ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอมฟ้าไทย ลูกแม่ขอน(ขุน) ญิงกลางชื่อพวงมะลิ เสืองฟ้าไทยพ่อ ขุนแม่เนา เรือนในป่า ขุนพ่อชอบเอาเป็นเมีย มีขอมฟ้าไทยปีอิน ๑๑๗๔ เดือน ๘ ขึ้น ๘ค่ำ

    ขอมฟ้าไทย ขุนสือไทย สอนลายสือไทย และลายสือขอม แก่ลูกชายญิง สีงามตน นำตัวเลขไปเขียนผืนผ้า และสอนให้รู้ทั่วกัน
    ขุนสือไทยขอสีงามตนให้แก่ขุนเลกไทยฟ้า ให้ขอมฟ้าไทยสอนลูกชายญิง
    ไทยงามสอนทอผ้าและยกลาย ขุนสือไทยสอนตีเหล็ก สอนหิน สอนไม้
    สอนทำของใช้

    ขอมฟ้าไทย เอาแสงแจ่มฟ้า ผู้เข้าคู่ใจ ใฝ่ใจใคร่ดูปู่ชวดขุนอินสิบสองพัน พาคู่ใจขี่ช้างเถิงเมืองสิบสองพัน เมื่อกลับมา มา
    ไทยลว้าเมืองแมน ปีอิน ๑๒๖๙ ขุนสือไทยตั้งชื่อขุนอินอู่ไทยแล้ว

    ...................................................................................................................

    ทั้งตัวเมือง ตัวบ้าน ท่านคิดตามเสียง เอารูปตามชื่อมาตั้งแล้วแยกไปตามเสียงที่กระจายออกไปได้ ที่คิดเสียงออกมาเป็นเส้นลายให้เป็นระเบียบอ่านรู้ได้นี้ เป็นยอดรู้อันไม่ตายของ ขุนสือไทย ขอมฟ้าไทย กับ ไทยงาม ถ้าจะขนานชื่อว่า อมตวิชานชน ก็คงได้

    ลายสือไทย ลายสือขอม ที่เขียนเป็นตัวเมือง(พยัญชนะ) ตัวบ้าน(สระและตัวสะกด) ทั้งขุนสือไทย และขอมฟ้าไทย เอาเสียงเข้ากับรูป คิดขึ้นเป็นลาย พร้อมกับทำเครื่องหมายอ่นออกชื่อคำ และเสียงชื่อไว้ เช่น กระทำด้วยเสียงชื่อรูป "กอไผ่"

    ส่วนตนเลกไทย(ตัวเลขไทย)นั้น เป็นเรื่องของผีบอกให้รู้ (ขุนสรวงนางสาง เข้าทรงไทยงาม) ที่ประจักษ์ออกมาจากปากเสียงมือ ของไทยงาม

    ที่น่าทึ่งมากที่สุดก็คือ ทั้งตัวลายสือไทย และตนเลกไทย เกิดจากกรรมวิธีของผู้หญิงไทย ถึงแม้ว่าขอมจะสอน "ลาย"ก่อน
    แต่กรรมวิธีจัดเข้าลายผ้าทอหรือยกนั้น เป็นกรรมวิธี หรือสมองสติปัญญาโดยตรง
    ขุนสือไทย และขอมฟ้าไทย เอาเข้าเสียงอ่านอีกครั้ง ก็คือ เอามาปรับปรุงเข้าเป็นลายสือทั้งไทยและขอมกับเลข
    ของจีนว่า ชั่งเขียด(ฉางกิด) เห็นบนหลังเต่า เข้าใจว่าเทวดา หรือพรหมสร้างให้
    ของแขกชื่อ "เทวนาครี" ชื่อก็บ่งบอกชัดอยู่แล้วว่า ชาวเทพ หรือเทพนคร(แปลว่า ชาวกรุงเทพสร้าง) เพราะมีความรู้มากกว่าตน เลยเข้าใจว่าเป็น เทวดา และให้ชื่อว่า เทพพรหม เป็นที่เคารพ ซึ่งคนไทยก่อสร้างวิวัฒนาการและรู้มาด้วยตนเอง ทั้งภาษา และสร้างสิ่งต่างๆไว้ทั่วแผ่นดิน ที่คนไทยไปถึง (ได้พบทั่วไปในโลก ถึงอเมริกากลางและใต้)

    a.2221423.jpg
    บรรไดพิธีทอดขึ้นสู่วิหารบนเนิน มีภาพแทนคำพูดภาษามายาที่ยืดยาวที่สุดที่เคยพบมา
    สลักไว้เป็นสัญลักษณ์ ๒๕๐๐ แผ่น พาดไว้บนชั้นบันไดแต่ละขั้น
    ปรากฏลายรู้อ่าน เป็นวิทยาการเกิด ระบบไทย


    a.2221424.jpg
    ภาพลายสืออ่าน หรือ ภาพลายรู้อ่าน ชาวมายา
    (Maya Hieroglyphs)(ลายรู้อ่านชนิดหินเล่าเรื่อง)(Stones that Speak)

    ทั้งนี้ คล้ายภาพลายสลักอย่างงดงาม
    จากประตูวิหารแห่งหนึ่ง ที่ปาเลนควี เม็กซิโก เป็นชาวกรุงชั้นสูง
    จากลายวาดเขียน ระบุถึง อเมริกาโบราณ
    เป็นระเบียบชนิดหนึ่งแห่งการแต้มจุดต่างๆ ,เส้นตอน,หน้า และ มือ
    ซึ่งนักวาดเขียนสามรถกระทำได้ เพื่อบันทึกวันกำหนด และเหตุการณ์
    สัญลักษณ์ ต้องถอดออกเป็นส่วนความหมายรู้อย่างแท้จริงได้

    ลายความรู้ – อ่านลายเขียน เล่าเรื่องไว้ ตามความเล่าระบบการเกิดของไทย
    ซึ่งได้ทำไว้ถึง ๒๕๐๐ แผ่น แผ่นนี้เป็นแผ่นหนึ่งที่เป็นตัวอย่าง
    เฉพาะเป็นภาพเขียนเต็ม และชัดเจนเพียง ๖ รูป
    ด้านซ้าย ๓ รูป
    ด้านขวาอีก ๓ รูป

    ๑.บนซ้าย
    อ่านว่า แม่มี
    เม็ด๔ เรียงขึ้นอ่านว่า ยีน
    ๒เส้นตั้งตรง คือ
    ต่อไปคือ และ ไม้เอก
    เฉพาะรูปลายคือ แม่(เครื่องเพศ)
    ยีน พวกเราชาวทุ่งนาเรียกว่า หนึก คือเชื้อเกิดของชาย
    หญิงเรียกว่า เมือก

    ๓.กลางซ้าย
    อ่านว่า นาง
    เฉพาะเส้นหลัง อ่านลายสือขอมได้ว่า พ่อ
    [ซ้ายจะเห็นรูปหน้าเกิดขึ้น
    รูปหลัง คือ พ่อที่ส่งเชื้อเข้าไปเกิดในมดลูก

    ๕.ล่างซ้าย
    [ลายเส้นรูปสัตว์ประหลาด๒หัว อ่านว่า เกิด
    หัวซ้ายจะเห็นรูปหน้า และมี พ่อขุนซ้อนล่าง
    หัวขวา มีรูปหน้าผีอยู่ขวาสุด
    หัวซ้าย คือ รูปยีน คือ หนึก ทั้งของแม่และพ่อที่ก่อเกิดเป็นลูก
    หัวขวา คือ เจตภูต คนธรรพ วิญญาณ หรือผีที่ลอยเข้าไปเกิดในครรภ์
    ทางขวาสุดจะเห็นเป็นรูปหน้าผี คือ ตัวสางเข้าไปเกิด

    ๒.บนขวา
    จะเห็นตัว ย. และ สระ า. และ ไม้เอก
    อ่านว่า ย่า หรือ ญ่า
    รูปลายนั้นเห็นชัด คือ เพศ หรือ ของแม่
    มีรูปของพ่อเข้าไป และพ่นเชื้อเข้าไป ทำรูปยีนไว้ล่าง

    ๔.กลางขวา
    เฉพาะลายเส้นจะเห็นเป็นมือ
    นิ้วทั้ง๕ทำโค้งจะกำนั้น เล่าระบบไทยว่า ผีปั้น
    จะเห็นเม็ดยีน กำลังเรียงกันเข้าสู่มือนั้น

    ๖.ล่างขวา
    อ่านได้ว่า ลูก
    รวมได้ว่า แม่ย่านางไทยเกิดลูก
    รูปนี้จะเห็น รูปมือและแขน อยู่ในอู่มดลูก
    ต่อนั้นจะเห็นรูปหน้า และ หัว กับทั้งทำยีนไว้ทั้งข้างบนและข้างล่าง ซึ่งเป็นอาหารเลี้ยง
    จะเห็นลายเส้นเป็นภาพเล่าระบบการเกิดของไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0211.jpg
      scan0211.jpg
      ขนาดไฟล์:
      466.8 KB
      เปิดดู:
      1,054
    • scan0017.jpg
      scan0017.jpg
      ขนาดไฟล์:
      719.6 KB
      เปิดดู:
      1,687
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ลายสือไทย ปรากฏที่ทะเลใต้

    a.2221427.jpg
    รูปคเณศวร นี้จากหนังสือ Ancient Indonesian Art โดย Dr.A.J.BERNET KEMPERS

    ถ้าชาวอินโดนีเซียนไม่ได้เรียนหนังสือไทย ก็ต้องช่างและขอม หรือ บาไทย ไปทำและเขียนไว้
    ยิ่งรูปคเณศวร แล้ว ตรง งวง ม้วน จะเห็นลายอ่อน ฝีมือไทยแท้
    บอกว่าค.ศ.๑๒๓๙ พ.ศ.๑๗๘๒ ก่อนจารึกหลัก ๑๔๔ปี

    a.2221428.jpg
    ลายสือว่า พญาฆเณสยำ ออกเสียงอินโดนีเซียนอย่างไรไม่รู้ ที่อ่านนั้นตามเสียงไทย
    เห็นชัดว่า พญา คือลายสือไทย
    ฆ เณ เป็นตัวสือขอม
    เลือนหายไป
    ไทย เอาล่างขึ้นบน
    ยำ ชัดเจนลายสือไทย
    ฐานด้านหลังมีลายสือไทยปนลายสือขอม


    a.2221429.jpg
    พ.อ.ประดิษฐ์ ถ่ายทอดจากหนังสือ Ancient indonesian Art

    สำริด ศิลปะก่อนฮินดู อาจก่อนศรีวิชัย หรือสมัยศรีวิชัย

    ลายสือไทย ที่หล่อไว้บนหัวตัวคน ทำชื่อ “ลาย” เป็นตัวหนังสือ
    อาจทำเป็นตัวหนังสือเชิดสอน อันเป็นเหตุที่เปลี่ยนชื่อ “ลายสือไทย” เป็นชื่อ “หนังสือไทย

    แถวบน จากซ้าย
    ๑. ลายรูปตัว .
    ๒. ลายรูปตัว .
    ๓. ลายรูปตัว .
    ๔. ลายรูปตัว .
    แถวล่างจากซ้าย
    ๑. ลายรูปเลข และ
    ๒. ลายรูปตัว .
    ๓. ลายรูปเลข ๖ ฯ
    ๔. ลายรูปตัว .
    ๕. ลายรูปตัว .
    ที่พบมีเท่านี้พอเป็นเค้าให้รู้ ที่มีซ้ำกันยืนยันว่ามีหลายชุด

    a.2221430.jpg
    ลายที่ไหซองน้ำ จากหนังสือ PAGANINNOCENCE
    ซ้ายบน
    ลายกลุ่มเมฆ แต่ประดิษฐ์เส้นเป็นลาย ด อ หรือ ๖ ๑
    ขวา
    ทั้งบนและล่างตัวมังกรลอย
    ซ้าย หางชี้ซ้าย ลายสือ
    ลางตัวและหัว ยกขาซ้ายขึ้น มีเล็บชี้ซ้าย จะเห็น ด ท
    ขาขวายกขึ้น มีเล็บออกชี้ขวา จะเห็น
    กลุ่มเมฆซ้ายสุด จะเห็นข้างใน
    บน ลาย และ
    ล่าง และ ดูจะเป็น
    รวมได้ว่า ไดยะ ไทยะ

    ยังมีลายซึ่งพวกเผ่าไดยะ ทำลายสือไทยได้ ซึ่งปรากฏในเครื่องใช้ต่างๆเช่น ลายผ้า ลายปักงอบ ลายเครื่องเงิน และลายไหซอง หรือ โพล่น้ำ

    ที่จีนใต้ มีพวก ไตหย่า อยู่ พวกไตหย่า นี้ จีนบอกว่า ยังกินคนอยู่ และสักขาลาย เรียกว่า แชคาฮวน บ้าง
    กับทั้งพวกไตหย่าเหล่านี้ เป็นพวกชาวเขา ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพวกชาวป่า
    สำหรับผ้านุ่งและเสื้อ ผ้าโพก ก็ทำแบบเดียวกัน
    จึงยืนยันได้ว่า ไดยะ ไทย ไตยา เป็นพวกเดียวกันทั้งหมด

    a.2221431.jpg
    ลายปักงอบ
    ลายขาว วงใน
    บนล่าง และ
    ลายล่าง และ
    เมื่อดูจากลายขาว
    ซ้ายจะเห็นลาย และ ทำหางอย่างนี้ จะเห็นเป็นรูปสิงโต และ และ นอนหงาย
    คือ ไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0225.jpg
      scan0225.jpg
      ขนาดไฟล์:
      347 KB
      เปิดดู:
      895
    • scan0226.jpg
      scan0226.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.8 KB
      เปิดดู:
      1,097
    • scan0227.jpg
      scan0227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      226.8 KB
      เปิดดู:
      1,298
    • scan0229.jpg
      scan0229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      317.1 KB
      เปิดดู:
      1,231
    • scan0232.jpg
      scan0232.jpg
      ขนาดไฟล์:
      250.7 KB
      เปิดดู:
      1,462
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2017
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอมฟ้าไทย สอนชายญิงลูกตัว แลลูกขุนสือไทย
    เมื่อขอนฟ้าไทย พาแสงแจ่มฟ้า เมื้อเถิงเมืองสิบสองพันแล้วกลับมา มีชื่อตั้งว่า
    ขุนอินอู่ไทยแล้ว
    เมื้อเมื่อปีอิน ๑๒๖๙ เอาลายสือไทย ลายสือขอม ไปดอมช้างห้าตัว
    ขอมฟ้าไทย ขอเสืองร่วงไทย เข้าคู่ใจ(หมั้น,แต่งงาน)กับแสงช่อเทียน
    ขอสีงามไทย เข้าคู่ใจกับ ขุมฟ้าไทย ขอญิงคู่แฝดลูกขุนสือไทยและไทยงาม ชื่อเสิมงามไทย เข้าคู่ใจกับ เข้มฟ้าไทย
    ขอญิงชื่อสมงามไทย เข้าคู่ใจกับ เขือมฟ้าไทย ให้ขานเลืองไทย เข้าคู่ใจกับ ไขเลืองฟ้า

    แลให้เอาทองที่เก็บได้ทำสร้อยหมั้นญิง ญิงให้นำผ้าทำทอเองให้ชาย ปีอิน๑๒๖๔
    ..............................................................
    พิธีหมั้น และ พิธีไหว้ผีนี้ ขอมฟ้าไทยจารึกไว้ ให้รู้ได้ว่า ไทยมีมาแล้ว ๖พันแปดร้อยปี หรืออาจมีมาก่อนนั้นนานแล้ว
    สินสอด ทองหมั้น ขันหมาก ไหว้ผี ยังกระทำกันอยู่ในหมู่คนไทยแท้

    เคยเห็นมีพิธีทำขวัญบ่าวสาวในตำราไทย ในพระราชพิธีอุปภิเศก ซึ่งเขียนไว้ ณ ผนังวิหารวัดโสมนัส เห็นมีตั้งใบสีต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนสือไทย กับไทยงาม มีลูก ๙ คน ตาย ๓ เหลือ ๖ ที่เห็นชื่อนี้ คือ ชายขุนเลกไทยฟ้า ญิงแฝดคู่ คือ เสิมงามไทย สมงามไทย
    ชาย คือ เสืองร่วงไทย และญิง แสงช่อเทียน สีงามไทย

    ขอมฟ้าไทย มีลูกชาย ๙ คนกับมะลิฟ้า ชายคือ ขอนฟ้าไทย ขานเลืองไทย ญิงคือ ไขเลืองฟ้า และชายคือ เขือมฟ้าไทย
    กับสีแจ่มฟ้า มี๕คน ญิงคือ แสงแจ่มฟ้า ชาย๒คนคือ ขุมฟ้าไทย
    เข้มฟ้าไทย ญิง๒คนคือ สีงามตน(งามตน) อินตัวทอง

    ขอมฟ้าไทย จัดงานลูกเข้าคู่ปีอิน ๑๒๖๑ เดือน๔ เพ็งเดือน๕ ให้รำบวงผี เหลือสีงามตน กับ อินตัวทอง เข้าขวบ๓๐และ๒๙มิรู้ผัวเมีย รู้เล่นน้ำ เล่นดิน อู่ เรือน มิรู้สือไทย ขอมว่ายังเล็ก มื้อนมแค่มีนิด

    ขอมฟ้าไทย สือไทย มะลิฟ้า ไทยงาม สีงามตน
    รออยู่แต่ก่อน เมื่อปีอิน ๑๒๖๔ ขุนสือไทยไข้หนัก เมื่อเซาไข้ ให้เชิญผี บำบวงผี ให้ เลกไทย สีงามตน คู่สู่เมียผัว อินตัวทองมีขวบ๒๙ยังเด็กน้อย สือไทยว่าได้ทันเห็นมันมั่นคง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2017
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2225561.jpg
    ๑.ขุนเลกไทย(ได้ที่ถ้ำเทืิอกเขางู ด้านวังสะดึง ราชบุรี)มือขวาถือดินสอหรือเหล็กจาร มือซ้ายถือกระดานชนวน มี ดวงกลม และตัวเลข สัญลักษณ์สร้างเลข และตำราเลขไทย

    ๒.ขุนหญิงงามตน มือขวาถือ แวก หรือ แว ปั่นฝ้าย มือซ้ายถือกลุ่มด้าย สัญลักษณ์ทอผ้า

    ทั้งคู่ทำก้มหน้า เป็นท่าใช้ความคิด ใช้รัดเกล้าแบบทำงาน

    เลกไทย ตนเลกไทย (เลขไทย)

    ขุนเลกไทย ขุนหญิงงามตน
    ปีอิน ๑๒๗๑ ก่อนพ.ศ.๔๐๖๙ ปี

    ดูตามกเบื้องจารสมัยขุนสือไทย ตัวเลขเขียนเป็นแบบลายอ่านเป็นหนังสือก็ได้
    ขุนหญิงงามตน ได้นำลายเลขไทยมาขีดผืนผ้า ต่อมา ขุนเลกไทยผู้เป็นผัวได้เห็นและคิดว่า ย่อสั้นดีจึงเอาชื่อเมียต่อกับชื่อตัว ให้ชื่อว่า ตนเลกไทย ประกาศใช้ ปีอิน๑๒๗๗ ก่อนพ.ศ.๔๐๖๒ปี

    ขุนเลกไทย และ ขุนหญิงสีงามตน หรืองามตน ในฐานะเผ่าชาติตระกูลต่างก็เป็นพระลูกเจ้าอยู่แล้ว ครั้รต่อมาได้เป็นขุนและขุนหญิง งามตนได้เรียนลายตัวเลขจากจ้าวพ่อขุนสรวง ซึ่งทรงไทยงามสอนให้ ได้นำมาเขียนจำนวนผืนผ้าที่ทอแล้ว

    ขุนเลกไทยเห็นแล้ว จึงนำมาประกาศใช้เป็นตัวเลข คราวแรก ยังไม่มีชื่อ เรียกเพียงว่า ลายย่อ
    ขุนเลกไทย จึงคิดเอาชื่องามตนซึ่งเป็นที่ขุนหญิงเมียหลวงอยู่แล้ว ต่อเข้ากับชื่อตนเองจึงเป็นชื่อว่า "ตนเลกไทย"

    ได้เป็นชื่อประจำมาว่า"เลก"ต่อมาถึงบัดนี้ เปลี่ยนเป็น"ตัวเลขไทย"ชื่อเฉพาะที่บอกหมายรู้นี้มีอยู่เพียงไทยเท่านั้น เพราะตัวเลขที่เป็นที่หมายรู้จำนวนนับแน่นอน จึงได้เกิดเป็นตำราหมอดูขึ้น เช่น กล่าวกันว่า เลขบอก และเป็นตำราเลข ๗ ตัว เลข ๑๐ ตัว เลข ๑๖ ตัว หรือ โสฬส แต่ชื่อก็ได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งในกาลนี้รู้จักกันว่า "ตำราพรหมชาติ"

    ครั้งเป็นคนก็เป็นขุน และขุนหญิงอยู่แล้ว ทั้งยังได้เป็นต้นบา ตำราเลขดูรู้และคำนวณนับ บอกจำนวนรู้แน่นอน กับเรียนเขียน จดจำนวนคงอยู่ เช่น คำนวณขวบปีวัยเด็ก

    ได้ทำระบบ โกนผมไฟ และ กระทำบุญวันเกิด กาลผ่านวัยเด็ก-เริ่มวัยรุ่น มีระบบแบบโกนจุก
    สำหรับชาย ก็คำนวณขวบปีขึ้นพานหรือขึ้นหนุ่ม หญิงก็คำนวณขวบปีขึ้นผลิรุ่นขึ้นสาวมีเลือดมีพุ่มทรวงอก

    ครั้นตายไปแล้วก็ขึ้นเป็น ผีบาเลขไทยและคำนวณนับ จึงเป็นต้นผีหมอดู ดูรู้จำนวนนับ ทำนายวัยที่เป็นเช่นนั้น ทั้งชะตาราศี ดีเมื่อไร ไม่ดีเมื่อไร

    สำหรับ งามตน เมื่อตายไปก็ขึ้นเป็น ผีบาแม่จ้าว เช่น แม่หมอชะตาราศี แม่หมอสินสาว แม่มด หรือ หมอมดลูก หรือ หมอคลอด ถ้าดูตัวเลข เช่น ๔ และ ๖ ถ้าเขียนให้ติดกันอย่างนี้ ๔๖ จะเห็นเค้าพุ่มทรวงอก เช่นนี้ ตัวเลขคำนวณทายคู่ครอง มีลูก และหลักฐาน ฯลฯ[

    ฉะนี้ ไทยจึงมีระบบแบบไหว้ผี ไหว้ครูบา ไหว้บำบวงบูชาต้นไทยกันมา และ ขุนเลกไทย กับงามตน จึงขึ้นเป็น ต้นบา-ขอมเลขไทย และ ตำรา-หมอดูไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0081.jpg
      scan0081.jpg
      ขนาดไฟล์:
      490.6 KB
      เปิดดู:
      1,529
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ด้วยเหตุนี้ ขุนเลกไทย นำเลขไทยมาใช้ โดยที่เป็นขุน และขอมในตัวเอง ด้วยอำนาจขุน และขอม ก็ได้บงการให้ ตัวเลข เป็นตัวลาย กำหนดหมายจำนวนแน่นอน จึงเป็นลายศักดิ์สิทธิ์ หรือขลังในตัวเอง ตัวเลขจึงเป็นตัวทำนาย หรือให้แจ้งเหตุดีร้าย เช่น

    อย่างที่กล่าวกันว่า ตัวเลขบอก จึงเป็นหมอ หรือตำราเลข ๗ ตัว หรือที่เรียกกันว่า พรหมชาติ
    ที่เป็นตัวขลังนั้น เช่น เลข ๐ ใช้ในพิธีสูญฝี ตัวเลข ๙ ใช้เป็นรอยเจิมหน้า

    และตามตำราฤกษ์ หรือตำราทายเลข ตัวเลขคี่มักไม่ดี ส่วนเลขคู่มักดี เช่น เลข๑ ถ้าเป็นเลขฤกษ์ที่ ๑ ชื่อว่าฤกษ์คนจน หรือขอทาน ถ้าเป็นวัน๑ คืออาทิตย์ มีคำพยากรณ์ว่า เกิดวันอาทิตย์ จิตใจมักง่าย ทำคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้ำ

    ฉะนี้ พ่อขุนเลกไทย จึงขึ้นต้นครูอาจารย์เลขไทย ทั้งทางศักดิ์สิทธิ์ และทางทำนาย ก็กำหนดจำนวนนับ จำนวนรู้

    ส่วนขุนหญิงงามตนนั้น ด้วยการนำเลขมาใช้บอกจำนวนผืนผ้า ถึงแม้ชื่อจะเปลี่ยนเป็นตัว ก็ยังระบุถึงอยู่ จึงขึ้นเป็นต้นแม่จำนวนเลข เป็นแม่กี่ หรือแม่ฟืม

    ตามแบบไทยเก่าก่อน เมื่อจะเริ่มทอผ้า มักมีพิธีบูชาไหว้กี่ หรือฟืมนั้น ซึ่งยืนยันหลักฐานนึกระลึกถึงแม่งามตน คือ แม่ต้นทอ และจำนวนนับนั้น

    แม่งามตน จึงขึ้นเป็นต้นทอ หรือแม่ต้นหรือผีต้นนั้น และยังยืนยันอยู่ในหมู่ไทย จึงยังเป็นไทยต่อมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ลายสือไทย เลขไทย สมัยเมืองแมน

    ซึ่งยืนยันปีไทย คือ ศักราชไทย ได้ทำกันสืบๆมา
    ได้มาเพียงบางส่วนพอเป็นหลักฐาน ได้นำมาทำแบบเท่าที่จะมีทุนทำได้ ถ้าไม่ทำในกาลนี้ อาจจะสูญหายหมด และคงไม่มีใครที่จะทำกัน
    ทั้งจะได้เห็นที่เป็นตัวลายแท้ ขุนเลกไทยได้หัดและกระทำไว้ ณ แผ่นนี้ ซึ่งได้คงทนมาให้ได้พบกันได้
    เป็นหลักฐานลายสือไทย ลายเลกไทย ซึ่งไทยทำไว้แก่ไทย อันเป็นหลักฐานให้นำของไทยมาไว้กับไทยตามเดิม

    ลายสือไทย และ ตน(ตัว)เลขไทย แผ่นที่ ๒๔๔ หน้า๒ ขุนเลกไทยเขียนไว้เมื่อปีอิน ๑๒๗๗ (๖,๘๘๔ปีมาแล้ว)


    [​IMG]

    ๑. ก ขฃ คฅ ฆ ง ฉ
    ๒. ช ซ ญ ฎ ฏ ฐ ฑฒ
    ๓. ณ ดต ถน ทธ บป ผฝ
    ๔. พ ฟ ภ ม อ ย
    ๕. ร ล ส ห ร ๑ ๒ ๓
    ๖. ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐

    ลายนี้มีเพียงเค้าๆเท่านั้น ตัวเลขก็เขียนซ้อนกัน ๔๕ ดูเหมือนกัน
    สิ่งที่ต้นไทยได้กระทำไว้ ลูกหลานต่อๆมา จึงอ่านออกและรู้ความ สิ่งของไทยย่อมเข้าสู่สายเลือดทั้งชีวิตจิตใจแล้ว จึงรู้เห็นและอ่านออกได้ บัดนี้ ได้ปรากฏแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0082.jpg
      scan0082.jpg
      ขนาดไฟล์:
      843.3 KB
      เปิดดู:
      3,538
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2013
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขอมฟ้าไทย สอนลูก สั่งมะลิฟ้า แล ไทยงาม
    สอนญิงชายมื้อมีเมียผัว มื้อมีลูกแล้ว

    สือไทยคู่ไทยงาม มะลิฟ้าคู่ขอมฟ้าไทย ขึ้นที่นอนสอนเอาสมมื้อแท้ ผัวเมียทำเทื้อนี้แล้ว ไปนอนรวมกันในที่นอน แม้สือไทย ไทยงาม นำเลกไทย งามตน ชวนเข้าห้องงามตนเข้าเมียผัว มื้อสือไทย ให้อินตัวทองอีกคน เลกไทยยังมิเอา

    เมื่อขุนสือไทยตายปีอิน ๑๒๗๑ ขอมฟ้าไทย ให้เลกไทยครองเมืองแมนต่อ

    เอาสีงามตนขึ้นเมียที่ขุนญิง และมิยอมเอาน้องของตัวเอง เมื่อสีงามตนหมัน
    ให้อินตัวทองเข้าที่ขุนญิงเมียน้อย มีลูกชายเมื่อเดือน ๖ วันเอือย ขึ้น๑๕ค่ำปีอิน๑๒๗๘ ชื่อ ลืออินไทย ขอมฟ้าไทยมีขวบ๑๐๓ปี จานเบื้องไว้

    เลกไทย ผู้ลูกขุนสือไทย ครองต่อพ่อเมื่อเข้าปีอิน๑๒๗๑ เมื่อเมียชื่อ นางงามตน กี่ผ้าขีดผ้าทอจำนวนผืนที่ ๑.๒.๓.๔.๕.๖.๗.๘.๙.๑๐.เมื่อเข้าปีอิน๑๒๗๗ เลกไทยให้เอาตัวลายขีดเขียนชื่อ ตนเลกไทย ใช้เพื่อจำไม่ผิดเพี้ยน จดวันเดือนปี ต้นปู่ขุนอินเมืองแมนแดนทอง

    ขุนเลกไทย เอาลายสือพ่อ แม่ไทยงาม ทอขึ้นลายให้ชื่อ ตัวเมือง ต่อตัวบ้านเรือน และเมีย งามตน ทอผ้า ขีดต้นผ้า นับรู้ชื่อ "ตนเลกไทย"
    ......................................................................
    ขอมฟ้าไทยสอนนั้น คงเป็นธรรมเนียมตกทอดมา ที่เรียกกันว่าพิธีปูที่นอน เรียงหมอนส่งตัว เท่าที่ทราบมา เมื่อถึงเวลาฤกษ์ คู่ผัวเมียเดียวมีลูกชายหญิงพร้อม จัดแจงปูที่นอนแล้ว ทั้งคู่ ผัวนอนก่อน เมียกราบผัวแล้วเลื่อนนอนลงต่ำหน่อยแล้วนอนด้วยกัน

    มักมีมโหรีกล่อมเพลงเยี่ยมวิมาน ดับไฟ ทำหลับ และกรนบ้าง มีคนร้องเสียงไก่ขัน ทั้งคู่จะทำตื่น
    (ภาคกลางใต้ มักเล่า ฝันว่าไปไหว้พระปฐมเจดีย์ ภาคกลางเหนือ มักเล่าฝันว่าไปไหว้พระพุทธบาท ทั้งกลางและกลางใต้ กลางเหนือ เล่าฝันว่า ไปไหว้พระแก้วมรกตบ้าง)
    ว่าถือดอกบัวบ้าง ผัวเป็นผู้ทำนายฝัน จากนั้นจึงส่งตัวคู่บ่าวสาว

    ประเพณีนี้ได้ถามก็มีคล้ายๆกัน ซึ่งยืนยันว่ามีมานานแล้ว จึงแพร่ไปทั่วทั้งแผ่นดินไทยและเผ่าไทย อาจสืบมาจากที่ขอมฟ้าไทยสอนไว้แต่คราวนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2225745.jpg
    ๑.ขุนลืออินไทย ผู้ออกกฎหมายผัวเมียฉบับแรกของไทย ท่ามือซ้ายประคองขึ้น มือขวา"กด"ในชื่อกฎหมาย เดิมเห็นเขียนเป็น"กดหมาย"และท่านนี้ได้ขึ้นเป็นต้นกฎหมายไทย
    ๒.ขุนหญิงรินเลืองระรื่น ทำงานแม่บ้าน หรือแม่ มือซ้ายถือหอยหลอด หรือหอยสังข์ มือขวาถือดอกบัว สัญญลักษณ์ หรือเครื่องยศขุนหญิง และได้ขึ้นเป็นต้น กฎหมายผัวเมียไทย

    รูปขุนผู้ออกกฎหมายมักทำอย่างนี้ ขุนหญิงผู้ทำงานแม่บ้านก็ทำอย่างนี้ ฉะนี้ ขุน และขุนหญิง แบบนี้ อาจเป็นทุกๆท่านผู้ออกกฎหมายต่อไป เช่น ขุนอินมาไทย ขุนหญิงคู่เลืองเมือง



    กฎหมายผัวเมียฉะบับแรกของไทย

    ปีอิน๑๓๓๓ ก่อน พ.ศ.๔๐๐๗ ปี




    ลืออินไทย ครองเมืองแมน ปีอิน๑๓๒๒ เมียชื่อ รินเลืองระรื่น ปีอิน ๑๓๒๗ รินเลืองระรื่น ออกลูกชายเมื่อวันอู่ ๑ค่ำ เดือน ๑๐ขึ้น ชื่อว่า เลอตนไทย

    ลืออินไทย เมืองแมน ขึ้นปีอิน๑๓๓๓ เดือนอ้าย ขึ้น ๑ ค่ำ ออก "กดไทย" ว่า

    คนชายญิงรักกัน เอากันเปนผัวเมีย ให้อยู่ร่วมกัน ชื่อ ผัวเมีย ของตน

    ลืออินไทย ต่อกดเรื่องผัวเมีย

    ถ้ามันอยู่ด้วยกัน ห้ามพ่อแม่พี่น้องพรากทำลาย แม้ผู้พรากทำลายมัน ให้เฆี่ยน แม้ตาย ให้ฆ่าให้ตายตามกัน

    ลืออินไทย ว่า ชาย ญิง อย่าอยู่ห้องเดียวกัน แม้ผู้ชายจับญิง ประคองร่าง ตัว นม ต้องเสียผ้าไหม
    ชายข่มขืนญิงจนต้องเสียสินสาว ควรตัดคว...(ของผู้ชาย)ทิ้ง แม้ญิงตายฆ่าให้ตายตามกัน

    ญิง ทำเปิดผ้าให้ชายดู ชายจับตนเล่นไม่เปนผิด
    ผ้า ญิง นุ่ง ห่ม แม้ว่าญิงมีลูกแล้ว ไม่ห่มผ้า มิใช่เปิดผ้าให้ชายดู ผู้ชาย ถูกต้อง จับ ดึง เว้นผัวทำ ต้องผิด ต้องให้ทุบมือที่ซนนั้น

    เลอตนไทย ครองเมืองแมน ปีอิน ๑๓๕๑ มีเมีย ๒ ขวาชื่อ เอื้อนขวัญไทย ซ้ายชื่อ เอิ้นสาวไทย
    ปีอิน ๑๓๕๘ เอื้อนขวัญไทย มีลูกชายชื่อ ลือต้นไทยทอง(มีวิญญาณมาทรงคนบอกว่าชื่อ ทองลือ ยังเอาตั้งชื่อข้าวว่า ข้าวทองลือ บ้าง)
    ปีอิน ๑๓๖๐ เอิ้นสาวไทย มีลูกญิงชื่อ สีเสิมไทย
    ........................................................................
    ได้พบคำไทยแท้ว่า "สินสาว" คือ พรหมจรรย์สาวไทยโบราณ อันยืนยันถึงประเพณีไทยลว้าทั่วไป ยอมรับนับถือพรหมจรรย์หญิงสาวเป็นสินสาวที่มีคุณค่ามากมาย เมื่อถูกชายจับต้องและทำลายให้เสีย ต้องทำขวัญด้วยผ้าไหม อันเป็นประเพณีปรับสินไหมของไทยโบราณ
    และทำให้เสียหาย ต้องทำสินชายให้เสียหายตามกันเป็นสินชดใช้ ซึ่งขุนลืออินไทยให้ตัดทิ้ง และ นี้ผลสืบเนื่องมาจากที่ทำ ลายสือใช้กันมา ได้เขียนจารไว้ จึงคงมาให้รู้ถึงปัจจุบัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0083.jpg
      scan0083.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.2 KB
      เปิดดู:
      843
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2225776.jpg
    ๑.ขุนลือต้นไทยทอง (ถ้ำเทือกเขางู ด้านวังสะดึง) มือขวาถือไถ มือซ้ายถือคราด สัญญลักษณ์สร้าง ระบบนา(จ้าวพ่อนา)ต้นผีไทย

    ๒.ขุนหญิงโพสบ มือขวาถือเคียว มือซ้ายถือรวงข้าว สัญญลักษณ์ทำข้าว(จ้าวแม่ข้าว)ต้นผีไทย


    ขุนต้นจ้าวแม่โพสพ


    ชื่อข้าวและ กฎหมายนา ฉะบับแรกของไทย

    ปีอิน ๑๔๐๒ ก่อน พ.ศ. ๓๙๓๘ปี

    ลือต้นไทยทอง หรือ ต้นไทยนี้ในพิธีแรกนาขวัญ แม้เป็นพระราชพิธี มีคำว่า "แรก" ก็คือ ต้นนี่เอง
    อีสานมีผีตาแฮก คือ แรก ในนาเหมือนกัน และ
    ทั้งชาวอีสานและภาคกลางนี้ยังกระทำ"บวง"หรือ"ข้าวบิน"บูชากันเมื่อเริ่มต้นทำนา


    โพสบมีรูปเคารพมากเป็นที่ ๒ รองนางกวัก เมื่อข้าวมีท้อง ไทยทั่วไปกระทำบวงบูชา หรือแบบบริหารครรภ์
    ไม่เคยรู้กันว่า(โพสบ) มีเรื่องเป็นคน มีผัว มีลูก
    และนี่เป็นเรื่องของการเคารพผี (จ้าวแม่โพสพ)

    และทั้งสองนี้เมื่อเป็นคนได้เริ่มทำนา ทำข้าว ก็ขึ้นเป็นต้นไทยครั้นตายไปอยู่สรวงสวรรค์แล้วได้เป็นจ้าวพ่อ จ้าวแม่ ก็เป็นต้นผีไทยไทยได้เคารพบวงสรวงกันมาถึงกาลบัดนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0084.jpg
      scan0084.jpg
      ขนาดไฟล์:
      423.8 KB
      เปิดดู:
      936
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ลือต้นไทยทอง เมืองแมน ครองเมืองขึ้นปีอิน๑๔๐๒

    เมียชื่อ โพสบ

    นางอยู่ในบ้าน ขุนเถือมทอง เพาะข้าวงอกงามดี เข้าหา ขุนเมืองพ่อ
    เห็นชอบให้ตนเป็นเมีย

    โพสบ ทำกร้า(กล้า)ข้าว มาแต่นั้น ปีอิน๑๔๐๕ มีลูกชื่อ เลือง-โพไทย


    ลือต้นไทย โพสบ เอา ถุงเงิน ถุงทอง(ผู้สองน้อง)เป็นเมียกลาง เมียน้อย

    ปีอินลุเข้า๑๔๐๘ เข้าปีอินใหม่ ถุงเงิน มีลูกญิงชื่อ อินต้นเงิน
    ถุงทองมีลูกญิงชื่อ อินต้นทอง

    ลือต้นไทย อวย โพสบ ให้หาพงกอข้าว ค้นตั้งชื่อนำปลูก สอนคน ไทยลวะ ปีอิน ๑๔๑๐
    เมื่อโพสบ มีลูกชื่อ สิขวัญข้าว ปีอิน ๑๔๑๐ เมื่อ เฉลิมขวัญ ข้าวเน (ข้าว)ตอกวาง

    ลือต้นไทย ออกกดหมายที่นา ปจำเมืองแมน เมื่อวันอาง ขึ้น๑ค่ำเดือน๖ ปีอิน๑๔๑๑

    "
    ให้คนเมืองแมนนี้เอาที่ดิน ปลูกข้าว ๒๐ หรือ ๓๐ ไร่ อันเปนของมัน
    ห้ามผู้อื่นเข้าเอาซ้อน"

    ลือต้นไทย ต่อกดหมาย ที่ ดิน ไร่ นา

    "
    ที่ของคน เมื่อตาย ดินเปน(๑)ดบดอก(มรดก)ตกต้องลูกเมียผู้ตาย

    ลือต้นไทย ว่า เมียลูกไม่มี ให้พี่น้อง เมื่อพี่น้องตนไม่มี เอาไว้เมื่อมีใครหวังเอาทำเปนนาตน ให้แก่คนผู้นั้น"

    ลือต้นไทย โพสบ ถุงเงิน ถุงทอง รับสั่งผัว จัด ไร่ ที่ นา แบ่งคน
    เดือน๓ ทุ่งหลวงไว้เพื่อต้น(ขุน) ทำต้น ชายทำไร่ นา ญิงทอผ้า

    โพสบ ถุงเงิน ถุงทอง สอเอาเหล่าข้าว ตั้งชื่อว่า(ชื่อพันธุ์ข้าว)
    ขาวพวง เหลืองทองอ่อน ปั่นแก้ว

    ถุงเงินมีข้าวหอม ให้ชื่อข้าวหอมเงิน ถุงทอง
    มีข้าวหอมแดงมัน ให้ชื่อ หอมทองแดงมัน

    ลือต้นไทย ให้ แม่โพสบ ทำไร่นา หาข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง เดือย ข้าวโพด ข้าวละมาน

    ลือต้นไทย ให้แม่โพสบ ถุงเงิน ถุงทอง ทำถุงเงิน ถุงทอง ถุงข้าว เมื่อใคร่เก็บข้าว ทำถุงใหญ่ ยุ้ง และฉาง
    .............................................................
    (
    )ดบดอก มรดก เพิ่งเจอคำไทยแท้ที่นี่ ดบดอก คงหายไป เมื่อคำว่า มรดก เข้ามา

    ขุนลือต้นไทย ผู้ให้กำเหนิด กฎหมายนา เป็นต้นให้จับจองที่นา
    ให้มีที่นา
    จึงเป็นประเพณีอย่างที่เราเรียกกันว่า "จ้าวทุ่ง" เมื่อเริ่มทำนา
    เวลานี้เรียกกันว่า"แรกนาขวัญ"
    ในคำไทยบางเผ่า เรียกทุ่งว่า "ต้ง"ใกล้คำว่า ต้น หรือ ต้นไทย
    ในประเทศไทยลว้า ยังมีการ บำบวงจ้าวทุ่ง ในพิธีแรกนาขวัญ ชื่อว่าแรก ก็คือ ต้นนา หรือปรารภถึง ขุนลือต้นไทยนั่นเองฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ระบบแบบทำนาไทย(วัฒนธรรมประเพณีทำนาไทย)อันสืบเนื่องมาจาก ขุนต้น-แรกนา และขวัญข้าว-แม่โพสบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2012
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนต้น และโพสบ มีลูกหลานสืบต่อ
    มีเลืองโพไทย ปีอิน ๑๔๐๕(ก่อน พ.ศ. ๓๙๔๑ ปี)


    เลืองโพไทย ต่อพ่อปีอิน๑๔๒๘ ต้นเงิน ต้นทอง ขอเปนเมีย ต้นเงิน เมื่อมีอินโพเงิน ปีอิน ๑๔๓๐
    ต้นทอง มีปีอิน ๑๔๓๑ ชื่อ โพทองไทย

    อินโพไทย คลอง(ครอง) เอาพี่โพเงิน โพทอง ทำเมีย ปีอิน ๑๔๕๕
    อินโพไทย ลุงไม่มีลูกชาย ขอให้เอาพี่เป็นเมียแล้วคลองเมือง

    อินโพไทย คลองเมืองถึงปีอิน ๑๔๕๗ โพเงิน มีชายชื่อ โพไทยคำพุ
    โพทอง มีทองคำพุ ปีอิน ๑๔๕๘ ปีอิน๑๔๕๙ มีเมืองพูมทอง ปีอิน๑๔๖๑ มีแสงเฟื่องฟ้า เขียนปีอิน๑๔๗๖

    โพไทยคำพุ คลองเมืองแมน ปีอินขึ้น ๑๔๙๖ เมียชื่อแสงส้านทอง เอี่ยมแสงฟ้ามีท้องมีญิง ในตาเสีย ปีอิน๑๔๙๘ ชื่อโพอินทอง
    ไม่มีให้อีก ทองคำพุ คลองต่อ

    ทองคำพุ คลองปีอิน ๑๕๐๒
    เมียชื่อ ผิวผ่องงาม เมียน้อยชื่อ ขวัญมาดี เมียกลาง ชื่อ สสีเมือง

    ทองคำพุ ปีอิน ๑๕๐๖ ผิวผ่องงาม มีทองงามไทย ขวัญมาดี มีญิงชื่อ สีขวัญใจ สสีเมือง มีญิง สีเมืองทอง ปีอิน ๑๕๐๘ และ ๑๕๐๙

    .....................................................................

    ไทยมีรูปเคารพแม่โพสบเกือบทั่วราชอาณาจักร ทั้งรู้จักชื่อสืบๆกันมา ชาวไทยเมื่อทำนาได้ข้าแล้ว มักมีพิธีทำบูชาแม่โพสบ เคยเห็นทำสมัยเด็กๆ(พระราชกวี)เท่าที่จำได้คือ มี หวี กระจก แป้ง น้ำหอม หรือน้ำอบไทย หมากพลู ขนมต้มแดง ต้มขาว ดอกไม้มักเป็นดอกมะลิ ธูปเทียน ธง๓เหลี่ยม ขาวแดง (บางทีเห็นมีน้ำเงิน คนชาวนาชาวป่าไม่รู้จักสีธงชาติ ได้ทำเป็นประเพณีสืบๆกันมา ก่อนกาลปีใช้สีธงชาตินานนักหนาแล้ว)

    เวลาไปทำพิธีแก่กองข้าว หรือลอมข้าว ต้องอาบน้ำ แต่งตัว ใช้เสื้อผ้าใหม่ ไปว่าอย่างไรบ้างไม่รู้ เพราะตอนนั้นเป็นเด็กไม่ค่อยเชื่อถือ ทั้งเคยทำลายพิธีเสียหลายครั้ง

    เมื่อเห็นเรื่องเช่นนี้ เกิดความชื่นอกชื่นใจต่อประเพณีเคารพนับถือต้นไทยเหลือเกิน
    และไทยลว้ายังทำกันอยู่ทั่วหมู่ไทยลว้า ยกเว้น[ พวกไทยที่วิ่งหนีเขามาซึ่งไม่รู้จัก

    คำไทยว่า โพ ในคำว่าโพสบ ก็ไม่เท่าไร แต่ในคำชื่อต้นไม้ คือ ต้นโพ หรือ โพธิ ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นคำไทย เชื่อกันว่าเป็นคำบาลี มาจากคำว่า โพธิรุกฺข แปลว่า ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

    ต้นโพ คำบาลีเดิมเรียกว่า อสฺสตฺถรุกฺข หรือ อัสสัตถพฤกษ ในพุทธวฺส พระไตรปิฎกสยามรัฐ เล่ม๓๓หน้า๔๒๒ มีว่า อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ พุชฺฌิสฺสติ มหายโส จักตรัสรู้เป็นผู้มียศใหญ่ ณ โคนต้น อัสสัตถ
    หน้า๔๒๓ มีว่า โพธิ ตสฺส ภควโต อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจติ ต้นโพธิ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า(โคดม)นั้นเรียกชื่อว่า อัสสัตถ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ณ โคนแล้ว จึงมีชื่อตามการตรัสรู้นั้นว่า โพธิ(ต้นเป็นที่ตรัสรู้) ต้นอัสสัตถ ได้มีชื่อภายหลังว่า ต้นโพธิ(โพธิรุกฺข)

    ถึงกระนั้น ก็ออกเสียงโพธิว่า โพ-ธิ ออกสองพยางค์ และ
    เสียงแขกแท้ออก พ เป็น บ จึงออกเสียงเป็น โบ-ธิ อันผิดจากคำไทยทั้งหมด
    ทั้งเสียงก็สองพยางค์ สองสระ
    ส่วน โพ ของไทย ออกพยางค์สระเดียว คือ เสียงเดียว ทั้งเป็นคำโดดๆอย่างคำไทย
    คำว่า โพ นี้ ถ้าออกเสียงให้แขกฟังว่า โพ(โภ) แขกรู้ความว่า ผู้เจริญ ไม่รู้ว่าเป็นชื่อต้นโพ
    แต่ไทยออกเสียงหรือได้ยินว่า โพ ย่อมรู้ตลอดไทยว่า ต้นไม้ ว่าต้นโพ ทั้งเป็นชื่อต้นไม้ และคุณ เช่น วัวหน้าโพ ตลอดถึงเป็นชื่อคน เช่น แม่โพสบ หรืออาจเขียนว่า โภสพ ก็ตาม
    เป็นคำไทยแท้มาแต่โบราณดึกดำบรรพ์[ เพราะเสียงของเรามีอยู่ แม้ของจีนก็มี โพทง โพแมน โพเจ๋ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ..............ขาดไป๕๐๐กว่าปี................(ระหว่าง ปีอิน ๑๕๐๙ - ๒๑๙๕)

    อินเมืองไทย คลองเมือง ปีอิน ๒๑๙๕ เดือน๓ ขึ้น ๒ ค่ำ เมื่อนั้นไม่มีเมีย
    ยินข่าว ทองคำมา ตัวลูกขุนเดิมเมืองสวนทองคำ ขอเอาปีอิน ๒๑๙๘ เปนเมีย
    (ยังไม่พบปีมีลูก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    กฎหมายห้าม, ด่า, ฆ่าเมีย และมีเมียได้หลายคน


    อินมาไทย พ่อฆ่าแม่ เพราะด่าว่าต้นขุน เมื่อมีเมืองอื่น แล้วจึง ต่อพ่อ ในต้นปีอิน ๒๒๒๐ แล้วเมื่อ อินมาไทยคลอง น้าหาน้องคู่เ มืองเลือง คู่สีฟ้า๒มอบเห้า เป็น คู่เมียใหญ่น้อย

    อินมาไทย คู่ เมืองเลือง มีลูกชื่อ อินเลืองไทย ปีอิน ๒๒๒๕[ คู่สีฟ้า เมียน้อย มีชายชื่อ อินคู่ฟ้า ปีอิน ๒๒๒๖
    ....................................................
    เหตุเกิดกฎหมายนี้ ชี้ให้เห็นถึงประเพณีไทยทีคือ เคารพต้นไทย จึงไม่นิยมด่าว่า แม้เมียด่าก็ยังฆ่า
    ในธรรมเนียมของไทยลว้า ไม่นิยมคำด่า โดยเฉพาะเรื่องบุรพชน และเป็นประเพณีต่อมา ไม่นิยมบอกชื่อปู่ย่าตายายพ่อแม่
    เมื่อเด็กๆน่าขบขันที่ตัวเองไม่รู้จักชื่อจริงๆของท่านเรียกหรือบอกกันก็แต่สาธารณะนาม ว่า ปู่ย่า เป็นต้น เพิ่งรู้จักเมื่อบวชเป็นสามเณรแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    อินมาไทย เมืองแมน ออกคำห้ามเมียด่าว่าถึงต้นขุน ต้นคน แลผัวท่าน ให้เฆี่ยน
    แต่ ต้นปีอิน ๒๒๒๔ อย่าถึงฆ่า แม่ต้องเลี้ยงลูก
    ..................................................................
    แน่นอนว่าเป็นธรรมเนียมตั้งแต่นั้นมา ที่ผัวไม่ฆ่าเมีย เพียงเหตุด่าว่ากัน และ ผู้ชายไม่เก่งกับผู้หญิง
    ในธรรมเนียมของไทยลว้า เมื่อผู้ชายบรรลุนิติภาวะ คือ บวชแล้ว ถ้าใครผู้ชาย รังแกผู้หญิง ก็เท่ากับประกาศตัวเองว่า เลวมาก ซึ่งไม่มีผู้หญิงต้องการ
    เป็นที่เชื่อได้ว่าทีคำพังเพยเข้าไปเป็นกระทู้อยู่ในโคลงโลกนิติว่า
    ตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก เถียงกะเด็ก เก่งกะเมีย ซึ่งไม่มีใครสรรเสริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    อินมาไทย ว่า เรื่องผัวเมีย อันญิงแรงอ่อน ต้นผัวเดียว พอแท้

    ผู้ชายมีจิงแรงร่างดี มีเมียได้หลายคน เลี้ยงดีมีผ่องใส มีได้

    อินเลืองไทย คลองเมืองแมน ปีอิน ๒๒๕๕ เมียใหญ่โสนทอง เมียน้อย ชื่อ ขันทอง

    อินเลืองไทย เมื่อปีอิน ๒๒๕๘ เดือน๔ วันอู่ ขึ้น ๓ ค่ำ โสนทอง มีลูก ชื่อ อินทองไทย

    อินทองไทย คลองเมือง ปีอิน ๒๒๙๕ แม่ขอ ขวัญเพียงใจ
    เฆลือไม้ทองคู่ พี่น้องสองให้ คนพี่เปนเมียใหญ่ น้องเปนเมียรอง
    ขึ้นปีอิน ๒๒๙๘ ขวัญเพียงใจ มีลูก อินขวัญไทย

    อินขวัญไทย คลองในปีอิน ๒๓๑๗ เมียชื่อ เติมเสิมขวัญ เมียน้อยชื่อ สินเมืองสวง
    ถึงปีอิน ๒๓๒๐ เมียเติมเสิมขวัญ มี อินเสิมไทย สินเมืองสวง มี สินฟ้าสม

    อินเสิมไทย คลองเมืองแมน ปีอิน ๒๓๖๗ เมียใหญ่ชื่อ สีแท่นทอง เมียน้อยชื่อ ฟ้าเลืองทอง
    ปีอิน ๒๓๖๙ สีแท่นทอง มีลูกชื่อ อินเทินไทย

    อินเทินไทย คลองเมืองแมน ปีอิน ๒๓๙๘ เมีย ขวัญเมืองฟ้า เดือนลอยฟ้า เปนเมียน้อย
    ขวัญเมืองฟ้า มี อินขวัญฟ้า ปีอิน ๒๔๐๑
    ..........................................................
    จากกฎหมายเก่าแก่ฉบับนี้เอง ที่เป็นธรรมเนียมมา ผู้ดี หรือ
    ผู้มีอำนาจยศศักดิ์ มีเมียหลายคนได้
    เล่ากันว่า พ่อทวด หรือเทียด ซึ่งเป็นที่ออกหลวงพิทักษนาวายุทธ(พันมี บางช้าง) มีเมีย๑๑๗คน ควบคุมเมียต่างๆด้วยดาบ
    เพราะเป็นแม่ทัพเรือจึงมีอำนาจ เมื่อตายอายุได้ ๑๑๒ปี อยู่แควอ้อมประมาณปี พ.ศ.๒๓๓๖-๒๔๔๘ ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขาดไป ๖๐ ปี ......................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2227115.jpg
    ขุนร่วงลายไทย(จ้าวพ่อป่า จ้าวป่า) ถ้ำเทือกเขางู(ด้านวังสะดึง)
    "ร่วง" มือขวาคว่ำกดลง มือซ้าย หงายช้อนขึ้น สัญญลักษณ์ ยกและกดประทับชื่อ ตามคำที่ชื่อพระร่วงต้น
    ให้เลี้ยง ไม่ให้ฆ่าสัตว์ใช้งานได้ ให้ตั้งชื่อต้นไม้

    ขุนหญิงทองสีไพล(จ้าวแม่เบิกไพร) มือขวา ถือดอกบัว มือซ้ายถือลูกขนุน
    สัญญลักษณ์ตั้งชื่อ ไม้น้ำ ไม้บก เช่น ต้นสัก ต้นทอง ฯลฯ ชื่อต้นไม้ จึงมีชื่อไทยอยู่ตลอดมา

    ทั้งคู่นี้ เมื่อยังเป็นคน ได้เริ่มตั้งชื่อต้นไม้
    บุกเบิกป่า จึงเป็นต้นไทย ครั้นตายไปแล้ว ก็ขึ้นเป็นต้นผีไทย อันมีชื่อจ้าวป่า จ้าวแม่เบิกไพร มีศาลเป็นหลักฐานอยู่แล้ว


    ต้นพระร่วง
    จ้าวแม่เบิกไพร ทองสีไพล

    เลี้ยงสัตว์ ตั้งชื่อต้นไม้บก ไม้น้ำ
    ปีอิน ๒๔๖๔ ก่อน พ.ศ.๒๘๗๖ ปี

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0085.jpg
      scan0085.jpg
      ขนาดไฟล์:
      410 KB
      เปิดดู:
      1,486
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ร่วงลายไทย คลองเมืองแมน ปีอิน ๒๔๖๔ ไม่มีเมีย ยินข่าว ทองสีไพล ได้ไปถึงถิ่นแล้วพบ ทองสีไพล ลูกขุนทองดาวผา อีแม่นางเอมแสงทอง ทองสีไพลสู้พาหาพ่อแม่ ยอมตน
    ............................................................................
    ทองสีไพล จะเป็นชื่อเดียวกับจ้าวแม่เบิกไพรหรือเปล่าไม่รู้ ที่ราชบุรี ณ บริเวณหน้าเขางูใกล้ถ้ำฤษี มีศาลเรียกกันว่าศาลเจ้าแม่เบิกไพร และจังหวัดกาญจนบุรีก็มี จ้าวแม่เบิกไพร เมื่อเวลาออกล่าสัตว์มักมีการบูชา หรือบอกกล่าวจ้าวแม่เบิกไพร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...