ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สธ. ลั่นคนไทย 48 ล้านคน ใช้มาตรฐานรักษาพยาบาลเดียวกันทั่วประเทศ
29 กย. รายงานข่าวแจ้งว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “รักษาฟรี 48 ล้านคน แค่ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว” โดยจะเริ่มดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมมานาน 6 เดือน ในการใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทองให้ประชาชน 48 ล้านคนที่มีสิทธิการรักษาพยาบาลในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลในสังกัด กระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ โดยในการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้รับการยืนยันว่ามีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ และได้ทดสอบระบบการเชื่อมโยงฐานข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ออนไลน์ระหว่างหน่วย บริการกับสปสช. เพื่อตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล
อย่างไรก็ตาม หน่วยบริการอื่นๆ นอกสังกัด ในฐานะประธานกรรมการบริหารสปสช. ได้ลงนามในหนังสือสั่งการเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2553 เพื่อย้ำอีกครั้งว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป หน่วยบริการทุกหน่วยในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะต้องใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการรับบริการฟรีได้ที่หน่วยบริการที่ขึ้น ทะเบียนไว้ โดยหากประชาชนยังไม่ได้รับบัตรประชาชนสามารถใช้บัตรอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้ มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักและรูปถ่าย
ส่วนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีซึ่งยังไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้สำเนาสูติบัตรหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุ เจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถรับบริการที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ อาทิ อยู่ที่กรุงเทพฯ ไปเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็สามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐในจังหวัดเชียงใหม่ได้ทันที และสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวรับบริการ

อนึ่ง สิทธิรับการรักษาฟรีดังกล่าวเป็นไปตามชุดสิทธิประโยชน์โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยขณะนี้ครอบคลุมเกือบครบทุกโรค ถึงบริการทำฟัน การตรวจสุขภาพ และการฟื้นฟูสภาพหลังเจ็บป่วยในรายการที่เหมาะสม การรักษาฟรี ทั้ง โรคเอดส์ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต หากจำเป็นก็สามารถผ่าตัดเปลี่ยนไต ล้างไต และมีบริการส่งน้ำยาล้างไตถึงบ้านฟรี ยกเว้นการล้างไตผ่านเครื่องซึ่งมีค่าใช้จ่ายครั้งละ 1,500 บาท รัฐจ่ายให้ 1,000 บาท ผู้ป่วยร่วมจ่ายเพิ่มเพียง 500 บาท และไม่ครอบคลุมการผ่าตัดตกแต่ง การปลูกถ่ายตับ ปอด และหัวใจ ที่แต่เดิมเสียค่าบริการแพงมาก
<LI class=news_src_item>

สื่อนอกตีข่าว รัฐบาล อภิสิทธิ์ คอรัปชั่นพุ่ง
หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยมาระยะหนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศอย่างสำนัก ข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดานักวิเคราะห์ต่างแสดงทัศนะต่อผู้นำประเทศไทยว่า ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปราบปรามคอรัปชั่น โดยเฉพาะช่วงที่เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 2 ปี ปรากฎว่าพบการทุจริตคอร์รัปชั่นฝังรากลึก ซึ่งสาเหตุดังกล่าว บรรดานักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า
-นายกรัฐมนตรีของไทยไม่ได้มีอำนาจอย่างแท้จริง แต่ยังต้องพึ่งพาพรรคร่วมรัฐบาลและทหารในการบริหารประเทศ
-บรรดาพรรคพวกเหล่านั้นก็พัวพันกับกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคภูมิใจไทย ที่เหล่าบรรดาแกนนำพรรคฯ ล้วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ในโครงการบริหารประเทศต่าง ๆ เช่น นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่พบว่า มีส่วนพัวพันกับงานประมูลในโครงการก่อสร้างสิ่ง สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ในเขตชนบท
ทั้งนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า มีการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหลังการเกิดการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เป็นต้นมา มีการคอร์รัปชั่นในกองทัพไทยอย่างกว้างขวาง ยังไม่รวมกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุ ระเบิดจีที 200 ที่มีการทุจริตในรัฐบาลชุดนี้
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
<LI class=news_src_item>

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือน2-3ต.ค.ร่องมรสุมมีกำลังแรงทำ"ภาคกลาง-ใต้ตอนบน-ตอ." ฝนตกหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 30 กันยายน 2553 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยและประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะนี้

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 2-3 ตุลาคม 2553 ร่องมรสุมจะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหนักในหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด
เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัด อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 35 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อินโดฯยกเลิกเตือนภัย"สึนามิ"หลังแผ่นดินไหว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top> คมชัดลึก :อินโดนีเซียยกเลิกเตือนภัยสึนามิหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ริคเตอร์



(30ก.ย.) สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยา และธรณีฟิสิคส์แห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า

ได้ยกเลิกประกาศเตือนภัยสึนามิ ที่ออกหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.4 ริคเตอร์นอกชายฝั่ง เวสต์ ปาปัว แล้ว ในขณะที่สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯหรือUSGS ตรวจจับได้ว่าเป็นแผ่นดินไหว 2 ครั้งที่เกิดขึ้นใกล้กันมาก โดยวัดความรุนแรงได้ 6.2 และ7.2 ริคเตอร์ตามลำดับ

นายสุฮาร์โจโน หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของสำนักงานฯกล่าวด้วยว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นไม่มีศักยภาพในการทำลายล้าง

แต่รู้สึกได้ในหลายพื้นที่และมีอาฟเตอร์ช็อครุนแรงตามมา แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิคแถลงว่าไม่ได้ออกคำเตือนสึนามิหลังเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ห่างไกล ระหว่างเกาะนิวกินีกับทางเหนือของออสเตรเลีย USGS ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งแรกเกิดขึ้นนอกชายฝั่งปาปัว ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย ซึ่งในตอนแรกได้ระบุความรุนแรง 6.6 ริคเตอร์ ก่อนจะลดเหลือ 6.2 ริคเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างจากเมืองโดโบ ในหมู่เกาะเคปูลาอวน อารู ที่อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของปาปัว 114 กิโลเมตรเมื่อเวลา 02.10 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ราว 00.10 น.ตามเวลาในไทย)โดยเกิดในเขตน้ำตื้นที่ระดับลึก 10 กิโลเมตร และหนึ่งนาทีต่อมาก็เกิดแผนดินไหวขนาด 7.2 ริคเตอร์ตามมา



อินโดนีเซียตั้งอยู่ในแถบแปซิฟิค "ริง ออฟ ไฟเออร์" ซึ่งเป็นจุดบรรจบกันของแผ่นเปลือกโลกของทวีป

จึงมีความเคลื่อนไหวของแผ่นดินและภูเขาไฟในระดับสูง และที่นั่นได้เกิดแผ่นดินไหวทรงพลังบ่อยครั้ง รวมทั้งเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.3 ริคเตอร์ นอกสุมาตรา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 168,000 คนที่อินโดนีเซีย และขนาด 7.6 ริคเตอร์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1000 คนที่เมืองท่าปาดัง ทางตะวันตกของสุมาตรา เมื่อ 30 กันยายนปีที่แล้ว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>จีนเตรียมแซงหน้าญี่ปุ่น ขึ้นแท่นสมาชิกผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 2 ของไอเอ็มเอฟ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>

[FONT=ms sans-serif, Tahoma, DB ThaiTextFixed, Thonburi]จีนเตรียมแซงหน้าประเทศมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ขึ้นเป็นสมาชิกที่มีอำนาจมากที่สุดอันดับสองหรือสาม

ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ภายใต้แผนการที่กำลังมีการหารือ เพื่อที่จะเพิ่มอิทธิพลมากขึ้นให้กับประเทศตลาดเกิดใหม่

เอกสารของไอเอ็มเอฟบ่งชี้ว่า การหารือเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนของประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟนั้น จะเป็นการให้อำนาจในการลงมติในไอเอ็มเอฟมากขึ้นต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อาทิ บราซิล รัสเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และตุรกี

ประเทศตลาดเกิดใหม่อาทิ จีน ได้กลายเป็นตัวผลักดันที่สำคัญต่อการสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมต่างๆกำลังเผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก

อำนาจในการลงมติเพิ่มขึ้น จะทำให้ประเทศต่างๆอาทิ จีน มีอำนาจมากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจในการปล่อยกู้ของไอเอ็มเอฟ และมีอิทธิพลมากขึ้นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจโลก

ข้อเสนอของไอเอ็มเอฟ จะเพิ่มส่วนแบ่งในการลงมติของประเทศตลาดเกิดใหม่ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะเพิ่มทรัพยากรของไอเอ็มเอฟ สู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้น และจะลดอำนาจของประเทศยุโรปขนาดใหญ่และขนาดเล็ก อาทิ เนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม
<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
สำหรับ 3 ใน 4 กรณีศึกษาที่เจ้าหน้าที่ทำการเปิดเผยต่อคณะกรรมการไอเอ็มเอฟ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้นบ่งชี้ว่า จีนจะพุ่งขึ้นเป็นสมาชิกที่มีอำนาจที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯและญี่ปุ่น จากอันดับ 6 ในปัจจุบันและในกรณีหนึ่งนั้น จีนจะแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นสู่อันดับ 2 ซึ่งแต่ละกรณีนั้นครอบคลุมประเทศสมาชิกรายใหญ่ที่สุด 20 แห่งของไอเอ็มเอฟ

อินเดียจะขยับขึ้นจากอันดับ 11 มาอยู่ที่อันดับ 9 ซึ่งปัจจุบันเป็นของแคนาดา ขณะที่บราซิลจะขยับขึ้นจากอันดับ 14 มาที่อันดับ 11 และตุรกีจะกระโดดจากอันดับที่ 30 มาอยู่ที่อันดับที่ 20

สเปนจะเป็นประเทศในยุโรปประเทศเดียวที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12 จากอันดับที่ 15 ขณะที่ซาอุดิอาระเบียจะหล่นจากอันดับที่ 8 ไปอยู่ที่อันดับ 13

สหรัฐฯจะยังคงเป็นประเทศสมาชิกที่มีอำนาจมากที่สุดของไอเอ็มเอฟ โดยมีโควต้า 17.67% ของส่วนแบ่งโควต้าทั้งหมด วึ่งเท่ากับมีอำนาจวีโต้ในไอเอ็มเอฟ

ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะผลักดันข้อตกลงดังกล่าวในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี-20 ที่กรุงโซลในเดือน พย. โดยผู้นำจี-20 ได้ตกลงกันในปีที่ผ่านมาที่จะเปลี่ยนแปลงส่วนแบ่งโควต้าอย่างน้อยที่สุด 5% ให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยโควต้าดังกล่าวจะกำหนดว่าประเทศสมาชิกแต่ละรายจะต้องให้เงินสมทบมากเพียงใด โดยคำนวณจากจีดีพี ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศและการค้าของแต่ละประเทศ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

...รักนั้นดีแน่ แต่รักแท้ดีกว่า...



​

ฆราวาสธรรม คือ ธรรมของผู้ครองเรือน​

ธรรมะหมวดหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้คือ ฆราวาสธรรม ๔ ประการ ฆราวาสธรรม แปลว่า ธรรมสำหรับการครองเรือน มีอยู่ ๔ ข้อด้วยกัน คือ

๑. สัจจะ แปลว่าความจริง
๒. ทมะ แปลว่า การฝึกฝนปรับปรุงตน
๓. ขันติ ความอดทน
๔. จาคะ ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อ ความมีน้ำใจ

จะขอกล่าวถึงธรรม ๔ ประการนี้โดยสังเขป

** สัจจะ **

ประการที่ ๑ สัจจะ ความจริง อาจแบ่งแยกได้ ๓ ขั้น
- ความจริงขั้นที่หนึ่ง คือ ความจริงใจ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด และเป็นรากฐานที่มั่นคงของความสัมพันธ์ที่ดีงาม ความจริงใจแสดงออกเป็นความซื่อสัตย์ต่อกัน
- จากนั้นก็จริงวาจา คือ พูดจริง เป็นความจริงขั้นที่ ๒
- ขั้นที่ ๓ จริงการกระทำ คือ การทำจริงตามที่ใจคิดไว้ ตามที่วาจาพูดไว้ ตลอดจนกระทั่งว่าการดำเนินชีวิต ประกอบกิจกรรมต่างๆ ก็ตั้งใจทำจริงดังที่ตั้งความมุ่งมาดปรารถนาไว้ แต่ทั้งหมดนี้ก็มีความจริงใจนั่นเองเป็นรากฐาน ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงยั่งยืน

** ทมะ **

ประการที่ ๒ ทมะ แปลว่า การฝึกฝน ปรับปรุงตน ทมะนี้เป็นข้อสำคัญในการที่จะให้เกิดความเจริญก้าวหน้า ประการแรกที่สุดที่จะเห็นได้ง่ายในความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ก็คือ บุคคลที่มาอยู่ร่วมสัมพันธ์กันนั้น ย่อมมีพื้นเพต่างๆ กัน มีอุปนิสัยใจคอและสั่งสมประสบการณ์มาไม่เหมือนกัน แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัวเข้าหากัน

ในเมื่อมีพื้นเพต่างกันสั่งสมมาคนละอย่าง ก็อาจมีการแสดงออกที่ขัดแย้งกัน หรือไม่สอดคล้องกันได้บ้าง การที่จะทำให้เกิดความราบรื่นเป็นไปด้วยดี ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเข้าหากัน รู้จักที่จะข่มใจไว้ แล้วรู้จักที่จะสังเกต ใช้สติปัญญาพิจารณาสิ่งที่ผิดแปลกไปจากความคิดนึก ตามความหวังความปรารถนาของตน

เมื่อไม่วู่วาม ข่มใจไว้ก่อน และใช้สติปัญญาพิจารณา ก็หาทางที่จะปรับตัวเข้าหากันด้วยวิธีที่เป็นความสงบ และเป็นทางที่จะรักษาน้ำใจกันไว้ได้ มีความปรองดอง สามัคคี อันนี้ก็เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง

นอกจากนั้น ในการอยู่ร่วมกับบุคคลภายนอก หรือในกิจการงานและสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย เราก็ต้องรู้จักปรับตัวเข้ากับบุคคล การงาน และสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น และรู้จักปรับปรุงฝึกฝนตัวให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการขวนขวายหาความรู้ให้เท่าทันสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ เป็นต้น ชีวิตจึงจะเจริญก้าวหน้าได้

ทมะนี้ต้องมีปัญญาเป็นแกนนำสำคัญ เพราะต้องรู้จักคิดพิจารณา และมีความรู้ความเข้าใจ จึงจะปรับตัวและฝึกฝนปรับปรุงตนได้

** ขันติ **

ประการที่ ๓ คือขันติ ความอดทน ความอดทนเป็นเรื่องของพลัง ความเข้มแข็ง ความทนทาน คนเมื่ออยู่ร่วมกัน ท่านว่าเหมือนลิ้นกับฟัน ย่อมมีโอกาสที่จะกระทบกระทั่งกัน จึงต้องมีความหนักแน่น ความเข้มแข็งในใจที่จะอดทนไว้ก่อน เรียกว่า อดทนต่อสิ่งกระทบใจ นอกจากนั้นก็อดทนต่อความเจ็บปวดเมื่อยล้าทางกาย และอดทนต่อ ความลำบากตรากตรำในการทำการงาน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคลุล่วงไปได้

ถ้าหากว่าบุคคลสองคนหรือหลายคนมาอยู่ร่วมกันแล้ว เอาความเข้มแข็งที่มีอยู่ของแต่ละคนมารวมกันเข้า ก็จะเพิ่มกำลังความเข้มแข็งให้มากขึ้น จะสามารถร่วมฝ่าฟันอุปสรรค และเพียรสร้างสรรค์รุดหน้าไปสู่ความสำเร็จ อันนี้เป็นเรื่องของขันติ ความอดทนที่จะช่วยเสริมให้มีความก้าวหน้าเจริญมั่นคง และพรั่งพร้อมด้วยความสำเร็จ

** จาคะ **

ประการที่ ๔ จาคะ แปลว่า ความเสียสละ เริ่มตั้งแต่ความมีน้ำใจ คือ ความพร้อมที่จะเสียสละความสุขส่วนตัวให้แก่ผู้อื่น โดยเฉพาะผู้อยู่ร่วมกันก็จะต้องมีความเสียสละต่อกัน เช่น เวลาฝ่ายหนึ่งไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้อง เสียสละความสุขของตนเองเพื่อช่วยรักษาพยาบาล อย่างน้อยก็มีน้ำใจ ที่จะระลึกถึง เมื่อจะทำอะไรก็ตามก็คำนึงถึงความสุขของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่างนี้ก็เรียกว่ามีจาคะ

จาคะก็พึงเผื่อแผ่ไปยังญาติมิตร บิดามารดา หรือผู้อยู่ใกล้ชิด ตลอดจนกระทั่งถึงเพื่อนมนุษย์โดยทั่วไป ถ้าหากว่ามีกำลังพอ ก็สละทรัพย์สิน สิ่งที่ตนมีอยู่นี้ในการอนุเคราะห์สงเคราะห์ผู้อื่น จาคะนี้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของกันและกัน และของคนทั้งหลายที่แวดล้อมอยู่ไว้ได้

นี่คือหลักธรรม ๔ ประการ ซึ่งมีความสำคัญในการ ครองเรือน โดยสรุปก็คือ สัจจะ ความจริง เป็นรากฐานให้เกิดความมั่นคงยั่งยืน ทมะ การฝึกฝนปรับปรุงตน เป็นเครื่องนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ในชีวิตและการงาน ขันติ ความอดทน เป็นเครื่องช่วยให้ความเจริญก้าวหน้านั้นเป็นไปได้สำเร็จ เพราะมีความเข้มแข็ง มีพลังที่จะ ช่วยเสริม จาคะ ความเสียสละ มีน้ำใจ เป็นเครื่องบำรุงหล่อเลี้ยง มนุษย์ช่วยให้เกิดความชุ่มฉ่ำสดชื่น

ธรรมะ ๔ ประการนี้ เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในชีวิต เหมือนกับต้นไม้จะเจริญ งอกงามต้องมี รากฐานที่มั่นคง คือสัจจะ มีความเจริญเติบโต คือทมะ มีความแข็งแรง ของกิ่งก้านสาขาตลอดจนลำต้น นั่นคือขันติ ซึ่งจะทนต่อดินฟ้าอากาศ ทนต่อสัตว์ทั้งหลายที่จะมาเบียดเบียน และมีเครื่องบำรุงหล่อเลี้ยง เช่น น้ำและอากาศ เป็นต้น ซึ่งช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นสดชื่น กล่าวคือ จาคะ ความมีน้ำใจ

เมื่อต้นไม้นั้นมีทุนในตัว เช่น มีน้ำมีอาหารหล่อเลี้ยงดี มีกิ่งก้านสาขาแผ่ออกไป ต้นไม้นั้นเองก็กลับให้ความร่มเย็นแก่พื้นดิน และแก่พืชสัตว์ที่มาอาศัยร่มเงา ตลอดจนช่วยรักษาน้ำในพื้นดินนี้ไว้ด้วย เช่นเดียวกับคนเรานั้น เมื่อได้สร้างเนื้อสร้างตัวโดยกำลัง และเครื่องหล่อเลี้ยงขึ้นแล้ว ก็ไม่ได้มีกำลังแต่เพียงตัวเองเท่านั้น แต่กลับเอากำลังและสิ่งที่บำรุงเลี้ยงนั้น ออกมาช่วยเหลือส่งเสริมผู้อื่น และสิ่งนี้ก็กลับมาเป็นผลดีแก่ตัวเองด้วยอำนาจของจาคะนั้นธรรมะ ๔ ประการนี้แหละจะเป็นเครื่องทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้สำหรับคฤหัสถ์ คือผู้ครองเรือนทั่วไปให้ดำเนินชีวิตตามหลักธรรม ๔ ประการนี้ จึงเรียกว่า ฆราวาสธรรม เมื่อดำเนินชีวิตได้ดังนี้ก็นับว่าได้ประสบสิริมงคลอย่างแท้จริง

(ส่วนหนึ่งของหนังสือ ...รักนั้นดีแน่ แต่รักแท้ดีกว่า... จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 87 ก.พ. 51 โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม)

 

*** หลักปฏิบัติสัจจะธรรม ****

พระโลกุตตระเขตะมารัจจะ ท่านกล่าวสอนไว้ว่า......

สาธุชนทั้งหลาย ควรตั้งอยู่ในศีลในธรรม และมีสัจจธรรม โดยมีหลัก ๓ ประการ
คือ ต้องมี"ใจ"อันสัจจธรรม มี"ปาก"อันสัจจธรรม และ"ปฏิบัติ"อันสัจจธรรม.....

๑.ใจอันสัจจธรรม-เมื่อใจนึกในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามใจที่เป็นสัจจธรรม อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง คือ ไม่ให้เกิดกิเลส โลภ-หลง และไม่ให้ถืออาฆาตพยาบาทกับผู้ใด เมื่อผู้อื่นทำให้เราไม่พอใจ เราก็ถือใจสัจจธรรมว่า ไม่โต้ตอบ จะได้บรรลุศีลอันบริสุทธิ์ถึงขั้นอรหันต์ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามใจสัจจธรรม ที่ได้มุ่งมั่นไว้ ก็จะทำให้เราลดบารมีศีลไป

๒.ปากอันสัจจธรรม-เมื่อเราลั่นวาจาออกมาแล้วในวาจาระหว่างนี้ เป็นวาจาสัจจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดว่า"ไป"ก็ต้องไป ถ้าเราพูดว่า"ไม่" ก็ต้องไม่ อย่าพูดออกมาโดยไม่ตรงกับใจ ซึ่งเป็นการผิดไปจากสัจจธรรม เช่น เมื่อเราตั้งใจว่า วันนี้จะขอสุขกายสุขใจ แต่เมื่อพบสิ่งไม่พอใจเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ปากไม่สงบ คือ ผิดไปจากปากอันเป็นสัจจธรรม จะหลั่งวาจาอันไม่สมควรฟังออกมาแก่ผู้อื่น ถ้าเราถือใจสัจจธรรมและปากสัจจธรรมแล้ว จะต้องตั้งอยู่ในสมาธิ ให้ถือขันติ มีมานะอดทน มีมุทิตา มีอุเบกขา จะได้เป็นการคล้องจองกับการถือใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม.....

๓.ปฏิบัติอันสัจจธรรม-ต้องให้คล้องจองกับปากและใจ เช่น เมื่อใจคิดว่าสวดมนต์หนึ่งเล่มธูป ปากก็ได้สวดมนต์ ในการกระทำ ก็ต้องกระทำให้ครบเล่มธูป เป็นการคล้องจองไป จะได้มีบุญบารมีสะสมไว้ใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ถ้าสามสิ่งนี้ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป ก็ถือว่า"ขาดศีล"ในชีวิตครอบครัว ภรรยาเป็นหลักหนึ่งที่ช่วยค้ำจุนองค์สัจจธรรม เมื่อสามีปฏิบัติสิ่งใด ภรรยาควรใช้สายตาตรวจชี้ในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าสามีจะออกนอกลู่นอกทาง ภรรยาก็ควรช่วยเตือนสติปัญญา ให้เขากลับมา แต่ภรรยาจะต้องถือใจปฏิบัติสัจจธรรม ปากถือปฏิบัติสัจจธรรม และตัวปฏิบัติถือสัจจธรรม จึงจะได้ผล อย่าโมโหโกรธา หน้าบึ้งหน้าบูดหน้าเบี้ยว เป็นกิริยาที่ไม่น่าดูไม่น่าชม แทนที่จะเป็นหลักช่วยกระตุ้นเตือนให้สามี กลับเป็นน้ำมันราดในกองเพลิงให้มันลุกช่วงโชติขึ้นมา เป็นการผิดนอกลู่นอกทางของสามี มิได้เป็นการเสริมสร้างบารมี แต่เป็นการทำลายบารมีของภรรยาเอง ผู้ใดปฏิบัติสามประการนี้ได้ ก็จะเป็นศรีภรรยาตามหลักขององค์สัจจธรรม ลูกหลานจะได้เจริญรุ่งเรือง อุปมาเหมือนปากกับท้อง ดังนี้ คือ :-

สามีทั้งหลาย ให้ถือว่าเป็น"ปากเป็นเสียง" ภรรยา ให้ถือว่าเป็น"ท้อง" เมื่อสามีใช้ปากดำเนินกิจการต่างๆ ปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว ภรรยาก็เป็นท้องสำหรับรองรับ เมื่อสามีปฏิบัติตามในหลักธรรมที่ถูกต้อง คือ หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตชน ไม่โกงเขา ไม่โลภหลง เงินทองที่ทำมาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย สร้างความภูมิใจ เท่ากับว่า เป็นอาหารอันโอชา เมื่อเงินทองที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ก็เป็นอาหารทิพย์ เมื่อเอามาเลี้ยงท้อง ท้องก็จะอยู่ดี รับด้วยความสบาย มีพลังเข้าถึงหลักธรรมได้ ปากกับท้องนี้ ต้องอยู่คู่กันไปตลอดชาติ เมื่อท้องแข็งแรง ปากก็ดี ก็พลอยให้จิตใจของเราดีไปด้วย เมื่อจิตใจเราดี ผู้นั้นย่อมเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันสิ้นสุด

เมื่อปากที่ให้สมมุติฐานว่าเป็นสามี ได้เงินได้ทองมาในสิ่งที่ผิดๆ เมื่อเอามาเลี้ยงท้องแล้ว ก็จะเกิดเป็นพิษ เมื่อท้องปวดท้องเจ็บ ก็ต้องอุทธรณ์ให้สามีเลิกปฏิบัติการในสิ่งที่ผิด เมื่อปากปฏิบัติถูกต้องแล้ว ท้องก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ปากก็จะอยู่เป็นสุข ไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยถ้าภรรยาซึ่งเป็นท้อง กินทุกสิ่งทุกอย่าง โลภไม่มีวันหยุด หลงไม่มีวันหยุด ก็พลอยให้ปากผิดไปด้วย ถ้าสามียึดมั่นอยู่ในธรรมะ ก็จะไม่ปฏิบัติตามท้อง ท้องก็จะอาละวาด ทำให้ครอบครัวไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าสามีที่เป็นปากนี้ เกิดไปหลงผิดตามท้อง หาในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาป้อนให้ท้องได้สบอารมณ์หมาย แต่ในบั้นปลายผลรับจะเป็นอย่างไร ผลรับนี้ ก็จะทำให้เสียทั้งปากทั้งท้อง

การปฏิบัติใดๆ ถ้ามีธรรมะ เมื่อเกิดหลงผิดแล้ว ก็ยังมีทางที่จะชำระได้
บุญ- หมายถึง สิ่งอันบริสุทธิ์สดใส
กรรมชั่ว-หมายถึง สิ่งที่ดำมืด ไม่มีให้ความสว่าง

ขอให้สาธุชนทั้งหลาย ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปฏิบัติกันไป ให้บรรลุถึงใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ให้ครบสามประการ สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง จงใช้อารมณ์เย็นเข้าลูบ เมื่ออารมณ์เย็นเข้าสู่ร่างกายของเราแล้ว ก็จะเกิดสติปัญญาขึ้น และจะมีความสดใสชั่วกาลนาน.........

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=89717

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

 

เกิดแผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ที่อินโดนีเซีย​

​

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.2 ริกเตอร์นอกชายฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย ช่วงดึกของคืนที่ผ่านมา มีการออกคำเตือนการเกิดคลื่นสึนามิ

สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ USGS รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นนอกจังหวัดปาบัว มีศูนย์กลางลึกลงไปเพียง 12.3 กิโลเมตรใต้พื้นมหาสมุทร นายเฟาซี หัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า แรงสั่นสะเทือนทำให้เมืองตู อัล หรือ ตวล บนเกาะมาลูกู ที่อยู่ข้างเคียงสั่นไหว แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือการบาดเจ็บเสียชีวิต

เขตที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่สุดมีประชากรจำนวนน้อย อยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกถึง 2,900 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเมืองดาร์วิน เมืองเอกของดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ทางตอนเหนือสุดของออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ใต้ลงไปประมาณ 900 กิโลเมตร

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์อินโดนีเซีย ยกเลิกคำเตือนเรื่องคลื่นสึนามิในเวลาต่อมา

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ชาวอเมริกันกว่า 2 หมื่นคนไม่มีไฟฟ้าใช้เนื่องจากคลื่นความร้อน​

​

ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสองวันก่อน ทำให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ประชาชนกว่า 2 หมื่นคนอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้

หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชาวอเมริกันทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียต้องเผชิญอากาศร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45 องศาเซลเซียส เมื่อเช้าวานนี้ประชาชนราว 27,000 คนตั้งแต่เมืองออเร้นจ์ไปจนถึงลอส แอนเจลิส ไม่มีไฟฟ้าใช้มาเป็นเวลา 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดไม่ต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียส

รายงานระบุว่า อากาศที่ร้อนจัดน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของ Sally Menke คนตัดต่อภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสก้าร์ที่กำลังปืนเขาเมื่อสองวันก่อนด้วย ซึ่งเสียชีวิตเนื่องจากโรคลมแดด

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

โคลนถล่มที่โคลัมเบีย ตายเพิ่มอย่างน้อย 30 คน​

​

ยอดผู้เสียชีวิตจากโคลนถล่ม ที่โคลัมเบียล่าสุด เพิ่มเป็นอย่างน้อย 30 คนแล้ว ขณะที่ทางตอนใต้ของเม็กซิโก เผชิญกับภาวะแผ่นดินถล่มเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่กู้ภัยลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาผู้สูญหาย ราว 11 คน

ดินโคลน ที่อยู่บริเวณพื้นที่ลาดเชิงเขา ระหว่างเมือง Giraldo และ Canasgordas ในรัฐ Antioquia ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของกรุงโบโกต้า ได้พังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา ปิดกั้นถนน และถล่มบ้านอย่างน้อย 5 หลัง ฝังผู้เคราะห์ร้ายอย่างน้อย 30 คน ทั้งเป็น เจ้าหน้าที่กู้ภัยโคลัมเบียเผยว่า สถานการณ์ตอนนี้ลำบากเป็นอย่างมาก อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อขุดหาผู้สูญหาย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตแล้วทั้งหมด หลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดี Manuel Santos ได้เดินทางไปตรวจดูพื้นที่ประสบภัยทันที

ขณะที่ที่รัฐ Caxaca ของเม็กซิโก เผชิญกับเหตุแผ่นดินถล่มเช่นกันเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ในเบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และประชาชนถูกฝังอยู่ใต้ดินนับร้อย แต่ล่าสุด รัฐมนตรีมหาไทย และ ผู้ว่าการรัฐ ออกมายืนยันว่ามีเพียงผู้สูญหาย 11 คนเท่านั้น ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

ล่าสุดความช่วยเหลือยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย เนื่องจากเป็นที่พื้นห่างไกลและยากลำบาก เพราะถนนถูกดินถล่มปิดกั้น , สะพานขาด จากฝนตกหนัก ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 10 ชั่วโมง ขณะเดียวกันสภาพอากาศเลวร้ายไม่สามารถนำเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นได้

ประธานาธิบดี Felipe Calderon ได้ทวิตข้อความทหาร 30 นาย ได้เดินเท้าเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยแล้ว ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ฝูงตั๊กแตนเตรียมบุกนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย ​

​

รัฐนิวเซาท์เวลส์ อาจเผชิญกับการบุกทำลายพืชไร่ของฝูงตั๊กแตน ครั้งเลวร้ายที่สุดของรัฐในรอบ 30 ปี

นายสตีฟ แวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพื้นฐาน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผลผลิตการเกษตรดีที่สุดในรอบทศวรรษ หลังเกิดภัยแล้งหลายปี แต่อาจไม่ใช่ข่าวดี เพราะปีนี้อาจจะต้องเผชิญกับการบุกทำลายของฝูงตั๊กแตน มีการคาดคะเนกันว่า ฝูงตั๊กแตนอาจจะส่งผลกระทบต่อเขตหนึ่งซึ่งมีขนาดเท่าประเทศสเปน คือมีเนื้อที่ถึง 504,782 ตร.กม.ทีเดียว

เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ เริ่มฉีดพ่นยาฆ่าแมลงศัตรูพืชทางอากาศครั้งใหญ่เหนือเขตต่างๆ ที่ฝูงตั๊กแตนฝูงใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา

ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมามีฝนตกมากกว่าที่คาดไว้ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ควีนส์แลนด์ วิกตอเรีย และเซาท์ออสเตรเลีย ทำให้เกิดสภาพที่เหมาะที่สุดที่ตั๊กแตนที่โตเต็มวัยจะวางไข่ บางเขตมีตั๊กแตนถึง 4 ชั่วรุ่น คณะกรรมการการบุกทำลายของตั๊กแตนของออสเตรเลีย หรือ PLAGUE LOCUST COMMISSION ต้องออกมาเตือนให้ทั่วประเทศระวังภัยจากตั๊กแตน สร้างความกังวลให้แก่เกษตรกรทั่วรัฐทางตะวันออกและตอนใต้ของออสเตรเลีย ที่หวังว่าปีนี้จะมีกำไรเป็นกอบเป็นกำจากผลผลิตการเกษตรที่ดี หลังประสบภัยแล้งมานานหลายปี

ฝูงตั๊กแตนอาจสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของออสเตรเลีย อุณหภูมิที่สูงขึ้นและอาหารที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือมีส่วนเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของตั๊กแตนอีกด้วย

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

======================================

30 ก.ย. 53

ค่าเงินบาท

ในภาพผมจะนำธนบัตรมาเย็บติดกันยาวเป็นหางว่าว ถ้าจะให้แปลน่าจะเป็น
ค่าเงินบาทอาจจะแข็งตัวเป็นระยะเวลานาน



10 ส.ค. 53 แว่วเสียงกระซิบ ให้ระวังวันที่ 9 เดือนตุลาคม

28 ก.ย. 53 ผลไม้เมืองนอก ภาค 2 (ระเบิด)



30 ก.ย. 53 แว่วเสียงกระซิบ จะมีมวลชนออกมาทำการอะไรสักอย่าง (.......?)

มีสัญญาณพิเศษเข้ามาเพิ่มการทำงานอีกอย่าง นอกจากภาพในนิมิต สัญญาณ
พิเศษนี้ก็คือเสียงแว่วจากในใจตัวเอง ถ้าเป็นสัญญาณจริง ก็จะช่วยให้การทำ
งานพาคนดีหนีไปยังที่ปลอดภัยได้ก่อนภัยพิบัติจะเกิดได้เร็วขึ้นและแม่นยำใน
เรื่องวันเวลา

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

ฟ้าร้องช่วงนี้เหมือน ช่วงหน้าฝนปีที่เกิดสึนามิในไทยเลย

 

อึ้ง....มีคนคิดเหมือนเราด้วย

 

ฟ้าผ่า ฟ้าร้องรุนแรงมาก อยู่ในหอที่เป็นตึกกระจกหน้าต่างประตูยังสั่น

 

*** ปรับตนเอง ****

ใต้โลก....กำลังเคลื่อนตัว
ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท มีสัจจะเป็นผู้นำการกระทำ
เพื่อเป็นที่พึ่งของตนเอง ต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

เอไม่เคยไปต่างประเทศ แต่เคยทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่น ซึ่งเมื่อสนิทกันแล้ว เพื่อนญี่ปุ่น
(ผู้หญิง)บอกว่า เมื่อก่อนไม่ค่อยชอบผู้หญิงไทย เพราะที่ญี่ปุ่นมีผู้หญิงไทยไปอยู่ตามผับ ตามบาร์ และหลอกล่อผู้ชายญี่ปุ่นที่มีลูกมีเมีย (ผู้ชายญี่ปุ่นชอบเที่ยวกลางคืนมาก เป็นวัฒนธรรมองค์กรบริษัท ถือเป็นการผ่อนคลายจากการทำงาน) ทำให้ครอบครัวแตกแยกเยอะมาก
พอมาเมืองไทย มารู้จักกัน ถึงได้รู้ว่าผู้หญิงไทยดีๆก็มี ก็เลยบอกเขาไปว่า คนไทยก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี พวกที่ไม่ดีก็มีจริงๆ เราก็ยอมรับ แต่อย่าเหมาว่าเราจะเป็นนิสัยแบบนั้นไปหมด
เวลามีผู้ชายญี่ปุ่นมาจากญี่ปุ่นมาดูงาน เค้าก็จะคุยกับคนญี่ปุ่นที่อยู่ไทย เรื่องไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ ก็เที่ยวอย่างว่าแหละค่ะ แล้วก็มาทำเกาะแกะเรา มองตาก็รู้แล้วว่าเค้าคิดยังไง ทนไม่ได้ค่ะ ป่านนี้คงรู้กันหมดแล้วว่าเราห้าวขนาดไหน แผลงฤทธิ์ไปเยอะค่ะ คือทำให้เขารู้ว่า ผู้หญิงไทยมีความสามารถ แล้วก็ไม่ได้สนใจผู้ชาย(โดยเฉพาะต่างชาติ) แล้วก็ทำงานเก่งเท่าเขา หรือเก่งกว่าเขา คือเค้าจะคิดว่าผู้หญิงโง่กว่า หรือมีความสามารถไม่เท่าเขา บางทีเค้าอาจจะคิดว่าคนไทยโง่กว่าก็ได้ แต่ขอโทษคราวนี้เจอคนไทยฉลาดกว่า ก็ได้เปลี่ยนทัศนคติกันไปเยอะค่ะ
ขอโทษนะคะที่บ่นมาเยอะ พอดีเก็บกดน่ะค่ะ:boo:

 

*** ผู้รักษาสัญญาใจ ****

ผู้หญิงไทยโบราณ...ถือสัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ตะลึง...รวบครูซี 8 เอเย่นต์ค้ายาเสพติด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ตะครุบครูซี 8 หลงผิดติดยาเสพติด เลยหันเหชีวิตเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสียเอง สุดท้ายไปไม่รอด จนมุมพร้อมแก๊ง


วันนี้ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.รวีวรรธน์ เทียนสุวรรณ รองผบก. พ.ต.อ.สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผกก.กก.สส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกันข่าวการจับกุมนายอดิศร พรมนัส อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 1 ต.สามแวง อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ตำแหน่งครูคศ.3 ชำนาญการพิเศษระดับ 8 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นายสมชาย ทิพย์ธารทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1606 หมู่ 9 ซอยชุมสาย ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และนายเดี่ยว (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี พร้อมของกลางยาบ้า1,937 เม็ด และยาไอซ์ 15 ถุงเล็ก น้ำหนัก 15 กรัม

พล.ต.ต.สมบัติ เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของยาเสพติด จนทำให้มีผู้ปกครอง และประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก

จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สัมภาษณ์ นำกำลังออกสืบสวนจับกุม จนทราบว่านายอดิศร เป็นเอเย่นต์รับยาบ้ามาจากนายสมชาย จึงวางแผนจับกุมไว้ได้ และจากการสอบสวนนายอดิศร ให้การรับสารภาพว่า เสพยาบ้า และยาไอซ์ จนติดมานานแล้ว พร้อมกับค้าขายให้นักเรียน และเยาวชนในพื้นที่ เพื่อหาเงินซื้อยาเสพติดมาเสพ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่าย นำตัวดำเนินคดีต่อไป

ด้าน นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า

หลังจากรับรายงานเรื่องนี้ ไม่อยากเชื่อว่าพ่อพิมพ์จะทำถึงขนาดนี้ จึงสั่งการให้นายธีรวุฒิ พุทชากลี ผอ.สพฐ.เขต 4 ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของครูคนดังกล่าว ทำรายงานเสนอมาให้ทราบ พร้อมสั่งการไปยังหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ตรวจสอบดูแล และคุมเข้มพฤติกรรมของข้าราชการทุกส่วนราชการ ป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พบผู้เฒ่า107ปีอาศัยในบ้านกลางป่าลำพัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>อบต.ท่ามะพลา-พม.ชุมพร รุดช่วยเหลือผู้เฒ่าตาบอด อายุ 107 ปี อาศัยอยู่ในบ้านกลางป่าเพียงลำพัง


วันนี้ (30 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุทธิพันธ์ สุวรรณบัณฑิต และ นายทวัต เกิดเนตร สมาชิกสภา อบต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่า มีชายชราอายุ 107 ปี ถูกทอดทิ้ง ที่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 6 ต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จึงประสานไปยัง นายสมเด็จ แน่นอุดร พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.ชุมพร เดินทางไปให้การช่วยเหลือ พบบ้านดังกล่าว อยู่ในป่าลึก แวดล้อมด้วยสวนผลไม้ ห่างถนนสายหลักประมาณ 5 กม. สภาพเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว สภาพเก่าทรุดโทรม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ นอกจากเครื่องนอนเก่า ๆ กาต้มน้ำ หม้อหุงข้าว และอุปกรณ์อื่น ๆ อีก 2-3 ชิ้น เท่านั้น

นายผ่อน รอดทอง อายุ 107 ปี ผู้มีร่างกายผอมแห้ง ฟันหักจนหมดปาก ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายพร่ามัว แต่หูยังได้ยินเสียงชัดเจน และพูดจารู้เรื่อง เปิดเผยว่า ภรรยาเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกสาว 3 คน เสียชีวิตไป 2 คน อีก 1 คน แยกไปอยู่ที่อื่น ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง อาหารที่ใช้ประทังชีวิตมีเพียงข้าวสารที่ต้องหุงหาเองกินกับปลากระป๋อง ที่เจ้าอาวาสวัดใกล้บ้านเอามาให้ ด้านสุขภาพมีโรคประจำตัวเล็กน้อย เกี่ยวกับอาการเวียนศีรษะ

จากนั้น เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ ได้พานายผ่อน ไปตรวจสุขภาพที่ รพ.หลังสวน ก่อนหาทางช่วยเหลือต่อไป.


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮา พบดาวเคราะห์ดวงใหม่คล้ายโลก มีแรงดึงดูด-ชั้นบรรยากาศ สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.นักดาราศาสตร์เปิดเผยว่า ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งถูกตั้งชื่อว่า "Gliese 581" มีลักษณะคล้ายโลก ลักษณะภูมิศาสตร์เป็นหิน และสิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ โดยมีชั้นบรรยากาศ และแรงดึงดูดเหมือนโลก โดยดาวเคราะห์นี้อยู่ห่างจากโลกราว 20 ปีแสง หรือราว 118 แสนแสนไมล์ มีมวลน้ำหนักมากกว่าโลก 3.1-4.3 เท่า โคจรรอบดาวดวงหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์"Libra"โดยดาวดังกล่าวเป็นดาวแคระเล็ก

รายงานระบุว่า ดาวพระเคราะห์ดวงนี้ มีอุณหภูมิเฉลี่ย10 ฟาเรนไฮต์ ถึง -24องศาฟาเรนไฮต์ มีระยะเวลาปีหนึ่ง เท่ากับ 37 วัน ของโลก ห่างจากดวงอาทิตย์ ราว 6 ล้านไมล์

การค้นพบนี้ยังมีขึ้นหลัง 3 ปีก่อน นักดาราศาสตร์ยังได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ ซึ่งอยู่บริเวณทางช้างเผือก และมีจักรวาลคล้ายโลกของเรา

<!-- <script Language="JavaScript">function BackPage() {history.back();}</script>

กลับสู่หน้าแรก ​

-->
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮา ผู้นำอิเหนาพิจารณาทิ้ง"กรุงจาการ์ตา"ย้ายเมืองหลวงไปเมืองอื่นแทน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ประธานาธิบดีบัมบัง ยุดโธโยโน่ แห่งอินโดนีเซีย </TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ว่า ประธานาธิบดีบัมบัง ยุดโธโยโน่ แห่งอินโดนีเซีย

กำลังพิจารณาว่าจะย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตาไปยังสถานที่ใหม่ ซึ่งยังไม่มีระบุว่าเป็นเมืองใด โดยแผนการดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 11,000 ล้านดอลลาร์ และมีขึ้นหลังจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การย้ายเมืองหลวงของอินโดนีเซีย เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ ก่อนทีเมืองจะล้นไปด้วยประชากรเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านคน

รายงานระบุว่า ปัจจุบัน จาการ์ตามีสภาพเต็มไปด้วยปัญหาที่จะอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย โดยในช่วงหน้าฝน ฝนจะท่วมบ้านเรือนและปิดกั้นถนนหนทาง นอกจากนี้ เมืองหลวงแห่งนี้ ยังเผชิญปัญหาประชากรรถยนต์ขยายตัวอย่างหนัก โดยแต่ละวัน จะมีรถยนต์ใหม่ 500 คัน และมอเตอร์ไซด์ 1,5000 คัน และสร้างความติดขัดให้แก่ระบบการจราจร ซึ่งปัจจุบันรถยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้เพียง 10 กิโลเมตรต่อชม.นอกจากนี้ จาการ์ตา ยังไม่มีระบบรถไฟใต้ดิน ทำให้การจราจรเสียเวลาและเชื้อเพลิง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉลี่ยวันละ 1,400 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แนวคิดย้ายเมืองหลวงนี้ ได้มีขึ้นมาตั้งแต่ครั้งประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย คือ นายซูการ์โน แล้ว โดยเขาบอกว่า ต้องการจะย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา ไปตั้งที่เกาะบอร์เนียว จุดประสงค์เพื่อช่วยเกาะนี้กระจายความเจริญเติบโต และยอมรับว่า ในอนาคต กรุงจาการ์ตาจะไม่สามารถเป็นเมืองหลวงได้ตลอดไป

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีหลายประเทศได้ย้ายเมืองหลวงแล้ว เช่น บราซิล ปากีสถาน มาเลเซีย และพม่า โดยสาเหตุการย้ายมีตั้งแต่ด้านการเมืองและด้านเศรษฐกิจ


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักวิชาการเตือนคนไทยรับมือพายุสุริยะปี 54 คาดรุนแรง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>30 กันยายน 2553 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>การเสวนาพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ คนไทยจะเตรียมรับมืออย่างไร มีการพูดถึงพายุสุริยะ หรือการปะทุของแก๊สร้อนภายในดวงอาทิตย์ มีอุณหภูมิสูงกว่า 20,000 องศา หรืออนุภาคของรังสีคอสมิก และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจำนวนมหาศาลที่จะพัดเข้าปะทะโลกเร็วและแรงดุจกระแสลม แต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และคาดว่า เหตุการณ์จะเกิดรุนแรง

โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2560 ทำให้นักวิชาการออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า จะกระทบกับกิจกรรมของมนุษยชาติ เช่น ระบบการสื่อสารที่ต้องใช้ดาวเทียมขัดข้อง ระบบนำร่องผิดพลาด และการถ่ายโอนทางการเงินระหว่างประเทศอาจมีปัญหาได้ ซึ่งอาจลุกลามสู่การล่มสลายทางเศรษฐกิจของโลกได้


ทั้งนี้ มีการแนะนำถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมระบบสื่อสารสำรองในทุกระบบ พร้อมเตือนประชาชนให้เตรียมเงินสดและอาหารแห้งติดบ้าน หากพายุสุริยะเคลื่อนถึงโลกจะมีเวลาประกาศเตือนล่วงหน้า 1 ชั่วโมง ก่อนจะเกิดแรงปะทะ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000066 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=0 width=610 align=center border=1><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#f6f6f6 border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2>ตั้งแต่สมัยโบราณมนุษย์รู้ว่า ดวงอาทิตย์มีความสำคัญต่อชีวิต เพราะดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างและความร้อนแก่โลก และสิ่งมีชีวิต ทุกชนิดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการดำรงชีพ คนโบราณจึงนับถือดวงอาทิตย์เสมือนเป็นเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจลึกลับ และถึงแม้ว่า วันเวลาจะผ่านไปนานร่วมพันปีแล้วก็ตาม มนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจธรรมชาติของดวงอาทิตย์

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=590 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=566>

​

</TD></TR><TR><TD bgColor=#ebebeb colSpan=2>

ภาพจาก : http://sec.noaa.gov/wind/rtwind.html​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ย้อนอดีตไปเมื่อ 300 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รู้ว่า ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซร้อนและความดันที่มีอยู่ในก๊าซนั้นมีค่าสูงพอที่จะรับ น้ำหนักของก๊าซที่กดลงมาได้ ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงสามารถทรงตัว ทรงรูปร่างและทรงขนาดอยู่ได้

และเมื่อ 100 ปีก่อนนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มรู้ว่า ดวงอาทิตย์มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก และมีฮีเลียมเป็นองค์ประกอบรอง และนอกจากธาตุทั้งสองนี้แล้วดวงอาทิตย์ก็ยังมีธาตุอื่นๆ เช่น คาร์บอน โซเดียม แคลเซียม และเหล็กบ้าง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 นักดาราศาสตร์ได้พบว่า ในบางขณะผิวดวงอาทิตย์จะมีเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้มีเปลวก๊าซร้อน พุ่งออกจากผิว และในบางครั้งเปลวก๊าซอาจจะพุ่งไกลถึงล้านกิโลเมตร เหตุการณ์ระเบิดที่ผิวแล้วทำให้มีเปลวก๊าซร้อนพุ่งออกไปใน อวกาศนี้ เราเรียกว่า พายุสุริยะ (solar wind)

การศึกษาพายุสุริยะในเวลาต่อมาได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่า พายุนี้เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง เพราะเมื่อเรารู้ว่า เปลวก๊าซร้อนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้นนำอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าออกมากมายด้วย

ดังนั้น เมื่ออนุภาคเหล่านี้พุ่งถึงชั้นบรรยากาศ เบื้องบนของโลก ถ้าขณะนั้นมีนักบินอวกาศร่างกายของนักบินอวกาศคนนั้นก็จะได้รับอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าและรังสีต่างๆ มากเกินปรกติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ พายุอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าอาจพุ่งชนดาวเทียมที่กำลังโคจรอยู่รอบโลกจนทำให้ดาวเทียมหลุดกระเด็นออกจากวงโคจรได้ และถ้าอนุภาคเหล่านี้พุ่งชนสายไฟฟ้าบนโลก ไฟฟ้าในเมืองทั้งเมืองก็อาจจะดับ

ดังเช่น เหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่เมือง Quebec ในประเทศ คานาดาเป็นเวลานาน 9 ชั่วโมง เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 เพราะโลกถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง

ความจริงเหตุการณ์ครั้งนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 11 ปีมาแล้ว แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์รู้อีกว่า ทุกๆ 11 ปีจะเกิดเหตุการณ์พายุสุริยะ ที่รุนแรงบนดวงอาทิตย์อีก ดังนั้นปี พ.ศ. 2543 จึงเป็นปีที่นักวิทยาศาสตร์คาดหวังจะเห็นโลกถูกดวงอาทิตย์คุกคามอย่างหนักอีก

ครั้งหนึ่ง และเมื่อขณะนี้โลกมีดาวเทียมที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 800 ดวงและสหรัฐอเมริกาเองก็มีโครงการจะส่งนักบินอวกาศ ขึ้นไปสร้างสถานีอวกาศนานาชาติในปีนั้นอีกเช่นกัน บุคลากรและดาวเทียมเหล่านี้จึงมีโอกาสถูกพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์พัดกระหน่ำ จนเป็นอันตรายได้

ก็ในเมื่อเวลาพายุไต้ฝุ่นหรือทอร์นาโดจะพัด เรามีสัญญาณเตือนภัยห้ามเรือเดินทะเลและให้ทุกคนหลบลงไปอยู่ห้อง ใต้ดิน จนกระทั่งพายุพัดผ่านไป การเตือนภัยพายุสุริยะก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน เพราะถ้าเรารู้ว่าพายุสุริยะกำลังจะมาถึงโลก โรงไฟฟ้า

ก็ต้องลดการผลิตกระแสไฟฟ้า คือไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกจากเครื่องเต็มกำลังเพราะถ้าไฟฟ้าเกิดช็อต ภัยเสียหายก็จะไม่มาก ดังนั้น การแก้ไขล่วงหน้าก็จะสามารถทำให้ความหายนะลดน้อยลง

แต่ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญสภาวะของอวกาศ วันนี้ก็ดีพอๆ ความสามารถของนักอุตุนิยมวิทยาที่สามารถทำนายสภาพของอากาศ บนโลก เมื่อ 40 ปีมาแล้ว ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศ (Space Environment Center) ขึ้นมา

โดยให้นักวิทยาศาสตร์มีหน้าที่ทำนายสภาพของอวกาศล่วงหน้า และผลงานการพยากรณ์เท่าที่ผ่านมาได้ทำให้เรารู้ว่า คำพยากรณ์นี้มี เปอร์เซ็นต์ถูกถึง 90% ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในหนึ่งชั่วโมง

แต่เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดก็จะสูง ถ้าเป็นกรณีการทำนายล่วงหน้า หลายวัน
เพื่อให้คำทำพยากรณ์ต่างๆ มีเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องมากขึ้น องค์การ NASA ของสหรัฐฯ จึงได้วางแผนส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้น อวกาศเพื่อสำรวจสถานภาพของพายุสุริยะทุกลูกที่จะพัดจากดวงอาทิตย์สู่โลกในอีก10 ปี ข้างหน้านี้

ความรู้ปัจจุบันที่เรามีอยู่ขณะนี้คือ ผลกระทบของพายุสุริยะจะรุนแรงอย่างไร และเช่นไร ขึ้นกับ 3 เหตุการณ์ต่อไปนี้ คือ

เหตุการณ์แรกเกี่ยวข้องกับจุดดับบนดวงอาทิตย์ (sunspot) ซึ่งเป็นบริเวณผิวดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณส่วนอื่น และเป็น บริเวณที่สนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์สามารถทะลุออกจากดวงอาทิตย์ออกมาสู่อวกาศภายนอกได้

ดังนั้น เมื่อเกิดการระเบิดที่ผิวดวง อาทิตย์ในบริเวณนี้ กระแสอนุภาคจะถูกผลักดันออกมาตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กนี้มาสู่โลก และเมื่อกระแสอนุภาคจากจุดดับพุ่งชน บรรยากาศเบื้องบนของโลก มันจะปะทะอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่อยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก (ionosphere) การชนกันเช่นนี้จะทำให้ เกิดกระแสประจุซึ่งมีอิทธิพลมากมายต่อการสื่อสารทางวิทยุ

เหตุการณ์สองที่มีอิทธิพลทำให้สภาวะของอวกาศระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ปรวนแปร ในกรณีมีพายุสุริยะที่รุนแรงคือ ชั้นบรรยากาศ ของโลกอาจจะได้รับรังสีเอกซ์มากกว่าปกติถึง 1,000 เท่า รังสีเอกซ์นี้ จะทำให้อิเล็กตรอนที่กำลังโคจรอยู่รอบอะตอม กระเด็นหลุดออก จากอะตอม และถ้าอิเล็กตรอนเหล่านี้ชนยานอวกาศ

ยานอวกาศก็จะมีความต่างศักย์ไฟฟ้าสูง ซึ่งจะทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยานเสีย และนั่นก็หมายถึงจุดจบของนักบินอวกาศ

ส่วนเหตุการณ์สาม ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก๊าซร้อนหลุดลอยมาถึงโลก และเมื่อมันพุ่งมาถึงโลกสนาม แม่เหล็กในก๊าซร้อนนั้นจะบิดเบนสนามแม่เหล็กโลก ทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหลในชั้นบรรยากาศของโลกอย่างมากมาย

กระแสไฟฟ้านี้ จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น มันจึงขยายตัว ทำให้ยานอวกาศที่เคยโคจรอยู่เหนือบรรยากาศ ต้องเผชิญแรงต้านของ อากาศ ซึ่งจะมีผลทำให้ยานมีความเร็วลดลงแล้วตกลงสู่วงโคจรระดับต่ำ และตกลงโลกเร็วกว่ากำหนด

เหล่านี้คือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเวลาโลกถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ดังนั้น เพื่อเตือนภัยล่วงหน้า ศูนย์สภาวะแวดล้อมของอวกาศจึงได้ประกาศ คำพยากรณ์สภาวะของอวกาศล่วงหน้าหนึ่งวันทุกวัน เพื่อให้คนเกี่ยวข้องได้รู้ว่า

พายุจากอวกาศที่กำลังจะเกิดนั้นรุนแรงเพียงใด และจะมาถึงเมื่อใด โดยใช้ดาวเทียมที่ชื่อ Solar and Heliospheric Observatory (SOHO) ซึ่งถูกส่งขึ้นไปเมื่อ 5 ปีก่อนนี้ ให้สำรวจดวงอาทิตย์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เพราะดาวเทียมดวงนี้อยู่ห่างจากโลก 1.5 ล้านกิโลเมตร และมีกล้องโทรทรรศน์สำหรับ วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ บนดวงอาทิตย์

ดังนั้น SOHO ก็สามารถบอกได้ว่า ความเร็วของกลุ่มก๊าซร้อนเป็นเช่นไร และกลุ่มก๊าซนั้นมี ขนาดใหญ่หรือไม่เพียงใด และนอกจากดาวเทียม SOHO แล้วสหรัฐฯ ก็ยังมีดาวเทียมที่ชื่อ Advanced Composition Explorer หรือ ACE อีกด้วย ซึ่ง ACE ถูกส่งไปโคจรรอบดวงอาทิตย์กับโลก และทำหน้าที่รายงานให้โลกรู้ว่า มหพายุสุริยะกำลังจะมาหรือไม่


www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/solarwind.html
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องฟ้าร้องฟ้าผ่าแรงนี่ก็มีผลนะครับ

ลองวิเคราะห์ดู ฟ้าร้องสะเทือนจน รถยนต์สั่นจนระบบกันขโมยดัง

แรงสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ทำให้รถสั่นจนกันขโมยดังประมาณ 4-5 ริกเตอร์

ตึกบางตึกสะเทือนทั้งหลังก็มี จากฟ้าร้อง (แล้วโครงสร้างของอาคารจะเกิดผลไหม )

ที่บ้านผมมีวันที่ฟ้าร้องดัง นาฬิกาแขวนที่บ้านตายไปสองเรือนหยุดเดินไปยังงั้น

เมื่อแรงสั่นสะเทือนในรูปคลื่นเสียงความถี่ต่ำพลังงานสูง วิ่งผ่านดินลงไปยังแนวเลื่อนหรือจุดที่มีความอ่อนไหวทางธรณีวิทยาจะเกิดอะไรขึ้น

ผลมีแน่นอนครับ

เพียงว่าเกิดที่ไหน พอเหมาะพอเจาะกันพอดีหรือไม่

ขอให้พิจารณาและไม่ประมาท

 

*** ฟ้าผ่าเตือนเมืองอมร ****

เมื่อลาวาเคลื่อนตัวใต้ดิน ฟ้าก็ผ่าลงดินพื้นที่นั้นมากขึ้น
ย่านสะพานพระรามหก อย่าประมาทระวังสังเกตสายฟ้า
เมื่อถึงวันสายฟ้าฟาดลงดิน ระเบิดแบบภูเขาไฟ
ลาวาจะไหลลงเจ้าพระยา ไม่เหลือน้ำสักหยด
สองฟากฝั่งจะถล่มทลาย ไหลลงไปตามสายลาวา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ลำพูน-ชาวนาชาวไร่แห่ขายที่ดินให้คนต่างชาติ​

นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน

​

เกษตรกรในพื้นที่ จ.ลำพูน พากันขึ้นป้ายประกาศขายที่นา ที่สวน และที่ดินจำนวนมาก โดยเฉพาะใน 4 อำเภอหลักของจังหวัด อ้างปัญหาความยากจนและหนี้สิน โดยมีนายทุนกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเข้ามาไล่ซื้อมากขึ้นทุกวัน

ป้ายประกาศขายที่ดินปักเกลื่อนพื้นที่สวน ไร่ นาในจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะใน 4 อำเภอหลัก คืออำเภอเมือง ป่าซาง บ้านธิ และบ้านโฮ้ง และที่พบเห็นในตำบลหนองช้างคืน อำเภอเมือง ก็มีกว่า 50 แห่ง และตั้งอยู่ในเขตชลประทานแทบทั้งสิ้น ขายกันตั้งแต่ 1 ไร่จนถึง 100 ไร่ ชาวบ้านอ้างว่าที่ประกาศขายที่ก็เพราะปัญหาความยากจน ไม่มีงานทำ อีกทั้งยังติดหนี้สินจำนวนมากจึงต้องการได้เงินก้อนโตไปใช้หนี้ จำใจต้องแห่ขายที่ดินของบรรพบุรุษ สำหรับราคาซื้อขายกันไร่ละ 300,000-400,000 บาท ยิ่งใกล้ตัวเมือง และใกล้ย่านนิคมอุสาหกรรม ราคาสูงขึ้นประมาณไร่ละ 1,000,000 บาท โดยผู้ซื้อเป็นนายทุนต่างชาติสั่งการให้นายหน้าคนไทยตระเวนบอกให้ชาวบ้าน และเกษตรกรในพื้นที่รวบรวมที่ดินที่อยู่ติดๆกันมาขายเป็นจำนวนมากได้เลย

ขณะนี้พื้นที่ๆประกาศขายที่ดินมากที่สุดมากกว่า 5,000 ไร่ขึ้นไป ได้แก่ ตำบลหนองช้างคืน ตำบลบ้านกลาง ตำบลศรีบัวบาน ตำบลมะเขือแจ้ และตำบลป่าสัก เขตอำเภอเมืองลำพูน อำเภอป่าซาง ได้แก่ ตำบลมะกอก ตำบลป่าซาง ตำบลแม่แรง และพื้นที่รอบบริเวณเขตชลประทานติดกับอ่างเก็บน้ำแม่อาว ส่วนอำเภอบ้านธิ ได้แก่ ตำบลบ้านธิ ตำบลม่วงโตน ตำบลห้วยหยาบ ซึ่งถือว่าที่ดินเหล่านี้เป็นที่ดินสวยงามบรรยากาศดี ติดถนน มีสวนลำไย และไม้พันธุ์ต่างๆจำนวนมาก ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวชมทิวทันศ์กันจึงเป็นแหล่งที่นายทุนหมายตามากที่สุด ลาสุดพบว่าชาวบ้านเตรียมขายที่ดินกันกว่า 10,000 ไร่ โดยมีนายทุนจากตะวันออกกลาง และเอเชีย จะเข้ามากว้านซื้อ

ล่าสุด นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เดินทางลงพื้นที่พบปะชาวบ้านในพื้นที่ 4 อำเภอหลักที่ประกาศขายที่ดินมากที่สุด เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจให้ชาวบ้านรู้ถึงคุณค่าของแผ่นดินไทย โดยจะเร่งระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปสร้างความเข้าใจให้ชาวบ้านช่วยกันรักษาพื้นที่การเกษตร ปลุกจิตสำนึกให้อดทนต่อสิ่งยั่วยุ และขอให้คำนึงว่าแผ่นดินหมายถึงความเป็นชาติ ถ้าไม่มีความรักแผ่นดินจะทำให้ชาติเสื่อม และหากขายที่ดินแล้วต่อไปชาวบ้านจะกลับไปเช่าที่ดิน และรับจ้างทำไร่ทำนาให้กับนายทุนเหล่านี้ต่อไปเป็นวัฎจักร

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

นครสวรรค์-นักเรียนเดินลุยน้ำไปโรงเรียน​

​

สถานการณ์น้ำจังหวัดนครสวรรค์ยังคงหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่ล่าสุดที่โรงเรียนวัดบ้านลาด ตำบลบางเคียน อำเภอชุมแสง ถูกน้ำท่วมนักเรียนต้องเดินลุยน้ำมาเรียนเดือดร้อนหนัก

สถานการณ์น้ำจังหวัดนครสวรรค์ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะว่าทางภาคเหนือยังมีฝนตกส่งผลให้หลายพื้นที่ยังคงถูกน้ำท่วมอยู่ โดยที่โรงเรียนวัดบ้านลาด ตั้งอยู่ที่หมู่7 ตำบลบางเคียน อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำถูกน้ำหลากเข้าท่วมแล้วนักเรียนต้องเดินลุยน้ำมาเรียน ขณะที่ครูผู้สอนต้องเกณฑ์นักเรียนช่วยกันขนของขึ้นไว้ชั้นสองของโรงเรียนเพื่อป้องกันการเสียหาย ขณะที่สนามฟุตบอล สนามเด็กเล่น ห้องเรียนระดับชั้นอนุบาล และหอประชุม ถูกน้ำท่วมสูงกว่า30 เซ็นติเมตร

และที่ได้รับความเดือดร้อนที่สุดคือปัญหาห้องน้ำเพราะมีอยู่เพียงแห่งเดียวซึ่งก็ถูกน้ำท่วมไม่สามารถใช้ได้ ทั้งเด็กนักเรียนและครูผู้สอนต้องไปอาศัยห้องน้ำที่ไม่ถูกน้ำท่วมแทน ส่วนระดับน้ำนั้นก็ยังคงเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนในเรื่องของการจะปิดเรียนหรือไม่นั้นคงต้องดูก่อนหากว่าน้ำยังคงท่วมสูงอย่างต่อเนื่องก็อาจจะสั่งปิดเรียนชั่วคราว ซึ่งที่โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษา 6 และแต่ละปีจะถูกน้ำท่วมขังเป็นประจำ

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com