เรื่องเด่น นักปฏิบัติ ควรสังวร ระวัง อนันตริยกรรม!!!

อิจฉาตัวเองมั๊งครับ ที่มักจะแสดงความรู้ที่เป็นความรู้ในระดับความคิด ในระดับอารมณ์ โดยเฉพาะคนที่ปฏิบัติเพื่อเอาชนะ และสิ่งที่เอาชนะนั้นก็ไม่รู้จัก เพราะเห็นเพียง ความคิดและอารมณ์ มีคำตอบเดียวให้คุณบุญและเป็นคำตอบเดิมที่เคยตอบไป ต้องเอาตนให้รอดนั้นสำคัญที่สุด และหากช่วยเขาได้ก็ช่วย หากช่วยไม่ได้ก็ปล่อยไป เพราะทำไปทั้งๆที่ไม่รู้ และยิ่งคิดว่าตนรู้ผู้อื่นไม่รู้ หรือคิดว่า สิ่งที่เรารู้นั้นถูกแล้วจึงอยากให้ผู้อื่นได้รู้ และอื่นๆอีกมาก ล้วนเป็นเรื่องของความประมาท ความรู้เพียงแค่ตอบคำถามหรือแสดงตนเพื่อให้เหนือผู้อื่นนั้น มันเป็นทางแห่งความประมาท ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่เห็นว่ามีความสนใจในธรรมเป็นอย่างดี ดูแลตนเองให้ดีเถอะครับ อย่าให้เหมือนกับใครที่วิ่งเข้าหาทุกข์ อย่าให้เหมือนกับใครที่สร้างทุกข์จนเอาตนไว้ไม่ได้ เสื่อมเสียความเป็นตนเสียเปล่าๆ และที่สำคัญผมตอบในประเด็นที่คุณไม่เคยเข้าใจ และคุณก็ไม่ควรจะเข้าใจซึ่งมันถูกต้องดีแล้วคุณจึงตอบกลับ ก็น่ายินดี ที่อย่างน้อยยังรู้จักคิด รู้จักตอบ รู้จักว่าคนนั้นคนนี้เป็นไง ต้องระวังความรู้ในสัญญานั้นให้มากๆ เพราะมันจะพาทำให้คุณไมรู้อะไรเลย
อนุโมทนาครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 8 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>kengkenny, ผู้เห็นภัย, พรานทะเล, สับสน!, อาทมาฏ


ตำหนวดมา.....
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เจอแล้ว..คนนี้พี่ปราบผู้สมรู้ร่วมคิด..ขาดผู้ย้ำคิดย้ำทำ..ใช่ไหม พี่ปราบเทวดา..!
สำหรับผม 3 วันรถยนต์ชน 7 วันฟ้าผ่า 15วัน ธรณีสูบ ..2 ปี หนีทันแล้ว พี่ปราบเชียร์เบียร์ผิดที่........?

 

นี่ๆๆๆๆๆๆ นี่เลย..ผู้สมรู้ สมคิด...ระวัง 3วัน 7 วัน 15 วัน ..ให้ดี ..!

 

เมนูยอดฮิตวันนี้ "ปลาบู่นึ่งซีอิ้ว" อร๊อย อร่อย



ปลาบู่ตัวนี้ได้มาฟรี

เริ่มด้วยเครื่องปรุงกัน
1.ปลาบู่
2.ขิงแก่ หรือ ขิงซอย
3.พริกไทย
4.เข่งฉ่าย
5.ต้นหอม
6.กระเทียมกลีบ
7.ซีอิ้วทาคูมิ
8.ซอสปรุงรส
9.พริกชี้ฟ้าแดง พริกเหลือง
10.น้ำซุป
11.รากผักชี
12.น้ำตาลทราย

ขั้นตอนการทำ
ทำปลาก่อน ขอดเกล็ดผ่าท้องลวกไส้ ล้างให้สะอาดเลย นำขิงที่เราเตรียมไว้ส่วนหนึ่งยัดเขาไปในท้อง แล้วนำไปนึ่งประมาณ 10 นาที ถ้าปลาตัวใหญ่กว่านี้ก็ซักประมาณ 15 นาที ระหว่างรอปลาสุก ก็เตรียมเครื่องปรุงอย่างอืน ตำกระเทียม พริกไทยเม็ด รากผักชี พอละเอียด หั่นต้นหอม เข่งฉ่าย ซอยขิง หั่นพริกชี้ฟ้าแฉลบๆ

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ตักกระเทียม พริกไทย รากผักชี ขิงฝอย ลงไปผัดให้หอม ใส่น้ำชุป ตามด้วย ซีอิ้วทาคูมิ ซอสปรุงรส น้ำตาล ชิมรสตามชอบ เสร็จแล้วราดลงบนตัวปลา เป็นอันใช้ได้

สงสารแต่แม่ปลาบู่


นำขิงยัดใส่ท้องก่อนนึ่งนะ





เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจ้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Oxyeleotris marmoratus

ชื่อสามัญ Sand goby

ชื่อไทย ปลาบู่

รูปร่างลักษณะ มีลำตัวกลม ส่วนหัวใหญ่แล้วค่อยเรียวเล็กไปทางส่วนหาง มีเกล็ดเล็กละเอียด ปากกว้าง มีฟันซี่เล็กแหลมคม ตามลำตัวลวดลายสีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนเทา
​

 

ท่านเข่งครับ ผมรู้แล้วครับว่าทำไมท่านถึงได้เดือดร้อนกับกระทู้นี้นัก
ที่แท้ก็ตุ๊กแกกินปูนร้อนท้อง คนที่ชอบทำให้กลุ้มคนแตกแยก
ก็เป็นแบบนี้นี้เอง ท่านรู้หรือจำได้มั้ยครับ ที่ผมกล่าวเช่นนีด้วยเหตุใด
ถ้าจำไม่ได้ผมจะบอกให้ครับ

เมื่อก่อนท่านพยายาให้คนอื่นแตกแยก โดยการหาเรื่องท่านเตชพโล
ด้วยการใส่ไคร้ว่า ท่านเตชพโลทำผิดศีลข้อสาม กระทำการโดยไปยุ่ง
กับคนมีครอบครัวแล้ว ทำให้ผมและเพื่อนเข้าใจผิดไปด้วย แท้จริงแล้ว
ผู้หญิงยังไม่มีครอบครัว แถมอายุยังไม่เท่าไร
ผมว่าท่านควรละอายใจตัวเองไว้มั้งนะครับ

ที่ผมว่าท่านขี้อิจฉา อยากรู้มั้ยว่าอิจฉาใคร
ก็ท่าน...เตชพโลงัยครับ

 

ท่านเข่งครับผมว่าท่านช่วยตัวเป็นดีที่สุดครับ จิตจะได้สงบ
จะได้ไม่ต้องแต่งสำนวนโวหารมา ยกตนข่มคนอื่นเขาครับ

การแสดงความเห็นในเว็บบอร์ด กับการปฏิบัติจริงมันต่างกันครับ
การแสดงความเห็นในเว็บต้องอธิบายให้คนเข้าใจครับ
แต่ถ้าเป็นการปฏิบัติจริงเป็นอีกเรื่องครับ

มันก็เหมือนกับท่านนั้นแหล่ะครับ ชอบเล่นคำแสดงโวหาร
เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่า เป็นผู้ใสสอาดหมดจด แต่ที่ไหนได้
ใส่ความคนอื่นหน้าตาเฉย กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว

 

ตามสาบายครับ คนชอบคิดก็คิดได้ คนไม่ชอยคิดก็ไม่คิด ความคิดเกิดจากอะไร คงไม่ต้องอธิบาย
ตามสาบายครับคุณบุญ คุณนี่นะแทบจะไม่มีอะไรที่รู้จริงเลย เรื่องเก่าๆผมไม่ชอบทวน หากมันเป็นเรื่องเสื่อมเสียของคนอื่น ผมกับคุณเตเจอกันนานแล้ว ผมคงไม่ตำหนิใครโดยไม่รู้ความจริงหรอกครับ หรือฟังอะไรด้วยหูเพียงเท่านั้นหรอกครับ เรื่องนี้สุดแล้วแต่เขาเถอะครับ ผมรู้เพียงเท่านั้น หากคุณว่ามาอย่างนั้นมันก็ยิ่งตอกย่ำว่า ผู้สร้างกรรมชั่วนั้นมักหลงลืม เพราะขาดสติ ลืมสิ้นแม้ความถูกต้องดีงามสติไม่อาจยับยั้งได้ น่าสงสาร ผมก็เลยตำหนิไป อันที่จริงผมก็ไม่อยากตอบนะ เพราะกรรมเป็นของๆตนเสมอ ผมจะละอายก็ต่อเมื่อผมไม่รู้ความจริงเท่านั้นว่าอะไรเป็นอะไร แล้วก็ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอย่างไม่สิ้นสุด เท่าที่อ่านผมยังไม่รู้เลยว่าตรงไหนหนอที่เชื่อมโยงสู่ความอิจฉาที่มีต่อคุณเตหรือคุณหนึ่ง ดูๆแล้วคุณบุญนี่ท่าจะเป็นเอามากนะครับ ถ้างั้นก็ตามสาบายเลย ทำไปครับ ถ้าเห็นว่ามันควรแล้วเอาเลย ผมไม่ห้าม ตามสาบายครับ

 

คิดไปได้ ตามสาบายครับ เพราะที่โพสต์มาทั้งหมดถูกต้องตรงตัวแปะเลย แต่ตรงตัวใครก็พิจารณาเอาเองครับ ตามสาบายครับ

 

คั่นรายการ
ราฟาเอล นาดาลhttp://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9530000134986

 

<center></center> <table valign="Bottom" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr bgcolor="white"><td rowspan="5" width="1">
</td> <td rowspan="5" align="center" valign="top" width="280"></td><td rowspan="5" width="1"> </td> <td hspace="0" vspace="0" align="center" valign="top"> <big>สมุดภาพพระพุทธประวัติ</big>
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๕๗
พระเทวทัตได้สำนึกในความผิดของตน ใคร่ทูลขอขมา แต่ถูกธรณีสูบเสียก่อนเข้าเฝ้า</td></tr> <tr><td hspace="0" vspace="0" align="left" valign="top"> <table valign="Bottom" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr><td align="left">
เมื่อแผนการของพระเทวทัตในการปลงพระชนม์ของพระพุทธเจ้าขั้นแรก คือ จ้างนายขมัง ธนูลอบสังหารได้ล้มเหลวลง พระเทวทัตจึงลงมือทำเอง คือ แอบขึ้นไปบนยอดเขาคิชฌกูฏ เพราะพระเทว ทัตทราบได้แน่นอนว่า ขณะนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่เชิงเขาเบื้องล่าง พระเทวทัตจึงกลิ้งก้อนหิน ใหญ่ลงมา หมายให้ทับพระพุทธเจ้า ก้อนหินเกิดกระทบกันแล้วแตกเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย สะเก็ดหินก้อน หนึ่งกระเด็นปลิวมากระทบพระบาทพระพุทธเจ้า จนทำให้พระโลหิตห้อขึ้น แผนการที่สองล้มเหลวลงอีก ต่อมา พระเทวทัตได้แนะนำให้พระเจ้าอชาตศัตรูสั่งเจ้าพนักงาน เลี้ยงช้างปล่อยฝูงช้างดุร้ายออกไล่เหยียบพระพุทธเจ้า ในขณะที่เสด็จบิณฑบาต แต่ก็ล้มเหลวลงอีก เพราะ ฝูงช้างไม่กล้าทำร้ายพระพุทธเจ้า ตอนนี้เอง ความชั่วของพระเทวทัตเป็นข่าวแดงโร่ออกมา ประชาชนชาวเมืองต่างโจษจันกัน เซ็งแซ่ว่า ผู้จ้างนายขมังธนูก็ดี ผู้กลิ้งก้อนหินกระทบพระบาทพระพุทธเจ้าก็ดี ผู้ปล่อยกระบวนช้างก็ดี แม้ ที่สุดพระเจ้าพิมพิสารที่เสด็จสวรรคตก็ดี เป็นแผนการของพระเทวทัตทั้งสิ้น แล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า พระราชาของเราคบพระที่ลามกเช่นนี้เองจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น พระเจ้าอชาตศัตรูทรงได้ยินเสียงชาวเมืองตำหนิเช่นนั้น ทรงเกิดความละอายพระทัย จึงทรง เลิกไปหาพระเทวทัต สำรับกับข้าวของหลวงที่เคยพระราชทานให้พระเทวทัต ก็ทรงสั่งให้เลิกนำไปถวาย คนในเมืองนั้นก็ไม่มีใครใส่บาตรให้พระเทวทัตเลย แต่พระเทวทัตก็ยังไม่สิ้นมานะทิฐิ ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธ เจ้า ขอให้ทรงปฏิรูปศาสนาพุทธเสียใหม่ เช่น ให้ห้ามพระสงฆ์ฉันเนื้อและปลา เป็นต้น แต่ถูกพระพุทธเจ้า ปฏิเสธ พระเทวทัตจึงตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง แต่ต่อมา สาวกพระเทวทัตที่เข้าใจผิด และเข้าไปเข้าข้างพระเทวทัต ได้พากันผละหนีกลับ มาหาพระพุทธเจ้า เหลืออยู่กับพระเทวทัตไม่กี่รูป พระเทวทัตเสียใจมาก กระอักเลือดออกมา พอรู้ว่าตนจะ ตายก็สำนึกผิด เลยให้สาวกที่เหลืออยู่หามตนมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาเป็นครั้งสุดท้ายแต่ไม่ทันเข้าเฝ้า เพราะพอมาถึงสระท้ายวัด พระเทวทัตเกิดอยากอาบน้ำ พอหย่อนเท้าลงเหยียบพื้นสระโบกขรณี เลยถูกแผ่น ดินสูบเสียก่อน </pre></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table> _________________________________________
บันทึก ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕

 

พระเทวทัตต์ - วิกิพีเดีย

พระเทวทัต เป็นพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาล พระเทวทัตเป็นพระญาติและมีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า พระเทวทัตเป็นพระโอรสของพระเจ้าสุปปพุทธะผู้ครองกรุงเทวทหะแห่งแคว้นโกลิยะ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระพุทธองค์ พระเทวทัตเป็นที่รู้จักกันดีจากเรื่องราวในคัมภีร์พระพุทธศาสนา ว่าเป็นผู้ที่มีความอิจฉาพระพุทธเจ้าแต่ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ และคอยจองล้างจองผลาญกับพระพุทธองค์มาแต่อดีตชาติ และในปัจจุบันชาติพระเทวทัตยังได้เป็นพระสงฆ์ที่ก่ออนันตริยกรรมคือพยายามลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าและก่อการสังฆเภท ทำให้คณะสงฆ์แตกแยกกัน<sup id="cite_ref-0" class="reference">[1]</sup>
ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาระบุว่า เดิมนั้นท่านออกบวชด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ทว่าในที่สุดพระเทวทัตได้สำนึกผิดเมื่อช้าไป โดยท่านได้ถูกธรณีสูบลงสู่อเวจีมหานรกหน้าวัดพระเชตวัน จากคัมภีร์อรรถกถากล่าวว่า แม้ท่านจะตกมหาอวจีนรก<sup id="cite_ref-1" class="reference">[2]</sup> แต่ด้วยการที่ท่านเคยบำเพ็ญบารมีมาบ้างในอดีต และการสำนึกผิดด้วยการถวายคางเป็นพทธบูชาในขณะถูกแผ่นดินสูบ ทำให้พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า เมื่อพระเทวทัตชดใช้กรรมในนรกหมดสิ้นแล้ว จะมาเกิดเป็นพระอัฏฐิสระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต<sup id="cite_ref-2" class="reference">[3]</sup> หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพระปัจเจกโพธิสัตว์ผู้ได้รับพยากรณ์แล้วนั่นเอง (พระนิยตปัจเจกโพธิสัตว์)


ตามความในคัมภีร์อรรถกถาได้ขยายความพระไตรปิฎกและเรื่องราวพระเทวทัตถูก ธรณีสูบนี้ก็ปรากฏอยู่ในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ยมกวรรคที่ ๑ เรื่องพระเทวทัต โดยกล่าวเรื่องราวตอนพระเทวทัตถูกธรณีสูบไว้ว่า<sup id="cite_ref-9" class="reference">[10]</sup>
<sup id="cite_ref-9" class="reference">
</sup>
<table style="border-collapse: collapse; border: 1px dotted rgb(204, 204, 204); width: 583px; height: 358px;" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr> <td style="padding: 10px;" valign="top" width="20"></td> <td>

แม้พระเทวทัตแล ลุกจากเตียงแล้วนั่งวางเท้าทั้งสองบนพื้นดิน เท้าทั้งสองนั้นก็จมแผ่นดินลง. เธอจมลงแล้วโดยลำดับเพียงข้อเท้า, เพียงเข่า, เพียงเอว, เพียงนม, จนถึงคอ, ในเวลาที่กระดูกคางจดถึงพื้นดิน ได้กล่าวคาถานี้ว่า
“ข้าพระองค์ขอถึงพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นบุคคลเลิศ เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ เป็นสารถี ฝึกนรชน มีพระจักษุรอบคอบ มีพระลักษณะ (แต่ละอย่าง) เกิดด้วยบุญตั้งร้อย ว่าเป็นที่พึ่งด้วย กระดูกเหล่านี้พร้อมด้วยลมหายใจ.”
(เป็นคำอธิบายของพระอรรถกถาจารย์) นัยว่า “พระตถาคตเจ้าทรงเห็นฐานะนี้ จึงโปรดให้พระเทวทัตบวช. ก็ถ้าพระเทวทัตนั้น จักไม่ได้บวชไซร้, เป็นคฤหัสถ์ จักได้ทำกรรมหนัก, จักไม่ได้อาจทำปัจจัยแห่งภพต่อไป, ก็แลครั้นบวชแล้ว จักทำกรรมหนักก็จริง, (ถึงดังนั้น) ก็จะสามารถทำปัจจัยแห่งภพต่อไปได้” เพราะฉะนั้น พระศาสดาจึงโปรดให้เธอบวชแล้ว.
​

</td> <td style="padding: 10px;" valign="bottom" width="20"></td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="text-align: right; padding-right: 2em; padding-bottom: 5px; font-size: 90%;" valign="top">— อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ยมกวรรคที่ ๑ เรื่องพระเทวทัต


</td></tr></tbody></table>

 

สถานที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบในปัจจุบัน


จุดที่ชาวบ้านเชื่อว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบ หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี


ตามคัมภีร์อรรถกถากล่าวว่า สถานที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบอยู่ริมสระน้ำหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร ในปัจจุบันบริเวณหน้าวัดเชตวันยังคงมีพื้นที่ว่างแปลงหนึ่งอยู่กลางนา ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าไปปรับพื้นที่ทำนา เนื่องจากเล่าสืบต่อกันมาว่าเป็นสถานที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบ
ปัจจุบันผู้นำเที่ยวชมวัดเชตวันมักบอกว่าบริเวณนี้คือจุดที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสระน้ำที่นางจิญจมาณวิกา ถูกธรณีสูบเช่นเดียวกัน

 

ใช่ครับผมไม่รู้จริง แล้วผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย
แต่เป็นท่านไม่ใช่หรือ ที่เที่ยวเอาเรื่องของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับธรรม
ที่เขาถกกันในกระทู้ มาโพนทนาจนทำให้ท่านเตชพโลเสื่อมเสีย

แล้วก็เป็นเพราะผมฟังอะไรเพียงหูเดียวเลยหลงเชื่อ คำโกหกพกลม
อันแสนน่าอายของท่าน ทำให้เชื่อไปว่าท่านเตชเป็นอย่างนั้นจริงๆ

บาปกรรมที่ท่านทำมันสำฤทธิ์ผลแล้วละครับ
แสดงโวหารไปก็หนีความจริงไม่พ้น
อีกทั้งผมก็ไม่ได้ตอกย้ำกรรมที่ท่านกระทำ
แต่มันเป็นการกระชากหน้ากากของคนที่เรียกว่า..จอมปลอม

 

ที่ตัวทำ ถ้าไม่ดี ก็บอกจำไม่ได้ ไม่รู้
แต่ที่เวลาเรื่องของคนอื่นเล่าเป็นฉากๆเลยนะครับ

ผมว่าท่านเตชก็เคยพูดในทำนองนี้กับท่านนะครับ

 

เหนื่อยไหม ถ้าเหนื่อยก็หยุดเถอะครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องของท่านเตชหรือคุณหนึ่ง ผมมองไม่เห็นความเกี่ยวเนื่องกันในความเป็นจริงเลย เพราะความจริงก็คือความจริง เขาจะออกมาพูดแก้ต่างหรือไม่แก้ต่างอะไรเลย ความจริงก็เป็นความจริง และผลความจริงนั้นก็จะเป็นของเขา ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ถ้าอยากให้เกี่ยวก็ทำไปครับตามสมควร เพราะกรรมมันเป็นกำพืดคนอยู่แล้ว จะว่าไปคนเราแม้ว่าจะเกิดมามีบิดามารดา ครูบาอาจารย์ บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนท่านก็ได้ เพราะความสำคัญนั้นอยู่ที่ตนอย่าเอาความเคยชิน เอาความคิดว่าต้องเป็นดังนั้นมาคาดคะเน และอันที่จริงผมก็ไม่ได้มีอะไรให้กระชากอยู่แล้ว ถ้าเหนื่อยก็พักๆแล้วกันครับ ไม่ต้องรอผมอย่างเมื่อก่อนก็ได้ครับ เดี้ยวมันจะทุกข์เสียเปล่าๆ เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ หาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำเถอะครับ คุณบุญ เอาบุญเสียบ้างให้สมชื่อก็ดีครับ
พอเหอะผมเริ่มเหนื่อยจะเจรจากับคุณจริงๆแล้วครับ

 

ผมทราบดีครับว่าหลายท่านรักและเป็นห่วงผม
ผมขอขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจที่หลาย ๆท่านได้แสดงถึงผม
ขอขอบคุณอย่างใจจริงครับ

ถึงแม้ผมจะวาสนาบารมีเพียงแค่นี้ก็ตาม
แต่ผมคงไม่แย่จนกระทั่งตกอับหรือตกต่ำหรอกครับ
คงพอเอาตัวรอดได้อยู่ครับ

ขอขอบคุณอีกครั้งครับ.....(แต่ผมก็เสียใจนะ....)

 

พี่ปราบเทวดา สงครามอนันนตริยกรรมเรื่องแม่ปลาบู่นึ่งซีอิ๋ว จะเกิดขึ้นอีกรอบแล้ว...พี่ปราบเป็นเจ้าของบ่อนอยู่ไหน มาห้ามทัพเร็วผมไปก่อนและ...!

 

อ้าวแล้วที่ผมโพสต์ไว้ทำไมไม่มีใครตอบล่ะ
ทำเป็นมั่วนิ่มให้ผ่านไปเฉยเลย
กับแค่พระมากกว่า 8 องค์ มาทะเลาะกัน
แล้วเหมาว่าเป็นสังฆเภทนี่มันจะไม่เกินไปเหรอครับ
เห็นที่วัดหลวงพ่อโสธรมั้ยครับเรื่องแ่ต่งตั้งเจ้าอาวาสเป็นไง
ทำไมไม่เป็นสังฆเภท
สงฆ์ท่านมีปัญหาักัน ก็มีพระอธิกรณ์คอยดูแล
มีเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด คอยดูแลอยู่

แต่นี่มาเหมาว่าพระ 8 องค์ขั้นต่ำมาทะเลาะกันก็เป็นสังฆเภทไปแล้ว
นี่มันอะไรกันครับ

ความจริงหลวงพ่อพุธท่านสอนลูกศิษย์ท่าน
ด้วยอุบายของนักปราชญ์
แต่ จขกท กลับไปตัดต่อธรรมเพียงแค่บางตอนมา
แล้วมาเหมาเอาหมดว่าเป็นอนันตริยกรรมไปซะหมด
มันจะไม่มั่วไปหน่อยเหรอครับ

อ้าวใครมีความสามารถก็ตอบที่ผมโพสต์มาแล้วกัน
ถ้าไม่ตอบแล้วยังจะมายืนยันว่า
แค่พระมากกว่า 8 องค์ มาทะเลาะกัน ก็เป็น สังฆเภท ไปแล้วนี่
ดูแล้วมันน่าอายนะครับ...

 

พระท่านบอกว่า จะสร้างตึกละฟ้าสูงสักร้อยชั้น พันชั้น

แผ่นดินมันไม่ยุบนะ มันรองรับน้ำหนักได้ แต่ความชั่ว ที่ท่านเทวทัตทำไว้

มันหนักเกิน ที่แผ่นดิน จะรองรับน้ำหนักเอาไว้ได้ พอท่านเทวทัต

เอาเท้าเหยียบพื้น แผ่นดินก็ทรุดตัวลงทันที(ธรณีสูบ)

สมัยพุทธกาลมีประมาณ๘คนนะทั้งหมดที่โดนแบบนี้

ถามว่าคนสมัยนี้ กับคนสมัยก่อน กำลังใจคนสมัยไหน

ต่ำกว่ากัน เลว หรือต่ำช้ากว่ากัน

คนสมัยนี้ ส่วนมากจะเป็นนอกเขตพระพุทธศานา

ไม่ไช่โดนทีละคน อย่างสมัยพุทธกาล

แต่โดนที เป็นร้อย เป็นพัน

ที่ตายก็ตายไป คนที่อยู่ก็ไม่ได้มีสำนึกเห็นอก เห็นใจ

กลับทำตรงข้าม ปล้นสะดม ข่มขืน ฆ่ากันเพื่อนแย้งเศษอาหารฯลฯ

คนที่อยู่รอด อาจจะมีกำลังใจบางส่วน ดีกว่าคนที่ตายไปเล็กน้อย

แต่ก็ถือว่ามีกรรมเสมอกัน จึงไปเกิด ในเขต ในแคว้น ดินแห่งดียวกัน

อนุโมทนาครับ....