ประสบการณ์ ในการติดต่อ สนทนา สอบถาม กับ เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา

THE FOCE TO BE WITH YOU

 

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตรอกซอกซอยนั้น มี "เจ้าทาง"ที่ดีหรือไม่
คำตอบ คือ "ทำได้ไม่ยาก" คนที่มีพลังจิต คนที่ทำสมาธิเป็นประจำ
จะสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ ง่ายกว่าคนธรรมดาทั่วไป

ประการแรก ให้ไปยืนที่ปากซอย ปากตรอก
ที่เป็นเขตรอยต่อ กับถนนสายอื่น

กำหนดอารมณ์ห้นิ่ง แล้วลองหายใจดู และดูความรู้สึกทางผิวหนัง
ดูว่าเวลาหายใจ รู้สึกว่า ตัวเบา หายใจคล่อง สะบาย ใหม
ดูว่า พลังสัมผัสที่มาที่ผิวหนัง เย็นสะบายเหมือนอยู่ในห้องแอร์ หรือไม่
ถ้าใช่ก็แปลว่า ณ ที่ตรงนั้น "เจ้าทางดี"

ถ้าหายใจอึดอัด เหมือนมีคนมาบีบจมูก ทำให้เหมือนเป็นภูมิแพ้
สัมผัสที่ผิวหนัง มีอาการร้อนและ หนึบหนับ บางทีก็คัน
แปลว่า "เจ้าทาง" ไม่ดี

เมื่อรู้เงื่อนไข ณ ที่นั้นแล้ว ก็ให้ จำไว้ในจิตว่า เป็นอย่างไร

ลงเท้า เดินขยับเข้ามาใน ตรอก ซอกซอยนั้น
แล้วทำจิตสัมผัส ด้วยความรู้สึกของการหายใจ
ของการสัมผัสด้วยผิวกาย
ว่า สะบาย หรือ ไม่สะบาย

เมื่อ สัมผัสได้ สองแห่งแล้ว ลองเปรียบเทียบดูว่า ต่างกันหรือไม่
จากประสบการณ์พบว่า ในทุกครั้งที่ทำ จะพบความแตกต่าง

ถนนใหญ่นั้น มักจะมีวิญญาณตำรวจที่ดี คุ้มกัน
ไม่ค่อยมีวิญญาณ อันธพาลมายืนเกะกะ ประเดี๋ยวก็จะถูก รถชน
จึงหลบมาเป็นนักเลงประจำซอย

ซอยที่ "เจ้าทางไม่ค่อยดี เวลาเดินเข้าไป ยิ่งเดินลึก ยิ่งเหนื่อยง่ายและเหนื่อยเร็งผิดปกติ
เพราะเจ้าทางนั้น ชอบแอบมาดูดเอาพลังไป
เหมือน นักเลงประจำซอยมักจะรีดไถ ชาวบ้าน
แทนที่จะ เอาเงิน ก็เอาพลังแทน เพื่อความอยู่รอดของ วิญญาณ

 

ถนนที่ผ่านหน้าชุมชนใหญ่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น หน้าตลาดสด ทั้งตลาดเช้า ตลาดเย็น ตลาดวัน พุธ ตลาดวันพฤหัส ฯลฯ
จะมีวิญญาณ หลากหลายมั่วๆกันไป

เป็นวิญญาณที่เป็น โอปาติกะ สัมภะเวสี วิญญาณ สิ่งที่มีชีวิต
ทั้งคนและสัตว์ ที่ตายแถวนั้น โดยอุบัติเหตุทุกชนิด
ฆ่ากันตาย บ้าง ถูกรถชนบ้าง
ก็จะมาขอส่วนบุญอาหาร ณ ที่แห่งนั้น

ผู้ใดที่เป็นคนมีบุญ มีใจสุนทาน
เขาจะมีแสงกายทิพย์ หรือ แสงออร่าที่สว่างและกว้างไกล
เท่ากับแสดง บารมีมาก
พวกกลุ่มวิญญาณเหล่านี้ จะเห็น และจะเข้ามารุมล้อม ขอ ส่วนบุญ แผ่เมตตา

ดังนั้นผู้มีมากบารมี จึงรู้สึกเหมือนว่า เวลาเดินไป ตามตลาด คล้ายกับมีคนมาดึงแข้งดึงขา
นั่นคือ เขามาสกิด ขอ ส่วนบุญ นั่นเอง
สิ่งที่ควรจะทำเวลาถูกดึงแข้งดึงขา คือ
กำหนดจิตแผ่เมตตาให้เล่าวิญญาญ ณ ที่ตรงนั้น
เมื่อเขาได้ แล้ว เขาก็จะไป ถ้าพลังบุญที่ได้รับ มากพอที่จะไปเกิดใหม่

ตามตลาดตอนเช้า มักจะมีพระสงฆ์มาบิณฑบาตร มากมาย
จะมีมากนับ สิบนับร้อยรูป ถ้าแถบนั้นมีหลายวัด


เมื่อใส่บาตรแล้ว พระท่านจะให้พร
หล่าโอปาติกะ เหล่า สัมภะเวสี และสารพัดวิญญาณ
ก็จะมานั่งรับพรกับเขาด้วย

บางวิญาณรู้สึกไม่พอ ก็จะเกาะชายผ้าเหลือง ตามเข้าวัด
เวลามองดูด้วยตาที่สาม จะเห็นวิญญาณทั้งหลาย เกาะชายผ้าเหลือง ห้อยกันเป็นพวง เหมือน พวงมะม่วง ตามพระเข้าวัดกันเป็นขบวน

เมื่อเข้าวัด และเสร็จจาก ฉัน เช้า กลุ่มพระก็จะสวดมนต์ แผ่เมตตา
ให้สรรพสัตว์ พวกเขาก็จะได้รับด้วยอีกครั้ง
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า " พระมาโปรด"

การที่พระพุทธองค์ ทรงกำหนดหลักเกณฑ์
ให้พระต้องออกบิณฑบาต
ก็เพื่อให้ออกไปสัมผัส และแผ่เมตตา
แก่วิญญาณ ทั้งหลาย โอปาติกะ และสัมภะเวสี
ที่มีอยู่ตามถนน หนทางทั่วไปนั้นเอง

 

ขอบคุณมากครับ

 

ประสบการณ์ผม เมื่อไปที่วัดอัมพวัน จ.สิงหบุรี พอทำบุญแล้วเดินผ่านศาลาที่ปฏิบัติธรรม จึงรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ วิ่งผ่านศีรษะลงมารอบตัว

 

พลังจิต เป็นพลังสัมผัสที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ต้องอาศัยจิตที่มีความชำนาญเชี่ยวชาญ จากการฝึกฝนมาก่อน
หรือเคยมีติดตัวมาแต่อดีตชาติ

ผู้ใดสามารถดึงพลังงานออกมาได้จากจิตใต้สำนึก
ผู้นั้นนอกจากจะกลายเป็นผู้มีความสามารถเหนือมนุษย์แล้ว
ยังได้รับการยกย่องอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า " นักพลังจิต"

ปัจจุบัน ไม่ว่า รัสเซีย อังกฤษ อเมริกา หรือแม้แต่จีน
ต่างก็มีการพัฒนาทางด้านพลังจิต อย่างไม่หยุดหย่อน
โดยเฉพาะจีน มีนักพลังจิตร่วม 100 คนแล้ว
และนักพลังจิตของจีน เขาจะไม่ปล่อยให้ออกมาเพ่นพล่าน
รัฐบาลจีน จะออกเงินเลี้ยงดู เป็นคนของรัฐ
มีรายได้น้อยกว่า เงินเดือนนายก เพียง 2 หยวน
และจะมีการนำนักพลังจิตเหล่านี้ ไปทดลองศึกษา
ว่า พลังที่พวกเขามีอยู่ และสามารถทำอะไรได้เหมือนผู้วิเศษนั้น
เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
(อ่านเรื่องนักพลังจิต ประกอบได้ที่กระทู้..http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=76231&page=67)

เสียดายบ้านเรา ไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร
ไม่เช่นนั้น..เราก็ได้นำสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาคน ให้เกิดคุณภาพ
ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าในหลายด้านของประเทศ

คอยจับตามองจีน ให้ดีนะครับ
จีนจะพัฒนา ไปเป็น มหาอำนาจ อันดับหนึ่งของโลก ในไม่ช้า

 

โมทนาบุญจ้ะ บางทีคัน แปลว่า "เจ้าทางไม่ดี" ท่าข้ามเคยเจอเหมือนกันแต่เป็นเจอกับเจ้าที่ ตามโรงพยาบาล ก่อนนอนรู้สึกคันไปทั้งตัว (ทั้งๆที่ไม่มีมด ไม่มีแมลง และคนอื่นกลับไม่รู้สึกคันเลยซักนิด ส่วนท่าข้ามคันทั้งตัวจิตสุดท้ายก่อนหลับจะบอกทันทีว่า ที่นี่ต้องมีผีและเป็นผีน่ากลัว และเมื่อเคลิ้มหลับไปปุ๊ปเขาก็มาแสดงตัวที่น่ากลัวทันที เช่น ดึงผมทำหน้าตาเคียดแค้นใส่,ไล่เราให้ออกจากห้อง) ซึ่งตอนนี้ถ้าไปนอนที่ไหนแล้วคันทั้งตัวก็จะรู้แล้วว่าเจอเจ้าที่ไม่ดีแน่ๆ

 

ผมไปผ่าตัดไส้ติ่งที่ รพ.ศิริราช ในฝันมีคนแก่เป็นผู้หญิง มาชะโงกหน้าดูผมที่เตียง อีกคืนเป็นเด็ก อายุ 3-4 ขวบมายืนบนขอบเตียง แล้วเอานิ้วมือมาจิ้มแผลผม ผมบอกเฮ้ยมันเจ็บ เล่นบ้ามาจิ้มแผลผ่าตัด

 

ขอบคุณอาจารย์ตาที่สามมากๆครับ ได้ความรู้มากมาย จริงๆ จะติดตามต่อๆไปนะครับ

 

ผมบังเอิญแวะเข้ามาดูวันนี้
ช่วงนี้เวปแน่นมากๆๆจึงไม่ค่อยมีโอกาสมาโปสต่อ
จะโปสทีต้องตั้งท่า ตั้งแต่ ตีสี่ ตีห้า
จึงจะเข้าได้
แล้วหาเวลาตื่นตอนตีสี่ ตีห้า ได้ยาก
.เพราะเหนื่อย จากบู๊ธ ที่มีคนมาให้ตรวจออร่า
ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 น ตามเดิมจะปิดเวลา 17.30น
แต่ตอนนี้ ปิดเกือบสามทุ่มทุกวัน
และต้องหยุดวันจันทร์ 1 วัน
มิฉนั้น เหนื่อยตาย
สวัสดีครับ

 

อาจารย์ ขายอะไรที่ บู๊ธ ครับ

 

อนุโมทนาค่ะอาจารย์ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยค่ะ

 

ลองแวบเข้าดุสั้นๆ เผื่อ จะเข้าได้
บังเอิญเข้าได้ หลังจากที่พยายามมาหลายวัน
สิ่งที่ได้เขียนไว้จนจบเรื่องนี้ เหลืออีก 8 หน้ากระดาษ เอ-4
คงต้องใข้เวลาอย่างน้อย อีก 4กะ
วันนี้เข้ามาสายแล้ว ต้องไปธุระ
อยู่นานไม่ได้
ต้องลาไปก่อนครับ


อ้อมีกระทู้ถามว่า ผม ขายอะไร
1. ตรวจออร่าซึ่งเปรียบเสมือนแสงแห่งชีวิต
2. ตรวจสุขภาพด้วยจิต
3. ตรวจวิธีเพิ่มพลังบารมีของตัวตน
4. ตรวจฮวงจุ๊ยของสถานที่
5 .ตรวจการแพ้อาหารด้วยจิต
6. ตรวจ เทพองค์ในที่ดูแล
7.ตรวจพยากรณ์อนาคต
8.ตรวจชนิดพลัง และความแรงของพระเครื่อง
9. ตรวจว่า ใส่พระเครื่ององค์ไหนดีที่สุด
10. ขายคอลเลคชั่นกระป๋องเปล่า โค้ก ที่มีอยู่นับหมื่นใบ
11. ฯลฯ

 

สนใจอยากไปดูบ้างจังค่ะ ถ้าอาจารย์ไม่ว่าอะไร อยากทราบว่าบูธอาจารย์อยู่ที่ไหนค่ะ นึกว่าสงเคราะห์สำหรับคนที่อยากตรวจหน่ะค่ะ (อยากไปตรวจเองค่ะ)

 

(ต่อ)
ตามถนนหนทางมีหลายจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย
ส่วนใหญ่จะเป็นทางโค้ง ทางหักศอก จนมีคนเรียกว่า "โค้งผีสิง"
เมื่อมีคนมาตายตรงนั้น วิญญาณก็จะมาอยู่ตรงนั้น
ก็จะมาคอยเรียกให้คนอื่นมาตายแทน เพื่อตัวเองจะได้ไปเกิด

ที่น่ากลัวคือเวลามืดๆๆ
บางคนขับรถมาดีๆ ก็มีคนโผล่ออกมายืนกลางถนนในทันที
ผู้ที่ขับมาเร็วๆๆ ก็จะกลัวชนคน ก็จะหักพวงมาลัยหลบ
ถ้าหลบเป็น หรือรถไม่เร็วมาก ก็จะเคราะห์ร้ายนิดหน่อย
ถ้าดวงถึงคราวก็จะมาตายแทน
และเฝ้า หลอกให้คนอื่นมาตายแทน เป็นคิวต่อไป

ดังนั้นเวลากลางคืน ในต่างจังหวัด
ควรจะขับรถให้ช้าลง แขวนพระ เพื่อกันผีหลอก
มีบางคนที่เข้าใจ
ในโอกาสที่ดี ก็จะ นิมนต์พระให้มากรวดน้ำ
ตรงจุดที่มี"โค้งผีสิง"
และตรงจุดที่มีผู้คนเอาศาลพระภูมิเก่าที่หักพัง
มากองเต็มสองข้างทาง
พวกเราที่ขับรถผ่านจุดที่ว่า
ถ้ามีเวลาให้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้แก่พวกเขา
จะช่วยได้มาก

 

โอปาติกะ และสัมภวาสี มีอยู่ทั่วไป ตามท้องถนน เร่ร่อนไปตามทาง ห้อยตามรถบ้าง เกาะ รถมาบ้าง อยู่บนหลังคาบ้าง
เวลารถเลี้ยวหักศอก ตามแยก ตามมุม ทางสามแพร่ง ทางตัน
ถ้ารถแล่นเร็ว ก็จะเหวี่ยงโอปาติกะ สัมภวาสี ให้หลุดโค้งออกมา
บางส่วนก็จะหลุดเข้าบ้านได้
ถ้าเป็นวิญญาณที่ดีก็แล้วไป
ถ้าเป็นวิญญาณที่ไม่ดี หิวโหย บ้านนั้นก็จะเดือดร้อน

ผู้คนที่เข้าใจก็หาทางป้องกัน
โดยเฉพาะบ้านที่ อยู่ตรงทางหักศอก ทางสามแพร่ง ทางแยก ทางตัน
จะหาของมาป้องกัน เช่นติดกระจก เสือคาบดาบ กระจกรูปใยแมงมุม ตราดวงอาทิตย์ ยันต์สารพัดรูปแบบ
เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ทั่วไปตามถนนและซอกซอยทั่วเมือง

สถานที่บางแห่งก็ป้องกันโดยการปลูกแนวต้นไม้ที่มีพลัง
ไว้ด้านหน้า บางแห่งก็ใช้ แผงน้ำพุ บางแห่งก็ใช้ตราครุฑ
แล้วแต่ศรัทรา

คนที่เข้าใจเรื่อง วิญญาณตามถนน
ก็จะมีพระเครื่อง ยันต์ วัตถุมงคลต่างๆๆ แขวนไว้ วางไว้หน้ารถ ก็เพื่อป้องกัน วิญญาณ โอปาติกะ สัมภเวสีด้วยกันทั้งนั้น
รถที่วิ่งตลอดเวลาอย่าง รถแท๊กชี่
หาคันที่ไม่มี ของป้องกันเหล่านี้ ไม่มี
ลองสังเกตุดูครับ
การวางวัตถุมงคล ยันต์ พระเครื่อง ที่ถูกต้อง
คือต้องให้ท่านหรือของนั้น หันมาทางเรา
เพื่อป้องกันเรา ไม่ใช่หันไปด้านหน้า

 

คนที่แขวนพระเครื่องไว้เต็มคอ
ถ้าสักแต่ว่าแขวนเฉยๆๆ ไม่ไหว้ไม่บูชา
ก็เหมือนแขวนวัตถุ ดิน โลหะธรรมดา
ไม่มีอำนาจอะไร
ผู้ที่รู้ จะทำการบูชา โดยก่อนจะสรวมใส่ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน
(เพราะส่วนใหญ่จะถอดออกเวลานอน)
สวดภวนาอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธินั้นให้ออกมาคุ้มครองตัว
ที่เรียกกันว่า "ปลุกพระนั่นเอง"
จึงจะได้ผล

 

เมื่อหลายปีก่อน มีรถเก๋งคันหนึ่ง
เจ้าของเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่
อยู่เชิงสะพานพระรามเจ็ด
ภายนอกรถมีสามตอน คือ กระโปรงหน้า หลังคา และกระโปรงท้ายรถ
เขาติดตั้งรูปบูชา รูปพระ รูปเทพมากมาย รวมทั้งภายในรถ
ที่คอนโซลหน้า หลัง นับได้เกินร้อย ติดโดยใช้กาวพิเศษ หนาแน่นมาก

การติดแยกเป็นกลุ่ม คืออ กลุ่มพุทธ มีพระพุทธรูป
เกจิอาจารย์ หลวงพ่อดังๆ

กลุ่มฮินดู มี พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม พระแม่อุมา
พระแม่ลักษมี พระแม่ สุรัสวดี องค์พิฆเนศวร ฯลฯ

กลุ่มเทพ พระแม่ธรณี พระแม่โพสพ พระแม่คงคา พระแม่นางกวัก
กุมารทอง ฯลฯ
รถคันนี้จอดที่ไหน คนมุงกันเต็มด้วยความแปลก หนังสือพิมพ์เคยเอาเรื่องและรูปมาลง

ข้าพเจ้าขับรถผ่านเห็นคนมุงแน่นทุกวัน
วันหนึ่งอยากจะรู้ชัดๆๆว่า เป็นยังไง
ก็จอดรถ เดินไปดูใกล้ๆ พอถึงก็มองตลอดทั้งหมด
ในใจก็คิดว่า มีสิ่งศักดิมากมายเช่นนี้
แล้วองค์ใหนเป็นผู้คุ้มครอง ในขณะนั้น

จึงกำหนดจิตถามแล้วมองด้วยตาที่สาม
ก็พบว่า ทุกองค์มืดดำแสดงว่า ไม่ทำงาน
สว่างเรืองแสงจ้า อยู่องค์เดียว คือ "พระแม่ธรณี"
พระแม่ธรณี หรือ แผ่นดินที่รถเหยียบอยู่ ทำหน้าที่ออกฤทธิ
พระแม่ธรณี ทำงานนั่นเอง
ซึ่งก็เป็นช่วงที่รถจอดนิ่งๆๆ อยู่กับที่

แต่เวลารถเคลื่อนออกไป อาจจะเป็นเวรของเทพองค์อื่น
ที่จะทำหน้าที่ปกดป้อง
ข้าพเจ้าไม่รู้ เพราะ ไม่ได้ นั่งไปเวลารถวิ่ง

 

ในภูมิประเทศที่เป็นป่าดิบ มีเขาสูง ตามเขาจะมถ้ำแทรกอยู่
ก็จะมีเทพดูแลเช่นกัน
ตมป่าก็จะเรียกว่า "เจ้าป่า""
ตามภูเขา ตามถ้ำก็เรียกว่า "เจ้าเขา"

เจ้าป่าจะอยู่ในทุกพื้นที่ของป่า
ป่าใหญ่แห่งหนึ่งทั้งผืน ก็จะมีเจ้าป่า แยกกันไปตามพื้นที่
ในป่าก็จะมี ต้นไม้ใหญ่ ในแต่ละต้นไม้ใหญ่
ก็จะมี รุกขเทวดา เทพารักษ์ ดูและอยู่
เป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อให่เกิดความสงบ

บรรดาพวกหาของป่า พรานล่าสัตว์
เมื่อใดเขาเหล่านั้นจะเข้าป่า เขาจะทำพิธีกรรม บูชา เปิดป่า ต่อ เจ้าป่า
ขออนุญาติ และจะไม่ทำอะไรที่เรียกว่า ผิดป่า
ทั้งนี้เพื่อ ความปลอดภัย ไม่ต้องผจญภัยกับอาถรรย์ของป่า

 

(ต่อ)

ข้าพเจ้าเคยเดินทางไปภาคใต้ เพื่อช่วยคนรู้จักในการสำรวจพื้นที่
ว่าที่แปลงใดที่มีอยู่หลายร้อยหลายพันไร่ และมีนับร้อยๆๆแปลง นั้น
ว่า ที่แปลงใด มีใครเป็นเจ้าที่ สมควรว่า จะทำกิจการใด
จะทำ เป็นสวนยางพารา ทำเป็นสวนปามล์น้ำมัน
หรือทำแร่ที่มีอยู่ใต้ดินนั้น แร่ดีบุก แร่ยิบซั่ม ฯลฯ

ถ้าทำแร่ได้ ก็ดูว่า ที่แปลงนั้นมีแร่มากพอหรือไม่
และอยู่ใต้ดินตรงไหนของพื้นที่
ถ้าไม่รู้เลย ก็จะเสียค่าใช้จ่ายสูง ในการไล่เปิดหน้าดินเพื่อสำรวจ
เมื่อดูด้วยตาในก็จะเห็น และกำหนดปักจุดไว้ได้เลย
ใช้เวลาไม่กี่ นาทีก็รู้ผล ไม่ต้องไปขุดไล่เปิดกันเป็นเดือนๆ
เสียค่าใช้จ่ายมากมาย

ณ จุดหนึ่งในเขตพื้นที่ จังหวัดพังงา บนเส้นทางสำรวจพื้นที่
ที่ดินแปลงนั้นมีพื้นที่หลายร้อยไร่ อยู่ริมแม่น้ำ
เมื่อตั้งจิตดูว่า ใครเป็นเจ้าที่
ก็พบว่า เจ้าที่เป็นร่างวิญญาณ เสือโคร่งขนาดใหญ่
แสดงว่า พื้นที่ แปลงนี้ มีเสือ เป็นเจ้าที่

จึงไปถึงบางอ้อว่า ทำไม พวกตัดยาง กรีดยาง ตอนกลางคืน
ก่อนที่จะเข้ากรีดยางจะต้อง จุดประทัดบอกเจ้าที่
เจ้าที่ที่เป็นเสือให้รู้ตัว เท่ากับขออนุญาต เพื่อความปลอดภัยทั้งมวล

ขณะเดียวกันที่มอง ก็เห็นผิดสังเกตุในพื้นที่อีกฝากของแม่น้ำ
ที่เป็นป่าละเมาะ เบื้องหลังเป็นทิวเขาสั้นๆๆ เรียงกันไป ประมาณ 6 ลูก
เมื่อเพ่งด้วยตาที่สาม ก็เห็น ชายร่างใหญ่ สูงประมาณ ตึก 10 ชั้น
ร่างกายบึกบึน ผิวออกสี ดำ-แดง
นุ่งผ้าหยักรั้ง ไม่ใส่เสื้อ
ยืนกอดอก มองตรงมายังกลุ่มพวกเรา
ใบหน้ามีหนวด ผมหยักโศก มีสร้อยคอเป็ยลูกกระพรวน
พวกเราที่ไปด้วยกันก็รู้สึก บางคนก็มองเห็น

เขายืนมองอย่างเงียบๆๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
จิตบอกเราว่า นี่คือ "เจ้าป่า"
เป็นครั้งแรกที่ ได้พบได้เห็นเจ้าป่า
เพราะที่ผ่านๆๆมา ข้าพเจ้ามักจะไปสำรวจมองตามวัดเก่าๆ
ตามวิหาร ตามปราสาทโบราณของไทย บ้าง ของขอมบ้าง
จึงเจอแต่พญานาค เทพ เทวดา มหาเทพฯลฯ
คราวนี้มาดูป่า ก็เลยเจอเจ้าป่า เป็นครั้งแรก