ประสบการณ์พระพิฆเนศ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย sad boy, 12 ธันวาคม 2011.

  1. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    เขียนเป็น ธรรมทานครับไม่ได้พาดพิงครัย...หรือสนใจใครครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2011
  2. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    สาธุด้วยกับศิษย์ขององค์พระพิฆเณศทุกๆคนครับ

    สาธุด้วยกับศิษย์ขององค์พระพิฆเณศทุกๆคนด้วยนะครับที่ได้มาร่วมกันแสดงความเคารพและประกาศความดีขององค์ท่านให้กับคนอื่นที่ไม่เคยทราบให้มีโอกาสได้รับรู้กัน...จะได้ลบล้างความคิดเดิมๆที่คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า คนที่จะกราบไหว้องค์ท่านได้ต้องเป็นแขกเท่านั้นหรือแม้แต่พระแม่กวนอิม ว่าคนที่จะกราบไหว้ได้ต้องเป็นคนจีน (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ)

    ผมยังค้างเรื่องราวขององค์พระพิฆเณศที่รับปากว่าจะส่งทาง PM ให้กับคุณ คนกันเองและล่าสุดที่คุณfatcafeขอมาใหม่ ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับ คือขอผมกะว่าโทรไปหาพระอาจารย์ของผมโดยตรงอีกทีนึงก่อนนะครับ จะได้ถามเรื่องพระพิฆเณศโดยเฉพาะ จะได้มีรายละเอียดมากกว่าความทรงจำอันเลอะเลือนที่ผมมีอยู่ อดใจรอหน่อยครับ

    ในกระทู้ของคุณอริยะบุญ น้องตุ้ยก็พูดถึงองค์พระพิฆเณศด้วยนะครับแต่หน้าไหนผมจำไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าคุณคนกันเองกับคุณfatcafe ได้อ่านแล้วหรือยัง

    เท่าที่ได้อ่านเรื่องราวของน้องตุ้ยกับคุณอริยะบุญเล่าถึงองค์ท่านนั้นทำให้ผมได้คิดเพิ่มขึ้นอีกว่าพระบารมีขององค์พระพิฆเณศท่านสูงมากครับ ลองเข้าไปอ่านฆ่าเวลาไปพลางๆก่อนครับ
     
  3. windman

    windman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    994
    ค่าพลัง:
    +742
    ไม่ได้อ่านหรอกครับ และผมเข้าใจคุณครับ ผมก็เคยมีครูอาจารย์เล่าเรื่องแบบนี้เหมือนกัน บางทีก็คุยได้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น ไปคุยนอกกลุ่มเขาจะโห่และจะหมิ่นเกียรติเราและคนที่เราเคารพและลามไปถึงองค์เทพหรือพระที่เราเคารพ บาปเขาเปล่า ๆ

    อาจารย์ของผมก็ยืนยันครับว่ามีจริงครับ เราเคยไปที่รูปปั้นที่ วค.พระนคร (สมัยนี้คือ ม.ราชภัฎพระนคร) นานแล้วแล้วก็ยืนยันว่า รูปปั้น (เป็นคล้าย ๆ กับศาล ผมเรียกไม่ถูกว่าเรียกว่าอะไร) องค์พระพิฆเนศรที่นั่นศักดิ์สิทธิ์จริง คือคงทำพิธีถูกต้อง ทำเหมือนกับว่าท่านสื่อสารกับองค์พิฆเนศรได้ แต่ผมก็ไม่กล้าถามมากกว่านั้น เพราะตอนนั้นไปทำธุระอย่างอื่นอยู่

    และเพื่อนผมที่ว่าท่านท้าวเวสสุวรรณคุ้มครองอยู่นั้น ผมเคยดันเผลอไปเล่าที่อาจารย์บอกคือว่า องค์ท่านท้าวเวสสุวรรณองค์ปัจจุบันนี้เป็นองค์ใหม่แล้ว องค์เก่า ๆ ก่อน ๆ ท่านพ้นหน้าที่ไปที่อื่นแล้ว คือเล่าให้เพื่อนผมฟัง (ที่เป็นศิษย์สำนักปฏิบัติเดียวกันนี่แหละ) ท่านบอกว่าเคยไปจะไปคุยกับองค์ปัจจุบัน (เอ หรือองค์ก่อนไม่แน่ใจ เล่าไว้เป็นสิบ ๆ ปีแล้ว) ท่านไม่ยอมคุยด้วย ไม่รู้เพราะอะไร

    ก็จำ ๆ เขามาคุยแหละครับ
     
  4. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094


    ครับ อาจารย์ผมก็บอกเหมือนกันว่าท้าวเวสท่านเป็นองค์ใหม่แล้ว องค์เก่าเท่าพ้นวาระแล้วเหมือนกันครับ
     
  5. windman

    windman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    994
    ค่าพลัง:
    +742
    อืมม แสดงว่าน่าจะเป็นจริงนะครับ เอ หรืออาจารย์คนเดียวกันหว่า ... 5 5 5
     
  6. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    ขอคารวะศิษย์มีครูบาอาจารย์

    นับว่ามีโชควาสนามากที่ได้พบปะกับศิษย์มีครูบาอาจารย์หลายต่อหลายคนครับ
     
  7. คนกันเอง

    คนกันเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    7,441
    ค่าพลัง:
    +8,977
    ยังไม่ได้อ่านเลยครับพี่ ขอบคุณมากครับ:cool:
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เห็นกระทู้นี้แล้วขอแจมด้วยคนครับ....เรื่องการนับถือเทพหรือชอบหรือศรัทธาองค์ไหน.เมื่อก่อนก็เคยสงสยครับ..ว่าเราเป็นพุทธ ทำไมถึงนับถือ ถึงชอบเทพทางแขก หรือ ทางจีน หรือ แม้กระทั่งเทพอะไรก็ตาม..ที่หลังมาพบคำตอบได้ว่า..มันมีมูลเหตุที่สืบเนื่องมาจากอดีตของตัวเองด้วยครับส่วนหนึ่ง..บางคนที่สัมผัสได้ในเรื่องของภพภูมิ.บางทีมารู้ชื่อที่หลังก็จาก Google ก็มี ได้รับคำตอบเองก็มี.หรือจะรู้ได้เองแบบต่างๆก็แล้วแต่จะเข้าใจ..แต่ที่ผมคิดเองนะครับว่า..จะองค์ไหนก็ดีทั้งนั้น..การสัมผัสหรือสัมพันธ์ได้ ไม่ว่าเราส่งออกไปหรือท่านเข้ามาเอง..สำคัญที่วัตถุประสงค์ครับ.แต่สุดท้ายเราจะได้รับคำสอนแน่ๆ.จากองค์ใดองค์หนึ่งครับ....
    ปล. พระพิฆเนศ ที่แกะสลักด้วยหินสะเก็ดดาวสีดำ.ราคา 1,800 บาท..พระพักต์และแววตาเหมือนท่านที่สุดแล้วครับ..อยู่ที่ตลาดนัดจุตจักร ร้านที่มีเจ้าแม่กวนอิมทัมทิมแกะสลักสูง 5 cm และ 10 cm ให้บูชา ..ที่ร้านจะมีคุณแม่ และลูกสาวออกทอมๆหน่อยๆครับ..
    ขอบคุณครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2011
  9. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    หลีกห่างจากร่างทรง เพื่อสังคมไทยได้พัฒนา <table width="850" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="left" height="133"> มีคนไทยนับล้านคนที่ถูกครอบงำ ชักจูง ล่อลวง ข่มขู่....จากบรรดาร่างทรง และตำหนักทรงต่างๆ ที่แอบอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาผลประโยชน์เข้าใส่ตนเอง ล่อลวงเอาทรัพย์ สมบัติ เงินสด บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทองที่หามาทั้งชีวิต ไปเป็นของตน...แม้กระทั่ง..การลักพาตัว!!

    ผู้ที่ถูกล่อลวงให้ไปนับถือร่างทรง หลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้ที่เปิดโปงหรือต้องการถอนตัวหลายคนถูกข่มขู่ หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ และบางกรณีก็รุนแรงถึงชีวิต... มีคนเสียโอกาส เสียอนาคต เสียคนที่รัก จากการถูกชักจูงให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับตำหนักทรง ที่มีอยู่เกลื่อนทั่วประเทศไทย

    มีผู้คนส่งอีเมล์มายังทีมงานสยามคเณศ เป็นจำนวนหลายร้อยฉบับ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่พบเห็นและขอคำปรึกษา ทำให้ทีมงานสยามคเณศได้พบว่า มีผู้ที่ถูกชักจูงไปสู่วงโคจรของบรรดาร่างทรงอย่างถอนตัวออกมาไม่ได้ เป็นจำนวนมากมายมหาศาล บ้างก็เสียเงินเสียทองไปจำนวนไม่น้อย บ้างก็ถึงขนาดล้มป่วยเนื่องจากความเครียด บ้างก็ยังต้องหาสมาชิก เป็นแขนเป็นขาให้กับตำหนักทรง หลอกลวงคนเป็นทอดๆ เรื่อยไป...หลายคนไม่พบทางออก คิดจบชีวิตตัวเอง...หลายคนถูกกิเลศครอบงำ ก็ออกมาเปิดตำหนักเอง หลอกคนเพิ่มเติมอีกไม่มีที่สิ้นสุด...สร้างความเสื่อมแก่สังคมไทยอย่างน่าเวทนายิ่ง!!!
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="850" bgcolor="#CCCCCC" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td class="middledetails" valign="middle" width="33%" align="left" height="114"> ท่านผู้อ่านที่ได้พลั้งพลาด ไปตกเป็นเหยื่อของร่างทรงและตำหนักทรง หากท่านรู้ตัวว่าถูกหลอก...ขอให้ท่านตั้งสติ แล้วหลีกหนี ถอยห่าง เลิกยุ่งเกี่ยวอย่างเด็ดขาด และกรุณาบอกเล่าเรื่องราวที่ท่านได้พบเห็นมายังทีมงานของเรา เรายินดีให้คำปรึกษาเต็มที่ สติและปัญญาเท่านั้นที่จะนำทางเราให้หลุดพ้นจากความชั่วร้าย
    </td> </tr> </tbody></table> ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับร่างทรง
    โดย : ราติกาญา


    เทพ เทวดาทั้งหลาย ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ ล้วนแล้วแต่รังเกียจร่างกายของมนุษย์ เพราะกายของมนุษย์นั้นหยาบ จิตของมนุษย์ก็ยิ่งหยาบกว่าหลายเท่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาเข้าทรง เทวดานั้นอยู่บนสวรรค์ ท่านทั้งหลายจะไม่ลงมาเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็น พระพิฆเนศ พระพรหม พระศิวะ พระวิษณุ และพระแม่ที่เป็นมเหสีของมหาเทพทั้ง 3 นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนมีบุญบารมีมากพอที่องค์ท่านจะมาประทับได้ (ในสมัยโบราณนั้นมีอยู่ แต่ปัจจุบันร่างทรงมหาเทพและมหาเทวีได้หมดไปจากโลกนี้แล้วโดยสิ้นเชิง) สำหรับกรณีร่างทรงในวัดแขก สีลม ที่เป็นพราหมณ์จากอินเดียนั้น ขอให้ผู้อ่านเข้าใจไว้ว่า พระแม่อุมา พระแม่กาลี และพระขันธกุมาร องค์ท่านไม่ได้มา "เข้าทรง" ที่ร่างของพราหมณ์ผู้นั้น แต่เป็นการที่พราหมณ์ผู้นั้น ได้กำหนดจิตตั้งมั่นไปยังพระแม่อุมา จีงเกิดสมาธิ เกิดการระบำร่ายรำ เพื่อถวายพระแม่ และทำการโปรยผงธูปให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มาเข้าเฝ้า พิธีกรรมทรงเจ้าแบบนี้ จะมีขึ้นเฉพาะชาวทมิฬ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอินเดียเท่านั้น มีการปฏิบัติ ถือศีล อดอาหาร ถูกต้องตามตำราโบราณ ซึ่งทีมงานของเราก็ให้ความเคารพและไม่ได้ต่อต้าน มีความแตกต่างจากร่างทรงคนไทย จึงขอให้แยกแยะให้ถูกด้วย

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ส่วนที่เห็นทรงเจ้ากันอยู่ทั่วๆไปนั้น มีอยู่ 3 ประเภท คือ

    1. เทพ เทวดา คนธรรพ์ วิทยาธร และวิญญาณที่บุญยังไม่ถึงพอ มาเข้าทรง
    เทวดาและวิญญาณเหล่านี้ บางกลุ่มที่เป็นอมนุษย์ จะมีศัพท์เรียกกันว่า "วิทยาธร" โดยวิทยาธรนี้ จะมีวิชาอาคม เหาะเหินเดินอากาศ มีความสามารถในการรักษาโรค ปรุงว่านยา บีบนวดตามแผนโบราณ ทำนายดวงชะตา สามารถจำแลงตัว มาเข้าสิงมนุษย์ เป็นการมาเพื่อโปรดมนุษย์ เพื่อสั่งสมบุญของวิทยาธรเองให้มีมากพอแล้วก้าวต่อไปยังภาคหน้า ร่างทรงประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นคนดี มีความเอื้ออาทรต้องการให้ผู้คนพ้นทุกข์
    ร่างทรงจะไม่สามารถเรียกเทพ เทวดา และวิทยาธรมาได้เอง แต่วิทยาทรจะเป็นผู้เลือกเอง ว่าจะประทับทรงที่ใคร ผู้นั้นมีจิตใจดีงามและมีเมตตาหรือไม่? มีการสั่งสมบุญบารมีมากพอหรือไม่? ร่างทรงประเภทนี้จะไม่เรียกร้องเอาทรัพย์สินใดๆ ไม่เรียกร้องให้ผู้คนมาเชื่อ ไม่มีการอวดอิทธิฤทธิ์บารมี จะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อทำบุญ ไหว้ครู หรือรักษาโรค ตามตำราโบราณ มีการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไสยศาสตร์ โดยเน้นไปที่การช่วยเหลือเพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่มีการเรียกร้องเอาเงินค่าอะไรทั้งสิ้น (อาจจะมีเพียงค่าครู แต่จำนวนน้อยมาก เช่น 3-29 บาท) ร่างทรงแบบนี้มีอยู่จำนวนน้อยมากๆ ตามที่เราได้แจ้งไว้แล้ว คือ ในประเทศไทยมีเพียง 1% เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ที่มีจิตใจเมตตา อาศัยอยู่ตามชนบท และร่างทรงประเภทนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับมหาเทพ มหาเทวี ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเลยแม้แต่น้อย

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    2. โดนผีสาง เข้าสิง
    แล้วแอบอ้างว่าเป็นการทรงของมหาเทพ มหาเทวี หรือเป็นเทพเจ้าระดับสูง แบบนี้จะพบเห็นได้ประมาณ 10% ตามตำหนักทั่วประเทศ ร่างทรงเหล่านี้เกิดจากการ เล่นของ ทำไสยศาสตร์ บางครั้งตัวคนที่เป็นร่างทรงเอง ก็จะถูกแอบอ้างจากพวกผีสาง มาร หรือวิญญาณที่มาทรงนั่นแหละ มาโกหกว่า ข้านี้คือพระศิวะ...ข้านี้คือพระพรหม...ข้านี้คือพระแม่... ฯลฯ และเจ้าจะต้องเป็นร่างทรงของข้าเพื่อโปรดมนุษย์..(มีทั้งแอบอ้างว่าเป็นเทพฮินดู เทพจีน และเทพไทย)
    จากนั้นก็จะแสดงบารมีระดับต่ำ ทำการเล่นของ ทำไสยศาสตร์ ทำสเน่ห์ ทำเสนียด ฯลฯ ซึ่งคนที่เป็นร่างทรงของผีสาง ก็จะเข้าใจผิดว่าตนเองนั้นเป็นร่างทรงของมหาเทพ หรือเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่ คิดว่าตนนั้นมีบุญบารมีมาก เกิดความหยิ่งยะโส ยกตนขึ้นข่มผู้อื่น แท้ที่จริงก็คือตนจิตอ่อนเกินไป ไม่มีความเข้มแข็ง ผีสางเลยเข้าสิง เมื่อร่างทรงโดนผีมาหลอก ร่างทรงก็ไปหลอกลวงผู้อื่นต่อเป็นทอดๆ กิเลศเข้าครอบงำก็ไม่รู้จักหยุด บรรดาลูกศิษย์หัวอ่อน จิตอ่อน ก็จะกรูกันเข้าตำหนัก ก็ชักชวนกันทำบาปเข้าไปอีก ผลสุดท้ายก็ลงนรกด้วยกันทั้งหมด... ร่างทรงประเภทนี้พราหมณ์หลวงทุกท่านต่อต้านครับ อย่าไปยุ่งเกี่ยวดีที่สุด...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    3. ไม่มีอะไรทรง ไม่มีอะไรสิง แค่ทำตัวสั่นเฉยๆ
    แบบนี้จะพบเห็นได้ประมาณ 90% ตามตำหนักทั่วประเทศ และก็คือร่างทรงประเภทที่พราหมณ์ทุำกฝ่ายกำลัง ต่อต้านเต็มกำลัง นั่นเอง (พราหมณ์คนไหนที่สนับสนุนร่างทรงประเภทที่ 2 และ 3 แสดงว่าเขาผู้นั้นไม่ใช่พราหมณ์ตามบัญญัติของพระศิวะมหาเทพครับ) ตำหนักทรงเหล่านี้มีการจัดสถานที่ให้ดูขลัง น่ากลัว ดูน่าเลื่อมใส จุดธูปให้มีกลิ่นตลบอบอวล มีองค์พระพุทธรูป เทวรูป มหาเทพ มหาเทวี เจ้าพ่อ เจ้าแม่ กุมารทอง นางกวัก เศียรปู่ฤาษี อยู่มากมาย มีการจัดหิ้งพระโดยเอาพระพุทธรูปและเทวรูปจากหลายๆศาสนา หลายๆ คติ มาตั้งรวมๆกัน โดยไม่ให้เกียรติ เช่น พระพุทธเจ้า พระแม่กวนอิม กุมารทอง พระศิวะ พระแม่กาลี เสด็จพ่อ ร.5 ก็เอามาตั้งรวมๆกันในหิ้งเดียว แสดงให้เห็นถึงการขาดความรู้ในการจัดหิ้งพระ
    มีการถวายหัวหมู เป็ดไก่ สุรา ของคาวต่างๆ แก่เทพเจ้า ซึ่งหากมีความรู้ในการจัดเครื่องถวายจริงๆ ก็จะต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้า มหาเทพ มหาเทวี และฤาษีนั้น ห้ามใช้เครื่องถวายที่เป็นเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาด
    มีการเชิญเทพมาประทับ นึกจะเรียกให้ท่านมาเมื่อไหร่ก็เรียก ทำตัวสั่นๆ ทำหน้าบูดเบี้ยวอุบาทว์ โวยวายเสียงดัง พูดจาหยาบคาย กูๆ มึงๆ นึกจะให้ออกเมื่อไหร่ก็ออก เมื่อออกจากร่างไปแล้ว นึกจะเรียกกลับมาวันไหนก็เรียกมาอีก มหาเทพไม่ใช่ทาส...ที่จะเรียกให้มาหาเมื่อไหร่เวลาใดก็ได้
    ร่างทรงเหล่านี้เป็นผู้ที่แอบอ้างพระนามของมหาเทพ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ฯลฯ แล้วทำการรีดไถ ล่อลวงเอาเงินทองของผู้ศรัทธา บ้างก็ว่าสามารถรักษาโรคได้ บ้างก็ว่าจะช่วยให้พ้นกรรม บ้างก็ว่าโดนของและให้เอาของออก บ้างก็ว่าลูกศิษย์คนนั้นมีองค์พ่อ คนนี้มีองค์แม่ และจะต้องรับขันธ์ หรือเซ่นไหว้ ล้วนแล้วแต่ยกมาอ้างเพื่อให้เสียเงิน บ้างก็ดูดวงให้ส่งเดช ถ้าดูแม่น ทายถูกต้อง ก็จะเกิดศรัทธาเพิ่มขึ้นไปอีก
    ผู้ศรัทธาก็ไปชักชวนญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมเป็นลูกศิษย์ งมงายกันไปทั่วประเทศ เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ ร่างทรงประเภทนี้ขอให้หลีกห่างให้มากที่สุด

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    คนเราเกิดมามีกรรมติดตัว และต้องชดใช้กรรมไปจนหมดวาระของชีวิต ไม่มีใครช่วยให้เราพ้นกรรมได้ มนุษย์ควรยอมรับในกรรมที่สร้างขึ้น เมื่อผลกรรมส่งผลแก่ตัวเราในปัจจุบัน จะเล็กน้อยหรือร้ายแรงก็ตาม ก็ขอให้ยอมรับสภาพ และอดทนก้าวผ่านไปให้ได้ จากนั้นให้เริ่มสั่งสมบุญด้วยการตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง หมั่นทำบุญ ทำทาน ไม่สร้างกรรมชั่วเพิ่มขึ้นอีกในชาตินี้ และสวดมนต์ต่อมหาเทพ มหาเทวี ตลอดจนสวดมนต์ต่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อว่าบุญบารมีที่ทุกท่านได้สะสม จะส่งผลดีให้เกิดขึ้นในชีวิตของท่านอย่างแน่นอน
     
  10. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    ร่างทรงรึว่าผีเข้า


    ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ต่างๆ โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง หลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์จนเกินไป ทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ ที่ชอบอวดอ้างตนเอง ตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อ กระทำเรื่องราวต่าง ๆ อวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆ จนผู้คนหลงเชื่อ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้
    การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้น จัดได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังได้กล่าวมาแล้ว หากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็อาจเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ไอหรือจาม เพียงกินยาหรือหาหมอก็หาย บางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาท ก็เป็นไปได้ แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย กินยากันเป็นปี ผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หาย
    ดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไข ก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ มาเป็น ไสยศาสตร์ หาร่างทรงองค์เทพกันไป หายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริง ๆ ก็คงจะหาย แต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหากิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหาย
    สิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ ถูกทักทายว่ามีองค์ และจะต้อง ครอบขันธ์ครู รับองค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วย บางทีอาจถึงตาย คนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอม ส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กัน เพราะ อยากหาย และ อยากรวย ดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจ เพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้แก่ตำหนักนี้อีก เรื่อย ๆ เช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ท่านมีองค์จริง? หรือว่าถูกหลอก??

    (ร่างทรงพระพิฆเนศ ร่างทรงพระพิฆเณศ ร่างทรงพระพิคเนตร ร่างทรงพระศิวะ ร่างทรงพระวิษณุ ร่างทรงพระนารายณ์ ร่างทรงเจ้าแม่กาลี ร่างทรงเจ้าแม่อุมาเทวี ร่างทรงเจ้าแม่ลักษมี ร่างทรงเจ้าแม่ทุรกา ร่างทรงเจ้าแม่ทุรคา ร่างทรงพระขันทกุมาร ร่างทรงพระกฤษณะ ร่างทรงพระแม่กาลี ร่างทรงพระแม่อุมาเทวี ร่างทรงพระแม่ลักษมี ร่างทรงพระแม่ทุรกา ร่างทรงพระแม่ทุรคา ร่างทรงพระราม)

    <hr> เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีองค์หรือเปล่า หรือชอบไปเที่ยวหาร่างทรงตามตำหนักต่าง ๆ เป็นเทพจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงสัมภเวสีที่แอบอ้างหากินไปวัน ๆ พอถูกเขาทักว่ามีองค์ก็เลยพาลรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัวก็จะซวยไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้หรือเทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะเป็นบ้าง ก็เลยทำให้มีทั้ง คนทรงเจ้า หรือ เจ้าเข้าทรง ก็อยู่ในวิจารณญาณของท่านที่ต้องพิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน
    เทพแต่ละองค์มีบารมีสูงมาก ไม่มานั่งสั่นๆ การสั่นที่เราพบเห็นกันคืออาการของ ผีเข้า หรือ สัมภเวสีเข้า เนื่องจาก บุญของผู้ที่กำลังจะเข้านั้นน้อยมากๆ และการใช้พลังงานมากในการเข้าออก เทพจริงๆ สวมร่างได้ไม่ต้องเชิญและไม่ต้องสั่น(สวมตามบารมีของผู้นั้นว่ามีธาตุกุศล มากน้อนแค่ไหน) การสั่น หรือการทรมารร่าง ให้อาเจียร หงายท้อง ปวดหัว ปวดบ่า นั้นเป็นบาปมหันต์ เราเองไปทรมารสัตว์ยังบาปเลย แล้วเทพ หรือมหาเทพมาทรมานมนุษย์ ให้จริต ร่างผิดเพี้ยนไป ยิ่งบาปมาก หรือพูดง่ายๆ คือ "สัตว์โลก ย่อมไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน" เทพเทวดาส่วนใหญ่ ก็ไม่เสี่ยงกับการถูกขับลงจากสวรรค์ หรือหมดอายุขัยง่ายๆ ด้วยวิธีนี้.
    ข้อสำคัญ ที่สั่นๆ นั้นเรียกว่าการเข้าทรง แล้ว ทำประโยชน์อะไรให้ร่างนั้นบ้าง นอกจากมาเกาะกิน บุญ เครื่องเซ่นไหว้ แล้ววันหนึ่งก็ไป..ในระหว่างการลง ผู้ที่ไม่เคยเห็นหรือศึกษา ก็คิดว่าเป็นความวิเศษ...
    ถาม - ตามตำหนักทรงทำไมต้องเจิมหน้าผาก ?
    ตอบ - การเจิมหน้าผากเป็นการสะกด หรือกดให้สังขารวิญญาณนั้นอยู่ภายใต้อำนาจตนเอง หรือกดให้เป็นบริวาร พระพุทธเจ้าสอนธรรมมะ ให้กับสาวก แม้แต่องคคุลีมาร ยังสำเร็จอรหันต์ มิได้ให้เจิมหน้าผากใคร
    ถาม - เหตุใดวันพระจึงไม่ยอมเข้าทรง?
    ตอบ - วันพระคือวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมโปรด สรรพสัตว์ทั้งหลาย และเหล่าทวยเทพเทวดา มาฟังธรรม เทวดาก็ต้องการหลุดพ้นเหมือนกัน การที่ตำหนักต่างๆ ไม่ทรง เรียกว่าไม่กล้าเข้า เพราะเกรงกลัวอำนาจ
    ...จึงขอให้ใช้สติพิจารณาไตร่ตรอง...
     
  11. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    คนมีองค์ หมายความได้ถึง คนที่มี องค์พระ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาคุ้มครอง หรือมีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นพันธะสัญญาแต่ชาติปางก่อน หรือทำบุญกุศลมามาก ทำให้เกิดมาชาตินี้เป็นคนที่สามารถสื่อจิตไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่มีองค์มาแต่กำเนิด แต่อาศัยการฝึกฝนจิต นั่งสมาธิ สวดมนต์บูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนสามารถสื่อจิตถึงเทพเจ้าได้ เมื่อคนมีองค์แล้ว ไม่หมั่นฝึกจิต สวดมนต์ นั่งสมาธิ การรับรู้สื่อจิตไปถึงองค์ก็จะค่อยๆหายไป กลับมาเป็นคนที่ ไม่มีองค์ ไปในที่สุด...

    ร่างทรง คือคนที่ตั้งตนเป็นใหญ่เหนือสามัญชนทั่วๆไป ด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ เช่น อมควันธูป เดินลุยไฟ เหยียบหนาม เสกของ จัดสร้างวัตถุมงคลระดับต่ำ ทำนายทายทัก รักษาโรค ทำไสยศาสตร์ เล่นของดำ โดยส่วนใหญ่มักจะแอบอ้างพระนามของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ดูยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์

    นอกจากเรื่องเข้าทรง ยังมีเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ ภาพนิมิต เสียงแว่วๆ พูดภาษาแปลกๆ อะไรต่อมิอะไรมั่วไปหมด ทำให้ศาสนาเสื่อม การทำนายทายทักที่เห็นว่าพวกร่างทรงนั้นสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงแค่คาดเดา หรือไม่ก็หากแม่นจริงๆ ก็คือการเล่นวิชา ไสยศาสตร์ของเขมร (พวกนี้มีจริงๆครับ แต่ไม่ใช่แนวทางของศาสนาฮินดู) พวกที่นิมิตเห็นอดีตของเรา ทายเงินในกระเป๋าสตางค์ได้ถูกต้อง ทายชื่อแฟนเก่า ทายใจ ตอบได้ว่าสามี-ภรรยามีชู้อยู่ที่ไหน ตลอดจนการเสกของเข้าท้อง ฯลฯ พวกนี้มีอยู่จริง แต่เป็นวิชามาร (ทางเขมร หรือพม่า) คนโดนของจากพวกนี้จะถูกฉุดดึงให้ชีวิตตกต่ำ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น คนที่รู้ตัวและต้องการจะหลีกห่างจากร่างทรงพวกนี้ก็จะโดนไสยศาสตร์เช่นกัน ขอจงเข้าใจว่า วิชามารพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์และฮินดูทุกพระองค์

    คนที่ถูกทักว่า มีองค์ อย่าเพิ่งไปหลงเชื่อหลงดีใจ เพราะคนมีองค์ไม่ใช่ว่ามีได้ง่ายๆ บุญกุศลไม่ถึงพอก็ไม่สามารถมีได้เลยตลอดชีวิตนี้ ถามตัวคุณเอง ก่อนว่าคุณได้ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรม ทำบุญกุศลไว้มากมายเพียงพอที่จะ มีองค์ ได้แล้วหรือไม่ แม้แต่นักบวช พราหมณ์ พระสงฆ์ เกจิอาจารย์ ผู้ปฏิบัติธรรมแก่กล้ามีวิชา ก็มีอีกนับไม่ถ้วนที่ยัง "ไม่มีองค์" เลย!!!!

    สรุป...คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องเป็น ร่างทรง...
    ร่างทรง อาจจะ ไม่มีองค์ เลยก็ได้ (ผู้ที่เข้าข่ายหลอกลวง)
    คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้อง รับขันธ์ เพราะการรับขันธ์ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดูแม้แต่น้อย
    ถ้ามีคนทักว่า มีองค์ ก็ให้เฉยๆไว้ อย่าหลงเชื่อ... คุณอาจจะมีองค์จริง หรือไม่มีองค์ ก็ไม่มีใครทราบ และไม่จำเป็นต้องทราบ...
    อย่าไปเสียเงินค่าพิธีแม้แต่บาทเดียว เพราะถ้าเสียเงินครั้งแรกจากการรับขันธ์..คุณจะโดนของเขมรทันที...และต้อง เสียไปเรื่อยๆจนหมดตัวในที่สุด!!

    ขอให้กลับไปสวดมนต์ภาวนาบูชาพระอย่างเดิม ไหว้พระก็ไหว้ที่บ้าน อยากไหว้นอกบ้านก็เข้าวัดหรือเทวสถานไปเลยจะดีกว่าครับ...


    ........................................................................................................................................................................

    คุณอาจจะเคลิบเคลิ้ม เมื่อถูกร่างทรงทักว่าคุณมีองค์ของเทพองค์นั้นองค์นี้..การได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นจุดอับ อัดแน่นไปด้วยควันธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นดอกไม้ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนพนมมือไหว้ มีเทวรูปของเทพเจ้ามากมาย เต็มไปด้วยเศียรของฤาษีพ่อแก่ หัวโขน กุมารทอง เจ้าพ่อเจ้าแม่ ฯลฯ บรรยากาศเหล่านี้จะก่อให้เกิดความกลัว ความกลัวก่อให้เกิดความศรัทธา และในบรรยากาศที่มีผู้ศรัทธาอยู่ด้วยกันมากๆ จะทำให้คุณเกิดอุปาทาน คล้อยตาม จิตประหวัดก่อให้เกิดอาการมือชา ตัวชา ตัวสั่น ปวดหัว เมื่อผู้คนรอบข้างคุณเริ่มมีอาการ คุณก็จะมีอาการ เมื่อคุณมีอาการ คนอื่นๆก็ก็คล้อยตามไปเรื่อย...อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ตัวร้อน ตัวสั่น ก็นึกไปว่าเทพประทับ ลุกขึ้นร่ายรำ ดันไปเรียกอาการนี้ว่า เจ้าเข้าทรงแล้ว...ก็มั่วกันไปทั้งตำหนัก!!

    ยิ่งตำหนักนั้นๆเลี้ยงผีไว้ด้วย อาการต่างๆที่ว่ามานี่แหละก็เป็นช่องทางให้ผีมันเข้าสิงได้ เพราะผีมันชอบสิงคนจิตอ่อน ชอบแทรกเข้าร่างคนที่ไม่มีภูมิต้านทานในจิตใจ คนที่ถูกวิญญาณเข้าแทรกก็ดันคิดว่า อ้อ..กูนี่คือเทพนี่เอง!!!


    >>>> ตามตำหนักทรง เราสามารถพบเห็นเรื่องทุเรศๆ ที่บิดเบือนไปจากศาสนาพุทธ-พราหมณ์ ได้มากมาย เช่น ร่างทรงพระพิฆเนศอ้วกแตกเพราะสูบบุหรี่ใบจากในขณะประทับทรง , พระแม่อุมาลงประทับลงร่างทรงที่เป็นกะเทย , พระวิษณุนารายณ์ต่อสู้กับนางตะเคียน , พ่อแก่ฤาษีประทับทรงแล้วกระโดดกอดสีกา , พระแม่ลักษมีดูดวงให้ลูกศิษย์ , พระนารายณ์อวตารสูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro , พระพรหมลงมาใบ้หวยให้เลขเด็ดแก่ลูกศิษย์ , พระพุทธเจ้ามาลงประทับร่างคนหน้าเหมือนโจร , พระศิวะคุยภาษาแขกกับเจ้าแม่กวนอิม (อันนี้ฮาสุดๆ) ฯลฯ แล้วคุณทั้งหลายยังจะคิดว่าองค์เทพเจ้าต่างๆที่ลงมาประทับนั้น เป็นองค์จริงๆแน่หรือ??

    ก็เพราะคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นี่เองที่ทำให้ประเทศไทยเราไม่เจริญสักที หากพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูท่าจะเป็นการหลอกลวง เป็นการแหกตา ก็สมควร ลบหลู่ ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป!! คนไทยกลัวกันเยอะครับ ประเทศชาิติเลยไม่เจริญสักทีทั้งทางโลกและทางธรรม...

    การอัญเชิญทิพยสภาวะของเทพเจ้าลงมาสู่กายแห่งมนุษย์ หรือการประทับทรงนั้น หาใช่เรื่องที่ใครๆ จะทำกันได้ทั่วไป ผู้ที่สามารถอัญเชิญพลังบารมีแห่งองค์เทวะมาประทับหรือสื่อจิตไปถึงองค์เทวะ ได้นั้น จะต้องได้รับการฝึกจิต ปฏิบัติธรรม เพื่อชำระกาย ชำระใจของตนให้สะอาดเสียก่อน ขอได้โปรดเข้าใจและศึกษาอย่างถ่องแท้นะครับ / เขียนโดย - ประชาบดี Siamganesh.com
    <table width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="left">บางคนอาจสงสัยว่า แล้วพราหมณ์อินเดียที่เป็นร่างทรงของวัดแขกสีลมทั้ง 3 ท่านนั้น เป็นเรื่องหลอกลวงด้วยหรือไม่? ผู้เขียนขอตอบว่า สำหรับในวัดแขกนั้น นับว่าเป็นของจริง และกระทำอยู่ในขอบเขต ไม่มีการทำนายทายทัก ไม่มีการเสกของ ไม่มีการเรียกเงินทองจากผู้ศรัทธา ไม่มีการให้รับขันธ์ ผู้ที่จะเป็นร่างให้พระแม่อุมา พระแม่กาลี และพระขันทกุมาร ของวัดแขกสีลมนั้น จะต้องเก็บตัวอยู่ในวัดตลอดเดือน ถือปฏิบัติเป็นโยคี ทานมังสวิรัติ และจะต้องเก็บตัวอยู่ตลอดเดือน ด้วยการนั่งสมาธิ ฝึกจิต ทรมานตน ฯลฯ จะเห็นว่าแตกต่างจากการทรงเจ้าที่ปรากฎตามตำหนักทั่วๆไปมากพอสมควร (แต่ในวันนวราตรีที่จัดในวัดแขก ก็จะเห็นว่ามีร่างทรงจากตำหนักทรงทั่วประเทศไปปรากฏตัว ตั้งโต๊ะบูชากันมากมายเหมือนกัน เดินชมเทวรูปของตำหนักต่างๆ ได้แต่อย่าไปยุ่งกับเจ้าของครับ)
    <hr> ***เพิ่มเติมเรื่องวัดแขก***
    ทั้งนี้ทั้งนั้น...บรรยากาศภายในวัดแขกสีลม มีความอึกทึกครึกโครม เสียงดัง และต้องรีบไหว้ รีบถวาย รีบกลับ!!
    ไม่สามารถอยู่ชมความงามขององค์เทวรูปได้นานนัก โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ จะไม่สามารถทำได้ (เพราะมีเจ้าหน้าที่โวยวายเสียงดัง คอยต้อนคน ให้รีบๆไหว้ เนื่องจากแต่ละวันคนเยอะมาก และทุกๆวันจะมีพวกร่างทรงเนี่ยแหละ เข้าไปไหว้เทพกัน คุณอาจจะเดินกระทบไหล่พวกเขาก็ได้ !!!) อาจทำให้หลายคนเกิดอคติ ไม่ชอบวัดแขกไปโดยปริยาย

    ....ผู้เขียนและทีมงานสยามคเณศทุกท่าน จึงขอแนะนำให้ลองไปกราบนมัสการเทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์ในวัดหลักอีก 3 วัดที่มีความสำคัญเช่นกัน นั่นก็คือ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ (เสาชิงช้า) , วัดเทพมณเฑียร (ใกล้โบสถ์พราหมณ์) และ วัดวิษณุ (ยานนาวา) ซึ่งทั้ง 3 แห่งนี้ไม่มีการทรงเจ้า สถานที่เงียบสงบ สามารถนั่งสมาธิได้ มีทั้งคนไทยและแขก แขกส่วนใหญ่ในวัดเทพมณเทียรและวัดวิษณุจะพูดไทยได้ เพราะอาศัยอยู่ในประเทศไทย คนไทยหลายๆคนอาจจะเคอะเขิน หรือทำอะไรไม่ถูกเมื่อไปครั้งแรก แต่ต่อๆไปก็จะชินเอง สามารถสอบถามขอความรู้จากคนข้างในได้ ...ที่วัดเทพมณเฑียรและวัดวิษณุ จะไม่มีการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนในเชิงพาณิชย์ หากต้องการถวายดอกไม้เราก็ต้องเตรียมของไปถวายเอง และวัดทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมานี้ จะประกอบพิธีกรรมโดยยึดถือหลักปฏิบัติตามวิถีอินเดียโบราณที่ถูกต้อง (มีข้อมูลที่หน้าแรกของเว็บ)
    . </td> </tr> </tbody></table> <table width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center" bgcolor="#CCCCCC" height="118">บทความ : มติขององค์กรทางศาสนาฮินดูเกี่ยวกับเรื่อง "การเข้าทรง"
    โดย : ศรีหริทาส (อาจารย์คมกฤช มหาวิทยาลัยศิลปากร)</td> </tr> </tbody></table> <table width="861" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td valign="middle" width="839" align="left" height="133"> เนื่องจากว่าหลายท่านสงสัยเรื่องการทรงเจ้า มันจะจริงเท็จอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทรงเจ้าที่มีการอ้างถึงเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู
    ผมซึ่งได้ทำงานรับใช้องค์ศาสนาฮินดูบ้างตามวาระโอกาส และได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับท่านพราหมณ์ อาจารย์ผู้รู้ต่างๆที่ได้สังกัดในองค์กรทางศาสนาฮินดูอย่างถูกต้อง จึงๆได้นำมติของท่านเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทราบกัน
    องค์กรทางศาสนาฮินดูในประเทศไทย องค์กรหลักคือเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และของชาวอินเดีย ได้แก่ สมาคมฮินดูสมาช (วัดเทพมณเฑียร) , สมาคมฮินดูธรรมสภา (วัดวิษณุ) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) รวมทั้งองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์กรหลัก คือ อารยสมาช
    องค์กรทั้งหมดถือว่า ท่านพระราชครูวามเทพมุนี ประธานพราหมณ์ฝ่ายไทย เป็นประมุขขององค์กรศาสนาฮินดูทั้งหมด
    ซึ่งในเรื่องการทรงเจ้า ท่านพระราชครูวามเทพฯ ได้มีมติ ในเรื่องนี้ ซึ่งท่านปรารภไว้ในคำนำของหนังสือทางโบสถ์พราหมณ์ไว้ว่า
    "..ความมั่นคง โดยไม่มีความงมงาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าองค์เทพเจ้าเป็นภาวะ อาจบันดาลสิ่งที่ผิดปกติ หรือเนรมิตสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่มีการสร้างคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์ และยังมีการแอบอ้างกล่าวถึงองค์เทพต่างๆ ว่าตนนั้นมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพเจ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่อยู่ในแนวทางเพื่อความหลุดพ้น พราหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติและประกอบพิธีเองก็ไม่เคยกล่าวอ้างหรือแอบแฝงองค์ เทพต่างๆ แต่ได้ปฏิบัติต่อองค์เทพด้วยความนอบน้อมและเกรงกลัวต่อบาป...."
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="850" bgcolor="#D3D3D3" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td class="middledetails" valign="middle" width="33%" align="left" height="199"> ผมยังได้มีโอกาสกราบเรียนถามท่านโดยตรงถึงเรื่องนี้ ท่านกรุณาตอบกลับผมว่า การเข้าทรงนั้น ไม่มีในศาสนาของเรา ผู้ที่ประพฤตินั้น เรียกได้ว่า กระทำบาปหนัก แต่ท่านก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเป็นสิทธิทางกฏหมายที่จะเชื่อ เว้นเสียแต่ว่าได้กระทำการหลอกลวงหรือผิดกฏหมายข้ออื่นๆ แต่ท่านกล่าวว่า จะต้องให้บรรดาร่างทรงและศาสนิกชนทั่วไปรู้ว่า สิ่งที่กระทำนั้นเป็นบาป แต่หากเขายอมที่จะบาป เราก็คงไปหยุดเค้าไม่ได้
    ส่วนฝ่ายของอินเดียนั้น ท่านบัณฑิต ลลิต โมหัน วยาส ประธานพราหมณ์วัดเทพมณเฑียร ฮินดูสมาช ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมกล่าวว่า การเข้าทรงไม่มีในศาสนาฮินดู เพราะเทพเจ้านั่น ไม่ได้อยู่ในฐานะเทพตามวิธีคิดแบบคนไทยเท่านั้น แต่พระองค์คือการ สำแดง ออกมาของพระเจ้า ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่บริบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจือด้วยกิเลสมากมาย
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="850" cellpadding="5" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td class="middledetails" valign="middle" width="24%" align="left">[​IMG]</td> <td class="middledetails" valign="middle" width="76%" align="left"> ส่วนในทาง อินเดียภาคใต้ ที่มีการเข้าทรง (กลุ่มเดียวกับร่างทรงของวัดแขกสีม) นั้น เป็นเพราะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวทมิฬเอง ที่ประสมเข้ากับศาสนาฮินดู ไม่ได้มีอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนาใดๆ และมีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้ อีกอย่างหนึ่งการเข้าทรงในวัฒนธรรมอินเดียใต้นั้น ไม่ได้มีการเข้าทรงกันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่เป็นการทรงในเทศกาลเฉพาะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยการกสิกรรมในอดีต จึงเป็นเรื่องวัฒนธรรมของท้องถิ่นโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างเพื่อมาเลียนแบบหรือกระทำตาม
    การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยคือ พุทธ - พราหมณ์ - ผี...ดังนั้น เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เริ่มมีความแพร่หลาย จึงมีคนนำเอา การเข้าผี ที่มีอยู่แล้วไปผสมปนเปจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่ก็รับได้ เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี
    </td> </tr> </tbody></table> ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และขอให้ทราบไว้ว่าพวกที่เข้าทรงในปัจจุบันนั้น มีอยู่เพียง 2 ประเภท...
    1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฏหมายด้วย
    2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้
    ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยนะครับ
    ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
    ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การ ทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง
    ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ
     
  12. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    สวัสดีครับผมคนนึงที่นับถือพ่อพิฆเณศเหมือนกันครับ ไม่ได้แขวนขึ้นคอ...... แต่มีองค์บูชาและรูปใส่กรอบอยู่ที่ห้องครับ.........

    มีแบบแขวนคอก็ เป้นเหรียญปางมหาเทพแห่งแผ่นดิน ของ Work Point ครับ

    [​IMG]

    ส่วนองค์นี้เป็นหิน โรสควอทซ์แกะ ของโบสถ์พราหม์ แล้วผมเอาไปสั่งทำกรอบแต่กรอบไม่ถูกใจเลยครับ......แหะๆๆ......องค์นี้ได้มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. windman

    windman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    994
    ค่าพลัง:
    +742
    ของเวิร์คพอย อยากได้แต่ไม่มีตังอ่ะ
     
  14. คนกันเอง

    คนกันเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    7,441
    ค่าพลัง:
    +8,977
    พอมีบูชาบ้างครับ :cool:

    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • R0012262.JPG
      R0012262.JPG
      ขนาดไฟล์:
      128.6 KB
      เปิดดู:
      4,322
    • R0012264.JPG
      R0012264.JPG
      ขนาดไฟล์:
      131 KB
      เปิดดู:
      2,818
  15. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    พระสวยดีครับ............:cool:
     
  16. j_cafe

    j_cafe สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอด้วยคนครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คุณ kizsweetylady ขอบคุณที่นำมาลงนะครับ...เพิ่มเติมหน่อยครับ...เป็นธรรมดาครับ..หลายๆคนก็มีองค์ทั้งนั้นหละครับ..เรียกว่า เทพประจำตัว จะสามารถเห็นได้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลครับ..ในขั้นแรกเป็นธรรมดาใครที่พอจะไปทางด้านนี้ได้ ทางทรงเค้าก็ชอบหมดนั่นหละครับ.เพราะเอื้อประโยชน์ให้เค้าได้..แต่ถ้าฝึกไปถึงในระดับที่ แยกนามธรรม ออกจากรูปธรรมได้ด้วยตัวเอง ต่อให้เคยรับขันธ์ 5 มาแล้วก็ไม่เป็นไรแล้วครับ..แม้แต่คนที่ให้รับขันธ์ ก็ไม่มีทางดูเราออกครับ.ยิ่งถ้าเป็นแบบที่ดีๆ 1% แบบเรื่องที่นำมาลง ยิ่งไม่ตอบ และไม่ยุ่งเลย.ถ้าเราไม่อนุญาติให้ดู..ถ้าดูก็จะเห็นแต่ในสิ่งที่เป็นอุปทานตามขันธ์ของตัวผู้ดู..ประมาณนี้นะครับ ส่วนพระพิฆเนศ ถ้ามีองค์ที่หลวงพ่อท่านใดปลุกเศกแล้วแรง ช่วยบอกด้วยนะครับ ส่วนตัวของพิธีพราหม์ ปี 47 ยังเบาไปหน่อยนะครับสำหรับผม..
    ขอบคุณครับ...
     
  18. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    สวยค่ะ ...
    [​IMG] [​IMG]

    ที่จริงไม่อยากจะเล่าเรื่องนี้
    แต่อยากประกาศคุณธรรมของท่าน แต่ก็ไม่อยากให้งมงายในเรื่องพวกนี้
    คือหลังเห็นนิมิตท่าน ก็ฝันถึงท่านหลายครั้งอยู่เกี่ยวกับเลข
    มีครั้งนึง ฝันว่าลอยไปเรื่อยๆในสถานที่หนึ่ง ซึ่งจะมีสิ่งโสโครก(อุจจาระ) ตามร่องน้ำกระเด็นกระดอนขึ้นมาบ้าง เวลาลอยไปก็ต้องคอยหลบหลีกไปด้วย (ลอยเตี้ยๆไปเรื่อยๆ)
    จนไปพบคล้ายที่ตั้งศาล(อาจจะเทวาลัย) มีคนเฝ้า ซึ่งเป็นของพระพิฆเณศ ก็แวะเข้าไปดูด้วยความสงสัย คนเฝ้าบอกว่าให้ทำบุญด้วย 500 บาท ในใจรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง การทำบุญไม่ควรบังคับ ก็บอกเขาไปอย่างนั้น และทำไปเพียง 20 บาท
    ก่อนจะลอยออกมาจากที่นั้น ก็มีอุจจาระกระเด็นมาเปื้อนเล็กน้อย..

    จากนั้นก็เห็นเลขในฝัน ในใจทราบว่ามาจากพระพิฆเณศ
    มันออกรางวัลที่หนึ่งนะ แต่หาซื้อล็อตเตอร์รี่ไม่ได้แต่ซื้อแบบสลับเลขกันก็ถูกรางวัลสามตัวล่าง คือมันออกล่างด้วยแต่เป็นเลขสลับกัน เลยถูกสามตัวล่าง

    เรียกว่าถ้าเกี่ยวกับโชคลาภ จะได้จากท่านนี่ชัดเจน แต่กลับไม่มีโชคด้านนี้นะจ๊ะ
    ลองมาตีความฝันว่าทำไมถึงฝันอย่างนั้น คาดว่าท่านจะมาหยั่งความศรัทธาของเรา ซึ่งก็ดูแล้วว่าเราไม่ได้มาทางสายศรัทธา (ไม่ทราบว่าต่อให้เป็นครูบาอาจารย์ที่เคารพมากๆก็คงจะไม่ทำบุญเยอะหรอกกระมัง เหมือนเรามีจริตอย่างนี้..ไม่แน่ใจ..)

    พระพิฆเณศเป็นเทพแห่งศิลปะ ศิลปะนอกจากจะหมายถึงความงามยังหมายถึงความสำเร็จ
    แต่ใครมีอ้างมีองค์พระพิฆเณศ โดยเฉพาะพวกหมอดูอย่าไปเชื่อเลย ท่านก็เมตตาได้ทุกคนที่ระลึกถึงท่านค่ะ

    พระพิฆเณศจากกรมศิลป์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    ข้าพเจ้ามีพระพิฆเนศ งาช้างของแท้ ปลุกเสกโดยหลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ พยุหะคีรี แต่คาถาที่ใช้เป็นคาุถาของหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน (มอญ) วิเศษไชยขาญ "โอม พระพิฆเนศ ศายะ นะ มะ" ๙ จบ ติดไว้หน้ารถเวลาเดินทางไปปฏิบัติราชการในต่างจังหวัด แต่ปี ๒๕๔๑ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นคันที่ ๒ ประสบการณ์ที่ได้รับ แคล้วคลาด ปลอดภัย ประการสำคัญ งานที่ได้รับมอบหมายจะประสบผลสำเร็จ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ สมกับที่พระองค์ได้รับสมยาว่า "เทพเจ้าแห่งสำเร็จ"[www.marateebook.com]
     
  20. คนกันเอง

    คนกันเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    7,441
    ค่าพลัง:
    +8,977
    ขอบคุณครับ ที่นำมาเล่าให้ฟัง:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...