น้ำท่วม...บริหารจัดการไม่เป็น

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 15 ตุลาคม 2011.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    ไม่ขอแสดงความเห็นต่อข้อคิดเห็นของใครท่านไหน ๆ ทั้งหมด แต่ผมเห็นว่าต้องยอมรับว่ามันผิดปกติ ไม่ธรรมดา มันได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้มาหลายปีแล้ว และจะเกิดขึ้นต่อไป จำได้ไหมครับรอบ ๆ บ้านเราเกิดมาแล้วหนัก ๆ ทั้งนั้นเช่น ที่จีน ที่พม่า เป็นต้น แม้แต่บ้านเราก็มีสัญญาณเตือนแล้วเมื่อปีกลาย สาหตุหนึ่งคือภาวะของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วที่ทุกคนควรตระหนัก มันเป็นเพราะน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ่น ที่เป็นต้นเหตุ เราทุกคนมีส่วนร่วมทั้งนั้น แล้วก็ต้องรับรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างเช่นจำนวนการเกิดทั้งพายุ ทั้งดีเพรสชั่น มันมีมากผิดปกติ เกิดแล้วเกิดอีกมิใช้ไม่กี่ลูกเหมือนเมื่อก่อนในแต่ละปี จึงขึ้นอยู่กับว่าจะพัดเข้าที่ไหนประเทศใดจะโชคร้ายมากน้อยกว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011
  2. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ปีหน้าผมขอแนะนำ ให้รัฐบาล สร้างฉากกั้นน้ำ ตามจุด สำคัญ ๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา
    พอน้ำมามาก ก็ทำการยกฉาก กั้นน้ำนี่ขึ้น ค่อ่ย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ เพราะแบบนี้
    จะใช้ งบประมาณเยอะ และอยากให้สร้าง ประตูกั้นน้ำ ที่ปากอ่าว ไว้ใช้ในกรณี
    ที่น้ำทะเลหนุน
     
  3. eakjunge

    eakjunge สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมเดือดร้อนมากเข้าออกทางก็ลำบากพอดีว่ามีรถทหารและทหารมาช่วยบรรเทาทุกข์ร้อนได้บ้างหมู่บ้านก็ถูกทิ้งร้างจะมีอยู่เฝ้าของก็ไม่กี่บ้านโจรโขมยก็ชุม..ตำรวจก็หายไปกับน้ำไม่เห็นห....ัวสักนาย ต้องระวังกันเอง ผมเองชื่นชมคุณตันที่ตัวเองก็สูญเสียแต่ก็บริจาคเงินมากมายช่วยเหลือคนไทยที่ประสปภัยน้ำท่วม แต่ต่างจากคนที่ผมเห็นอยู่ในป้ายมาติดริมถนนพื้นหลังสีแดงและเขียนคำว่า "จากคนไกล ห่วงใยประชาชน" ให้อะไรบ้าง? ดีแต่สร้างภาพหลอกคนไทยไปวันๆ เราคนรากหญ้าก็เป็นเหยื่อให้คนรวยเลวๆหลอกวันยังค่ำ ผมคิดว่าวันนี้คนไทยควรสร้างค่านิยมกันใหม่อย่าเห็นแก่ตนเองและพรรคพวกให้เห็นแก่ประเทศชาติเป็นหลัก และควรล้างออกไปทั้งหมดไม่ว่าสีไหนอยากเห็นคนไทยเป็นคนไทย ไม่ใช่คนไทยสีแดงหรือสีเหลือง ผมรู้สึกหดหดหู่ที่คนไทยหลายคนประกาศตัวว่ากรูเสื้อแดงนะกรูเสื้อเหลืองนะ แม้สมาชิกในเวบเองก็มีการบอกว่ากรูเป็นคนสีอะไรมีรูปมาประกาศอีกต่างหาก อยู่ในเวบธรรมมะแท้ๆควรออกมาอยู่ห่างๆจะดีกว่าและทำใจให้เป็นกลางและแล้วใจจะมีความสุข ขอบคุณครับ
     
  4. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    น้ำท่วมเมืองก็ทุกข์ยาก ลำบากไปทั่วแล้ว

    น้ำลายยังจะมาท่วมเวปพระพุทธศาสนากันอีก....
    จะสีไหนๆ ก็ไม่พ้นกรรมทั้งนั้น
    มาใช้วจีจ้องสังหารเอาชนะกันไปทำไม

    อาตมาขอบิณฑบาตร นะโยม......
     
  6. Andromeda Galaxy

    Andromeda Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2011
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +314
    เป็นโชคร้ายของประเทศไทยมากกว่าที่มี.....
    ..ศูนย์ปลอดประสบการณ์และไร้ซึ่งภูมิปัญญา..

    พระแม่คงคาท่านมาล้างความซวย
    ให้แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา
    หลังจากที่พวกนั้นเอาเลือดมาทำพิธีไสยดำ

    บุญเหลือเกินที่บารมีพ่อหลวงศักดิ์สิทธิ์นัก
    พระองค์ท่านช่วยคนไทยเรื่องน้ำท่วมไว้ได้มาก

    พระแม่คงคาท่านมาปราบมารและล้างความซวยของประเทศ
    สงสารก็แต่คนดีๆที่เขาไม่มีสีอะไร
    ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร
    ต้องพลอยมาเดือดร้อนไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  7. yummysushi

    yummysushi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +6
    เห็นด้วยค่ะ ยามนี้ สิ่งที่บ้านเมืองต้องการที่สุดคือ "ความสามัคคี" อย่าเอาความแตกแยกเรื่องความคิดทางการเมือง เข้าสู่เว็บนี้เลยนะคะ เท่านี้ ประเทศชาติก็ย่ำแย่อยู่แล้ว ช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไปเถิดค่ะ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน อย่ามัวแต่ตำหนิคนนั้นคนนี้อยู่เลย ณ เวลานี้ ไม่เกิดประโยชน์อันใดหรอกค่ะ ดูคนที่เค้าลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีดีกว่าค่ะ อย่างคุณตัน โออิชิ เค้าก็เดือดร้อนมากเหมือนกัน แต่เค้ายังมีใจคิดถึงคนอีกเป็นจำนวนมาก ที่เป็นชาวบ้านตาดำๆ ลำบากกว่าเค้า

    เรื่องของ "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ" เป็นอะไรที่เราห้ามไม่ได้จริงๆค่ะ ดูเมื่อช่วงกลางปีนี้ ที่ทวีปออสเตรเลียสิคะ ขนาดประเทศเค้ามีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการจัดการมากกว่าเรา เวลา "ธรรมชาติเอาคืน" เค้ายังทำได้แค่ "มองดูตาปริบๆ" จริงๆค่ะ

    ปีนี้ เค้าเจอพายุหนักมาก หลายลูกติดๆกัน น้ำทะลักท่วมแบบสึนามิบนดินเลย มีคนตายและพื้นที่เสียหายมากมาย ทั้งมลรัฐควีนสแลนด์ ซึ่งเฉพาะมลรัฐเดียวก็ใหญ่กว่าประเทศไทยหลายเท่านัก น้ำจำนวนมหาศาลไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่ยังไหลมาถึงมลรัฐวิคตอเรียด้วย กว่าจะไหลลงทะเล ออสเตรเลียก็อ่วมแบบอาการสาหัส หลายหมื่นล้านดอลล่าร์ออสเตรเลีย ดิฉันชมข่าวทางทีวีที่นี่ ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ทุกคนปลอดภัย

    ช่วงเวลานั้น มีคนเดือดร้อนมากมายเหมือนประเทศไทยในขณะนี้ แต่สิ่งที่เค้ามี แต่เรา "กำลังจะขาด" คือความสามัคคีค่ะ ทุกคนยอมรับสภาพว่า มันเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงในรอบหลายร้อยปี มันเกินจะรับมือ ต้องยอมรับมัน เมื่อน้ำลดแล้ว เค้าก็ร่วมมือร่วมใจกัน "ทำความสะอาด" ประเทศ เค้าเข้าแถว ถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเท่าที่ตัวเองมี ขึ้นรถบัสไปร่วมทำความสะอาดแต่ละหมู่บ้าน แต่ละเมือง เห็นแล้วน่าปลื้มใจมากค่ะ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือตำหนิโทษกันเลย ทุกคนยอมรับ ช่วยเหลือกัน หลายๆคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่มาช่วยกันทำความสะอาด มีเรื่องราวน่าประทับใจแบ่งปันกัน เลยได้เพื่อนไปด้วยเสียอีกนะคะ

    ขอให้ทุกคนอดทนนะคะ โดยเฉพาะคนที่เดือดร้อนน้ำท่วมบ้าน ส่วนคนที่พอมีกำลัง ก็ช่วยเหลือกันตามกำลังนะคะ อย่าเสียเวลากับการเพ่งโทษผู้อื่นเลยค่ะ คิดเสียว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้ทำทานด้วยแรงกาย หรือกำลังทรัพย์ของตน ไม่ช้า เหตุการณ์เลวร้ายจะผ่านไปค่ะ ขอให้ปลอดภัยแข็งแรงทุกท่านค่ะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=x3JKpsEzy1E]16 Dead, 70 Missing in Australian Flood - YouTube[/ame]
     
  8. hi5

    hi5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +701
    วันนี้ นั่ง taxi เสื้อแดง พยายาม บอกว่า อำมาตย์ แกล้ง ปล่อยน้ำ ในเขื่อน ท่วม จว. เสื้อแดง.. คงไม่มีใคร ใจร้าย ทำแบบนี้ได้หรอก .. กลุ่มคน ที่ตั้งหน้าตั้งตา รักษา ชาติประเทศ ก็คือ อำมาตย์.. และน้ำท่วม เกิดจาก หลายปัจจัย

    ๑.นักการเมือง ตัวดี ทำประชานิยม กระตุ้นเศรษฐกิจ อาศัยหลักการบริโภคนิยม เรียกคะแนน จากรากหญ้า ซึ่งดีระยะสั้น แต่ระยะยาว หายนะเกิดแก่ ระบบธรรมชาติ สังคม และเศรษฐกิจ
    ๒.ไม่ยอมให้มี กฏหมายผังเมือง เลยทำให้เกิดสิ่งกีดขวางทางน้ำเต็มไปหมด เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ
    ๓.ส่งผลให้พื้นที่ป่า เหลือน้อยกว่า ๕๐%
    ๔.เป็นเหตุให้ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ก็ต้องกลายเป็นฝน ขนาดมหึมา
    ๕.เป็นเรื่องของกรรมของพวกเ<wbr>ขา ที่มีเหตุให้สมบัติวิบัติ จึงไม่มีแผ่นดินจะอยู่เลย เพราะกรรม เคยมีส่วนทำสมบัติชาติ ให้วิบัติ

    ก็ไม่รู้ พวกนายใหญ่ จะยุยง ให้สังคม ร้าวฉานไปถึงไหน ระหว่าง อำมาตย์ ไพร่.. ทำแบบนี้ เป็น อนันตริยกรรม.. คือตนเอง ฉ้อฉล เข้าเมืองไม่ได้.. ก็เผาเมืองซะเลย.. แทนที่จะ สำนึกผิด

    แถม taxi เสื้อแดง ยังฉวยโอกาส เอาเปรียบ ผู้บริโภค โก่งราคา ค่า taxi เดิมเคยขึ้น ๑๓๐บ. วันก่อนเรียก ๓๐๐บ. บอกว่า น้ำท่วม ทั้ง ๆ ที่ น้ำไม่ ท่วม สักหยด.. จริต ชอบ ฉวยโอกาส เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว พอ ๆ กัน ทั้งนายใหญ่ ทั้งไพร่ของมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  9. CopperOxide

    CopperOxide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +289
    เพิ่งฟังข่าวเมื่อคืน น้ำท่วมเขตนิคมอุตสาหกรรม(ณ ขณะนี้ยังไม่รวมนิคมนวนคร) ส่งผลให้คนตกงาน "ทันที" 200,000-600,000 คน ตอนนี้อย่าว่าแต่ ค่าแรง 300 บาทเงินเดือน 15,000 เลย พรุ่งนี้-สัปดาห์หน้า-เดือนหน้า ชาวบ้านตกงานจะกินอะไร ปล้นสดมภ์-ฆ่าตัวตาย-ประท้วงรุนแรง (อาจจะมีไฟอีกรอบ) อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาครัฐไม่มีนโยบายชัดเจนในการแก้ปัญหา เจ้าของโรงงานเขาก็ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นหมด เมื่ออุตสาหกรรมหนึ่งซึ่งเป็นวัตถุดิบหายไปย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่นๆเป็นลูกโซ่ นี่แหละวิฤกติชาติของจริง แกนนำซ้ายตกขอบจะโยนความผิดให้ใคร ไม่ต้องสงสัย ซ้ายตกขอบกลุ่มนี้นิยมปฏิวัติโดยภาคประชาชนแต่คัดค้านการปฏิวัติด้วยกำลังทหาร จะถือโอกาสปลุกปั่นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยง่าย(ดูภาพประกอบ) ในที่นี้ผมไม่ค้านว่าการเกษตรไม่สำคัญแต่ในสภาวะที่คนในชาติส่วนใหญ่มีสภาวะอดทนและใช้เหตุผลน้อยแบบนี้ "กินอิ่ม" อย่างเดียวไม่พอแน่นอนครับ

    1789 : French Revolution
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Bstile.jpg
      Bstile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.6 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  10. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    กรมชล การไฟฟ้า ที่คุมเขื่อน พวกนี้คนของใครหนอ?

    พวกที่บอกเสื้อแดงทำไมไม่ออกมาช่วย ผมก็เห็นเค้าออกมาช่วยกันนี่

    แล้วพวกเสื้อเหลืองพันธมิตรกู้ชาติ ตอนชาติดีๆมากู้จนประเทศล่มจม

    แล้วตอนนี้หายหัวไปไหนกันหมดล๊ะจ๊ะ ^^
     
  11. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12
    การบริหารน้ำในเขื่อนใหญ่ ๆ โดยเฉพาะในเขื่อนที่การไฟฟ้าดูแล เขาจะมีหลักและวิธีการบริหารอยู่แล้วว่า แค่ไหนสมควรระบายน้ำ และควรระบายน้ำจำนวนเท่าใด การตัดสินใจจริง ๆ ในเวลาน้ำท่วมหรือวิกฤติ จะต้องประชุมร่วมกับกรมชลฯ ซึ่งกรมชลฯจะเป็นผู้ตัดสินใจตามสภาวะแวดล้อมที่อยู่ใต้เขื่อน คิดว่าทุกอย่างการตัดสินใจอยู่ในหลักการและวิชาการอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซงเท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน มีนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ์แต่เข้ามาก้าวก่ายคุมกระทรวงเกษตรฯอย่างไม่ต้องปิดบังอำพรางแต่อย่างใด ตลอดจนรัฐมนตรีที่เป็นอดีตข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯที่คิดว่าเก่งกาจ เข้ามาแทรกแซงสั่งการไม่ให้ปล่อยน้ำลงมา ขณะที่น้ำท่วมภาคกลางแต่ยังไม่มากนัก แต่ธรรมชาติไม่เป็นใจ ฝนตกทางเหนืออย่างหนักจนถึงกับเขาสไลท์มีคนถึงตายและมีน้ำท่วมอย่างรวดเร็วทางเชียงใหม่ จนน้ำไหลลงเขื่อนมากมายมหาศาลแทบเต็มเขื่อนซึ่งไม่สามารถกักไว้ได้อีกต่อไป หากกักไว้ก็จะไม่สามารถควบคุมน้ำได้อย่างสิ้นเชิง และอาจเป็นอันตรายต่อเขื่อนอีกด้วย เพราะเขื่อนภูมิพลนี้ตั้งแต่สร้างมาไม่เคยกักน้ำได้ถึงกว่า 90% มาปีนี้น้ำถึงล้นเขื่อนจึงต้องจำเป็นระบายน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือมากกว่าน้ำที่ไหลเข้า ไม่งั้นอาจเป็นอันตรายได้ จนกว่าน้ำไหลเข้าจะลดลง จึงจะระบายน้ำออกลดลงตามไปด้วย จนถึงจุดทีปลอดภัยจึงจะหยุดการระบายได้ จึงไม่ใช่ทางเขื่อนคิดจะปล่อยน้ำอย่างไรก็ได้ การระบายทุกเขื่อนมันมีขั้นตอนของมันอยู่แล้ว เพียงแต่นักการเมืองที่อวดเก่งอวดรู้อย่าได้เข้ามาแทรกแซงเท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน พอน้ำท่วมมาก ๆ ก็โยนให้ทางเขื่อนรับไป นี่คือความเลวของนักการเมืองที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด มักจะโยนความรับผิดไปให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับไป ตัวเองรับแต่ความชอบเท่านั้น ความจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นผลจากการบริหารบ้านเมืองของนักการเมืองในรอบระยะเวลา 20 กว่าปีมานี้ จะเห็นว่ามีการตัดไม้ทำลายป่า มีการสร้างสนามกอล์ฟในป่าในเขา สร้างรีสอร์ทบนเขา มีบ้านพักของผู้มีอิทธิพลที่ร่ำรวยนายทุนนักธุรกิจนักการเมืองเต็มไปหมดในเขาซึ่งกฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ทำได้ เหล่านี้เป็นการบริหารบ้านเมืองจากนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทั้งนั้น เป็นการบริหารบ้านเมืองที่มีการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง แม้แต่ผู้รักษากฎหมายยังไม่สามารถเอานักการเมืองคนละเมิดกฎหมายมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว แม้ขณะนี้บ้านพักเต็มเขาไปหมดไม่ว่าที่ไหนในประเทศนี้ ประชาชนคนธรรมดาจะกล้าไปสร้างได้อย่างไร นอกจากผู้มีอิทธิพลที่อยู่เหนือกฎหมายบ้านเมืองทั้งนั้น
     
  12. mali1163

    mali1163 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +349
    ตอนนี้คงไม่ต้องไปกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้
    อยากให้รัฐบาลวางแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่จะต้องเผชิญต่อไปข้างหน้านี้
    ไว้ล่วงหน้าจะดีกว่าครับ
    "ระยะทางยังอีกยาวไกล"
     
  13. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    inn ! ช่วยแฉเหตุน้ำท่วม

    ยามนี้ ถ้าไม่พูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมเมืองสยาม คงต้องตกยุคตกสมัยเป็นแน่แท้


    โดนกันอย่างทั่วหน้าทุกภูมิภาคของประเทศไทย
    หนักที่สุดตอนนี้คงต้องยกให้กับภาคกลาง
    ไล่มาตั้งแต่ "จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี
    และ นนทบุรี" ส่วนทางภาคตะวันตก อย่าง จ.สุพรรณบุรี และ นครปฐม ก็โดน แต่ยังไม่มากนัก

    เหตุที่ทางภาคตะวันตกยังประสบปัญหาน้ำท่วมไม่หนักนั้น
    ไม่รู้ว่าจะชื่นชม "บิ๊กเติ้ง บรรหาร ศิลปอาชา" ดีหรือเปล่า
    มันก็ดีหรอกนะที่น้ำไม่ท่วมบ้านตัวเอง แต่มันจะดีจริงเหรอที่น้ำไปทะลักเข้าบ้านคนอื่น
    ทั้งๆ ที่ช่วยได้ แต่ก็ไม่ช่วยกันแบ่งเบา ก็แล้วแต่นานาทัศนะกับกรณีนี้

    เรื่องความเสียหายคงไม่ต้องพูดถึง
    เพราะความเสียหายครั้งนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าที่ประเทศญี่ปุ่น
    ประสบกับ "โศกนาฏกรรมสึนามิ " เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
    ภาพที่เห็นไม่ได้น่ากลัวและรุนแรงอย่างคลื่นยักษ์
    แต่น้ำที่หลากหรือล้นตลิ่ง มันก็เคลื่อนตัวทำลายล้างทุกสิ่งได้เช่นกัน
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเสียหายใดก็ไม่เท่ากับความเสียหายที่เกิดจากความแตกแยก
    ของพี่น้องคนไทยด้วยกัน

    ภาพพี่น้องคนไทยต่างฝ่ายต่างโต้เถียง ด่าท่อใส่กันตามแนวคันกั้นน้ำ
    ภาพการเข้าพังกระสอบทราย
    ภาพของการถือมีดวิ่งไล่ฟันผู้ประสบภัยด้วยกัน อันเนื่องมาจากความเครียด
    ภาพเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับสังคมไทยและสังคมชนบทเลย
    แม้แต่นิด

    อย่างที่เรารู้กัน น้ำที่ท่วมภาคกลางนั้นลงมาจากภาคเหนือ "แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน"
    ไหลมารวมกันที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ก่อนไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ลงสู่อ่าวไทย จ.สมุทรปราการ

    น้ำจำนวนมหาศาลก้อนนี้ "กรมชลประทาน" เป็นผู้ที่น่าจะรู้ดีที่สุด
    คิดกันง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก คือ
    กรมชลฯ รู้ทั้งรู้ว่าจะมีน้ำก้อนใหญ่ไหลมาจากภาคเหนือ
    มันก็เกิดคำถามว่า ทำไมกรมชลฯ ไม่รีบผันน้ำที่มีอยู่แล้วออกอ่าวไทยให้เร็วที่สุด
    เพื่อที่แม่น้ำแต่ละสายจะได้มีพื้นที่รองรับน้ำ
    เพราะอาจจะทำให้หนักเป็นเบาได้
    ทำไมไม่ใช้ประตูระบายน้ำแต่ละประตูให้เกิดประโยชน์ เมื่อไม่ใช้แล้วจะสร้างขึ้นมาทำไม

    คงไม่กล้ากล่าวโทษกรมชลฯ ที่เป็นผู้ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรงอยู่ขณะนี้
    ถ้าไม่เคยประสบกับเหตุที่กรมชลฯ เคยทำผิดพลาดมา
    ขอย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 ณ บ้านเกิด "จ.นครปฐม" ประสบกับปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก
    อันเพราะเกิดจากกรมชลฯ ไม่ระบายน้ำจากแม่น้ำสุพรรณบุรี เข้าสู่แม่น้ำท่าจีน
    เมื่อไม่ระบายก็เกิดการอั้น จนในที่สุด ประตูน้ำไม่สามารถรองรับน้ำได้อีก
    จึงตัดสินใจเปิดประตูน้ำกลางดึกตูมเดียว
    เข้าแม่น้ำท่าจีน ต.บางหลวง อ.บางเลน จมน้ำก่อนใคร พื้นที่ไร่นา บ้านเรือนอยู่ใต้น้ำ
    เจ้าของสวนกล้วยไม้บางรายถึงกับหมดตัว

    ถ้ากรมชลฯ มีแผนการทำงานที่ดีกว่านี้ ความเสียหายครั้งนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น.!!!

    ครั้งนี้ก็เช่นกัน กรมชลฯ รู้สึกตัวช้าเกินไป
    หรือกรณี "ประตูระบายน้ำบางโฉมศรี พัง" ยังคงต้องใช้เวลาอันยาวนานในการซ่อมแซม
    นี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่กันแน่ แล้วอย่างนี้ ประชาชนตาดำๆ เขาจะอยู่กันอย่างไร

    "ไม่รู้ว่าเหตุที่กรมชลฯ รู้สึกตัวช้า
    เพราะมัวแต่เตรียมจัดงานเลี้ยงให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุราช
    รวมถึงข้าราชการที่จะเกษียณอายุก็ปลดเกียร์ว่างตั้งแต่ 2 เดือนก่อนหรือเปล่า...."


    **************
    นรภัทร ตรีแดงน้อย ..รายงาน

    Link : ข่าวด่วน ประเด็นร้อน การเมือง เศรษฐกิจ บันเทิง กีฬา ต่างประเทศ อาชญากรรม ภูมิภาค สังคม ราชน้ำท่วมนั้นเพราะใครกัน--312739_34.html
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เท่าที่ผมติดตามการให้ข่าวเรื่องน้ำท่วมต่างๆมาหลายปี ผมเชื่อบุคคล หรือผู้เชี่ยวชาญเพียง 3 ท่านเท่านั้น (ท่านอื่นๆเอาไว้เป็นการรายงานสถานการณ์real time แต่ไม่สามารถนำเอาไปใช้เพื่อวางแผนได้ เพราะไม่ทันการณ์) คือ
    1.คุณปราโมทย์ ไม้กลัด
    2.ดร.เสรี ศุภราทิตย์
    3.ดร.สมิทธ ธรรมสโรช

    เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ช่วงตี 3 เศษๆ มีโอกาสได้ดูเทปการสัมภาษณ์ของดร.เสรีทางช่องอะไรจำไม่ได้แล้ว ท่านได้วิเคราะห์ และจำลองภาพในคอมฯให้ดูว่า หากน้ำมาที่ 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร มาอยุธยาท่วม 100% และปทุมธานีท่วม 90% และพูดถึงการท่วมในฝั่งตะวันออกมีเขตไหนบ้าง ..

    และเมื่อคืนนี้ ก็มีสัมภาษณ์คุณปราโมทย์ ไม้กลัด และดร.สมิทธ ธรรมสโรช ก็บอกเช่นกันว่า ท่านไม่เชื่อการให้ข่าวของกทม. ผู้สื่อข่าว ถามว่า แล้วบ้านอ.มีกั้นกระสอบทราย ก่ออิฐถือปูนบ้างหรือไม่ ท่านบอกว่า มี ก็ถามต่อว่า ทำสูงเท่าไหร่ ท่านก็บอกว่า เมตรกว่า และยังตุนเสบียงอาหารแห้งเอาไว้เพื่ออยู่ได้ 1 เดือน พร้อมเตาปิคนิค

    เรื่องของเรื่องจึงอุปมาดั่งเอาช่างประปาไปปะรองเท้า
     
  15. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เห็นด้วยครับเห็นด้วยเป็นเช่นนั้นจริงๆ
     
  16. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำลายวิถีน้ำ เหมือนดังทำลายตน


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>[​IMG]</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>




    </TD><TD vAlign=middle align=left><SCRIPT src="https://ssl.gstatic.com/webclient/js/gc/24479126-6666cb8c/googleapis.client__plusone.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

    <SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js"> {lang: 'th'}</SCRIPT>





    <TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย : ปิ่น บุตรี pinn109@hotmail.com


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=center>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วิกฤติน้ำท่วมเมืองไทยปีนี้ หนักหนาสาหัสนัก เป็นวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ที่กินพื้นที่ครอบคลุมไปทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ใน กทม.เมืองหลวง

    สำหรับการเกิดน้ำท่วมครั้งมโหฬารถล่มทลาย จนประชาชนเดือดร้อนไปแทบทุกหย่อมหญ้าในปีนี้ ปัจจัยหลักมาจากฝนฟ้า พายุ มรสุม ที่โหมกระหน่ำเข้ามา ในเขตภูมิภาคอินโดจีน มากเป็นพิเศษ ผิดแปลกไปจากวิถีธรรมชาติปกติ

    ซึ่งเมื่อย้อนไปดูถึงต้นตอ มันก็มาจากการกระทำของมนุษย์นั่นเอง โดยเฉพาะการตัดไม้ทำลายป่า ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ของทั้งปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง

    ส่วนปัจจัยเสริม มาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ และล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เรายังทำลาย “วิถีแห่งเมืองน้ำ” ที่บรรพบุรุษของเรา ได้สั่งสมภูมิปัญญาการกินอยู่ อาศัย ใช้ชีวิต กับสภาพธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยน้ำ ในที่ราบลุ่มสุวรรณภูมิ มานับร้อยนับพันปี

    วิถีน้ำ วิถีไทย

    “น้ำ” นอกจากจะเป็นดังชีวิตของคนทั่วโลกแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสยามประเทศ รวมไปถึงผู้คนในภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย

    น้ำ นอกจากจะไหลรี่จากที่สูงสู่ที่ต่ำเข้าสู่แม่น้ำ ลำธาร ห้วยหนอง คลองบึง แอ่งหนองต่างๆแล้ว วิถีแห่งน้ำ ยังแทรกซึมซอกซอนเข้าไปอยู่ในวิถีไทยเต็มไปหมด

    ไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม เกษตรกรรม งานศิลปะ บทเพลง งานสถาปัตยกรรม คติความเชื่อ และอื่นๆอีกมากมาย

    ยกตัวอย่างล่าสุด สดๆ ร้อนๆ กับเทศกาลงานออกพรรษา ที่หลายพื้นที่ ล้วนต่างมีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น บั้งไฟพญานาค ไหลเรือไฟ ลอยผาสาด ลากพระ หรืองานประเพณีแข่งเรือที่นิยมทำกันในช่วงน้ำหลากเช่นนี้

    ขณะที่ 2 งานประเพณีชื่อดัง ระดับเวิลด์อีเวนต์ของไทย อย่าง สงกรานต์ และลอยกระทงนั้น ต่างก็มีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้อง ด้วยทั้งสิ้น

    สุโขทัย - อยุธยา เมืองอิงน้ำ


    มีคำกล่าวกันมาช้านานแล้วว่า วิถีของคนไทยนั้นเป็นดังสายน้ำ คือสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และสภาพแวดล้อม ได้เป็นอย่างดี

    ในอดีต การสร้างบ้านสร้างเมืองของผู้คน ในสยามประเทศ และในสุวรรณภูมิ ล้วนต่างอิงลำน้ำเป็นหลัก

    ไล่ไปตั้งแต่ชุมชนเล็กๆ ไปจนถึงเมืองขนาดใหญ่ ที่ต้องอิงแม่น้ำลำธาร เป็นเส้นเลือดหลัก เพื่อเอาไว้สำหรับ กินดื่ม ประกอบอาหาร ทำความสะอาด อาบน้ำ ซักล้าง ทำการเกษตร และการสัญจรคมนาคม

    ผังเมืองสุโขทัยโบราณ ราชธานีแห่งแรกของไทยนั้น นอกจากจะอ้างอิงกับลำน้ำยมแล้ว ยังมีการประยุกต์ผังเมืองพระนครของขอม มาปรับใช้ มีการขุดบารายหรือสระขนาดใหญ่ตามคติจักรวาล

    และเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้สอย ทำการเกษตร เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใกล้ๆ กับเขตวัดพระพายหลวง ยาวไปตามแกนตะวันออก - ตะวันตก

    นอกจากนี้ ยังมีการทำ ทำนบ ทำคันกันดิน กั้นน้ำ เป็นเขื่อนโบราณ สำหรับกักเก็บน้ำ และผันน้ำตามธรรมชาติ จากลำคลองใหญ่น้อย เข้าเมืองอีกทางหนึ่ง

    นับเป็นภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ที่สามารถนำวิถีของสายน้ำตามธรรมชาติ มาใช้ประโยชน์ได้อย่างแยบยล

    มาถึงในสมัยอาณาจักรอยุธยา วิถีความเป็นเมืองน้ำ แห่งสยามประเทศ ปรากฏชัดเจนมาก เนื่องจาก ตำแหน่งของกรุงศรีอยุธยาเมืองหลวง ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ประมาณ 2 เมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเส้นเลือดหลัก กับคูคลองใหญ่น้อย อีกมากมาย

    ที่ราบลุ่มภาคกลาง เป็นพื้นที่รับน้ำสำคัญ ทุกๆ ปี ในช่วงหน้าฝน น้ำเหนือจะไหลบ่าลงมาพร้อมกับตะกอนธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ท่วมพื้นที่ราบลุ่มแห่งนี้ อยู่เป็นเวลาหลายเดือน

    ประชาชน ต้องปรับตัว เปลี่ยนมาใช้วิถีชีวิตที่ผูกสัมพันธ์กับสายน้ำ การสัญจร หันมาใช้เรือเป็นหลัก

    ขณะที่ บ้านเรือนของชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นบ้านเรือนไทยใต้ถุนสูง

    ยามปกติ ใต้ถุนจะใช้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เก็บเกวียน พักผ่อน และประกอบกิจกรรมสารพัดสารพัน

    แต่พอฤดูน้ำหลากท่วม พวกเขาจะปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอย มาไว้สำหรับจอดเรือแทน

    ครั้นพอน้ำลด ชาวบ้านก็กลับมาใช้วิถีชีวิตบนบก ที่ยังอ้างอิงกับสายน้ำอีกครั้ง นับเป็นวิถีปกติของคนไทยโบราณ ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ที่ดำรงคงอยู่ผูกพันกับสายน้ำ

    สามารถปรับตัวตามธรรมชาติ ใช้ชีวิตยามน้ำท่วมน้ำหลาก ได้อย่างเป็นปกติสุข และน่ายกย่องในภูมิปัญญา

    กรุงศรีอยุธยา ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ


    ประสบการณ์และภูมิปัญญาแห่งน้ำ ที่คนไทยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี ทั้งการเลือกวางผังเมือง ในพื้นที่ราบลุ่มน้ำ ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำแห่งภูมิภาค

    ทั้งการดำรงวิถีชีวิต ปรับตัวให้กลมกลืนกับวิถีแห่งสายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสัญจร การสร้างบ้านเรือน ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

    นอกจากนี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ยังมีการขุดคูคลองลัดเชื่อมลำน้ำ จากลำน้ำสายเล็ก ไปสู่ลำน้ำสายใหญ่ เพื่อนำไปสู่ทางออกทะเล

    ทำให้กรุงศรีอยุธยา กลายเป็นชุมทาง การคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ สามารถเดินเรือไปยังปากอ่าวไทย แล้วแผ่ขยายอำนาจ ลงไปจนถึงแหลมมลายูได้

    ขณะเดียวกัน ก็สร้างท่าเรือเศรษฐกิจไว้ที่ป้อมเพชร ให้เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้ามาเทียบท่า นำสินค้ามาค้าขาย แลกเปลี่ยน โดยนำลงใส่เรือเล็ก ลำเลียงผ่านประตูน้ำ เข้าไปขายในเมืองอีกที

    นั่นจึงทำให้ มีเรือสินสินค้า เรือเดินทะเลของชาวต่างชาติ แล่นเข้า - ออกมา ค้าขายสินค้ากันอย่างคึกคัก

    ส่งผลให้กรุงศรีอยุธยา มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าขาย อย่างมาก จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชีย ในสมัยนั้นเลยทีเดียว

    สำหรับภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็คือ การรู้จักใช้คุณประโยชน์จากน้ำ ตามสภาพธรรมชาติ ในการป้องกันข้าศึกศัตรู

    โดยมีการสร้างตัวเมือง สร้างกำแพงเมืองล้อมรอบไว้ นอกเขตพื้นที่น้ำหลาก เมื่อพม่ายกทัพมาล้อมเมือง ไม่สามารถตีบุกฝ่ากำแพงเมือง เข้าไปในเมืองได้ ก็ต้องล้อมอยู่ด้านนอก

    พอน้ำหลากมา ก็ท่วมข้าศึก ศัตรู ล้มตาย ทำให้ต้องยกทัพกลับไป ซึ่งมีบันทึกว่า พม่าได้ยกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ ถึง 6 ครั้งเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตาม แม้กรุงศรีอยุธยา จะรู้จักใช้ประโยชน์จากสภาพน้ำหลาก ให้เป็นประโยชน์ แต่เมื่อผู้ปกครองอ่อนแอ และมีคนไทยด้วยกันเอง ทรยศขายชาติ ไปเปิดประตูเมืองให้พม่า สุดท้าย ก็ทำให้ตัวเมืองกรุงศรีอยุธยา ถูกเจาะ ถูกตีแตก นำไปสู่การเสียกรุงในที่สุด

    วิถีเมืองน้ำพ่ายเมืองบก

    จากกรุงศรีอยุธยา ผ่านมาสู่ยุคกรุงธนบุรี และยุคกรุงรัตนโกสินทร์ คนไทย ยังยึดความเป็นเมืองแห่งน้ำ มาสร้างบ้านแปงเมือง เหมือนเดิม

    สมัยกรุงธนบุรี มีการเลือกทำเลเมือง “บางกอก” ตำบลเก่าแก่ ที่เจริญเติบโตมาในสมัยสุโขทัย ที่อยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา คลองลัดที่ขุดขึ้นมาใหม่ เป็นเมืองหลวง

    ต่อมา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ย้ายเมืองหลวง มาอยู่ทางฝั่งซ้าย ของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กรุงเทพมหานคร”

    บางกอกใหม่ หรือกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแม่น้ำลำคลอง ทั้งลำคลองธรรมชาติ และคลองขุดอีกมากมาย รวมแล้ว มีนับร้อยนับพันสาย ไหลเชื่อมโยงถึงกัน จนต่างชาติขนามนามให้เป็น “เวนิสตะวันออก” ที่โด่งดังไปทั่วโลก

    แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน วิถีเปลี่ยน

    สยามประเทศ ค่อยๆ เปลี่ยนจากเมืองน้ำ มาเป็นเมืองบก ตามแบบตะวันตก วิถีชีวิตเมืองน้ำในอดีต ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวิถีเมืองบก

    ถนน มาแทนที่แม่น้ำลำคลอง ทำให้แม่น้ำลำคลอง ถูกทอดทิ้งเน่าเสีย ลำคลองจำนวนมาก ถูกถมสร้างเป็นถนน รองรับจำนวนรถยนต์ ที่นับวัน มีแต่จะเพิ่มปริมาณมากขึ้น

    สังคมเกษตรกรรม ที่คนไทยเป็นหนึ่ง มีการสั่งสมภูมิปัญญามายาวนาน เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม แบบก้าวกระโดด

    ทั้งๆ ที่รากฐานเรายังไม่แน่น ภูมิปัญญายังไม่แกร่ง เป็นได้แค่เมืองผู้ผลิต ป้อนให้ต่างชาติเจ้าของภูมิปัญญา

    แต่ดูเหมือนว่า ภาครัฐกลับกระเหี้ยนกระหือรือ ต่อการเป็นนิคของไทย ภายใต้เงาที่ทาบทับ ของการคอรัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน

    พื้นที่รับน้ำทำการเกษตรกรรม ในที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะที่อยุธยา ถูกปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม

    ถนนคอนกรีต บ้านจัดสรร สิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก ถูกสร้างขึ้นมาขวางทางน้ำ บล็อกทางน้ำ แม่น้ำลำคลองหลายสายถูกถม ถูกรุกล้ำ ป่าไม้ถูกโค่นทำลาย

    ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ โดยเฉพาะ ภูมิปัญญาแห่งเมืองน้ำ ที่เคยเป็นเอกอุ แห่งสยามประเทศ ถูกละเลย ถูกหลงลืม และถูกทอดทิ้ง

    จากน้ำท่วม ที่เคยเป็นมิตรในอดีต ได้กลายเป็นวิกฤตแห่งยุคสมัย ซึ่งหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ที่เป็นดังฝันร้ายผ่านพ้น รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง จำเป็นต้องมีวาระแห่งชาติในการรับมือกับน้ำ ในปีต่อๆ ไป

    โดยอย่ามุ่งมองไปที่เมกะโปรเจกต์ โครงการหมื่นล้าน แสนล้าน เพื่อที่จะหวังเงินใต้โต๊ะแต่อย่างเดียว

    แต่หากควรมองไปถึง ภูมิปัญญาบรรพบุรุษ ว่า ที่ผ่านมาคนไทยเรา มีวิถีผูกพันกับสายน้ำ ใช้ชีวิตร่วมกับสายน้ำอย่างกลมกลืน และมีความสุขอย่างพอเพียง มาได้อย่างไร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. udd

    udd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +50
    โทษกันไป โทษกันมา พูดไปแล้วได้ประโยชน์อะไร มนุษย์ตัวกะจ้อยอย่างพวกเรา หรือจะอาจหาญต่อกรกับธรรมชาติ อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด เอาเวลาที่จะมาวิจารณ์กัน โทษกัน ไปช่วยเหลือผู้คนที่เขาเดือดร้อนดีกว่าไหม ช่วยกันหาทางป้องกันในอนาคต นั่นคือวิถีทางของผู้ที่มีจิตที่เจริญแล้ว จะเสื้อเหลือง เสื้อแดง มันก็แค่สิ่งที่มาห่อหุ้มร่างกายป้องกันความหนาวเย็นเท่านั้น อุปทานกันไปเอง "ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้ง กาย วาจา ใจ(ละบาป) หมั่นทำความดีงาม(สร้างบุญ) รักษาจิตใจให้ขาวรอบ(รักษาตน) นั่นแหละหนทางแห่งอริยชน" แต่ถ้าทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา เราก็เป็นได้แค่คนพาล
     
  18. มหาหงษ์

    มหาหงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,093
    ไม่เอาน่า อย่าไปอิงการเมืองเลยนะครับ เีรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ตอนนี้ก็ต้องระดมกำลังมันสมองช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้ผ่านพ้นไปได้ โดยได้รับความเสียหายน้อยที่สุด ผิดก็ต้องยอมรับว่าผิด คนไทยมีน้ำใจครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนอยากเห็นบรรยากาศการร่วมกันแก้ไขปัญหาจากทุกๆฝ่ายครับ
     
  19. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ผู้ว่าข้อร้องกรมชลประทานทุกวัน แต่กลับไม่มีผล!

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ตะวันตก ขณะนี้น้ำจากเหนือที่ไหลลงมาได้ระบายลงสู่นครปฐม และลงแม่น้ำท่าจีน ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวยังไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนพื้นที่ตะวันออก ระดับน้ำขึ้นประมาณ 2 เซนติเมตร แม้คนในพื้นที่จะเดือดร้อนแล้ว แต่ยังไม่วิกฤตมาก อย่างไรก็ตาม ที่น่าห่วงที่สุด คือ พื้นที่ทางเหนือของ กทม. บริเวณเขตสายไหม เขตดอนเมือง เนื่องจากประตูน้ำคลอง 1 ยังคงเปิดอยู่ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะมีผลต่อการระบายน้ำของคลอง 6 วา เพราะหากยังเปิดอยู่เรื่อยๆ ระดับน้ำในคลองจะเพิ่มสูงขึ้นวันละ 2 เซนติเมตร ซึ่ง 5 วันก็เป็น 10 เซนติเมตรแล้ว สุดท้ายจะไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สายไหม ดอนเมือง แต่จะส่งผลต่อพื้นที่ฝั่งตะวันออกของ กทม.ด้วย จากการระบายของคลอง 6 วาไปตามตรอกซอยที่มีคลองต่างๆ อีกด้วย ตรงนี้จะเป็นปัญหามาก หากกรมชลประทานไม่ยอมปิดประตูน้ำคลอง 1 เสียที

    “เราขอร้องกรมชล ประทานทุกวัน แต่กลับไม่มีผล ซึ่งหากไม่ปิดก็ไม่เป็นไร แต่จะส่งผลกระทบต่อคน กทม.แน่ๆ ดังนั้น เราจึงต้องพึ่งตัวเอง โดยได้ขอความร่วมมือกับกองทัพบก ได้ส่งทหาร 50 นายมาช่วยทำคันกั้นน้ำบริเวณคลอง 6 วา ยาว 6 กิโลเมตร สูง 1 เมตร เพื่อป้องกันแล้ว โดยจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อพี่น้องชาวสายไหม ดอนเมือง รวมทั้งพื้นที่ตะวันออกด้วย” ผู้ว่าราชการ กทม.กล่าว

    ...............................................
     
  20. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ไม่อยากคุยเรื่องการเมืองเหมือนกัน ขอความกรุณาเพื่อนๆจะคุยการเมืองให้ไปที่อื่นเลย
    ครับ ที่นี่เว็ปพุทธศาสนา ถ้ามีคนเริ่มมันก็ต้องมีคนต่อ ฉนั้นอย่าเริ่มเรื่องการเมืองจะดีที่สุด
    เพื่อความสงบของเว็ปแห่งนี้น๊ะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...