น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ทั้งหมดนี่มาจากแสงส่องใจที่สมเด็จพระสังฆราชทรงพระนิพนธืไว้เนื้อหาเกี่ยวกับพระนิพพานก็ขอผู้มีปัญญาดูเอานะครับจะเชื่อพระสังฆราชนักปฏิบัติและนักปริยัติ หรือ พระอลัชชีที่วันๆเอาแต่ยกตนว่าข้าเก่งข้าสุดยอดบวชมาเสียข้าวสุก ถ้าการอุทิศส่วนกุศลไม่มีทำไมพระพุทธเจ้าต้องให้พระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย จะว่าพระพุทธเจ้าไม่สอนได้อย่างไร หรือว่าพระพุทธเจ้าโกหกให้พระเจ้าพิมพิสารสบายใจเท่านั้นหรือครับ งั้นจะทรงให้สวดอยัญจะโขเพื่ออุทิศให้ผีเปรตทำไม อลัชชีผู้นี้บวชกับศาสนาพระตถาคตไม่รู้บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนกลับมาสอนผิด ก็ดูเอาเองนะครับว่าพระชั่วๆแบบนีร้จะปล่ยให้ลอยหน้าในสังคมได้หรืออย่างไร

    *****************

    ***นี่ก็มาด้วยความโกรธเต็มที่ เพราะยึดถือว่ามีตัวกู-ของกู..เต็มพิกัด***

    ***ก็เชื่อตามคนอื่น หรือว่าตามตำราอีกเหมือนเดิม***

    ***ส่วนธรรมะของตัวเองก็คือไฟที่แผดเผาจิตตัวเองนั่นเอง(นรก)***

    ***ลองไปอ่านหลักกาลามสูตรดูให้เข้าใจเสียก่อน แล้วค่อยมาสนทนากัน***

    ***แต่ต้องสนทนากันอย่างสุภาพบุรุษ ด้วยจิตที่เมตตาต่อกัน เท่านั้น***

    ***ไม่อย่างนั้นไม่เกิดประโยชน์ เดี๋ยวจะตกนรกน๊ะจ๊ะ ... จะบอกให้***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    นมัสการ

    ที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ณบารมีทศชาติ
    จนเข้าชาติสุดท้าย ทรงตรัสรู้ธรรมเอก บรรลุพระสัมโพธิญาณ แจ้งในนิพพาน.

    ข้อนี้ ชี้ให้เห็นการเป็นเหตุ เป็นปัจจัย มิได้ตายแล้วสูญนะท่าน
    แต่เป็นการส่งต่อกรรม ข้ามภพ ข้ามชาติ
    หมายความว่า จิตนั้นมีอยู่ ร่างกายเป็นแค่ที่อาศัย.
    ที่จริง เรื่องนี้ ใครๆก้ทราบดี
    ท่านเป็นภิกษุผู้บวชเรียน เหตุใดจึงมุสา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบช้อข้องใจโดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ที่พระพุทธเจ้าบำเพ็ณบารมีทศชาติ
    จนเข้าชาติสุดท้าย ทรงตรัสรู้ธรรมเอก บรรลุพระสัมโพธิญาณ แจ้งในนิพพาน.

    ข้อนี้ ชี้ให้เห็นการเป็นเหตุ เป็นปัจจัย มิได้ตายแล้วสูญนะท่าน
    แต่เป็นการส่งต่อกรรม ข้ามภพ ข้ามชาติ
    หมายความว่า จิตนั้นมีอยู่ ร่างกายเป็นแค่ที่อาศัย.
    ที่จริง เรื่องนี้ ใครๆก้ทราบดี
    ท่านเป็นภิกษุผู้บวชเรียน เหตุใดจึงมุสา


    ****************

    **สงสัยเพิ่งตื่น คงไม่เคยศึกษาหลักกาลามสูตรมาก่อน***

    **คงติดตำรามากไป หรือไม่ก็ชื่อครูอาจารย์เสียจนสูญเสียสติปัญญาของตนเอง***

    ***พระพุทธเจ้าก็สอนอยู่ว่า อย่าเชื่อจากตำรา เพราะตำรามันอาจถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนได้***

    **อย่าเชื่อจากครูอาขารย์ เพราะท่านอาจมีความเห็นผิดมาก่อนแล้วก็ได้***

    **เมื่อไรจะตาสว่างกันเสียที**

    **ค้นหาตัวเองให้พบแล้วจะตาสว่าง***

    *** www.whatami.net ***<!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นมัสการ ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
    ท่านยังไม่ตอบคำถามเลย (ถามเป็นครั้ง 3)
    รู้ของท่านเป็นปัญญาจากการฟัง ปัญญาจากการจินตนาการตาม เป็นปัญญาในระดับคิดๆ หรือปัญญาเห็นจริงประจักษ์แจ้งด้วยจิต
    ท่านมีเป้าหมายใดในชีวิตท่าน
    ท่านได้มีโอกาสบวชเรียนแล้วท่านหวังอริยเจ้าสมบัติหรือไม่
    ท่านมีเป้าหมายทำนิพพานให้แจ้งหรือไม่

    พระศาสดากล่าวไว้ว่า
    ก่อนตรัสรู้พระองค์เจริญอานาปานสติ
    หลังตรัสรู้พระองค์ทรงอานาปานสติ

    ใครก็ตามที่เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ให้ตลอดเขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่งคือพระอรหัตผลในปัจจุบันหรือถ้ายังมีอุปาทานเหลืออยู่ก็เป็นพระอนาคามีภายในเวลา ๗ ปี หรือ ๖ ปี หรือ ๕ ปี หรือ ๔ ปี หรือ ๓ ปี หรือ ๒ ปี หรือ ๑ ปี หรือ ๗ เดือน หรือ ๖ เดือน หรือ ๕เดือน หรือ ๔ เดือน หรือ๓ เดือน หรือ ๒ เดือน หรือ ๑ เดือน หรือ ๑๕ วัน หรือ ๗ วัน
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    แน่นอนครับ
    หลักกาลามสูตร กระผมน้อมนำจำขึ้นใจ
    ถึงได้มาสนทนากับท่าน เพราะเหตุคำกล่าวอ้างของท่าน
    เหตุผลฟังไม่ขึ้น เป็นเพียงแค่ยกขึ้นลอยๆ ตั้งสมมุติฐานเอาเอง
    จับโน่นมาแปะนี่ แล้วสรุป โดยขาดโยนิโส
    ท่านเป็นภิกษุ ผู้บวชเรียน
    จะสอนธรรมคฤหัส ธรรมนั้น ท่านต้องพิสูจน์ได้ เข้าใจท่องแท้
    ปุถุชน ปุฉามา
    ท่าน ก็วิสัฉนาไป
    ไม่ใช่ ตอบไม่ได้ ก็ไปกล่าวว่าเขาพาลบ้าง กวนบ้าง
    แสร้ง ตอบกำกวมให้ดูว่ามีปัญญาเข้าใจสัจธรรมบ้าง..

    ผมจะบอกอะไรให้
    ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นอกาลิโก
    พิสูจน์เมื่อไรก็ได้
    ไม่ผิดเพี้ยนเลย หรือ คลาดเคลื่อนเลย

    แล้วท่านล่ะครับ
    ผ้าเหลืองท่านได้แต่ใดมา..

    ถ้าคำพูดล่วงเกินท่าน ก็ให้ทราบว่าจงใจ แต่ไม่มีเจตนาร้ายครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณ k.kwan

    คุณถามอีก10ครั้ง ภิกษุท่านนี้ก็ไม่ตอบหรอกครับ
    เพราะ พิสูจน์ไม่ได้

    ผมตอบให้เลย
    ปัญญาเกิดจากสมมุติฐานตัดแปะ คิดขึ้นลอยๆ ไม่ใช่ปัญญาทางสภาวะธรรมแท้

    ผู้ที่กล่าวเรื่องวาระจิตได้ เข้าใจปฏิกิจสมุทบาท คือ ผู้ที่พิสูจน์มาแล้วทั้งนั้น ครับ
    ถามท่านสิครับ สติปัฏฐานสี่ปฎิบัติอย่างไร...
    ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  7. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    อ้าว.....แล้วกัน ไปๆ มาๆ จากที่สอนว่า นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี ตอนนี้กลับหยิบยกมาเตือนคนอื่น

    มันยังไงกันแน่ละเนี่ย ตกลง นรกมีหรือไม่มีกันหนอท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ


    .
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นมัสการ ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
    ***ไม่มีอาตมา ไม่มีโยม ทุกสิ่งเป็นมายา***
    ธรรมะของท่านคือไม่มี โลกก่อน โลกนี้ โลกหน้า ไม่มี ใช่หรือไม่
    โลกก่อน โลกหน้า ละไว้ไม่ขอพูดถึง ขอพูดถึงโลกนี้ ปัจจุบันนี้ ขณะนี้ เท่านั้น

    โลกนี้ ปัจจุบันนี้ ขณะนี้ และตัวท่านเป็นสมมุติ ท่านรู้ว่าเป็นสมมุติ ท่านรู้ว่าตัวท่าน(ร่ายกายและจิต) ไม่มีอยู่จริง ท่านรู้ตัว ท่านระลึกรู้ได้ ท่านยังรู้สึกเจ็บ ท่านยังหิว ง่วง เมื่อยขบ กิเลสทั้งหลายของท่านยังเกิด ยังดับ กิเลสท่านยังไม่สิ้น แต่สิ่งที่ท่านรู้คือทั้งหมดนี้คือสมมุติ มายาลวง ท่านรู้ แต่ท่านละไม่ได้ เพราะท่านไม่เคยคิดที่จะละมัน ท่านไม่ปฏิบัติเพื่อที่จะละ เพราะท่านยึดถือแต่ว่าไม่มี ท่านรู้จักสมมุติแต่ท่านละสมมุติไม่ได้ ท่านรู้ว่าทุกสิ่งคือมายาลวงแต่ท่านละมายาลวงไม่ได้ เพราะเหตุเกิด ปัจจัยครบ ท่านจึงติดอยู่ในมายาลวงนี้ การที่จะหลุดจากมายาลวงได้ไม่ใช่แต่คิดว่า "มันคือมายาลวง มันไม่มี ไม่มีโยม ไม่มีอาตมา" มันต้องดับกิเลสให้สิ้นจึงจะหลุดจากมายาลวงได้นะท่าน

    ขอให้ท่านถามตัวเองดูท่านว่างจากสิ่งสมมุติทั้งหลายจริงหรือไม่
    ถ้าท่านคิดว่าการรู้ว่าโลกนี้คือสมมุติ ไม่มีโยม ไม่มีอาตมา พอแล้วไม่มีกิจใดที่ต้องทำมากไปกว่านี้ ข้าพเจ้าก็ไม่มีกิจใดที่จะกล่าวกับท่านอีกต่อไป

    การปฏิบัติเพื่อละสมมุติได้แก่ เจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ท่านเคยปฏิบัติหรือไม่
     
  9. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ส่วนที่เป็นตัวสีแดง ยิ้มขอเรียนตามตรงว่า ยิ้มไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเล๊ย ขออภัยเพราะไม่ประสงค์มุสา เอาใจใคร (และยิ้มก็ขอบอกว่า เพื่อนในนี้หลายคนรู้จักว่ายิ้ม ปากสุนัขแค่ไหน) แต่อย่างที่บอกว่า ยิ้มไม่ประสงค์ให้ผู้ใดมากรอกยาพิษทางจิตใจ(จิตวิญญาณ)ให้กับลูกของตน เด็กคืออนาคตของชาติ ท่านประจักษ์บ้างไหมค่ะ

    ท่านเห็นเด็กสมัยนี้บ้างไหมค่ะ ว่าอนาคตของชาติอีกสิบ/ยี่สิบปีจะเป็นอย่างไร
    ยิ้มว่าแค่นี้ก็แย่แล้ว แล้วท่านยังจะมากรอกยาพิษทางจิตวิญญาณให้อีก...ถึงบอกว่า สุดทน แล้ว

    <TABLE class=tborder id=post1015015 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 09:33 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #912 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>tamsak<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1015015", true); </SCRIPT>
    ทีม พระไตรปิฏก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:52 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: Bangkhen, Bangkok
    อายุ: 44 ปี
    ข้อความ: 3,746 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 56,574 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 44,699 ครั้ง ใน 3,392 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 5890 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1015015 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เตชปญฺโญ ภิกขุ [​IMG]
    [
    ***อย่าเพ่งโกรธซิจ๊ะคุณโยม มันจะเป็นนิวรณ์ครอบงำจิต ทำให้ฟังธรรมะไม่เข้าใจ เดี๋ยวตกนรกน๊ะจ๊ะ***
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้าว.....แล้วกัน ไปๆ มาๆ จากที่สอนว่า นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี ตอนนี้กลับหยิบยกมาเตือนคนอื่น

    มันยังไงกันแน่ละเนี่ย ตกลง นรกมีหรือไม่มีกันหนอท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    และยิ้มก็ตกใจเหมือนคุณตั้มเลย ทั้งที่ท่านปฏิเสธมาตลอด ท่านแค่กล่าวตลกหรือล้อเล่น หรือท่านกำลังมุสาค่ะ
     
  10. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ***อาตมาขอตอบเรื่องพระญวนท่านเผาตัวเองประท้วงสักนิด***

    **คือท่านทำด้วยความห่วงใยศาสนามากเกินไปหน่อย แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ทำเช่นนี้เลย***

    ก่อน แล้วคนโง่จะตามม***ท่านสอนให้ใช้เหตุ ใพระพุทธเจ้าช้ผล มาแก้ปัญหา หรือแก้วาทะ หรือทำให้คนฉลาดมานับถือาเอง***

    ***ส่วนเรื่องการไม่รับรู้ความรู้สึกทางกายนั้นก็ขอตอบว่า***

    ***การที่คนเราจะไม่รับรู้ความรู้สึกทางกายได้นั้น ก็อาจเป็นได้ว่า**

    *** ๑. จิตเข้าสู่นิโรธสมาบัติ คือดับเวทนาเสียได้***

    *** ๒. หมดสติ หรือตาย****

    ***๓. ได้รับยาระงับประสาทอย่างแรง***

    ***แล้วพระญวนท่านั้นไม่ทราบว่าท่านเป็นอย่างไร เพราะเราไม่รู้วาระจิตท่าน***

    ***เราก็เพียงคาดคะเน(เดา)เอาเท่านั่น***

    ***ที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องอจินไตย คือไม่ควรสนใจ เพราะไม่เป็นประโยชน์***

    ***เรื่องที่ควรสนใจก็คือ "มันมีเราอยู่จริงหรือไม่?***

    **อย่าเพ่งโกรธวว่ากลับมาเรื่องเดิม***

    ***ถ้าเราไม่กระจ่างเรื่องนี้ ถึงศึกษาเรื่องอื่นต่อไปมากสักเท่าใด ก็ไม่มีทางเข้าใจชีวิตได้อย่างแท้จริง เพราะยังไม่รู้จักตัวเองอย่างถูกต้อง***

    *** www.whatami.net ***
    **************************************************

    ตอนแรกยิ้มก็ไม่เคยคิดเห็นด้วยกับการที่ พระท่านจะไปประท้วง แต่ยิ้มได้ข้อคิดจาก พระญวน ท่านนี้.....

    ยิ้มได้มุมสะท้อนใจ...จากการ เผา ตัวเองของท่านว่า ปกติร่างกายของเรา เราก็รัก เราก็ต้องหวงเป็นปกติวิสัยของปุถุชน ถ้าปรุงกิเลสจัดหน่อยก็ต้องสวย งาม หอม สุดแต่จะสรรหาปรุงแต่ง

    แต่นี้ท่านกับยอมละซึ่ง สังขารของท่าน ซึ่งท่าท่านรักร่างกายของท่านอยู่ท่านจะไม่ยอมสละถึงเพียงนี้ นั่นอาจเป็นไปได้ว่าท่านกำลังให้ทุกท่านที่ได้เห็นได้พิจารณาถึง สิ่งที่เหล่าโจรผ้าเหลืองทั้งหลาย ชอบถกเถียงกัน ขอบกล่าวบิดเบือนกัน ว่านั่นไม่มี โน้นไม่มี นี่คือสิ่งพิสูจน์ว่า คนที่บอกว่าไม่มี ท่านเหล่านั้นต่างหากควรละอาย ว่าท่านทำไม่ได้ ยังพิสูจน์ไม่ถึง

    พอตนเองทำไม่ได้ ทำไม่ถึง....ความควมกลัวต่าง ๆ แถมบวกขาดความละอาย อกตัญญูต่อบิดามารดา ต่อครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ(รวมถึงองค์พระพุทธองค์ด้วย) ยังมากล่าวบิดเบือนความเป็นจริง

    ยิ้มและบุตรยังไม่มีความดีเท่าท่าน .... แต่ยิ้มและบุตรได้รับความเมตตาจากครูบาอาจารย์ พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ซึ่งความเป็นจริงแล้ว แล้วท่านหละปวารณาตัวเป็นบุตรอันบริสุทธิ์ของท่านแล้ว ทำไมท่านถึงยังทำเยี่ยงนี้

    ยิ้มขอขมาด้วย ทนไม่ได้กับยาพิษที่ท่านกำลังหยิบยื่นให้กับบุตรตน และทนไม่ไหวกับคำสนอนของท่านอีกต่อไป เหมือนกับท่านกำลังกล่าวร้ายต่อครูบาอาจารย์และบิดามารดาของยิ้มและตนเอง.....โปรดหยุดเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  11. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ***ส่วนเรื่องการไม่รับรู้ความรู้สึกทางกายนั้นก็ขอตอบว่า***

    ***การที่คนเราจะไม่รับรู้ความรู้สึกทางกายได้นั้น ก็อาจเป็นได้ว่า**

    *** ๑. จิตเข้าสู่นิโรธสมาบัติ คือดับเวทนาเสียได้***

    ***********************************************

    ท่านทำให้ได้ตามนี้ซิค่ะ ยิ้มเชื่อว่า มุมมองของท่านจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง/ยังไม่ต้องถึงขนาดนี้ ท่านก็ต้องบอกว่า ท่านนั้นเขลาไปถนัดเชียว
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นมัสการ ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
    ***ค้นหาตัวเองจากความจริงในตัวเองซิจ๊ะคุณโยม แล้วจะพบว่า มันไม่มีสภาวะใดที่จะมาเป็นเราได้เลย ถ้ายังพบว่าจะมีตัวเราอยู่ จิตมันก็ไม่นิพพาน(ไม่พ้นทุกข์)***
    >> ท่านค้นหาตัวเองโดยวิธีใด
    >> จิตท่านนิพพานได้โดยเพียงแต่คิดว่าไม่มีตัวตนหรือ ทั้งๆที่มีกิเลสเกาะจิต
    ***มันสูญหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะมีกิเลสหรือไม่มีกิเลส***
    ***เพราะมันไม่มีตัวตนของใครจริง มันเป็นเพียงสิ่งของที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากเหตุปัจจัยเท่านั้น***
    มาดูธรรมะของพระอริยะเจ้า แตกต่างกับธรรมะของท่านอย่างไร
    เทสโกวาท100 ปี บทที่ว่าด้วยเรื่องจิตใจ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี )
    ffice:eek:ffice" /><O:p>http://palungjit.org/showthread.php?t=116771</O:p>
    ความรู้เรื่องจิตใจเรียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  13. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    คุณเตชปัญโญ ค่ะ จะว่าไปแล้วข้าพเจ้าก็ไม่ควรโพสอีก(แต่อดไม่ได้) ไม่ใช่เพราะเชื่อตามคุณที่คุณพยายามยัดความคิดยึดเอาตัวถูกอยู่อย่างนี้หรอกนะค่ะ แต่เพราะท่านทำตัวฉุดไม่ขึ้นต่างหากจึงไม่ควรต่อความยาวแต่ก็อดสงสารเด็กไทยที่เรียนหลักสูตรนี้ไม่ได้
    จึงคิดว่ามี คนแย้งดีกว่าไม่มีคนแย้งเพราะอย่างน้อยก็ฉุดเด็กไว้บ้างไม่ให้เชื่อคุณจนสุดกู่เกินไป ดิฉันมั่นใจว่าเคยโพสไว้แล้วครั้งหนึ่งว่าคุณอ้างแต่กาลามสูตร ตัวคุณนั่นแหละที่อัตตามานะทิฏฐิสูงเพราะไม่ยอมฟังผู้อื่น พระท่านเคยกล่าวว่า คนใดรู้ตัวว่าเป็นพาลชน ผู้นั้นเป็นบัณฑิต ดิฉันเคยเสนอไปแล้วว่าถ้าคุณแน่จริง ยึดหลักกาลามสูตรจริงอย่างที่กล่าวอ้าง คุณจะต้องยอมให้หนังสือพุทธศาสน์ที่เด็กเรียนมีความเห็นที่แตกต่าง ขัดแย้งกับคุณหให้มีหลายแง่มมมองเป็นลักษณะ Critique หรือ discussion ซิค่ะ อย่าเสนอมุมมองเดียว อย่างเช่น
    ในพระไตรปิฏก กล่าวเรื่องสังสารวัฏไว้ว่า...........
    แต่ เตชะปัญโญ เห็นว่า นรก สวรรค์ ไม่มีจริง เพราะ.....
    แต่ พระสังฆราช กล่าวว่า...... และหลวงตามหาบัว เห็นด้วยกับพระสังฆราชว่า...... เพราะ...

    กล้าไหมค่ะ ที่จะเสนอความเห็นที่แตกต่างไว้ในหนังสือเรียนเด็ก

    จริงๆแล้วข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าโง่(ตรงนี้จริงๆพิมพ์มากกว่านี้แต่ลบไปเพราะเดียวกลัวโดนใบแดง) แต่ก็อย่างว่า สงสารเด็กไทยที่อ่านอยู่ความเห็นเดียว แล้วอย่างนี้จะเข้าหลัก กาลามสูตรได้อย่างไร ในเมื่อคุณไม่ยอมให้ผู้อื่นเสนอความเห็นขัดแย้งกับคุณเลย

    มีอีกเรื่อง (ท่านอาจจะว่าข้าพเจ้าบ้าเพราะกัดไม่ปล่อยแต่ข้าพเจ้ายอมรับโดยดุษฎีค่ะ)
    ที่ว่า นาม รูป เกิดๆดับๆ ในปฏิจจสมุหบาทนั้น
    " ดังนั้นอย่าได้พยายามหาทางดับ รูป-นาม โดยความเข้าใจทางรูปธรรมหรือภาษาสมมุติ ซึ่งเป็นการเข้าใจกันผิดๆเพราะสมมุติทางภาษาที่นอนเนื่องแอบแฝงอยู่ในจิตว่า ดับคือไม่มี, ดับสูญ, สูญสิ้น อันเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจในอนัตตาโดยถ่องแท้
    ดับในที่นี้จึงเป็นภาษาธรรม ที่หมายถึง ไม่ได้ทําหน้าที่ หรือยังไม่ได้ทํากิจตามหน้าที่ตน กล่าวคือ นอนเนื่องอยู่นั่นเอง ไม่ได้ดับชนิดขาดสูญสิ้นหรือสูญหายตายจากไปไหนอย่างแท้จริง
    เกิด ในที่นี้จึงเป็นภาษาธรรมเช่นเดียว ที่หมายถึง เริ่มการทําหน้าที่หรือทํางานตามหน้าที่, ทํางานตามกิจอันควรของตน
    [​IMG]องค์ธรรมต่างๆในปฏิจจสมุปบาท ตลอดจนขันธ์ ๕ ก็ล้วนมีสภาวะของการเกิดดับๆ เป็นไปในลักษณาการเช่นเดียวกัน ดังเช่น อาสวะกิเลส ซึ่งอาจผุดขึ้นมาเอง๑ หรือเจตนาขึ้น๑ หรือเกิดการกระตุ้นเร้าจากการกระทบผัสสะขึ้นมาก็ตามที๑ ก็เรียกว่า "เกิด" ขึ้น เมื่อลืมไป(เพราะเป็นสัญญาความจำอย่างหนึ่ง)ก็คือนอนเนื่องตกตะกอนอยู่ก็เรียกว่า "ดับ" ไป ซึ่งก็ไม่ได้ดับสูญหายไปไหน ยังคงนอนเนื่องอยู่ในจิตอย่างนั้นนั่นเองเพียงแต่ยังไม่"เกิด"ทำงาน ไม่ได้ดับสูญหายแตกดับไปอย่างแท้จริง, องค์ธรรมสังขารกิเลสก็เช่นกัน เมื่อยังไม่ถูกกระตุ้นเร่งเร้าทั้งด้วยอาสวะกิเลสและอวิชชาก็เรียกว่าดับไป เมื่อมีเหตุปัจจัยครบองค์ก็ทำงานขึ้นก็เรียกว่าเกิดขึ้น, วิญญาณก็เฉกเช่นกัน เป็นไปในลักษณาการเดียวกัน เมื่อมีสังขารเกิดขึ้น ก็เกิดวิญญาณของอายตนะนั้นๆ แล้วก็ดับไป แล้วก็เกิดแล้วก็ดับ เกิดดับๆ...อยู่อย่างนี้ ไม่ได้ดับชนิดสูญหายขาดสิ้นอย่างแท้จริงไปไหนเช่นกัน ล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัย ซึ่งเมื่อครบองค์ของเหตุปัจจัยก็เกิดการทำงานขึ้น
    นาม - รูป ก็เป็นไปในลักษณาการเดียวกัน คือ อยู่ในสภาวะเกิดดับๆ...ที่หมายถึง ทําๆ หยุดๆ นั่นเอง ดับจึงไม่ใช่หมายถึงตายหรือการดับอย่างดับสูญ หรืออย่างความหมายว่าไม่มีตัวไม่มีตนชนิดรูปธรรมตามที่ตีความหรือเข้าใจกันทั่วๆไป อันจักยังให้ไม่สามารถเข้าใจในปฏิจจสมุปบาทธรรมได้ (พนมพร คูภิรมย์ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๔)"

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2008
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    เอผมก็ชักงงแล้วสิว่าท่านตกลงว่าท่านเตชะปัญโญจะเชื่อว่านรกมีจริงหรือไม่มีจริงถ้าตายแล้วสูญดั่งท่านว่าก็ไม่มีนรกสิครับ แล้วท่าจะมีนิวรณ์กลัวว่าผมจะตกนรกทำไมเอ..หรือว่าท่านเป็นแบบสัญชัยเวลัฏฐบุตรไม่มีจุดยืนของตนเองล่ะพระอลัชชี
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
     
  16. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    เตชปญฺโญ ภิกขุ – คำสอน

    ฉันคืออะไร?<o></o>
    (ศึกษาชีวิตให้รู้ว่า"เราคืออะไร?"และ"ดับทุกข์โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์")<o></o>
    http://www.watkoh.com/forum/forum_posts.asp?TID=2653

    คำนำ<o></o>
    ในปัจจุบันมนุษย์ที่เจริญแล้ว ได้อาศัยความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ศึกษาสิ่งต่าง ๆ นอกตัวจนเกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติต่าง ๆ นอกตัวมากขึ้น ซึ่งแม้เรื่องที่ไกลออกไปจากโลกมนุษย์ ก็ยังศึกษาจนเกิดความเข้าใจได้ แต่ในทางตรงกันข้ามมนุษย์ กลับไม่รู้จักว่า “ตนเองคืออะไร?” เมื่อไม่รู้จักตนเอง ก็จึงทำให้มนุษย์ไม่รู้ว่าตนเอง “เกิดมาทำไม?” และไม่รู้ว่า “อะไรคือสิ่งสูงสุดที่ชีวิตควรได้รับ?” รวมทั้งไม่รู้ว่า"จะปฏิบัติอย่างไร จึงจะได้รับสิ่งสูงสุดที่ชีวิตควรได้"

    <o></o>ซึ่งเปรียบได้กับว่ามนุษย์เรานั้น เกิดมาตาบอด หรือโง่เขลา เพราะไม่รู้ความจริงแท้ของชีวิต และธรรมชาติทั้งหลาย อย่างถูกต้อง เมื่อเป็นดังนี้มนุษย์ จึงปฏิบัติผิด หรือดำเนินชีวิตผิดพลาด เมื่อปฏิบัติผิด จึงทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ ทั้งร่างกาย และจิตใจ และยังทำให้โลกมีแต่วิกฤตการณ์ จนหาสันติภาพไม่ได้ อย่างเช่นในปัจจุบัน

    <o></o>หนังสือ “ฉันคืออะไร?” เล่มนี้เรียบเรียงขึ้น เพื่อจุดประสงค์สองอย่างคือ<o></o>
    (๑) สอนให้มนุษย์รู้จักว่าแท้จริงนั้น “ตนเองคืออะไร?”<o></o>
    (๒) สอนให้มนุษย์รู้จัก วิธีการดับทุกข์ ของชีวิตที่มนุษย์กำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน<o></o>

    ซึ่งหลักการศึกษาของหนังสือเล่มนี้ จะเน้นให้ใช้วิธีการของวิทยาศาสตร์มาศึกษา

    <o></o>ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ จึงเหมาะสำหรับนักวิทยาศาสตร์ หรือผู้ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย ที่ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ จนกว่าจะได้เข้าใจเหตุผลอย่างชัดเจน และมีการพิสูจน์ทดลองจนแจ้งประจักษ์ ด้วยตนเองแล้ว เท่านั้น

    <o></o>หนังสือเล่มนี้ ได้สรุปเนื้อหาสำคัญ ๆ มาจากหนังสือต่าง ๆ ของท่านอาจารย์พุทธทาส ภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกทีหนึ่ง

    <o></o>จึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์แก่นักวิทยาศาสตร์ หรือผู้ที่มีความรู้ที่สนใจจะแสวงหาความจริงของชีวิต รวมทั้งผู้ที่ยังไม่รู้จักพุทธศาสนาอย่างถูกต้องมาก่อนบ้าง ไม่มากก็น้อย

    <o></o>และหากจะเกิดคุณประโยชน์อันใดจากหนังสือเล่มนี้ ก็ขอน้อมถวายเป็นเครื่องสักการะแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพุทธสาวกทั้งหลาย .

    <o></o>เตชปญฺโญ ภิกขุ
    อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
    ๑๑ เมษายน ๒๕๕๐
    ------------------------------------------------------------------------

    นำมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือของท่านเตชปัญโญ ภิกขุ โดยท่านมหาหินนำมาโพสให้ดูอีกทีหนึ่งครับ
     
  17. lmagine

    lmagine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +359

    "ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ต้องรู้สึกอะไรเลย แม้จะโดนโจรปล้นฆ่าก็ให้นั่งเฉยๆ

    เพราะโจรเค้าก็สมมติว่าตัวเองเป็นโจร เราก็สมมติว่าเราโดนปล้น จริงๆแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่แหละนิพพานแล้ว"


    เป็นคำสอนที่มีเหตุผลจริงๆ นึกว่าไม่มีก็คือไม่มี อืมม :)

    ปล.เกิดมาชาตินึงอย่าให้เสียชาติเกิดเลยครับพระเตชปญฺโญ ภิกขุ สอนอะไรที่มันถูกต้องเถอะ อย่าบิดเบือนเลย

    พวกผมยังคอยปกป้องพระพุทธศาสนาอยู่ตามหน้าที่ชาวพุทธ ท่านไม่ได้สมปราถนาหรอก

    แต่ก็ไม่นึกว่ามารศาสนาที่แท้จริงจะกลับกลายเป็นพระไปได้ อนิจจังไม่มีอะไรเที่ยงจริงๆ ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  18. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    "ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง ไม่ต้องรู้สึกอะไรเลย แม้จะโดนโจรปล้นฆ่าก็ให้นั่งเฉยๆ

    เพราะโจรเค้าก็สมมติว่าตัวเองเป็นโจร เราก็สมมติว่าเราโดนปล้น จริงๆแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่แหละนิพพานแล้ว"
    ---------------------------------------------------------------------------

    แหม ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ คิดไปได้....... (deejai)

    (ทำเสียงให้เหมือนพิธีกรรายการคดีเด็ดด้วยนะครับ)

     
  19. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เตชปญฺโญ ภิกขุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2008
  20. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...