ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ทุกครั้ง ถ้าองค์หลวงปู่ท่านทราบว่า อาจารย์ตู่จะมีหา มาเยี่ยม ท่านมักจะจัดย่าม แล้วมานั่งรอแต่เช้า ไม่ทำอะไร เฝ้ารอลูกชายคนนี้ว่าเมื่อไหร่จะมาเสมอ ถามว่าทำไมท่านต้องจัดย่าม ก็ด้วยท่านมักจะหวังว่าอาจารย์ตู่มาหาแล้วจะมารับไปค้างด้วย จะได้นอนคุยกันแลกเปลี่ยนวิชา ถ้าครั้งไหนอาจารย์ตู่ท่านไม่ได้รับไปด้วย ท่านก็มักจะบอกว่า กูนึกว่ามึงจะมารับกูไปด้วย เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อาจารย์ตู่มาหาเสมอ

 

กราบ ลป ตี๋ครับ

 

เอาภาพมาให้ชมก่อนคับ เดี๋ยวค่อยมาเล่าพรุ่งนี้

 

ขอเล่าเรื่องที่ได้รับรู้เกี่ยวกับหลวงปู่นะครับ มีอยู่ครั้งนึงหลวงปู่ตี๋ได้รับกิจนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดทับขี้เหล็ก ซึ่งคุณมงคลที่เป็นลูกศิษย์ได้ตามไปด้วย ขณะหลวงปู่ทำพิธีปลุกเสกอยู่นั้นคุณมงคลเห็นสายสิญจน์ที่หลวงปู่จับอยู่บริเวณช่วงช่วงกลางของสายสิญจน์โดนลมพัดทำให้ไปติดกับเปลวเทียน แต่สายสิญจน์ก็นั้นไม่ได้ไหม้ไฟเลยเเม้แต่น้อย อีกทั้งรอยดำๆก็ไม่มีแม้แต่น้อย หลังจากเสร็จพิธีคุณมงคลก็สังเกตุเห็น ลูกศิษย์หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย เข้ามาคุยกับหลวงปู่ตี๋ซักพักท่านก็ไปพบหลวงพ่อมี โดยทั้งสององค์ปิดกุฏิคุยกันนานนับชั่วโมง ระหว่างที่รอคุณมงคลได้ถามลูกศิษย์หลวงพ่อมีว่า มีอะไรหรือ ทำไมถึงได้มาเชิญท่านไปคุยลูกศิษย์หลวงพ่อมีเลยบอกว่า ขณะที่ปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงพ่อมีได้เหลือบไปเห็นหลวงปู่ตี๋รอบๆกายมีแสงเพลิงล้อมรอบตัวและกลายเป็นลูกไฟดวงโตพุ่งเข้าไปยังกองวัตถุมงคลในพิธี เป็นอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง ท่านจึงรู้ได้ว่าหลวงปู่ตี๋ต้องสำเร็จกสิณไฟแน่ๆจึงอยากพูดคุยสอบถามในเรื่องต่างๆ หลังจากหลวงปู่ตี๋ออกมาจากกุฏิ คุณมงคลก็ได้สอบถามว่าคุยอะไรกันบ้าง หลวงปู่ตี๋ก็ตอบว่า เข้าไปพูดคุยและเเลกเปลี่ยนวิชากับหลวงพ่อมี ไม่มีอะไรหรอก

 

เป็นที่พูดถึงกันมากในหมู่ศิษย์ พิธีในวันนั้นเข้มขลังมากทีเดียว แต่เดี๋ยวต้องขอไปสืบมาก่อนว่าหลวงปู่ตี๋ท่านแลกเปลี่ยนวิชาอะไรกับหลวงพ่อมี

 

มีคนถามมาว่านางกวักที่แจกประธานผ้าป่าหน้าตาอย่างไร
นางกวัก ขนาด 5 นิ้ว ผสมชนวนเก่า แบบปั้นมือโดยอาจารย์ตู่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ใต้ฐานอุดด้วยผ้ายันต์หงษ์เขียว เบี๊ยแก้โภคทรัพย์ที่หลวงปู่ตี๋เสกทิ้งไว้ ทราบเสกหลวงปู่ตี๋ จีวรหลวงปู่ ลูกแก้วสารพัดนึกที่หลวงปู่เสกไว้นานมาก และข้าวสารหิน

 

วันนี้เป็นวันเกิดของหลวงปู่ตี๋ คือวันที่ 3 สิงหาคมของทุกปี ทางคณะศิษย์ได้จัดทอดผ้าป่าขึ้น เพื่อนนำเงินไปสร้างที่พักสงฆ์ ซึ่งตอนนี้กำลังก่อสร้างกำแพงอยู่ (บ่อน้ำ ศาลา ห้องน้ำ เสร็จแล้ว ดูได้ที่กระทู้ต้นๆ คับ) โดย
ประธาน ได้รับ ย่ากวัก ขนาด 5 นิ้ว
รองประธาน ได้รับ หนังสือประวัติ และวัตถุมงคลหลวงปู่ตี๋
กรรมการ ได้รับ ขุนแผนเนื้อดินเสาร์ห้า (รุ่นสุดท้าย)
ผู้ทำบุญทั่วไป รับพระเนื้อดิน ทำมือโบราณ
บัดนี้ได้ทอดเสร็จแล้วคับ ยอดเงินเบื้อต้น ณ ขณะนี้เป็นจำนวน 266,000 บาท
ยังขาดซองอีกจำนวนหนึ่ง และผู้ศรัทธาอีกจำนวนหนึ่งที่กำลังนำซองมาให้อีก เมื่อได้ยอดสุทธิแล้วผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาในวิหารทานคับ

 

ขุนแผนของดีราคาถูกครับ มหาเสน่ห์เป็นยอด คงกระพันก็เป็นเลิศ ป๋าตะวันเก็บไว้เยอะเลยอ่ะดิครับเนี่ย

 

มีไม่เยอะเลยน้อง พี่เก็บไว้นิดเดียวเอง

 

มหาโมทนาบุญด้วยครับ

 

กราบ กราบ กราบ
หลวงปู่ด้วยความเคารพครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

วันก่อนมีพี่ท่านึงสอบถามถึงนางกวักที่ท่านอาจารย์ตู่ทำออกมาเมื่อไม่นานว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จึงได้ถ่ายภาพให้ชม วันนี้เลยนำภาพพร้อมประวัติความเป็นมาคร่าวๆ ให้ได้อ่านกันว่านางกวักสายหลวงปู่ตี๋มีที่มาที่ไปอย่างไร

สำหรับนางกวักรุ่นนี้ เป็นนางกวักที่อาจารย์ตู่ท่านสร้างขึ้นมาเอง โดยได้ใช้ชนวนนางกวักเก่าของหลวงปู่ตี๋ ซึ่งสร้างไว้น้อยมาก รวมกับนางกวักของหลวงปู่อิ่มที่ตกทอดมา เหรียญหลวงพ่ออิ่มพิมพ์เสมา ๑ เหรียญ เหรียญหลวงพ่อมุ่ย ๙ เหรียญ เหรียญหลวงพ่อกวย ๕ เหรียญ เหรียญหลวงพ่อทิม ๑ เหรียญ เหรียญหลวงพ่อจวน ๑ เหรียญ เหรียญหลวงปู่บุดดา ๓ เหรียญ เหรียญหลวงพ่อเย็น ๑ เหรียญ พระกริ่งหลวงปู่ตี๋ด้วย ๑ องค์ เหรียญหลวงปู่ตี๋ ทุกรุ่น ทุกเนื้อ แผ่นยันต์ ๑๐๘ แผ่น พร้อมชนวนเก่าต่างๆ และชนวนหล่อพระประธานองค์ ๔๕ นิ้วนี้อีก ๑ กิโลกรัม โดยสร้างออกมา ๓ ขนาด คือ ๓ นิ้ว จำนวน ๑๙๙ องค์ ขนาด ๕ นิ้ว ๙๙ องค์ และ ๙ นิ้ว ๓๙ องค์ โดยนางกวักขนาด ๓ นิ้วใช้องค์ย่ากวักของหลวงปู่อิ่มเป็นต้นแบบ ส่วนนางกวักขนาดใหญ่ ใช้วิธีปั้นหุ่นเทียนด้วยตัวอาจารย์เอง แล้วจึงนำไปให้ช่างถอดพิมพ์ออกมา เป็นนางกวักยันต์ยุ่งก็ว่าได้ เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เมื่อทำหล่ออกมาแล้วก็ได้ทำพิธีปลุกเสกตามสายวิชานางกวักของหลวงปู่อิ่มที่ตกทอดมา นอกจากนั้นยังลงมนต์จินดามณี มนต์นางกวัก คาถาทางค้าขายเมตตาต่างๆ ซึ่งในขณะที่ทำการปลุกเสกอยู่นั้น ได้ปรากฏเหตุการณ์ต่างๆ เท่าที่ผมเห็นกับตาหลังจากไปนั่งสังเกตการณ์อยู่วันนึง ย่ากวักที่ปลุกเสกหันเปลี่ยนไปจากทิศเดิม แต่พอเราจ้องมองจะหยุด บางองค์จะหันซ้ายขวาไปมา และที่แปลกสุดคือย่ากวักกระโดดออกจากโต๊ะที่วางลงมาบนพื้นกระเบื้องแบบตั้งเหมือนเดิมไม่ล้ม เท่าที่สอบถามจากศิษย์ท่านอื่นๆ ที่มาในวันอื่นก็บอกว่าเป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน เช้ามาก็ต้องมาช่วยกันเรียงย่ากวักให้เข้าที่เหมือนเดิม อันนี้เล่าให้ฟัง ท่านใดเห็นว่าไม่น่าเชื่อก็ผ่านคับ ถือว่าเป็นเรื่องอ่านเอาสนุก เดี๋ยวมาต่อที่ความเป็นมาของวิชานางกวักของหลวงปู่คับ

 

นางกวักหลวงปู่ตี๋ เอื้อเฟื้อภาพโดย พี่ภู บางพลี

ทีนี้มาว่ากันที่สายวิชาย่ากวัก ในสายวิชาของหลวงปู่อิ่มมักจะเรียกนางกวักว่าย่ากวัก ซึ่งมีสร้างออกมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา และเป็นที่ร่ำลือถึงความขลังศักดิ์สิทธิ์ ประสบการณ์เด่นชัดมาก หลวงปู่ตี๋ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชานางกวักมาอย่างเต็มที่ และนอกจากได้วิชามา ท่านยังถือว่าทำได้สำเร็จในวิชานงกวักด้วย ที่กล่าวอย่างนี้ก็ด้วย ในปี ๒๕๑๙ หลวงปู่ตี๋ได้ออกจากวัดกระเสียว มาสร้างวัดเขาเขียวขึ้น ตรงบริเวณเขาเขียว สุพรรณบุรี โดยเดินทางออกมาพร้อมสามเณรรูปหนึ่ง ซึ่งก็คือ อาจารย์ตู่ นั่นเอง เมื่อเดินทางมาถึงเชิงเขาเขียวหลวงปู่ตี๋ได้กล่าวกับสามเณรตู่ว่า "เจ้าพ่อเขาเขียวท่านไม่ยอมให้สร้างวัดที่นี่ง่าย ในเมื่อขอสร้างแค่พออาศัยไม่ได้พรุ่งนี้กูก็จะสร้างให้ดู กูก็ศิษย์มีครูเหมือนกันวะ" เมื่อว่าอย่างนี้แล้วรุ่งเช้าก็ได้เริ่้มสร้างกุฏิ และในระหว่างนั้นก็ได้ชวนสามเณรตู่ขึ้นไปปักกลดบนยอดเขาเขียว เมื่อขึ้นไปแล้วก็พบว่าบนยอดเขานั้นร่มรื่น มีป่าขึ้นทึบ เมื่อเดินสำรวจรอบๆ ก็พบกับถ้ำแห่งหนุ่ง เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่ามีความโอ่โถง เย็นสบาย และในกลางถ้ำนั้นได้พบหินสลักรูปนางกวักอยู่ มีลักษณะตากลมโต หวีผมเสยไปทางด้านหลัง(คล้ายกับในภาพที่นำมาให้ชม) หลวงปู่ตี๋ท่านจึงได้ทำการจุดธูป ๑๖ ดอก พร้อมทั้งสวดมนต์ โดยก่อนจะทำการสวดมนต์นั้นได้หันมาบอกสามเณณตู่ว่าหากเห็นอะไรแล้วอย่าจกใจ ให้อยู่เฉยๆ ไว้ สักครู่เดียวก็ปรากฏมีงูน้อยใหญ่มากมายนับร้อยนับพันเลื้อยออกมจากถ้ำ สักครู่หลวงปู่ตี๋ท่านจึงลืมตาขึ้นและชวนสามเณรตู่ออกมาปักกลดทางด้านนอกถ้ำ ตกเย็นก็ทำวัตรปกติ และจำวัด ตกดึกสามเณรตู่ได้ยินเสียงฟู่ๆ ดังนานมาก ด้วยความสงสัยจึงได้แอบเปิดกลดแง้มดู พบว่ามีพญางูขนาดใหญ่เลื้อยออกมาส่งเสียงฟู่ๆ ไม่นานนักงูนับร้อยนับพันก็ได้เลื้อยออกมาที่หน้าถ้ำ จากนั้นพญางูตนนั้นก็พ่นน้ำออกมาให้งูน้อยใหญ่เหล่านั้น จากนั้นบรรดางูทั้งหลายก็เลื้อออกไป หลวงปู่ตี๋ท่านได้บอกแก่สามเณรตู่ว่า พญางูตนนั้นให้พรแก่บรรดางูทั้งหลาย เพื่อออกไปหากินในนา เนื่องจากช่วงนั้นตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวมีหนูในนามาก และเมื่อครบ ๓ เดือนงูเหล่านั้นก็จะกลับมาที่ถ้ำเพื่อจำศีลอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ทุกปี และในค่ำคืนนั้นหลวงปู่ตี๋ท่านก็ได้สำเร็จ วิชางู และวิชานางกวัก

ซึ่งในการพุทธาภิเษกนางกวักทุกครั้งก็จะมีการอัญเชิญ และบอกกล่าวแก่เจ้าพ่อเขาเขียวทุกคั้ง ตามที่เจ้าพ่อเขาเขียวได้เคยบอกกับ หลวงปู่ตี๋ไว้เมื่อคราวปะลองกัน ซึ่งในโอกาสต่อไปจะได้กล่าวถึงการปะลองกันของหลวงปู่ตี๋ และเจ้าพ่อเขาเขียวเพื่อขอสร้างวัด


นางกวักหลวงปู่อิ่ม ขออภัยถ่ายไม่ชัดวันหลังจะเอาที่ชัดๆ มาให้ชมคับ
เจ้าของนางกวัก พี่เทพสังวาลย์

คาถาบูชานางกวักของหลวงปู่ตี๋
จุดธูป 5 ดอก ผลไม้ที่ใช้บูชา กล้วย ส้ม น้ำ น้ำแดง - เขียว น้ำมะพร้าวอ่อน เป็นต้น

ตั้งนะโม 3 จบ

โอมปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียว ชื่อนางกวัก คนเห็นคนรัก คนเห็นคนทัก ให้กวักคนมา ครั้นทุกคนเห็นหน้า ให้มานิมา อาคัจฉายะ อาคัญฉาหิ เอหิมามา มีจิตรมาซื้อของกู ทุกผู้ทุกคน อุอะมะ เกลื่อนกล่นกันมา มะอะอุ มาซื้อของกูอย่าได้ขาด สัพพะบูชา ภะวันตุเม ...

นางหวัก (บทย่อ)
ทุสะนะมิ อิมานิ สัพเพชะนา พะหูชะนา นะมาหาอุสาอาวา นะมามิหัง

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ตี๋ ยามเช้า

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ตี๋

สวัสดีครับทุกท่าน ตะวันมีงานบุยก็มาบอกกันบ้างเน้อน้องจะได้ร่วมบุญกัน

 

กราบหลวงปู่ตี๋
แจ้งผมด้วยนะคร้าบ

 

คราวก่อนเอารูปทิ้งไว้ ไม่ได้มีโอกาสมาเล่า เลยมาเล่าเสียหน่อย ถือว่าอ่านเรื่องหลวงปู่ตี๋ สลับกับอาจารย์ตู่ไปแล้วกันนะคับ

สำหรับไตรมาสนี้ คือช่วงเข้าพรรษา ๓ เดือน อาจารย์ตู่เห็นว่าเป็นช่วงปีทิ้งทวนก่อนที่อาจารย์จะได้บวช เพื่อสืบวิชาตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาต่อหลวงปู่ตี๋ไว้ จึงได้ทำตะกรุดออกมมาหลายชุดด้วยกัน สำหรับชุดนี้เห็นอาจารย์เปรยๆ ว่าตะกรุดแม่ทัพหลวง ซึ่งทำได้ไม่ถึง ๔๐ ดอก เพื่อให้ทันไตรมาส ซึ่งถือเอาเข้าพรรษาไปแล้วไม่เกิน ๑๕ วัน ตพกรุดนี้จารลงแผ่นทองเหลืองบ้าง ทองแดงบ้าง อย่างที่เอาภาพมาให้ชมกัน เท่าที่ผมจำได้ก่อนม้วน จะมียันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า ยันต์โสฬสมงคล ยันตร์ตรีนิสิงเห ยันต์มหาอุด ยันต์แคล้วคลาด รวมๆ แล้ว ๑๑ ยันต์ ยังไม่รวมนะต่างๆ หัวใจต่างๆ ที่ลงไว้ตามตำราแบบครบสูตร เมื่อจะลงจะเลือกวัน และฤกษ์ในการลงที่เป็นฤกษ์แข็ง ราชาฤกษ์ โจโรฤกษ์ เป็นต้น จากนนั้นนำมาม้วนด้วยตัวอาจารย์เอง และถักเชือทาสีเขียว ปิดทอง

ตะกรุดนี้สั้นประมาณ ๕ นิ้ว แต่มีความยาวมาก เมื่อม้วนแล้วจะหนา ภาพที่ลงใช้ชมเป็นการปั่น หรือกลึงตะกรุดที่ม้วนแล้วให้กลมแน่น ทำทีละดอกแบบโบราณ ตะกรุดชุดนี้จะเสกไตรมาส และจะแจกจ่ายศิษย์ต่อไป ซึ่งไม่ได้คิดมูลค่าใด ก็แล้วแต่วาสนา โดยมาตะกรุดที่ทำออกมาจะแจกเสียมากกว่า เรียกว่าใครมากราบรูปหล่อหลวงปู่บางครั้งอาจารย์ก็มักจะหยิบแจกให้ติดมือกลับไป เหมือนเมื่อครั้งหลวงปู่ยังอยู่ ที่ท่านชอบแจกมากกว่าจะเอาเงินทอง นำมาลงให้ชมกันคับ ยังไม่มีให้บูชา

 

สุดยอดตะกรุดไปไหนก็ได้ครอบจักรวาล

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ตี๋คับ

 

มีพี่ๆ ถามมาถึงปลัดของหลวงปู่ และลากยาวมาถึงเรื่องปลัดโดดก็เลยขอถือโอกาสเล่าให้ฟังซะเลย ทีแรกว่าจะไม่เขียน เพราะอาจารย์ตู่ยังเป็นฆราวาสอยู่ แต่ไหนๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะเล่าให้ฟังคับ อันไหนดูเกินไปก็ถือเป็นนิยายอ่านสนุกเอาคับ อย่าไปจริงจังอะไร

ปลัดหัวแดงหลวงปู่ตี๋

ปลัดนี้จะมีทาหมึกแดงที่หัวปลัด ปลัดรุ่นนี้จะเป็นยุคต้นๆ ของหลวงปู่ ซึ่งเป็นชุดที่เคยเทลงท่าน้ำหน้าวัดกระเสียว แล้วเรียกให้ว่ายทวนน้ำกลับมาทั้งหมด จะมีบางส่วนที่ไม่ได้กลับมา เพราะไปตำขาสาวที่อาบน้ำที่ท่าน้ำหน้าบ้าน แต่รุ่งเช้าสาวเจ้าก็นำมาคืนด้วยเข้าใจว่ามีคนเล่นของใส่ แต่พอหลวงปู่ตี๋เห็นเข้าถึงกับหัวเราะ และบอกว่าเป็นของท่านเอง เทลงน้ำแล้วเรียกไม่กลับมา ที่แท้ไปตำขาสาวนี่เอง ปลัดชุดนี้ยังเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ พอให้ศิษย์ได้แบ่งกันใช้บ้าง ซึ่งศิษย์ทุกคนต่างก็เก็บกันแบบหวง เลยกลายเป็นของหายากไปแล้ว ด้วยความที่มันว่ายทวนน้ำมาได้

รุ่นถัดมาเป็นปลัดด้ามไม้ตาลปัดหลวงปู่ตี๋

ปลัดชุดนี้ ใช้ด้ามไม้ตาลปัด ตามที่หลวงปู่ตี๋ท่านบอกเคล็ดไว้ ว่าไม้ตาลปัดนี้ดีครบเครื่อง เป็นไม้ที่พระใช้เวลาสวดมนต์ในพิธีต่างๆ และยังถือเอาว่าปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไป พลิกกลับตาลปัดจากร้ายเป็นดี รุ่นนี้ประสบการณ์มาก ศิษย์ที่ได้ไปต่างก็พบเจอประสบการณ์ด้านค้าขาย หรือปลัดสั่นเตือนบอกเหตุ แม้แต่เรื่องสาวๆ ก็ได้ไม่แพ้กัน อย่างล่าสุดเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ ก็มีประสบการณ์ตำขาหลานสาวที่บ้านอาจารย์ตู่ เรื่องมีว่าช่วงน้ำท่วม น้ำกำลังลด หลานสาวอาจารย์ตู่จึงได้ลงมีทำความสะอาดบ้านในส่วนที่พอทำได้ ขณะทำความสะอาดอยู่นั้นก็ต้องตกใจร้องออกมาเสียงดัง จนอาจารย์ตู่ต้องลงมาดู ด้วยตกใจว่ามีบางอย่างมีตำที่ขาไม่รู้ตัวอะไร เมื่ออาจารย์ตู่ลงมาก็ใช้ไฟฉายส่องดู เพราะตอนนั้นฟ้าเริ่มมืด และชั้นล่างก็สับคัตเอาท์ไว้ เมื่อสาดไฟไปปรากฏว่า สิ่งที่เห็นคือ ปลัดขิดด้ามตาลปัดนี้ตำขาอยู่ และกำลังว่ายมาหาอีก 3 ตัว รุ่นนี้จึงเป็นที่ร่ำลือในหมู่ศิษย์พอสมควร

ด้วยประสบการณ์มากมายนี้ ปลัดขิกหลวงปู่จึงค่อยข้างเป็นที่ต้องการของศิษย์ด้วยความเข้มขลัง และความศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่าขอได้ดังใจนึก ปลัดของหลวงปู่ไม่ได้มีแค่เมตตา ค้าขายเท่านั้น เรื่องเสน่ห์ก็ชัดเจน นอกจากนั้นยังมีประสบการณ์ในเรื่องคงกระพันแคล้วคลาด จุดสังเกตว่าเป็นปลัดของหลวงปู่ตี๋ คือ รอยจารหมึก แต่ก็ไม่ใช่ที่สิ้นสุด เพราะบางตัวไม่ได้จารก็มี หรือลงเป็นเหล็กจารก็มี แต่จุดสำคัญ คือ โค๊ต ลป.ตี๋ สุพรรณ