น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. สาวกสังโฆ

    สาวกสังโฆ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12

    ท่าน ขอแนะนำว่าควรจะศึกษาจากพระไตรปิฎกซึ่งเป็นหลักฐานชั้นต้นก่อน

    เมื่อจับหลักได้แล้ว จึงค่อยศึกษาตำราที่เป็นหลักเป็นฐานชั้นรองๆมา

    มิฉะนั้น ผู้ที่ไม่มีพื้นเลยอาจเข้าใจในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคลาดเคลื่อนได้

    ตัวอย่าง ก็มีให้เห็นๆ อยู่ อย่างผู้ใช้ชื่อล๊อคอินว่า เตชปัญโญ นี้

    ไม่ศึกษาพระคัมภีร์ชั้นต้นให้ดี แต่ดันมาเด็ดเอาแต่ยอดที่อาจารย์รุ่นหลังรวบไว้

    รากฐานทางคำสอนที่ถูกต้อง จึงถูกบิดเบือนกันเห็นๆ เป็นมิจฉาทิฏฐิชัดๆ

    การศึกษาที่มั้นคงควรเริ่มจากรากฐาน เพราะหากมาเด็ดเอายอดเลยอาจถูกกิ่งที่กลายพันธู์ ด้วยว่าไปเอายอดของคำสอนอื่นมาเสียบอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ ว่าเป็นพันธุ์ไหน !
     
  2. สาวกสังโฆ

    สาวกสังโฆ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12
    มิจฉาทิฏฐิ ๑๐ ประการ เป็นอย่างไร คือ


    เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิมีความเห็นวิปริตว่า

    ๑. ทานไม่มีผล
    ๒. การบูชาไม่มีผล
    ๓. การเซ่นสรวงไม่มีผล
    ๔. วิบากผลแห่งกรรมในการทำดีทำชั่วไม่มี
    ๕. โลกนี้ไม่มี
    ๖. โลกหน้าไม่มี
    ๗. คุณแม่ไม่มี
    ๘. คุณพ่อไม่มี
    ๙. สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะไม่มี
    ๑๐. สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ
    ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ไม่มีในโลก

    ที่มา-พระไตรปิฎก (มจร.) ๑๑/๓๔๒/๓๕๖.



    คติที่ไปของผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างไร


    พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า

    "ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรากล่าวว่า มีคติอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ
    นรก หรือ กำเนิดเดรัจฉาน"

    ที่มา-พระไตรปิฎก (มจร.) ๙/๕๐๙/๒๒๔.
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    หลักความเชื่อในพุทธศาสนา

    ๑. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ฟังจากคนอื่นเขาบอกต่อๆกันมา

    ๒. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ได้เห็นเขาทำสืบๆกันมา

    ๓. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า กำลังเป็นที่เลื่องลือกันอยู่อย่างกระฉ่อน

    ๔. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีที่อ้างอิงจากตำรา

    ๕. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีเหตุผลตรงๆทางมารองรับ(ตรรกะ)

    ๖. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีเหตุผลแวดล้อมมารองรับ(นัยยะ)

    ๗. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า คิดเดาเอาตามสามัญสำนึกของเราเอง

    ๘. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มันตรงกับความเห็นเดิมที่เรามีอยู่

    ๙. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ผู้บอกผู้สอนนั้นอยู่ในฐานะที่น่าเชื่อถือ

    ๑๐. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ผู้บอกผู้สอนนี้เป็นครูอาจารย์ของเราเอง

    เมื่อใดที่เรารู้ด้วยตนเองว่า ธรรม(คำสอน)เหล่านี้เป็นอกุศล(ผิด, ไม่ดีงาม), ธรรมเหล่านี้มีโทษ, ธรรมเหล่านี้วิญญูชน (ผู้มีสติปัญญาและมีใจเป็นกลาง) ติเตียน, ธรรมเหล่านี้ถ้ากระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล พึงละเว้นธรรมเหล่านี้เสีย

    ส่วนธรรมเหล่าใด ที่เรารู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล(ถูกต้อง,ดีงาม) ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ, ธรรมเหล่านี้ถ้ากระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล พึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น.

    -----------------------------------------------
    แจ้งเวบไซต์ทำลายหรือบิดเบือนคำสอนพุทธศาสนาได้ที่นี่...ด่วน

    http://www.onab.go.th/

    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

    e-Mail : webrad@emisc.moe.go.th


    ------------------------------------------------​

    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com )

     
  4. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ปัญญาจากความคิด มันก็เป็นปัญญาเหมือนกัน แต่มันพ่ายแพ้กิเลส เมื่อยังพ่าย ความเศร้าหมองย่อมปรากฎ เหตุแ่ห่งการเกิด ยังดำรงอยู่

    คุณเตช เป็นคนมีปัญญา หากลองสละเวลาไปบำเพ็ญเพียร ตามสถานสัพปายะ คงจะเห็นตามจริง เห็นความจริง เพื่อไปเปรียบเทียบกับความคิดของตนเองได้ ลองสิครับ ลองดูว่าผลมันเหมือนกับที่คิดไว้ไหม ^-^ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2008
  5. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    จุดเริ่มต้นในการศึกษาคำสอนระดับสูงของพระพุทธเจ้า

    ๑. ยอมรับหรือไม่ว่า
     
  6. สาวกสังโฆ

    สาวกสังโฆ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12

    คนเป็นมิจฉาทิฏฐิเสียแล้ว จะคิด จะพูด จะทำอะไร มันก็มีรากมาจากมิจฉาทิฏฐิอยู่วันยังค่ำ


    คติที่ไปของผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเป็นอย่างไร


    พระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า

    "ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรากล่าวว่า มีคติอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ
    นรก หรือ กำเนิดเดรัจฉาน"


    ที่มา-พระไตรปิฎก (มจร.) ๙/๕๐๙/๒๒๔.


    ถ้ายังไม่ละมิจฉาทิฏฐินี้ แถมยังเที่ยวเอามาแพร่ระบาดสู่คนอื่น

    ตายไปก็จะรู้เอง ว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยเจ้าทั้งหลายกล่าวไว้นั้นเป็นของจริง อีกไม่นานเกินรอหรอก เพราะตอนนี้จิตเจ้าเศร้าหมองมากแล้ว
    รอแต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะมาถึงเท่านั้น เจ้าทำกรรมหนักไว้ เจ้าจะปรากฏด้วยกรรมของเจ้าเอง มินานเกินรอแน่
     
  7. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ...................................................................................

    (แอบถาม-ตอบ.. แทนใคร สักคน)
    (อันนี้ ผมก็ เลว ในกรรมบท 10 วาจาส่อเสียด แต่ ก็ขอยอมเลว ละ)

    ...................................................................................

    ตายแล้ว สูญ.. สลาย หายไปหมด....
    นรก มันก็ไม่มี.. ก็เรา มันมองไม่เห็น นี่นา....

    จะอย่างไร.. เรา ก็ไม่กลัว..ม่ต้องมา ขู่ กันดอก....

    ก็ นรก เราเอง มันยังมองไม่เห็น นี่นา....
    นรก มันก็คงจะไม่มี จริง ๆ ตามความคิดเห็นของเรา ก็ได้

    แต่ทว่า.. เอ.. เจ้าสัตว์เดรัจฉาน นี่ ทำไม มันจึง มีจริง
    แล้วมันมี เหตุ อะไร.. ผล จึงมี สัตว์เดรัจฉาน กันละนี่..

    ทำไม โลก จึงไม่มีเพียงแต่ คน เท่านั้น..
    ทำไม จึงมี สัตว์เดรัจฉาน มาได้อย่างไร..

    หรือว่า....

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2008
  8. namaste

    namaste Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +55
    โอย เจ็บปวดใจ
    ถึงว่าสิ เราโตมาโดยที่ไม่รู้ถึงธรรมะที่แท้จริงได้ยังไง เรียนตั้ง 6 ปี
    ยังเข้าใจผิดๆถูกๆ
     
  9. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ๑. ยอมรับหรือไม่ว่า​
     
  10. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    การพิจารณาเห็นสังขารเป็นอนัตตา เพราเหตุไร จึงเว้นโยนิโสมนสิการไม่ได้


    เพราะเว้นโยนิโสมสิการแล้ว อาจตกไปในอำนาจของนัตถิกทิฏฐิได้ เมื่อทิฏฐิเช่นนี้ครอบงำ ย่อมเห็นว่าผลบุญผลบาปไม่มี โลกนี้โลกหน้าไม่มี โอปปาติกสัตว์ไม่มี คุณพ่อคุณแม่ไม่มี เป็นแต่สมมติเท่านั้น กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ยากจะถอนขึ้นได้
    ความเห็นอนัตตา จึงจำเป็นต้องมีโยนิโสมนสิการกำกับ จะได้กำหนดรู้สัจจะทั้ง ๒ มีสมมติสัจจะ และปรมัตถสัจจะ เป็นการรู้เหตุผลจริงแท้ทั้งตื้นแลลึกกว่ากัน จะได้ไม่เอามาค้านกัน ฯ


    .
     
  11. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26

    พวกอุจเฉทวาทะ คือมีความเห็นว่าตายแล้วสูญ เป็นมิจฉาทิฏฐิ


    มีพุทธพจน์มาในสีลขันธวรรค พรหมชาลสูตร ความว่า


    “สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้มีวาทะ มีทรรศนะอย่างนี้ว่า
    ‘ท่านผู้เจริญ อัตตานี้มีรูปมาจากมหาภูตรูป ๔ เกิดจากบิดามารดา
    หลังจากตายแล้วอัตตาย่อมขาดสูญพินาศ ไม่เกิดอีก ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อัตตานี้จึงขาดสูญเด็ดขาด’
    สมณพาหมณ์พวกหนึ่งบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์อย่างนี้


    พวกที่มีวาทะว่า หลังจากตายแล้วอัตตาขาดสูญ บัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ และความไม่เกิดอีกของสัตว์
    ข้อนั้นเป็นความเข้าใจของพวกเขาผู้ไม่รู้ไม่เห็น เป็นความแส่หา ความดิ้นรนของคนมีตัณหาเท่านั้น"


    ที่มา-พระไตรปิฎก มจร. ๙/๘๕,๑๑๔/๓๔,๔๑.
     
  12. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ๑. ยอมรับหรือไม่ว่า​
     
  13. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
  14. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    เดียรถีย์ปลอมบวชบิดเบือนพระสัทธรรม


    ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มีพวกเดียรถีย์เข้ามา(ปลอม)บวชในพระพุทธศาสนา
    ต่างพากันสั่งสอนลัทธิของตนว่าเป็น(พุทธ)ธรรม เป็นวินัย


    เดียรถีย์บางพวกก็โกนหัว นุ่งห่มผ้ากาสายะปลอมบวช เที่ยวไปตามวิหาร
    เข้าร่วมทำอุโบสถ เข้าร่วมทำสังฆกรรม
    ภิกษุทั้งหลายจึงไม่ทำอุโบสถกับพวกปลอมบวชเหล่านั้น


    ในครั้งนั้น ภิกษุสงฆ์ไม่ได้ทำอุโบสถ ไม่ได้ทำปวารณากันถึง ๗ ปี
    พระเจ้าอโศกมหาราชทรงทราบ จึงรับสั่งให้อมาตย์คนหนึ่งไประงับอธิกรณ์ สั่งให้ภิกษุสงฆ์ทำอุโบสถกัน...


    พระเจ้าอโศกชำระพวกมิจฉาทิฏฐิ


    ต่อมา พระเจ้าอโศกมหาราชมีรับสั่งให้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ประชุมกันในอโศการาม
    ให้กั้นม่านเป็นห้องๆ ให้พวกภิกษุที่สอนลัทธิอย่างเดียวกันอยู่รวมกัน
    แล้วรับสั่งให้นิมนต์มาทีละรูป ตรัสถามว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนว่าอย่างไร”
    ตรัสสอบถามทุกรูป ทั้งพวกที่เข้ามาบวชอย่างถูกต้องตามพระธรรมวินัย ทั้งพวกที่ปลอมบวช

    พวกที่ปลอมบวชแล้วสอนสัสสตทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนสัสสตทิฏฐิ”
    พวกที่สอนเอกัจจสัสสตทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเอกัจจสัสสตทิฏฐิ”
    พวกที่สอนอันตานันติกทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอันตานันติกทิฏฐิ”
    พวกที่สอนอมราวิกเขปิกทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอมราวิกเขปิกทิฏฐิ”
    พวกที่สอนอธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ”
    พวกที่สอนสัญญีทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนสัญญีทิฏฐิ”
    พวกที่สอนอสัญญีทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอสัญญีทิฏฐิ”
    พวกที่สอนเนวสัญญีทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเนวสัญญีทิฏฐิ”
    พวกที่สอนอุจเฉททิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอุจเฉททิฏฐิ”
    พวกที่สอนทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ก็ตอบว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ”

    พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงทราบว่า “ท่านเหล่านี้ ไม่ใช่ภิกษุ แต่เป็นพวกเดียรถีย์”
    เพราะพระองค์ได้ทรงศึกษาหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน
    จึงทรงพระราชทานผ้าขาวให้พวกเดียรถีย์เหล่านั้นแล้วให้สึก
    พวกเดียรถีย์ที่ปลอมบวช สึกในครั้งนั้นมีจำนวน ๖๐,๐๐๐ คน


    ที่มา-พระไตรปิฎก (มจร.) เล่มที่ ๗ หน้าที่ [๕๕-๕๗]



    หากคุณเตชปัญโญยังไม่เข้าใจว่าทิฏฐิเหล่านี้คืออะไร หมายความว่าอย่างไร

    อย่าริอ่านสอนธรรมขั้นสูงให้แก่ใครหลงผิดอีกเลย มันจะมีโทษมากกว่ามีคุณ
     
  15. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    <TABLE class=tborder id=post1661551 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>เตชปญฺโญ ภิกขุ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1661551", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Oct 2006
    ข้อความ: 372
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 68 [​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1661551 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->หลักความเชื่อในพุทธศาสนา

    ๑. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ฟังจากคนอื่นเขาบอกต่อๆกันมา

    ๒. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ได้เห็นเขาทำสืบๆกันมา

    ๓. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า กำลังเป็นที่เลื่องลือกันอยู่อย่างกระฉ่อน

    ๔. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีที่อ้างอิงจากตำรา

    ๕. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีเหตุผลตรงๆทางมารองรับ(ตรรกะ)

    ๖. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มีเหตุผลแวดล้อมมารองรับ(นัยยะ)

    ๗. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า คิดเดาเอาตามสามัญสำนึกของเราเอง

    ๘. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า มันตรงกับความเห็นเดิมที่เรามีอยู่

    ๙. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ผู้บอกผู้สอนนั้นอยู่ในฐานะที่น่าเชื่อถือ

    ๑๐. อย่าเชื่อและรับเอามาปฏิบัติด้วยเหตุเพียงสักว่า ผู้บอกผู้สอนนี้เป็นครูอาจารย์ของเราเอง

    เมื่อใดที่เรารู้ด้วยตนเองว่า ธรรม(คำสอน)เหล่านี้เป็นอกุศล(ผิด, ไม่ดีงาม), ธรรมเหล่านี้มีโทษ, ธรรมเหล่านี้วิญญูชน (ผู้มีสติปัญญาและมีใจเป็นกลาง) ติเตียน, ธรรมเหล่านี้ถ้ากระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล พึงละเว้นธรรมเหล่านี้เสีย

    ส่วนธรรมเหล่าใด ที่เรารู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล(ถูกต้อง,ดีงาม) ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ, ธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ, ธรรมเหล่านี้ถ้ากระทำถึงมาตรฐานของมันแล้ว เป็นไปเพื่อความสุข เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล พึงเข้าถึงธรรมเหล่านั้น.

    -----------------------------------------------​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ..............................................................................................

    <TABLE class=tborder id=post1684827 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ลัก...ยิ้ม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1684827", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 2,152
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 1212 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1684827 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อย่าเชื่อใคร
    โดยเฉพาะ.. เตชปญฺโญ ภิกขุ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1675469", true); </SCRIPT>


    ................................................................

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ................................................................................................
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การทำลายความเห็นผิด ว่าจิตเป็นเราก็ดี การทำลายความยึดมั่น ว่าจิตเป็นเราก็ดี ทำไม่ได้ด้วยการคิดๆ เอา ว่าไม่มีตัวกู-ของกู เพราะคิดอย่างไรก็คือ กูคิด-กูรู้ อยู่นั่นเอง แต่ทำได้ด้วยการเจริญสติปัฏฐานให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้น <O:p</O:p
    ผมเคยไปนั่งพับเพียบจับเข่าท่านอาจารย์พุทธทาสแล้วเรียนถามท่านว่า <O:p</O:p
    "ท่านอาจารย์เขียนหนังสือตั้งมากมาย ถ้าผมอ่านให้หมด แล้วคิดตาม ผมจะรู้ธรรมได้หรือไม่" <O:p</O:p
    ท่านตอบว่า "ไม่รู้หรอก" <O:p</O:p
    ผมจึงถามท่านว่า "แล้วทำอย่างไรจึงจะรู้ธรรม" <O:p</O:p
    ท่านตอบว่า "ต้องเจริญสติเอาเอง" <O:p</O:p
    กล่าวแล้ว ท่านอาจารย์ก็กำหนดสติรู้ลมหายใจของท่าน <O:p</O:p
    ความเห็นว่าจิตเป็นเรา อันจัดเป็นสักกายทิฏฐินั้น ไม่สามารถล้างได้ด้วย การคิด ว่าจิตไม่ใช่เรา แต่จะขาดได้ด้วย ความรู้ชัด ว่าจิตไม่ใช่เรา และความรู้ชัดนั้น จิตเขาต้องรู้ชัดของเขาเอง ผู้ปฏิบัติทำได้เพียงการเจริญสติสัมปชัญญะ รู้สภาวธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงเท่านั้น <O:p</O:p

    จากบางส่วนของ หนังสือวิมุตติปฏิปทา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2008
  17. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    เฮ้ยยยย....... ทำไมมันยากลำบากเหลือเกินแล้วอย่างนี้เด็กที่ไหนจะสนใจศึกษาธรรมะ

    ตกลงอย่างไรงงไปหมด

    สงสัยผมต้องบรรลุธรรมมั้งถึงจะเข้าใจ

    อย่าเชื่อใคร แต่ผมเชื่อพุทธองค์
     
  18. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    "อย่าเชื่อใคร แต่ผมเชื่อพุทธองค์"

    *************
    ***แน่นอนว่าใครๆก็จะพูดเช่นนี้กันทั้งนั้น***

    ***แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า "คำสอนใดเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์?"***
    ---------------------

    ***ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้า ก็ต้องไม่เชื่อพระพุทธเจ้า***

    -----------------------------------
    (ฉันคืออะไร? = เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com ) ​
     
  19. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    คนฉลาดจะใช้หลักกาลามสูตร 10 ในการพิจารณาก่อนเชื่อ

    ถ้าพิจารณาแล้วว่า เห็นควร ก็ควรเชื่อ ยิ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ายิ่งควรเชื่อ

    คนทั่วไป มักสับสนในการใช้หลักกาลามสูตร 10 นั่นคือ เอาไปใช้โดยขาดปัญญา

    ยกตัวอย่าง พระพุทธเจ้าบอกว่า นิพพานมีจริง แต่เมื่อเรายังไม่เคยไปนิพพาน เมื่อเราทดลองตามหลักกาลามสูตร 10 อย่างไร ก็จะไม่มีวันเจอพระนิพพาน เพราะต้องพากเพียรปฏิบัติหลายชาติ

    เมื่อเราทำตามกาลามสูตร 10 แล้วไปไม่ถึงนิพพาน เราก็จะเชื่อตัวเองว่า นิพพานไม่มีจริง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผิด

    กาลามสูตร 10 ต้องใช้ควบคู่กับปัญญา

    บางคน คิดว่าพระไตรปิฎกมีการแต่งเติมเข้ามาภายหลัง แต่ต้องไม่ลืมว่า พระอริยสงฆ์ทั้งหลายของไทย "จบกิจ" จากการศึกษาผ่านพระไตรปิฎกทั้งสิ้น

    พิจารณาเอาเองเถิดว่า อะไร "จริง" หรือ "ลวง" อย่าคิดเยอะ เพราะ "ธรรมะ" มาจาก "ธรรมชาติ"

    โมทนาครับ
     
  20. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    นำมาฝากค่ะ จากหนังสือ ปฐมธรรมยาน


    แม้โลกกว้าง ทางไกล ใจต้องสู้
    ควรตั้งอยู่ ในคุณธรรม เพื่อนำผล
    อุปสรรค มากมาย กายทุกข์ทน
    จะดิ้นรน ฟันผ่า ก้าวหน้าไป

    ..............................................................................

    ความรู้แจ้ง เห็นจริง สิ่งนี้นั้น
    ตอบรอบรู้ เบญจขันธ์ หมั่นศึกษา
    รู้ในรูป รู้ใน เวทนา
    รู้ในสัญญา รู้สังขาร วิญญาณครอง

    ..............................................................................


    จบ เจนเรียนรอบรู้ศึกษา
    แก่น โลกแก่นธรรมหาพบแล้ว
    ไตร รัตน์จะเกิดปรากฎที่ใจแฮ
    ภพ ชาติที่ขาดแล้วรอดพ้นบ่วงมาร

    ...............................................................................

    สาธุฯ ขอโมทนาบุญทุก ๆ ท่าน ค่ะ;aa12
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...