ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สอบถามเรื่อง 'ฐานผาแบ่น'

สมาชิก-------------- 'การัณ' ------------คือฉันถาม
หากติดตาม ----------ร่วมงาน -----------ฐานผาแบ่น
รายละเอียด ----------ระเบียบการ -------วานท่านแจง
ต้องลงแรง----------- ลงขัน------------- กันอย่างไร

เรื่องความดี ----------ผู้น้อยนี้ -----------ไม่ดีพร้อม
แต่เตรียมพร้อม-------พร้อมทำดี---------นี่ทำได้
ความมุ่งมั่น---------- ก็ยังหวั่น---------- ไม่มั่นใจ
แต่มั่นใน------------ พระไตรรัตน์--------ชัดแน่นอน

อยากจะทราบ-------แผนการ------------ ท่านวางไว้
กำหนดการ--------- เป็นอย่างไร--------- เชิญแถลง
โทรศัพท์----------- หรือพบปะ----------- เพื่อชี้แจง
จะจัดแบ่ง---------- จัดหน้าที่------------ นี้อย่างไร

 

เดือนหน้า เขาคิชกูฏ จะปิดยาว 3 ปี โดยบอกเพื่อซ่อมแซมทาง หรือสถานปฏิบัติธรรมจะเริ่มปิดตนเองและรับเฉพาะศิษย์ของตน ตามที่เคยรู้มาว่า เมื่อใกล้จะเกิดภัยพิบัติ สถานปฏิบัติธรรมหลายแห่ง จะปกปิดตนเองจากโลกภายนอก(สร้างกลไก หรือพรางตนจากคนภายนอก) ภายในมีแต่ศิษย์ของตนเท่านั้น

 

เพิ่งไปมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเองครับ

เส้นทางผมก็ว่าปกติดีนะครับ ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมอะไร

สงสัยจะปิดเพื่อภัยพิบัติหรือเปล่า

 

ผู้ที่รู้การเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามในอนาคตมีเพียง2ท่าน
คือในหลวงร.9 และในหลวงร.5 ท่านเตรียมไว้หมดแล้ว

 

เขาคิชกูฎ เริ่มปิดตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ครับ มีใครพอรู้บ้าง

 

เอ่อ ท่านจะมาได้เหรอ

 

คำทำนายเรื่องภัยพิบัติปี 2554
จากบ้านสวนพีระมิด​

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา บรรยาย เรื่องสภาวะโลกร้อน ค่ายบ้านสวนพีระมิด​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->itbeauty<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4513023", true); </SCRIPT> สมาชิก

คัดลอกมาจากกระทู้ที่ท่าน อ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด ได้เมตตาแสดงความคิดเห็นไว้ค่ะ เนื้อหาดังนี้ค่ะ

เวลาที่เหตุเกิด จะมีทั้งคนที่ตายทันที คือคนอยู่ริมทะเล ริมแม่น้ำ อยู่บนตึกสูงเกิน 3 ชั้น และ คนบาป คือผิดศีล ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม พวกนี้ไปก่อน

อีกพวกหนึ่ง หนีแบบไม่คิดชีวิตและจะหนีไปทางเดียวกัน คือทางที่ไม่รอด ทางนี้มีคนหนีไปมากที่สุด ระหว่างหนีก็จะคิดเสียใจ ว่าเราไม่น่าประมาทเลย ทำไมเราไม่เชื่อคำเตือน อ.อุบล และ สิ่งที่เห็นเป็นข่าวเช่น ญี่ปุ่น ทำไมเราไม่มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ทั้งที่เราก็มีเงิน เรามีความพร้อม ทำไมเราต้องมาหนี แล้วเราจะหนีไปไหน จะหนีทันไหม จะกินอะไร จะนอนไหน หนาว หิว กลัว เครียด ช๊อค

แล้วระหว่างทาง รถจะติดเพราะแย่งกันหนี แล้วระหว่างรถติด จะมีการปล้นอาหาร ของใช้กัน ฆ่ากันเพื่อเอาตัวเองรอด ตอนนั้นไม่มีใครสงสารใคร มีแต่คนเห็นแก่ตัว ไปร่วมเส้นทางเดียวกัน จะตายเพราะฆ่าฟันกันเอง ตายเพราะสัตว์มีพิษออกมา โดยเฉพาะงู ตะขาบ จรเข้มาตามน้ำ แล้วจะมี ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เสาไฟฟ้าล้ม ไฟดับ มืดอยู่กลางทางที่หนี แล้วก็จะมีน้ำซัดมาพาไปทั้งรถทั้งคน บางคนก็ตายทันที บางคนก็บาดเจ็บพิการทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ตายเวลาต่อมา คนที่รอดก็ประสาทเสียเพราะเห็นคนตายต่อหน้า ตอนนั้นทุกคนไม่ต้องการเงินทอง ของมีค่าต้องการแต่ให้รอดตาย ต้องการที่ปลอดภัย ต้องการคนที่พึ่งพิงได้ ต้องการคนปลอบใจ ต้องการที่อาศัย อาหาร และที่นอน(หลับ)

เส้นทางที่จะรอด ปลอดภัย จะไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะนรก สวรรค์ แบ่งแยกเส้นทางไว้ ให้คนจะรอดไปทางหนึ่ง ให้คนจะไม่รอดไปทางหนึ่ง ส่วนเส้นทางที่จะรอด จะมีแต่ผู้มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างทาง จะแบ่งเสื้อผ้า อาหารหยูกยา สนทนาธรรมกัน ที่ไม่รู้จักกันก็จะเป็นเสมือนญาติกัน ระหว่างทางนั้นจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยนำทางจนพบทิศทางสู่ที่ปลอดภัย แต่ก็อาจลำบาก ถ้าหากไม่ฝึกฝน ผจญภัย เพราะสิ่งของเครื่องใช้ไม่มีเหมือนเดิม เทคโนโลยีทั้งหลาย จะหายสิ้น ทั่วแผ่นดินจะคืนสู่สามัญ ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเหมือนเมื่อ 50 -100 ปี ที่ผ่านมา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ไม่มีแก๊ส ไม่มีรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ที.วี. ฯลฯ ทุกสิ่งต้องสร้างสรรค์ กันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

ใครเตรียมสิ่งใดไว้ แล้วยังอยู่ ก็จะได้ใช้สิ่งนั้นยังชีพไป แต่ถ้าหมดแล้วก็ไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้ เพราะไม่มีคนมีสินค้าขายต่างมีแต่ตัวกับเสื้อผ้าที่ติดตัวเพียงชุดเดียว แต่จะมีคนพวกหนึ่งที่อยู่กับบ้าน (ต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย) วันนั้น ไม่ออกไปไหน สิ่งของเครื่องใช้ ยังพอมีเขาก็จะได้กินได้ใช้ เท่าที่มี เท่าที่สร้างสมไว้ ปลูกไว้ เตรียมไว้ให้ยังชีพต่อไปได้ คนพวกนี้มีผลกระทบน้อยที่สุด ด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่มั่นคงในศีล มั่นคงในพระพุทธองค์ มั่นคง ในความเชื่อ และเตรียมตัวล่วงหน้า ศรัทธาไม่เปลี่ยน

ที่เขียนมายืดยาว เพราะถึงคราวต้องบอกแล้ว วันนี้ท่านบอกพอก่อน ขอให้ทุกท่านโชคดี ปลอดภัย อยู่ในอ้อมกอดของพระพุทธองค์...สวัสดี

ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด วันที่ตอบ 2011-03-19 01:04:42

http://www.baansuanpyramid.com]
บ้านสวนพีระมิด เลขที่ 69 หมู่ 6 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110
พิกัด GPS: N14 21.465 E101 03.790

หมายเหตุ

เหตุการณ์ดังข้อความข้างต้นนี้ ผมมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 100% เพียงแต่เวลาที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ ผมคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2554 อย่างที่ทำนายกัน เพราะไม่สอดคล้องกับเวลาในพุทธทำนาย และไม่ตรงกับเวลาในคำทำนายของผู้รู้ท่านอื่นๆครับ -เกษม-<!-- google_ad_section_end -->

 

ขออภัยนะคะ บางข้อความอาจจะดูเหมือนสื่อสารถึงบางท่านเป็นการส่วนตัว
แต่จริงๆ ก็ตั้งใจจะบอกถึงท่านอื่นๆ ที่อยากจะทราบข้อมูลด้วย
เลยตอบไว้ทีเดียวเลยนะคะ

อีเมล์จากอาเคนะคะ ตอบคุณการัณ

หากต้องการนัดเจอ กรุณานัดทางอีเมลนะคะ สถานที่ ถ้าไม่สถานีรถไฟ
ดอนเมือง ก็เป็นที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตนะคะ
======================================


23 มี.ค. 54


กรุงเทพฯอยู่แถวไหนครับ? ช่วยแจ้งอายุตัวเองและจำนวนคนที่จะไปด้วย ต้อง
ขออนุญาตถามเรื่องอาชีพด้วยเพราะผมต้องการสืบหาอาชีพแพทย์และพยาบาล
ไปไว้ประจำที่ฐานฯด้วยหรือว่ามีญาติพี่น้องที่เป็นอยู่ก็แจ้งด้วย

ความจริงหลานลาซาซาได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบแล้ว ผมก็กล่าวในส่วนอื่นๆ
ฐานฯแบ่งออกสองลักษณะ

หนึ่ง ตัวพื้นที่และตัวบ้านน็อคดาว์นที่ผมสร้างเสร็จจากกรุงเทพฯและจะนำขึ้น
ไปประกอบในเร็ววันนี้ไว้สำหรับพักเพื่อที่จะทำงานให้กับมวลชนเป็นเงินส่วนตัว
ไม่เกี่ยวกับเงินของแนวร่วมทุกคน ผมให้ที่พักพิงในยามก่อนเกิดภัยจนกระทั้ง
สิ้นสุด เมื่อนั้นท่านใดถ้าไม่มีที่ไปก็ให้อยู่ต่อได้ ขออย่างเดียวท่านต้องช่วยกัน
ดูแลคนในครอบครัวให้เรียบร้อย ถ้าเกิดปัญหาจนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ท่าน
ต้องพิจารณาตัวเอง

สอง เงินส่วนรวมที่ช่วยกันออกมิได้กำหนดตายตัวแต่ละรายที่นำคนเข้ามาห้า
คนก็จะช่วยออกหนึ่งหมื่นบาท นอกนั้นแล้วแต่กำลังของแต่ละคนเพราะฐานะไม่
เหมือนกัน การออกมากน้อยมีผลต่อการจัดซื้อของจำเป็นสำหรับครอบครัวของ
แนวร่วมเอง ครอบครัวของผมมีความพร้อมอยู่แล้ว ผมห่วงแต่ท่านและครอบ
ครัว เพราะยังขาดสิ่งที่ผมตั้งใจจะบริหารจัดการให้อีกมาก ดังนั้นแต่ละรายที่ส่ง
เงินเข้ามาช่วยเหลือตัวเลขจึงต่างกันออกไป หลานลาซาซาช่วยมาห้าหมื่น
(ขอนแก่น) หลานป้อง สองหมื่นห้า(บางมด ธนบุรี กรุงเทพฯ) หลานวิไล
สามหมื่น(ดอนเมือง)และรายสุดท้ายที่จะเข้ามาคือ หลานตู่ (จ.เลย ทำงานใน
กรุงเทพฯ) ขั้นต้นหนึ่งหมื่น ต่อไปมีหรือไม่ผมไม่เรียกร้องเพราะทุกบาทมีความ
จำเป็นในการทำงานทั้งสิ้น

วันนี้คุยเท่านี้ก่อน วันหน้ายังมีเรื่องที่จะต้องคุยอีก

เค อิสรา

e-mail:
k_isara@windowslive.com
usa_biz@hotmail.com

PM :
k_97
Lazaza
======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

หลายท่านให้ปิดห้ามเปิดเผยเรื่องสถานที่ครับ ที่สำคัญคือระมัดระวังให้เราอยู่ในกลุ่มคนดี กลุ่มสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ครับ

บุญพา ผ่านพ้นภัยพาล
กุศลส่ง คงรอดพ้นทุกข์เข็ญ
ชะตาพา ประสบที่รอดปลอดภัย
ไม่มีสิ่งใด ใหญ่เกินกรรมที่ทำเอง

 

สื่อรัฐบาลลิเบียเผยพลเรือนจำนวนมาก เสียชีวิตจากการโจมตีโดยชาติตะวันตก​

​

ตริโปลี 24 มี.ค.-สำนักข่าวจานาของรัฐบาลลิเบียรายงานว่า การโจมตีของชาติพันธมิตรที่เขตอยู่อาศัยของประชาชนทางตะวันออกของกรุงตริโปลี ทำให้พลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

รายงานข่าวอ้างเจ้าหน้าที่ทหารลิเบียเปิดเผยว่า การทิ้งระเบิดโดยนักล่าอาณานิคมผู้รุกรานที่เขตทาจูร่าในกรุงตริโปลี มุ่งเป้าไปที่เขตอยู่อาศัยส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตจำนวนมาก ทั้งนี้ที่เขตทาจูร่าถูกโจมตี 3 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 3 มีเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งพยายามเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บออกจากซากปรักหักพังที่เกิดจากการโจมตีทางอากาศ 2 ครั้งแรก

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นและเห็นเปลวเพลิงมาจากฐานทัพแห่งหนึ่งในเขตทาจูร่า ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีไปทางตะวันออก 32 กิโลเมตร ตามรายงานระบุว่า เขตทาจูร่าเป็นที่ตั้งของฐานทัพสำคัญที่สุดของทหารรัฐบาลลิเบีย ซึ่งถูกโจมตีมาตั้งแต่วันเสาร์ .-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. 2554

อิตาลีหนุนโจมตีลิเบียภายใต้บัญชาการของนาโต้​

​

อิตาลี 24 มี.ค. - วุฒิสภาอิตาลีเห็นชอบการใช้กำลังทหารโจมตีลิเบียภายใต้การบัญชาการของนาโต้

วุฒิสภาอิตาลีมีมติสนับสนุนการใช้ปฏิบัติการทางทหารโจมตีลิเบีย ภายใต้การบัญชาการขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ นายฟรังโก แฟรตตินี รัฐมนตรีต่างประเทศ แถลงต่อรัฐสภาว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องใช้ปฏิบัติการเร่งด่วนเพื่อยับยั้งไม่ให้กองกำลังของ พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี เข่นฆ่า พลเรือนชาวลิเบีย แต่ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่นาโต้จะต้องมีบทบาทในการบัญชาการทั้งหมด

ทั้งนี้ วุฒิสภาอนุมัติให้กองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้าร่วมในปฏิบัติการ รวมทั้งเปิดทางให้กองกำลังพันธมิตรสามารถใช้ฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือของอิตาลีได้ ซึ่งในวันนี้ สภาผู้แทนราษฎรอิตาลีจะมีการลงมติเพื่อให้ความเห็นชอบในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. 2554

ญี่ปุ่นเตือนน้ำประปาในกรุงโตเกียวไม่ปลอดภัยสำหรับทารก​

​

โอซากา 23 มี.ค.- เจ้าหน้าที่ทางการกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเปิดเผยวันนี้ว่า ตรวจพบไอโอดีน ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีสูงเกินระดับปลอดภัยสำหรับทารกในน้ำประปาของกรุงโตเกียว พร้อมแนะนำผู้ปกครองอย่าให้ทารกดื่มน้ำประปา

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการตรวจพบไอโอดีนระดับสูงผิดปกติในน้ำประปาของกรุงโตเกียวและในเขตจังหวัดฟูกุชิมะ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา การตรวจพบดังกล่าวอาจยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเรื่องการปนเปื้อนรังสีจากโรงไฟฟ้า

เจ้าหน้าที่ทางการกรุงโตเกียวกล่าวว่า น้ำที่มีสารกัมมันตรังสีปนเปื้อนเกินกว่า 100 เบ็กเกอเรลต่อ 1 กิโลกรัม ไม่ควรนำมาใช้ชงนมให้ทารก แต่ในบางพื้นที่ของกรุงโตเกียว มีการตรวจพบสารกัมมันตรังสีสูงถึง 210 เบ็กเกอเรลต่อ 1 กิโลกรัม ฝ่ายบริหารของกรุงโตเกียว จึงแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียวหลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปาชงนมให้ทารก จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม. -สำนักข่าวไทย

วันพุธ ที่ 23 มี.ค. 2554

โตเกียวแจกจ่ายน้ำดื่มให้ทารก​

​

ญี่ปุ่น 24 มี.ค. - ทางการกรุงโตเกียวเตรียมแจกจ่ายน้ำแร่บรรจุขวดให้กับครอบครัว เพื่อใช้เลี้ยงทารก หลังพบน้ำประปาในกรุงโตเกียวมีระดับไอโอดีนกัมมันตรังสีสูงกว่าค่าความปลอดภัยถึงสองเท่า

ความคืบหน้าหลังพบระดับไอโอดีนกัมมันตรังสี 131 ในน้ำประปา ที่กรุงโตเกียว มีระดับสูงถึง 210 เบคเคอเรล ขณะที่ค่าความปลอดภัยอยู่ที่ระดับ 100 เบคเคอเรล ล่าสุด ทางการกรุงโตเกียวเตรียมแจกจ่ายน้ำแร่บรรจุขวดให้กับครอบครัวในกรุงโตเกียวเพื่อใช้เลี้ยงทารกที่มีอายุต่ำกว่า 12 เดือน พร้อมทั้งประกาศเตือนให้ประชาชน รวมทั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กต่าง ๆ ในกรุงโตเกียวหลีกเลี่ยงการนำน้ำประปามาใช้ประกอบอาหารสำหรับทารก

นอกจากนี้ ทางกรุงโตเกียวเตรียมจัดสรรน้ำดื่มปลอดภัยบรรจุขวดเพิ่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับครอบครัวที่มีทารก รวมทั้งขอให้ทางบริษัทผลิตน้ำแร่เร่งผลิตน้ำแร่บรรจุขวดเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. 2554

โตเกียวขาดแคลนน้ำดื่มบรรจุขวดหลังเตือนเรื่องน้ำประปาปนเปื้อนรังสี​

​

โตเกียว 24 มี.ค.- ร้านค้าในกรุงโตเกียวขาดแคลนน้ำดื่มบรรจุขวดในวันนี้หลังจากมีคำเตือนเรื่องไม่ควรนำน้ำประปาไปชงนมผงให้ทารก เพราะปนเปื้อนรังสีสูงกว่า 2 เท่าของปริมาณปลอดภัย

รัฐบาลญี่ปุ่นวอนประชาชนอย่าแตกตื่นกักตุนน้ำดื่มบรรจุขวด แต่ร้านค้าส่วนใหญ่ล้วนจำหน่ายน้ำดื่มบรรจุขวดหมดเกลี้ยง คุณพ่อลูกอ่อนคนหนึ่งเผยว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง นายจิม สมิธ จากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธในอังกฤษเห็นด้วยกับรัฐบาลญี่ปุ่นว่า การพบกัมมันตรังสีไอโอดีนในน้ำประปา 210 เบ็กเกอเรล สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 2 เท่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตื่นตระหนก การเตือนไม่ให้นำไปชงนมทารกเป็นการเตือนล่วงหน้าที่สมเหตุสมผล แต่ต้องย้ำว่าเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำของความปลอดภัยเมื่อบริโภคในระยะยาว แต่กลุ่มแพทย์เพื่อความรับผิดชอบทางสังคม ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านนิวเคลียร์ในสหรัฐเรียกร้องให้เข้มงวดคำสั่งห้ามจำหน่ายอาหารปนเปื้อนให้มากขึ้นโดยระบุว่าไม่ว่าอะไรปนเปื้อนก็ไม่ปลอดภัย

สำหรับบรรยากาศในกรุงโตเกียวยังคงเงียบเหงาผิดปกติ ชาวเมืองคนหนึ่งเผยว่า นอกจากเรื่องรังสีในน้ำประปาแล้ว ยังห่วงเรื่องแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวและสถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะอาจแย่ลง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการล่าสุดอยู่ที่ 9,523 คน สูญหาย 16,094 คน.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. 2554

ยอดผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นสูงกว่า 24,000 คนแล้ว​

​

โอซากา 23 มี.ค.- ยอดผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายจากภัยพิบัติในญี่ปุ่นสูงกว่า 24,000 คนแล้วในวันนี้ 12 วันหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า นับจนถึงเวลา 09.00 น. เช้าวันนี้ตามเวลาไทย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 9,408 คน และยอดผู้สูญหายอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 14,716 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายรวมเป็น 24,124 คน ขณะที่มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 2,746 คน นอกจากนี้ ยังทำให้ประชาชนหลายแสนคนสูญเสียบ้านเรือนและต้องไปอาศัยอยู่ในค่ายอพยพชั่วคราว ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มีนาคม กลายเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในญี่ปุ่น นับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขตคันโตเมื่อ ปี 2466 คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 142,000 คน. -สำนักข่าวไทย

วันพุธ ที่ 23 มี.ค. 2554

แคนาดาจำกัดการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่น​

​

ออตตาวา 24 มี.ค. – เจ้าหน้าที่แคนาดาเปิดเผยว่า แคนาดาประกาศจำกัดการนำเข้าอาหารจากพื้นที่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะของญี่ปุ่น หลังพบการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี

การประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์นม ผลไม้ และผักจาก 4 จังหวัดของญี่ปุ่นได้แก่ ฟูกุชิมะ กุนมะ อิบารากิ และโทชิกิ ขณะที่ความหวาดวิตกเรื่องการปนเปื้อนของรังสีในอาหารกำลังลุกลามไปทั่วโลก สำนักงานตรวจสอบอาหารแคนาดาออกแถลงการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามายังแคนาดา โดยไม่มีเอกสารรับรองความปลอดภัย และสินค้าที่พบการปนเปื้อนจะถูกคัดออกตามระเบียบการของคณะกรรมาธิการความปลอดภัยนิวเคลียร์แคนาดา

ก่อนหน้านี้ สหรัฐ ออสเตรเลีย และฮ่องกงได้จำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมและผักจากญี่ปุ่นแล้ว ขณะที่ฝรั่งเศสออกมาเรียกร้องให้สหภาพยุโรปประกาศมาตรการจำกัดการนำเข้าเช่นกัน ส่วนญี่ปุ่นได้สั่งระงับการบริโภคและการส่งออกสินค้าจากฟาร์มที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะแล้ว -สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 24 มี.ค. 2554

โครงการอาหารโลกเผยลาวต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารฉุกเฉิน​

​

ฮานอย 23 มี.ค. – โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติเปิดเผยวันนี้ว่า ประชาชนกว่า 111,000 คนที่อาศัยอยู่ในลาวต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารฉุกเฉิน ก่อนจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวครั้งหน้า

โครงอาหารโลกเปิดเผยว่า ปัญหาการขาดแคลนข้าวในประเทศลาวตอนใต้และตอนกลางเกิดจากปัจจัยด้านสภาพอากาศเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกิดทั้งภาวะแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงและน้ำท่วมฉับพลัน โฆษกโครงการอาหารโลกเปิดเผยว่า โครงการอาหารโลกกำลังระดมทุน เพื่อสนับสนุนการปันส่วนข้าวฉุกเฉินในช่วงเดือน มิ.ย. หรือก.ค. นี้ ก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งจะมีขึ้นในราวเดือน พ.ย. เพราะในช่วงเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. ชาวบ้านจะต้องนำข้าวที่ได้จากการเก็บเกี่ยวเมื่อปีที่แล้วหรือข้าวที่ซื้อมาจากตลาดออกมารับประทาน แต่ราคาข้าวในขณะนี้สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ผลการศึกษาร่วมระหว่างโครงการอาหารโลกและองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า สภาพอากาศอันเลวร้ายได้ส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัวในหลายพื้นที่ ซึ่งยังไม่สามารถฟื้นตัวหลังประสบภัยพายุโซนร้อนกิสนาเมื่อเดือนต.ค. 2552 ได้อย่างสมบูรณ์ -สำนักข่าวไทย

วันพุธ ที่ 23 มี.ค. 2554

ออสเตรเลียเร่งช่วยเหลือผู้ติดค้างหลายร้อยคนหลังเกิดน้ำท่วม​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

​

เมลเบิร์น 23 มี.ค.- ประชาชนหลายร้อยคนที่ติดค้างอยู่ในจุดตั้งแคมป์แห่งหนึ่งในรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย กำลังเฝ้ารอความช่วยเหลือวันนี้ หลังเกิดน้ำท่วมและดินถล่มทำให้ถนนถูกตัดขาด

รายงานระบุว่า เกิดน้ำท่วมตัดขาดสะพานดาร์บี ซึ่งเชื่อมต่อเส้นทางไปยังจุดตั้งแคมป์ของแม่น้ำไทดัล บริเวณแหลมวิลสันส์ รัฐวิกตอเรีย หลังฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ประชาชนราว 300 คนติดค้างอยู่ในสถานที่ตั้งแคมป์ดังกล่าว ในจำนวนดังกล่าวมีเด็กนักเรียน 200 คนรวมอยู่ด้วย โฆษกหน่วยงานปาร์คส์วิกตอเรียเปิดเผยว่า อาจจะมีการอพยพผู้ติดค้างเหล่านั้นโดยเฮลิคอปเตอร์ แต่ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะใช้การอพยพทางถนนก่อน หากสามารถทำได้

ทั้งนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำไทดัลและแม่น้ำดาร์บี้เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่ง แต่ระดับน้ำกำลังลดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม การเกิดน้ำท่วมฉับพลันดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อยานพาหนะ ทางเดินและสะพานหลายแห่ง โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำความสะอาดถนนเพื่อทำให้ประชาชนสามารถกลับไปสัญจรเส้นทางได้อีกครั้ง และจะเข้าไปช่วยเหลือผู้ติดค้างเหล่านั้นในบ่ายวันนี้. -สำนักข่าวไทย

วันพุธ ที่ 23 มี.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตะลึง! “ฟอสซิลหอยหิน 300 ล้านปี” เต็มภูเขาที่กาญจน์ นำตัวอย่างไปตรวจสอบ-ดันเป็นแหล่งเที่ยว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 มีนาคม 2554 18:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>กาญจนบุรี - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ถึงตะลึง “ฟอสซิลหอยหิน 300 ล้านปี” เกาะเต็มหน้าผายอดเขาด่าง เต็มภูเขา ในป่าทองผาภูมิ พร้อมเก็บตัวอย่างหอยหินส่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เพื่อส่งต่อไปยังกรมศิลปากรเพื่อศึกตรวจสอบ และผลักดันเป็นแหล่งเที่ยวทางประวัติศาสตร์

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการค้นพบฟอสซิลหอยหิน 300 ล้านปี ในพื้นที่ป่า ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายกมล ทองใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเข้าลาดตระเวน พร้อม นายผัด ประกอบแสง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ร่วมกันเดินทางลงพื้นที่บริเวณเขาด่าง หมู่ 2 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับซากฟอสซิลหอยหิน ที่ชาวบ้านหาของป่าในพื้นที่พบและนำไปให้นักวิชาการตรวจสอบว่าเป็นฟอสซิลอายุกว่า 300 ล้านปี

โดยคณะของ นายกมล เดินเท้าไปตามแนวเขาเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง จึงถึงบริเวณหน้าผายอดเขาด่าง ก็พบว่ามีซากหอยหินเกาะติดจำนวนมาก เกือบทั้งลูกเขา โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำเก็บตัวอย่างบางส่วน เพื่อนำส่งให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งต่อไปยังกรมศิลปากรเพื่อศึกษาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

นายกมล ทองใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจสอบพบว่า เบื้องต้นน่าจะเป็นซากฟอสซิลหอยโบราณ ตอนนี้คงต้องเข้ามาดำเนินการในพื้นที่เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของกรมอุทยานฯ เบื้องต้นรายงานให้ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ทราบโดยวาจาแล้ว กำลังจะส่งตัวอย่างหอยหินไปให้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เพื่อส่งต่อไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ดำเนินการตามระเบียบต่อไป

นายผัด ประกอบแสง เปิดเผยว่า การค้นพบและตรวจสอบฟอสซิลหินที่เขาด่างในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ที่จะได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง ที่น่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในพื้นที่ ต.ห้วยเขย่ง ได้มากพอสมควรเพราะจะทำให้เงินสะพัดในพื้นที่อีกมากด้วยเช่นกัน

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000037238

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ด่วน! คนเหนือผวา-หลังแผ่นดินไหวแรง 6.7 ริกเตอร์ชายแดนพม่า</TD><TD vAlign=baseline width=102 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มีนาคม 2554 21:48 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD><TD></TD><TD vAlign=center background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=middle></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=middle></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>

แผนภาพแสดงการเกิดแผ่นดินไหว จากกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ศูนข่าวเชียงใหม่ - ด่วน! เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดความแรงได้ 6.7 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่แถบชายแดนพม่า แต่รู้สึกได้หลายจังหวัดในภาคเหนือ

รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.55 น.วันนี้(24 มี.ค.54) ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยประชาชนในหลายจังหวัดภาคเหนือทั้งพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ ฯลฯ ต่างรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้เป็นเวลาร่วม 5 วินาที ซึ่งทำให้ประชาชนแตกตื่นต้องวิ่งหลบหาที่กำบังกันวุ่น

ขณะเดียวกันมีการแจ้งผ่านเครือข่ายวิทยุของหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่หลายแห่ง ว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณชายแดนพม่า โดยวัดความแรงได้ถึง 6.7 ริกเตอร์

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้าง ยูเอสจีเอส.ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้น 2 ครั้งติดต่อกัน เป็นเวลาไม่กี่วินาทีของช่วง 20.25 น. ที่ผ่านมา โดยวัดความแรงได้ 7.0 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางในพม่าบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงรายไปทางเหนือ 69 ไมล์ หรือ 110 กิโลเมตร โดยครั้งแรกเกิดที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร ส่วนครั้งที่ 2 เกิดที่ความลึก 230 กิโลเมตร

แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกได้ในหลายจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย อาการสูงในกรุงเทพมหานคร รวมถึงอาคารสูงในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามด้วย

ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ประชาชนจำนวนมากรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สายซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ขณะที่ในจังหวัดเชียงใหม่ หลังเกิดเหตุประชาชนจำนวนมากได้พากันออกมาอยู่นอกอาคารบ้านเรือนเพื่อรอดูสถานการณ์ รวมทั้งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเบื้องต้นมีรายงานด้วยว่าที่อาคารสำนักงานเทศบาลตำบลสันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ถูกแรงสั่นทะเทือนทำให้เชิงชายหลังคาหล่นลงมาได้รับความเสียหาย นอกจากนี้หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ยังปรากฏว่าสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่เกิดเหตุขัดข้องด้วย ทำให้ประชาชนประสบปัญหาในการติดต่อสอบถามสถานการณ์ระหว่างกัน

ขณะที่ห้องวิทยุสื่อสารสถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน ได้แจ้งผ่านเครือข่ายวิทยุของตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอนให้ตรวจสอบห้องพักของข้าราชการตำรวจโดยด่วน

นายธีรยุทธ จันทร์ดิษฐวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานความเสียหายในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่การเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าวทำให้ประชาชนบางส่วนวิ่งออกมาจากบ้านพักอาศัย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย

มีรายงานว่า หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวผ่านไปประมาณ 1 นาที โทรศัพท์มือถือไม่สามารถโทรติดต่อกันได้ ต้องใช้โทรศัพท์บ้านโทรสอบถามเรื่องแผ่นดินไหวจากหน่วยงานภาครัฐถึงความเสียหาย

นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้สั่งการไปยังนายอำเภอ 7 อำเภอ ให้สำรวจความเสียหายอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ วัดวาอารามต่าง ๆ และรายงานให้ทราบโดยด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอปาย ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็เกิดแผ่นดินไหวระดับความแรง 3.1 ริกเตอร์มาแล้ว

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าในกรุงเทพมหานคร ประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงได้เคลื่อนย้ายลงจากอาคารหลังรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว และยังไม่กล้ากลับขึ้นไปบนอาคาร โดยยังคงรอสังเกตการณ์อยู่บริเวณพื้นราบด้านล้างของอาคาร

ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าได้เกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อคขึ้นในประเทศพม่าเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วัดความสั่นสะเทือนได้ 5 ริคเตอร์ ขณะที่จังหวัดเชียงรายมีรายงานว่าที่อำเภอแม่สายพบผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวแล้ว 1 รายเนื่องจากถูกกำแพงล้มทับ

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000037817
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ด่วน ! แผ่นดินไหว พม่า ภาคเหนือสั่น 6.7 ริกเตอร์ สัญญาณ สั่นถึง กทม.
เมื่อเวลา 20.55น.เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่า ความแรง 6.7 ริกเตอร์ รายงานข่าวแจ้งว่า แรงสั่นสะเทือนได้กระจายไปทั่วภาคเหนือ ทั้ง แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะในตึกสูงต่างพากันวิ่งหลบหนีออกมาจากตัวอาคารอย่างโกลาหล ซึ่งรู้สึกได้ถึงตึกสูงในกรุงเทพ

ทั้งนี้ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ประเทศพม่า ความลึก 10 กิโลเมตร ห่างจากนครย่างกุ้ง 589 กิโลเมตร และห่างจังหวัดเชียงราย 89 กิโลเมตร ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะเกิดสึนามินั้น กรมอุตุวิทยายังระบุว่า จะไม่เกิดสึนามิ และอย่าพึ่งตื่นตระหนก ต้องรอการรายงานเป็นระยะ
สัญญาณโทรศัพท์ ภาคเหนือ หายนับ 10 นาที
_______________________________
ที่จังหวัดเชียงราย มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นางหงษ์ อายุ 55 ปีหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ประกอบกับมีอาฟเตอร์ช็อค 2 ครั้ง บ้านของผู้ตายสร้างด้วยปูน ทำให้ล้มทับ นอกจากนี้เสาไฟฟ้าในตัวเมืองยังมีความเสียหาย การติดต่อทางโทรศัพท์เป็นไปด้วยความลำบาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิทยุในการสื่อสาร
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯอเมริกายืนยันไม่แจ้งเตือนภัยสึนามิจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว เพราะศุนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน แต่ยังเฝ้าระวังอาฟเตอร์ช็อกที่อาจเกิดขึ้นตามมาเมื่อไหร่ก็ได้
ล่าสุด เกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้น โดยความแรงอยู่ที่ 5 ริกเตอร์ ขณะที่ชาวบ้านจังหวัดในภาคเหนือส่วนใหญ่ ตอนนี้ไม่กล้าเข้าไปยังที่พักอาศัย ซึ่งบางส่วนได้มารวมตัวกันในสนามที่กีฬาบริเวณใกล้เคียง

โดย Mthai News
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการปฏิบัติตัวรับมือแผ่นดินไหว
<SMALL></SMALL>ก่อนการเกิดแผ่นดินไหว ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว และหลังเกิดแผ่นดินไหว


ห่างจากทิศเหนือของไทย56 กิโลเมตร พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ เชียงใหม่ เชียงราย
<LI class=news_src_item>

 

สภาวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย กับมหันตภัยของโลก
โดย Dr.G.G.Junior ​

​

สำหรับประเทศไทย ถ้ายังอยู่ในสภาวะปัจจุบัน มีข้อมูล ความเสียหายของพื้นที่ จากภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศเริ่มตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวาระสุดท้าย เพื่อการเข้าสู่ ยุคพลังงานใหม่ (พ.ศ.2562)

โดยเริ่มจากจังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ

จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดิน ใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย

แถบจังหวัดพิษณุโลก พบภัยจากน้ำเป็นบางส่วน จังหวัดกำแพงเพชรพบภัยจากน้ำเล็กน้อย จังหวัดตาก ส่วนที่เกี่ยวเนื่องเลียบตามชายแดนพม่า และแม่ฮ่องสอนจะเกิดภัยแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก

จังหวัดกาญจนบุรีเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยกยุบตามรอยเลื่อน ที่ทอดยาวไปกับเทือกเขาตะนาวศรี เกิดความร้อนผุดขึ้นบางพื้นที่ จังหวัดสุโขทัยพบภัยจากน้ำมากพอสมควร ต่ำลงมาตั้งแต่จังหวัดลพบุรี อ่างทอง อยุธยาจะกลายเป็นที่ลุ่มมากขึ้น

กรุงเทพมหานคร ปากน้ำ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ถูกน้ำคุกคามทั้งหมด ส่วนนครปฐม ยังคงอยู่บางส่วน ในที่สูงรอยต่อกับจังหวัดกาญจนบุรีถึงสุพรรณบุรี แต่ต้องระวังที่เก็บน้ำ เช่น ถ้าเขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรีแตก พื้นที่เหล่านี้ก็เกิดภัยจากน้ำได้เช่นกัน

ภาคใต้ทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่เกาะ ในส่วนที่เป็นเกาะปัจจุบันเช่น ภูเก็ตจะจมหายไปจนเกือบหมด เป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล อีสานเป็นพื้นที่ปลอด จากภัยพิบัติ แต่แห้งแล้งหนัก ในส่วนพื้นดินเป็นดินทรายยิ่งโก่งตัวขึ้นก็ยิ่งแห้งแล้ง ในพื้นที่ดินแดงจะมีน้ำมากขึ้น ภาคตะวันออกนั้น ในพื้นที่อ่อนนุ่ม จะจมน้ำลงไปก่อน แล้วน้ำจะคืนให้บางส่วนทีหลัง ส่วนพื้นที่อยู่ปลายแหลม ไม่มีเหลือที่ให้มนุษย์ มีแต่สัตว์น้ำที่ครอบครองดินแดนแทน

ที่มา http://www.universal-signal.com

 

<TABLE id=post4515061 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>วันนี้, 08:33 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #3393 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4515061", true); </SCRIPT>
ทีมงานพลังจิตนานาชาติ



วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 8,722
พลังการให้คะแนน: 4790


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4515061 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1><TBODY><TR><TH>
</TH><TH align=middle>MAG </TH><TH align=middle>UTC DATE-TIME
y/m/d h:m:s </TH><TH align=middle>LAT
deg </TH><TH align=middle>LON
deg </TH><TH align=middle>DEPTH
km </TH><TH>Region</TH></TR><TR><TD vAlign=top noWrap align=middle>MAP</TD><TD vAlign=top noWrap align=middle>7.0 </TD><TD vAlign=top noWrap align=middle>2011/03/24 13:55:36 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>20.898 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>99.883 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>229.4 </TD><TD vAlign=top>MYANMAR</TD></TR><TR><TD vAlign=top noWrap align=middle>MAP</TD><TD vAlign=top noWrap align=middle>7.0 </TD><TD vAlign=top noWrap align=middle>2011/03/24 13:55:12 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>20.705 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>99.949 </TD><TD vAlign=top noWrap align=right>10.0 </TD><TD vAlign=top>MYANMAR</TD></TR></TBODY></TABLE>
10-degree Map Centered at 20°N,100°E

Skip to earthquake lists <!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post3338611 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>24-05-2010, 10:56 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #1162 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3338611", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 11,471
พลังการให้คะแนน: 5087


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3338611 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** น้ำหิมาลัย ท่วมยุคโบราณ ****

สีฟ้า : แม่น้ำใหญ่ ยุคโบราณ หายไป แผ่นเปลือกโลกดันกัน เกิดเป็นสัน สูงขึ้น แถบเขาใหญ่
สีส้ม : น้ำหิมาลัยสมัยดบราณ ไหลเข้าท่วม จากเชียงแสน เชียงของ ไหลลง สู่ภาคกลาง เกิดเป็นภูมิประเทศใหม่ ตั้งแต่ตากลงมา ลักษณะพื้นราบเรียบ มียอดเขาโผล่ขึ้นมา



อนาคต ให้ะวัง จะเกิดแบบสีส้มอีกครั้ง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE id=post3338538 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>24-05-2010, 10:35 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#1161 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3338538", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 11,471
พลังการให้คะแนน: 5087





</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3338538 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110315/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
สิ่งที่พยายามเตือนไว้นานแล้ว

*** ศึกษาภูมิประเทศภาคเหนือ...เพื่อรับสถานการณ์แม่โขงทะลักเข้าไทย ****

เมื่อถึงวันนั้น...
น้ำแข็งบนยอดเทือเขาหิมาลัย คงทะลายไหลลงสู่แม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว
กระแสน้ำจะมีพลังมหาศาลคณานับ พุ่งชน กระแทก กัดเซาะ ท่วมทะลักทั้งตามลำน้ำ และพื้นราบ....
เมื่อมาถึง "เชียงแสน" คุ้งลำน้ำที่มีจุดอ่อนเป็นรูป ตัวยู กระแสน้ำจะไหลขึ้นเหนือไม่ทัน....
ระดับน้ำจะทะลักเข้าแผ่นดิน แถบเชียงแสน เชียงของ...
กระแสน้ำและคลื่นจะ กลืนบ้านกลืนเมือง ที่ขวางทาง...ทำลายภูเขาหลุดออกเป็นลูกๆ...
เกิดน้ำวนขนาดใหญ่คลุมพื้นที่เกือบทั้งจังหวัด...ก้อนหินยักษ์จากภูเขา จะกลิ้งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า...
ป่าไม้จะกลายเป็นท่อนซุงยักษ์กวาดทุกอย่างไปตามกระแสน้ำ....
น้ำมหาศาลที่อยู่บนจังหวัดทางเหนือพยายามหาทางออกไหลลงที่ต่ำกว่า คือ ภาคกลาง....

กว่าก้อนหินใหญ่จะสิ้นแรงแถวตาก แถวกำแพงเพชร ก็กลายเป็นกรวดเป็นทรายจำนวนมาก....
จะเกิดเนินเขาใหม่ๆ มากมาย จากการทับถมสิ่งต่างๆ ที่พัดมากองรวมกัน
(ที่จังหวัดตาก มี แหล่งท่องเที่ยว ต้นไม้ใหญ่โบราณกลายเป็นหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ในอดีตคงเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว)
บ้านเมืองต่างๆ จะถูกดินหินทรายทับจนหาไม่เห็นทรากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ....
แผ่นดินบางแห่งจะมีพื้นดินสูงกว่าเดิมมาก
(ที่จังหวัดเชียงใหม่ มี เวียงกุมกาม ในอดีตก็คงเกิดเหตุการณ์นี้เช่นกัน
แล้วยังมีตำนานอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองและจมหายไปทั้งในดิน และกลายเป็นทะเลสาป)....


แล้วปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจะไหลท่วมจนไปถึง เมืองหลวงกรุงเทพฯ...
ส่วนภาคอีสานก็ท่วมเช่นกัน...
อย่าเชื่อว่าฉันอยู่จังหวัดสองเชียง สองลำ แล้วจะปลอดภัยแน่นอน....
เพราะทั้ง ๔ จังหวัดนี้ ล้วนมีเส้นทางที่น้ำจากแม่น้ำโขงไหลมาถึงอย่าแน่นอน....
การท่วมครั้งนี้ ไม่เหมือนน้ำท่วมทุกครั้ง ที่ระดับน้ำค่อยๆเพิ่มทั้งจากฝนตก และน้ำในแม่น้ำ...
แต่การท่วมครั้งนี้เสมือนยักษ์หิ้วถังน้ำใหญ่เท่าน้องๆ อ่าวไทยมาเทลงใส่ที่แม่น้ำโขง....

หากเหตุการณ์นี้ มีสาเหตุจาก "การใช้ระเบิดนิวเคลียร์"....
ก็ต้องมีผลต่อเนื่องทั้งเรื่องแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุขนาดใหญ่ พายุหมุนโหมกระหน่ำซ้ำเติม...
จะเกิดการระเบิดจากใต้ดิน...ลาวาจะทะลักออกมาลุกเป็นไฟสีเขียว....
แม่น้ำเจ้าพระยาจะกลายเป็นลาวา แผ่นดินสองฝั่งเจ้าพระยาจะไหลลงแม่น้ำ...
ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว....เกาะต่างๆ จะท่วมหายไป
ประเทศที่ทำกรรมไว้มากหลายประเทศจะล่มจมหายไปในทะเล...
เกิดคลื่นขนาดยักษ์ยิ่งกว่าในหนังภาพยนต์ทำลายกลืนกินเมืองต่างๆ ทั่วโลก....
เปลือกโลกทั้งหมด จะขยับตัวครั้งยิ่งใหญ่ ประชาชนที่เหลือหลายแห่งจะไม่มีแผ่นดินอยู่....

กลับไปเรื่องแม่น้ำโขงทะลักเข้าไทย...
ก็ขอให้เริ่มศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ศึกษาที่ต่ำ ที่สูงรีบค้นหาที่ปลอดภัย...
เพราะเรื่องนี้ต้องเตรียมการนาน หาที่ปลอดภัยจริงๆ จึงจะรอด...
ผู้ที่อ่านแล้วมองเห็นภาพ....ผู้นั้นอาจจะรอดตาย หากไม่ประมาท และรู้จักศึกษาเตรียมตัวให้พร้อม....

โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต...น่าสงสารผู้ที่ยังลุ่มหลงวัตถุ
ยังใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังไม่รู้ "กรรมที่ยิ่งใหญ่" กำลังใกล้มาถึง....
ขอให้ผู้ที่เชื่อใน "หลักสัจจะธรรม" ได้มีโอกาสอ่านข้อมูลนี้ ก่อนเกิดสถานการณ์จริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
http://palungjit.org/threads/%E0%....3906/page-337<O</O

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor></INS></INS>
<INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor></INS></INS><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
<INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor></INS></INS>

 

<TABLE id=ewt_main_structure border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=995 align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD id=ewt_main_structure_body height=160 background="" width=995><TABLE class=text_normal border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#000000>

บันทึกข้อมูลแผ่นดินไหวในประวัติศาสตร์ไทย​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" class=text_normal align=center><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

รวบรวมโดย คุณสุทธิพันธ์ ขุทรานนท์, นักประวัติศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติ,
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (RSA/06/2539)​

</TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=text_normal border=1 cellSpacing=0 borderColor=#ffffff cellPadding=2 width="85%" bgColor=#efefef align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffb946>

ปี​

</TD><TD bgColor=#ffb946>

วัน เวลา​

</TD><TD bgColor=#ffb946>

ตำแหน่งที่เกิด​

</TD><TD bgColor=#ffb946>

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น​

</TD><TD bgColor=#ffb946>

เอกสารอ้างอิง​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top>ไม่ปรากฎศักราช (เรื่องจากตำนาน)</TD><TD vAlign=top>ไม่ปรากฎ</TD><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>ดูราชปุริสทั้งหลาย ดังเราจักรู้มามีในกาลเมื่อก่อนเฒ่าเก่าเล่ามาเป็นปรำปราสืบ ๆ มาว่าดังนี้ กาลเมื่อก่อนนั้น ก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ผีและคนเที่ยว ไปมาหากัน บ่ ขาดเมื่อนั้นยังมีขุนใหญ่ 3 คน ผู้หนึ่งชื่อขุนดาน อยู่สร้างบ้านเมือง ลุ่มกินปลาเฮ็ดนาเมืองลุ่มกินข้าวเมื่อนั้นแถนจึงใช้ให้มากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ในเมืองลุ่มกินข้าวให้บอกให้หมายกินและกินง่ายนี้กินข้าวให้บอกให้ก็ให้บอก แก่แถนได้กินขึ้นก็ให้ส่งขา ได้กินปลาก็ให้ส่งรอยแก่แถน แม้นใช้มาบอกสองทีสามทีก็ บ่ฟังหั่นแล แต่นั่น แถนจึงให้น้ำท่วมเมืองลุ่ม ลีดเลียงท่วมเมืองเพียงละลายคนทั้งหลายก็ฉิบหายมากนักซะแล</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารล้านช้าง” ประชุมพงศาวดาร เล่ม 2 องค์การค้าของคุรุสภา : นคร, 2506 หน้า 137</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 480 (มหาศักราช 67 ตัวปีเมิงได้เดือน 10ฤติยเพ็ญ วันพฤหัสบดี ยามรุ่งแจ้ง)</TD><TD vAlign=top>วันพฤหัสบดี เดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ ครั้งที่ 2 ปีมะเส็ง เวลารุ่งอรุณ</TD><TD vAlign=top>โยนกนครหรือเมืองนาค พันธุสิงหนวัตินคร</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินไหวหวั่นฟ้าร้องดอยคางนักปูนอัศจรรย์ขนดิงลุกสู่คนแล</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองเงินยางเชียง” และประชุมพงศาวดารภาคที่ 61 ประชุมพงศาวดารเล่ม 33 องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร 2512 หน้า 284</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 481(มหาศักราช 68 ตัวปีเบิกไข้ เดือน 8 เพ็ญวันศุกร์ ยามรุ่งแจ้ง)</TD><TD vAlign=top>วันศุกร์ เดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะเส็ง เวลารุ่งอรุณ</TD><TD vAlign=top>โยนกนคร</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินไหวฟ้าร้องดอยคาง ฝนตกน้ำใหญ่ น้ำน้อยปูนอัศจรรย์มากนัก</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61 ประชุมพงศาวดาร เล่ม 33 องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร 2512 หน้า 284</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 500 (ปีมะโรง สัมฤทธิศก จ.ศ.86 ปีกุน)</TD><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>หริกุญไชย (ลำพูน)</TD><TD vAlign=top>…และสมเด็จพระเจ้าอภัยดามมินีราชใช้ให้เสนาอำมาตย์สร้างพระมหาปราสาท จึงให้เกณฑ์เอาชาวบ้านมาถากไม้ ตั้งเสาพระมหาปราสาท และพรานนั้น ก็ต้อง เกณฑ์มาถากไม้จึงเอากุมารนั้นเข้ามาไว้ด้วย และร้อนด้วยรัศมีพระอาทิตย์ พรานนั้นจึงเอากุมารเข้ามาไว้ในร่มพระมหาปราสาท ๆ ก็โอนไปเป็นหลาย ที่พระยาเห็นก็หลากพระทัย</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเหนือ”ประชุมพงศาวดาร เล่ม 1 องค์การค้าของคุรสภาพระนคร,2512 หน้า 9</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 510 (มหาศักราช 97 ตัวปีเมิงไส้ เดือน 10 เพ็ญวันจันทร์ ยามค่อนรุ่ง)</TD><TD vAlign=top>วันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็งเกือบสว่าง</TD><TD vAlign=top>โยนกนคร</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินซ้ำไหวหวั่นฟ้าร้องดอยคางสามทีนี้แล</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61 ประชุมพงศาวดารเล่ม 33 องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร 2512, หน้า 284</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 515 (มหาศักราช 102 ตัวปีเตา เดือน 8ออก 14 ค่ำ วันอังคารยามตูดซ้าย)</TD><TD vAlign=top>วันอังคาร ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ปีจอร่วมบ่าย</TD><TD vAlign=top>โยนกนคร</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินซ้ำไหวหวั่นท้องฟ้าร้องดอยคางเป็นมหาปางอันใหญ่ปูนอัศจรรย์ใจกว่า ทุกทีทั้งหลายแล ท่านตั้งเมืองมาได้ 57 ปีนี้ แผ่นดินไหวใหญ่ 4</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ประชุมพงศาวดารภาคที่ 61 ประชุมพงศาวดารเล่ม 33 องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร,2512 หน้า 284-284</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 1558 (ศักราชได 467 ตัวปีเมิงเม้า ศาสนาพระพุทธเขาล่วงไปได้ 1003 ปี ศักราช 467 คือ จ.ศ.467 นายมานิต วิลล์โภพม สอบกันได้ว่าที่ถูกคือ จ.ศ. 376 ตรงกับปีเถาะ พ.ศ. 1558 ศาสนาพระพุทธเจ้าหมายถึง ระยะเวลาที่พระยาพันธนติสิ้นพระ ชนมไปและจำนวน 1003 ปี ที่ถูกเป็น 998 ปี</TD><TD vAlign=top>วันเสาร์แรม 7 ค่ำ เดือน 5 (เดือน 7 แรม 7 ค่ำ วันเสาร์)</TD><TD vAlign=top>โยนกนคร</TD><TD vAlign=top>…สุริยอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียงเหมือนดั่งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหวประดุจดังว่าเวียงโยนกนครหลวง ที่นี้จักเกลื่อนจักพังไปนั้นแลแล้วก็หายไปครั้งหนึ่ง ครั้งถึงมัชฌิมยามก็ซ้ำดังมาเป็น คำรบสองแล้วก็หายนั้นแล ถึงปัจฉิมยามก็ซ้ำดังมาเป็นคำรบสาม หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวง ที่นั้นก็ยุบจมลงเกิดเป็นหนองอันใหญ่ยามนั้นคนทั้งหลายอันมีในเวียงนั้น มีพระมหากษัตริย์เป็นประธานก็วินาสฉิบหายตกไปในน้ำที่นั้นสิ้นยังเหลือ อยู่แต่เรือนยามแม่หม้ายเฒ่าหลังเดียวนั้นแลศักราชได้ 376 ตัวปีเมิงเม้า เดือน 8 ออก 7 ค่ำ วันอังคาร (=วันอังคาร ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 1558) เขาทั้งหลายก็พร้อมกันสร้างเวียงลูกหนึ่งริมฝั่งน้ำของถ้ำตะวันตกมีหนตะวันออก เวียงโยนกนครเก่า คือว่าเวียงอันจมไปแลครั้นสร้างบริบูรณ์แล้วก็ให้ขุนลัง ตั้งอยู่เป็นใหญ่ แก่บ้านเมืองแห่งเขาแล้วก็เรียกว่าเวียงปรึกษา นั้นแล</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน” ประชุมพงศาวดารภาคที่ 61 ประชุมพงศาวดาร 2512 หน้า 44-48 และมานิต วัลลิโภดม ตำนานสิงหนวัติกุมาร ฉบับสอบค้นโรงพิมพ์ สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี กรุงเทพฯ, 2416 หน้า 94-98</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 1860 (ศักราช 1246)</TD><TD vAlign=top>สมัยพญาลิไท</TD><TD vAlign=top>สุโขทัย</TD><TD vAlign=top>เมื่อพญาลิไทตั้งจิตอธิษฐานออกผนวชมีจารึกว่าอธิษฐานดังนี้แล้ว จึงรับสรณาคมต่อพระอุปัชฌาย์ ขณะนั้นแผ่นดินไหวทั่วทุกทิศเมืองสุโขทัย ครั้งทรงผนวชแล้วเสด็จลงมาจากพระมหาสุวรรณแหมปราสาท ทรงไม้เท้าจรดจรดลด้วยพระบาทเสด็จพระราชดำเนินไปป่ามะม่วง ขณะประดิษฐานฝ่าพระบาทลงยังพื้นธรณีปฐพีก็หวั่นไหวทั่วทุกทิศทินสาธร เข้าพรรษาวันนั้นจึงเสด็จออกเสวยพระโชรศขณะนั้นไม่ควรเลยสรรพไม่เสบย เสพนานา อากาศดาษสุริยเมฆาจันทรปรายต์กับดาราฤกษ์ทั้งปวงยิ่งกว่าทุกวันด้วย ฉะนั้นจึงเสด็จบรรพชาเป็นภิกษุในระหว่างพัทธสีมานั้น ขณะนั้นนาคราชตนหนึ่งอยู่โดยบุรพทิศเมืองสุโขทัยนั้นยกพังพานขึ้นสูงพันคน แปรตาไปเฉพาะป่ามะม่วงนั้นเห็นรอยผลุดพลุ่งกลางอากาศต่อแผ่นดิน อนึ่งเวลานั้นได้ยินเสียงระฆังดนตรีตุริยางค์ไพเราะใกล้โสตของชมเป็นอันมาก จะพรรณานับมิได้แต่บรรดามหาชนที่มาสโมสรสันนิบาตในสถานที่นั้น ย่อมเห็นการอัศจรรย์ประจักษ์ทุกคน เหตุด้วยเสด็จออกทรงบำเพ็ญพระบารมี เมื่อทำอัษฎางดิกศีล เมื่อฤดูคิมหันต์ไม่มีฝน ด้วยอำนาจศิลและครามอธิฐานพระบารมีด้วย</TD><TD vAlign=top>พงศาวดารเล่ม 1องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร, 2512 หน้า 180</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2068 (ศักราช 887 ระกาศก)</TD><TD vAlign=top>สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2</TD><TD vAlign=top>หลายเมือง</TD><TD vAlign=top>น้ำน้อยข้างเสียสิ้นทั้งปวง อนึ่งอุบาทว์หลายประการ ครั้นรุ่งปีขึ้นศักราช 888 จบศก (พ.ศ. 2069) ข้าวแพงเป็น 3 ทนาน ต่อเฟื้องเบี้ยแปดร้อย เกียนหนึ่งเป็นเงินซึ่งหกตำลึง</TD><TD vAlign=top>“พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสร็ฐอักษรปิติ” ประชุมพงศาวดารเล่มองค์การค้าคุรุสภา : พระนคร, 251 หน้า 141</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2089 (ศักราช 908 มะเมียศก</TD><TD vAlign=top>สมัยสมเด็จพระยอดฟ้า เดือน 6 </TD><TD vAlign=top>อยุธยา</TD><TD vAlign=top>…สมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้านฤนาทจึงสมเด็จพระเจ้ายอดฟ้ารพราช กุมารท่านเสวยราช สมบัติพระนครศรีอยุธยา ในปีนั้นแผ่นดินไหว</TD><TD vAlign=top>“พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ องค์การค้าของคุรุสภา : พระนคร, 2512 หน้า 143</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2103 ( ปีกดสัน จุลศักราช 922)</TD><TD vAlign=top>สมัยเจ้าพระยาหน่อค้าเสถียรชัย สงครามเป็นเจ้าเมือง</TD><TD vAlign=top>น่าน</TD><TD vAlign=top>อนึ่ง ด้วยเจดีย์หลวงท้าวอ้ายยาม สร้างนั้นสูง 17 วา กว้าง 10 วา นั้นก็เป็นที่หลุพังตับด้าน คือบัลลังก็ด้านเหนือนับแล พระยาหม่อดำเสถียรชัยสงคราม ได้เป็นเจ้าเสวยเมืองน่านแล้ว ท่านก็พร้อมกับด้วย พระสังฆเจ้าทั้งหลายหมายมีมหาสามี เจ้ากัลยาโณวันศรีบุญเรืองเป็นเค้าและชาวบ้านชาวเมืองทั้งมวล พากันริร่งสร้างซ่อมก่อบัลลังก์ หื้อดีงามดังเก่า</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารการเมืองน่าน” ประชุมคุรุสภา : พระนคร, 2506 หน้า 317</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2111 (จุลศักราช 930 ปี)</TD><TD vAlign=top>วันอังคาร เดือน 7 ขึ้น 9 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>เมืองร่างกุ้ง พม่า</TD><TD vAlign=top>บังเกิดแผ่นดินไหว พระเจดีย์เมืองร่างกุ้งทะลายลงมาเพียงชั้นกลางพระเจ้าหงศาวดีจึง ตรัสสั่งให้ขุนบางผู้ใหญ่เป็นนายการกะเกณฑ์กันทำให้ปกติดังเก่า</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารมอญพม่า” ประชุมพงศาวดารพระนคร, 2506 หน้า 44</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2127 (ศักราช 947 วอกศก)</TD><TD vAlign=top>วันพุธ เดือน 5 แรม 9 ค่ำ (สมัยสมเด็จพระนเรศวร</TD><TD vAlign=top>เมืองกำแพงเพชร</TD><TD vAlign=top>เสด็จออกตั้งทัพชัยตำบลวัดยม ท้ายเมืองกำแพงเพชร ในวันนั้นแผ่นดินไหว แล้วจึงทัพหลวงเสด็จกลับคืนมาพระนครศรีอยุธยา</TD><TD vAlign=top>“พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร, 2506 หน้า 152</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2131 (ศักราช 950 ชวดศก)</TD><TD vAlign=top>วันจันทร์ เดือน 12 แรม 8 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>อยุธยา</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินไหว</TD><TD vAlign=top>“พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร, 2506 หน้า 155</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2132 (ศักราช 951 ฉลูศก)</TD><TD vAlign=top>วันเสาร์ เดือน 2 แรม 7 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>อยุธยา</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินไหว</TD><TD vAlign=top>“พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ องค์การค้าของคุรุสภา:พระนคร, 2506 หน้า 155</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2172 (ศักราช 991)</TD><TD vAlign=top>วันเสาร์ เดือน 3 แรม 6 ค่ำ เพลาค่ำแล้ว นาฬิกาหนึ่ง</TD><TD vAlign=top>เมืองร่างกุ้ง พม่า</TD><TD vAlign=top>เกิดอัศจรรย์แผ่นดินไหว ฉัตรยอดพระเจดีย์ร่างกุ้งหักตกลงในทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) ภายหลังพระเจ้าแผ่นดินนั้นได้ยกขึ้นได้เป็นปกติดังเก่า</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารมอญพม่า” ประชุมพงศาวดาร 2506 หน้า 51</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2217 (ศักราช 1066 ปีวอกศก)</TD><TD vAlign=top>เดือน 10 ขึ้น 10 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>เชียงแสน</TD><TD vAlign=top>ฝนตกหนักภูเขาพัง และยอดเจดีย์หัก พังหลายแห่ง</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารตอนเชียงใหม่ขึ้นพม่า” ประชุมพงศาวดารเล่ม 3 พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา, 2506 หน้า 268</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2258 (ศักราช 1077 ปีมะเมีย สัปตศก)</TD><TD vAlign=top>เดือน 7 ขึ้น 6 ค่ำ ยามใกล้รุ่ง</TD><TD vAlign=top>เชียงแสน</TD><TD vAlign=top>แผ่นดินไหวหนัก พระเจดีย์วิหารหักพังทลาย 4 ตำบล แผ่นดินไหวอยู่ในเดือนนั้นทั้ง เดือน ครั้นต่อมาถึง เดือน 9 แรม 4 ค่ำ แผ่นดินไหวหนักอีกครั้งหนึ่ง</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารตอนเชียงใหม่ขึ้นพม่า” ประชุมพงศาวดารเล่ม 3 พระนคร: องค์การค้า</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2260 (ศักราช 1079 ปีระกานพศก)</TD><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>เชียงแสน</TD><TD vAlign=top>น้ำแม่โขงนองหนักท่วมเมืองเชียงแสนลึก 3 ศอก วัดต้นตอ วัดต้นแก้ว วัดบุญยืนวัดพระบวร ยุบจมลงทั้ง 4 วัด</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารตอนเชียงใหม่ขึ้นพม่า” ประชุมพงศาวดารเล่ม 3, พระนคร : องค์การค้าของคุรุสภา,2506 หน้า 269</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2300 (ศักราช 1119)</TD><TD vAlign=top>วันศุกร์ เดือน 9 แรม 5 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>เมืองหงสาวดี</TD><TD vAlign=top>…เกิดแผ่นดินไหว ฉัตรยอดพระเจดีย์มุตางในเมืองหงสาวดีหักลงมา องค์พระเจดีย์นั้นหลายลงมาเพียงคอระฆัง…</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารมอญพม่า” ประชุมพงศาวดารเล่ม 2 พระนคร:องค์การค้าของคุรุสภา, 2506 หน้า 115</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2335 (ปีชวด ศักราช 1154)</TD><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>เมืองหลวงพระบาง</TD><TD vAlign=top>..อนึ่งเทพารักษ์ภูเขาทรวงก็ปลูกธงแดงขึ้นบนยอดเขา ให้ปรากฎแก่ตาคนทั้งหลาย อนึ่งพระยานาคสองตัวออกมาว่ายน้ำโขงแข่งกันอยู่หน้าเมืองถึง 4 วัน อนึ่งพอเวลาจะย่ำค่ำมีปีศาจไม่มีศรีษะออกมารำอยู่ริมน้ำโขงท่าใต้ขึ้นหน้าเมืองหลาย วันอนึ่งน้ำในแม่น้ำโขงพลุ่มขึ้นแต่ศรีษะเมืองตลอดลงไปจนท้ายเมืองดังเหมือน เสียงปืนใหญ่ อาเภศบอกเหตุบอกลางดังนี้ จึงเสียกรุงศรีสัตนาคบหุตล้านช้างริมขวาหลวงพระบางให้แก่เมืองเวียงจันทร์…</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองหลวงพระบาง” ประชุมพงศาวดาร เล่ม 10 พระนคร</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2336 (จุลศักราช 1155 ตัวปีกาเป๋า)
</TD><TD vAlign=top>วันพฤหัสบดี เดือน 9 ขึ้น 11 ค่ำ ยามรุ่ง</TD><TD vAlign=top>น่าน</TD><TD vAlign=top>เมื่อคืนนั้น ไม้มหาช้าลงอันเป็นมูลจำหงายอันสำหรับหมายกับภูเพียงแข่แห้งแต่เมื่อ พระสัพบัญญูมาธาปนาไว้เกษาธาตุนั้นอันพระมหาอันตเถรเจ้าเอาธาตุพระพุทธ เจ้ามาห้อยนั้น ก็หักโค้นแต่เค้าลงมาพาดตีนมหาธาตุ ตั้งแต่หม้อคว่ำลงมา จับดาบสามก็แตกบางไปสามกาบลงมาจับแท่นสี่เล้มตั้งปากขันหลวงก็ปลด พังลงมาจับแท่นบัลลังก์ด้าน 2 ลงมาถูกใส่แท่นบัลลังก์หลวงตั้งธรณีอัน ถ้วนต้นก็แตกพังลงแล อนึ่งวิหารน้อยที่สถิตสำราญพระเร้าทันใจ ห้องหน้าก็ลงฟาดตีใส่ก็โค่นด้านหลุพังไปเสี้ยวเก่าเว้นไว้ที่พระเจ้าอยู่นั้นแล</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองน่าน” ประชุมพงศาวดารเล่ม 10 พระนครองค์การค้าของคุรุสภา 2507 หน้า 28-29</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2344 (จุลศักราช 1163 ตัวปีล่วงเล้า)</TD><TD vAlign=top>เดือนยี่ ขึ้น 10 ค่ำ ยามมืดตึด</TD><TD vAlign=top>น่าน, เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง, แพร่,พะเยา</TD><TD vAlign=top>…แผ่นดินก็ร้องครางสนั่นหวั่นไหวมากนักแก้วอันในยอดพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง นั้นก็พอสะเด็นตกลงมา ยอดพระธาตุเจ้าสุเทพเชียงใหม่ ่และยอดพระธาตุเจ้าลำพูน และยอดพระธาตุเจ้าลำปาง นครและยอดพระธาตุเจ้าฉ้อแฮ เมืองแพร่ และชื่อพระวิหารหลวงเมืองพะเยาที่พระเจ้าตนหลวงอยู่นั้นก็สะเด็นตกลงถ้ำเดียวกัน ในขณะนั้นเสี้ยวแลในเดือนเดียวนี้ ฮอดแรม 14 ค่ำ ก็ซ้ำไหวแถมทีหนึ่ง เถิงเดือน 3 ท่านลุกเวียงสาขึ้นมานิมนต์พระสังฆเจ้าทั้งหลายก็คาดคชาชอง แก้วขึ้นใส่แถมที่ใดจักแหงแตก นั้นท่านก็หยุดยาซ่อมแซมเสียหื้อดีแล้ว ท่านก็คืนลงไปเวียงสา….</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองน่าน” ประชุมพงศาวดารเล่ม 10 พระนคร องค์การค้าของคุรุสภา 2507 หน้า 35</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2363 (จุลศักราช 1182 ตัวปีกดสี) </TD><TD vAlign=top>วันศุกร์ เดือน 6 แรม 6 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>น่าน</TD><TD vAlign=top>…แผ่นดินไหวในวันนั้น ยอดมหาธาตุเจ้าภูเวียงแช่แห้ง ก็หักลงห้อยอยู่แล..</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองน่าน” ประชุมพงศาวดารเล่ม 10 พระนคร องค์การค้าของคุรุสภา, 2507 หน้า 57 </TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2382 (จุลศักราช 1201 ปีกุน)</TD><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>หลวงพระบาง</TD><TD vAlign=top>อนึ่งหินผาแท่งใหญ่ประมาณ 4 อ้อมสูงประมาณ 5 ศอกเศษ เคลื่อนนอกจากที่ตกลงน้ำไป อนึ่งหินศิลาอยู่กลางไร่ พวกบ้านปากหลิ่งใหญ่ประมาณ 3 อ้อม สูงประมาณ 3 ศอกเศษ ราษฎรปลูกข้าวล้อมไว้ หินศิลาลูกนั้นบังเอิญให้เลื่อนลงมาอยู่นอกไว้ แต่ต้นข้าวที่ล้อมไว้นั้นหาเป็นอันตรายไม่ อนึ่งครกตำข้าวอยู่บ้านช้างฆ้องลูกหนึ่งอยู่ช้างบน ลูกหนึ่งอยู่ข้างล่าง ลูกที่อยู่ข้างล่างกลิ้งขึ้นไปโดนเอาลูกที่อยู่ข้างบนกลิ้งลงมา เทพยเจ้าอาเภทให้เห็นประหลาดเป็นนิมิตดังนั้นฯ</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองหลวง 2507 หน้า 224-225</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2382 (จุลศักราช 1201 ปีกุน)</TD><TD vAlign=top>วันที่ 23 มีนาคม</TD><TD vAlign=top>กรุงเทพฯ</TD><TD vAlign=top>..แผ่นดินไหว 3 ครั้ง ถึงน้ำในแม่น้ำคลองกระฉ่อน ต้นเดิมไหวในเมืองพม่า </TD><TD vAlign=top>“จดหมายเหตุของหมอบรัดเล” ประชุมองค์การค้าของคุรุสภา, “พงศาวดารเมืองน่าน” ประชุมพงศาวดารเล่ม 10 พระนคร: องค์การค้าของคุรุสภา, 2507 หน้า 296</TD></TR><TR><TD vAlign=top>พ.ศ. 2422 (จุลศักราช 1241ตัวปีถัดเม้า)</TD><TD vAlign=top>เดือนยี่ ขึ้น 8 ค่ำ</TD><TD vAlign=top>น่าน</TD><TD vAlign=top>เถิง ณ วันเดือนยี่ ขึ้น 8 ค่ำนั้น ท่านก็กระทำพุทธาภิเษกเปิกบายฉลองฟังธรรม กระทำหื้อทานตั้งแต่วันนั้นไปตราบเถิงเดือนยี่ ลงค่ำ 1 จึงเป็นเล็กบริบวรณ์หั้นแล ท่านฉลองทานธรรมในครั้งนี้ แผ่นดินไหวในวันเดือนยี่ ขึ้น 8 ค่ำนั้นแล ไหวลูกหนเหนือมาก่อนแล ท่านหื้อทานในครั้งนี้ ก็เป็นมหาพอยอันหนึ่งแลเป็นครั้งถ้วน 5 แลฯ</TD><TD vAlign=top>“พงศาวดารเมืองน่าน” ประชุมพงศาวดารเล่ม 10 พระนคร องค์การค้าคุรุสภา, 2507 หน้า 104-105</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD><TD id=ewt_main_structure_right background="" width=0></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE id=ewt_main_structure border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=995 align=center><TBODY><TR vAlign=top><TR vAlign=top><TD id=ewt_main_structure_bottom height=20 background="">

กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 75/10 ถ.พระรามที่6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400
ติชมและเสนอแนะที่ : webmaster@dmr.go.th​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

แผ่นดินไหวที่พม่าส่งผลถึงไทยเราด้วย เริ่มจาก 7 ริคเตอร์ ตามมาด้วย 4.8 และ5.4 ริคเตอร์เมื่อสักครู่นี้

ความถี่ และความแรงเริ่มมากขึ้น รวมทั้งเวลาของแผ่นดินไหว จากที่ชาวเชียงใหม่โทรมา บอกว่าไหวนานประมาณ 20 วินาทีเลย

 

เเผ่นดินไหว ทำเสียหายไม่วิกฤติ
เเต่ที่เสียหายมากมากคือสิ่งที่ทรงคุณต่าทางใจครับ

ตามข่าว Breaking news ของ Nationchannel.com
ผู้ว่าเชียงราย คุณสมชัย หัตยตันติ เเจ้งว่า
พระธาตุเชียงเเสน - ยอดหัก
เเละ
พระธาตุจอมกิตติ - มียอดเอียง ครับ

ส่วนบ้านเรือนของประชาชนนั้น
ก็มีฝ้าหล่นลงมาหลายหลังคาเรือน ครับ

ก็โพสต์ด้วยหวังว่า
จะเป็นการบอกบุญ ให้คนไทยโดยเฉพาะชาวเหนือ
จะช่วยกัน บูรณะ ให้ได้ดีดังเดิม ครับ

เเละขอให้ช่วยกันตรวจตราโบราณสถานตามที่อื่นๆด้วย
หากมีชำรุด ต้องเเจ้งให้ซ่อมเเซม
หากมีไม่มั่นคง หรือเสี่ยงหักพัง ก็ต้องเเจ้งให้เสริมความเเข็งเเรง นะครับ

..........................................................................................................................................................

วันนี้ มีข่าว ว่าจะให้โบราณสถาน อยู่ภายใต้การดูเเล ของ อบท.
หรือ องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น ..เเบบที่โอนโรงเรียนให้อบจ.น่ะครับ
ก็หวังว่า ...
ของบ้านตนเองดูเเล-ก็จะดูเเลได้ดี รวดเร็ว
เเละสนองต่อความต้องการของชุมชน
เเต่ก็หวั่นใจ ...
อย่าให้เป็นการเปิดช่องทาง ฉ้อโกง เพิ่มขึ้นให้หลากหลาย อีกเลย นะ
เเละอีกประการ ...
สำหรับเขตเล็กๆ เเต่โบราณสถานทรงคุณค่ามากๆน่ะ
จะมีงบพอดูเเลไหมนะ เเล้วจะทำอย่างไร

----------------------------------------------

รายงานข่าวจากเนชั่นบล๊อคครับ