น การที่เราจะบอกว่าเป็นฝีมือของมนุษย์โดยตรงคงไม่ได้แน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ"

    -3-

    ก่อนที่จะพูดถึงผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ ลองไปดู ไปฟังกันก่อนว่าผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งมีชีวิตในทะเลนั้นจะมีอะไรบ้าง

    ส่วนคนที่จะมาพูดเรื่องทะเลๆ ได้ดีในชั่วโมงนี้ก็คงจะมีไม่กี่คน และไม่กี่คนที่ว่าย่อมต้องมีชื่อของเขา แฟนพันธุ์แท้ทะเลไทย ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.ธรณ์พูดถึงเรื่องปะการังฟอกขาวว่า

    "ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Coral Bleaching เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับปะการัง ...คือต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่าปะการังเป็นสัตว์ แต่มันมีสาหร่ายเซลล์เดียวอาศัยอยู่ด้วย เมื่อสภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ปะการังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งขึ้นมาคือการปล่อยสาหร่ายออกไปจากเนื้อเยื่อ คำถามคือปล่อยทำไมตรงนี้เรายังไม่สามารถตอบได้

    "พอปล่อยไปปุ๊บ สีของปะการังจะเปลี่ยนไป เป็นสีชมพูดเรื่อๆ จนท้ายสุดก็จะกลายเป็นสีขาว จริงๆ แล้วสีของปะการังที่เราเคยเห็นว่ามีสีเขียว สีแดง มันเป็นสีของสาหร่าย ตัวปะการังจริงๆ ส่วนใหญ่จะใส เพราะฉะนั้นการที่มันปล่อยสาหร่ายไปหมด เมื่อเรามองลงไปเราก็จะเห็นหินปูนที่อยู่ข้างในเป็นสีขาว แล้วหลังจากนั้นเนื้อเยื่อมันก็จะค่อยๆ หลุด ค่อยๆ ตายไป"


    สาเหตุการเกิดปะการังฟอกขาวที่พบเป็นประจำคือการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ในทะเลไทยจะเกิดจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของน้ำทะเลมากกว่าการลดลง และปะการังแต่ละชนิดก็มีความทนทานต่างกันไป เช่น ปะการังเขากวางหรือปะการังโปะค่อนข้างจะเป็นปะการังบอบบางและเสี่ยงตายกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวมากกว่าปะการังก้อน

    "ดังนั้น ปลาผีเสื้อหรือปลาชนิดอื่นที่อาศัยปะการังเขากวางเป็นบ้านก็จะลดน้อยลงหรืออาจจะหายไปจากพื้นที่เลยก็เป็นไปได้ แต่ถ้ามันรุนแรงมากๆ ปะการังทั้งหมดตายเหี้ยนหมด สัตว์น้ำก็จะหายไปเกือบหมดเลย เพราะถ้าไม่มีปะการังซึ่งเป็นตัวหลักของระบบนิเวศ เป็นที่อยู่อาศัย เป็นผู้ผลิตอาหาร พวกสัตว์น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพก็จะลดลงอย่างฮวบฮาบอย่างเห็นได้ชัด"

    ดร.ธรณ์ยังได้ยกตัวอย่างที่ปรากฏการณ์ดอกไม้ทะเลสีทองที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ว่า

    "หรืออย่างข่าวดอกไม้ทะเลสีทอง นั่นก็เป็นผลจากปรากฏการณ์ทะเลร้อน อย่างแรกเลยนั่นไม่ใช่ดอกไม้ทะเลแต่เป็นปะการังอ่อน ปะการังอ่อนพวกนี้ปกติมันมีสีเขียวอ่อนๆ โดยมันอาศัยอยู่ในน้ำตื้น และเมื่ออุณหภูมิเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ปะการังอ่อนแถวนั้นก็เลยมีสีผิดปกติ เรืองแสง ออกสีทองๆ เพราะมันกำลังเกิดการฟอกขาว แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะตายนะครับ มันอาจจะฟอกขาวแต่ไม่ตายก็ได้ สมมติถ้าเกิดฝนตกเยอะมาช่วยมันอาจไม่ตายก็ได้"

    แม้ปรากฏการณ์ทะเลร้อนเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถป้องกันได้ แต่การเกิดปะการังฟอกขาวก็ใช่ว่ามนุษย์จะช่วยอะไรไม่ได้เลย ดร.ธรณ์บอกว่าทางเดียวที่ทำได้ก็คือการอนุรักษ์ทะเลและแนวปะการังอย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

    "สิ่งเดียวที่เราทำได้คือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะต้องมีแนวทางการจัดการในเรื่องการอนุรักษ์อย่างดี ยกตัวอย่าง บางพื้นที่ถ้าการจัดการอนุรักษ์ปะการังไม่ดี คือต้องบอกก่อนว่าปะการังฟอกขาวมันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เพียงแต่จะมาคิดว่ายังไงมันก็ตายอยู่ดี ก็ปล่อยๆ ไป ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นแนวปะการังที่สมบูรณ์ เป็นปะการังที่แข็งแรง ถึงแม้จะเกิดปะการังฟอกขาว ปะการังตายไป มันก็จะกลับมาอย่างรวดเร็ว อาจจะใช้เวลาไม่กี่ปีมันก็กลับมาแล้ว"

    -4-

    "ทะเลร้อนมันส่งผลกับมนุษย์แน่นอน ผลกระทบสำคัญคือเรื่องภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ำทะเลเพียงหนึ่งองศา มันทำให้ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงได้มากเลย เพราะการที่จะทำให้น้ำทะเลเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียสต้องใช้ความร้อนมหาศาล เนื่องจากน้ำทะเลทั้งโลกมีปริมาณเยอะมาก และน้ำทะเลมันมีความจุความร้อนสูง การที่จะทำให้น้ำเย็นขึ้นหรืออุ่นลง ต้องเอาพลังงานใส่เข้าไปหรือว่าดึงออกมาจำนวนมาก และการที่อุณหภูมิมันเปลี่ยนขนาดนั้นแล้ว จึงมีผลกับระบบการถ่ายทอดพลังงานของทั้งโลก และพลังงานที่อยู่ในน้ำทะเลจะเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนระบบลมทั้งหมดของโลก

    "การที่โลกเรามีลมก็เพราะความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างพื้นที่ที่ไม่เท่ากัน ความร้อนที่ไม่เท่ากันจึงเป็นตัวขับเคลื่อนลม ดังนั้น ถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนไปเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็อาจทำให้ลมพัดแรงขึ้นหรือเบาลงได้อย่างมาก ลมจะพัดจากที่เย็นไปหาที่ร้อนเสมอ ขึ้นอยู่กับตรงไหนร้อนขึ้นหรือเย็นขึ้น การที่ฝนตกหรือไม่ตกก็ข้องเกี่ยวกับเรื่องลม"

    ดร.อานนท์ยังบอกอีกด้วยว่า สิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อโลกก็คือความเค็มและอุณหภูมิของน้ำทะเล 2 สิ่งนี้มีผลต่อโลกในระดับหายนะหากเกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนกับที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow (แน่นอนว่าความจริงคงไม่ถึงขนาดนั้น ผู้กำกับเขาแต่งเติมเข้าไปเยอะ) เพราะทะเลคือผู้กำหนดสภาพภูมิอากาศของโลก

    แม้ปรากฏการณ์ทะเลร้อนจะโยงใยได้เพียงไกลๆ กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่สุดท้ายธรรมชาติก็ยังคงเกี่ยวพันกันไม่สุดสิ้น

    ดร.ธรณ์บอกถึงแนวโน้มอุณหภูมิของทะเลที่เพิ่มขึ้นให้ฟังว่า

    "เรามีการบันทึกข้อมูลของอุณหภูมิน้ำทะเลกันอยู่ ข้อมูลในที่นี้ไม่ได้เป็นลักษณะเส้นตรงที่เพิ่มขึ้นๆ แต่มันจะกระเด้งขึ้นกระเด้งลงนิดๆ หน่อยๆ แต่แนวโน้มโดยรวมดูจะเพิ่มขึ้น เพียงแต่ว่าในระยะเวลาแค่ 20 ปีจะไปฟันธงว่ามันร้อนมากขึ้นๆ แย่แล้วนะ มันบอกไม่ได้ โลกอายุ 5 พันล้านปี มีบันทึกแค่ 20 ปีการจะไปบอกอะไรให้ชัดเจนเป็นเรื่องยาก แต่มันก็มีแนวโน้มว่าอุณหภูมิมันเพิ่มขึ้น ดังนั้น อะไรที่มันจะช่วยได้ เช่น ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ก็ทำดีกว่า คือทำแล้วมันอุ่นใจ ทำเท่าที่จะทำได้"

    ดร.อานนท์ย้ำอีกครั้งว่า ปรากฏการณ์ทะเลร้อนผิดปกตินี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่สำหรับเรื่องโลกร้อน ดร.อานนท์บอกว่า วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คืออย่าทำให้มันเปลี่ยนซะตั้งแต่ต้น

    ปัญหาก็คือมนุษย์มักไม่ใส่ใจโลก จนกว่าจะถึงวันที่โลกเจ็บป่วยเกินเยียวยาและลงโทษเฆี่ยนตี

    **********************************************

    เรื่อง – กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000086869
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2006
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,424
    โปรแกรมสำหรับเตือนภัยแผ่นดินไหวที่รุนแรง
    มาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เราเวลาออนไลน์อัตโนมัติ

    หลักการทำงาน เมื่อคุณตั้งโปรแกรมนี้
    จะสามารถกำหนด ริคเตอร์ ระดับหน่วยความรุนแรงแผ่นดินไหวขั้นต่ำ
    และกำหนดเสียงเตือน หรือ โปรแกรมอื่นที่ต้องการให้ทำงานเตือนตามต้องการทิ้งไว้
    หากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ๆ ขึ้น
    โปรแกรมจะทำการเรียกเตือนอัตโนมัติ

    โปรแกรมจะเข้าไปเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล
    แผ่นดินไหวของ USGS ของทางสหรัฐ

    ที่สำคัญโปรแกรมนี้พัฒนาขึ้นโดยคนไทย คือ คุณ Tong
    เป็นโปรแกรมดีๆ นำมาฝากครับ

    เข้าไป download ได้ที่
    http://www.taotoon.com/tongsoft/EarthQuake/


    และยังมีอีกตัวครับ..

    เป็น EQuake3D ดูรูปภาพประกอบข้างล่าง ภาพเคลื่อนไหวสามมิติ ดูเพลินดี เลือกกำหนดให้แสดงตามระดับริกเตอร์หรือวันที่เกิดได้

    [​IMG]

    คลิกเพื่อดาวน์โหลด


    เทคนิคการเอาตัวรอดเมื่อเกิดแผ่นดินไหว

    ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับความรุนแรง

    ความสัมพันธ์ของขนาดโดยประมาณกับความสั่นสะเทือนใกล้ศูนย์กลาง

    1-2.9 ริกเตอร์ เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนเริ่มมีความรู้สึกถึงการสั่นไหว บางครั้ง รู้สึกเวียน ศีรษะ

    3-3.9 ริกเตอร์ เกิดการสั่นไหวเล็กน้อย ผู้คนที่อยู่ในอาคารรู้สึกเหมือนรถไฟวิ่งผ่าน

    4-4.9 ริกเตอร์ เกิดการสั่นไหวปานกลาง ผู้ที่อาศัยอยู่ทั้งภายในอาคาร และนอกอาคาร รู้สึกถึงการ สั่นสะเทือน วัตถุห้อยแขวนแกว่งไกว

    5-5.9 ริกเตอร์ เกิดการสั่นไหวรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง เครื่องเรือน และวัตถุมีการเคลื่อนที่

    6-6.9 ริกเตอร์ เกิดการสั่นไหวรุนแรงมาก อาคารเริ่มเสียหาย พังทลาย

    7.0 ริกเตอร์ขึ้นไป เกิดการสั่นไหวร้ายแรง อาคาร สิ่งก่อสร้างมีความเสียหายอย่างมาก แผ่นดินแยก วัตถุที่อยู่บนพื้นถูกเหวี่ยงกระเด็น

    แผนที่แสดงการเกิดแผ่นดินไหวทั่วโลกแบบกึ่งอัตโนมัติ Sesmic monitor - Semi real-time map

    [​IMG]

    เว็บไซต์อ้างอิง seismic monitor

    วงกลม ขนาดใหญ่ เล็ก หมายถึง ขนาดความแรงของแผ่นดินไหว

    สีแดง = เกิดวันนี้
    สีสัม = เกิดเมื่อวาน
    สีเหลือง = เกิดในระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    สีชมพู = เกิดในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2006
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    รหัสแห่งฟ้า...พาแก้ไข !!!

    [​IMG]

    คชสารทั้ง 2 ประดุจดาวบู๊ แข็งทั้งคู่ เมื่อประสานงา ปฐพีย่อมสะเทือน รอบข้างย่อมล้มตาย ท่านทั้ง 2 ก็บาดเจ็บ ไม่มีเหลือแม้แต่ 1 ดุจดั่งขุนเขา(ซัว) ทั้ง 2ลูก เมื่อชนกัน หินผาแตกทำลาย (ซัว+ซัว=ฉุก) ออกทั้งคู่ ...รอบข้างเสียหายไม่มีประมาณ...ธรรมชาติแห่งขุนเขา หากมีไม้หล่อเลี้ยง ก็ร่มเย็น ชนกั็นก็นิ่มนวล (ไม้คือดาวบุ๋น) ผู้ประสานงานทั้ง 2 ฝ่าย เป็นธรรมฑูต เป็นกันชน ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวพัน มีแต่ใจอยากให้หยุด จะพลิกผันจาก-ฉุก เป็น จวก...คือ ออก..เป็น..งอก ดีทั้ง2ฝ่าย ไม่ต้องออกทั้งคู่ (บนหัวของเขาทั้ง 2 ลูก มีไม้รักษาอยู่....ฉุก>จวก...) ส่วนดาวบู๋น ผู้พลิกสถานการณ์ผู้นั้น อยากรู้ว่าเป็นใคร โปรดติดตามต่อไป

    เพิ่มเติมนิดหน่อย..คชสารตนเเรก..รหัสอาทิตย์ นำหน้าด้วยอาทิตย์ ความหมายกลับกลายเป็น น้ำ ,คชสารตน2 รหัสจันทร์ ความหมายน้ำ แต่กลับนำหน้าด้วยคู่ธาตุ ไฟ..เฉพาะตนก็มีความขัดแย้งในตน อาทิตย์ จันทร์ หากกลมกลืน-ก่อเกิดปัญญา,หากขัดแย้ง-ก่อเกิดปัญหา ,หากปะทะรหัส "สาม"เข้าแทรก เพราะคืออาทิตย์+จันทร์=รหัส"สาม" ก็คือ น้ำ+ไฟ=รหัส "บึ้ม" ....ปัญหาอยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจึงประสานอาทิตย์จันทร์ให้กลมกลืน และทำลายรหัส"สาม"ด้วย ,ก็มาถึงคัมภีร์ "อี้จิง"...อาทิตย์เคียงข้างจันทร์=ยิก+ง้วย...=เม้ง แปลว่า ปัญญา =ปราชญ์เมธี หรือดาวบุ๋นนั่นเอง ...ซึ่งเป็นเพื่อนของรหัส..หนึ่ง,เป็นคู่ของรหัส..สอง,เป็นมงคลของรหัส..สาม...ถอดรู๊ททีเดียวสามชั้น...เรามาช่วยกันถอดรหัสเพื่อมวลชน.....(เร็ว)

    มังกรดำ 29/03/2549 (4:30 pm)

    ระวังกลางปีไปแล้ว....ร้ายหนักหนา นิมิตรมีมาว่าพสุธา แยกเป็นสองให้อัศจรรย์ จะเกิดลมพายุวิปริต ไข้หวัดนกเป็นพิษภัยมหันต์ มหาชนจะเข่นฆ่าตายดาษครัน เมืองกรุงนั้นวิปโยคกันอีกครา เมืองหลวงหนาเคยเกษมสุข แสนสนุกยิ่งล้ำเมืองสวรรค์ จะเป็นเมืองวายวอดด้วยอธรรม นับวันจะเสื่อมสูญเพราะกาเมา

    ป.ธ.6 03/04/2549 (11:11 am)

    มนุษย์โลกที่มีทิฐิแรงกล้า คิดว่าลงไม่ได้ หากต่างไม่สำเนียกในสิ่งที่ตนทำอยู่ เมื่อฟ้าลงทัน ยากหลบเลี่ยง ภัยธรรมชาติ และโรคร้ายปางตาย หากเกิดแล้ว เวลานั้นสำนึกก็ป่วยการณ์ รีบกลับใจ สร้างความดี กรรมที่ทำไว้ ครูบาอาจารย์ อาจช่วยให้เบาบางได้ .

    เป็นห่วง 04/04/2549 (1:37 am)

    ก็มันกาเมานี่คร๊าบ มันเลย "บ้า" กันทั้งบ้านทั้งเมือง กาขาวไม่มีใครเอา เอาแต่กาเมา เมา คือ mad @ crazy บ้าศักดิ์ศรี บ้าประชาธิปไตย ตราบใดศีลธรรม จริยาธรรมไม่คืนสู่แผ่นดิน หาสงบ สันติ ยากสสสส

    บาตรทอง 04/04/2549 (1:01 pm)

    ปฐพีนี้ ไม่เคยว่างเว้นคนดี ท่ามกลางพายุฝนหิมะ ไหนเลยจะตกตลอดจนฟ้าแตก ทุกยุคทุกสมัยท่ามกลางศึก--ล้วนก่อเกิดวีรบุรุษ แท้จริงแล้วเกิดจากความอดทนรอ และจิตใจของพวกท่านเอง ว่าจะมองด้านหัวหรือด้านก้อย แล้วอาราธนาปัญญาแห่งพุทธะแก้ไข หากไม่มีเรื่องเลวร้ายที่สุด ไหนเลยจะเกิดสิ่งมงคลสูงสุดมาช่วยแก้ไข !!!

    มังกรดำ 09/04/2549 (12:39 am)

    ขอให้พวกเราที่เป็นธรรมะปฏิบัติธรรมให้มาก เพราะทุกวันนี้ฐานทัพของกลางดำมากเหลือเกิน จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ ชาวไทยทุกหมู่เหล่าต่างได้รับผลกระทบกระเทือนจากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในชาติและเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะภาคพื้นเอเซีย วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำ ผู้บริหารประเทศชาติ เจ้าของยุคคือกลียุค ผู้นำผังเศรษฐกิจวิปโยค เศรษฐศาสตร์วิปริต และเศรษฐศาสตร์เสี่ยงโชครุ่งเรือง ทำให้ปั่นป่วนไปทั่ว เพราะคนจนจะเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น นายทุนเล่นที่ เศรษฐีเล่นคอนโด ผู้มีโชคก็รอดตัว ผู้อับโชคก็อับเฉา เอาตัวไม่รอด ที่มืดกลายสว่าง คือหวยใต้ดินกลายเป็นหวยบนดิน เจ้าของยุคกลางดำให้ทุกข์สาหัสนัก โดยคำนวณบาปศักดิ์สิทธิ์ ใช้กรรมของมนุษย์มาลงโทษกันถ้วนหน้า ให้มนุษย์ขาดพรหมวิหาร 4 ขาดการให้ชีวิต ขาดความรักและการให้อภัย เดือดร้อนไปทั่ว แต่เหนือสิ่งใดให้สบายใจได้ว่า ประเทศไทยจักอยู่รอดปลอดภัย ที่หนักก็เบา ที่เบาพลันสลาย ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมของพระเจ้าอยู่อยู่หัวคุ้มทวยราษฎร์ อีกทั้งยังเป็นปิ่นของศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร ที่ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาทำลายล้างซึ่งอำนาจสิทธินี้ได้

    แว่นแก้ว 11/04/2549 (12:16 pm)

    มนุษย์กาวนี้ (ขอกวนหน่อย กาวจะได้เหนียว อิ อิ) เป็นเพศชาย ธาตุทองอิม รูปร่างพอเหมาะ ผิวอมชมพู ชื่อหมวดอักษรเป็นธาตุไฟกับธาตุดิน จึงก่อเกิดสามารถดับยุคเข็ญของแผ่นดินได้ (แต่อยู่ฉากหลัง) เป็นวงศ์กาศิต พวกสัจจะสัญญา ธาตุธรรมพระเมเตยโย จะเป็นบุคคลพูดคำไหนคำนั้น ส่งผลทันที สยบผู้คนได้ตั้งแต่เบื้องบนจนถึงเบื้องล่าง อักษรธาตุไฟ คือ D J L N T Z อักษรธาตุดิน คือ A W Y E O I U V ตามนิมิตว่าถูกยักษ์ร้ายหักขา คือภัยใต้ เรื่องของเกาะ ๆ คือ ใต้ของประเทศด้วย ฉะนั้นบุคคลนี้จักมีกรรมเป็นกำเนิด เข้ากับงานที่ทำ คือต้องชดใช้กรรมเรื่องขาด้วยตัวของเขาเอง แบบว่าต้องเดิน กะเผลก ๆ ข้างหนึ่ง เป็นเวลาสิบกว่าปีจึงยุติกรรม

    วุ้นเส้น 12/04/2549 (5:07 pm)

    ยังคงย้ำระวังรหัส 789 ต้องเศร้าโศก แสนวิปโยคพระบุรีร้อนทั่วทิศา พสุธาดื่มเลือด....วายชีวา เพราะกาเมามืดมิดในใจชน

    ป.ธ.6 22/05/2549 (11:23 pm)

    แท้ที่จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พยายามบอกกล่าวช่วยเหลือท่านทั้งหลาย ไหนเลยเหล่ามนุษย์จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ ยกตัวอย่างเหตุการณืที่เกิดในปัจจุบัน คือเรื่องของท่านท้าวฯ เหล่าเธอทั้งหลายจะรู้ไหมว่า วิกฤติปัจจุบัน ...ฟ้าบอกกล่าวให้เธอใช้ธรรม ข้อ พรหมวิหาร 4 เป็นนัยๆ จะผ่านฉลุยไม่ติดเบรค รีบๆหน่อย ก่อนจะสายเกินแก้

    ลูกพระ 23/05/2549 (11:35 pm)

    หากรู้ หากเข้าใจ จะเป็นกันอย่างทุกวันนี้หรือ เพราะไม่รู้ถึงหลักการ และหลักเกณฑ์ จึงไม่อาจเข้าใจ รหัส ใดๆ ได้เบื้องบนทรงโปรดด้วย

    1230 24/05/2549 (12:14 pm)

    คัดลอกมาจาก http://www.navagaprom.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2006
  10. bifern

    bifern Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +93
    ผมรู้เรื่องภัยพิบัติว่าจะเกิดรุนแรงคือปี50จากท่านผู้รู้ท่านหนึ่งและมีสถานที่หลบภัยเป็นวัด ท่านบอกว่าเบื้องบนประกาศแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ใด้
     
  11. bifern

    bifern Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +93
    ตอนนี้ผมได้เตรียมตัวแล้ว คือเตรียมของใช้และของกินที่จำเป็น ยารักษาโรค รวมทั้งเสื้อผ้าและเต็นท์นอนพร้อมเดินทางตลอดเวลา เรื่องนี้รู้กันไม่มากนักในแถวบ้านผม (จ.สุพรรณบุรี) รู้กันเฉพาะในหมู่ญาติ บอกคนข้างเคียงแล้วเขาไม่เชื่อ
     
  12. bifern

    bifern Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +93
    ผมอยากจะบอกมากกว่านี้ แต่ผู้รู้ท่านสั่งห้ามไว้เพราะจะมีมารมาคอยขัดขวาง หลังจากเกิดภัยภิบัติแล้วจะเหลือพญามาร 1 ตนพร้อมบริวารที่เหลือรอด (พระศรีอาริยเมตตรัยท่านลงมาเกิดแล้วอยู่ จ.หนึ่งทางภาคอีสาน ตอนนี้เป็นเด็กอยู่)ผมเป็นศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับผมเข้ามาอ่านนานแล้ว สายของผมจะไปหลบภัยบนภูเขาในภาคอีสาน ปลายปีนี้ท่านบอกว่าจะมีภัยรุนแรง
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    [FONT=DSU_MonTaNa]
    [FONT=DSU_MonTaNa]ชะตาฟ้าลิขิต[/FONT]<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  14. bifern

    bifern Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +93
    โอวาทหลวงปู่
    เปลวแสงเทียน สองพันกว่าปีที่พ่อจุด
    จะสิ้นสุดลงแล้ว นะพ่อหนา
    เพราะพวกเจ้า โง่เขลาเบาปัญญา
    เจ้าจึงพากันหลับ ทับคำภีร์
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ใกล้เวลา...ระเบิดแล้ว!
    </TD></TR><TR><TD height=5>
    </TD></TR><TR><TD>[​IMG] ตรวจดวงการเมืองด้วยญาณโดยหมอนิด

    รวมเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองไทยที่น่าสนใจ

    ท่านสามารถเข้าไปอ่านได้แล้วที่.......

    เว็บไซต์ http://www.mornid.com/home.php



    ไม่มีเลือกตั้ง 15 ต.ค. แน่ โหรติงให้ระวัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2006
  16. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: justify" width="100%">NY DAILY NEWS: World War III has started
    [SIZE=-2]Category : War | Posted : 09 Jul 2006 11:36 pm[/SIZE]
    </TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: justify" width="100%">Last week's headlines prove the point: North Korea fires missiles, Iran talks of nukes again, Iraq carnage continues, Israel invades Gaza, England observes one-year anniversary of subway bombing. And, oh, yes, the feds stop a plot to blow up tunnels under the Hudson River. World War III has begun.

    It's not perfectly clear when it started. Perhaps it was after the Berlin Wall fell and the Cold War ended. Perhaps it was the first bombing of the World Trade Center, in 1993.

    What is clear is that this war has a long fuse and, while we are not in the full-scale combat phase that marked World Wars I and II, we seem to be heading there. The expanding hostilities mean it's time to give this conflict a name, one that focuses the mind and clarifies the big picture.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    Hawking's question: "In a world that is in chaos politically, socially and environmentally, how can the human race sustain another 100 years?"

    [​IMG]
    Stephen Hawking Poses A Big Question

    Famed Astrophysicist Asks Yahoo Users To Ponder Future Of Human Race

    (Page 1 of 2)

    NEW YORK, July 7, 2006
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ข่าวกรองอ้างพบแผนลอบสังหาร “แม้ว” สั่ง จนท.คุ้มกันเข้ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 กรกฎาคม 2549 07:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เผย! หน่วยข่าวกรองรายงาน “ชิดชัย” พบแผนลอบสังหาร “ทักษิณ” อ้างกลุ่มตรงข้ามลงขันจ้างหน่วยรบต่างชาติซุ่มทำลาย สั่งชุดความมั่นคงอารักขาเข้ม

    แหล่งข่าวความมั่นคง เปิดเผยว่า ในการประชุมความมั่นคง วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่มี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน หน่วยงานทางด้านข่าวกรองได้รายงานว่า ได้รับรายงานตรงกันว่า พบแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี โดยพบว่า มีการลงขันของกลุ่มที่อยู่ตรงข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจะมีการใช้วิธีการทุกรูปแบบ ถึงขั้นที่ว่าจะยิงเครื่องบิน โดยหน่วยงานที่ว่าจ้างมาลอบสังหารครั้งนี้ เป็นกลุ่มหน่วยรบรับจ้างจากต่างประเทศ ในที่ประชุมจึงได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)ที่มี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งทางด้านทหาร กระทรวงมหาดไทย และตำรวจ เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น

    ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ได้สังเกตความเคลื่อนไหวรอบๆ ตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ปรากฏว่า ได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยให้กับรักษาการนายกรัฐมนตรีมากขึ้น และไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปไหนก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยให้อย่างเต็มกำลัง ทั้งวันธรรมดา และวันหยุดราชการ ทั้งนี้ ระยะหลังยังมีชุดคุ้มกันจากหน่วยทหารอากาศมาให้ดูแลรักษาความปลอดภัยรอบนอกอีกด้วย

    ที่มา http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000089114

    หน่วยความมั่นคง อ้างมี 5 ทีมจ้องฆ่า “แม้ว” - ผวา! สั่งติดอาวุธ คุมเข้ม
    -------------------------------------------------------------------
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>13 กรกฎาคม 2549 07:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    หน่วยความมั่นคง เผย มี 5 ทีมจ้องลอบสังหาร “ทักษิณ” อ้างเป็นกลุ่มคนมีสีทั้งหมด ระบุไม่พอใจที่ทำตัวเสมอเบื้องสูง ขณะเดียวกัน สั่ง รปภ.อารักขาเข้ม-ติดอาวุธเต็มพิกัด ไม่เว้นการชุมนุมของพันธมิตรฯ

    วานนี้ (12 ก.ค.) แหล่งข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคง กล่าวย้ำถึงแผนลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการรักษาความปลอดภัย ได้ประชุมกันและวิเคราะห์มานานแล้วถึงข่าวดังกล่าว โดยฝ่ายวิเคราะห์ได้เสนอให้ทุกหน่วยเพิ่มการตรวจสอบให้เข้มแข็งขึ้น โดยย้ำว่า “อะไรที่ไม่ควรเสี่ยง ก็อย่าเสี่ยง อะไรที่เสริมได้ก็ควรเสริม อย่าประมาทเด็ดขาด แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ควรประมาท อย่าเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น และเข้ามาลอบทำร้ายได้” แหล่งข่าว กล่าว

    แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ข่าวการลอบสังหารนี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และการรักษาความปลอดภัยทราบกันดี โดยได้ทราบมาว่า การลอบสังหารนี้จะมีทั้งหมด 5 ทีม ซึ่งเป็นคนมีสีทั้งหมด เนื่องจากไม่พอใจในหลายประเด็น โดยเฉพาะในช่วงงานอารักขาพระราชอาคันตุกะ ตลอดจนการทำตัวเสมอท่าน

    ทางด้านการรักษาความปลอดภัยภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการประชุมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนตรวจสอบบุคคล หรือรถที่เข้ามาในทำเนียบให้เข้มข้นขึ้น กระชับขึ้น เพราะในช่วงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เกรงว่า จะมีมือที่สาม และทำให้เกิดความวุ่นวาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทางทหารและตำรวจเต็มทีม หลังจากช่วงที่นายกฯ เว้นวรรคการเมืองสั่งให้เหลือครึ่งทีม โดยมีการเพิ่มรถคุ้มครองจาก 1 คัน เป็น 2 คัน ซึ่งเป็นรถโตโยต้า พราโด้ ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยแต่ละคันมีเจ้าหน้าที่ 4-5 คน พร้อมอาวุธครบมือ ทั้งปืนพกและปืนอูซี ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดสวมเสื้อเกราะ ขณะที่หน่วยล่วงหน้าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารอากาศ จำนวน 6-10 นาย ทำหน้าที่ในการเคลียร์พื้นที่ ก่อน 2-3 ชั่วโมง ที่นายกฯจะเดินทางไปถึง โดยทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ โดยขบวนนายกฯ ยังรวมถึงรถตำรวจนำ 1 คัน และไอ้มดแดงหน้า และหลังอีก 1 คัน

    ที่มา http://www.manager.co.th
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2006
  19. sun

    sun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +155
    บินไป 'ไต้หวัน-จีน' ระวังพายุ 'บิลิส' ทั่วทุกภาคของไทย ยังมีฝนตกหนัก

    กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศประจำวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2549 เมื่อเวลา 06.00 น. ระบุว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศ มีฝน 60-70 % ของพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลของพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง สตูล แม่ฮ่องสอน ตาก และอุตรดิตถ์ ระวังภัยจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้ ผู้ที่จะเดินทางไปไต้หวันและทางด้านตะวันออกของประเทศจีน ระหว่างวันที่ 13-15 กรกฎาคม ขอให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุโซนร้อน "บิลิส" กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณดังกล่าว


    Six killed as typhoon brushes past north Luzon



    http://www.abs-bnnews.com/images/news/newspics/07-12-2006/florita.jpg
    Six people were killed dead amid strong winds, landslides and floods triggered by storm "Florita" (international codename Bilis), which brushed past the Philippines’ extreme north on Wednesday. <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2006
  20. sun

    sun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +155
    เอเอฟพี
     

แชร์หน้านี้

Loading...