ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ไม่ได้เป็นตุลาการ แต่อยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องด้านนี้และกำลังจะมุ่งไปด้านนี้
    มาอ่านเจอแบบนี้ เซ็งค่ะ รับไม่ได้เจงๆ แหะแหะ ขออนุญาตไม่เห็นด้วยค่ะ
    หากแม้นวาสนามีจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตบริสุทธิ์ยุติธรรมภายใต้บทกฎหมาย ภายใต้พระปรมาภิไธย และภายใต้กฎแห่งกรรม

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ = ดูกรภิกษุทั้งหลาย เจตนานั้นแหละคือตัวกรรม"
    กรรมหรือการกระทำนั้นแลเป็นเครื่องส่อเจตนา
     
  2. คนสามตา

    คนสามตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +311
    ...บทความเตือนสติจากครูอาจารย์...

    "เห็นจริงก็ดี แต่บอกไปไม่ตรงไม่ดี"
    "บอกตรงก็ดี แต่ตรงมากรู้มากไม่ดี"
    "รู้มากก็ดี แต่พูดมากเขียนมากไม่ดี"
    "พูดมากเขียนมากก็ดี แต่ทำมากไม่ดี"
    "ทำมากก็ดี แต่ติดมากหลงมากไม่ดี"

    "ตำหนิเขาไม่ดี แต่เพื่อเตือนสตินั้นดี"

    "ฉันนี้มันสติไม่ดีหรือปัญญามีไม่ทัน พอรู้เห็นนิดหน่อยๆ จริงบ้าง หลอกบ้าง
    พลางบ้างใจมันดิ้นพล่านกลัวตาย หรือว่าเพื่อผลพลอยได้บางประการที่คาดหวัง
    และวางผลเอาไว้ แล้วใครตำหนิก็ไม่ได้ อย่าให้คำว่ามีคุณธรรมมาขวางกั้นการเตือนสติ
    หากคนดี พระดี การเตือนสติแม้จะเป็นเด็กหรือคนบ้าเตือน เขาไม่เคืองไม่โกรธผู้เตือน
    มีแต่จะน้อมเข้ามาเพื่อย้ำเตือนแล้วระวังตนไม่ให้พลาด หากผู้เตือนมีคูณธรรมอีกด้วยแล้ว
    อย่างนี้ผู้รับการตำหนิติเตือนมีแต่ได้กับได้ ไม่มีอะไรที่จะเสีย ขอให้อัตตามันไม่มีในตนเถิด...


    คนสามตา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • BU.jpg
      BU.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.8 KB
      เปิดดู:
      41
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  3. sunny430

    sunny430 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,299
    ค่าพลัง:
    +5,425
    ตอนนี้ กทม ฟ้าเหลืองมากครับ ผมมองจาก พระรามสี่ เวลา 18.50น แถมยังไม่มืดอีก
     
  4. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    เตือนสติ ใช้ปัญญากันให้มาก ๆ ครับ
    ที่ดีก็มี ไม่ดีก็มี อย่าเหมารวม เพราะเดี๋ยวจะกลืนน้ำลายตัวเองเข้าครับ
    อันนี้พูดถึงเรื่องที่กำลังคุยว่าตำแหน่งไหน ถูกผิด-ดีเลว อย่างไรนะครับ
    ถ้าเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม จะไปยากอะไร เห็นอะไรทำไมยากจัง
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ที่กล้าให้ความเห็นเรื่องนี้ ก็เพราะอยู่ในแวดวงกฏหมายเช่นกัน

    จนเพื่อนฝูงเป็นอัยการอยู่ในสำนัก อสส. และมีเพื่อนฝูงอยู่ในแวดวงตุลาการมากมาย

    แต่จากประสพการณ์ที่พบเห็นก็เป็นไปอย่างเช่นที่ได้โพสต์ไว้
    โดยเฉพาะไปเจอระดับครุอาจารย์สอนกฏหมายรุ่นปรมาจารย์
    แต่เบื้องหลังน่าตกใจสุดขีด ที่กล้าพูดนี่เพราะเจอเข้าตัวเอง

    ลองคิดดูว่าทุกองค์กรของรัฐสามารถถูกตรวจสอบได้ทั้งสิ้น ยกเว้นตุลาการ
    แล้วคิดหรือว่าจะมีแต่สีขาวกันทั้งคณะ

    วันนี้เหตุการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมา 2-3 ปี นี้ แสดงให้เห็นชัดถึงความตกต่ำของวงการนี้อย่างเห็นได้ชัด จนชาวต่างประเทศเอามาแซวเล่นระหว่างทนายด้วยกัน

    ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ อีกไม่นานเราจะเห็นความขัดแย้งที่ไม่มีวันจบสิ้นเนื่องจากบทบาทของตุลาการ ก็ไปพิจารณากันเองดูแล้วกัน นะครับ

    ส่วนคุณ diya ก็ให้หมั่นศึกษาในวิชาชีพต่อไป เมื่อพรรษากล้าแข็งรู้ลึกขึ้นแล้ว
    จะระลึกถึงคำของ Nirvana ในวันนี้เอง
     
  6. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    โปรดทำใจ หน่วยงานไหนก็คอรับชั่นเหมือนกัน แต่ใครจะเป็นคนทำ ข้าราชการบางคนก็ดีมากๆ แต่พวกโกงได้มากๆ มักจะเป็นพวกหัวหน้าหน่วยงาน เพราะมีโอกาสมากๆ (ขออภัยสำหรับทุกๆท่านที่เป็นข้าราชการที่ดีขอให้ท่านเจริญกว้าหน้าในชีวิตราชการ(แต่ส่วนมากข้าราชการที่ดีมักไม่ได้ใหญ่โต)) เช่น ตำรวจ ก็ระดับ ผกก.ขึ้นไป ทหารก็ ผบ.พันขึ้นไป ผู้พิพากษาก็ระดับอัยการและตุลาการ มท.ก็ระดับตั้งแต่ นอภ.ขึ้นไป พวกครูก็ตั้งแต่ระดับ ผอ.ร.ร.-ผอ.ระดับ เขต จว(แต่ผอ.พวกหนึ่งเห็นแล้วสงสารคือพวก ผอ.ร.ร.บ้านนอกได้รับงบประมาณน้อยไม่พอในการบริหารจัดการวิ่งไปหาผ้าป่ามาพัฒนา ร.ร.) หัวหน้าสรรพากรระดับ อำเภอขึ้นไป ท้องถิ่นก็มี นายก อบต. นายก เทศบาลฯลฯ*****ดังนั้นถ้าใครเป็นใหญ่เป็นโตถ้ามาอ่านเจอ ข้าราชการที่เป็นหัวหน้าระดับหน่วยงานไม่ควรให้ดำรงต่ำแหน่งอยู่กับที่เกิน 2 ปีเพราะจะรู้วิธีโกงได้มากที่สุด ผมเคยอ่านเจอที่องคมนตรีท่านหนึ่งกล่าวไว้ สรุปได้ประมาณนี้แหละประเทศไทยถ้านำเงินงบประมาณที่ได้รับไปบริหารจัดการให้ถูกต้องทุกบาทประเทศไทยจะเจริญมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากกว่านี้
     
  7. ThaiPatt

    ThaiPatt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +45
    ไม่ค่อยจะออกความเห็นในนี้สักเท่าไหร่

    แต่ขอออกความเห็นนิดนึงแ้ล้วกันครับ จริง ๆ อยากจะวางอุเบกขา แต่ตบะแตก

    แต่จะขออนุญาตออกความเห็นถึงปัจจัยแห่งความจริงในแง่ส่วนตัว

    ผิดถูกหรือไม่อย่างไร ก็ขออภัยไว้ก่อนครับ

    ถ้าพูดถึงฝ่ายตุลาการ มันรวมไปถึงหลาย สถาบัน หลายหน่วยงาน ต้องแยกแยะกันนะครับ

    ส่วนที่ใครจะพาดพิงถึงสถาบันใด ๆ ว่าไม่ขาวทั้งหมด ไม่ตรง ก็ควรจะศึกษาที่ปลายทางก่อน บทสรุปคำพิพากย์ษา บทสรุป คำตัดสิน ที่สรุปออกมาครับ ตรงไหนผิดถูก หรืออย่างไรว่ากันตามข้อเท็จจริง แล้วค่อยนำมาโต้แย้งกัน ซึ่งสามารถหาศึกษา หรือ ตามอ่านได้อยู่โดยอย่างเปิดเผย

    ส่วนเหตุผลใด ๆ เพิ่มเติม ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ก็สามารถไล่ย้อนไปถึงสำนวนการฟ้องร้องต่าง ๆ หลักานต่าง ๆ ที่ยื่นมา ที่ต้องนำมาวิเคราะห์ว่า เพราะเหตุใด คำตัดสินถึงเป็นไปอย่างนั้น ซึ่งมันยุติธรรม ตรงต่อหลักการหรือไม่

    ซึ่งก็มีเกี่ยวข้องกันอีกหลายหน่วยงาน ไม่ใช่ไปสรุปที่ปลายคำพิพากย์ษาของสถาบันศาลอย่างเดียว ถ้าคำตัดสินออกมาบวก ก็ดีใจ ถ้าไม่ถูกใจก็โวยวาย อันนี้ ว่าอย่างเป็นกลางนะ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ความยุติธรรมจะล่มสลาย โลกจะสั่นสะเทือน น้ำทะเลจะท่วมเมือง"

    [​IMG]

    ภาพยนต์อินเดียเรื่อง นารายณ์ 10 ปาง เป็นหนังที่เก่ามากและย่อความรวบรัด เนื่องจากต้องเล่าถึง 10 ปาง ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 9 ปางแรก ได้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ปางที่ชาวไทยเราน่าจะรู้จักกันดี ก็ได้แก่ อวตารปางที่ 7 เป็น พระราม ในรามเกียรติ์ ปางที่ 10 กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นปางที่ยังมาไม่ถึง และมีการทำนายอนาคต!!

    ในหนังปางสุดท้ายเป็นฉากการสนทนาระหว่าง...พระนารัท(เทพใกล้ชิดพระนารายณ์) ถามพระนารายณ์ว่า ที่ผ่านมาก็อวตารมาถึง 9 ครั้งแล้ว ถัดจากนี้จะยังมีการอวตารอีกไหม พระนารายณ์ ก็ตอบว่า มีอีก และจะเป็นครั้งสุดท้าย แล้วพระนารายณ์ก็บรรยายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในรูปแบบของการร่ายเพลงยาว ตามแบบฉบับของหนังอินเดีย มีเนื้อหาดังนี้...

    "ความจริงกลายเป็นเรื่องโกหก ความยุติธรรมจะล่มสลาย โลกจะสั่นสะเทือน ความไม่ยุติธรรมจะครองเมือง เด็กหนุ่มสาวจะหายสาปสูญ ผู้คนจะหิวโหย จะมีแต่ความยากจนและขาดแคลน โลกจะกลายเป็นเหมือนนรก

    นี้คือสัญญาณของการทำลายครั้งสุดท้าย ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กัลกี...นารายณ์อวตารครั้งที่ 10 ในทุกอย่างมีการโกง เหตุการณ์ที่กล่าวมาจะเกิดขึ้น และเพราะเหตุนี้ เด็กๆจะถูกทำให้ได้รับบาดเจ็บ

    แต่ยาที่ได้รับก็ไม่ถูกต้องกับอาการ และคนที่ทำการค้าและธุรกิจต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์จากการโกงเหล่านี้ การบูชาต่างๆ ที่สวยงามด้วยดอกไม้และสิ่งต่างๆ การบูชาที่ถูกต้อง การบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐ จะกลายเป็นการบูชาผี จะกลายเป็นการบูชาต่อเหล่าภูติผีปีศาจ

    เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่วัฒนธรรมใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของกลียุค หรือยุคแห่งความมืดมน ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กัลกี...นารายณ์อวตารครั้งที่ 10

    คนโกหกขี้โกงจะได้รับความสนุกสนาน คนรวยจะได้รับความเพลิดเพลิน ส่วนคนดีคนจนและนักบวช โศกเศร้าเสียใจ ดาวเคราะห์ทั้งหลายจะรับความหนักไม่ได้ และเกิดภัยธรรมชาติ ส่วนภูติผีปีศาจทั้งหลาย จะเต้นด้วยความดีใจ ภูเขาโลกทั้งหลายจะเกิดแผ่นดินไหว ปีศาจออกมาเต้น

    ไฟแห่งความโกรธจะบดขยี้โลกเป็นเสี่ยงๆ พายุฝนจะทำลายป่า และทะเลจะท่วมเมือง และจะกลืนโลก ในท้ายที่สุดจะเป็นการอวตารของ กัลกี นารายณ์อวตารครั้งที่ 10"

    หนังจบลงแค่นี้ พระนารายณ์ไม่ได้บอกรายละเอียดต่อว่า เมื่ออวตารเป็น อัศวินขี้ม้าขาว นาม กัลกี แล้ว จะมาจัดการกับวิกฤติโลกอย่างไร?

    ที่มา http://www.sookjai.com/index.php?topic=2931.0
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2012
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชีวิตในวันข้างหน้ายังมีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่ !!!

    [​IMG]

    ผมคิดว่าเมื่อโลกนี้เข้าสู่ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์แล้ว คนชั่วจะตายหมดเกลี้ยงครับ ที่เหลือก็จะมีแต่คนดีมีศีลธรรม จึงไม่จำเป็นต้องมีทหาร ตำรวจ อัยการ หรือตุลาการอีกต่อไปครับ ผู้คนก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนประกอบอาชีพเลี้ยงชีวิตให้เหนื่อยยากเหมือนกับคนในสมัยนี้

    เพราะบุญบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ์ จะทำให้เกิดต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ขึ้นอยู่ทั่วไป เพื่อให้คนได้มาขอข้าวปลาอาหาร หรือเสื้อผ้าแพรพรรรณและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ได้ตามความปรารถนาของแต่ละคนครับ

    ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นไม้สารพัดนึก !!!

    [​IMG]

    "กัลปพฤกษ์ ต้นไม้สารพัดนึก" จากข้อมูลในพจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้พูดถึงเรื่องกัลปพฤกษ์ไว้ว่า “ตามคติโบราณเชื่อกันว่า ต้นกัลปพฤกษ์มีอยู่ในแดนสวรรค์ หากผู้ใดปรารถนาสิ่งใด ก็อาจจะไปนึกเอาจากต้นไม้นี้ได้

    ดังนั้น สมัยโบราณจึงได้มีการทำรูปแบบจำลองต้นกัลปพฤกษ์ต้นไม้สารพัดนึกขึ้น โดยเกี่ยวเนื่องกับงานที่เป็นพิธีหลวง บางโอกาสเพื่อใช้เป็นที่ติดเงินปลีกสำหรับทิ้งทานให้แก่คนยากจน ในปัจจุบันนี้ตามงานวัดต่างๆ ก็ยังมีการนำไปใช้ แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นการสอยกัลปพฤกษ์บ้าง หรือตักช้อนลูกกัลปพฤกษ์จากในน้ำบ้าง ฯลฯ​

    ตามตำนานพระศรีอาริย์จุติ มาเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ในกึ่งกลางพุทธศาสนานี้ รอบปราสาทของพระองค์ จะมีต้นกัลปพฤกษ์ ๑,๖๐๐ ต้น อาณาเขตของปราสาทนั้นจะกว้างขวางหลายโยชน์ จะเป็นที่อยู่ของประชาชนพลเมือง ซึ่งล้วนแต่มีจิตใจเป็นกุศลทั้งหมด บ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นสุขด้วย เพราะผู้คนจะมาขอสิ่งของจากต้นกัลปพฤกษ์นี้ ได้ตามใจที่ตนเองปรารถนา

    ซึ่งเรื่องการขอสิ่งของจากต้นกัลปพฤกษ์นี้ ก็มีบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฏกแล้วเช่นเดียวกับเรื่องพระศรีอาริย์ในกึ่งกลางพระศาสนานี้ ผมจึงขอให้ท่านที่สนใจว่าเขามีวิธีการขอสิ่งของจากต้นกัลปพฤกษ์นี้ ในลักษณะอย่างใดบ้าง สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    มานพหนุ่มผู้ได้ผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์ ตอนที่ 1

    มานพหนุ่มผู้ได้ผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์ ตอนที่ 2

    <FIELDSET class=fieldset style="FONT-SIZE: 11px; MARGIN-BOTTOM: 6px"><LEGEND style="FONT: 11px tahoma, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(34,34,156)">รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  10. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    4 ก.ค. 55

    สวดมนต์ ไหว้พระ ดีนะ
    ควรจะ ระวัง ธูปเทียน
    เดี๋ยวมัน จะไหม้ โล่งเตียน
    ดับเทียน และธูป ปลอดภัย

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  11. sunny430

    sunny430 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,299
    ค่าพลัง:
    +5,425
    โรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 ระเบิด ไฟลุกท่วมสูง ชาวบ้านอพยพอลหม่าน เจ้าหน้าที่ยันสถานการณ์ไม่น่าห่วง เพราะไม่ได้เกิดเหตุที่คลังน้ำมัน แต่เป็นบริเวณท่อ เมื่อน้ำมันที่ค้างอยู่เผาไหม้หมด สถานการณ์ก็จะปกติ

    วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก บริเวณสุขุมวิท 64 ถนนเลียบทางรถไฟสายเก่า ไฟลุกท่วมสูงเท่าตึก 6 ชั้น ชาวบ้านอพยพอลหม่าน

    ด้านด.ต.ภูเดช สีละหุต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพระโขนง เผยสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเหตุไม่ได้เกิดขึ้นที่คลังน้ำมัน แต่เกิดเพลิงไหม้ในระบบของท่อที่อาจเกิดจากการรั่วไหล ซึ่งมีระบบปิดวาล์วไม่ให้มีน้ำมันไหลเข้าไปเติม คาดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อน้ำมันที่ค้างอยู่ในระบบท่อเผาไหม้หมด สถานการณ์ก็จะเข้าสู่ปกติ

    ล่าสุดตำรวจได้ปิดการจราจร ถนนทางรถไฟสายเก่าขาเข้า ผ่านจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่เวลานี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
     
  12. Noterider

    Noterider Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +61
    ผมเป็นคนนึงที่หลุดจากเรื่องการเมืองได้อย่างถาวร
    มีความสุขขึ้นเยอะครับ บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีความหวังอะไรเลยสำหรับผม
     
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    แผ่นดินไหวทำไมจึงไหว?




    แผ่นดินไหวเกิดขึ้นได้อย่างไร? อาจจะเป็นคำถามที่หลายคนอาจไม่รู้คำตอบเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียซึ่งก่อให้เกิดคลื่นสึนามิที่สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาลต่อชายฝั่งอันดามันในภาคใต้ของไทยประกอบกับในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีการเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กอยู่บ่อยครั้งในหลายจังหวัด คงทำให้ผู้คนตื่นตัวที่จะเรียนรู้และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเพิ่มมากขึ้น

    ก่อนหน้านี้แผ่นดินไหวในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีขาดเล็กถึงปานกลาง และเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก จึงทำให้ประชาชนไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือ และไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับแผ่นดินไหวนอกจากนี้การรายงานข่าวเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและความเสียหายจากแผ่นดินไหวตามสื่อต่างๆในปัจจุบันนั้นรวดเร็วและกระจายเป็นวงกว้างจึงทำให้เกิดความตื่นเต้นตกใจไปกับกระแสข่าวบางครั้งข้อมูลที่ประชาชนได้รับนั้นอาจจะผิดเพี้ยนไปจากความจริง โดยเฉพาะเมื่อรายงานเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเป็นข่าวลือหรือคำทำนายสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทยจึงให้การสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องสู่ประชาชนเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันและเท่าทันกับเหตุการณ์

    ก่อนที่เราจะตอบคำถามข้างต้น เราควรทำความรู้จักกับโลกที่เราอาศัยอยู่เป็นอันดับแรกท่านทราบหรือไม่ว่าโครงสร้างของโลกนั้นเปรียบได้กับไข่ไก่ส่วนเปลือกโลก (crust) เปรียบได้กับเปลือกไข่มีความหนาเพียง 16-40 กิโลเมตร ไข่ขาวนั้นเปรียบได้กับเนื้อโลก (mantle) ซึ่งเป็นหินร้อนหนืดกึ่งแข็งกี่งเหลวหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตรซึ่งเคลื่อนตัวช้าๆเป็นกระแสหมุนเวียนอยู่ใต้เปลือกโลก โดยส่วนไข่แดงนั้นเปรียบได้ดังแก่นโลก(core) ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกลมรัศมีประมาณ 3,475 กิโลเมตร เปลือกโลกนั้นเบากว่าเนื้อโลก จึงสามารถลอยตัวและเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ตามกระแสหมุนเวียนของหินหนืดในชั้นเนื้อโลกเปลือกโลกนั้นแยกออกเป็นหลายแผ่น เรียกกันว่าแผ่นเปลือกโลก ซึ่งประกอบด้วย 15แผ่นสามารถเปรียบเทียบได้กับเกมส์จิกซอว์วางตัวอยู่บนสสารคล้ายของเหลวหนืดๆที่เคลื่อนตัวเป็นกระแสหมุนเวียนทำให้เกมส์จิกซอว์เคลื่อนตัวได้การคลื่นที่ของหินหนืดและการหมุนของโลกสามารถทำให้แผ่นเลือกโลกเกิดการชนกัน เคลื่อนที่ออกจากกันหรือเคลื่อนผ่านกันได้

    นอกจากนี้ แผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรที่หนักกว่าแผ่นทวีปยังสามารถมุดตัวลงไปใต้แผ่นทวีป เกิดการบีบอัดบริเวณตระเข็มรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดรอยเลื่อนจำนวนมาก รอยเลื่อนคือรอยแตกบนเปลือกโลกที่หินหรือดินสองข้างของรอยแตกเลื่อนในทิศทางตรงกันข้ามการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเช่นนี้หากมีพลังงานสะสมก่อนการเคลื่อนตัวมากจะทำให้เกิดการปลดปล่อยความเครียด(หรือพลังงาน) อย่างฉับพลันเพื่อรักษาภาวะสมดุล ทำให้เกิดคลื่นที่สร้างความสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วทุกทิศทาง การสั่นสะเทือนดังกล่าวคือสิ่งที่เราเรียกว่า แผ่นดินไหว

    บริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่รายรอบมหาสมุทรแปซิฟิก มีชื่อเรียกว่า วงแหวนไฟเป็นบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวทั้งขนาดเล็กและใหญ่อยู่เป็นประจำ ประเทศที่อยู่ในเขตวงแหวนไฟ เช่น อินโดเนเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ชิลี จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวสูงประเทศไทยนั้นโชคดีกว่าหลายประเทศ เนื่องจากไม่ได้ตั้งอยู่บริเวณวงแหวนไฟการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยจึงมีน้อยและไม่รุนแรงมาก ล่าสุดแผ่นดินไหวขนาด 8.6 ริกเตอร์ที่เกิดขึ้นที่เกาะสุมาตราเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2555ส่งผลกระทบให้รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ที่พาดผ่านอ่าวภูเก็ต-พังงาเกิดการขยับตัว ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.3 ริกเตอร์ ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2555 และก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.0 ริกเตอร์ ที่จังหวัดระนองเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2555 นักธรณีวิทยาบางท่านคาดว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวได้อีกในอนาคต แต่จะเป็นขนาดเล็กถึงปานกลางคือขนาดไม่เกิน 5.0 ริกเตอร์ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงมากนัก

    ในปัจจุบันการเกิดแผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถจะทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขนาดเท่าใด หรือที่ไหน จะไปยับยั้งไม่ให้เกิดก็ทำไม่ได้เราควรเรียนรู้ว่าจะอยู่กับภัยธรรมชาติชนิดนี้อย่างไร ประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวรอยเลื่อนในประเทศไทยควรเตรียมตัวรับมือกับแผ่นดินไหว โดยศึกษาแบบอย่างที่ประชาชนในประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตแผ่นดินไหว เช่น ประเทศญี่ปุ่น เป็นตัวอย่าง โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับธรรมชาติของแผ่นดินไหว และศึกษาหลักปฏิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเกิดแผ่นดินไหวควรตั้งสติอย่าตกใจหากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวมีขนาดเล็กและเกิดในระยะสั้นๆ ไม่กี่วินาทีมักจะไม่สร้างความเสียหาย แต่ถ้าหากการสะเทือนเกิดขึ้นนานเป็นนาทีควรเข้าไปหลบใต้โต๊ะ ถ้าอยู่ชั้นล่างสุดของอาคารควรให้วิ่งออกมายังที่โล่งแจ้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตั้งสติและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    นอกจากนี้ ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่แนวรอยเลื่อนที่อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวควรหมั่นตรวจสอบและปรับปรุงโครงสร้างของบ้านและสิ่งก่อสร้างให้แข็งแรงพร้อมที่จะรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ หากสิ่งปลูกสร้างมีสภาพแข็งแรงคงทนเมื่อเกิดแผ่นดินไหวก็ขนาดเล็กถึงปานกลางมักจะไม่ได้รับความเสียหาย หรืออาจจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

    แผ่นดินไหวคงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนไทยอีกต่อไปแล้ว เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ในตอนหน้า เราจะทำอย่างไร เมื่อเกิดแผ่นดินไหว? ร่วมค้นหาติดตามคำตอบในตอนต่อไป…



    สนับสนุนโดย สมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย



    อุตุฯเตือนภัย"ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก"


    ประกาศเตือนภัย
    "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก"
    ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 03 กรกฎาคม 2555



    ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกและภาคตะวันออกมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี


    ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2555 ไว้ด้วย


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ
    สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคกลาง
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี
    อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออก
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-28 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฏร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน




    พายุฝนถล่ม-"บึงกาฬ"อ่วมน้ำท่วมเมือง


    เมื่อ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ จ.บึงกาฬ หลังพายุฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา

    ทำให้เกิดน้ำป่าไหลท่วมถนนสาย 222 บึงกาฬ-พังโคน ยาวกว่า 1 ก.ม. ระหว่างหลักก.ม.ที่ 28-29 ห่างจาก อ.ศรีวิไล ประมาณ 1 ก.ม. ระดับน้ำสูงประมาณ 60-70 ซ.ม. ทำให้รถยนต์ไม่สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมาระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศบาลตำบลศรีวิไลออกมาอำนวยความสะดวก
    นอกจากนี้ ถนนทางหลวงชนบทสายศรีวิไล-ภูทอก ระหว่างบ้านนาสะแบง-บ้านสันทรายงาม

    น้ำได้กัดเซาะคอสะพานจนขาดเช่นกัน ส่วนใน ต.ชุมภูพร บริเวณบ้านห้วยลึก ม.1, 3, 4 และ 10 มีน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของออกจากบ้านมาตั้งเต็นท์อยู่กลางถนน ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนใช้วิกฤตเป็นโอกาสนำแหและยกยอจับปลาไปทำอาหาร ส่วนที่เหลือนำไปขายตลาดสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง


    ต่อมานายทวีศักดิ์ ฝ่ายขันธ์ นายก อบต.ชุมภูพร

    นำรถดับเพลิงเข้าไปพานักเรียนออกจากโรงเรียนบ้านชุมภูพร ที่มีนักเรียนกว่า 100 คนติดค้างอยู่ เนื่องจากน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นและท่วมอาคารเรียนหลายหลัง นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนบ้านนาสะแบง ต.นาสะแบง น้ำได้ไหลเข้าท่วมห้องเรียนชั้นล่าง ทั้งครูและนักเรียนต้องขนย้ายหนังสือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หนีน้ำขึ้นไปชั้น 2 กันอย่างจ้าละหวั่น


    ถัดมานายเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รอง ผวจ.บึงกาฬ ออกสำรวจจุดน้ำท่วมและเยี่ยมผู้ประสบภัย

    พร้อมกับนำสิ่งของและข้าวสารอาหารแห้งไปมอบให้กับประชาชน พร้อมสั่งการให้ ปภ.จังหวัดเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจัดงบเร่งด่วนซ่อมแซมสะพานและถนนที่ชำรุดเป็นการด่วน


    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด




    อ่างทองประกาศพื้นที่ดินยุบตัวเป็นเขตภัยพิบัติ


    วันนี้ (2 ก.ค.) นายวิศว ศศิสมิต ผวจ.อ่างทอง พร้อมนายสมชาย อนะวัชกุล นายอำเภอเมืองอ่างทอง

    เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพสะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ หมู่ 3 ต.โพสะ ที่ดินเกิดการทรุดตัวลงจนทำให้บ้านเรือนประชาชนจำนวน 9 หลังพังเสียหาย โดยเมื่อไปถึงพบว่าดินได้ทรุดตัวขยายเป็นวงกว้างกว่าเดิม ทำให้บ้านเรือนของประชาชนเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 4 หลัง รวมมีบ้านเรือนที่เสียหายจากดินเกิดทรุดตัวครั้งนี้ 13 หลังคาเรือนแล้ว


    นายวิศว กล่าวว่า เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากที่ผ่านมาพื้นที่บริเวณนี้ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง

    ทำให้ดินชั้นล่างเกิดการอ่อนตัวและค่อยๆ ไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนพื้นดินที่อยู่ด้านบนเกิดยุบลงไป และได้ขยายวงกว้างขึ้นทำให้บ้านเรือนของประชาชนเสียหายเพิ่มอีก และอาจเกิดอันตรายกับประชาชนที่อาศัยอยู่ จึงแจ้งให้ประชาชนที่บ้านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้และผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง ย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงต้องรอหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ได้ประกาศให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว.


    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




    เม็กซิโกเจอไข้หวัดนกระบาด


    ภาพจาก โพสต์ทูเดย์
    เม็กซิโกประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเกิดไข้หวัดนกระบาดพบสัตว์ปีกในประเทศติดเชื้อแล้วเกือบ 1.7ล้านตัว

    สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า รัฐบาลเม็กซิโก ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินหลังตรวจพบเชื้อไข้หวัดนก จนมีสัตว์ปีกติดเชื้อไปแล้วเกือบ1.7ล้านตัว

    กระทรวงเกษตรเม็กซิโก เปิดเผยว่า สัตว์ปีกที่ติดเชื้อกว่าครึ่งหนึ่งตาย หรือถูกเชือดทิ้งไปแล้ว ฟาร์มสัตว์ปีกคิดเป็นร้อยละ 40 ของการเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ ซึ่งมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นคงไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้

    ด้านองค์การสหประชาชาติระบุว่า เชื้อไข้หวัดนก เฮช7เอ็น3 (H7N3) ซึ่งกำลังระบาดในเม็กซิโกขณะนี้ เคยก่อให้เกิดอาการป่วยในมนุษย์มาแล้ว แต่เชื้อจะไม่ติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้โดยง่าย

    เม็กซิโกพบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. เอฟเอโอ รายงานเมื่อวันที่29มิ.ย.ว่า มีสัตว์ปีกติดเชื้อราว 1.7 ล้านตัว และตายไปแล้วราว 870,000 ตัว ในฟาร์ม 10 แห่งของรัฐฮาลิสโก


    ขอบคุณ โพสต์ทูเดย์
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ถอดรหัสจาก"พุทธทำนาย"ในศิลาจารึก !!!

    [​IMG]

    พุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร ประเทศอินเดีย

    "สาธุ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้น เมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย

    แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันเองถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวาย ในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรง ในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป

    - ไฟจะลุกลามมาทาง ทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ
    - ลูกไฟจะตกจากฟ้า เป็นเพลิงผลาญ
    - เหล็กกล้า จะทะยานจากน้ำ
    - มหาสมุทธจะชอกซ้ำ
    - สงครามจากทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง
    - ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก
    - ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง
    - พระเสื้อเมืองทรงเมือง จะหนีเข้าไพร
    - ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ
    - ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก
    - ดิน ฟ้าอากาศจะแปรปรวน
    - ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ
    - นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ


    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่อยู่ในศิลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอ ได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศิลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่ง ก็ต่อเมื่อมีธรรมิกราช โพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา

    ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน

    ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล ๕ ประการ เจริญเมตตาภาวนา ประกอบสัมมาอาชีพ สุจริต มีใจสันโดด รู้จักพอ ไม่โป้ปดคดโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล"

    พระผู้แจ้งในสัจธรรม… พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ให้กำเนิดศาสนาพุทธสุดยิ่งใหญ่ ทรงตรัสรู้ธรรมะชนะใจ อริยะสัจสี่ที่เกรียงไกรในสัจธรรม ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ชักนำให้ สว่างใจเจิดจ้าค่าเลิศล้ำ นำมาสอนเวไนยสัตว์ขจัดกรรม ให้เร่งทำความดีผลดีตาม พุทธองค์ทรงชี้ไม่มีผิด กรรมชั่วติดตามไหม้ให้ทุกข์ยิ่ง กรรมดีติดตามผลได้สุขจริง ทั้งชายหญิงจงหมั่นทำแต่กรรมดี

    ความสำคัญในพุทธทำนาย แยกได้เป็นประเด็นสำคัญ 13 ประการ ซึ่งทรงทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้า วันเวลาที่ตรัสถึงคือช่วงเวลาแห่งยุคสมัยปัจจุบันนี่เอง. .

    1.". ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม นักบวช และพระจะอดอยากยากเข็ญ "

    ไฟในที่นี้คือภัยจากการคลั่งวัตถุนิยม อันเกิดจากมนุษย์อีกซีกโลกหนึ่งที่มีสมองซีกซ้ายนำขวาเป็นผู้สร้าง เพื่อชักจูงจิตวิญญาณของผู้คนที่ไม่สมดุลให้ลุ่มหลงมัวเมาไปกับมัน จนกลายเป็นทาสของวัตถุ และถูกผู้สร้างมันขึ้นมา ชักจูงจิตวิญญาณไปในทางต่ำ จนทำให้เกิดความขาดสมดุลทางจิตวิญญาณไป จิตสำนึกคลั่งตะวันตกเป็นไปอย่างรุนแรง ตั่งแต่ระดับผู้นำลงมาถึงระดับล่างแทบทุกชนชั้น มนุษย์ซีกตะวันออกมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ยังคงใกล้ชิดกับศาสนา ถือปฎิบัติธรรมะอย่างเข้าใจและซึ้งในรสพระธรรม

    ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบมักไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ ศีลธรรมเสื่อมทราม มีผู้คนที่ศรัทธาในพระศาสนาเข้าวัดทำบุญน้อยลง เนื่องจากจิตใจไม่ฝักใฝ่และมีทัศนคติไม่ถูกต้องต่อผู้สืบทอดศาสนา ทีมีพฤติกรรมนอกรีตให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องปกติ มองเห็นใครที่พูดถึงเรื่องศาสนาและธรรมมะเป็นพวกหัวโบราณคร่ำครึ และความเสือมโทรมในจิตใจของผู้คนที่แสดงพฤติกรรมโหดร้ายก้าวร้าว ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเหมือนไม่ไช่มนุษย์ หนักขึ้นทุกวัน

    นักบวชและพระมีโอกาสเยียวยาจิตใจมนุษย์ในสังคงน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าวัดเพราะเสื่อมศรัทธา ไม่ไส่ใจและใฝ่การทำมาหากินเพื่อชีวิต ไม่ได้ทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย บทบาทของพระในการเผยแพร่พระธรรมจึงถูกปิดกั้นมนุษย์มีพระไว้เพื่อการประกอบพิธีกรรม ในการสวดที่ศักดิ์สิทธิ์และใฝ่หาแต่พระที่มีอิทธิฤทธิ์ไว้เป็นที่พึ่งเท่านั้น การอดอยากยากเข็ญของพระ จึงหมายถึงการที่พระไม่มีโอกาสได้กระทำหน้าที่ของตน ในการเผยแพร่ธรรมะนั่นเอง..

    2.. " ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ "

    พุทธทำนายบทนี้ กล่าวถึงการทำศึกสงความระหว่างเผ่าพันธ์มนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักวาล ว่าด้วยเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่งในระบบโลก ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ การขัดแย้งรบราฆ่าฟันกัน ทั้งชนในชาติเดียวกัน ไปจนถึงระหว่างประเทศ พล่าผลาญชีวิตกันอย่างไร้จิตสำนึกแห่งเมตาธรรม ด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ค้นคิดขึ้นจนนับวันอาวุธที่ผลิตขึ้น จะมีพลังอำนาจในการทำลายล้างอย่างน่ากล้วมากขึ้น

    อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธเชื้อโรค คือความร้ายแรงและเป็นภัยมหันต์ แต่ละชนชาติที่ก้าวร้าวเหล่านั้น เคยรู้บ้างหรือไม่ว่าศาสตราวุธทันสมัยที่แต่ละรายสะสมกันไว้นั้น หากกดปุ่มพร้อมกันมันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้แค่เพียง นาทีเดียว สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัวจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย จิตจักวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรมกระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไป

    3." มหาสมุทรจะชอกช้ำ "

    พุทธทำนายบทนี้ทรงเน้นความเน่าเสียของน้ำ จากปฎิกูลเคมีสังเคราะห์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นทำลายความสมดุลของระบบโลก ทำให้น้ำทะเลเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย สัตว์ทะเลต้องจบชีวิตลงเพราะสารพิษและขาดออกซิเจน เนื่องจากกากปฎิกูลต่างๆ จะมีมากเกินกว่ากายภาพของแผ่นดินจะซึมซับโอบอุ้มเอาไว้ได้ มันจะค่อยๆ เคลื่อนไหลสู่ท้องทะเล อำนาจเงิน ผลประโยชน์ ความบ้าคลั่งทางปัญญาอุตสาหกรรมหนัก คือตัวการก่อมลภาวะทางน้ำของมนุษย์ ซึ่งปัจุปันนี้กำลังเป็นปัญหาระบบนิเวศน์ เสียสมดุลจาก มลพิษสถานการณ์โลกในขณะนี้ปัญหามลภาวะมันหนักหนาจนสุดเยียวยาได้ มหันตภัยกำลังคืบคลานสู่มวลมนุษย์ชาติแล้ว จงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี.

    4 " ศึกจะติดเมือง "

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลก มันจะก่อตัวขึ้นแทบทุกแห่งที่ชนชั้นผู้นำ ขาดความสมดุลในจิตใจ การต่อสู้รบพุ่งกันกระทบกระทั่งกันมีให้เห็นไม่ว่างเว้น โดยมองเห็นความมีอำนาจเหนือเปรียบดั่งขนมหวาน ศึกสงความบนโลกจะไม่มีวันสงบทั่วแผ่นดินใด้ หากยังมีการคิดค้นมีการผลิตอาวุธเพื่อขายกันหยู่ เหยื่อแห่งสงครามแม้ไม่ไช่สงครามโลก ก็ยังจะคงมีอยู่บนแผ่นดินโลกตลอดไป.

    5 " ข้าวจะขาดแคลน"

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึงการทำลายระบบนิเวศน์อย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อดูดซับพลังงานและการเก็บเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติ บนแผ่นดินจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกธัญญาหาร เสื่อมสลายเสียสมดุลไป มนุษย์ใช้ผืนแผ่นดินรองรับความเจริญทางวัตถุ จนแทบไม่มีที่ใดเหมาะสมต่อการเพราะปลูกและเกษตรกรรม เพื่อการยังชีพอีกต่อไป ในที่สุดความขาดแดลนอาหารบริโภค จะเป็นปัญหาของมนุษย์โลกที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ในยามที่ยังไม่มีศึกสงความ ให้เกิดข้าวยากหมากแพงเลยก็ตาม.

    6 " ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง "

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ภูมิอากาศโลกแปรเปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ๆ ที่เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ จนถึงขั้นชีวิต โดยไม่อาจเยียวยารักษาได้มากมายหลายโรค มีทั้งโรคร้ายชนิดใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยรู้จัก และโรคร้ายชนิดเก่าๆ ที่มนุษย์เอาชนะมันได้จนทำให้มันเสียสมดุลไปในอดีตแล้ว มันจะแอบซุ่มวิวัฒนาการสายพันธ์ของตัวมันเอง ตามกฎทางกายภาพของจักวาล ยกระดับตัวมันเองสู่ความสมดุลกับมนุษย์ได้อีกครั้ง ที่มันสามารถจะมีอำนาจต้านทานฤทธิ์ยาตัวเก่าได้เป็นอย่างดียิ่งกว่าเดิม.

    7 " พระเสื้อเมืองพระทรงเมือง จะหนีเข้าไพร "

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความสับสนเสียสมดุลในจิตใจของผู้คนในสังคม ถึงจุดที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จะทำไห้ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณต่างๆ เกิดความท้อแท้ในการทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของตนให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เพราะไม่มีผู้ฝักไฝ่ศาสนา ไม่มีใครใฝ่หาการรู้แจ้ง บนเส้นทางของนักรบแห่งแสงสว่างตามแนวทางของพระศาสดา พวกเขาจึงจะพากันละไปจากสังคมเมือง แสวงหาความวิเวกและสุขสงบกันแต่เพียงลำพัง เหมือนอยากไปสววค์คนเดียว จนทำให้สังคมเสือมทรามลงอย่างรวดเร็ว เพราะต่างล้วนขาดจิตสำนึกที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต.

    8. " ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ "

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง การกระทำต่อกันของมนุษย์โลก(สงครามใหญ่) ทั้งทางกายภาพและในมิติคู่ขนาน ก่อให้เกิดมลภาวะทางพลังงานด้านลบและปฎิกูลทางกายภาพในระบบโลกเป็นจำนวนมากมาย มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนต่อกันทางด้านลบ เกิดพลังงานกรรมคุณสมบัติด้านลบในมิติคู่ขนานอย่างมากมาย และทำให้ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานที่จำเป็นไปมาก จนอาจทำลายความสมดุลของระบบโลกเองและจักรวาลทั้งระบบ

    9."ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับใหลมาเป็นนาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก"

    พุทธทำนายบทนี้ ตรัสถึงการสั่นสะเทือนของกายภาพโลกคือผืนแผ่นดิน จะเกิดความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะทำให้มนุษย์โลกได้รับเคราะห์ภัยรุนแรงอย่างไม่คาดคิด ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนี้ จะเกิดจากแท่งแม่เหล็กในใจกลางโลก ซึ่งเป็นแท่งโลหะร้อนระดับ 4,000 องศาเซลเซียสซึ่งเคยแน่นิ่งอยู่ จะถูกกระทำให้มันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม เพื่อการปรับเปลี่ยนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่ ดังได้กล่าวไว้แล้วนั้น

    เมื่อเกิดการเคลื่อนตัวด้วยแรงขับเคลื่อนอันมหาศาล มันจะทำให้แผ่นพื้นทวีปและท้องมหาสมุทรเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนพื้นโลกเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย มันจะทำให้แผ่นดินบางทวีปแยกตัวออกจากกัน น้ำทะเลจะไหลบ่าเข้าไปแทนที่ ตึกรามสูงใหญ่และเทคโนโลยีอันสูงส่ง พร้อมด้วยสารเคมีพิษร้ายต่าง ๆ จะถูกทับถมกันไว้ใต้พื้นโลกและแผ่นน้ำตราบนิรันดร์พร้อมกับชีวิตของผู้สร้างมันขึ้นมาด้วยจิตไร้สำนึก จำนวนนับล้านคนจะถูกกลืนหายไปเช่นกัน

    มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์ ที่ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้ และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา ในอันที่จะก้าวไปสู่การทำลายความสมดุลของจักรวาลอื่นต่อไปในเวลาเดียวกัน.

    10."ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน"

    ปรากฏการณ์นี้มนุษย์สามารถสำเหนียกรู้ได้โดยไม่ต้องตีความ เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติของคลื่นความร้อนคลื่นความเย็นที่ผ่านมา และพายุแม่เหล็กรุนแรงในบรรยากาศ ทำให้ผู้คนทุกข์ยากล้มตาย พืชพันธุ์เสียหายและอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นไปแล้วและที่กำลังจะ เกิดต่อไป เมื่อฝ่าเข้าไปท่ามกลางพายุแม่เหล็กที่รุนแรงนั้น หรือหิมะตกหนักและพายุลูกเห็บขนาดยักษ์ต่าง ๆ

    ล้วนเป็นความวิปริตแปรปรวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมนุษย์จะไม่มีวันเอาชนะได้ หลังการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่ เมื่อแผ่นดินและจิตวิญญาณมนุษย์ถูกชำระให้บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว ฤดูกาลต่าง ๆ บนโลกจะเปลี่ยนไป แผนที่โลกจะต้องได้รับการแก้ไขใหม่หลายส่วน.

    11."ตลิ่งจะพัง"

    จากการสั่นสะเทือนที่รุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มันจะเกิดต่อเนื่อง กันนานนับชั่วโมง ผู้คนทั้งโลกจะรับรู้มันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้องดูทางทีวีอีกต่อไป แผ่นดินใหม่จะปรากฏตัวขึ้นกลางมหาสมุทร ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เคยต้องคำสาปให้จมอยู่ใต้มหาสมุทรมานานนับหมื่นปี จากเหตุการณ์ที่จักรวาลชำระโลกเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่เกิดมีมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก โดยอาศัยอำนาจแรงดึงดูดของดวงจันทร์ช่วยเหลือ นอกจากจุดศูนย์กลางอันเป็นเป้าหมายของแผ่นดินไหวที่จะถล่มทลายลงไปใต้แผ่นน้ำแล้ว บริเวณสองทวีปที่เป็นชายฝั่งมหาสมุทร และเกาะบางเกาะจะจมหายไปใต้ท้องทะเลเช่นเดียวกัน.

    12."แผ่นดินอธรรม จะถล่มเป็นทะเล"

    โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ ประเทศที่คลั่งวัตถุนิยม คลั่งไคล้เทคโนโลยี ทั้งผู้สร้างมันขึ้นมา ผู้งมงายกับการใช้มัน และประเทศที่ผู้นำมีจิตสำนึกบกพร่อง บ้าอำนาจและกระทำการก้าวร้าวต่อจิตวิญญาณผู้คนที่บริสุทธิ์ให้ต้องจบชีวิตลงเพราะศึกสงคราม นั่นคือดินแดนหายนะอันเป็นเป้าหมายของจักรวาลด้วยเช่นกัน ทุกอย่างจะถูกกลบฝังไว้ใต้โลกท่ามกลางผงฝุ่นและเปลวเพลิง อันเกิดจากแผ่นดินแยกยุบตัวและภูเขาไฟระเบิดซ้ำ ความหายนะจะเกิดขึ้นแทบทั่วแผนดินนี้ ทั้งผู้ได้รับเคราะห์กรรมโดยตรงและโดยอ้อม จนแทบจะมองหาใครมาคอยช่วยเหลือใครไม่ได้เลย .

    13."นักปราชญ์จะถูกทำลายให้สิ้นสูญ"

    มนุษย์จะเห็นได้ว่า ยุคปัจจุบันนั้นสังคมเต็มไปด้วยการอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์มากกว่าความรัก ที่มีต่อกันเพื่อร้อยเรียงกันไว้เป็นหนึ่งเดียว ต่างต้องคอยระแวงกันตลอดเวลาด้วยการคอยมองหาว่า ใครชั่วน้อยกว่าใคร แทนที่จะมองหาความดีงามของกันและกัน มนุษย์โลกส่วนใหญ่พากันเร่งพัฒนาภูมิปัญญาของตนโดยไม่ใส่ใจพัฒนาสติกับปัญญา คิดสร้างขยะพลังงานกรรมด้านลบและขยะเทคโนโลยีที่เน้นวัตถุขึ้นมามากมาย เพื่อสร้างโอกาสและอำนาจ เอาไว้บงการจิตวิญญาณมนุษย์คนอื่นที่ด้อยกว่า

    โดยไม่ได้ใช้พลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง อันเกิดจากจิตสำนึกแท้จริงและสติทางวิญญาณ ที่มีพลังงานความรักเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรม ให้ผู้อื่นยอมรับเชื่อมั่นและศรัทธาเลย นอกจากนั้นกลับใช้พลังอำนาจจากจิตไร้สำนึก ผลักไสคนดี ๆ ออกไปไกลจากเส้นทางของตัว ทำลายคนดีด้วยจิตสำนึกที่ผิดพลาดโดยไม่รู้ว่าความดีงามแท้จริงคืออย่างไร สังคมมนุษย์ คลั่งอำนาจ ลาภยศ สินทรัพย์และวัตถุนิยมมากยิ่งกว่าแสวงหาความดีงาม กิเลสตัณหา อบายมุข สารพิษ ยาเสพติดหาได้กลาดเกลื่อน มนุษย์เพาะบ่มสำนึกแห่งความชั่วร้ายไว้ในจิตใจที่พร้อมจะนำมันออกมาแสดงได้ง่ายกว่า

    การจะมองหาความดีงามคือความรักบริสุทธิ์ หยิบยื่นให้แก่ใคร ๆ มนุษย์ที่สมดุลและคนดี ๆ กลับไม่ได้การยอมรับจากผู้คน เพราะมนุษย์ใช้ตนเองที่จิตสำนึกขาดความสมดุล ตัดสินมนุษย์ผู้อื่น ที่มีความสมดุลกว่าผิดพลาดไปหมด ความเป็นธรรมในสังคมจึงหายากยิ่ง แม้แต่นักบวชมากรายก็ยังทุศีลของพระพุทธองค์หนักขึ้นทุกวัน ยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา มันจึงเป็นสังคมที่ไม่ได้ส่งเสริมคนดีที่เหลือน้อย ทำให้คนดีเกิดความท้อแท้สงบงันเหมือนเป็นการเห็นแก่ตัวเพราะต้องระมัดระวังตน โดยหยุดบทบาทตนเองไว้ การที่มนุษย์จะแสดงความดีงามสู่สังคมสักครั้งสักคน จะต้องใช้ความกล้าหาญและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินจริง จึงจะพอฟันฝ่าอำนาจด้านลบที่เกาะกุมจิตใจผู้คนส่วนใหญ่ได้.

    ที่พุทธทำนายพอสังเขปทั้ง 13 บทที่เผยนัยมานี้ ล้วนเป็นภาพของความบอบช้ำภายในระบบโลก ซึ่งองค์พระศาสดาได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้านับพันปีมาแล้ว เพื่อเตือนสติมนุษย์ให้เกิดจิตสำนึกใหม่ ซึ่งมนุษย์เองสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เลวร้ายใด ๆ ได้ หากลงมือกระทำที่จิตสำนึกของตนเอง แต่มนุษย์ กลับละเลยกันมาตลอด มหันตภัยจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย


    ดาวเคราะห์โลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี มีกฏแห่งกรรม เป็นรางวัลการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ไว้รองรับ ทั้งในทางกายภาพของมนุษย์เองและในมิติคู่ขนาน การพยากรณ์ใด ๆ ไว้ล่วงหน้านั่นคือสิ่งที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมย่อมรู้ แต่การที่เหตุการณ์ใดๆเหล่านั้นมันจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น มันอยู่ที่การตัดสินใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น เมื่อมนุษย์ละเลยไม่แก้ไขตั้งแต่ต้น ก็เท่ากับว่ามนุษย์เป็นผู้เลือก สถานการณ์เลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ด้วยตนเองโดยแท้.

    ข้อมูลจากหนังสือจิตจักรวาลซีรีส์ 5 วันเวลาที่11-11ระหัสแห่งหายนะโลก (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3938a59ea5fc8386
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เวลาที่เบื้องบนต้องพลิกโลกจากมิติที่ 3 สู่มิติที่ 5 ใกล้จะมาถึงแล้ว !!!
    (ภัยพิบัติใหญ่ปี 2553 - 2556)

    [​IMG]

    มนุษย์เอ๋ย...ถึงเวลารักษาศีล 5 เพื่อรอดพ้นจากภัยพิบัติในวันหน้าได้แล้ว! บัดนี้..เวลาที่เบื้องบนต้องล้างธรรมชาติเก่า และสร้างธรรมชาติใหม่ได้มาถึงแล้ว...

    ในช่วงปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา ภัยธรรมชาติขนาดใหญ่มากมายที่เกิดขึ้นในโลกอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวในเฮติ น้ำท่วมใหญ่ในประเทศจีน หรือหิมะตกในบางประเทศที่ไม่เกิดมาก่อน ฯลฯ ตอนนี้ถึงคราวของประเทศไทยแล้ว ยานอวกาศหรือจานบินที่มาให้มนุษย์เห็นเหนือน่านฟ้ากรุงเทพมหานครในตอนเย็นของวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2552 นั้นเป็นของจริง มนุษย์ทุกทิศของกรุงเทพฯ ล้วนมองเห็นได้

    บ้างก็ว่าเป็นจานบิน บ้างก็เป็นเป็นแท่งแก้ว บ้างก็เห็นเป็นแสงสว่างดวงโต แต่อนิจจา...มนุษย์ผู้คิดว่าตนฉลาดบอกว่าเป็นบอลลูนหรือลูกโป่ง อยากบอกให้รู้ว่า..นั่นแหละเป็นวันที่เบื้องบนมาบอกให้มนุษย์รู้ว่า “ไม่มีเวลาเพียงพอแล้ว.....เบื้องบนไม่ช่วยยันภัยธรรมชาติที่เป็นผลจากกรรมของมนุษย์แล้ว”มนุษย์ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ละเอียดอ่อนมากพอเท่านั้นจึงจะสัมผัสเรื่องเหล่านี้ได้

    มนุษย์เอ๋ย...เคยสังเกตเห็นภัยพิบัติใหญ่ขยายวงกว้างที่เกิดขึ้นในโลกและประเทศไทยวันนี้แล้วหรือยัง? เบื้องบนได้เคยเตือนมนุษย์ให้รับรู้-ตื่นตัวและตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้มานานมากแล้ว ไม่ว่าจะผ่านทางศาสตราจารย์ ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน ดร.สมิทธ์ ธรรมสาโรช หรือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ตลอดจนอีกหลายท่าน แต่มนุษย์ที่ยังมีความหยาบ หาได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ กลับมองเห็นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้สาระ มัวแต่ห่วงสภาพเศรษฐกิจแก่งแย่งแข่งขัน ชิงดี-ชิงเด่นกัน เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างกอบโกย และหาทางสนองกิเลสตัณหาของตนอย่างหน้ามืดตามัว ไม่คำนึงถึงบุคคลอื่นหรือทุกสรรพสิ่งที่อยู่แวดล้อม ทำลายแผ่นดิน-แม่น้ำ-ไม้-ภูเขา-อากาศ หรือแม้แต่รุกรานดาวดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาลอย่างสนุกสนาน..

    ช่างน่าสังเวชกับมนุษย์เหล่านั้น! เขาไม่รู้เลยหรือว่า..เมื่อระบบของธรรมชาติทั้งปวงไม่สมดุล โลกที่ก่อตัวขึ้นจากธาตุทั้ง 4 ย่อมต้องปรับตัวเองสู่สมดุลใหม่ มนุษย์ส่งดาวเทียมและยานอวกาศทั้งหลายขึ้นไปในวงโครจรของดวงดาว เมื่อสิ่งเหล่านั้นหมดอายุการทำงานก็ทำลายทิ้ง..กลายเป็น..ขยะอวกาศลอยเท้งเต้ง...ก่อกวนคลื่นพลังงานเชื่อมโยงระหว่างกันของดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล นอกจากนี้ แม้แต่ยิงระเบิดดวงดาวต่างๆ เพื่อหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์นั้น พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า...สิ่งที่ทำลงไปนั้นส่งผลให้จักรวาลเสียสมดุล เมื่อดาวดวงใดดวงหนึ่งในจักรวาลถูกกระทำ..ย่อมต้องกระเทือนถึงโลก..มนุษย์เอ๋ย..เจ้ารู้หรือไม่

    ภัยแล้งที่ยาวนานทำให้น้ำที่เก็บกักในเขื่อนต่าง ๆ ลดต่ำลงจนถึงขั้นวิกฤต แผ่นดินไหวที่มีการสั่นเตือนมากขึ้นในประเทศไทยเป็นระยะ ๆ ถี่มากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มนุษย์..เคยคิดหรือไม่ว่าสภาพน้ำท่วมของไทยที่เกิดขึ้นนี้... เป็นสิ่งปกติตามธรรมชาติจริงหรือ? เดือนสิงหาคม-กันยายนที่ผ่านมา เขื่อนทุกเขื่อนยังมีระดับที่วิกฤตปริมาณน้ำสะสมไม่ถึง 50% รถยนต์ยังลงไปวิ่งในเขื่อนลำตะของได้ ในอดีตฝนตก 7 วัน 7 คืน ก็ยังไม่เกิดภาวะน้ำท่วมหนักกระจายทั่วไปทั้งภาคอีสาน แบบนี้..เกิดอะไรขึ้น?

    สภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในไทยนี้..ขอให้มนุษย์มอง – คิดและพิจารณาดูให้ดีว่า... ก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือนไม่ว่าฝนจะตกมากแค่ไหน..ก็ล่วนซึมลงในดินอย่างรวดเร็ว เพราะเจอภัยแล้งมาอย่างรุนแรงจนดินแห้งผาก ระดับน้ำใต้ดินต่ำมาก ภาคอีสานฝนตกติดกัน 3 วัน ก็แทบจะไม่มีน้ำขังในนาข้าว ทำไม! ฝนที่ตกเหมือนฤดูฝนธรรมดาไม่มีพายุพัดเข้ามาในประเทศไทยสักลูกเดียว แต่ทำให้น้ำท่วมรวดเร็วมากมายและกระจายทั่วทุกพื้นที่ขนาดนี้ โคราชไม่เคยมีน้ำท่วมหนักทุกอำเภอในคราวเดียวกัน

    ประเทศไทยไม่เคยมีน้ำท่วมพร้อมกันเกือบทุกภาคแบบนี้! ปริมาณน้ำมหาศาลนี้มาจากไหน..ทำไมไม่ซึมลงดิน? น้ำจะได้ลดระดับลงเร็วๆ มองให้ดี-คิดให้ลึกซึ้ง จะรู้สึกได้ว่า เบื้องบนคงปล่อยน้ำลงมาเกือบหมด พร้อมเอาผ้าใบผืนใหญ่มารองไว้ใต้ดินป้องกันไม่ให้น้ำซึมลงดิน จะได้ล้างอย่างหมดจดจริง ๆ ล้างสารเคมี-ขยะต่างๆที่สะสม หมักหมม บนแม่พระธรณี จนแผ่นดินตายไร้ชีวิต ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆที่กินทุกวันนี้ แทบจะไม่มีพลังชีวิตเสริมเพิ่มให้มนุษย์เราได้เลย แล้วยังทำให้มนุษย์เจ็บไข้ได้ป่วยมากขึ้นกว่าเดิม

    น้ำที่ท่วมขังลดลงช้ามาก ช่วยทำให้ซากพืชต่าง ๆ ถูกหมักหมม เป็นการทำปุ๋ยหมักธรรมชาติจริงๆ บัดนี้ กระบวนการสร้างธรรมชาติใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว หากยังมีข้อสงสัย นักอุทกวิทยาจะลองคำนวณปริมาณฝน ที่ตกลงมาในแต่ละพื้นที่ แล้วหักลบกับระดับความแห้งแล้งของดิน จากนั้นเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำที่ท่วม ก็น่าจะตอบได้ว่า น้ำนี้ท่านได้แต่ใดมา หรือหากมองให้ละเอียดลองสังเกตความเร็วการไหลของน้ำ จากอำเภอหนึ่งไปอำเภอหนึ่ง หรือจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่งดูสิว่า ปกติจริงหรือ ระดับความชันของพื้นดินสูงมากจนทำให้น้ำไหลแรงและเชียวกรากได้ขนาดนี้หรือ? ขอย้ำอีกครั้งว่า..นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการล้าง-สร้างธรรมชาติของประเทศไทยเท่านั้น มนุษย์เอ๋ย เจ้ารู้-ตื่นหรือยัง!!!

    อยากบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพียงจุดเรี่มต้นก่อนเข้าสู่กาลียุคอย่างแท้จริงเพื่อเปลี่ยนสู่ ยุคใหม่-โลกใหม่-ธรรมชาติใหม่-ธรรมปฏิบัติใหม่ สภาพน้ำท่วมที่ไทยกำลังประสบอยู่เป็นเพียง 2% ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้เท่านั้น อยากบอกให้รู้ว่าสิ่งที่มนุษย์กำลังเผชิญอยู่นี้ เป็นเพียงผลกระทบเริ่มต้นที่เกิดจากการปรับสมดุลของดาวดวงหนึ่งในจักรวาลเท่านั้น ดาวที่อยู่ไกลจากโลกมาก..ดาวพลูโต ห่างจากโลกมากกว่า 5,000 ล้านกิโลเมตร แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? หากว่า..ดาวอังคารที่อยู่ใกล้โลกห่างกันไม่ถึง 100 ล้านกิโลเมตร มีการปรับสมดุล..ระดับความรุนแรงจะมากเพียงใด?? ดังนั้น ต่อไปยังจะมีภัยธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ ที่มนุษย์ ไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสมาก่อนอีกมากมาย ที่กำลังดาหน้ามา และจะหนักขึ้นเรื่อยๆทุกปีๆ ซึ่งแน่นอนว่า จะเป็นภัยพิบัติที่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

    ภายหลังน้ำท่วมใหญ่นี้ นักธรณีวิทยาทั้งหลาย อย่าลืมตรวจสอบ รอยเลื่อนแผ่นดินไหวใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งรอยเลื่อนองครักษ์และรอยเลื่อนบางปะกง ตลอดจนรอยเลื่อนเดิมที่กาญจนบุรีหรือทางภาคเหนือว่า มีพัฒนาการอย่างไรบ้าง? มนุษย์เคยตระหนักกันหรือไม่ว่า ปริมาณน้ำมหาศาล ที่รวมกันอยู่บนฝั่งหนึ่งฝั่งใดของแผ่นดินระหว่างรอยปรินั้น จะทำให้รอยแยกปริขยายขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งไม่ต่างอะไรกับปริมาณน้ำกักตุนในเขื่อนต่างๆ ของจีน ที่ทำให้รอยแยกของแผ่นดินในประเทศจีนนั้นขยายใหญ่ จนประทั่งเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงในมณฑลเสฉวน

    ตอนนี้ เปลือกโลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงตลอดเวลา มนุษย์เอ๋ย รู้หรือไม่ว่าใต้พื้นแผ่นดินที่เรายืนอยู่นี้แท้จริงร่วนซุย พร้อมจะทะลายได้ทุกเมื่อ ความเปลี่ยนแปลงใต้พื้นพิภพกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่อไปมนุษย์จะได้เห็นภูเขาลูกเดียวสามารถเลื่อนแยกออกจากกันเป็นสองลูกได้ด้วยธารน้ำ พื้นที่ราบไม่เคยมีภูเขาก็จะเกิดเป็นภูเขาลูกใหม่ ธรรมชาติกำลังเปลี่ยนแปลงธารน้ำใต้ดิน-ธารน้ำบนดินใหม่มนุษย์จะได้เห็นการพลิกพื้นดิน กลับดินข้างบนลงล่าง กลับดินข้างล่างขึ้นบน

    โรคใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกก็จะเกิดขึ้น สัตว์กลายพันธุ์เชื้อโรคกลายพันธุ์-มนุษย์กลายพันธุ์ โรคที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้จะซับซ้อนมากเกินกว่าวิธีการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ใดจะเยียวยาได้ โรคเก่าที่มนุษย์คิดว่าสูญพันธุ์ปราบได้อยู่หมัด ก็จะกลับมาและรุนแรงกว่าเดิม โรคระบาดจะแพร่กระจายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตามระดับของอุณหภูมิที่สูงขึ้น มนุษย์จะมีจิตวิปลาสมากกว่าที่เป็นกันอยู่ในปัจจุบัน

    หนทางบำบัดรักษาโรคต่างๆ เหล่านี้มีเพียงทางเดียว คือ ทำให้ร่างกายตนเองแข็งแรงและมีสมดุลของธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยการหันมาใช้พืชผักสมุนไพรพื้นบ้านไร้สารพิษที่ถือเป็นยาแบบโบราณเท่านั้น รู้จักการกินอาหารอย่างพอประมาณให้เหมาะสมกับสภาพของตนเอง มนุษย์จะต้องฝึกที่ให้รู้จักเข้าใจตนเอง ดูแล-บำบัดและรักษาตนเองโดยการ ใช้อาหารเป็นยา อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นนั้น ขอให้มนุษย์โปรดอย่ามองข้ามปริมาณสะสมของกิเลสใน กาย วาจา ใจของตน

    สภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นนั้น อย่าเพียงคิดว่ามาจากสารเคมีต่างๆ ของภาคการเกษตรหรืออุตสาหกรรมเท่านั้น โปรดย้อนกลับมา พิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า โลภัคคิ-โลภะคือไฟ ราคัคคิ-ราคะคือไฟ โทสัคคิ-โทสะคือไฟ โมหัคคิ-โมหะคือไฟ ลองถามตัวท่านเองดูว่า เวลาเรามีอารมณ์อยากได้ของต่างๆ หัวใจเต้นรัว อุณหภูมิในตัวสูงขึ้นไหม เวลาเราเสพกามต่างๆ อุณหภูมิในร่างกายเราสูงขึ้นไหม เวลาเราโกรธหรือโมโหใคร หน้าเราแดง เหงื่อเราออก แล้วอุณหภูมิในตัวพุ่งปรี๊ดหรือไม่ ถามต่อว่าความร้อนในตัวในตัวเราที่ออกมานั้นมันไปไหน ถ้าไม่ใช่คลายออกมาอยู่ในบรรยากาศรอบตัว เหตุไฉน มนุษย์ไม่เคยวัดอุณหภูมิเหล่านี้เลย

    บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องล้างพลังงานกิเลสสะสมที่อยู่ในโลกโดยเฉพาะประเทศไทยเมืองแห่งพุทธศาสนา ธรรมะของพระพุทธองค์จะทรงอยู่ได้ถึง 5,000 ปีแน่นอน และนี่เป็นจุดเปลี่ยนของธรรมปฏิบัติที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากรูปแบบเดิม สู่การปฏิบัติธรรมรูปแบบใหม่ ธรรมมะในครัวเรือน มนุษย์เอ๋ย ลืมแล้วหรือไรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า พุทธศาสนาของเราจะมั่นคงยืนยงอยู่ต่อไปได้ ก็ด้วยความช่วยเหลือพึ่งพา เกื้อกูลดูแลกันอย่างจริงใจของเหล่าพทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ-ภิกษุณี (แม่ชี) – อุบาสก-อุบาสิกา เสาทั้ง ๔ ต้นที่ค้ำยันและประคองพระธรรมนั้นต้องเคลื่อนไปด้วยกัน ตามทางสายเอกที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้ มีอะไรผิดพลาดก็ให้คอยตักเตือนกัน

    ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่เสาแห่งอุบาสกและอุบาสิกาจะต้องรู้จักตั้งตรง-ตระหง่านแข็งแรง ยืนอยู่ได้ด้วยขาทั้งสอง หากยังมัวทำตัวอ่อนแอ รอพึ่งพิงแต่เสาอื่นเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้เสาที่ถูกพิงนั้นอ่อนแอและล้มไปตามกัน หากเสาใดเสาหนึ่งทรุดไป! พุทธศาสนาจะยังอยู่ต่อไปได้หรือ? มนุษย์จงตื่นขึ้นแล้วฝึกที่จะพึ่งพาตนเอง ฝึกปฏิบัติธรรมและอยู่ได้ด้วยตนเอง ทั้งที่บ้านและที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอ เราจักได้ร่วมเป็นเสาหลักที่แข็งแรง สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป

    ภัยธรรมชาติที่คนไทยจะได้เจอในช่วง 1-4 ปี นับจากปี พ.ศ.2553 นอกจากน้ำท่วมซึ่งจะยังมีอีกและหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นน้ำท่วมที่ไม่ได้เกิดจากน้ำฝนหรือน้ำทะเลเท่านั้น แต่ยังจะมีตาน้ำผุดเกิดใหม่ที่ช่วยเสริมให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก ทำให้น้ำท่วมไม่ลดลงแต่กลับเพิ่ม และมนุษย์ยังจะได้เจอลมพายุขนาดใหญ่ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน ความเสียหาย-ความรุนแรงใหญ่หลวงกว่าพายุเกย์มากกว่า 3 เท่า ทิศทางของลมพายุที่เคยเชื่อว่า มาจากทะเลหรือที่โล่งนั้น นับจากนี้จะเปลี่ยนไป พายุที่เกิดนั้นจะมาได้จากทุกทิศทางอย่างไม่คาดคิด น่ากลัวมาก!

    เป็นลมที่จะมาอย่างต่อเนื่องแบบเชือดนิ่มๆ ต้นไม้ใหญ่หรือบ้านสามารถหักโค่นราบเป็นหน้ากลองได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หากว่าลมพายุใหญ่ที่เกิดขึ้นทำให้ไฟฟ้าดับ แล้วมีแผ่นดินไหวหรือสึนามิตามมา สัญญาณเตือนภัยจะใช้ได้หรือ? ระบบการพยากรณ์สภาพอากาศต่างๆ จะยังทำงานได้ไหม? มนุษย์และสัตว์จะต้องสังเวยชีวิตอีกมากจริงๆ แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงหากภัยพิบัติเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วทุกภาค ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมร เมื่อนั้น ใครจะช่วยใครได้

    มนุษย์จะได้สัมผัสกับความหิว-ร้อน-หนาวมากขึ้นและต้องเผชิญกับมันอย่างโดดเดี่ยว ธรรมะคือธรรมชาติ ต่อไปนี้ เบื้องบนไม่ช่วยค้ำยัน – พยุงผลกรรมของมนุษย์แล้ว แต่จะปล่อยทุกอย่างตามกรรม – ตามธรรมชาติเพื่อล้างกิเลสของมนุษย์

    ภาวะเอลนิโญ่ (น้ำทะเลร้อน) – ลานิญ่า (น้ำทะเลเย็น) ที่นักวิทยาศาสตร์เคยเชื่อว่าทำให้เกิดสภาพอากาศร้อน-หนาว-ฝนบนโลกแต่ก่อนเกิดสลับสับเปลี่ยนกันไปทุก 3 – 5 ปี ปัจจุบันนี้ยังเปลี่ยนเป็นปีเว้นปี นั่นยังเป็นเรื่องเล็ก ๆ ต่อจากนี้ไปมนุษย์จะได้พบกับสภาพร้อน หนาวเย็นสลับกันแบบวันเว้นวัน ซึ่งไม่ได้มีสาเหตุมาจากหลักการใดทางวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่เกิดจากผลแห่งกรรมที่มนุษย์เป็นผู้กระทำเองล้วนๆ ลมหนาวเย็นที่มนุษย์จะได้สัมผัสในอนาคตนั้น จะเย็นจัดเหมือนกับมีใครเอาเกล็ดน้ำแข็งใสมาเป่าใส่ผิวเรา สภาพความหนาวเย็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ สามารถทำให้คนที่มีสภาพหัวใจและหลอดเลือดไม่แข็งแรง ถึงตายเฉียบพลันได้

    นอกจากนี้ ลมร้อนที่ต้องเจอในวันข้างหน้าจะไม่ใช่ร้อนแบบธรรมดา คลื่นความร้อนรุนแรงที่ส่งมากจากดวงอาทิตย์และก๊าซความร้อนใต้พิภพที่ปะทุจากปล่องภูเขาไฟ จะยิ่งทำให้เกิดลมร้อนที่สามารถเผาไหม้ต้นไม้ใบหญ้าให้แห้งกรอบได้อย่างรวดเร็ว ผิวหนังของสัตว์และมนุษย์จะถูกเผาไหม้ อวัยวะภายในที่อ่อนแอแทบจะหยุดทำงานได้ทุกขณะ มนุษย์จะได้สัมผัสลมร้อนที่เหมือนกับมีใครเอาเปลวไฟมาเป่าใส่ตัวเราใกล้ๆ (อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสได้เจอแน่ๆ)

    มนุษย์เอ๋ย สังเกตุเห็นหรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้ลมที่พัดมาไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูหนาวหรือฤดูร้อนนั้น ทำให้ผิวพื้นดินแห้งเร็ว-แข็งกระด้างมากยิ่งขึ้น ต้นไม้ออกผลไม่ตรงตามฤดูกาล บางชนิดเริ่มสูญพันธุ์ เพราะไม่อาจทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรงได้โดยเฉพาะไม้เศรษฐกิจทั้งหลายที่มนุษย์ผู้มีความโลภสรรหามาปลูก และตัดแต่งพันธุกรรมจนผิดเพี้ยน ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นความร้อนที่แผ่กระจายอย่างต่อเนื่องตลอดเวลานี้ จะทำให้พื้นผิวดินแห้งแตกเป็นผุยผง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดลมพายุร้อนที่พัดพาฝุ่นผงดินปลิวกระจายไปทั่ว เมื่อนั้นมนุษย์จะลืมตาอ้าปากก็ยังยาก!

    สภาวะฝนแล้ง-น้ำท่วม-อากาศร้อนหรือเย็นจัดที่เกิดขึ้น จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายอย่างรุนแรง นับจากนี้อาหารสำรองของมนุษย์จะลดลงเรื่อยๆ มีเงินแต่ไม่มีอะไรให้ซื้อกิน โลกกำลังจะเข้าสู่ช่วง “แย่งกันกิน” และความร้อนนี้จะทำให้มนุษย์กลายพันธุ์ได้ กลายพันธุ์อย่างไร? อากาศยิ่งร้อนก็จะยิ่งทำให้คนที่ไม่เคยฝึกตนเพื่อพัฒนาสู่ความเป็นมนุษย์ (มีความกตัญญูและศีลธรรม) เป็นคนขาดสติ มีจิตใจและอารมณ์แปรปรวนเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น คนจะกลายพันธุ์ไปสู่สัตว์เดรัจฉาน – สัตว์นรก การทำร้ายกันอย่างไร้เหตุผลจะยิ่งมีมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน มนุษย์กำลังเดินเข้าสู่ช่วง “แย่งกันอยู่-แย่งกันกิน” อย่างแท้จริง

    นอกจากนี้ ปริมาณออกซิเจนในชั้นบรรยากาศที่มนุษย์ใช้เพื่อหายใจลดน้อยลงแล้วอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ระยะห่างของชั้นบรรยากาศกับพื้นแผ่นดินเริ่มแคบลงแล้ว มนุษย์เอ๋ย เคยสังเกตเห็นหรือไม่ว่า ตอนนี้ เมฆและท้องฟ้าอยู่ใกล้เรามากขึ้น พระจันทร์สว่างใสเหมือนอยู่ใกล้กับเรามาก แม้แต่หมอกควันก็มีความหนาแน่นมากยิ่งขึ้น นั่นเพราะการเคลื่อนปรับสมดุลของดวงดาวต่าง ๆ ในจักรวาล เริ่มทำให้แกนโลกเอียงมากขึ้น คลื่นพลังงานไฟฟ้าและแม่เหล็กของจักรวาลเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศและก๊าซต่างๆในชั้นบรรยากาศแต่ละระดับเหนือโลกไม่เหมือนเดิมแล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ติดตามศึกษาเรื่องนี้หรือไม่? หรือมีข้อมูลแล้วแต่คิดว่าไม่สำคัญเลยไม่มีการเปิดเผย รู้หรือไม่ว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ มนุษย์เราจะต้องเดินเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “แย่งอากาศกันหายใจ” อย่างแน่นอน

    และแล้วในวันนั้นวันแห่งการรอคอยพระอาทิตย์ 3 ดวง เกิดขึ้นให้มนุษย์ได้เห็นเหนือท้องฟ้าของจังหวัดศรีสะเกษ ในเช้าวันที่ 19 มิถุนายน 2553 หาใช่เกิดเพราะหลักวิทยาศาสตร์ใด? ที่ผู้รู้ต่างอ้างว่าเป็นแสงสะท้อนของน้ำแข็งในชั้นบรรยากาศ คิดตรึกตรองให้ดีว่าภาคอีสานที่กำลังประสบภัยแล้ง ฝนก็ไม่ตกแล้วจะเอาเกล็ดน้ำแข็งในบรรยากาศที่ไหนมาสะท้อนแสงพระอาทิตย์ได้ มนุษย์เอ๋ยแท้จริงแล้วในวันนั้นมีพระอาทิตย์ 5 ดวง ปรากฏขึ้นแต่อีก 2 ดวง นั้นถูกซ่อนไว้หลังเมฆ มนุษย์ผู้มีจิตบริสุทธิ์และกิเลสน้อยเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้ สิ่งที่ปรากฏขึ้นนี้บอกให้มนุษย์ได้รู้ว่าบัดนี้ พระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ได้จุติลงมาแล้ว มาในยุคแห่งอภิญญา-สร้างสังคมอริยะ เมืองศิวิไลซ์กำลังจะเกิดขึ้นให้มนุษย์ได้เห็นแล้ว นั่นย่อมหมายถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติชนิดที่เรียกว่า “พลิกโลก” ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว

    ดังนั้นหลังจากที่มนุษย์พบเจอภัยพิบัติจากธรรมชาติต่างๆมาแล้ว ไม่เกินปลายปี พ.ศ. 2555-2556 ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนผ่านจากมิติที่3 (สภาพของโลกปัจจุบัน) สู่มิติที่ 5 (สภาพของโลกอนาคต) มนุษย์จะต้องเผชิญกับสภาวะที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อประตูมิติทั้งหมดของสามโลกเปิด จิตวิญญาณทั้งหลายไม่ว่าจากที่ใด ? ดีหรือร้าย? จะมารวม ณ จุดเดียว คือโลกมนุษย์ เมื่อนั้นคนจิตวิปลาสก็จะมากขึ้น มนุษย์ผู้มีดวงจิตอ่อนแอหรือเต็มไปด้วยกิเลส ก็จะถูกสิงสู่จากฝ่ายร้ายอย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันมนุษย์ผู้มีศีลธรรมก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากจิตวิญญาณฝ่ายดี ไม่มีผู้ใดจะล่วงรู้ได้ว่า ช่วงเวลานี้จะยาวนานเพียงใด?

    และเมื่อเวลาของการเปลี่ยนมิติมาถึงนั่นคือ เวลาที่แกนโลกพลิกอย่างรวดเร็ว เมื่อดาวทุกดวงในจักรวาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงพร้อมกันครั้งสุดท้าย เพื่อสร้างสมดุลการเชื่อมโยงกันใหม่ น้ำทะเลจะกลับขึ้นมาอยู่ในแผ่นดินบางส่วนอย่างถาวร ยิ่งกว่า สึนามิ มนุษย์ผู้มีกรรมตามกาล และบ้านเรือนมากมายจะถูกกลบฝังกลับลงใต้ทะเล เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา พื้นดินใต้ทะเลบางส่วนจะพลิกขึ้นมาเป็นแผ่นดินถาวร หลังจากนั้นมนุษย์ผู้รอดพ้นจะได้เจอกับสภาพบรรยากาศของมิติที่ 5 ซึ่งมีความกดอากาศสูงมาก ยิ่งกว่าอยู่บนภูเขาสูงในธิเบต สภาพร้อนจัด- หนาวจัด – ปริมาณออกซิเจนน้อยมาก ทำให้การหายใจลำบาก

    มนุษย์เอ๋ย เจ้าจงคิดดูว่าความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือนี้ จากสภาพที่เคยอยู่ปัจจุบัน มนุษย์หายใจได้อย่างสะดวก ติดต่อสือสารกันได้ตลอดเวลา ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ต้องกลับเปลี่ยนมาเป็นสภาพที่หายใจลำบาก มิหนำซ้ำเทคโนโลยีต่างๆ ถูกทำลายเกือบหมด ญาติพี่น้องที่อยู่ไกลกันก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร? มนุษย์ต้องเปลี่ยนผ่านความรู้สึกที่เคยใช้ชีวิตเสมือนอยู่ในโลกกว้าง เปลี่ยนเป็นโลกแคบๆ ห้องแคบๆ มนุษย์จะเป็นอย่างไร ? ถ้าไม่เคยฝึกพัฒนาจิตใจและร่างกายตนเองให้คุ้นชินกับอาการของความสงบระงับ แน่นอนว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงคน-สัตว์-ต้นไม้ ที่ปรับตัวไม่ทันจะต้องตายเป็นเบือ

    มนุษย์เอ๋ย มิติของโลกกำลังจะเปลี่ยนแล้วขอให้มนุษย์เตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่จะเริ่มต้นรับรู้รูปแบบใหม่ของการปฏิบัติธรรมตามแนวทางปฏิบัติทั้งของพระพุทธองค์และพระมหาโพธิสัตว์ (วิธีปฏิบัติทั้งแบบหินยาน และมหายาน – ไทยและจีน) ทางเดียวที่ช่วยให้เราอยู่รอดและแคล้วคลาดได้เมื่อเวลานั้นมาถึงก็คือ “ความตั้งใจอย่างแท้จริง จริงใจที่จะรักษาศีล ๕ และปฏิบัติธรรมอยู่บ้าน-ทำงานอย่างสม่ำเสมอ” เพราะไม่รู้ว่าเวลาของการเปลี่ยนมิตินั้นจะเกิด ณ ขณะจิตใดของเรา

    ผู้ใดยังมีภาระต้องทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีเวลาไปวัดปฏิบัติธรรมก็ไม่ต้องกังวลใจ หรือทุกข์ใจ ขอเพียงตั้งใจรักษาศีล ๕ และสวดมนต์ภาวนาอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาว่างที่มีอยู่ พร้อมปรับตัวดำเนินชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ดังพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ ๙ หมั่นลด ละ เลิก กิเลสตัณหาให้น้อยลง ก็จะทำให้รอดพ้นจากพิบัติภัยได้


    แนวทางเพื่อรอดพ้นภัยพิบัติ วิธีปฏิบัติรูปแบบใหม่ เน้นปฏิบัติตามรอยพระพุทธะและพระมหาโพธิสัตว์ “ธรรมะในครัวเรือน
    • การสวดมนต์ไม่ต้องถึงขั้นทำวัตรเช้า – เย็น เพียงขอให้สวดมนต์บทใดก็ได้ที่เจริญมนต์แล้วสบายใจ ทำในช่วงเวลาใดของวันก็ได้ที่ว่าง ใจสบาย-ใจเบา และหากว่าเจริญพระคาถาชินบัญชร (บทพระโพธิสัตว์ไทย) ร่วมกับบทสรรเสริญพระโพธิสัตว์จีน-ไต่ปุยจิว (พระโพธิสัตว์กวนอิม) อย่างน้อยบทละ 3 จบทุกวันก็จะยิ่งดี เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข-พ้นจากทุกข์ อุทิศส่วนกุศลให้คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติกาและเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ตลอดจนเทพพรหมเทวดาทั้งหลายด้วย
    • การภาวนาไม่เน้นการนั่งสมาธิหลับตา (เพราะส่วนมากตัวนิ่งจริงแต่จิตเคลื่อน) แต่เน้นการออกกำลังกายประกอบลมหายใจ ซึ่งถือเป็นการฝึกสติ-สมาธิ แบบกายเคลื่อนไหว-จิตนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการฝึก โยคะ-ไท้เก๊ก-ชี่กง การฝึกขยับกายสบายชีวีหรือปราณโอสถของหลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งจะทำให้อวัยวะภายในโดยเฉพาะเกี่ยวกับระบบการหายใจแข็งแรงและทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น การย่อยอาหารและการเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ส่งผลให้กินน้อย-แต่ทำงานได้มากขึ้น
    • ฝึกกินเนื้อสัตว์-นม-ไข่ น้อยลง (กินเจหรือมังสวิรัติ) เพราะมีสารเคมีและฮอร์โทนตกค้างมาก ร่างกายมนุษย์เรากำจัดออกได้ยาก ต้องใช้พลังงานมากและเวลาในการกำจัดยาวนาน เมื่อลดเนื้อ-นม-ไข่ จะทำให้กายสบาย – กายเบา การฝึกสติและสมาธิจะทำได้ง่ายและทรงพลังมากขึ้น ร่างกายปรับสมดุลธาตุ 4 ได้ง่ายขึ้น พลังปราณในร่างกายเคลื่อนไหวสะดวกและอิสระมากขึ้น อาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะน้อยลง และทำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ หายขาดจากโรคได้ด้วย
    • ฝึกตนให้เป็นผู้มีจิตอาสาสาธารณะ ทั้งให้ทานสิ่งของ แรงกาย ปัญญา โอกาส และอภัยทาน ต่อเหล่าสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก มนุษย์จะรอดพ้นได้ ต้องเป็นผู้มีเมตตา ความรักต่อผู้อื่น มีน้ำใจและไม่เห็นแก่ตัว รู้จักแบ่งปันสิ่งของให้กัน ร่วมมือร่วมใจและสามัคคีช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคราวตกทุกข์ได้ยาก
    • แต่ละบ้านควรปลูกว่านหางจระเข้ไว้ใช้ (ปลอดสารเคมี) เพื่อเป็นเครื่องป้องกันในช่วงที่อุณหภูมิสูง และรังสีสุริยะถูกปลดปล่อยออกมา โดยนำเนื้อว่านที่ล้างสะอาดและหั่นเป็นชิ้น ต้มกับน้ำธรรมดาเพื่อดื่มแทนน้ำเปล่า (ไม่ต้องผสมน้ำตาล) โดยจะเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้ (ดื่มในช่วงอากาศร้อน) เพราะจะช่วยล้างพิษร้อนที่สะสมอยู่ในอวัยวะภายใน และทำให้เซลล์ที่เกิดใหม่มีภูมิต้านทานความร้อนได้มากขึ้น หากดื่มน้ำว่านหางจระเข้ พร้อมกับการทาผิวด้วยเนื้อว่านบดละเอียดก็จะช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกด้วย
    • ในช่วงอากาศหนาวเย็นให้ใช้หัวขิงแก่ (ปลอดสารพิษ) ต้มกับน้ำเปล่าไม่ต้องใส่น้ำตาล แล้วดื่มแทนน้ำเปล่าตลอดวัน จะช่วยล้างปรับสมดุลธาตุในร่างกาย ล้างคราบไขมันต่าง ๆ ที่เกาะผนังอวัยวะภายในต่างๆ ทำให้อวัยวะภายใน โดยเฉพาะระบบหลอดเลือดและการหายใจทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์ที่เกิดใหม่มีความละเอียด ทนทานต่อความหนาวเย็นได้มากขึ้น
    • ในแต่ละคราวที่ตั้งจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อันได้แก่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า อย่าลืมอาราธนาบารมีพระมหาโพธิสัตว์เจ้า และพระบารมีของพระสยามเทวาธิราช มหาเทพผู้คุ้มครองดูแลปกป้องประเทศไทยให้รอดพ้นจากภัยต่างๆ ขอพรทุกพระองค์ให้คุ้มครองเรา มนุษย์ผู้มีศีลธรรมอันดีแล้ว
    โดย วิถีอนุตตรธรรม เมื่อ 12 สิงหาคม 2011 เวลา 8:06 น.

    ด้วยความรักและความห่วงใยมนุษย์ในโลก และ กลุ่มศีล ๕ ธรรมะในครัวเรือน

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  16. ตาลเดี่ยว

    ตาลเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +425
    เป็นธรรมดาในสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกันไป แต่ที่เที่ยงแท้แน่นอนและซื่อตรงที่สุดคือกฎแห่งกรรมครับ ไม่มีการตัดสินผิดหรือเอนเอียงด้านใดด้านหนึ่งแน่นอน ยังคงความเที่ยงตรงตลอดไปเสมอ:cool:
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผลกรรมของการทำผิดศีล 5 !!!

    [​IMG]

    ผลกรรมเมื่อทำผิดศีล 5

    ผิดศีลข้อ 1 ( ฆ่าสัตว์,เบียดเบียนทำร้ายสัตว์, กักขังทรมาณสัตว์) ผลกรรมคือ

    1. มักมีปัญหาสุขภาพ ขี้โรค มีโรคเรื้อรัง รักษาไม่หาย รักษายุ่งยาก
    2. มีอุบัติเหตุบ่อยๆ อาจมีอุปฆาตกรรม คือกรรมตัดรอน ทำให้ตายก่อนอายุขัย
    3. อาจพิกลพิการ มีปัญหาร่างกายไม่สมส่วน ไม่สมประกอบ
    4. กำพร้าพ่อแม่ คนใกล้ตัวโดนฆ่า
    5. อายุสั้น ตายทรมาน ตายแบบเดียวกับที่ไปฆ่าไปทรมานสัตว์ไว้
    6. อัปลักษณ์ มีปมด้อยด้านสังขาร

    แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะ ว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบียน ไม่แกล้ง ไม่กักขัง ว่างๆก็ไถ่ชีวิตสัตว์ เช่นไปตลาดซื้อปลาที่เค้ากำลังจะขายให้คนไปทำกิน ให้เราซื้อไปปล่อยในเขตอภัยทาน (ท่าน้ำของวัด) หรือ ซื้อยาสมุนไพรยาแผนปัจจุบันไปให้ถวายพระที่วัด หรือไปตามโรงพยาบาลทั้งของคนปกติและของสงฆ์เพื่อบริจาคค่ารักษา หรือรับอุปถัมภ์ค่ารักษาพยาบาล บริจาคเลือดและร่างกายให้สภากาชาดไทยหรือตามโรงพยาบาลต่างๆ และอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง

    ผิดศีลข้อที่ 2 (ลักทรัพย์ ขโมย ฉ้อโกง ยักยอก ทำลายทรัพย์) ผลกรรมคือ

    1. ธุรกิจไม่เจริญก้าวหน้า เจ๊ง ขาดทุน ฝืดเคือง โดนโกง
    2. มีแต่อุบัติเหตุให้เสียทรัพย์สิน ต้องชดใช้ให้คนอื่นอย่างไร้เหตุผล
    3. ทรัพย์หายบ่อยๆ หลงลืมทรัพย์วางไว้ไม่เป็นที่ หาก็ไม่เจอ
    4. มีคนมาผลาญทรัพย์เรื่อยๆ ทั้งคนใกล้ตัวและคนทั่วไป
    5. ลูกหลานแย่งชิงมรดก โดนลักขโมยบ่อยๆ
    6. ตระกูลอับจนไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่คนมาทำลายทรัพย์

    แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะ ไม่ยุ่งกับทรัพย์สินของคนอื่น หากอยากได้ให้ขอเสียก่อน จนกว่าเจ้าของจะอนุญาตด้วยความเต็มใจ หมั่นทำบุญถวายสังฆทาน บริจาคค่าน้ำค่าไฟฟ้าวัด เพื่อที่ศาสนาจะได้ไม่ขาดแคลนปัจจัย ส่งผลบุญให้เราไม่ขัดสน มอบทุนการศึกษาแด่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผลบุญ ทำให้เรามีปัญญาที่จะหาทรัพย์อย่างสุจริต รวมทั้งต้องตั้งสัจจะที่จะมีสัมมาอาชีพ ไม่ฉ้อโกงใครแม้แ ต่สลึงเดียว และอื่นๆตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง

    ผิดศีลข้อ 3 (ประพฤติ ผิดในกาม ผิดลูกเมียเขา ล่วงเกินบุตรธิดาของผู้อื่น ก่อนได้รับอนุญาต แย่งคนรักของคนอื่น, กีดกันความรักคนอื่น, นอกใจคู่ครอง, หลอกลวง, ข่มขืน, ค้าประเวณี, ล่วงเกินทางเพศต่างๆ) ผลกรรมคือ

    1. หาคู่ครองไม่ได้ ,ไม่มีใครเอา, หน้าตาอัปลักษณ์ ,โดนเพศตรงข้ามล้อเลียนจนมีปมด้อย
    2. เป็นหม้าย ,ผัวเมียตายจาก, ผัวหย่าเมียร้าง,คบใครก็มีเหตุให้หย่าร้างเลิกรา
    3. คนรักนอกใจ ,คนรักมีชู้ ,มีเมียน้อย ,คบใครก็เจอแต่คนเจ้าชู้ ,โดนหลอกฟัน, ท้องไม่รับ, เสียตัวฟรี ,โดนข่มขืน
    4. ไม่มีมิตรจริงใจ, เพื่อนฝูงไม่รัก, พี่น้องก็ไม่รัก ,พ่อแม่ทอดทิ้ง ,ชีวิตขาดความอบอุ่น, มีแฟนก็ไม่มีใครจริงจังด้วย, ครอบครัวไม่อบอุ่น
    5. มีความผิดปกติทางเพศทางร่างกาย, ทางจิตใจ, ถูกกีดกันทางความรัก, สังคมไม่ยอมรับความรักของตน, มีความรักหลบๆ ซ่อนๆ
    6. ต้องมีเหตุพลัดพรากจากคนรักและของรักอยู่เสมอ (ก่อนเวลาอันควร)

    แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะ ว่าจะไม่ทำผิดเรื่องทางเพศ ไม่ทำให้ใครรู้สึกผิดหวังเสียใจในเรื่องความรัก ไม่กีดกันไม่คิดแย่งหรือไปรักกับคนรักของใคร ไม่คิดทำร้ายความรู้สึกคนรัก ไม่ล่วงเกินบุตรธิดาของใครก่อนได้รับอนุญาต รักเดียวใจเดียว ไม่นอกใจ ไม่มีกิ๊ก พอใจในคู่ครองของตนเอง

    หมั่นทำบุญถวายเทียนคู่ให้วัด ถวายธงคู่ประดับวัด ช่วยออกค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและอื่นๆ ตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง หรือให้ธรรมะด้านความรักแก่คู่รักที่รู้จัก เอาใจใส่คู่ครองคน รักเอาใจใส่พ่อแม่ของตนเอง หากรักพ่อแม่เอาใจใส่พ่อแม่อย่างดีจะได้รับผลบุญ ทำให้ความรักของเราสดใสไม่เจ็บช้ำ หากทรมาณพ่อแม่ ทำอย่างไรกับพ่อแม่ไว้ ต่อไปชีวิตรักก็จะเลวร้ายพอ ๆ กับความรู้สึกเสียใจของพ่อแม่ที่เราได้กระทำไว้

    ผิดศีลข้อ 4 (โกหก ปลิ้นปล้อน กลับคำ ไม่มีสัจจะ หลอกลวงผู้อื่น ใส่ร้ายผู้อื่น ยุแยงให้คนแตกกัน ใช้วาจาดูหมิ่น พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ ขี้โม้ นินทา ด่าทอ ด่าพ่อล้อแม่ ด่าและเถียงผู้มีพระคุณ ผิดสัญญาสาบานแล้วไม่ทำตาม ) ผลกรรมคือ

    1. ปากไม่สวย ฟันไม่สวย มีกลิ่นปาก มีปัญหาเรื่องปากเรื่องฟันอยู่เนืองนิจ
    2. มีแต่คนพูดให้เสียหาย มีคนซุบซิบนินทาเรื่องของเรา มีคนคอยใส่ร้ายดูหมิ่นและส่อเสียดเราอยู่เสมอ
    3. ไม่มีใครจริงใจด้วย มีแต่คนมาพูดจาหลอกลวง ผิดสัญญาต่อเรา
    4. เกิดในสังคมที่พูดแต่คำหยาบ คำส่อเสียดปลิ้นปล้อน นินทาอยู่เนืองนิจ เพียงตื่นมาก็พบเจอความไม่เป็นมงคล (สังคมที่ปากไม่เป็นมงคล)
    5. หลงเชื่อคนอื่นได้ง่าย โดนหลอกได้ง่าย ไม่มีความระวังเวลาโดนโกหก
    6. ไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเรา, เป็นคนที่พูดอะไรแล้วคนเมิน,พูดติดๆขัดๆ, นึกจะพูดอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

    แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะ ว่าจะไม่พลั้งปากโกหกหรือส่อเสียดนินทายุแยงใคร ไม่ด่าใคร พูดตามความเป็นจริงทุกอย่าง สิ่งใดควรพูดก็พูด ไม่ควรพูดก็อดทนไว้ไม่ด่าไม่เถียง ไม่นินทาผู้มีพระคุณเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ให้คำสัญญาใครไว้ต้องรักษา อย่าสาบานอะไรพร่ำเพรื่อ ว่างๆ ก็ออกค่าใช้จ่ายให้ค่าทำฟันแก่คนยากคนจนและอื่น ๆ ตามแต่ท่านจะสะดวกและตามกำลัง หมั่นให้สัจธรรมความจริงแก่คนทั่วไป พูดแต่ธรรมะ สอนธรรมะอยู่เสมอ หมั่นพูดหรือเผยแพร่ธรรมะให้คนอื่นฟังบ่อยๆ ทำตัวให้มีธรรมะ ให้มีสัจจะ พูดอะไรก็ไม่ผิดคำพูดไม่กลับคำ ไม่หลอกลวงใคร คนจะเชื่อถือมากขึ้น

    ผิดศีลข้อ 5 (ดื่มของมึนเมา เสพยาเสพติด ให้ยาเสพติด ให้ของมึนเมา ขายของมึนเมา ขายยาเสพติด) ผลกรรมคือ

    1. สติปัญญาไม่ดี ขี้หลงขี้ลืม เรียนไม่เก่ง อ่านหนังสือไม่จำ อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
    2. เกิดในตระกูลที่โง่เขลา เต็มไปด้วยอบายมุข
    3. หากกรรมหนักจะเกิดเป็นเอ๋อ ปัญญาอ่อน เป็นโรคทางปัญญา
    4. ลูกหลานสำมะเลเทเมา มีลูกหลานติดยาเสพติด
    5. เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่มีสติระวัง มีแต่ความประมาท
    6. มักลุ่มหลงในสิ่งผิดได้ง่าย เป็นคนที่โดนมอมเมาให้หลงใหลในสิ่งผิดได้ง่าย (ขาดสติ)

    แนะนำหนทางทุเลา : ตั้งสัจจะ ว่าจะไม่ดื่มของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด ไม่จำหน่าย จ่ายแจกของมึนเมาและยาเสพติดทุกชนิด หมั่นทำธรรมทานวิทยาทานให้ปัญญาความรู้ แก่คนทั่วไปและอื่นๆตามแต่ท่าน จะสะดวกและตามกำลัง

    คัดมาจาก http://www.teenee.com


    หมายเหตุ

    ทั้งหมดที่ืท่านได้อ่านกันนี้ เป็นเพียงแค่เศษของกรรม ที่ยังเหลืออยู่หลังจากไปใช้กรรมในนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์ฺเดรัจฉาน มาแล้วนะครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE class=ts style="WORD-SPACING: 0px; FONT: small/15px arial, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; WIDTH: 512px; COLOR: rgb(34,34,34); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BORDER-COLLAPSE: collapse; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" colSpan=2>กายเคลื่อนไหว - จิตนิ่ง !!!


    </TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 8px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 4px" vAlign=top width=1>[​IMG]</B>

    ► 73:15► 73:15





    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 1px" vAlign=top><CITE class=kv style="DISPLAY: block; MARGIN-BOTTOM: 1px; COLOR: rgb(0,153,51); FONT-STYLE: normal">www.youtube.com/watch?v=pj4TxZK6rNo</CITE>
    6 ม.ค. 2012 - 73 นาที - อัปโหลดโดย BMSBH</B>​



    การเจริญสติ หรือ การพาตัวใจกลับบ้าน ด้วยการรำไท้เก๊ก 18 ท่า โดย อาจารย์ศุภวรรณ พิพัฒพรรณวงศ์ กรีน ชมรมพาตัวใจกลับบ้าน...

    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2012
  19. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    <TABLE id=post6359878 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6359878 class=alt1><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k_97 [​IMG]
    19 มิ.ย. 55

    ตรวจซ่อม ตู้ไฟ ปลอดภัย
    ป้องไว้ แต่เนิ่น ไม่เกิด
    ประมาท ก็จะ เลยเถิด
    ทำเถิด ก็จะ ปลอดภัย

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    24 มิ.ย. 55

    ข่าวช่อง3 ช่วงเย็น ได้ออกว่าไฟไหม้โรงเรียนสอนพิเศษที่ จ.ราชสีมา สาเหตุเกิดจากตู้ไฟฟ้า มีเด็กสำลักควันหลายคน

    ระวังต่อไป

    <TABLE id=post6340472 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6340472 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    2 ก.ค. 55

    ข่าวช่อง3 เช้านี้ ไฟไหม้บ้านไม้ 7ห้อง ที่ จ.จันทบุรี คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

    6 ก.ค. 55

    ข่าวช่อง3 เช้านี้ ไฟไหม้ สถาน อาบอบ นวด ที่พัทยา จ.ชลบุรี สาเหตุ หม้อต้มระเบิดน้ำ

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน





    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE id=post6340472 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6340472 class=alt1>


    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Last edited by k_97; วันนี้ at 09:52 AM.
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6359878")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=thead>k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่ง Email ถึง k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add k_97 to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>k_97 Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View k_97's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post6360029 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] วันนี้, 10:11 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #1184 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k_97<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6360029", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Feb 2011
    ข้อความ: 1,110
    Groans: 1
    Groaned at 55 Times in 38 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 19
    ได้รับอนุโมทนา 1,076 ครั้ง ใน 658 โพส
    พลังการให้คะแนน: 182 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6360029 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->6 ก.ค. 55

    บ้านเรือน ของตน ต้องยล
    ให้พ้น อัคคี ที่มา
    ตรวจดู เครื่องใช้ ไม่ช้า
    จะพา ไม่ให้ กังวล

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2>[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6360029")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=thead>k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่ง Email ถึง k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ k_97</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add k_97 to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>k_97 Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View k_97's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE style="MARGIN-TOP: -3px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD class=smallfont>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  20. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ขออนุญาตเพิ่มเติมสักนิดครับ

    บุคคล และอาชีพที่เสี่ยงต่อการตกนรกมากที่สุด คือ
    ตำรวจ อัยการ ทนายความ ผู้พิพากษา
    ที่ทำงานเกี่ยวกับการใช้กฏหมาย ถ้าเขาไม่ซื่อสัตย์จริงๆ ก็ตกนรกได้ง่ายๆ
    รวมทั้งพระสงฆ์ แม่ชี ภิกษุณี สามเณร สามเณรีด้วย หากไม่ทรงศีลให้ดีบริสุทธิ์จริงๆก็เสี่ยงกับการตกนรกได้ง่ายมาก

    เคยได้ยินมาว่า ท่านผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ท่านเสียชีวิตแล้วฟื้น
    ช่วงที่วิญญาณออกจากร่าง ท่านไปเห็นอะไรหลายอย่าง
    และท่านบอกมาว่า ข้าราชการที่ตกนรกมากที่สุดคือ
    ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ ตำรวจ ที่ตามมาติด ๆ คือนักการเมือง
    ท่านฟื้นขึ้นมา ท่านลาออกจากผู้พิพากษาเลยครับ
    แต่จริงเท็จแค่ไหนไม่ทราบนะครับ แต่ได้ยินมาอย่างงี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...