ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คุณประโยชน์ของความ"กลัวตาย"

    [​IMG]

    สำหรับท่านที่ชอบต่อว่าผมและหมู่คณะ เรื่องการนำเสนอข่าวภัยพิบัติ ทำให้คนตื่นกลัวเป็นบาปนั้น โปรดอ่านพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน นี้หลายๆรอบนะครับ ว่าเป็นบุญหรือบาปกันแน่?

    "ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกันเวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียมเราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • wolverton12.jpg
      wolverton12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.8 KB
      เปิดดู:
      2,174
    • Tonka3.jpg
      Tonka3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.6 KB
      เปิดดู:
      33
    • sodmont.jpg
      sodmont.jpg
      ขนาดไฟล์:
      92.5 KB
      เปิดดู:
      31
  2. chunhapong

    chunhapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +731

    คน เมื่อเห็นทุกข์ เห็นโทษ ก็จะเกิดศรัทธา
    คนที่เขาเชื่อก็จะปรับเปลี่ยนตนเอง อยู่ในศีล ในธรรม เพื่ออยู่รอด
    คนที่เขาไม่เชื่อ ก็ปล่อยเขาไป เพราะเขาได้เลือกแล้ว จงเมตตาในอุเบกขา
    ขอบคุณทุกท่านที่เตือนเข้ามา ท่านทำดีแล้ว
     
  3. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมขอสนับสนุนพระพุทธศาสนาเท่านั้นครับ อย่าลืมศาสตร์ทางโหราศาสตร์ก็เป็นศาสตร์ที่มีปรากฏในพระพุทธศาสนาด้วย ถือได้ว่าเป็นศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาแขนงหนึ่ง พวกเราคือชาวพุทธ นักโหราศาสตร์ที่ใช้วิชาทางโหราศาสตร์ที่อิงมาจากพระพุทธศาสนาก็สมควรทราบไว้ด้วย และตัวคุณก็คือชาวพุทธ คุณจะมีความคิดอ่านสมัยใหม่ก็อย่าลืมว่าคุณก็คือชาวพุทธ...

    และอย่าลืมว่า....พระพุทธศาสนาสอนออะไร ? และอย่างไร ?
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปฏิบัติการทางเท็คนิกของฝ่ายกวาดล้าง...

    [​IMG]

    ปฏิบัติการทางเท็คนิกเพื่อการชำระโลก

    1. คุณเคยเรียนรู้เรื่องการทำนาของชาวนามาบ้างมั้ยล่ะ?

    2. หลักการทำนาของชาวนา:-

    2.1. ต้องจัดหาพื้นที่ๆจะทำนาก่อน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่จะปฏิบัติการชำระตามคำพิพากษาของพระบิดา

    2.2. เมื่อรู้พื้นที่ๆจะทำนาแล้ว ชาวนาก็จะลงมือ "ทำคันนา" เอาไว้โดยรอบพื้นที่นานั้น เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือน ให้เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินยุบ-แยก รอบๆ พื้นที่เป้าหมายที่กำหนดเลือกไว้แล้ว โดยจะแยกทำเป็นแปลงๆ หรือเป็นเขตๆ พื้นที่ไป

    2.3. จากนั้นชาวนาก็จะผันน้ำเข้านา มีช่างเท็คนิกก็จะทำให้เกิดพายุฝน น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก ด้วยพายุฤดูร้อนมั่ง พายุหมุนมั่ง พายุโซนร้อนมั่ง สุดแท้แต่ว่าจะเอาน้ำมาจากไหนได้บ้าง เน้นน้ำท่วมในพื้นที่ๆ กำหนดไว้ด้วยแนวแผ่นดินไหว-ยุบแยกรายรอบนั่นแหละ

    2.4. เมื่อชักน้ำเข้านาแล้ว ชาวนาก็จะนำเอาควายมาไถนา เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกข้าวต่อไป จะมีช่างเท็คนิกอีกชุดหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่ปฏิบัติงานใต้ดิน ด้วยการพรวนดินใต้พื้นโลกให้ร่วนซุย เพื่อดูดซับเอาน้ำที่ท่วมลงไปแอบเก็บกักไว้ ทำให้ใครๆคิดว่าหลังน้ำท่วมแล้วแผ่นดินแล้งแห้งผากทั้งๆที่เป็นภาพลวงตา ทางการเลยปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมาเป็นการใหญ่...คราวนี้เลยพากันจมน้ำสำลักน้ำกันอีกรอบ!!!

    2.5. พอเสร็จไถนาแล้ว ชาวนาก็จะหว่านเมล็ดข้าวลงไปในแปลงนาของตนใช่หรือไม่ล่ะ? เราในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล ผู้นำโครงการ "รักเพื่อรัก ทั่วประเทศ" พร้อมคณะจิตจักรวาลทายาท ผู้ประกาศปณิธานแห่งนิพพาน จะเดินทางไปยัง "แปลงนาเป้าหมาย ทั่วประเทศ" เพื่อนำเอาธรรมของพระบิดา เปรียบดั่งปุ๋ยชั้นดี ไปหว่านให้ทั่วแปลงนานั้นด้วยการ "ให้ฟรี...เพราะเป็นปุ๋ยชั้นดีจากพระบิดา" แล้วก็ลาจากจร

    2.6. เมื่อหว่านข้าวปลูกข้าวแล้ว ชาวนาก็จะรอผลผลิตเพื่อการเก็บเกี่ยว โดยข้าวที่โตจนออกรวง คือข้าวเมล็ดดีที่ทำประโยชน์ได้ ส่วนข้าวเมล็ดเน่าหรือลีบมันก็จะเน่าจมโคลน จมธรณี จมน้ำหายสาปสูญ เพราะเป็นข้าวไม่มีอนาคต ไม่มีค่าว่ามั้ย? เราเดินทางกลับจากนาแปลงนั้นๆแล้ว พระบิดาก็จะมีเจ้าหน้าที่เท็คนิกจากส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบผลผลิต ข้าวเมล็ดไหนดีที่เติบโตให้เห็นว่ามีอนาคตก็จะเก็บเอาไว้ ข้าวเมล็ดไหนลีบหรือเน่าเสีย ก็คัดทิ้งด้วยการปล่อยให้เน่าไปกับคงคา วารี และพระแม่ธรณี

    3. หายสงสัยรึยังล่ะคราเนี้ย......ว่าทำไมแผ่นดินไหว-ยุบแยกแถวๆ นอกพื้นที่เมืองหรือชุมชน เพราะไม่มีใครทำนาทันทีโดยไม่มีการสร้างคันนาหรอก....ว่ามั้ย?

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    ใครคือผู้ร่วมกระบวนการทำนาบ้าง?

    1. พระบิดาทรงกำหนดพิกัดพื้นที่ในการทำนา ทรงกำหนดพิกัดเพื่อการชำระโลกไว้เป็นส่วนๆอย่างชัดเจน ตามแผนที่โลกยุคพลังงานใหม่ ของจิตจักรวาลที่เราได้ประกาศให้พวกเธอได้เห็นได้รู้ได้เป็นเจ้าของ (ซื้อไว้ส่วนตัว) กันแล้ว

    2. ทรงบัญชาให้ช่างเท็คนิก วางแผนกำหนดวันเดือนปีที่จะทำนา บนพิกัดพื้นที่ต่างๆในข้อ 1.ให้สอดคล้องเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลเลิศตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์เป็นที่สุด

    - ช่างเท็คนิกผู้มีหน้าที่ขีดเส้นคันนาบนพื้นที่ที่กำหนด จะวางแผนและกำหนดแผนปฏิบัติงาน ที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็ดำเนินการไปตามนั้น สิ่งที่มนุษย์บนโลกบนพิกัดต่างๆ จะรับรู้ได้คือ มายาอันเกิดจากแผ่นดินไหวรายวัน หนักบ้างเบาบ้าง เกิดที่นั่นที่นี่เรื่อยมา และนับวันจะถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น เอาชีวิตบ้าง ไม่เอาชีวิตบ้าง สุดแท้แต่เคราะห์กรรม นอกจากนั้นเมื่อแผ่นดินเขย่าค่อยๆ แต่บ่อยๆ มันจะทรุดตัวลงไปเรื่อยๆ เหมือนร่อนทราย ที่ใดดินนิ่่มที่นั่นจักทรุดหรือยุบตัวลงก่อนที่อื่นๆ เป็นต้น

    - การสั่นสะเทือนพื้นแผ่นดินดังว่านี้ เปรียบเสมือนการสร้างคันนาเพื่อการทำนานั่นเอง จะมีช่างเท็คนิกที่เป็นรูปธรรมชั้นสูงจากต่างมิติ เข้ามาทำหน้าที่ด้วยการตีเส้น-คำนวน-วัดกะระยะอย่างละเอียดทุกกระเบียดนิ้ว ให้สอดคล้องกันกับแผนที่โลกใหม่ของพระบิดาอย่างมีบวกลบได้ไม่เกิน 20% ผลที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "รอยร้าวของแผ่นเปลือกโลก" ซึ่งมันจะมีทั้งรอยเดิมที่มนุษย์เข้าใจว่าเป็นรอยเลื่อนที่ตายแล้วจะถูกปลุกให้ฟื้นตื่น และรอยร้าวใหม่แนวใหม่ที่จิตจักรวาลกำหนดไว้ ตามแผนปฏิบัติการจัดองค์กรโลกทางกายภาพและทางพลังงานกันใหม่ เพื่อนำมนุษย์โลกและทุกสรรพสิ่ง เข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ในอีกไม่ช้านานนั่นเอง

    3. เมื่อช่างเท็คนิกชุดใหญ่ ชุดรังวัดที่ดินแล้วตีเส้นคันนายกย้ายทีมออกไปหลังเสร็จภารกิจแล้ว ก็จะมีช่างเท็คนิกอีกชุดหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่รับช่วงต่อ

    - ช่างชุดนี้จะมีหน้าที่ชักน้ำเข้าพื้นที่นาในลักษณะของ น้ำไหล น้ำหลาก น้ำท่วม น้ำล้น และน้ำฝน ที่ส่วนใหญ่จะมาจากฟ้า ในลักษณะของพายุแบบต่างๆ เธอจะสังเกตได้ว่าเมฆจะลอยต่ำดำปิ้ดปี๋ ตกอยู่ที่เดียวเป็นเวลานานๆ โดยไม่ยกย้ายเมฆไปทางอื่น เผลอแผล็บเดียวน้ำก็ท่วมถึงเข่าแล้ว

    - ขณะที่บันดาลให้ฝนตกนั้น จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง มีฟ้าร้อง ฟ้าผ่าเสียงดังน่ากลัว มีพายุลูกเห็บตก มีพายุหมุนพัดบ้านพัง มีต้นไม้เสาไฟฟ้าหักโค่น ทำให้จิตใจผู้คนสั่นไหวตื่นเต้นตกใจหวาดกลัวอยู่ยาวนาน...นี่คืออาการ "ไถนาให้ดินร่วนซุยจนเละ" นั่นแหละ

    ดังนั้น ปฏิบัติการไถนาจึงมีเป้าหมายเพื่อให้เกิด "ความกลัวตาย" และให้เกิด "สติทางวิญญาณ" ของผู้คนบนพื้นที่นานั้นๆโดยแท้ว่า ตนเองที่เปรียบเสมือน "เมล็ดข้าวหนึ่งเมล็ด" นั้นจะตัดสินใจอย่างไรเมื่อ สภาพดินฟ้าอากาศมันเหมาะที่จะเจริญเติบโตงอกงามได้แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการสั่นสะเทือนจิตสำนึก ให้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่งอกงามรุนแรงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ จนเพื่อนมนุษย์หรือเมล็ดข้าวเปลือกจำนวนมาก ได้เสียสละชีวิตตนเองไปกับการเตือนในแต่ละครั้งคราเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว

    4. พระบิดาทรงอนุญาตให้เรานำเอาปุ๋ยไปหว่านซ้ำ บนพื้นที่ชุ่มน้ำและคราดไถนำไปบ้างแล้ว

    - เราจัดโครงการ "รักเพื่อรัก" ตามแผนการ 3 ปี เพื่อทำหน้าที่ตามพระบัญชาด้วยการนำพาปุ๋ยพันธุ์ดี ยี่ห้อจิตจักรวาล ไปหว่านในที่นาแปลงต่างๆ ให้ทั่วประเทศ เพื่อช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แผ่นดินถิ่นทำนา ปุ๋ยของพระบิดาที่เรานำพาไปมิใช่สูตร ไนโตรเจน หรือฟอสฟอรัส แต่เป็นปุ๋ยที่ทำด้วย "ความรักบริสุทธิ์" ส่งตรงมาจากองค์จิตจักรวาลกันเลยทีเดียว ยุคนี้จะหาความรักแบบนี้ที่ไหนในระบบโลกไม่ได้อีกแล้ว

    - เราไปหว่านปุ๋ย (หว่านพระโอวาท/สัจธรรม/ข่าวสารการชำระโลก/ชวนไปนิพพานให้ถูกทาง-ไม่เดินถ่างขา/สอนให้รู้จักรัก(ผลิตปุ๋ยใช้เองเพราะมีโรงงานผลิตอยู่ในจิตใจของตนที่พระบิดาให้ทุกคนมาแล้ว) เพื่อช่วยให้ทุกคนในจังหวัดนั้นได้ปุ๋ยดีที่สุดในจักรวาล เพื่อหมายช่วยให้เมล็ดข้าวเปลือกที่แห้งฝ่อห่อเหี่ยว แต่อยากมีโอกาสเติบโตได้ฟื้นชีวิตคืนเป็นต้นข้าวกล้าที่มีอนาคต มีประโยชน์ต่อโลกนี้ได้ดังประสงค์

    - ถ้าเราไปแล้ว ผู้คนตื่นตัวน้อย หรือต่อต้าน หรือไม่ใส่ใจ แสดงว่าพวกเขาได้พิพากษาตนเองแล้วว่า พร้อมจะเป็นเมล็ดข้าวเปลือกที่ไร้อนาคต พวกเขาคงต้องเผชิญชตากรรมอันน่าสลด เมื่อสามปีที่กำหนดผ่านพ้นไปเป็นแน่แท้....พวกที่ตื่นตัวอย่างมีสำนึกมิใช่งมงาย ได้มีโอกาสร่วมทำสามเหลี่ยมกับพระบิดาแบบสดๆในพื้นที่นานั้น ก็จะได้รับการถ่ายทอดพลังแห่งรักอันเป็นปุ๋ยทางจิตวิญญาณ (เมล็ดข้าวเปลือกในแต่ละคน) โดยตรงจากองค์จิตจักรวาล พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ เพื่อการสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณด้านบวกของพวกเธอ ผู้เข้าร่วมพิธีให้ฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ สู่การเป็นเมล็ดข้าวเปลือกที่ทรงคัดสรรไว้แล้วมิใช่คัดทิ้งกันต่อไป....

    5. เมื่อครบสามปีแล้ว ช่างเท็คนิกที่มีหน้าที่ไถนาก็จะไถในพื้นที่ ที่คั่งค้างอยู่ต่อไป ไถกันทั้งวันคืน ไถหนักขึ้นๆ จนพวกเธอยืนทรงกายแทบไม่ไหวแน่นอน

    - ไถให้ดินร่วน ดินนุ่ม แล้วอุ้มน้ำลงไปเก็บไว้ ที่น้ำท่วมมากมายแล้วหายไปนั่นล่ะ สั่นสะเทือนทุกวัน สั่นเบาๆค่อยๆไม่ให้ล่วงรู้ เพื่อทำให้แผ่นดินร่วนยุบตัวลงต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เกิดแผ่นดินยุบ-แยก เกิดภูเขาพังถล่ม เกิดรูขนาดยักษ์ (Big Hole) เป็นต้น

    - รอยปริร้าวของแผ่นเปลือกโลกที่ตีเส้นรอไว้ล่วงหน้าแล้ว จะเกิดอาการทรุดตัวลง จนเกิดเป็นแผ่นดินไหวรุนแรง นำไปสู่สึนามิขนาดยักษ์ทันทีที่พลังความรักจากจิตมนุษย์บนโลก เสื่อมจนถึงขีดที่ไม่พอที่จะก่อให้เกิดแรงระเบิดในใจกลางโลกได้ เปลือกโลกจะทรุดตัวตามแนวรอยร้าวของเปลือกโลกที่เตรียมไว้ทันที

    ภัยสถานเบาก็แค่ตึกรามบ้านช่องถล่มทลาย และคลื่นยักษ์กลืนกินบ้านเมืองและชีวิตคนเรือนแสน แต่หนักสุดรุนแรงสุดคือ "แผ่นดินจะหายไป" เพราะถูกสูบจมลงไปอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกที่เป็นหินแข็ง ลึกลงไปหลายร้อยกิโลเมตรซึ่งมนุษย์เคยมีประสบการณ์ในยุค "เลมูเรียแอตแลนติส" มาครั้งหนึ่งแล้ว แผ่นดินที่กำลังรอวันหายไปใต้โลก คือ บริเวณพื้นที่สีแดงในแผนที่จิตจักรวาลนั่นแหละ


    ป.วิสุทธิปัญญา
    30-03-2012


    ที่มา http://www.facebook.com/groups/talktostudent/permalink/319783751415888/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2012
  5. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ภัยจากออกซิเจนเจือจางสุดๆ แก้ได้ด้วยการเจริญอานาปานุสสติกรรมฐาน !!!


    [​IMG]

    ในมหาสติปัฎฐานสูตร อันดับแรกที่องค์พระพุทธเจ้าทรงหยิบเอาอานาปานุสสติกรรมฐานขึ้นมาก่อน ถ้าไม่ดีแล้วก็คงไม่ยกนำมาเป็นอันดับแรกก่อนกรรมฐานกองอื่น สำหรับอานาปานุสสติกรรมฐาน หมายถึงการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้ทุกอิริยาบถที่ทรงอยู่ ให้เอาใจกำหนดจับอานาปานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ จิตไม่มีเวลาว่างจากการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก ไม่มีอารมณ์เลวเกิดขึ้น ไม่มีอกุศลใด ๆ แทรกเข้ามาได้

    ขณะใดที่ใจยังตื่นอยู่ แม้ตาจะหลับให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเสมอ เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออกในด้านของสติปัฏฐานสี่ แม้เวลาพูดคุยกัน จิตใจก็กำหนดลมหายใจเข้าออกไปด้วย แม้ใหม่ ๆ อาจจะลืมบ้าง แต่ต้องตั้งใจไว้ทรงสติไว้ว่าเราจะหายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวก็รู้อยู่ แม้พระอรหันต์ก็ไม่ทิ้งลมหายใจ

    แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสแก่พระสารีบุตรว่า "สารีบุตรดูก่อน สารีบุตรเราเองก็เป็นผู้มากไปด้วยอานาปานุสสติกรรมฐาน" คำว่า "มาก" ก็หมายความว่า พระพุทธเจ้าทรงกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ ทั้งนี้เพราะอานาปานุสสติกรรมฐาน เป็นกรรมฐานระงับกายสังขาร คือเป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดของจิตใจ และเป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดทางร่างกาย มีทุกขเวทนา เป็นต้น

    เราทรงอานาปานุสสติกรรมฐานได้ ก็เหมือนกับคนฉีดมอร์ฟีน เป็นยาระงับ ระงับเวทนา อานาปานุสติกรรมฐานจงทำให้มาก จงอย่าละ ถ้าใครแสดงอาการเลว แสดงว่าคนนั้นทิ้งกำหนดลมหายใจเข้าออก

    บางส่วนของพระธรรมเทศนาของพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ที่มา http://www.larnbuddhism.com/grammathan/anapana.html[/QUOTE]


    สำหรับเรื่องนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง และอนุโมทนาสาธุครับ
     
  6. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    คนที่ได้อภิญญา จะออกมาช่วยคนดีให้ปลอดภัย !!!


    [​IMG]

    ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนาถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้เพราะ คนเห็นทุกข์ ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือศีลธรรมมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งนับบวชฝ่ายปฏิบัติ สำหรับฝ่ายปริยัตินั้นก็อีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก คือท่านเรียน แต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติก็จะเจริญขึ้น ในช่วงนั้นอาจจะมีพระที่ได้อภิญญา หรือว่านักปฏิบัติที่เป็นฆราวาสที่ได้อภิญญาเกิดขึ้น ถ้ามีนักอภิญญาเกิดขึ้น บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่างๆ จะเกิดขึ้นได้น้อยเต็มที เพราะอาศัยอภิญญาช่วย....

    ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกันเวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียมเราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย

    สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนัก ปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเอง ให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอาหรือถ้าดีกว่านั้นไปพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปนิพพานก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้กำลังใจจะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิดในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนาญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย

    บางส่วนของพระธรรมเทศนา เรื่องไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ของพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    ที่มา https://sites.google.com/site/snimnon/phuthth-phyakrn
    [/QUOTE]


    เรื่องนี้ก็เห็นด้วยเช่นกัน อนุโมทนาสาธุครับ
     
  7. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    คุณประโยชน์ของความ"กลัวตาย"


    [​IMG]



    "ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกันเวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียมเราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย"[/QUOTE]

    เรื่องนี้ก็เห็นด้วยเช่นกัน เรื่องเจ้ากรรมนายเวร เทวดา นางฟ้า ก็เช่นกัน ก็เห็นด้วยครับ อนุโมทนาสาธุครับ เพราะอยู่ในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น ในส่วนคนที่บอกว่าไม่กลัวตายเพราะมีมรณานุสติก็ถูกเช่นเดียวกันเพราะเขาผู้นั่นย่อมรู้จักความตายดีว่าจะมาหาได้ทุกเมื่อ พร้อมที่จะรับมันอย่างมีศิลธรรมและคุณธรรม และอยู่ในพระพุทธศาสนาด้วยเช่นกัน ขอเสริมสักนิดนะครับ แต่จะต้องมีสติและปัญญาในการพิจารณาใคร่ครวญในทุก ๆ เรื่องด้วยนะครับ รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เข้ามาร่วมด้วยในการรับฟังและรับรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2012
  8. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    การมีสติและปัญญา (ตัวอย่าง)

    การดูลมหายใจ จะเรียกว่า การพิจารณาลมหายใจเข้าออก เป็นต้น

    การดูรูปสังขาร จะเรียกว่า การพิจารณารูปสังขาร ว่า ปรุงแต่ง ไม่เที่ยงแท้ มีความเสื่อมสลาย ชราภาพเป็นเบื้องปลาย เป็นต้น

    การดูความดีความชั่ว จะเรียกว่า การพิจารณากุศล อกุศล ว่าเป็นสิ่งที่จะติดตามพวกเราทุกคนไปในทุกภพภูมิ เป็น เทพ เทวดา เปรต อสุรกาย เป็นต้น แต่ยังไม่ถึงซึ่งการหลุดพ้นเพราะต้องมีเบื้องหน้า ณ นิพพาน เป็นซึ่งการหลุดพ้นและสิ้นกิเลศที่แท้จริง โดยมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ เป็นเบื้องหน้าเท่านั้น
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โปรดอย่าประมาท วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2556 !!!

    [​IMG]

    <TABLE id=post6409656 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k_97<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6409656", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ​

    วันที่สมัคร: Feb 2011
    ข้อความ: 1,143
    ได้ให้อนุโมทนา: 22
    ได้รับอนุโมทนา 1,196 ครั้ง ใน 692 โพส
    พลังการให้คะแนน: 192 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6409656 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->16 ก.ค. 55

    คำพูดของพ่อปลาบู่ ปีหน้ายังใช้ได้อยู่

    เคอิสรา<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ที่มา http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือน-โดย-k-97-a.324655/page-61
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bde37b3fb6.jpg
      bde37b3fb6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.4 KB
      เปิดดู:
      1,606
    • Image.jpg
      Image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.7 KB
      เปิดดู:
      73
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2012
  10. ยอดชา

    ยอดชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +136
    ดีครับพูดมากๆนะดี ชาวพุทธ จะได้แข่งกัน ทำแต่สิ่งดีๆครับ เจริญภาวณา รักษาศิล5 ดีครับดี จะได้ไม่เป็นผุ้ที่มีความประมาท
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,684
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,038
  12. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    สาธุ อนุโมทนากับทุกข้อความ ที่สื่อออกมาจากจิตที่มีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างจริงใจ เป็นพลังงานความรัก อ่านแล้วรู้สึกเย็น สบายใจ (พร้อมกับทำใจไปด้วย) อ่านแล้วไม่เครียดหรอกค่ะ คิดซะว่าเป็นธรรมชาติ มีเกิดก็มีดับ ไม่เกิดก็ไม่ดับนะคะ
     
  13. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กรกฎาคม 2012
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ช่วงนี้ท่าน"รามสูร"กำลังมาแรง !!!

    [​IMG]

    "นารายณ์สิบปาง" หรือ อวตารทั้งสิบของพระวิษณุ

    1. มัตสยาวตาร ลงมาเกิดเป็น ปลา ช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นความตายเมื่อเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
    2. กูรมาวตาร เต่า ใช้หลังรองรับภูเขาที่ใช้กวนน้ำในมหาสมุทร ให้สำเร็จเป็นน้ำอมฤต
    3. วราหาวตาร หมู ปราบยักษ์ที่กดโลกให้จมลงใต้บาดาล ด้วยการช่วยดุนให้สูงขึ้น
    4. นรสิงหาวตาร (นรสิงห์) ครึ่งคนครึ่งสิงห์ ปราบยักษ์ที่มารุกรานโลก 3 ครั้ง
    5. วามนาวตาร คนแคระ (คนค่อม) ทำการปราบยักษ์ให้อยู่ใต้บาดาล
    6. ปรศุรามาวตาร ปรศุราม (รามสูร) ป้องกันมิให้กษัตริย์ที่ไม่เหมาะสมได้ครองเมือง
    7. รามาวตาร พระราม ปราบยักษ์ราวณะ (ทศกัณฐ์) ในเรื่องรามเกียรติ์
    8. กฤษณาวตาร พระกฤษณะ ปราบคนชั่วในมหาภารตยุทธ
    9. พุทธาวตาร พระพุทธเจ้า ประกาศหลักธรรมช่วยมนุษย์ให้พ้นทุกข์
    10. กัลกิยาวตาร พระกัลกี (บุรุษขี่ม้าขาว) ปราบคนชั่ว (อธรรม)สถาปนา ธรรมขึ้นในโลกใหม่

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=25bfecc33d88c3c1

    หมายเหตุ

    พระนารายณ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูนี้ ในความเป็นจริงก็คือตำแหน่งพระโพธิสัตว์อันดับหนึ่งของชาวพุทธนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันตำแหน่งพระนารายณ์(เทพผู้คุ้มครองโลก) จึงตกเป็นของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ซึ่งได้จุติลงมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ในกึ่งกลางพุทธกาลนี้(นารายณ์ปางที่ 10) เพื่อปราบปรามคนชั่วให้หมดไปจากโลก แล้วจึงสถาปนาโลกไหม่ที่มีแต่ความสันติสุขสืบต่อไป เพราะฉะนั้นโปรดอย่าได้ไปโกรธแค้นว่าชาวฮินดู แอบเอาศาสนาพุทธ(นารายณ์ปางที่ 9)ไปรวมกับศาสนาฮินดูเขาเลยครับ เพราะในอีกไม่นานทั้งโลกนี้จะเหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว นั่นก็คือศาสนาพุทธครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2012
  15. Rasbora

    Rasbora เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +779

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  16. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    เมื่อผู้นำไม่อยู่ในศีลธรรม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ประเทศชาติก็คงถึงกาลวิบัติ
     
  17. Power of earth

    Power of earth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1,105
    บอกได้คำเดียวหมดการเยียวยา รอการชำระอย่างเดียว......
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "รัศมีสีม่วง"
    รัศมีแห่งพระพุทธคุณ

    [​IMG]

    วันที่ 30 มกราคม เวลาเช้า 9.00 น. อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ) ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไปดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อไปดังนี้:-<O[​IMG]</O[​IMG]
    </O[​IMG]
    ขณะนั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็นหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง

    ตรงกลางเป็นพุทธสถาน บ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วย "แสงสีม่วงเรืองรอง" ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย

    โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนอง หยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้าแต่ละหยดมีน้ำหนักเหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมาบนรัศมีครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสว ไม่นานต่อมาเธอก็ได้เห็นพื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ยนกระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจาต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระอาจารย์จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการหักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา

    (แหล่งที่มา หนังสือพระศรีอาริย์เจ้าโลก รวบรวมโดย รหัสยญาณ สำนักพิมพ์ ลานอโศก เพรส กรุ๊ป)

    วิเคราะห์ภาพเหตุการณ์เมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย

    จากคำบอกเล่าของหนูน้อยเทียนไฉ ที่ได้บรรยายสภาพเหตุการณ์เมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์และภัยธรรมชาติทำลายนั้น เราจะเห็นได้ว่าสถานที่จะเป็นแหล่งหลบภัยที่ดีที่สุดก็คือพุทธสถานนั่นเอง ดังนั้นหากเราจะมองหาที่หลบภัยควรจะคิดถึงพุทธสถานก่อนเป็นอันดับแรกสุด ก่อนที่จะไปหาที่หลบภัยจากแหล่งอื่นๆ เพราะไม่ต้องไปเตรียมหลุมหลบภัยที่ป้องกันอันตรายจากรังสีนิวเคลียร์อะไรเลย บารมีแห่งพุทธคุณเท่านั้น ที่จะป้องกันอันตรายจากภัยพิบัติต่างๆได้อย่างแท้จริง<!-- google_ad_section_end --> แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นพุทธสถานที่แท้จริงเท่านั้น จึงจะมีพลังแห่งพระพุทธานุภาพคุ้มครอง -เกษม-
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2012
  19. gamemaster

    gamemaster Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +62
    ถ้าปาง 9 เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ปาง 10 ก็ลงมาไม่ได้แล้วครับ เมื่ออรหันต์ก็หลุดออกจากการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าลงมาเกิดได้อีก ก็ขัดแย้งกับศาสนาพุทธทุกข้อแล้วครับ โปรดพิจารณา ...
     
  20. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    21 ก.ค. 55

    ญาณที่เข้าภพอรหันต์แล้ว ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด ญาณใช่จะดับสูญ ญาณยังคงสภาพอยู่ ญาณอรหันต์บางดวงที่มีหน้าที่ ก็ยังลงมาฉุดช่วยชาวโลกโดยอาศัยกายหยาบของมนุษย์ที่มีจิตที่บริสุทธิ์หรือมาในสภาพกายทิพย์

    ทางศาสนาฮินดู องค์มหาเทพหนึ่งองค์สามารถแบ่งภาคได้ถึงสี่องค์

    เปรียบเทียบกับการไม่ต้องมาเกิดเป็นกฏหมายแม่ แต่กฏหมายแม่ยังมีกฏหมายลูกปลีกย่อยที่มีข้อยกเว้น

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...