ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    [​IMG]
    นางกวัก หรือ ขุนหญิงกวักทองมา
    พระศรีอุมา หรือ พระเทวีสุชาดา
    ภาพนี้ ได้ถ่ายที่สร้างเป็นรูปเคารพอันเป็นจ้าวแม่โชคลาภทรัพย์สิน ซึ่งต่างได้ิออกแบบสร้างขึ้นเป็นที่เคารพบูชาบำบวงบนบานกัน
    ได้เป็นหลักฐานยืนยันว่า นางกวักนี้เป็นหญิงไทยที่มีรูปเคารพบำบวงบูชามากที่สุด เท่าที่ได้พบ
    จะเห็นมือขวา ยก กวัก มือซ้ายประคองถุงเงินทอง
    ทรงรัดเกล้า พระนางทรงสะไบ และถุงไทยมีลายไทย ประทับแท่นทอง
    ได้สำนึกทิพยกาย จึงทราบนามว่า พระศรี หรือ สุชาดา(พระศรีนี้ ที่ไทยเชิญมาทรงเล่นฟ้อนรำแม่ศรี)

    นิยมสร้างกันมาก นอกจากนี้ยังยกเป็นจ้าวแม่ค้าขาย กระทั่งมีมนต์นางกวักว่า
    "โอม - ปู่จ้าวเขาเขียว มีลูกคนเดียวซื่อนางกวักหญิงเห็น หญิงรัก ชายเห็นชายทักทุกถ้วนหน้า โอมมะพลับพลา จะไปค้าเมืองแมนให้ได้แสนคะนานทอง นึกเงินให้ได้เงินมากอง นึกทองให้ได้ทองมาเป็นหาบ วันนี้ให้มีลาภ สามเดือนกลับมาเรือนให้ได้เป็นเศรษฐี สามปีให้ได้ค้าตะเภาทอง โอมปู่จ้าวเขาเขียว ยกให้แก่ลูกคนเดียวเป็นกรรมสิทธิ์"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0045.jpg
      scan0045.jpg
      ขนาดไฟล์:
      175.4 KB
      เปิดดู:
      9,053
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2013
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    กระเบื้องจารเล่าว่า ขุนแผนเมืองฟ้าและนางดวงขวัญใจ มาเขาทะเล สร้างเมืองแผน
    อยู่ด้วยกันมา
    มีลูกชายคนแรกชื่อ อิน
    มีลูกสาวชื่อ ฟ้าอยู่เรือน

    ครั้นขุนแผนเมืองฟ้าตาย ขุนอินได้ครองต่อมา
    แม่ดวงขวัญใจตายอีก จึงครองต่อมา ยังไม่มีเมีย
    น้องสาวฟ้าอยู่เรือน เล่าว่า สาวกวักทองมา ลูกขุนเขาเขียว แม่ขวัญทองมา เมืองอิน นั้นสวยงามนัก

    ขุนอินได้ยินจึงใคร่ไปดู และได้ปลอมตัวเองเป็นขอม เที่ยวไปถึงเมืองอิน ถิ่นเขาเขียว
    ขึ้นต้นไม้นั่งที่คบ คอยดูตอนบ่าย

    กวักทองมา(คงมีเพื่อนด้วย) ออกจากถ้ำมาอาบน้ำในบึงสะพังห้วย
    ขุนอินเห็นแล้ว สาวกวักทองมา มีรูปร่างสวยงามอย่างเล่าลือกัน มีความพอใจ
    ลงจากต้นไม้ ดำน้ำไปโผล่ที่ใกล้
    คราวแรก นางกลัวจะขึ้นหนี ขุนอินจับขานางลงไปอาบน้ำด้วยกัน จับปูนาชูให้

    คุยกัน ว่ายน้ำไปเก็บใบบัวดึงสายขึ้นมา เอาสายคล้องคอให้ใบห่มตัว เอาสายพันเอวให้ใบไว้หน้าและหลัง

    พอมืดขึ้น นางกวักทองมา พาขุนอิน หลบตาพ่อแม่เข้าไปในถ้ำห้องของตัว

    นอนด้วยกันตลอดคืน
    รุ่งเช้า ขุนเขาเขียว และแม่ขวัญทองมา มาแยกลูกสาวออก
    จับขุนอินขังไว้ในถ้ำนั้น ๑๕ วัน

    เมื่ออ้าย(พ่อ) เอม(แม่)เผลอ นางเอาสายบัว กล้วย ผลไม้ไปให้ขุนอินกินกลางคืน

    เมื่อพ่อแม่หลับ นางแอบไปหาและนอนกับขุนอิน
    บางทีพ่อแม่ก็ไม่ว่าอะไร นางจึงไปขอสัญญาปากคำว่ารักแท้
    จะขอไปอยู่เมืองแผนด้วย

    เมื่อขุนอินรับแล้ว พอได้โอกาส คืนวัน ๑๕ นางแก้ขุนอินปล่อย
    หลบพ่อแม่ออกมาเดินกางคืนไปสู่เมืองแผน ยังไม่เข้าเมืองบ้าน
    รุ่งเช้าอาบน้ำเล่นน้ำ เก็บฝักบัว กะจับ กินกัน หยอกล้อกัน สนุกสนานด้วยกัน
    ร้องรำสรวลเสกัน ไม่ได้ห่วงอะไร

    กระทั่งขุนเขาเขียว ขวัญทองมา และคนอื่นๆ ยกพวงกันมาตามทันเข้า

    ขุนเขาเขียวถือท่อนไม้ใหญ่มา ขุนอินจึงคว้าท่อนไม้แห้งแข็งอันหนึ่ง ได้ร้องประกาศชื่อ แล้วกระโดดเข้าไปที่ขุนเขาเขียว ขุนเขาเขียวยกท่อนไม้รับ ด้วยกำลังแรงจึงเซล้มลง
    ขุนอินเงื้อท่อนไม้จะฟาดลง

    นางกวักร้องว่า อย่าทำอ้าย (พ่อ) เอม(แม่) ขุนอินหยุด

    ขุนเขาเขียวลุกขึ้นได้ ยกพลองจะตีขุนอิน
    นางกวักร้องว่า อย่าเหี้ยมผัว

    เอม(แม่ขวัญทองมา) ถามว่า ผัวเจ้า

    นางบอกรับต่อหน้าพ่อและแม่ว่า นางได้เสียกับขุนอินมาครั้งแล้ว
    ขุนเขาเขียว จึงตกลงยอมรับขุนอินเป็นลูกเขย
    ด้วยพิธีการคือ เอาชื่อตัวต่อเข้ากับขุนอินว่า ขุนอินเขาเขียว
    จากนั้นมา ขุนอิน จึงมีชื่อเต็มว่า ขุนอินเขาเขียว

    ทั้งหมดได้พากันเข้าเมืองแผน จัดแจงเลี้ยงดูกัน เป็นการแต่งงานในคราวนั้น

    แล้วขุนเขาเขียว และ ขวัญทองมา กับพวก ต่างพากันกลับไปเมืองอินเดิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    เริ่ม ปีอิน (ศักราชไทย)

    ขุนอินเขาเขียว อยู่เป็นคู่ครองกับ นางกวักทองมา

    ครั้งแรกได้นับปีที่ได้ กวักทองมา นั้น เป็น ปีอิน ๑" เป็นการเริ่มปีไทย หรือ ศักราชไทย
    และเปลี่ยนชื่อเมืองแผน ว่า "เมืองแมน" ซึ่งเป็นการเริ่มสมัยเมืองแมน

    ส่วน น้องสาว ฟ้าอยู่เรือน นั้น ไม่ได้กล่าวว่ามีผัวชื่ออะไร ต่อไปมีลูก

    จึงแน่ว่าคงได้แต่งงานกับคนอื่น ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่มีอยู่เพียงพวกเดียว
    คนอื่น หรือ หมู่อื่นก็มีอยู่แล้ว

    ขุนอินเขาเขียว อยู่ร่วมกับนางกวักทองมา หรือ ขุนหญิงกวักทองมา

    ตอนนั้น อาจไม่ต้องทำอะไรอื่น เพราะคนมีน้อย
    ข้าวทั้งข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ขึ้นเอง เผือก มัน ลูกไม้ วัว ควาย ช้าง ม้า เป็ด ไก่ ปู ปลา มีตามธรรมชาติมากมาย ต้องการเมื่อไรก็ออกไปเก็บ จับเอา
    ซึ่งไม่ต้องทำเลี้ยง รักษา ก็มีเวลาว่างมาก

    จึงคิดว่า เมืองแผนคับแคบ จึงย้ายไปหาที่อยู่

    ใช้ช้างล้มต้นตะเคียน นำมาตั้งเรียงกันเข้าสิบต้น สองแถว เอาไม้ไผ่เรียงลำ
    เอาใบโตนดมุงหลังคา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    นางกวักทองมา เอาหญ้ารองพื้น ใช้นุ่นแซกก็เป็นพื้นนอนอ่อนนุ่ม
    เป็นถิ่นสุขสำราญสำเริงรสรัก จึงเป็นเมืองแมนแดนสวรรค์
    ขุนอิน ได้เพิ่มชื่อเรียกใหม่ว่า ขุนหญิงกวักทองมา
    ปีอินได้ ๒ นางมีครรภ์คลอดลูกชายคนแรก ให้ชื่อลูกว่า อู่ทอง
    พ่อขุนเขาเขียว และ แม่ขวัญทองมามาขอเอาไปเป็น ละอ่อน คือ ลูกเล็ก

    คราวแรก ขุนอินเขาเขียว ไม่ยอมให้

    นางเล่าว่า ขุนและข้อย ยังอยู่ มื้อค่ำ เมื่ออยู่เดียว มิมีละอ่อน เอาผัว รู้เอา

    นี่พาข้อยรู้สอดเสิงสรวงออยรอยเริงใจ เลื้อเทื้อมิมีอิ่ม มีมะอ่อน เมียผัวรวมใจก่อลูก
    เอาหลายมะ (คงมีอีกมาก) ขอขุนอินให้ยกลูกอู่ทองให้อ้ายเอม
    พ่อแม่ขุนอินยอม จึงมอบให้ไป
    นางชวนขุนอินว่า เมียผัวเสิงสะออนใจ มีลูกชาย ๑๓ คน
    และมีลูกหญิง ๗ คน

    จดเล่าเพียงว่า จากขุนอู่ทอง อีกปี เดือนอ้าย ปีชวด มีลูกชายตั้งชื่อว่า อ้ายชวดขุนชาย

    อีกปี มีเดือนยี่ ตั้งชื่อว่า ยี่ฉลูขุนชาย

    อีกปี เดือน ๓ ปีขาน มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า สามขานขุนชาย

    อีกปี เดือน ๔ ปีเถาะ มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า สี่ฐอขุนชาย

    อีกปี เดือน ๕ ปีมะโรง มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า ห้ามะโรงขุนชาย

    อีกปี เดือน ๖ ปีมะเส็ง มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า หกมะเส็งขุนชาย
    อีกปี เดือน ๗ ปีมะเมีย มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า เจ็ดมะเมียขุนชาย

    อีกปี เดือน ๘ ปีมะแม มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า แปดมะแมขุนชาย

    อีกปี เดือนเก้า ปีวอก มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า เก้าวอกขุนชาย

    อีกปี เดือน ๑๐ ปีระกา มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า สิบระกาขุนชาย

    อีกปี เดือน ๑๑ปีจอ มีลูกชาย ตั้งชื่อว่า เอ็ดจอมขุนชาย

    อีกปี เดือน๑๒ ปีกุน มีลูกชาย ตั้งชื่อว่าสิบสองกุนขุนชาย

    อีกปี มีลูกหญิงสาว วันอา(อาทิตย์) ตั้งชื่อว่าอันขุนนางสาว

    อีกปี วันอาง(อังคาร) มีลูกหญิงสาว ตั้งชื่อว่าอางขุนนางสาว

    อีกปี วันอุ่น(พุธ) มีลูกหญิงสาว ตั้งชื่อว่า อุ่นขุนนางสาว

    อีกปี วันเอื่อย(พฤหัส) มีลูกหญิงสาว ตั้งชื่อว่า เอื่อยขุนนางสาว

    อีกปีวันอู่(ศุกร์) มีลูกหญิงสาว ตั้งชื่อว่า อู่ขุนนางสาว

    อีกปี วันอี่(เสาร์)มีลูกหญิงสาว ตั้งชื่อว่า อี่ขุนนางสาว

    ต่อมา ชื่อที่คงอยู่ ขุนอินได้นำชื่อลูกๆ ตั้งชื่อปี เดือน วัน คือ
    ปีชวด

    ฉลู
    ขาน
    เถาะ
    มะโรง
    มะเส็ง
    มะเมีย
    มะแม
    วอก
    ระกา
    จอ
    กุน

    เดือนอ้าย

    ยี่
    สาม
    สี่
    ห้า
    หก
    เจ็ด
    แปด
    เก้า
    สิบ
    สิบเอ็ด
    สิบสอง

    วันอา(อ่า อาทิตย์)

    วันอัน(อั๋น จันทร์)
    วันอาง(สะอาง อังคาร)
    วันอุ่น(พุธ)
    วันเอือย(พฤหัสบดี)
    วันอู่(ศุกร์)
    วันอี่(เสาร์)

    ชื่อปี และ เดือนยังคงอยู่ในไทย

    ส่วนชื่อวัน เมื่อภาษาสันสกฤตเข้ามา จึงเปลี่ยนเป็นชื่อภาษาสันสกฤตชื่อไทยเดิมจึงหาย
    ตามธรรมเนียมที่ชอบละทิ้งของตนเองแล้วเอาของผู้อื่นมาใช้เป็นของตัว
    ชื่อคำภาษาไทยจึงหายไปนานมากแล้ว กระทั่งลืมหมด ครั้นได้พบจารึกจึงทราบได้ และได้นำกลับมาใช้เป็นหลักฐาน
    ที่จะให้ใช้กันตามเดิมนั้น คงไม่ได้ เพราะไทยต่างๆในบัดนี้ไม่เชื่อกันเองเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2017
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ขุนอิน และ นางกวัก ก่อไฟสุมไว้ในที่มี แร่ขี้นก มากๆ เห็นเหลวละลายได้
    จึงนำมาเผารวมกัน ได้ความคิดรู้จักหล่อเป็น มีด ขวาน เสียม จอบ
    ใช้หินรับด้านบางขึ้นคม ใช้ฟัน ปาด เจาะ ริด หั่น เฉือน เจียน ได้ หล่อให้เป็นซี่ เป็นฟัน ทำเลื่อย
    เลื่อยไม่ได้หล่อเป็นห่วงเอาเข้าร้อยกัน เป็นโซ่ใช้ผูกล่ามได้
    ทำให้แหลมเป็นหอก แทง เจาะ ปักได้

    นางกวัก สุมไฟไว้ ได้เก็บก้อนสีเหลืองใส่กองไฟ เห็นละลาย เรียกชื่อว่า ทอง

    ก้อนขาว สีขาว เรียกเงินที่อ่อน เรียกตะกั่ว
    และกับ อาลูกสาว เอาทองคำ เงิน หล่อละลายทำเป็นเส้น ทำปล้อง เป็นสร้อย

    ทำแผ่น เป็นจำบัง เป็นกำไลทอง กำไลเงิน

    นางกวัก นำลูกนุ่นอีก เอาปุยทำแผ่น

    เอือยลูกสาว บอก ดอกฝ้าย สำลี เหนียวกว่า เอาม้วนฟั่นแล้วสานเป็นผืนผ้า

    อี่ คิดใน ปั่นฝ้าย และ กรอด้าย ทำฟืมทอผ้า และจับไหม สาวเอาใย

    ควบทองเป็นแพรไหมใช้กันมา

    อาขุนสาว เอาดินเหนียวปั้นก้อนใส่กองไฟ เห็นแข็ง จึงเอาดินดานประสม ทรายละเอียด ปั้นหม้อ กะทะ กา เอาเข้าเผาไฟสุก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    นายอู่ทอง หรือ ขุนอู่ทอง ไปเป็นลูกของ ขุนเขาเขียว และ นางขวัญทองมา
    ใหญ่ขึ้น รู้จักเอาดิน ประสมแกลบ ปั้นแผ่นสี่เหลี่ยม หนา บาง
    แล้วเผาไฟแข็งแล้ว ก่อเป็นตึก
    ใช้ดินดานเป็นเครื่องประสานซ้อนขึ้นรูปเป็นห้อง เรียกชื่อว่า "ตึก"

    ชวนตายายออกมาจากถ้ำ มาอยู่ใกล้น้ำ

    ตายายได้ขอ นางเทียนก้อนทอง ให้มาอยู่ด้วย
    จึงตั้งชื่อที่นั้นว่า พงตึก(ตั้งชื่อตรงนั้นว่า "นองทอง" "โกสินราย")
    เป็นต้นชื่อ อู่ทอง และ "ตึก"
    (กาญจนบุรี เรียกกันว่า อู่ทอง ก็มี)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218563.jpg
    ๑.อ้ายชวดขุนชาย ขุนอินสิบสองพัน
    ๒.นางงามดอกไม้ ขุนหญิงต้นห้องทอง
    ทั้ง ๒ นี้ ความจริงเป็นรูปจำลองด้วยซีเมนต์

    รูปจริงเขาขายไปอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ได้เห็นข่าวโทรทัศน์จึงทราบ
    เจ้าของเล่าให้ฟังว่าได้จำลองรูปนี้เอาไปขออนุญาติ ก็ได้รับทันที
    เวลาส่งรูปจริงออก รูปจำลองจึงยังอยู่ในไทย
    เป็นรูปอ้ายชวดขุนชาย และ นางงามดอกไม้ ที่หน้าอกมีรูปเต้านมจึงทราบได้
    (ที่เหนือเมืองราชบุรี มีภูเขาในเทือกเขาพือเขาหลวงเหนือ ชื่อ อ้ายช่วย

    หรือ อ้ายชวด อาจมาอยู่ที่ตรงนี้ก่อน จึงมีชื่อติดมา ข้างๆนั้นมีภูเขาชื่อ อ้ายจออีกด้วย)

    ขุนชวด หรือ อ้ายชวดขุนชาย เมื่อใหญ่ชอบขึ้นต้นเฌอ ซึ่งช้างชอบมาชุมโขลงอยู่

    ขุนชวดคิดว่า พอจะจับได้ จึงกระโจนลงกอดคอ
    ช้างหัวฝูงวิ่งไปได้หน่อยเดียวก็หยุด ขุนลูบคลำมันเล่นจนช้างเชื่อง มันพามาเข้าฝูงได้ เอาช้างเป็นเพื่อน
    ช้างพาบุกป่าฝ่าดงไปถึงเมือง "เนืองทอง"
    (ได้พบแผ่นหินรอยเฉาะมีเค้าลายสือไทย อ่านได้ว่าเมืองเนืองทอง ที่วัดใหญ่ชัยมงคล จึงรู้ว่าเมืองเนืองทองคือ กรุงเก่า อยุธยา)

    ได้พบ งามดอกไม้ และ อู่ทองงาม

    พูดจารักกันแล้ว มาบอก นางกวักทองมา พาแม่ขึ้นช้างไปขอ และแต่งงานกัน
    แล้วพาแม่กลับมาเมืองแมน จึงกลับไปครองเมืองเนืองทองอยู่ด้วยกัน

    แต่แม่เป็นคนปากร้าย ดุด่ากระทั่งจะทนไม่ไหว

    ขุนชวดคว้ามีดจะฆ่า แต่เมียห้ามไว้ เมื่อดุด่าให้ขึ้งแค้นอีก จึงหนีออกจากบ้านเมือง
    ช้างพาเข้าป่า พบบ้านเมืองก็เข้าไปอยู่ด้วย แล้วก็ไปต่อไป ถึง"สิบสองพันแห่ง"
    (จะใช่สิบสองพันนาหรือไม่-ไม่แจ้งชัด อาจใช่ก็ได้)
    และได้ครองอยู่ที่นั้นถึง ๔๐ปี อินคิดถึงพ่อแม่พี่น้องและเมีย

    กู่หาเรียกช้างเพื่อนร่วมทางมา บอกให้ทราบ ช้างโขลงนั้นพามาถึง เมืองแมน

    พ่อขุนอินเขาเขียว และ กวักทองมา ได้ต้อนรับ มีงานฉลองรับ

    และตั้งชื่อตามที่ชื่อ "ขุนอินสิบสองพัน"

    เมื่ออยู่ตามสมควรแล้ว ขี่ช้างไปเมืองเนืองทอง รู้ว่านางอู่ทองงามมีผัวใหม่ ขึ้งแค้นจะฆ่า

    นางงามดอกไม้ เข้ามาห้าม แล้วรับคำจะไปอยู่ด้วย ยอมไปตายด้วยกัน

    จึงพาไปเป็นต้นห้องทอง มีข้านาง ๑แสน
    ขุนอินสิบสองพัน ตั้ง งามดอกไม้ เป็นขุนหญิง ขุนหญิงงาม จึงทำผ้า ทอผ้า ทำไหม แพร

    (คล้ายอึ่งตี่ฮ่องเต้ และ ง่วนฮองเฮา ซึ่ง อึ่ง ก็คือ ขุนเหลือง หรือ อ้ายเหลือง ซึ่งเป็นคนต้นเจริญ ของ ตงกก ประเทศจีน
    ขุนอินสิบสองพัน รู้จักใช้ช้างเป็นต้นตระกูลพลาย และชื่อ งาม กับ ง่วน ก็ใกล้เคียงกัน)

    a.2218538.jpg
    ขุนอินสิบสองพัน อ้ายชวด
    รูปแผ่นได้ที่ ทุ่งค้อ ชัยนาท
    จะเห็นนุ่งใบไม้ ได้ทำสืบๆกันมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0016.jpg
      scan0016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      93.5 KB
      เปิดดู:
      1,047
    • scan0015.jpg
      scan0015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.2 KB
      เปิดดู:
      1,136
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218552.jpg
    ขุนยี่ฉลู และขุนหญิงอู่ทอง
    เมื่อรุ่น เล่นทำเรือไปไหนได้
    ครั้นหนุ่มสาว ขุนอินนางกวัก ให้ไปหาที่อู่ทอง จึงลงเรือไปอู่ทอง คงไปตามคลองละว้า
    รูปนี้ ทำตอนจากถิ่น น้องร้องไห้คิดถึงบ้าน ยี่ฉลู กอดปลอบ ผมยังเกล้าเป็นชั้น
    ต่อมากลายเป็นรูปอาถรรพ์โลกียภาพ

    ยี่ฉลูขุนชาย กับ อู่ขุนนางสาว
    เมื่อเยาว์ และรุ่น ชอบเล่นทำเรือ ใช้ไม้ระกำ ซึ่งอ่อนเจาะง่าย
    ใช้หนามไผ่จิ่มต่อกันหลายๆต้น เอาเถาวัลย์มัด เอาดินประสมรังผึ้งอุด เอาลงลอยน้ำได้

    เมื่อใหญ่เข้าหนุ่มสาว จึงใช้ต้นไม้แห้ง เอาผสมดิน หาครั่งและยางไม้ยาง ประสมกัน

    รนไฟให้อ่อน อุด ยา ตลอดแล้วไม่รั่ว
    จึงตั้งเสา เอาไม้ไผ่ทำประทุน เอาใบโตนดมุงเป็นร่ม
    ใช้ไม้ถ่อ ใช้กระดานพาย ต่อมาจึงทำเป็นพาย ทำให้ยาว แจว

    ลมแรงๆก็ใช้ใบมะพร้าวตั้ง ทำใบแล่นทวนน้ำได้

    จึงชวนน้อง กระทั่ง อู่ขุนนางสาว เป็นสาวเต็มที่ อยู่กันในเรือนั้น เย้าหยอกกันต่างๆ ตามเยี่ยงพี่น้อง เพราะไม่รู้เรื่องอะไร เมื่ออู่มีนมใหญ่ขึ้น จึงให้พี่ยี่ฉลู ลองจับลูบคลำเล่น
    ต่างก็รู้สึกว่านุ่มนวลสดชื่นดี เมื่อบ่อยๆเข้าก็กลายเป็นเรื่องเพศและความรักขึ้น

    จึงได้เป็นเปลี่ยนจากพี่น้องเป็นผัวเมียกัน ครั้งแรกรู้สึกเอร็ดอร่อยเต็มสุขใจ

    จึงพากันไปหาและถามพ่อแม่ว่า นี่อะไรใดเล่า และเล่าเรื่องทั้งวิธีรู้รสให้ฟังตลอด

    นางกวักทองมา และขุนอินเขาเขียว รู้เรื่องดีก่อนแล้วจึงกล่าวว่า

    มึงเข้าที่เป็นเมีย ยี่ฉลูขึ้นที่ผัวแล้ว บอกให้ไปหาที่อู่อยู่เป็นผัวเมียกัน จะได้มีลูกชายหญิงสืบต่อกันไป และสอนวิธีมีลูก เลี้ยงลูกให้นมลูกกิน ไม่ใช่เพียงให้ผัวจับคลึงเคล้าเท่านั้น

    ยี่ฉลู จึงพา อู่ขุนสาว ลงเรือพายแจว ถ่อไปหาที่อู่อยู่ไปตามคลองลว้า

    เมื่ออู่คิดถึงเมืองแมน พี่น้องพ่อแม่ ก็คร่ำครวญร้องไห้
    ยี่ฉลูเข้าปลอบน้องชวนคุย ชวนให้สุขสดชื่น และชวนรื่นรมย์รสรัก

    นางหยุดสะอื้นไห้อย่างนี้ ตลอดทางไปถึงที่ดี จอดเรือ
    พากันขึ้นจากเรือ ตัดไม้จริงมาทำเสา ปลูกเรือนอยู่ และทำให้งัวควายอยู่
    จึงตั้งชื่อที่นั้น โดยเอาชื่อ อู่ น้องสาว ขนานว่า "อู่ทอง"

    ต่อมามีลูกชายชื่อ อินอู่ทอง ได้พามาหา ปู่ย่าตายาย
    ขุนอินให้สายเหล็ก แม่กวักทองมา ให้สายสร้อยทอง เป็นของขวัญแก่หลานชาย พอสมควรแล้ว

    ขุนยี่ ฉลู และ ขุนหญิงอู่ ก็กลับไป อู่ทอง มีลูกชายหญิงอีก คือ

    ชาย ชื่อ ฉนูทอง หญิง ชื่อ สลากทอง ชายชื่อ เฉลิมทอง หญิงชื่อ สลองทอง

    ชายชื่อ ฉกอทอง หญิงชื่อ ฉไม้ทอง

    เป็นต้นตระกูล งัว หรือ งั่ว

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0017.jpg
      scan0017.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.2 KB
      เปิดดู:
      1,344
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    สามขานขุนชาย กับ อาขุนสาว สามขาน

    เมื่อขุนอิน สุมแร่ หล่อเหล็ก ก็ช่วยทำ รู้ทำมีด ขวาน จอบ เสียม ดาบ หอก แหลน หลาว

    อาขุนสาว ช่วยแม่นำไฟจุดสุมขอน เอาดินปั้นโยนใส่แข็งแล้ว จึงปั้นเป็นกระบอก

    เผาไฟสุกแล้ว แช่น้ำไม่เปื่อย จึงทำเป็นหม้อ หุงต้ม ข้าว ปลา ผัก กินง่าย
    จากนั้นก็คิดประดิษฐ์เครื่องดินเผาต่างๆ

    มื่อเห็น ยี่ฉลู และ อู่น้องสาว ได้เป็นผัวเมียกันจึงอยากได้บ้าง
    ตอนนั้นยังไม่มีใครอื่นมากนัก และพี่น้องก็สนิทสนมคุ้นเคยกันซึ่งความรักฉันท์พี่น้องมีอยู่แล้ว
    จึงแจ้งแก่พ่อแม่

    พ่อแม่ก็กล่าวว่า มีความรู้พอจะทำที่อยู่ หากินได้แล้ว จึงอนุญาติ

    อาขุนสาว พา พี่สามขาน มาอยู่ที่ใต้ลงมา สร้างเรือนอยู่

    ตั้งชื่อพี่เป็นเจ้าของว่า บ้านสามขาน
    (เวลานี้เรียกว่า บ้านขัน หรือ สามขัน)

    อาขุนสาว เมื่อให้ สามขานเป็นผัว ก็ให้ร่วมรสเพื่อมีลูกก็ไม่มี ถึงสิบปีไม่มีลูก

    นางขึ้งเคียดมาก จึงด่าสามขานว่า มึงทำมิดี มิมีลูกพี่ขึ้งเหลือ จับก้อนหินเงื้อจะฟาด
    ซึ่งอาขุนหญิงก็ขึ้งจึงยืนยื่นหน้าอกให้ ขุนหยุด
    ประกาศเลิกแล้วทิ้งวิ่งหนีออกจากบ้านไป

    เมื่อสามขานออกจากไปแล้ว นางรู้สึกตัวว่าถูกทิ้งไปแล้ว กลับคิดถึงและเศร้าโศกเสียใจร้องไห้ระงมอยู่ไม่เป็นอันกินนอน กระทั่งรู้ทั่วไป คนอื่นก็ได้ปลอบ

    ขุนห้ามะโรง รู้เรื่องอยู่แล้ว จึงไปถึงบ้านสามขาน ชวนนางไปอยู่ด้วย
    นางก็นอนร้องไห้ระงมอยู่
    ขุนมะโรงจึงเข้ากกเช็ดน้ำตา และจูบปลอบน้องอย่าร้องไห้ จะให้ความสุขแทนสามขาน

    นางหยุดร้องไห้ บอกให้ ให้ทำความสุขใจให้ จะไม่ร้อง

    ขุนมะโรงเพื่อปลอบและเอาใจ จึงประเล้าประโลมและให้ความสุขตามที่น้องบอก
    นางหยุดร้องไห้และหัวเราะได้ และให้ขุนห้ามะโรง อยู่เป็นเพื่อนนอนสามวัน
    และบอกว่า อางดุร้าย ขออยู่บ้านสามขาน และพี่มา กก จะได้ไม่ร้องอีก
    ซึ่งขุนห้ามะโรง รับคำ ก็มาร่วมด้วยเสมอ

    ได้สามปี นางมีลูกหญิงชื่อ มลิลา และมีชายชื่อ ออหลวง

    สามขานขุนขาย หนีออกจากบ้านแล้วก็ขึ้นช้างเดินทางจากไปกระทั่งถึงเขาพนม

    ในบ้านเมืองพนมนั้น มีขุนหญิง ชื่อ ขนมดวงฟ้า
    ซึ่ง ขุนสามขาน ไปได้เป็นเมีย มีลูกชายชื่อ ขุนสือไทยฟ้า
    (ซึ่งเป็นต้นตระกูล เสือ และ สมิง เช่น เสือสมิง)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    สี่ฐอขุนชาย (เถาะ)

    เมื่อเด็กชอบเล่นน้ำ จับปลา กุ้ง

    อยู่ดินบกชอบไล่จับมะมั่ง ละอง เก้ง กวาง ฟาน
    เมื่อหนึ่งได้เพื่อนกระต่าย มันวิ่งเร็ว วิ่งจับได้ ไม่ฆ่า เอาเข้ากอหญ้า กลางวันเอาลงเล่นน้ำ เอาลำไผ่แห้ง เอาเถาหวายพันลอยน้ำเล่น

    เมื่อ หญิง ชื่อ สินบ้านฟ้า ลูกอาฟ้าอยู่เรือน มาร่วมเล่นกระต่าย เล่นแพ

    เมื่อหนึ่ง เล่นเมียผัว
    สินว่า แมวผู้ขึ้นทับแมวเมียเอาสินออยรอยเมียผัว ให้เล่น รอทุกมื้อวัน ค่ำ เช้า

    เมื่อหนึ่ง สินอู่ แม่กวักทองมา ว่า มันขึ้นเมียผัวกันแล้ว

    ให้เอาที่อู่อยู่ เอาเมื้อน้ำที่เถาะ ชื่อบ้านฐอ(ปากฐ่อ ปากธ่อ) ที่เอาที่อยู่ มีข้าว มีนก ปู ปลา กัดกินได้
    เมื่อ สินบ้านฟ้า ท้อง เมื่อเฝ้าปอ ข้าออกเอา กุ้ง ปลา กล้วย อ้อย พร้าว โตนด ดินดอก เอาให้กิน

    ออกชาย ชื่อ ถมฟ้าเมือง ออกหญิง ชื่อ เถิมแสงฟ้า

    ออกญิง ชื่อ เสิมถิ่นฟ้า ออกญิงชื่อ สุกสีฟ้า
    ชายชื่อ ส้างสั่งฟ้า ชายชื่อ ถ้อสินฟ้า
    (ชื่อเป็นต้นตระกูล หรือ นักษัตร์ กระต่าย)


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218613.jpg
    ขุนห้ามะโรง ขุนหญิงอาง
    พระร่วง พระนางร่วง
    จำหลักหินทราย ที่ปราสาทพนมรุ้งคงเป็รรูปกษัตริย์ และกษัตรีย์สมัยนั้น
    ชายใส่หมวกยอด และนุ่งผ้าแผ่นหรือใบตอง
    ขุนหญิงอาง ใส่งอบยอด นั่งทำงาน


    ห้ามะโรง ขุนชาย หัวร่วง หลวง พวง(นาค งูหงอน)

    เมื่อเป็นเด็กชายช่วยพ่อแม่คุมพี่น้อง ทำโรงอยู่ ทำหอนอน
    อางขุนสาวเอาผ้าสาน ผ้าทอหุ้มนุ่นสำลี เอาเถาวัลย์ร้อยเป็นฟูก หมอน นอนทับ
    หนุนหัวได้ เอาเข้าห้องนอน

    เมื่อ ห้ามะโรง เข้าไปดู อางให้ลองนอนหนุนหมอนก็อ่อนนุ่ม ให้อางทำให้บ้าง

    อางขุนสาว บอก นางขึ้นสาวแล้ว นมใหญ่แล้ว ทำไว้ในหอนี้ เอาไว้นอนเป็นเมียผัวกัน

    เมื่อ แม่กวักออกเอือยแล้ว พ่อขุนนอนกก พี่มากกทับน้องเหมือนพ่อ

    ฟูกหมอนอ่อนนิ่มเหมือนกัน ขุนห้ามะโรงทำตาม จึงได้กันและรู้รสรักจึงมีบ่อยๆ

    กระทั่งพ่อแม่เห็นเข้า บอกขึ้นผัวเมียกันแล้วให้ไปหาที่อยู่ใหม่
    แต่ทั้งคู่ไม่ไป อยู่กันที่นั้น มีลูกด้วยกันเป็นชายชื่อ มะร่วงไทยลว้า

    เมื่อขุนอินตาย ขุนห้ามะโรงจึงเปลี่ยนเป็นปีอิน ๓๕๐

    และเป็นต้นชื่อ ฬวง คือนาค งูหงอน งูใหญ่ และหลวง เป็นผู้สืบวงหลวง หรือ พระร่วง ต่อมาเป็นต้นตระกูลงูใหญ่ หรือนาค นักษัตร์มะโรง
    และอาจไปอยู่หรือไปพักที่ ห้วยโรง จึงมีชื่อ ห้วยโรงห้ามะโรง ติดต่อมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0018.jpg
      scan0018.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.8 KB
      เปิดดู:
      1,255
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    หกมะเส็งขุนชาย และ เอือยขุนสาว

    มะเส็ง ม่อ หมอ เส็ง แปลว่า เข่ง อาจรู้ยาบำบัดพิษงู และงูสวัด จึงเป็นต้นตระกูลงูเล็ก นักษัตร์มะเส็ง

    เมื่อใหญ่ชอบเล่นปลูกต้นไม้ ชิมรสรู้ต้น ราก ใบ ดอก ลูก เปลือ แก่น แก้ไข้

    ทำยาแก้ป่วยไข้ รู้เอาหินบด เอาหม้อต้ม เผาไฟ ย่างไฟ ตากแดด จึงขึ้นชื่อ หมอเส็ง

    เอือยขุนสาว มาช่วยปลูก เก็บ ประสม ต้ม ตาก

    เมื่อพ่อแม่พี่น้องป่วย ก็เอามาช่วยแก้ไขรักษาให้ แม้ที่อื่นก็มาหา มาเรียนจำเอาไป

    เอือยขุนสาว ก็ไปด้วยเรียนด้วย รักษาด้วย จึงรู้และขึ้นชื่อเป็นหมอหญิง

    นางรู้สึกรัก เคารพ นับถือพี่คนนี้มาก ไม่อยากให้จากไปอื่น
    ต้องการให้อยู่เป็นพี่และเป็นผัว

    เมื่อไปรักษาคนอื่น เห็นมีพวกผีเข้า เมื่อหนึ่งจึงทำเป็นผีเข้า

    เมื่อหมอเส็ง เอาต้นข่าจะเฆี่ยน นางบอกว่าไม่ต้องเฆี่ยน
    นางอยากได้เป็นผัวให้เป็นผัว ถ้ายอมเอาขุนหินบอ บดยามดมาบ ผสมน้ำกะสาย เมื่อดื่มกินแล้วจะออกเอง

    หมอเส็งบดยาให้ดื่มแล้ว เมื่อมีอาการให้ดื่มอีก

    พ่อแม่เห็นแล้วบอกให้อยู่บ้านหมอ(ที่คูบัว) ตั้งท้องมีลูกชื่อ มดเมืองฟ้า

    นางทำความรู้กล่อมท้อง คลอดลูก ประหงม สมาน อยู่ไฟ เลี้ยงลูก ให้นม

    ให้ยาเกลือ กล้วยเผา นางจึงมีชื่อ เอือยแม่มด(หมอคลอด)

    หกมะเส็ง ขึ้นชื่อหมอเส็งก่อนอื่น เป็นต้นตระกูลหมอ

    และรู้ยาดับพิษงูได้ จึงเป็นต้นนักษัตร์งูเล็ก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    เจ็ดมะเมียขุนชาย
    (น่าจะไปอยู่ และตั้งชื่อที่อู่ ว่า เจ็ดมะเมีย ซึ่งเลือนมาเป็น เจ็ดเสมียน ในกาลนี้)

    เมื่อขึ้นใหญ่ หัดขึ้นปีนต้นไม้ ดูนก กินมะ(ลูกไม้) กินแล้วรู้รอดจืด เปรี้ยว มัน หวาน และรู้ขื่น ขม เผ็ด ร้อน เอาให้พ่อแม่กินดี กินได้

    พ่อแม่ว่า ข้ารู้ดี รู้หิน ดิน ลม น้ำ ไฟ ให้ไปหาที่อยู่ มีเมีย มีเด็ก มีลูก

    ออกข้าม ผา ป่า แม่น้ำ เจอหญิง เขาใหญ่ เริงเล่นป่า เข้าหาพูดด้วยมิรู้เรื่อง

    ข้าเข้าช่องเขาเอาสี่คนเป็นเมีย สอนกิน สอนทำนา ชื่อเมืองเจ็ด เมืองมะเมีย(ลูกเมีย)

    ข้าออกห่างเมือง มาพาเอาลูกขุนอู่ทองตาขุนเขาเขียว ชื่อ เลื่อนเฟืองฟ้า

    แลเอาไปสอน นา ข้าว ผ้า อู่ ไฟ เอาหินก่อหอบังลม ฝน แดด
    หญิงชายรู้อู่นอน เมื่อมีอู่คู่ชายหญิง เมื่อถูก ถ้ามันผิด เฆี่ยน เกิดลูกให้เลี้ยง

    ข้าเอาหญิงใดเป็นเมียมิยอม ฆ่ากิน มีทั้งลูกตัวและคู่อื่นรวมพันคนตั้งเมืองเจ็ด
    (อาจเป็นเมืองเจ็ดเสมียน หรือ เมืองเชตพัน หรือ เชียงแสน เป็นต้นตระกูลม้า อาจไปถึงจีน จึงมี แซ่เบ๊ ม้า อยู่ที่นั้น เป็นต้นนักษัตร์ มะเมีย ม้า)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    แปดมะแม
    เมื่อขึ้นใหญ่ เห็นหินคม สับเข้า แทงเข้า หินตอกหินกอกไฟ
    เมื่อเอาไฟ เอาหินตอกกอกไฟจุดนุ่นสำลี สุมใบไม้ ท่อนไม้
    เผาหินสุก ดินแข็ง ผิงเนื้อ ปู ปลา สุก

    พ่อว่า ชื่อแปดมะแม มีดี รูเหิน ดิน น้ำ ไฟ ลม เลี้ยงคนได้

    ให้เข้าป่า เอาเมียมีลูก เช่น ปู่สรวง ย่าสาง

    ข้าไปเถิงสิบป่า เจอฝูงญิงเข้าเล่นจับได้ เอาขึ้นเมีย มีลูกสิบผู้ มีชื่อเมืองมะแม
    มิได้มาเมืองแมน จำเมืองอื่น มิจำทางเมืองพ่อ เมื่อตายแล้ว ขึ้นสางมาได้เอง
    (อาจตั้งชื่อเมืองแปดมะแม ซึ่งเลือนมาเป็น "เมืองแปบ" คงเลี้ยงแพะ จึงขึ้นชื่อนักษัตร์ว่า มะแมแพะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    เก้า วอกขุนชาย และ อันขุนสาว
    เมื่อใหญ่ อันขุนสาว ช่วยแม่สานผ้า เอาฝ้าย สานฟ้า หนุ่นยัดกลางฟ้า เอาผ้าซ้อน
    นอนอ่อนดี ตั้งชื่อฟูก

    ฝ้ายฟั่น ปั่น เส้น เข็นเข้าที่ทอ ผ้าไหม และเอาสินเหลืองทองชื่อทอง

    สินขาวชื่อเงิน ทำเส้นเข้าลาย

    ข้าว ลูกไม้ ต้มกิน ช่วยพ่อแม่ดี เมื่อนมใหญ่ พ่อว่า รู้แล้ว เป็นสาวแล้ว เอาผัวมีลูก

    นางว่า เอาที่วอกขึ้นผัว พามาด้วยพี่ขาน
    ที่อา เอา นาวอก มีน้ำ มีดินบก มีปลา มีนก กินได้

    พี่วอกรักน้องมาก วอกตั้งชื่อว่า นาวอก(อยู่ที่คูบัว)

    รักกัน สนุกสนาน รื่นเริง
    เมื่อฝนตก วอกอุ้มออกเต้นรำอาบสายฝน ร้องเพลงฝนตกว่า เผละ
    อุ เผละ เป็นชื่อ"เพลง"

    อันร้องว่า ฟ้าร้องก้องเสียงเพียงดังเรียกร้องพาข้อยร่า รำ เอาก้านไขว้ใบบัวปิดอก แล และ ตัว ร่า รำ นมเพื่อน พี่รัว บัวใบบัง ตั้งดอกกะเพื่อม

    ข้อยอู่วอกมีลูก ชื่อเอ่ยเชิญขวัญผู้เดียว
    เมื่อลูกเขื่อง อุ้มดูต้นข้าวอ่อน เมื่อลมโยก เอนอ่อน ให้เอนตัวอ่อน เมื่ออ่อนช้าแล

    ร้องเพลงเรื่องขุนอินเขาเขียว แม่กวักทองมา สอนชื่อ พ่อ แม่ ปู่ ย่า

    ตาขุนเขาเขียว ยายขวัญทองมา

    และ เก้าวอกขุนชาย มองเห็น ตะวัน เดือน เคลื่อนที่ เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ค่ำคืน

    เที่ยงคืน ดึก สาง รุ่ง ให้ชื่ออย่างนั้นว่า มื้อ เช้า สาย ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    อัน เป็นชื่อวัน จันทร์

    วอก กับ อัน เมื่อยู่ด้วยกัน สนุกสนานรื่นเริงเล่นเพลงทั้ง แดด ลม ฝน ร้อง รำ
    จึงตั้งชื่อ เพลง"

    ครั้นมีลูกสาวให้ชื่อ เอ่ยเชิญขวัญ พอรุ่น อันพาลูกดูต้นข้าว

    ซึ่งอ่อนโอนเอนไปมาตามกระแสลมพัด จึงหัดลูกให้รำ ให้ร้อง เมื่อสอนกล่าว เอย ทำอย่างนี้ ร้องอย่างนี้ขึ้นเอยเสมอ จึงเป็นต้นเพลงว่า "เอย"

    ขณะหัดร้อง หัดเดินนั้น ขุนวอก เอาหนังกบ ขึ้งหม้อทำกลองเคาะ เอาไม้ทำกรับ

    เอากะโหลกมะพร้าวทำซอ เอาไม้ไผ่ทำแถวตีขึ้นเสียง (ระนาด)

    อัน สอนรำ ตั้งชื่อไว้ว่า บังคม ก้มไหว้ ไกวแขน แล่นเคล้า ก้าวเดิน เชิญชัด ผัดหน้า อาบน้ำ แต่งตัว ยั่วเย้า เข้ารบ แนบนาง หวนนอน

    เก้าวอก เป็นชื่อ เดือน ๙ ปีวอก เป็นต้นตระกูลกระโดดโลดแล่นเต้นรำ

    จึงเป็นต้นชื่อ นักษัตร์ปีวอก ลิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218625.jpg
    ขุนสิบระกา และ ขุนหญิงอี่ (ได้ที่คูบัว)
    เมื่อเด็กรุ่นชอบเลี้ยงไก่ที่ป่าไก่ (ข้างปากท่อ หรือ ถอ)
    เมื่อหนุ่มสาวพ่อแม่ให้ไปอยู่ร่วมกันที่ป่าไก่

    จะเห็นยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ทำรูปอย่างนี้แสดงว่า อี่เพิ่งรุ่น ดูคล้ายเด็กชายทั้งคู่

    ต่อมาได้ใช้ หรือ ทำรักยม สืบแบบอยู่ จะเรียกว่า รักยม ก็ได้
    ขุนสิบระกา มือขวาอุ้มไก่ แสดงสัญญลักษณ์และนามปี


    สิบระกาขุนชาย อี่ขุนสาว

    เมื่อน้อย เอาไก่มีลูกอ่อนเข้านอนกอไม้ ไก่อีกหลายเข้าหลบใบไม้ แม่ไก่ออกไข่

    เอากิน มันไม่หวง อี่เข้าช่วยเก็บไข่ แล เป็ดฝูงมันอยู่ในบึง ต้อนเข้าอู่หนอง
    เมื่อออกไข่มันมีอยู่ เอาเข้าวางบังกอย่า มื้อหิวเอากินได้ เอามาบอกพ่อแม่พี่น้องกินได้

    เมื่อใหญ่ อี่มีนมแล้ว เอา ขนไก่ เป้ด นก ถักผืนพันนม พันเอว ห่มเอว ห่มอุ่น

    พ่อแม่ว่าเขื่องรู้แล้ว ไปหาเมียผัว ที่อู่ เมืองอยู่

    อี่ว่า เอาพี่ระกา ข้าว่าเอาอี่ พากันเข้าอู่หมู่สะพังป่า มีไก่ เป็ด ห่าน มื้อไข่ เดิน เอากินง่าย มื่ออิ่มนมใหญ่ ให้คลำว่าเสิงอกกกกอด มื้อคืนขึ้นเมียผัวเสิงรักรอยออยรอยใจ


    อี่ ชอบชวนเอามิอิ่ม เกิดมีท้องโต ถามแม่ว่า มีลูกแล้ว
    มีชายชื่อ ไก่ฟ้า มีญิงชื่อ ออน่าฟ้า
    มีชายชื่อ กอเสิ่งฟ้า มีชายชื่อ กุมเลืองฟ้า
    มีญิงชื่อ อ่อนสีฟ้า มีญิงชื่อ เอี่ยมนูนฟ้า

    เมื่ออ่อนนมเลี้ยง เข้าใหญ่ กินไข่ แม่กวักทองมา เอาสายสร้อยทองเงินเข้าผูกมือ

    เมื่อพ่อแม่ดับ พาไปให้หน้าผี อู่ที่บ้านไก่ (ปัจจุบันป่าไก่)
    ต้นตระกูลไก่ และต้นนักษัตร์ปีระกาไก่

    และสิบระกาขุนชาย ยังคิดรู้ ดิน ทาง นา ที่ ตั้งชื่อมาตราว่า นิ้ว คืบ ศอก วา เส้น งาน ไร่ ผืน(ร้อยไร่ เป็น ๑ผืน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0019.jpg
      scan0019.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65.6 KB
      เปิดดู:
      1,179
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    สิบเอ็ด จอมขุนชาย หรือ เอ็ดจอ

    เมื่อขึ้นเขื่อง เห็น เดือนตะวัน ดาว อกมาเดิน(ข้าม) ตกหาย

    เอาว่าคำชื่อรู้ว่า ตะวันออก ตะวันตก ทางเหนือ ทางใต้ และเฉียง

    พ่อขุนอินว่า เอาชื่อ ดินฟ้า ชื่อ ฟ้ากลม ดินกลม คือว่า ตะวัน เดือน

    แม่กวักทองมา ว่า จอม เป็นผู้รู้แล้ว พ่อแม่ให้ไปหาเมียต่างเมือง

    เที่ยวไป เมื่อเข้าเมือง แม่ญิง เวียง เปงแลน้องญิงชื่อ ดาวเวียง เอาคู่เมีย
    ปหาถิ่นดี ส้างบ้านเมืองชื่อ จอมทอง

    เมื่อหนาว ส้างผ้าสานไหม มีลูกชายหญิงสิบสอง

    เมื่อกลับมาหาพ่อแม่ที่เมืองแมน ให้ชื่อว่า อินจอมเวียง
    และเข้าแก่ เอาลูกขึ้นชื่อ จอมอินลว้า

    เอดจอ เป็นชื่อเดือน๑๑ ต้นตระกูลสัตว์เลี้ยงเพื่อนบ้านคือ จอ-หมา ต้นนักษัตร์ปีจอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    สิบสองกุนขุนชาย

    เมื่อขึ้นเขื่อง ชอบดูดาวและท้องฟ้า ย้ายบ้าง ตั้งนิ่งที่บ้าง เห็นดวงตาวันกลมใหญ่
    ดวงเดือนเล็กลงไป ตั้งชื่อดาวเหนือว่า ดาวเฆ่(จรเฆ่) ดาวใต้ว่า ดาวว่าว

    ดาวเคลื่อนที่ช้าๆเอาชื่อน้องตั้งชื่อว่า

    ดาวอา(อาทิตย์)
    ดาวอัน(เดือน จันทร์
    ดาวอาง(อังคาร)
    ดาวอุ่น(พุธ)
    ดาวเอือย(พฤหัสบดี)
    ดาวอู่(ศุกร์)
    ดาวอี่(เสาร์)

    และกับน้องอุ่นขุนสาว เที่ยวดินดูเดือนเพ็ญ ดาวพรายฟ้า

    มองดูดวงดาวที่สุกใส มักขึ้นหัวค่ำ และเช้ามืด จึงชื่อว่า ดาวเมือง หรือ ดาวประจำเมือง

    ครั้นพ่อขุนอิน และ แม่นางกวักทองมา ให้ไปหาคู่และที่อยู่ จึงตกลงไปด้วยกัน

    ตั้งชื่อที่อู่ว่า กุนอุ่นไทย
    เมื่อมีลูกชายก็ได้ตั้งชื่อว่า มกุนอุ่นไทย
    และยังไปเป็นช่างลาย เช่น ลายกุ้น ฝาปะกน
    และอาจไปจับหมูป่ามาเลี้ยงด้วย จึงเป็นต้นชื่อนักษัตร์ปีกุน หมู
    บางทีก็เขียน กุญ เป็นปีช้างบ้าง

    แต่ครั้ง ขุนอินเขาเขียวและนางกวักทองมา
    ลูกชายคนที่ ๑๓ ชื่อ กุน กับลูกสาวคนที่ ๔ ชื่อ อุ่น ไปอยู่บ้านชื่อ กุน
    มีลูกชายชื่อ กุนอุ่นไทย
    ตามที่เป็นมา กุนขุนชาย เป็นผู้คิดเห็นดาว เคลื่อนบ้าง ตั้งนิ่งบ้าง มีมาก
    จึงเอาชื่อน้องสาว ๗ คน ตั้งชื่อดาวต่างๆไว้
    เช่น ดาวอา ดาวอัน ดาวอาง ดาวอุ่น ดาวเอือย ดาวอู่ ดาวอี
    ขุนกุนคงขึ้นเขาวังเดี๋ยวนี้ และสังเกตดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ แล้วได้ตั้งชื่อดาวต่างๆไว้ เช่น
    ดาวจรเฆ่ ดาวหมา ดาวช้าง ดาวงู ดาวเหนือ ดาวใต้ หรือดาวว่าวอีลุ้ม ฯลฯ
    ได้ตั้งชื่อต่างๆ เพราะเป็นชื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ต้นคิดตำราท้องฟ้า หรือดาราศาสตร์ไทยแต่โบราณดึกดำบรรพ์มาแล้ว
    ทั้งได้สอนกันสืบๆมา เมื่อวังเกตเห็นก็ตั้งชื่อไว้ และนำความรู้เรื่องดาวมาตั้งเป็นตำราหมอดู ที่เรียกกันว่า ตำราเลข ๗ ตัว
    ในความรู้เก่าๆยังมีกล่าวถึง หมอขุน
    ต่อมาอาจคิดคำนวณระยะกาลได้ ตามที่ปรากฏใน กเบื้องจาร เห็นมีว่า
    อินกินตะวันกินเดือน หรือตำราสุริยคราธ จันทรคราธ
    ในทางโหราศาสตร์ไทย เรียก สารัมภ

    และ ขุนกุน คงรู้ลายต่างๆสมัยนางไทยงามคิดลายทอผ้า
    ซึ่งขุนสือไทย นำมาตั้งเป็นลายสือไทย นำมาเป็นลายสลัก ลายแกะ ลายประดิษฐ์ต่างๆไว้
    ที่เรียกกันว่า ฝาปะกน ลายกุ้น เช่น ลายเครือวัลย์ และ ลายกนก
    และเป็นต้นคิดออกแบบลายต่างๆไว้ ได้สืบต่อกันมา ฉะนี้ เป็นต้น
    ชาวเพชรบุรี จึงมีช่างฝีมือเอกมาก ได้ทิ้งฝีมือในลายต่างๆตามวัด และพระพุทธรูปรุ่นเก่าๆมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2218633.jpg
    รูปแผนที่บริเวณเมืองทอง และ สุวัณณภูมิ
    (ปัจจุบันคือ ตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี) [
    มีชื่อปีไทย อยู่หลายชื่อ

    แผนที่เหนือคูบัวนั้น มีบริเวณกว้างไกล

    จะเห็นมี เขาทะเลสาป เขาเขียว ตลอดไปถึงเขาหลวง
    ซึ่งมีชื่อปีไทยตืดอยู่ ประจำเกือบครบ ซึ่งกรมแผนที่ทำไว้ และบันทึกไว้ได้เป็นหลักฐาน

    คงตั้งกันมาตั้งแต่ปรากฎ เมืองแมน

    ซึ่ง ขุนอินเขาเขียว และ ขุนหญิงกวักทองมา ได้มีลูกด้วยกัน ๒๐ คน
    จึงตั้งชื่อลูกว่า อ้ายชวด ยี่ฉลู สามขาน ฯลฯ
    แล้วได้นำชื่อนั้นๆ ตั้งเป็นชื่อปี เดือน วัน เช่น

    อ้ายชวด ก็เอาคำว่า อ้าย คือ ต้น หรือ หนึ่ง เป็นชื่อ เดือนอ้าย
    เอาคำว่า ชวด ตั้งเป็นชื่อปีที่ ๑ ว่า ปีชวด

    ยี่ฉลู ก็เอาคำว่า ยี่ คือ ๒ เป็นชื่อเดือน ว่า เดือนยี่
    เอาคำว่า ฉลู ตั้งเป้นชื่อปี ว่า ปีฉลู ฯลฯ

    ต่อมา เมื่อใหญ่ขึ้นแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่ใด ก็ตั้งชื่อที่นั้น ตามชื่อของตน
    ชื่อจึงปรากฎติดอยู่กับ ภูเขา หมู่บ้าน ทุ่งนา อำเภอ และเมือง อย่างที่ปรากฎในแผนที่

    ชื่อ ที่ปรากฎนั้นมีอย่างนี้

    ๑.อ้ายชวด ที่ปรากฎคงเพี้ยนไปแล้วว่า อ้ายช่วย คือ อ้ายชวดขุนชาย เป็นชื่อปีชวด
    และ เป็นชื่อเดือนอ้าย เป็นชื่อภูเขา และ หมู่บ้าน ณ บริเวณ เขาหลวง

    ๒.ยี่ฉลู ตามจารึก ว่าไปอยู่ อู่ทอง ปรากฎชื่อว่า บางยี่สูญ บางยี่รง

    ได้เห็นจารึกวัดค้างคาว คือ เฉลิม แต่จารึกว่า เฉิมฉล นี้ ออกเสียง ฉ เฉยๆได้
    เช่น มล ออกเสียง ม เฉยๆได้ เช่น เมล็ด เป็น เม็ด แมลง เป็น แมง
    ฉลู ก็ออกเสียงว่า ฉูน ฉ.ช ออกเสียง ส.ซ. ได้
    ฉะนี้ ปีฉลู จึงเป็น ยี่สูน ยี่สูญ ได้

    ๓.สามขาน มีบ้าน คือ สามขาน ปีขาน เดือนสาม อยู่ ณ คูบัว ค่อนตะวันออก

    ๔.สี่เถาะ คือ ปากธ่อ เดิมชื่อ ปากถอ

    ตามเสียงเดิม คือ ปีเถาะ(เฐาะ) เดือนสี่ คือ อำเภอปากท่อ

    ๕.ห้ามะโรง คือ ห้วยหลวง หรือ ห้วยโรง คือ ปีมะโรง เดือนห้า คือ ห้วยโรง

    ๖.หกมะเส็ง คือ บ้านหมอ เดิมเรียกว่า บ้านหมอเส็ง คือ ปีมะเส็ง เดือนหก คือ บ้านหมอ อยู่ ณ คูบัว

    ๗.เจ็ดมะเมีย คงเป็นหมู่บ้านเจ็ดเสมียน ซึ่งเพี้ยนไปแล้ว คือ ปีมะเมีย เดือน๗ เป็นตำบลในอำเภอโพธาราม ราชบุรี

    ๘.แปดมะแม ตามจารึกว่าไปอยู่ไกล

    อาจเป็นเมืองแปด ที่เพี้ยนไปเป็น แปป คือ ปีมะแม เดือนแปด

    ๙.เก้าวอก คือ หมู่บ้าน นาวอก ก็คือ ปีวอก เดือนเก้า อยู่ ณ คูบัวทางใต้

    ๑๐.สิบระกา คือ ตำบลป่าไก่ ไม่ตรงนัก คือ ปีระกา เดือนสิบ

    อยู่ระหว่างคูบัว กับอำเภอปากท่อ

    ๑๑.สิบเอ็ดจอ คือ หมู่บ้านอ้ายจอ ก็คือ ปีจอ เดือนสิบเอ็ด ซึ่งเป็นชื่อภูเขา หมู่บ้านอ้ายจอ อบู่ใกล้กับภูเขาหมู่บ้นอ้ายช่วย ณ บริเวณเขาหลวง

    ๑๒.สิบสองกุน คือ บ้านแม่กุน หรือ บ้านพระอนุกูล ก็คือ ปีกุน เดือนสิบสอง
    ก็บ้านแม่กุนนี้ อยู่ฝั่งใต้แม่น้ำคลองกระแชง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0013.jpg
      scan0013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      3,278
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...