ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

น่าสนใจมากครับ ส่วนตัวชอบเรียนรู้อยู่แล้ว
อยากทราบว่าท่านอาจารย์มหาตู่ ท่านจะเปิดสอนประมาณเดือนไหนครับ คืออยู่ขอนแก่นแล้วก็เรียนอยู่ กลัวติดภาระกิจครับ

 

หลังปีใหม่ไปแล้วครับ เพราะช่วงนี้นี้อาจารย์ต้องเตรียมงานหล่อพระประธานให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และดูงานสร้างกำแพงอาศรมที่ท่านจะไปอยู่ตอนบวช

 

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางคณะศิษย์หลวงปู่ตี๋ นำโดยอาจารย์ปฐวี ได้เดินทางเพื่อไปกราบครูบาอาจารย์ในสายชัยนาท สุพรรณบุรี
เริ่มออกเดินทางจากบ้านอาจารย์ เวลา 06.00 น.โดยรถตู้จำนวน 3 คัน รถส่วนตัวอีก 3 คัน ทั้งสิ้นแล้วก็ร่วมๆ 40 ท่านที่เดินทางไปในครั้งนี้ ถ้าใครเคยไปงานพุทธาภิเษฏที่หลวงปู่ตี๋ท่านไปร่วมงาน บรรยากาศก็จะคล้ายๆ กัน มีลูกศิษย์ตามไปเป็นขบวน แต่วันนี้ไปการบครูบาอาจารย์โดยไม่มีท่านแล้ว

สถานที่แรกวัดโฆษิตาราม เพื่อเข้ากราบหลวงพ่อกวย




เข้ากราบรูปหล่อ อาจารย์ปฐวีนำกล่าวคำบูชาครู ชุมนุมเทวดา และขอพรจากหลวงพ่อกวย


กราบสังขารด้านในศาลา และลอดโลงบรรจุสังขาร


เช่าหาวัตถุมงคล ทำบุญแก่วัด แล้วเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว อัญเชิญบารมีหลวงปู่กวย ทำการประสิทธิ์ประสาทอีกครั้ง ในนามคณะศิษย์หลวงปู่ตี๋ จากนั้นจึงร่วมกันรับประทานอาหารที่ทางอาจารย์ปฐวีเตรียมมาเลี้ยงลูกศิษย์ทุกคนที่ร่วมเดินทาง

ภาพโดย คุณ teeisking

 

เดินทางต่อไปยังวัดเขาเขียวพนาราม


ศาลาการเปรียญ



กุฏิที่หลวงปู่เคยอยู่ และโดนทำร้าย ตอนนี้ก็มีสภาพร้าง แต่กำลังได้รับการบูรณะใหม่จากพระภิกษุที่มาอยอยู่ใหม่


เดินทางต่อไปยังวัดท่ามะกรูด สถานที่บรรจุสังขารหลวงปู่ ซึ่งปีหน้าก็จะครบ 3 ปีแห่งจากมรณะภาพ ทางคณะศิษย์ก็จะได้ทำการเปิดโลงหลวงปู่ และจะหารือกันต่อไปว่าจะบรรจุสังขารในโลงแก้ว หรือจะประชุมเพลิงสรีระท่าน




ร่วมกันกล่าวคำบูชาครู ชุมนุมเทวดา และขอพรจากหลวงปู่


เดินทางต่อไปยังวัดดอนไร่ ศาลาบรรจุสังขารหลังใหม่


กราบขอพร แล้วก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก


พระอุโบสถ วัดดอนไร่


สุดท้ายของทริปนี้ เข้ากราบขอพรจาก หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลย์

กลับมาถึงบ้านอาจารย์แล้วก็พักผ่อนทานอาหารเย็นที่อาจารย์เตรียมไว้เลี้ยงคณะศิษย์ และรับของแจก คือ เสือจิ๋วตัวนี้ ได้รับวันแรกก็เกิดประสบการณ์เลยทันที


ภาพโดย คุณ teeisking

 

สำหรับเสือตัวนี้เป็นเสือที่แกะจากเขี้ยวหมี ขนาดปลายนิ้วก้อย และทำการปลุกเสกเรียกนาม เรียกอาการโดยอาจารย์ปฐวี เพื่อไว้แจกจ่ายศิษย์ และได้ทำการแจกจ่ายไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังกลับจากไปกราบครูบาอาจารย์ที่ชัยนาท สุพรรณบุรีแล้ว จัดว่ามีประสบการณ์เลยทันทีที่ได้รับไป เรื่องมีอยู่ว่า

หลังจากทริปกราบครูบาอาจารย์ในวันนั้นแล้ว อาจารย์ปฐวีก็แจกเสือให้ผู้ร่วมทริปไปคนละตัว น้องคนนึงได้รับเสือไปก็เอาใส่ไว้ที่ช่องเก็บแว่นด้านบนกระจกมองหลังในรถยนต์ ขณะขับรถขึ้นทางด่วนกลับบ้านที่สมุทรปราการ ออกจากด่านเก็บค่าผ่านทางแล้วก็ได้ยินเสียง กุกๆ กักๆ จากทางหลังคารถ ทีแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร ขับไปได้สักพักเสียงก็ดังเรื่อยๆ ด้วยความสงสัยว่ารถจะเป็นอะไรรึป่าว จึงชอลรถเข้าจอดข้างทางบนทางด่วน เสียงกุกกักก็ดังขึ้นอีก ดังมาจากในช่องเก็บแว่น จึงเปิดออกดูก็พบเพียงเสือตัวนี้อยู่ ทันใดนั้นเอง รถที่น้องขับตามมาก็เกิดชนประสานงากับรถอีกคันด้านหน้า และอีกสองคันที่ตามหลังน้องมาก็ชนเข้าอีก รวมเป็น 4 คัน โชคดีที่น้องจอดเข้าข้างทางก่อน ไม่งั้นคงถูกอัดตรงกลางเป็น 5 คันพอดี ทำให้น้องคนนั้นเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีครูบาอาจารย์ หลวงปู่ตี๋ และเสือที่สั่นเตือนภัยจนต้องหยุดรถดู ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่รอดแน่

ยังมีเรื่องราวในตอนปลุกเสกที่น่าสนใจอีก แต่ว่าคงไม่เล่าในนี้เพราะเกรงว่าจะเป็นการกล่าวเกินจริงไป ก็อ่านไว้เพื่อเป็นเรื่องสนุกๆ แล้วกันครับ

 

๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ครบรอบ ๑๐๗ ปีเกิดหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆษิตาราม
"เอหิพุทธา เอหิธัมมา เอหิสังฆา เอหิพรหมา เอหิอาจาริยะ เอหิชุตินธโร นะสิวัง พรหมา มะอะอุ"

 

ตามที่ อ.ปฐวร จะทำการเปิดสอนวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจำนวน 9 บทเพื่อเป็นธรรมทานนั้น ขอแจ้งให้ทราบว่า ท่านที่สนใจให้ส่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปที่อาจารย์ เพื่อเป็นการยืนยัน และการปฐมนิเทศจะกระทำในวันปีหน้าช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นไป

ซึ่งคงหลังวันที่ 13 มกราคมไปแล้ว เนื่องจากช่วงนี้ อ.ปฐวี ต้องเตรียมงานในการทำพิธีหล่อพระประธานที่จังหวัดยโสธร ตามที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านได้ร้องขอมา แล้วเมื่อถึงวันพิธีคงจะนำภาพมาให้ชมกันอีกครั้งหนึ่งครับ แต่ท่านที่ศรัทธาก็สามารถเดินทางมากราบขอพรรูปหล่อไปทุกวันครับ

 

เจอแล้วครับ..เก็บใส่กล่องซะลืมเลยว่ากล่องไหน
เทมาให้ชมกันหมดกล่องเลย (ที่ผมมีอยู่ก็เพียงแค่นี้ล่ะครับ หมดหน้าตักมาอวดแล้ว)

ได้มาเมื่อตอนไปกราบท่านสอง สามครั้ง
นับในกลุ่มเครื่องราง รักมากสุดคือปลัดนี่ล่ะ เพราะผมเลือกนาน ฮะฮะ
(แบบเลือกเพราะ..ไม่รู้เอาตัวไหนดี ก็ท่านยกถุงมาให้เลือกเอง สุดท้ายท่านก็เมตตาหยิบมาให้บอก เอ้า!! ไอ้ตัวนี้ดีกว่า)

ปล.ขออภัย ผมจัดภาพไม่ค่อยดี เพราะตอนที่ถ่ายภาพกำลังลุ้นนิวคาสเซิ่ลด้วยครับ

 

พี่ hanada นี่มีเยอะจริงๆ
ของแต่ละชิ้นสร้างออกมาน้อยครับ เพราะทำกันเองในหมู่ศิษย์ โดยเฉพาะเครื่องรางจะทำกันเอง ส่วนใหญ่ก็อยู่ในจำนวนหลักร้อย จากภาพผ้ายันต์สีขาวด้านหลังเป็น ผ้ายันต์เทวดาเรียกทรัพย์ น่าจะสร้างตั้งแต่ท่านอยู่วัดเขาเขียว พบน้อยหายากครับ เป็นยันต์ที่ถอดลายมือของหลวงปู่เอามาสกรีน


ผ้ายันต์สีวลี แต่สมเด็จผมไม่ทราบครับ น่าจะสร้างน้อยอยู่ เพราะผมยังไม่เคยเห็นเลย



แหวนโล่ห์ เนื้อเงิน ออกปี 2551 แหวนนี้สร้าง 399 วง เป็นรุ่น 2 ของหลวงปู่ รุ่นแรกนั้นสร้างปี 13 หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อกวยมาร่วมเสกด้วย(หายาก ราคาแพง) เหรียญรุ่นสาม เป็นเหรียญบังคับกระบอกห่วงเชื่อม โค๊ตเหรียญนี้ต้องตีเต็มชัดนะครับ เพราะเหรียญบาง ถ้าโค๊ตดีไม่เต็มก็ให้สงสัยไว้ก่อน ต่อมาเป็น เหรียญรุ่นแรก(รุ่นนี้ชนวนดีมาก ครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ทุกรูปได้จารยันต์ลงฝาบาตร แผ่นชนวนมาให้ และมาร่วมเสกด้วย เหรียญนี้มีปลอมแล้วนะครับ ไว้จะมาเล่าการสร้างเหรียญรุ่นแรกว่าเป็นอย่างไร) รูปอัดกระจก หน้าหนุ่ม เป็นการนำรูปเก่าที่หลวงปู่เคยพิมพ์แจกมาทำเป็นรูปอัดกระจกถวาย ออกปี 2551 จำนวน 332 แผ่น ถัดมาน่าจะเป็นรูปหล่อ รุ่น 1 ออกปี 2536 จำนวน 2000 องค์ เป็นเนื้อนวโลหะ ต่อมาเป็นตะกรุดลูกปืน(ตะกรุดนี้จารมือ ลงในแผ่นโลห แล้วตีประกบไว้ในลูกปืน ขลังมาก เพราะเคยทำให้อาจารย์ท่านนึงแจก เกิดประสบการณ์มากมาย จนมีลูกศิษย์มาขอกันมาก แต่หลังๆ พอดังเลยจารเอง หลวงปู่ไม่ได้เสก เลยเงียบไปแล้วตอนนี้) ต่อมาเป็นสีผึ้ง หลวงปู่จารฝาตลับ มีสองรุ่น รุ่นสอง(2551)จะมีด้ายสายสิญจน์เสกใส่ไว้ รุ่นหนึ่ง(2546)จะไม่มีด้ายเสก สีผึ้งนี้ทำยากเสกยากมาก นานๆ ทีถึงจะทำเพราะใช้เวลารวบรวมมวลสารนาน บางอย่างก็มีราคาแพง ฤกษ์ยามก็ต้องได้ สร้างออกมารุ่นละ 1000 ตลับ สุดท้ายเป็นปลัดขิก ปลัดนี้หลวงพ่อท่านชอบ เพราะครบเครื่อง เมื่อก่อนไม่มีอะไรแจกก็เอาตาลปัดบ้าง ไม้บ้างมาเหล่าเป็นปลัด เจอประสบการณ์กันเยอะ ถ้าเป็นรุ่นแรกหัวจะสีแดง(รุ่งนี้จะเป็นรุ่นว่ายทวนน้ำ คลองกระเสียว) ใครเจอผีเข้าหลวงปู่บอกใช้ปลัดนี้จี๊ได้ ผีมันจะกลัวแล้วออกไปเอง เรื่องเสน่ห์เป็นเลิศ เพราะปลัดบางตัวไม่ได้ว่ายทวนน้ำกลับมา แต่ว่ายไปตำขาสาวๆ ที่อาบน้ำอยู่แถวนั้น จนต้องเอามาให้หลวงปู่ดู ด้วยคิดว่าโดนเล่นของ พอหลวงปู่ดูท่านก็บอกว่าของกูเอง พวกนี้มันซน ผมรับรองว่าปลัดหลวงปู่ทุกตัวเสกจนดิ้นได้ ถ้ามีคาถาปลุก ก็สามารถปลุกให้ตั้งได้ แต่ตัวคาถานี้เป็นความลับของสายวิชาหลวงปู่อิ่มครับ

 

ผมไปกราบหลวงปู่ในช่วงปี ๕๐ - ๕๑ นั่นล่ะครับ
วัตถุมงคลของหลวงปู่ ผมเองก็มีแค่อย่างละชิ้น ๆ จริง ๆ ครับ
เพราะไม่ได้คิดเอาไปทำอย่างอื่น มีเพื่อไว้ระลึกและเอาไว้เพียงแค่ว่า..เราก็มีกะเขาเหมือนกัน ฮะฮะ

พระเนื้อผง เนื้อดิน ทั้งพระสมเด็จหรือแม้แต่อื่น ๆ ผมไปเลือกมาจากในกะบะอลูมิเนียมครับ
บางชิ้น บางอย่าง ท่านก็นำมาจากเมื่อสมัยอยู่วัดเขาเขียว อย่างผ้ายันต์ก็เมื่อซ่อมศาลา ปี ๔๓
ตอนนั้นเลือกแบบตาลาย ๆ เพราะเยอะจริง ๆ ถามท่านก็บอกลูกศิษย์จากกรุงเทพสร้างมาถวาย ทั้งสมเด็จ ขุนแผน หนุมาน ฯ
ตอนนั้นผมก็เอาสมเด็จมาก่อน อย่างอื่นค่อยมาตามทีหลัง
แต่มาอีกกี่ที หลวงปู่ก็ไปรักษาตัวที่กรุงเทพ จนไม่มีโอกาสได้เข้าไปเลือกอีก (เลยได้แต่กราบพระพุทธบนศาลาและกราบอยู่หน้าประตูกุฏินั่นล่ะ..)

ขอบคุณในข้อมูลครับ

 

ผมไปกราบท่านครั้งเดียวที่บ้านโยมใกล้วัดตอนนั้นท่านไปอยู่ที่นี่แต่ว่าไม่รุ้ชื่อเจ้าของบ้าน
ท่านจารตะกรุดมาให้ดอกแต่หล่อพระไปแล้ว แล้วก็เอามีดไปให้ท่านเสกให้ก็ได้คุยกับท่านนานมาก ก็ได้ถามท่านหลายอย่าง เรื่องธุดงค์ เลยขอถามท่านเรื่องเรียนการลงอักขระโดยให้หลวงพ่อลงกระหม่อมคุมให้ก่อนแล้วผมไปหัดเรียนเองแล้วนึกถึงหลวงพ่อ
ท่านก้อนุญาติว่าได้ แล้วท่านก็จารกระหม่อมให้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นการครอบครูที่แปลกดีแล้วท่านก็อนุญาติ

 

ปกติถ้าหลวงปู่ท่านจะให้ใครกระทำพิธีอะไรแทนท่าน ท่านก็จะลงกระหม่อมให้ทุกครั้งไป เช่นเวลาเสกวัตถุมงคล หรือลงจารวัตถุมงคล ซึ่งมีไม่กี่คนที่ท่านจะลงให้ ท่านจะใช้จิตดูถ้าใครไม่ดี ทำยังไงท่านก็ไม่ลงกระหม่อมให้ครับ ถือเป็นโชคดีมากครับที่ท่านลงให้และมันจะติดตัวไปตลอดชีวิต เหมือนการสักเลยทีเดียว และจะไม่เสื่อมไม่หาย เพราะหลวงปู่ตี๋ท่านสำเร็จวิชากุญแจมนต์ อะไรที่ท่านทำจะไม่เสื่อมคลาย ไม่ถูกคัดถอนเด็ดขาด หากติดขัดอะไรก็ระลึกถึงท่าน หลวงปู่ท่านจะมาสงเคราะห์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าหลวงปู่ท่านอนุญาติแล้สทำอะไรจะขึ้นหมด

ในการครอบครูรับศิษย์สายหลวงปู่อิ่ม ถ้าเต็มสูตรจะมีขั้นตอนพิธีมาก ตั้งแต่การครอบเศียรครู ป้อนไข่ ป้อนน้ำมะพร้าว พอเรียนไปอีกขั้นก็จะมีการนำตำรากระเทินหัวศิษย์ เจิมหน้า ซึ่งศิษย์ที่เรียนวิชาแบบเต็มสูตรก็จะต้องมากระทำทุกปีตามลำดับขั้น และถือฤกษ์ยามเป็นสำคัญ

ในการจารกระหม่อมก็ถือเป็นการครอบอีกวิธีเช่นกัน ท่านมักกระทำเมื่อจะทำพิธีใดๆ และจะแต่งตั้งศิษย์ผู้นั้นเป็นเจ้าพิธี หรือกระทำแทน โดยท่านจะเป็นผู้ที่นั่งคุมตลอดเวลา เคยมีพุทธาพิเษกครั้งหนึ่ง ท่านจารกระหม่อมให้อ.ท่านหนึ่งกระทำเป็นเจ้าพิธี และนั่งปรกเคียงข้างท่าน ในขณะที่มีพระอีกรูปอยู่ใกล้ ท่านไม่สนใจเลย จนกระทั่งพระรูปนั่นต้องจับมื่อท่านแบออกยัดวัตถุมงคลใส่ แล้วก็ถ่ายภาพออกมาว่านั่งปรกคู่กัน คนภายนอกมองก็นึกเข้าใจว่าท่านอนุญาติ แต่แท้จริงแล้วต้องดูว่าพิธีนั้นท่านจารกระหม่อมใคร

 

โชคดีมากๆ ครับที่ได้กราบ วัตถุมงคลท่านก็ง่ายๆ กองๆ ไว้ แจกซะส่วนมาก บูชาก็มีบ้างแต่ไม่ได้หรูหราอะไร เพราะไม่มีทุนมากนัก วัตถุมงคลส่วนใหญ่เมื่อท่านมารักษาตัวที่กรุงเทพ คณะศิษย์ก็ต้องเข้าไปขนมาจากกุฏิท่าน เพราะไม่มีคนดูแล มีแต่คนจะเอาเพื่อมาขายภายหลัง ขนได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นมาเก็บไว้ที่บ้านลูกบุญธรรม ซึ่งก็เป็นกองทุนที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลของหลวงปู่ด้วย

เมื่อตอนอยู่วัดท่านทั้งถูกขโมยของ ทั้งถูกทำร้าย จนท่านต้องแอบเอาตำราไปไว้ในโลงศพของท่าน เพราะกลัวคนขโมย(ตำราเก่าแกถูกขโมยหายไปก็มาก คนขโมยก็พอรู้แต่ทำอะไรไม่ได้) พอใกล้มรณะท่านก็พาบุตรบุญธรรม และศิษย์ใกล้ชิดสองสามคนเข้าไปเอาตำราในโลงศพ ถึงได้มีตำราตกทอดมาถึงปัจจุบัน ตำราไหนหายก็หายไป เพราะวิชาต่างๆ อยู่ในหัวหลวงปู่ไม่มีใครเอาไปได้ ท่านก็ได้ถ่ายทอดให้บุตรบุญธรรมรับไว้ทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่าวิชาท่านถ้าจะถือไว้ทั้งหมดต้องตายคาผ้าเหลืองเท่านั้น(บวชไม่สึก) ถ้ารับท่านก็จะยอมถอดวิชาให้ทั้งหมด มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่ก็เรียกบุตรบุญธรรมเข้าไปในห้อง ภรรยา และลูกสาวของบุตรบุญธรรมท่าน แล้วถามต่อหน้าลั่นวาจาว่าจะยอมให้บุตรท่านบวชตลอดชีวิตหรือไม่ ทั้งลูก เมียต่างก็ยอม และอนุโมทนา หลวงปู่ท่านจึงยอมถอดวิชาทั้งหมดให้โดยไม่มีปิดบัง เพราะท่านได้ทราบว่าใกล้ถึงเวลาที่ท่านจะมรณะแล้ว ถือว่ายังโชคดีที่วิชาในสายหลวงปู่อิ่มได้มีผู้รับสืบทอดไว้ ที่จริงก็มีสองท่านแต่ท่านหนึ่งเป็นพระได้มรณะภาพไปเสียก่อน ก็เหลือแต่บุตรบุญธรรมท่านที่ถือวิชาทั้งมหดไว้ และกำลังจะบวชในอีกไม่กี่ปีนี้ตามที่ได้ลั่นวาจากับหลวงปู่ไว้

 

นำภาพบล๊อกรุ่น ๔ เจริญสุข และเหรียญแจกทาน ที่ทำลายแล้วมาให้ชมครับ
ขอบคุณภาพจากคุณตี๋ ครับ

 

ไม่ทราบว่าขุนแผนไข่ผ่าซีก มีตระกรุดสอดไว้ด้านล่าง หลวงปู่ตี๋ท่านได้สร้างหรือเปล่าครับ และสร้างปีใหนครับ

 

หลวงปู่สร้างเองครับ ออกปี 2551 รุ่นนี้โดดเด่นเรื่องเงืนทอง ค้าขาย เลยเรียกกันว่าขุนแผนเรียกทรัพย์ ลูกศิษย์ที่มีต่างก็หวง เพราะใช้แล้วเงินไม่ขาดมือครับ ตะกรุดที่ฝังจารมือทุกดอก แต่ผมไม่ทราบว่าลงด้วยยันต์อะไร รู้แต่ว่าจารตะกรุด แล้วก็สุมไฟเผาตามฤกษ์ยาม


ภาพจาก พี่ป้ายแดง ตามเคย

 

มีคนใจดีให้มาองค์นึงครับ

 

พิมพ์นี้หายากมั๊ยครับ ชอบบบบบบบ

 

ขุนแผนไข่ผ่าซีก หรือที่เรียกว่า ขุนแผนเรียกทรัพย์ สร้างจำนวน 500 องค์ครับ ค่อนข้างหายากอยู่ครับ ประสบการณ์การเงินดี เลยทำให้ศิษย์เก็บกันไม่ปล่อยสักเท่าไหร่ ถ้าปล่อยก็แพงทีเดียว

 

ขุนแผนเสาร์ห้านี้ดีทางเมตตา แคล้วคลาด เพราะท่านได้เรียนวิชาเสกขุนแผนมาจากหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่นาน ๑ พรรษา ท่านก็จะเสกอัดหมดทั้งสายวิชาทางหลวงปู่อิ่ม และที่ได้ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่ทิม เรียกว่าดีครบเครื่อง ขุนแผนนี้มีผู้นำไปใช้เจอประสบการณ์ทั้งแคล้วคลาด ทั้งเสน่ห์เมตตา ท่านเสกเน้นไม่เหมือนกัน คือ พิมพ์สมาธิอย่างในภาพจะเน้นไปทางคงกระพัน แต่พิมพ์แขนอ่อนจะเน้นไปทางเสน่ห์เมตตา แต่พอเอาเช้าจริงคนเอาสมาธิไปแขวนกลับมีประสบการณ์ทางสาวๆ คนที่ได้แขนอ่อนไปก็มีประสบการณ์รอดตายมาก็มีครับ สรุปรุ่นนี้เลยใช้แทนกันได้ทั้งแขนอ่อน และสมาธิ