ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ถ้ำเชียงดาวแหล่งหลบภัยธรรมชาติ




    <CENTER><TABLE id=AutoNumber9 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="72%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE id=AutoNumber9 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="72%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    [​IMG]






    </TD><TD width="33%">[​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​




    </TD><TD width="33%">





    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER>อยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว การเดินทาง จากเชียงใหม่ไปยังอำเภอเชียงดาว ระยะทาง 72 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกเข้าไปจนถึงถ้ำอีก 5 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางจนถึงบริเวณถ้ำ มีบริเวณจอดรถกว้างขวาง ทางเข้าถ้ำเป็นบันไดมีหลังคามุงสังกะสี หน้าถ้ำมีธารน้ำไหลผ่านเต็มไปด้วยปลาหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้ หากต้องการชมบริเวณถ้ำ ติดต่อคนนำทางได้บริเวณหน้าถ้ำ

    ตำนานถ้ำเชียงดาว

    <TABLE width="100%" align=center><TBODY><TR><TD width="78%">ถ้ำเชียงดาวมีตำนานที่เล่าสืบทอดต่อกันมาว่า แต่เดิมบริเวณถ้ำเชียงดาวเป็นป่าดงชัฎ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดในครั้งนั้นมีฤาษีรูปหนึ่งนามว่าพรหมฤาษี เป็นผู้บรรลุญาณชั้นวิเศษท่านได้เรียกประชุมเทวดาอินทร์พรหม ยักษาอสูร นาคราช และรุกขเทวดา มาพร้อมกันที่บริเวณถ้ำเชียงดาว แล้วพากันเนรมิตของวิเศษขึ้นไว้ในถ้ำ ๗ สิ่งคือ พระพุทธรูปทองคำ,พระเจดีย์ทองคำ,ต้นโพธิวิเศษ, ช้างวิเศษ, ดาบวิเศษ, ผ้าทิพย์ และอาหารทิพย์ เพื่อให้ไว้เป็นของคู่บุญของพระยาธรรมฯ หรือพระยาจักรพรรดิราช ผู้ที่จะมาปราบยุคเช็ญในภายภาคหน้า จากนั้นท่านฤาษีได้มอบหมายให้เจ้าหลวงคำแดง หรือเจ้าสุวรรณคำแดง เป็นผู้เฝ้ารักษาสิ่งมีค่าในถ้ำเป็นเวลานานถึง ๖๐๐ ปีเศษโดยจะหมดเวลารักษาเมื่อถึงกึ่งพุทธกาล...</TD><TD width="22%">





    </TD></TR><TR><TD width="78%">[​IMG] ตำนานถ้ำเชียงดาว ตอนที่ 2 </TD><TD width="22%">





    </TD></TR><TR><TD width="78%">[​IMG] ตำนานถ้ำเชียงดาว ตอนที่ 1

    ที่มา http://www.mcotcm.com/lanna/lanna.php?pageid=2
    </TD></TR></TBODY></TABLE>หมายเหตุ ถ้ำเชียงดาวแห่งนี้ก็เป็นสถานที่หลบภัยธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งซึ่ง อ.ศักดา สกุลพนารักษ์ ได้รับการบอกกล่าวจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าให้พาผู้คนไปหลบภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2006
  2. keys

    keys Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +41
    คงจะมีแค่นักบวชที่จะรอดจากความหายนะได้
     
  3. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    AUSTRALIA - The Perth metropolitan area has shivered through its coldest night on record.The bureau of Meteorology says records tumbled overnight.
    Jun 17, 2006, 20:26
    GermanyViolent storms have swept across Germany, currently hosting the World Cup, causing millions of euros of damage and leaving several people injured by hailstones "as big as tennis balls".
    Jun 17, 2006, 09:36
     
  4. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=69 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>
    The Philippines' restive Mount Bulusan spewed ash and pebbles in a new explosion Sunday, and officials said about 40 families living near the volcano have agreed to temporarily evacuate to a safer area, officials said.
    Jun 18, 2006, 06:43


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=100 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>Manila: Local officials and volcano experts presented a major plan to evacuate 20,000 residents near a lake which will overflow if and when a restive volcano in Bicol, in southern Luzon, erupts.
    Jun 18, 2006, 01:47




    It seems that "The show must begin".
     
  5. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    The earth is under the overheat.....

    THe change is intensified by human......

    The break out is so near....

    Be careful..... Don't panic!!! don't loss your mind!!!
     
  6. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ผมเห็นมีการกล่าวถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2549 กันมาก ว่าให้ระวังกัน โดยเฉพาะภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากอันเป็นเหตุปัจจัยจากปรากฏการณ์ลานีญ่า ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในภาคพื้นทวีปจะมากกว่าปกติของแต่ละปีเพิ่มเป็น 3 เท่าซึ่งทางกรุงเทพและปริมณฑล 6 จังหวัดต้องเตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมครั้งใหญ่อย่าไม่เคยมีมาก่อนและอาจจะเกิดก่อน 28 สิงหาคม 2549 ขออย่าได้ประมาท และหลังจาก

    1)โดนน้ำถล่มใส่ แล้วต่อไปก็จะเป็นการ
    2)โดนถล่มด้วยลาวาจากภูเขาไฟต่างๆที่เคยดับไปแล้วก็จะประทุระเบิดขึ้นมาใหม่เกือบร้อยลูกทั่วโลก จนเปลือกโลกในหลายๆแห่งทั่;โลกเกิดแตกออกเป็นชิ้นต่างๆมากมาย บางชิ้นก็จะจมลงไปใต้ผิวโลกบางชิ้นอาจจะขยับตัวสูงขึ้นทำให้
    3)เกิดแผ่นดินไหวขนาด 10 - 20 ริคเตอร์บ้านเรือนตึกอาคารต่างๆพังครืนลงมาทั่วไปหมด แล้วก็
    4)ถูกถล่มด้วยคลื่นสึนามิที่เกิดจากการจมลงของชิ้นเปลือกโลกบางชิ้นในทะเลอย่างเร็วก็เข้าถล่มต่อแผ่นดินของทวีปต่างๆทั่วโลกด้วยความสูงของคลื่นทะเล 10 - 100 เมตร ซึ่งคงไม่ต้องอธิบายกันถึงอานุภาพการทำลายล้างว่ามหาศาลเพียงใด สึนามิที่เคยเกิดเมื่อปลายปี 2547 กลายเป็นของเด็กเล่นไปเลยเมื่อเทียบกับที่มันกำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ ถัดจากนั้น
    5)โรคแปลกๆใหม่ และโรคเก่าๆที่หายไปนานก็จะกลับมาแพร่ระบาดใหม่อย่างสนุกสนาน

    คนบนโลกจะมีชีวิตเหลือรอดกันไม่น่าเกิน 40 %ของประชากรโลกในปัจจุบัน แต่สุดท้ายก็ยังมีคนรอดตายจากภัยพิบัติครั้งนี้มากโขอยู่โดยเฉพาะคนไทยที่น่าจะมีชีวิตรอดถึง 60%ของประชากรไทยในปัจจุบันเพราะเรามีพ่อหลวง(สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)ที่มีบุญบารมีมากและเรามีพระเกจิอาจารย์เก่งๆมากมายที่คอยช่วยเหลือดูแลเรามีเทพต่างๆมากมายคอยปกปักรักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้

    แล้วพวกเราจะเป็นส่วนหนึ่งใน 60% หรือไม่ขอให้เริ่มปฏิบัติธรรมสร้างบุญบารมีกันให้มากๆเพื่อจะได้ช่วยเหลือกันได้ใน 60% นี้ผมขอเอาใจช่วยทุกคนที่ปฏิบัติธรรมหรือทำบุญทำทานกัน ขอให้โชคดีทุกๆคนครับ
     
  7. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [​IMG]
    Deep inside Earth, between the molten iron core and the thin crust at the surface, there is a solid body of rock called the mantle. When rock from the mantle melts, moves to the surface through the crust, and releases pent-up gases, volcanoes erupt. Extremely high temperature and pressure cause the rock to melt and become liquid rock or magma. When a large body of magma has formed, it rises through the denser rock layers toward Earth's surface. Magma that has reached the surface is called lava. Magma comes in different compositions. Each of these will produce a different lava, from fluid, fast-moving basalt to slower, more viscous andesite. Because rocks are made up of collections of minerals that melt at different temperatures, the makeup of the rock being melted affects the magma that results
     
  8. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [​IMG]
     
  9. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]"Climate change combined with aftereffects of large volcanic eruptions will contribute to more ozone loss over both poles," Tabazadeh said. "This research proves that ozone recovery is more complex than originally thought."[/FONT]

    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]"Volcanic aerosols also can cause ozone destruction at warmer temperatures than polar stratospheric clouds, and this would expand the area of ozone destruction over more populated areas," Tabazadeh said. "Nearly one-third of the total ozone depletion could be a result of volcanic aerosol effects at altitudes below about 17 kilometers (11.5 miles)," said the researchers.[/FONT]


    NASA March 04, 2002
    <!--msnavigation-->
     
  10. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    Anything happening will effect others.Interconnection...

    Domino effect after and after.....

    Volcano, Flooding, EQ, Lanslide, Drying,Storm and Pollution

    are.....come together .


    Pick a flower shivers the Stars
     
  11. A~MING

    A~MING เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,734
    ค่าพลัง:
    +1,730
    อื้มมม เกิดขึ้นจริงก็เป็นกรรมล่ะนะ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้อมูลน่าสนใจเรื่องภัยพิบัติที่ถูกเลื่อนมาจากปี ค.ศ.1999

    พุทธทำนาย
    (ก่อนสวดพระคาถา ท่องนะโม 3 จบ)

    ผู้นึกถึงตถาคต จะพ้นจากภัยวิบัติให้ภาวนา พระคาถาดังต่อไปนี้

    "หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา สาสะสะติโหตะถิโหคะหะคะเน"

    ให้ท่านท่องบ่นไว้ หรือจดใส่ผ้าหรือแผ่นโลหะอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วผูกพัน ศีรษะไว้ สารพัดวินาศ สันติประเสริฐนัก ให้สวดภาวนา ทุกวัน หรีอใส่กรอบบูชาไว้บนหิ้งพระจะดีมาก
    (คัดลอกจากหนังสือ พุทธทำนาย)

    เริ่มเรียบเรียง 2 กันยายน 2536

    เรื่องที่ข้าพเจ้าจะเขียนนี้ได้มีการเล่าขานกันมานาน หลายปี โดยมีที่มาจาก อาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ โดย เป็นเรื่องเกี่ยวก้บภัยพิบัติของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งมี เรื่องราวใกล้เคียงกับคำทำนายอันโด่งดังของ นอสตราดามุส ที่เห็นเลข 999 ในปีที่เกิดภัยพิบัติ

    ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้บรรจุเข้ามาทำงานที่ฝ่ายร็อกแมค แคนิคส์ในปี พ.ศ. 2530 ข้าพเจ้าก็ได้พบวิศวกรอุตสาหการ ท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความสนใจศึกษาเรื่องโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ผู้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จะหันมาให้ความสนใจกับศาสตร์ใบราณลึกลับ ข้าพเจ้าจึงได้ คอยสังเกตก็พบว่าอาจารย์สมโชค คงพิทักษ์ มีการศึกษา โหราศาสตร์อย่างคร่ำเคร่ง โดยใช้ทั้งตำราภาษาไทยและ ต่างประเทศ นอกจากนี้ในระยะหลังยังพบว่ามีการนำเอา เครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณทางโหราศาสตร์ด้วย ข้าพเจ้าก็ลองถามอาจารย์ดู ท่านก็ตอบว่า เอามาคำนวณหา ตำแหน่งดวงดาว เมื่อรู้ตำแหน่งดวงดาวแล้วจึงนำมากำหนด ลงบนแผ่นดวงเพื่อทำการพยากรณ์

    จากการเฝ้าศึกษาดูความแม่นยำในการทำนาย ทายทักของอาจารย์สมโชค พบว่า แปลกจริง ๆ คนภายนอก ฝ่ายแมคแคนิคค์ชอบมาหาอาจารย์ แต่คนในฝ่ายเองกลับ ไม่ค่อยให้อาจารย์ทำนายให้ มีเฉพาะเพื่อนสนิทไม่กี่คน ข้าพเจ้าก็เลยสอบถามดู พบว่า มีความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่าแม่นยำดี บ้างก็ว่าไม่แม่นยำ แต่จากการศึกษาของ ข้าพเจ้าพบว่า ใกล้เคียงความเป็นจริงมากพอสมควร คือ ข้าพเจ้ามั่นใจว่าศาสตร์นี้มีจริง แต่ความแม่นยำขื้นอยู่กับ ประสบการณ์และองค์ประกอบอื่น ๆ เขน ความสามารถ ในการตีความหมาย ความกล้าหาญในการพูดความจริงอย่าง ตรงไปตรงมา ฯลฯ

    ประมาณปี พ.ศ. 2533 อาจารย์สมโชค ได้มาเล่า ให้ผมฟังถึง หลวงปู่บุดดา รวมทั้งพระอาวุโสต่าง ๆ ซึ่ง ไม่เหมาะสมที่จะกล่าวถึงท่านว่าเป็นเกจิอาจารย์ เพราะ หลาย ๆ ท่านปฏิบัติเพี่อความหลุดพ้นเท่านั้น ในจำนวน พระผู้ใหญ่ มีพระ...... เหล่านี้ อาจารย์สมโชคได้กล่าวถึง หลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ด้วยความนับถือเป็นพิเศษ อาจารย์เล่าว่า ได้เคยลองทดสอบหลวงพ่อสมศรี โดยการ นั่งหุบปากถามในใจ ท่านตอบด้วยเสียงทุกคำถามเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้อาจารย์สมโชคหายสงสัย และเลื่อมใสในตัวท่านได้

    ตั้งแต่อาจารย์สมโชคได้พบกับหลวงพ่อสมศรี ศิริปัญโญ ก็ได้เล่าเรื่องความมหัศจรรย์ทางจิตโลกวิญญาณ หลักการนั่งกรรมฐานและฝึกสมาธิ ฯลฯ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ ทำให้ข้าพเจ้าหนักใจ คือ เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 และ ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความ หายนะขื้นกับโลกอย่างหนัก มีคนเสียชีวิตเป็นจานวนมาก โดยทำนายว่าจะเริ่มเกิดปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2542 พอ ฟังแล้ว ข้าพเจ้าก็ลองนำมาเทียบเคียงกับความรู้เดิม ก็คือ คำพยากรณ์ของศาสดากับพยากรณ์นอสตราดามุลว่าจะเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3 ปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเมื่อ บวก 543 ก็ตรง กับปี พ.ศ. 2542 จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามต่อไป

    ข้าพเจ้ามาพบเรื่องสนใจนี้โดยบังเอิญอีกครั้งใน ระหว่างที่ข้าพเจ้าลาบวชที่จังหวัดพัทลุงในปี พ.ศ. 2536 ซึ่ง ก็ได้พบพระรูปหนึ่งอายุ 26 ปี ท่านบวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 18 ปี ท่านได้เล่าประสบการณ์ของท่านว่า ท่านได้สนใจนั่ง กรรมฐานมาตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็ก ท่านฝึกกรรมูฐานได้เอง โดยธรรมชาติ ท่านเคยนั่งเห็นตัวท่านเองเป็นฤๅษีในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติย้อนไปในอดีต แม้แต่ในช่วงก่อนหน้าที่จะ ตัดสินใจบวชมีนิมิตมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ถ้า ข้าพเจ้าจำไม่ผิดคงเป็นเพื่อนฤๅษีด้วยกันมาเตือน หลังจาก นั้นไม่นานก็มีเพื่อน ๆ ของท่านมาชวนท่าน ท่านก็เลยย้อน คิดทบทวนถึงนิมิต ซึ่งมาเตือนว่า "ถ้าไม่บวชจะติดคุก" ก็ บอกทางบ้านว่า ท่านขอบวชเมื่ออายุประมาณ 18 ปี เมื่อ เพื่อนมาชวน มี 2 ทางเลือก คือ ร่วมมือด้วยหรือบวชเณร มิฉะนั้นอาจเป็นอันตราย จากนี้ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ วาณิช"

    ในระหว่างที่ข้าพเจ้าบวชและจำพรรษาที่พัทลุงได้มี พระอีกรูปหนึ่งจาก เขาวัง ราชบุรี ได้เดินทางไปพัทลุงด้วย ขอกล่าวนามท่านว่า "หลวงพี่ประเสริฐ"

    ในวันหนึ่งของต้นเดือนพฤษภาคม 2536 หมู่พระ ของวัดถ้ำสุมโนซึ่งข้าพเจ้ามาบวชอยู่กำลังนั่งสนทนาธรรมว่า ท่านผู้ใดนั่งกรรมฐานเป็นอย่างไรบ้าง นั่งแล้วสงบดีหรือฟุ้งซ่าน หรือนั่งหลับ หรือพบนิมิตอะไรบ้าง ก็มีพระหนุ่มรูปหนึ่งชื่อ หลวงพี่วาณิจ เดินทางมาจากระยอง ได้มาจำพรรษาที่วัด ถ้ำสุมโน จ. พัทลุง หลวงพี่ประเสริฐและข้าพเจ้าจึงทำหน้าที่ ต้อนรับพระอาคันตุกะ จากนั้นเราทั้ง 3 รูป ก็สนทนากัน ถึงเรื่องกฎแห่งกรรมสักพักหนึ่ง ขณะหนึ่ง หลวงพี่วาณิก็ เอ่ยถึงเรื่องภัยพิบัติของโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า จากการนั่ง กรรมฐานและการออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมของท่านตั้งแต่ช่วง ยังเป็นเณรอยู่ ท่านได้เดินทางไปในป่าทางภาคอีสาน ทาง ตะวันออก และชายแดนด้านที่ติดต่อเขมร เช่น สุรินทร์ ฯลฯ ท่านได้นั่งกรรมฐาน เห็นว่าโลกกำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้น โดย จะเริ่มเห็นชัดในปี พ.ศ. 2538 และจะรุนแรงมากในปี พ.ศ 2542 ถึง 2544

    ท่านกล่าวว่าภัยพิบิตนี้ จะเกิดจากเวรกรรมของ มนุษยชาติ คือ ก่อบาปกอเวรกรรมกันมาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งแรงอาฆาตพยาบาทของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เพราะ ถูกฆ่า ถูกทรมาน ถูกเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ พลังความชั่วร้าย ของแรงอาฆาตพยาบาทเหล่านี้มีการสะลมกันมาแต่โบราณ จนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งผ่านสงครามใหญ่ ๆ และสงครามใลก มา 2 ครั้ง ทำให้บังเกิดเป็นกลุ่มดาวสีดำขนาดมหึมาจำนวน 3 ดวงขึ้นมา ซึ่งจะกล่าวว่าเป็นหลุมดำก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ แต่ มีพลังงานมหาศาลมากกว่าดวงอาทิตย์ของระบบสุริยจักรวาล เราเสียอีก วงโคจรของดาวนี้ ดวงแรกอยู่ห่างดวงอาทิตย์เป็น ระยะ 4 เท่าของดาวพลูโต

    (ผู้เขียน : ดาวดำนี้คงจะอยู่ในมิติโลกวิญญาณเท่านั้น คงจะไม่มี ตัวตนในมิติของโลกมนุษย์ เพราะเกิดจากพลังจิตของคนที่กำลัง จะถูกฆ่าหรือทนทุกข์ทรมาน หลักการคล้ายกันกับพลังจิตของพระ เกจิอาจารย์ที่ปลุกเสกบรรจุลงในเครื่องรางของขลัง)
    <!--pagebreak-->
    ในวันเกิดเหตุจะมีดวงดาวเรียงกันอยู่ 10 ดวง ขาวสว่าง 7 ดวง ดำสนิท 3 ดวง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มหมอก สีดำเป็นกลุ่มก้อน พลังงาน 2 กลุ่มต่อท้ายดวงดำทั้ง 3 ดวง นี้ด้วย ดาวทั้ง 10 ดวงและกลุ่มพลังงานสีดำอีก 2 กลุ่ม เรียงตัวกันในแนว 180 คือ เป็นแนวเส้นตรง สำหรับ กลุ่มดาวที่กล่าวนี้ยังกล่าวไม่ละเอียด ถ้าต้องการให้ละเอียด ต้องคำนึงถึงดวงจันทร์ ดวงดาวนพเคราะห์ในระบบสุริย จ้กรวาลด้วย โดยเฉพาะดวงจันทร์ของโลกจะให้ผลกระทบ รุนแรงที่สุด เพราะอยู่ใกล้โลกที่สุด

    เหตุการณ์ที่สำคัญจะเกิดได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป โดยในวันเกิดเหตุจะมีดาวจำนวน 10 ดวง และ กลุ่มหมอกอีก 2 กลุ่มเข้ามาเรียงตัวกันในแนว 180 โดย เป็นดาวที่มีแสงสีขาว แต่เป็นดาวขนาดเล็ก 7 ดวง และเป็น ดาวที่มีขนาดใหญ่อีก 3 ดวง ส่วนกลุ่มหมอกอีก 2 กลุมเป็น สีดำ การเรียงตัวของดาวเช่นนี้ ทำให้เกิดแนวพลังสนาม แม่เหล็กขึ้นอย่างรุนแรง พลังงานของดาวแต่ละดวงจะถูก ตีกลับไปกลับมาจนคนบนโลกมนุษย์ส้มผัสได้ คนจะมีอาการ ขนหัวลุกโดยไม่มีสาเหตุ สารและวัตถุที่มีอำนาจแม่เหล็กจะ เคลื่อนที่ได้เอง ไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือนจะดับ ๆ ติด ๆ หรี่ ๆ ดับ ๆ ประตูมิติจะถูกเปิดขึ้น สสารและวัตถุต่าง ๆ จะถูกเคลี่อนย้ายผ่านประตูมิติได้

    (ผู้เขียน : ประตูมิตินี้คงจะหมายถึง ระดับของคลื่นพลังงานที่เป็น ตัวสร้างมิติต่าง ๆ เช่นมิติของมนุษยโลกที่อยู่ในระบบสุริยจักรวาลนี้ หรือจักรวาลอื่น ๆ มิติของโลกวิญญาณที่มีมากมายและหลายระดับ เช่น ยักษ์ นาค เทวดา พรหม เป็นต้น ผู้รู้ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง กล่าวว่า มิติโลกวิญญาณที่คล้ายกับโลกเรานี้มีเป็นพัน ๆ การที่ คลื่นสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแรงดึงดูดคงจะมี ผลกระทบต่อคลื่นพลังงาน เป็นตัวสร้างมิติหรือในทางกลับกันที่ เราเห็นได้ เช่น การทดลองที่ ฟิลลาเดลเฟีย หรือการไม่สามารถ ใช้เครึ่องคอมพิวเตอร์ภายในปิระมิด หรือใช้วิทยุสื่อสารแถบ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ที่มักมีปัญหา เป็นต้น)

    ในวันที่เกิดเหตุจะเกิดสุริยุปราคาขึ้นก่อน เมื่อ ดวงจันทร์โคจรเข้ามาในแนวเส้นตรงเดียวกับโลกและดวง อาทิตย์ในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ รุนแรงขึ้น แผ่นดิน จะไหวทั่วโลกนานถึง 8-9 ชั่วโมง

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ สามารถแยก ออกเป็น ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

    1. ดิน ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของดิน คือ แผ่นดินแยก แผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม แผ่นดินทลาย เกาะจม ฯลฯ

    2. น้ำ ภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำ ได้แก่ ภาระฝนแล้ง ติดต่อกันยาวนานในบางประเทศ และเกิดภาวะน้ำท่วมใน บางประเทศ ในระหว่างที่เกิดการซ้อนกันของดวงดาวต่าง ๆ ทำมุม 180 น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลจะหนุนเนืองท่วม สูงมาก เกิดคลื่นขนาดใหญ่ ความสูง 1 000 - 2,000 เมตร เนื่องจากคลื่นใต้น้ำซึ่งเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล

    3. ภัยที่เกิดในรูปของลมก็มี ลมพายุชนิดต่าง ๆ เช่น ทอร์นาโด ลมไต้ฝุ่น เกิดขึ้นในท้องที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เมื่อเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินแยกนี้ก็จะมีอากาศบางชนิดที่ เป็นพิษอย่างร้ายแรงขึ้นมาจากใต้พิภพ ตามที่หลวงพี่วาณิช นั่งกรรมฐานเห็นมาแล้วนั้น เทวดาท่านเรียกว่า "ลมสลาตัน"
    (ผู้เขียน : ลมสลาตันที่ว่านี้ อาจจะเป็นก๊าซ ซึ่งมักพบในการเจาะ น้ำมันมีอันตราย ถ้าสูดดมประมาณ 100 พีจีเอ็ม จะเสียชีวิต ซึ่งจะย่อยสลายทุกสิ่งทุกอ่างที่ลมพัดผ่านไป ให้กลายเป็นผุยผง ไปหมด ลักษณะของลมนี้คล้ายกันหมอกลงในยามเช้า หนาทึบมาก ถ้าได้สัมผัสลมนี้แล้วจะไม่รู้สึกร้อนหรือเย็น ขณะที่เกิดลมนี้ก็ไม่มี การแกว่งไกวของใบไม้ มีความเงียบสงบหรือเสียงค่อย ๆ ลมนี้ จะค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาจากรอยแตกของเปลือกโลก ไม่ว่า จะเป็นบนบกหรือใต้ทะเล)

    4. ไฟ ภูเขาไฟระเบิดเกิดขึ้นทั่วไป อากาศจะร้อน อบอ้าวผิดปกติ แผ่นดินจะแยกมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พิภพ บาง ครั้งจะมีสัตว์นรกหลบหนีขึ้นมาเพ่นพ่านด้วย
    ข้อสังเกต ก่อนเกิดเหตุจะเกิดเหตุจะเกิดปรากฏการณ์ขึ้น คือ จะมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขื้น ท้องฟ้าจะ มีเม็ดดำขนาดใหญ่แผ่ปกคลุมไปทั่ว มีฝนตก ตลอดเวลาผสมกับลมพายุ และฟ้าจะผ่าในพื้นที่ นั้นตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นเวลาหลาย ๆ วัน
    (ผู้เขียน : กำหนดที่จะเกิดภัยพิบัตินั้น ยังไม่มีใครทราบช่วงเวลา ที่แท้จริงได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของฝ่ายมาร นอกจากฝ่ายขาวจะ ไม่รู้ถึงการตัดสินใจของพวกเขา เขาสามารถจะเปลี่ยนได้ ฝ่ายขาว ทำได้แค่กำจัดคนชั่วออกจากระบบหรือเร่งเตือนให้คนทำความดี หรือชี้จุดที่ปลอดภัยให้เท่านั้น)
    <!--pagebreak-->
    ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในแต่ละสถานที่จากคำบอกเล่า ของหลวงพี่วาณิช ตามที่ท่านเห็นในกรรมฐานและคำกล่าว ของเทวดาแก่ท่านเป็นดังนี้

    ภาคใต้โดยเฉพาะทางตอนล่างจะพบกับพายุ น้ำท่วม แผ่นดินไหวและคลื่นขนาดยักษ์พัดเข้ามา ทุกสิ่ง ทุกอย่างจะสูญสิ้นไปหมด แผ่นดินจะหายไปเหลือเพียงเกาะ เพียงไม่กี่เกาะ คนที่อาศัยอยู่เสียชีวิตเกือบหมด

    ภาคกลาง จะพบกับพายุฝนอย่างหนัก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงจะจมลง ไปหมด เนื่องจากแผ่นดินไหวและทรุดตัวลงกลายเป็นทะเล

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบภัยพิบัติน้อยกว่า ภาคอื่น ๆ เพราะว่าภาคนี้ประสบเคราะห์กรรมอยู่เสมอ เป็น การใช้หนี้กรรมอยู่เป็นประจำแล้ว โดยภาคนี้จะพบลมพายุ และแผ่นดินไหวบ้างเล็กน้อย จังหวัดที่ปลอดภัยก็มี อุดรธานี ขอนแก่น และชัยภูมิ เป็นต้น แต่ปัญหาสำหรับภาคนี้ก็คือ ผู้คนที่รอดตายจะต้องพบกับโรคระบาด และอดอยาก เพราะ พืชพันธุ์ธัญญาหารถูกภัยธรรมชาติทำลายหมด

    ภาคเหนือ จะพบภัยธรรมชาติก็คือ แผ่นดินไหว และแผ่นดินแยก มีไฟพุ่งขื้นมาจากใต้พิภพ มีผู้คนล้มตาย จำนวนมากเช่นเดียวกับภาคใต้และภาคกลาง พื้นที่ริมทะเล จะถูกน้ำท่วมเข้ามา

    สรุปว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว ประเทศไทยจะต้อง ทำแผนที่ใหม่ เพราะดินแดนบางส่วนจะจมลงใต้ทะเล

    สำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นดังนี้

    ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หว้น ฯลฯ จะจมหายไปเกือบหมด

    ประเทศที่เคยเป็นผู้ก่อสร้างสงครามในสมัยสงคราม โลกครั้งที่หนึ่งหรือครั้งที่สอง ก็จะต้องใช้หนี้กรรมที่ตามมา เนื่องด้วยแรงคำสาปแช่งของผู้ได้รับเคราะห์ เนื่องจากสงคราม ทั้งสองทำให้ประเทศเหล่านั้นประสบภัยพิบัติที่เกิดจากแรง อาฆาตจนพังพินาศไปหมด

    ประเทศที่เคยล่าอาณานิคม ประเทศที่เคยค้าทาส และใช้แรงงานทาสมาก่อน จะต้องประสบกับภัยพิบัติจากคำ สาปแช่งของผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในอดีต และกลุ่มประเทศ ที่เคยล่าอาณานิคมมาก่อนจะหันมาทำสงครามกันเอง

    อันที่จริงภัยพิบัติอันเนื่องมาจากแรงบาปกรรมและ แรงสาปแช่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ค. 2530 แล้ว แต่ที่เกิดน้อย ทำให้สังเกตเห็นไม่ชัด เนื่องจากผู้มีฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์ต้านแรงคำ สาปแช่งเหล่านั้นไว้ แต่ในปี พ.ศ. 2538 - 2539 ผู้มีฤทธิ์ ทั้งหลายจะเริ่มอ่อนแอลงและต้านแรงคำสาปแช่งไว้ไม่อยู่ พอปี พ.ค. 2540 ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แต่ยัง ไม่รุนแรงมากนัก และจะรุนแรงที่สุดประมาณ พ.ศ. 2542

    ภายหลังจากการเกิดภัยพิบัติ อันเนื่องมาจากแรง อาฆาตพยาบาทและสาปแช่งของเหล่ามนุษย์โลกที่ต้องทนทุกข์ ทรมาน เนื่องจากถูกเอารัดเอาเปรียบและข่มเหง ประชากร ทั่วโลกจะมีชีวิตรอดเหลือเพียงไม่เกิน 1 00 ล้านคนจาก ปัจจุบันที่มีประชากรทั้งโลกมากกว่า 5,000 ล้านคน

    คนที่รอดชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ จำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ

    1. พวกที่รอดชีวิตแต่สูญเสียตติสัมปชัญญะอย่าง สมบูรณ์ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากมีจิตใจและสติที่ไม่เข้มแข็งพอ ไม่ได้ฝึกเจริญกรรมฐานมาก่อน ไม่สามารถทนเห็นสภาพของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ เช่นคนตายจำนวนมาก แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ฯลฯ

    2. พวกที่รอดชีวิตแต่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ หรือบางส่วน ที่เรียกว่า "กึ่งดี-กึ่งบ้า" พวกนี้ได้แก่ ผู้ที่ฝึกหัด กรรมฐานมาบ้างจนมีพื้นฐานพอสมควร แต่ยังไม่แข็งแกร่งพอ

    3. พวกที่รอดชีวตและมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีจำนวนน้อยมากได้แก่ผู้ที่เจริญกรรมฐานมานานหลายปี จนมีจิตใจเข้มแข็งมองเห็นการเกิด แก่ เจ็บ และตายเป็น ธรรมดาของมนุษย์โลก หรืออาจกล่าวว่าได้แก่ผู้ที่เคยเจริญ มรณานุสติมาเป็นประจำแล้วจนไม่กลัวความตายและมอง เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดานั่นเอง

    ตามที่หลวงพี่วาณิชท่านเห็นทางกรรมฐานมาท่าน กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยจะมีผู้รอดชีวิตมากที่สุด เมื่อ เทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก คือ ประเทศไทยจะเสียหาย เพียง 70% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เสียหายเกินกว่า 90% ภายหลังภัยพิบัติ ใหญ่ครั้งนี้ มนุษย์โลกที่รอดชีวิตมาได้ ยังต้อง ประสบกับภัยโรคระบาดตายไปอีกไม่น้อย

    หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โลก มนุษย์คงเหลือแต่ผู้มีศีลธรรม คนชั่วทั้งหลายจะเสียชีวิต ไปหมดหรือกลายเป็นคนบ้า สูญเสียสติสัมปชัญญะ เพชรนิล จินดาและทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะผุดขื้นมาเกลื่อนพื้นโลก พรรณไม้ต่าง ๆ แปลก ๆ จะออกดอกออกผลเต็มไปหมด อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์มากแตาใช้เวลาอีกหลายร้อยปี

    โลกมนุษย์จะค่อย ๆ วิวัฒนาการขึ้นมาใหม่อีก ครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่ถาวรวัตถุทั้งหลายถูกทำลายลงไปหมด ทัศนคติและค่านิยมของคนในยุคนี้จะตรงกันข้ามกับในยุค ก่อนเกิดภัยพิบัติ คือมีความเจริญทางจิตใจและมีคุณธรรม สูงขึ้น แต่ความเจริญทางวัตถุจะมีน้อยมาก เพราะจะต้อง ก่อสร้างกันใหม่หมด เพชรนิลจินดาทั้งหลายที่กองเกลื่อน พื้นดินจะไม่มีค่า อาหารการกินจะมีค่ามากกว่า ประเทศไทย ซึ่งมีคนรอดชีวิตมากกว่าประเทศอื่น ๆ จะค่อย ๆ เจริญ ขื้นมาจนภาษาไทยจะกลายเป็นภาษาหลักของโลกในที่สุด เนื่องจากคนในประเทศอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็จะมีสติ วิปลาสไปหมด และการเจริญกรรมฐานนั้นก็มีปฏิบัติกันเฉพาะ ในเมืองพุทธเท่านั้นเป็นส่วนมาก เมืองนอกก็มีแต่น้อยและ จิตสมาธิไม่สูงเหมือนคนไทย ชาวไทยผู้มีศีลธรรมซึ่งเหลือรอด จากภัยพิบิตนี้จะได้ทำบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ และหลัง จากนี้ไปอีก 300 ปี ถึง 400 ปี วิชาการ ลิ่งก่อสร้าง ฯลฯ จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งควบคู่กับจิตใจของมนุษย์โลก ซึ่งเจริญ เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คือมีชีวิตงดงาม หลวงพี่วาณิท่านเล่าว่า ผู้ที่ จะไปเกิดในยุคนี้ได้จะต้องเป็นผู้มีศีลธรรม รู้จักทำบุญทำทาน มากพอสมควร

    เมื่อท่านได้เล่าถึงภัยพิบัติต่าง ๆ แล้ว ท่านได้เล่า ต่อไปว่า ท่านได้เอ่ยถามเทวดาผู้มาแจ้งข่าวท่านในกรรมฐาน ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้อย่างไร แค่ไหน เทวดาตอบว่าไม่สามารถจะระงับภัยพิบัติได้ซึ่งกล่าวได้ แต่สามารถบรรเทาให้เบาบางลงไปได้ตามแต่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชั่วของชาวโลกทั้งหมด เพราะว่าสาเหตุของภัยพิบัติ นั้น เกิดจากความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่ละสมมาในจักรวาลนี้นับหมื่น ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการทำชั่วบนโลกมนุษย์นี้เองทุกครั้งที่ มีการทำชั่วเกิดขื้น คือ ผิดศีลขั้นพื้นฐานหรือศีลห้า จะต้องมี ผู้เดือดร้อนหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง เช่น

    1. ปาณาติปาต คือ การฆ่าสัตว์หรือมนุษย์ วิญญาณของสัตว์หรือมนุษย์ นั้นย่อมอาฆาต พยาบาท จองเวร และเกิดเป็นพลังงานแห่งความชั่วร้ายขึ้น

    2. อทินนาทาน คือ การลักทรัพย์ เจ้าของทรัพย์ ย่อมเสียหายและมีจิตผูกพยาบาทเช่นกัน

    3. กาเมสุมิจฉาจาร คือ การประพฤติผิดทางเพศ ผู้เป็นบิดามารดา หรือสามีภรรยาย่อมโกรธแค้นที่ผู้ที่รักถูก ล่วงเกินหรือถูกแย่งสิทธิ์

    4. มุสาวาทา คือ การกล่าวปดมดเท็จ ผรุสวาท หยาบคาย เพ้อเจ้อ ใส่ร้ายป้ายสี ผู้ที่ถูกกระทำย่อมได้รับ ความเสียหายและมีจิตใจผูกพยาบาทอาฆาต

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการรังแกกันหรือล่วงเกิน กัน ถ้าหากเจ้าทุกข์ยังไม่อโหสิกรรมให้หรือ ยังไม่ให้อภัยแก่ผู้ ล่วงเกินแล้ว เจ้าทุกข์จะกลายเป็นเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวร คอยตามทวงหนี้แก่ผู้ล่วงเกินไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะสำเร็จ และยังมีพลังงานอีกล่วนหนึ่งซึ่งเป็นความอาฆาตพยาบาท หรือพลังงานความชั่วร้ายที่ล่องลอยไปสะสมกันในจักรวาล ซึ่งเมื่อละสมกันมาเป็นเวลานาน ๆ หลายหมื่นหลายแสนปี จึงกลายเป็นดาวสีดำขนาดใหญ่ มีพลังงานความชั่วร้ายที่มี เป้าหมาย เพื่อทำลายสุริยจักรวาลนั้นเอง เมื่อเล่าถึงสาเหตุ จบแล้ว ท่านก็กล่าวต่อไปว่า การบรรเทาความรุนแรงของ ปัญหาจะต้องทำดังต่อไปนี้
    <!--pagebreak-->
    ก. การเตรียมตัวในขณะนี้

    1. ให้ชาวโลกทุก ๆ คนต้องเร่งรีบทำจิตใจให้สงบ และเข้มแข็ง คือ ให้บำเพ็ญภาวนานั่นเอง ให้ทุกคนพยายาม หาเวลาฝึกกรรมฐานอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งพากเพียรเจริญ มรณานุสติไว้ว่าการตายเป็นธรรมดาของคนทุกคน ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงได้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้ หากแม้น ต้องเสียชีวิตในภัยพิบัติ จิตใจจะได้สงบ เวลาตายวิญญาณ จะได้ไปจุติในภพภูมิที่ดี

    2. ให้ชาวใลกทุกคนรักษาศีล 5 ให้ได้ เพื่อลด การเบียดเบียนกัน ทำให้มีความสงบเย็นและสันติสุขเกิดขึ้น ในใลก อย่าได้ทำสงครามหรือแม้แต่ทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งจะได้ ไม่ไปเพิ่มพลังแห่งความชั่วร้ายให้สูงขึ้น เพราะจะเร่งให้ภัย พิบัติเกิดเร็วขื้นและรุนแรงขึ้น นอกจากนี้เทวดายังกล่าวแก่ พระวาณิชว่า ถ้าแม้นผู้ใดสามารถรักษาคีล 5 ให้บริสุทธิ์ ได้จริงและไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาแล้ว ย่อมจะสามารถ รอดชีวิตจากภัยครั้งนี้ได้ แต่จะสติวิปลาสหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ระดับขั้นในการเจริญกรรมูฐาน

    3. ให้ชาวโลกทุกคนมีความเมตตากรุณาแก่กัน ทำบุญทำทานช่วยเหลือกัน ผู้ที่มีเหลือช่วยเหลือแบ่งปันกัน ให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน เพึ่อไม่ให้มีผู้ทุกข์ใจร้อนใจ ก่อให้เกิด ความร่มเย็นขึ้นในโลกมนุษย์

    ข. การเตรียมตัวในระยะที่ภัยพิบัติใกล้จะเกิด

    จะต้องหาบทสวดมนต์บทหนึ่งซึ่งใช้ในการสวด เพื่อระงับหรือบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ บทสวดมนต์นี้พระวาณิช ท่านเล่าว่าเคยพบในคัมภีร์เก่า ท่านจำชื่อของมนต์บทนี้ไม่ได้ แล้ว เทวดาได้กล่าวแก่ท่านว่าให้ไปค้นหาบทสวดมนต์บทนี้ ซึ่งองค์สมเด็จพระลัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้ไว้เพื่อใช้สวดบรรเทา ภัยพิบัติ ซึ่งท่านได้เล็งเห็นด้วยทิพยจักษุว่าจะบังเกิดขึ้นใน ชมพูทวีป ภายหลังจากท่านเสด็จนิพพานแล้ว

    การทำพิธีนี้จะต้องให้ผู้มีศีลธรรมอันบริสุทธิ์มานั่ง สวดมนต์กลางแจ้ง โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้

    1. พระผู้มีญาณระดับสูงหรือพระอรหันต์นั่งสวดมนต์ ณ จุดศูนย์กลางเป็นประธาน
    2. พระภิกษุซึ่งมีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวง พระอรหันต์องค์ประธาน
    3. สามเณรผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งล้อมวงถัดจากผู้มีศีล บริสุทธิ์
    4. แม่ชีผู้มีศีลบริสุทธิ์มานั่งสวดมนต์ล้อมวงถัดออก มาจากเหล่าสามเณร
    5. อุบาสก อุบาลิกา ผู้ถือศีลแปดนั่งสวดมนต์อยู่วง นอกสุด
    6. ให้ประชาชนอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นุ่งขาว ห่มขาวรักษาศีลให้บริสุทธิ์
    (เป็นสาเหตุที่เรียกประเทศไทยว่า ถิ่นกาขาว) และ ช่วยกันสวดมนต์บทนี้เพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ ณ บ้านเรือน ของตนในวันที่เกิดสูรย์

    ค. การปฏิบิตตัวในขณะที่เกิดภัยพิบัติ

    1. เข้าญาณแล้วหนีไปอยู่พรหมโลก
    2. ขึ้นยานอวกาศแล้วหนีไปอยู่นอกโลก
    การหนีจากภัยพิบิตทั้ง 2 วิธีข้างต้นจะปลอดภัย ในกรณีที่ถึงขั้นโลกแตกทำลายเป็นจุณ แต่ถ้าหากว่ายัง ไม่รุนแรงถึงระดับที่กล่าวนี้ คือ เพียงแ ต่เปลือกโลกได้รับ ความบอบช้ำมากหรือน้อย แต่ไม่ถึงกับแตกทำลายก็อาจ หลบหนีได้ใดยวิธีต่อไปนี้
    3. หนีไปอยูในเขตพื้นที่ชึ่งไม่เกิดภัยพิบัติ ผู้ที่มี ความสามารถจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ
    4. ผู้ที่รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก็อาจรอดชีวิตได้ ถ้าไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาจริง ๆ
    5. ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาบ้างและสามารถทำจิตใจ สงบได้แต่ยังไม่ถึงขั้นฌานก็อาจจะรอดชีวิต แต่ถ้าหากตาย วิญญาณจะไปจุติในภพภูมิที่ดี
    6. ในขณะที่เกิดสูรย์ คือ เกิดจันทรุปราคาหรือ สุริยุปราคาให้ทำพิธีสวดมนต์กลางแจ้งตามที่กล่าวแล้วนี้
    7. ให้ทุก ๆ คนในโลกหยุดการใช้เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้หมด
    แม้แต่มีการเคลื่อนที่ของมนุษย์และสัตว์คือ ให้ทุกคน นั่งเฉย ๆ ถ้านั่งกรรมฐานได้ก็ให้นั่งกรรมูฐาน เนื่องจากว่า การเคลื่อนไหวและการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็กต่าง ๆ จะเป็นการซ้ำเติมให้เกิดความสับสนของสนามพลังงานใน ระบบสุริยจักรวาลมากขึ้น อาหารจะขาดแคลนตลอดจนถึง ปัจจัยสี่ด้วย ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้

    อุปกรณ์การดำรงชีวิตในป่า (แล้วแต่จะคิดหาได้)

    - เชือกอย่างเดียว 10 เมตรต่อคนตามปัญญาของ แต่ละคน
    - จักรยานวิบาก 1 คันต่อคน พร้อมทั้งอาหลั่ย เช่น ยางใน ลูกปืน ฯลฯ (ถนนหนทางจะพังพินาศหมดในเวลานั้น)
    - ผ้าร่ม ผ้าปูที่นอน มุ้งธุดงค์ และกลด
    -มีด หม้อสนาม กระติกน้ำ แก้วพลาสติก
    - เรือไฟเบอร์กลาส 1 ลำต่อคน 30 คน
    - ที่สำคัญมากคืออาหารและแหล่งเสบียงอาหาร
    - ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อ้กเสบ ยาหม่อง ฯลฯ
    - เชื้อเพลิงและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น เทียน ไฟแช็ก น้ำมันก๊าซ ไฟฉาย ฯลฯ
    นอกจากนั้นช่วงภัยพิบัตินั้น ขอให้ผู้ที่มีปัจจัยสี่ แบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่อดอยากขาดแคลน ในเวลาเช่นนั้น ทรัพย์สมบัติและทองไม่มีค่าแล้ว หลวงพี่วาณิชท่านเล่าต่อไป ว่า ทางเบี้องบนสั่งต่อไปอีก ในลักษณะของคำกลอนซึ่งท่าน จำไม่ค่อยได้ว่า

    กินครึ่งแบ่งครึ่งพึงอภัย ถ้าเป็นหนี้สินใครใช้ให้หมด สิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ ถ้ามีมากให้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ห้ามขายเด็ดขาด

    (ผู้เขียน : ท้ายนี้เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้มาจากคำบอกเล่าของพระ วาณิช ซึ่งท่านมีความประสงค์ดี ต้องการให้ชาวโลกได้รับรู้ การให้ ชาวโลกได้รับรู้ถึงภัยพิบัติ ซึ่งท่านเก็บมาจากเทวดาที่มากล่าวให้ ท่านทราบในขณะนั่งกรรมฐาน ข้าพเจ้าเห็นว่า เรื่องนี้อาจเป็น ความจริงได้จึงได้ทำตามความปรารถนาของหลวงพี่วาณิช โดยนำ ข่าวมาแจ้งให้ชาวโลกไต้เตรียมตัวทำทาน รักษาศีลและบำเพ็ญ ภาวนา เพื่อให้พร้อมรับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้น ท่านก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว แต่ถ้าหากไม่เกิดขึ้นท่านก็ จะเป็นอีกท่านหนึ่งซึ่งทำให้สังคมโลกสงบและร่มเย็นขึ้น ตามหลัก พุทธศาสนาเรา คือ "ให้ทำปัจจุบันให้ดี")

    หมายเหตุ หลวงพี่วาณิชท่านยังบอกวิธีพิสูจน์ให้ด้วย คือ ให้นั่งกรรมฐานจนจิตสงบแล้วให้ภาวนาคำว่า "จิตต่อธาตุ ธาตุต่อธาตุ" ไปเรื่อย ๆ ผู้ที่ปฏิบัติ นี้อาจจะเห็นเหตุการณ์ตามแต่บุญวาสนาของ ตนเอง ซึ่งต้องอาจให้เวลาหลายชั่วโมง (ธาตุที่ ว่านี้ คือธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อ ภาวนาแล้วให้กำหนดจิตว่า แผ่ต่อธาตุทั้ง 4 คลุมไปทั่วทั้งพิภพ) <!--pagebreak-->เรื่องที่เขียนมานี้หลวงพี่วาณิชท่านว่าเป็นเพียงหนึ่ง ในสาม ยังมีข้อมูลอื่นไม่ได้ลงเช่น ตำราสมุนไพร บทสวดมนต์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรเทาภัย เรื่องราวที่เทวดาพาท่านชมสวรรค์ ระบบการทำงานของบัญชีบาปบุญของยมบาล ฯลฯ

    (ผู้เขียน : ข้อเขียนทั้งหมดนี้ไม่ต้องการให้ท่านเชื่อ เพราะบุคคลที่ รับรู้เรื่องนี้มา ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจสร้างภาพลวงโดยผู้มีสมาธิจิตสูงกว่า เป็นต้น แต่ต้องการ หาบุคคลที่มีความสามารถสูง ช่วยค้นหาความจริงเหล่านี้ อันจะ เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นนำไปใช้หลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง การเชื่อจากคำบอกเล่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ต้อง เชื่อจากการใช้ปัญญาหาเหตุผลความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนข้อมูลจากผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูงหลาย ๆ ท่านนำมาประกอบ การประเมิน ข้าพเจ้ารู้สึกลำบากใจที่ว่าดาวเคียงกัน 7 ดวง ในปี พ.ศ. 2540 นั้นก็มีจริงตามปฏิทินคราสของสมาคมโหราศาสตร์ แห่งประเทศไทย ออกขายเมื่อกลางปี 2536 หลวงพี่วาณิชท่านรู้ เรื่องนี้มาได้อย่างไร ท่านคงไม่มีปฏิทินนี้เพราะพิมพ์น้อยมาก อีก อย่างหนึ่งเรื่องแรงดึงดูดของดาวที่มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงและแผ่นดินไหว นั้นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อแล้วว่าจริง จำนวนดาวที่เรียงกัน จำนวนมากแบบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งในปี 2542 นั้นก็มากขึ้นอีก ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่อง เพ้อฝันที่จะมาหัวเราะหรือเหยียดหยามกัน แต่ในทางกลับกันการ ค้านแบบไม่คิดนั้นก็มีประโยชน์ เพราะเป็นการสร้างความสบายใจ)

    สาส์นจากปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)

    ผ่านทางทิพย์นิมิต พระอาจารย์เพลิน นนทโก ให้แจ้งต่อผู้ศรัทธาในปู่ใหญ่ หลวงปุ่เทพโลกอุดร ว่าในอีก ประมาณ 2 ปีข้างหน้านี้ จักเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงต่อมวล มนุษยชาติทั่วโลก ขอให้ลูกหลานทุกคนจงพากันเตรียมตัว ร้บสถานการณ์ให้ดี โดยให้มีสติอันมั่นคงอย่าวิตกกังวล จงพา กันเร่งบำเพ็ญภาวนาทำสมาธิฝึกฝนพลังจิตให้เข้มแข็ง และ ให้พากันหาสถานที่อันสงบในป่าเขาแหล่งที่ห่างไกลความเจริญ ปลูกต้นไม้ให้มาก ๆ ล้อมรอบที่พักอาศัย แล้วบำเพ็ญภาวนา เก็บกักตุนเสบียงไว้ใช้ในยามขัดสนอันมีปัจจัยสี่ เช่น เครื่อง นุ่งห่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค หากผู้ใดมีเงินขอให้เปลี่ยน เป็นของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำเป็นต้น อย่าฝากธนาคาร อย่าซื้อหุ้นให้ฝังดินไว้ทำแผนที่ลายแทงไว้ในพื้นที่ที่ห่างไกล กรุงเทพฯ เชื้อเพลิงให้พากันกักตุนแบตเตอรี่แห้งเป็นต้น อย่า ห่วงทรัพย์ในเมืองหลวง จงพากันไปหาที่ปลูกสร้างที่พักไว้ ตามวัดป่า วัดเขาในชนบท ตามถ้ำต่าง ๆ จึงจะพากันรอด จากภัยพิบัติ จงเร่งบำเพ็ญภาวนา



    <CENTER>ผ่านกระแส เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2539
    ณ ธรรมสถานวงษ์จิต
    บ้านนาคำน้อย หมู่ 7
    ตำบลบ้านก้อง อาเภอนายูง
    จ้งหวัดอุดรธานี 41380</CENTER>
    คัดลอกมาจาก http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=274&page=14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2006
  13. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    อ้างอิงคำตอบที่ 905 ซึ่งกระผมฟันธงไปว่าไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่มีสาเหตุ ซึ่งเรื่องนี้ยังมีผู้ไม่ทราบกันมากกว่าเรื่องที่แท้จริงเป็นเช่นไร
    ผังภัยพิบัติที่ลือกันก็มีเหตุพื้นฐานที่เป็นจริงอยู่ภายใต้เงื่อนไขในอดีตที่กระแสบาปมีมากมายมหาศาล ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นไปตามนั้นก็จะเกิดภัยพิบัติอย่างมหาศาล ทำให้เกิดแนวทาง 2 ฝ่ายก็คือ สร้างโลกใหม่กับซ่อมโลกเดิม ฝ่ายสร้างใหม่ก็คิดว่ารอให้ทุกอย่างเป็นไปตามผังภัยพิบัติแล้วค่อยฟื้นฟูขึ้นใหม่ แต่ฝ่ายซ่อมก็คิดว่าขอแก้ไขโลกปัจจุบันและลบผังภัยพิบัติเพื่อเปลี่ยนผ่านไปยังยุคชาววิไลอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะนี้ฝ่ายซ่อมกำลังทำหน้าที่ของตนอย่างเข้มแข็งและมีความก้าวหน้ามาก แม้แต่ในดินแดนที่ไม่น่าจะเข้าไปได้เช่นตะวันออกกลาง ฝ่ายซ่อมก็เข้าไปเผยแพร่ธรรมะจนกระทั่งมีการปฏิบัติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในดินแดนอันตรายอย่างปาเลสไตน์ฝ่ายซ่อมก็ได้ส่งคนเข้าไปสอนการนั่งสมาธิและแผ่เมตตาให้ทั้งชาวยิวและอาหรับ ซึ่งตราบใดที่ฝ่ายซ่อมยังทำหน้าที่และมีความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ภัยพิบัติจะถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมปี 1999 จึงไม่เกิดอะไรขึ้น และคำทำนายทั้งหลายที่ถูกลือกันไม่ปรากฏขึ้นเสียที เดดไลน์ที่ฟันธงกันมาก็เลยเคลื่อนมาตลอด ซึ่งในปี 1999 ฝ่ายซ่อมก็เกือบถูกมารทำลายล้างได้สำเร็จ แต่ก็ผ่านมาได้ และกำลังฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว ซึ่งจุดชี้ขาดก็คือเหตุการณ์ในปี 2550 ซึ่งฝ่ายซ่อมจะรวมกำลังครั้งใหญ่ปฏิบัติธรรมกว่าล้านคนเพื่อถวายพระราชกุศลและกลั่นแก้ไขจิตใจของชาวโลกให้ดีขึ้น ซึ่งวันนั้นก็จะเป็นวันเริ่มต้นของยุคชาววิไล
    แต่ขณะที่ฝ่ายธรรมะกำลังรุกคืบไปเรื่อยๆ ฝ่ายมารก็ย้อนรอยกลับมาโจมตีในดินแดนของฝ่ายธรรมเช่นใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ฝ่ายซ่อมกำลังทำหน้าที่แก้ไขอย่างสุดความสามารถ หลายคนได้สละชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว เช่นใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ ขณะนี้พระทุกรูปต่างก็พากันตั้งใจว่าจะยอมตายแต่ไม่ยอมทิ้งวัดไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นการสร้างปรมัตถ์บารมีอย่างยิ่งใหญ่
    เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่มีใครเลยที่ทราบแน่ชัด เพราะเป็นการรบกันระหว่างกระแสบุญกับกระแสบาปซึ่งจะแพ้ชนะกันแค่นิดเดียว แม้ความคิดแค่เล็กน้อยก็อาจเสริมพลังให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นต้องพยายามสร้างบุญและ แผ่เมตตาให้สมำเสมอ แต่ที่สำคัญก็คือการวางใจให้ดี พยายามคิดแต่ในแง่ดี การคิดและหมกมุ่นว่าจะเกิดภัยพิบัติ บางครั้งก็ไปเสริมกำลังให้กับฝ่ายมารได้เช่นกันหากคนๆนั้นไม่ได้ฝึกจิตมาดีพอ ต้องระวังไว้เพราะความคิดเหล่านั้นจะไปย้ำผังภัยพิบัติให้กล้าแข็งขึ้น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม ต้องยึดแนวทางของพระพุทธเจ้าไว้เสมอก็คือ ละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ผ่องใส การกังวลใดๆไม่ก่อประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
    หากคุณเป็นคนมีบุญและไม่มีกรรมปาณาติบาตติดตัว ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะไม่ตายแน่นอน แต่หากมีกรรมติดตัวมาแม้จะเหาะหนีขึ้นฟ้าก็ต้องตายอยู่ดี เช่นในเหตุการณ์สึนามึที่ผ่านมา บางคนโดนอย่างจังแต่ไม่เป็นอะไรเลย บ้านบางหลังเหมือนกับมีอะไรมากั้นคลื่นไว้ไม่ให้เข้ามาสร้างเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว ขณะที่บ้านข้างๆกลับพังไม่เหลือซาก ซึ่งปรากฏว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นของนักปฏิบัติธรรม ขณะที่บางคนไม่ได้เป็นคนในพื้นที่เลย แต่กระแสกรรมก็ดึงดูดให้เดินทางมายังพื้นที่และตายในที่สุด ทั้งหมดกรรมก็จะเป็นผู้จัดสรรของมันเอง หน้าที่ของเราก็คือสร้างบุญ เรื่องอื่นไม่ต้องไปกังวล
     
  14. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    Breaking News</B>

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=100 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>Hartford, CT - The tornado that struck this western Washington County community Sunday afternoon, creating nearly $4 million in damage, was caused by an unusual, "perplexing" set of weather conditions that gave residents little more than two minutes to seek shelter.
    Jun 19, 2006, 23:09
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2006
  15. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    ในเหตุการณ์ร้ายก็มีเหตุการณ์ดีเกิดขึ้น หากกลัวภัยพิบัติแล้วตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาให้มากขึ้นก็เป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส แต่หากกลัวแล้วมัวแต่กังวลก็ไม่เกิดประโยชน์เลย ให้ตั้งใจทำบุญและเชื่อมั่นในบุญว่าจะคุ้มครองเราได้เอง แต่หากมีวิบากกรรมเก่าตามมาทันก็คิดเสียว่าชดใช้กรรมเก่า และบุญที่ได้ทำไว้ก็จะพาไปสู่สุคติเอง
    ในเหตุการณ์ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฝ่ายมารได้ดลจิตใจให้มนุษย์บางกลุ่มเห็นการฆ่าฟันกันเป็นสิ่งที่ดี บ้างก็ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นกรรมหนักมากซึ่งก็ไปเสริมกระแสบาปให้ทับทวีขึ้น แต่ก็มีแง่ดีเกิดขึ้นเช่นกัน หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นใหม่ พระภิกษุซึ่งตกเป็นเป้าสังหารก็เกิดความหวาดกลัวกันไปทั่วแต่เมื่อได้รับโอวาทและกำลังใจจากพระเถระรูปหนึ่ง พระทั้งหมดใน 266 วัดต่างก็พากันมีกำลังใจและตัดสินใจยอมตายเพื่อเฝ้าวัด ซึ่งในสายตาคนทั่วไปอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของเทพเทวดาทั้งหลาย ต่างพากันสดุดีพระทั้งหลายใน 4 จังหวัดภาคใต้ที่ได้สร้างปรมัตถ์บารมีอย่างยิ่งใหญ่ ไมว่าจะเป็นพระธรรมดาที่เป็นปุถุชนหรือพระอริยะเจ้าในดินแดนอันตรายต่างก็พากันมีบุญบารมีเพิ่มขึ้นอย่างสุดที่จะคำนวณได้ เพราะยอมสละชีวิตเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา เป็นการยกระดับบุญบารมีของแต่ละรูปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าบาปที่พวกมารกระทำจะมากมายปานใด แต่บุญของพระทั้งหลายใน 266 วัดก็เกิดขึ้นมหาศาลนับกัปป์ไม่ถ้วนเช่นกัน และจะแก้ไขวิกฤติให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตราบใดที่พระทั้ง 266 วัดยังคงมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ไว้ ภัยพิบัติที่กว้างขวางก็จะไม่เกิดขึ้น ดินแดนเหล่านั้นไม่มีทางที่จะจมลงในทะเลได้อย่างแน่นอน แต่ผลบาปก็จะจำแนกไปยังคนบาปในรูปแบบต่างๆกัน
    หากท่านใดต้องการยับยั้งภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ปีนี้ก็ให้ไปทอดกฐินหรือผ้าป่ายังวัดใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งท่านก็จะได้มีส่วนแห่งบุญอันยิ่งใหญ่ของพระทั้งหลายเหล่านั้น และบุญที่ไปช่วยเหลือพระในพื้นที่อันตรายก็จะส่งผลคุ้มครองอันตรายทั้งหลายให้แก่ท่านทุกคน เป็นบุญที่ส่งผลแรงในปัจจุบันทีเดียว นี่แหละคือวิธีการของฝ่ายซ่อม ตรงไหนยิ่งอันตรายก็ต้องไปปักธงแห่งพระรัตนตรัยที่นั่นและทำบุญให้เข้มข้น จึงจะลบล้างของที่ไม่ดีให้หมดไป แต่ถ้าหนีกันหมด หายนะก็เกิดในวันนั้นนั่นเอง
     
  16. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    2012 A.D.

    [​IMG]
    The End of the Mayan Calendar is scheduled for December 21, 2012 (give or take a year). The possibilities of what this “end” might mean is an increasingly hot topic on the Internet, in conferences, printed articles, and in discussions all over the globe. This is because it just might be an incredibly important moment in history -- e.g., the end of history!

    Dan Sewell Ward, All Rights Reserved<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p> </O:p><O:p></O:p>
     
  17. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    “The How and Why of the Mayan End Date in 2012 A.D.” Written by John Major Jenkins (1994), the article makes several noteworthy observations, including: <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p> </O:p>
    [FONT=arial, Arial, Helvetica]“Scholars have known for decades that the 13-baktun cycle of the Mayan ‘Long Count’ system of timekeeping was set to end precisely on a winter solstice, and that this system was put in place some 2300 years ago. This amazing fact -- that ancient Mesoamerican skywatchers were able to pinpoint a winter solstice far off into the future -- has not been dealt with by Mayanists. And why did they choose the year 2012? One immediately gets the impression that there is a very strange mystery to be confronted here.”<O:p> </O:p>[/FONT]
     
  18. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]During the height of the Classic Maya civilization,
    Lord Pacal Votan ruled the empire of Nah Chan Palenque
    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
    (in present day Chiapas, Mexico), for 52 years.
    [/FONT]
    [/FONT]

    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]Proclaiming,[FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]"If Humanity Wishes To Save Itself From Biospheric Destruction It Must Return To Living in Natural Time," he foretold of our accelerated technological society, and the resulting damage of our collective divergence from Natural Law in exchange for materialist values.[/FONT][/FONT]
     
  19. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]Pacal Votan's prophetic call is alerting present-day humanity that our biological process is transforming, approaching the culmination of a 26,000 year evolutionary program. [/FONT][FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]Bringing the return of universal telepathy, heightened sense capacity, and self-reflective consciousness, this is a return to the sacred domain of our inner technology.[/FONT]
    [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]This grand cycle of evolution will culminate
    winter solstice, December 21, 2012 AD.
    [/FONT]
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผังสุสิทธิ โดยคุณ การู้นาดี

    บ้านเมืองในเขตศาสนา ต้องมานับหนึ่งใหม่ เมื่อนับ 1 แล้ว ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่คู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ : it's time for the glory of Siam !!! (นี่แหละการเป็นปิ่นของศาสนจักร อาณาจักร ที่แท้จริง ) หากไม่นับ 1 ใหม่

    ภายหลังประเทศสยามเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 เวลา 09.00 น. ลัคนาราศีกรกฎ จะแบ่งยุคบ้านเมืองออกเป็น 10 ยุค ยุคละ 10 ปี ดังนี้

    1.พ.ศ.2482 - 2492 ยุคกาลี
    2.พ.ศ.2492 - 2502 ยุค มิตรมาเยือน
    3.พ.ศ.2502 - 2512 ยุคเฉือนดินแดน
    4.พ.ศ.2512 - 2522 ยุคแสนแค้นกลางเขาควาย
    5.พ.ศ.2522 - 2532 ยุคลายเสือครองเมือง
    6.พ.ศ.2532 - 2542 ยุคฟูเฟื่องชาวสังคม
    7.พ.ศ.2542 - 2552 ยุคชมบุญทรราชย์
    8.พ.ศ.2552 - 2562 ยุคชาติวิปโยค
    9.พ.ศ.2562 - 2572 ยุคโรคคลาย
    10.พ.ศ.2572 - 2582 ยุคหายกังวล

    ปัจจุบันอยู่ยุคชมบุญทรราชย์ ต่อไปคือ ชาติวิปโยค โรคคลาย แล้วจึงจะหายกังวล เมื่อขอสิทธิแห่งกาขาวสู่ถิ่นกาขาว ชาวอริยะ แล้ว จะเปลี่ยนเป็น 8.ยุคชาติก้องฟ้า 9.รัฐเพริดแพร้ว 10. ศรีวิไลทั่วแดนดิน สูตรประสูติถิ่นกาขาว : กาดำดื่มน้ำตะโก พึ่งพักฟังบนป่ายี่โถ กาดำรู้นาดี จะเปลี่ยนสีเป็นกาขาวชาวอริยะ

    พ.ศ.2542 - 2552 ยุคชมบุญทรราชย์ ต่อให้มีคนดีมาบริหารบ้านเมือง เขาก็เห็นเป็นทรราชย์ ตั้งกี่ที ล้มทุกที ชวนให้คิด เพราะเป็นกาเมา...กาเม ฉะนี้แล กาถูก กาขาว ไม่เอา เอาแต่กาผิด ปรมัตถ์นามบอกเหตุอยู่แล้ว ถึงมีแต่ทางตัน



    <CENTER>
    [​IMG]

    ปลายปีจอ พ.ศ. 2549 ยามเดือนแรม
    ฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย
    เช่น ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไฟและน้ำ
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผเบิ่งไผ
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว - เมียบ่เห็นหน้ากัน
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ้งไร่ทุ่งนา
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก
    ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ
    เมืองกรุง ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกขัดแย้งบ่แล้ว

    [​IMG]

    พ.ศ. 2550 - 2552 สงครามชีวภาพ ระหัส VX โลกวิปโยค</CENTER>

    เมื่อได้สิทธิแห่งกาขาว เข้าสู่ยุคอริยะภูมิแล้ว
    จะเป็นการพลิกมังกรแผ่นดิน ที่จากเดิมภาคใต้คือด้ามขวาน
    ทำให้เกิดปัญหาภาคใต้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะด้ามขวานเป็นผู้ฟัน
    ขณะที่แผ่นดินผืนใหญ่เป็นคมขวาน จึงต้องเสียหายบาดเจ็บ
    เดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ ภาคใต้จะเปลี่ยนเป็นปิ่นปักเศียร
    หมายความแผ่นดินใหญ่คือศีรษะ แผ่นดินสยามจึงจักเป็นปิ่น
    ของศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร อย่างแท้จริง

    ในส่วนของบาปศักดิ์สิทธิ์ลงโทษเป็นกรรมที่กำลังให้
    ผลอยู่ ไม่อาจลบล้างได้ มันจะต้องให้ผลสืบไปจนสุดกำลัง
    ของมัน สามารถทอนจากหนักเป็นเบา คือ อ่อนกำลังลง
    ด้วยบุญขั้นสูงคือ ฌานสมาบัติ ส่วนบาปที่จะผลิต่อไปในยุค
    ต่อไป จะพลิกผันเป็น

    8.พ.ศ.2552 – 2562 ยุคชาติก้องฟ้า
    9.พ.ศ.2562 - 2572 รัฐเพริดแพร้ว
    10. พ.ศ.2572 - 2582 ศรีวิไลทั่วแดนดิน



    <CENTER>
    ยุคชาติก้องฟ้า :
    การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์

    [​IMG]

    Let us watch the son of Pra Sri Ariya, disciple
    of the Lord Bhuddha and Luang Poo Loke Udorn,
    bloodline of Dewas of 3 worlds,
    the man with an amazing intelligence
    unmatched by billion of geniuses,
    the man who 'll do The Biggest of all is Siam
    shine on the date 6-6-06
    a new source of energy
    in the land of smile when the golden yellow
    flowers bloom all over the land.
    In the name of the Thunder and Lightning God ,
    he will likely bring a new source of energy :
    "the water of life" to produce
    unlimited energy & a source of nuclear power

    The Miracles of Suvannapoom

    Siam the Great.

    [​IMG]


    This white knight shall take Siam beyond
    wealth or super wealth unknown of before by
    any country of this planet. All lives of Siam
    shall experience happiness never dreamed of.

    [​IMG]</CENTER>

    รับกาศิตพระพุทธองค์ ลงสู่โลกยุคเบียฬบีฑ์
    รักษ์ธรรมะรังษี ตามพระพุทธทรงประสงค์
    มั่นหมายจะเสริมศาสน์ สถาปน์โลกให้อยู่ยง
    บำราศภัยพินาศ,คง ศิวิไลซ์สถาพร
    หากแล้งพระธรรมญาณ อันธพาลกลีบร
    จะครองโลกเป็นอากร เป็นทมิฬเดรัจฉาน
    โลกทุกข์ทนทั้งคืนวัน พิฆาตกันบ่มีประมาณ
    ด้วยเหตุอหังการ เข้าครองโลกวิโยคธรรม
    พระจึงจุติแทนพุทธองค์ เพื่อประสงค์ดำรงธรรม
    ตามแนวพระศาสดานำ ทั่วโลกผองผ่องพ้นภัย
    เผยแผ่เที่ยงธรรมแท้ ให้ไพศาลพิชิตชัย
    ยุคทมิฬแปรผันไป ชาวศิวิไลซ์ทั้งปฐพี



    คัดลอกมาจาก http://www.navagaprom.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...