นอนฟังธรรมบาปหรือไม่

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Nuntapus, 19 ธันวาคม 2007.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เราว่าไม่บาปนะคะ
     
  2. รัศมีธรรม

    รัศมีธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2007
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +330
    ไม่บาปหรอกจ้า ขอบอก....
     
  3. BirdSoul

    BirdSoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2007
    โพสต์:
    4,248
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +12,020
    เห็นด้วยค่ะ ต่อไปจะไม่นอนฟังแล้วค่ะ เพราะหลับทุกครั้ง เลยเหมือนกับไม่
    ได้ซึมซับอะไรได้เลย

    ฟังออนไลน์จากเว็บธรรมะทั่วไปน่ะค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะฟังทางนี้เป็นหลักค่ะ
    อย่างเว็บพลังจิตก็มีให้ฟังนะคะ ตรงเสียงธรรม น่ะค่ะ
    แต่ส่วนใหญ่ชอบไปฟังที่ ทำดีดอทเน็ท ธรรมะติดปีกดอทคอม
    ธรรมจักรดอทเน็ท เยอะแยะเลยค่ะ
     
  4. Noppadol.Ve

    Noppadol.Ve เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +245
    อานิสงส์ในการฟังธรรมมี ๕ ข้อ ๆ สุดท้ายคือ
    จิตของผู้ฟังธรรมย่อมผ่องใส
    บาปเกิดจากอำนาจของกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) บุญเกิดจากการประพฤติธรรม....การฟังธรรมะซึ่งล้วนโน้มน้าวจิตของเราให้ใฝ่ธรรม....จะเป็นบาปได้อย่างไร
    แม้จะนอนฟังก็ตาม (ก็นั่งมันเมื่อยนี่นา)
    ลองคิดดูครับ...การนอนฟังธรรม กับการนอนฟังเพลงหรือนิยาย ซึ่งส่วนมากส่งเสริมกิเลส ทำให้ใจเราเหินห่างธรรม
    อย่างไหนจะดีกว่ากันครับ
    อย่างน้อยก็ดีกว่าการไม่ฟังธรรม แล้วปล่อยให้ใจล่องลอยนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างหาสาระมิได้
    บางครั้งตอนหลับ ผมยังฝันว่าได้สวดมนต์บ้าง ได้ไปกราบพระพุทธรูปบ้าง กราบพระสงฆ์บ้าง...ท่านผู้ใหญ่บอกว่า เป็นความฝันที่ดีครับ
     
  5. world500

    world500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +673
    ติดใจกระทู้นี้เลยเข้าบ่อย อาจจะเป็นเพราะยังกังวลว่าจะบาปหรือไม่แต่ ฟังเหตุผลของคุณ Noppadol.Ve แล้วมาเปรียบกับตัวเอง ผมคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางทีดี่ขึ้นหลังจากฟังธรรมะ วันก่อนโกหกเพื่อไม่ให้คนทะเลาะกัน พอพูดเสร็จกลับมาคิดหนักเลยว่าไม่น่าโกหกเลยเราผิดศีลและอีกหลายๆเรื่องที่คิดก่อนทำ คือจะบอกว่าหลังจาก(นอน)ฟังธรรมะบ่อยๆ แล้วผมเกรงกลัวต่อบาปมากขึ้น หากมีโอกาสจะพยายามนั่งฟังอย่างตั้งใจก็แล้วกันนะครับ

    ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้

    (y)
     
  6. Nuntapus

    Nuntapus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2007
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +385
    ตอบ#12 รูปดาราเกาหลีค่ะ กระทู้มันเครียดเลยต้องขอรูปสวยๆมาใส่แทน จะได้ลดความเครียด

    ส่วนตัวคิดว่าคงไม่มีใครนอนฟังต่อหน้าพระ แต่จากความรู้สึกตัวเองเราตั้งใจเปิดวิทยุเพื่อฟังธรรมแต่เรากลับนอนฟัง มันสบายเกินไปชอบเผลอหลับ แต่พอนั่งฟังดีๆมันมีสติกว่ากันเยอะเลย ส่วนตัวจะพยายามไม่นอนฟังแล้ว เพราะคิดว่านั่งฟังจิตตั้งมั่นกว่า นอนแล้วตัวขี้เกียจ กับตัวง่วงมันเข้าสิงค่ะ

    ใครจะสะดวกแบบไหนก็ตามแต่จะพิจารณาค่ะ
     
  7. samusunn

    samusunn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    517
    ค่าพลัง:
    +878
    หรอคะ ดิฉันเคยอ่ะ งั้นก็บาปมากน่ะสิคะ
    กลัวจัง
     
  8. ขณิก

    ขณิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +216
    ขออนุญาตินำข้อมูลจาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    มาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมครับ
    เนื่องจากผมนอนฟังจนชินก็กลัวบาปเช่นกันครับ
    เลยพยายามหาข้อมูล

    ******************************************
    อานิสงส์นอนฟังเทปธรรมะ


    ผู้ถาม “ผมอยู่บ้านเปิดเทปธรรมะของหลวงพ่อฟัง แต่เวลาฟังนั้นนอนฟัง อย่างนี้จะเกิดโทษหรือเปล่าครับ”
    หลวงพ่อ “เดี๋ยวก่อนต้องถามก่อน ผมอยู่บ้าน แล้วตัวไปไหน”
    ผู้ถาม “?...?...?...”
    หลวงพ่อ “ผมเปิดเทปฟังได้เรอะ”
    ผู้ถาม (หัวเราะ) “อ้อ..จริงแฮะ...คือตัวอยู่ด้วยครับ”
    หลวงพ่อ “เกิดแน่ มีโทษมหันต์เลย ถ้าฟังเรื่อย ๆ ไปจนกระทั่งตาย จะไม่รู้จักนรกเป็นยังไงเลย กลายเป็นคนโงเง่าเต่าตุ่น นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะไม่รู้จักเลย ขาดความฉลาดในเรื่องนี้”
    ผู้ถาม “ถ้าโง่ไม่ลงข้างล่างก็ยอมครับ”
    หลวงพ่อ “เอาเรอะ...ชอบโง่เรอะ ใช้ได้ ๆ คือว่าฟังเสียงฉันแต่อย่าลืมว่านั่นเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า นั่ง นอน ยืน เดิน เขาไม่ได้ห้าม นอนฟังปล่อยให้หลับไปเลยยิ่งดีใหญ่ ฟังเทปไม่ทันจบก็หลับไป เทปก็ว่าไปตามเรื่องตามราว นั่นแหละจิตเป็นฌาน ถ้าฟังแล้วรำคาญมันจะหลับไม่ได้ ถ้าเกิดความเพลิดเพลิน จิตจะสบายเรื่อยไป พอถึงฌานปั๊บตัดหลับเลย อันนี้มีประโยชน์ใหญ่”
    ผู้ถาม “แล้วบังเอิญตอนนั้นต้องเข้าห้องส้วม เลยไปฟังต่อในส้วม ตอนนี้จะบาปไหมครับ”
    หลวงพ่อ “อาจารย์เอาอะไรฟัง เอาหูฟังหรือเอาทวารฟัง”
    ผู้ถาม “เอาหูครับ”
    หลวงพ่อ “เอาหูฟังไม่เป็นไร”
    ผู้ถาม “แหมถ้าคนช่างคิดก็คิดจริง ๆ นะ เวลาปล่อยอึก็กลัวกลิ่นจะเหม็นออกมารบกวน”
    หลวงพ่อ “ไม่เป็นไร”
    ผู้ถาม “หลวงพ่ออโหสิเลยนะ”
    หลวงพ่อ “ไม่ใช่อโหสิ การปวดอุจจาระปัสสาวะนี่ไม่มีใครต้องการ แต่มันปวดตามเรื่องตามราวของมันใช่ไหม แต่ในขณะนั้นจิตยังเป็นกุศลอยู่ พอใจในธรรมะ ยังเป็นบุญอยู่เท่าเดิม ไอ้เรื่องนี้เมื่อฉันเจริญกรรมฐานใหม่ ๆ รุ่นพี่บอกว่า เวลาที่ถ่ายปัสสาวะก็ดี ถ่ายอุจจาระก็ดี อย่าภาวนานะ บาป พอไปถามหลวงพ่อปาน ท่านบอกว่า
    “แกไปเชื่อไอ้ควาย ภาวนานี่จิตเป็นกุศล” ท่านเลยถามว่า
    “ถ้าเวลาท้องถ่าย แล้วตายเวลานั้นจะว่ายังไง”
    พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามใช่ไหม การภาวนามันอยู่ที่จิต ไอ้ตัวภาวนาไม่ได้อยู่ที่ส้วม ทำได้ตลอดเวลาอย่าให้มันขาด อันนี้ดีมาก ถ้าทางที่ดีก็ควรจะมีสายสะพาย พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่าง ท่านสะพายเวลาท่านจะเดินเล่น ท่านเดินเล่นหนึ่งชั่วโมงฟังเทป 2 หน้า ถ้าจะเดินเล่นสองชั่วโมง ก็ฟัง 4 หน้า เวลาท่านบรรทมท่านฟังจนหลับ ท่านทำเป็นปกติเลย”
    ผู้ถาม “ท่านสนพระทัยด้วยหรือครับ”
    หลวงพ่อ “เรื่องนี้หนักมาก เรื่องกรรมฐานนี่นะ อย่าว่าแต่สนพระทัยเฉย ๆ ไม่ได้เข้าฌานออกฌานได้ตามเวลา เก่งมาก ฉันไม่กล้าปะทะกับท่านนะ”
    ผู้ถาม “ท่านสนพระทัยด้วยหรือครับ”
    หลวงพ่อ “อันนี้แหละ เราจะเห็นว่าท่านน่ะมีเวลาน้อยนะ และความเข้าใจในธรรมะนี่ลึกซึ้งมากเหลือเกิน ละเอียดลออมาก ฉันนึกสงสัยเหมือนกันว่า ท่านเอาเวลาไหนไปวิจัยธรรมะ เพราะวันทั้งวันท่านเกือบไม่มีเวลาว่าง ถึงเวลาสองยาม ท่านจะทรงเซ็นหนังสือ ถ้าไม่มีแขกนะ บางทีก็มีงานเลี้ยงจนถึงตี 1 ถึงตี 1 ท่านก็เริ่มเซ็นหนังสือ ถึงตี 2 ท่านก็เริ่มฟังเทปแล้ว ท่านทำกรรมฐานหรือฟังเทปตอนตี 2 เวลาแน่นอนของท่าน
    หลวงพ่อ “ฉันเคยเทศน์มาตั้งเยอะ คำถามด้านธรรมะไม่ละเอียดเหมือนพระเจ้าอยู่หัว รู้สึกว่าต้องระวังมาก เวลาคุยกับท่านด้านธรรมะ ต้องระวังหนักจริง ๆ และต้องฟังทุกคำไม่พลาด บางทีก็ถามยาว ก็ต้องพยายามฟังทุกคำ เรื่องธรรมะนี่พลาดหน่อยเราเจ๊งเลย บางทีถามเรื่องเดียว 3 รอบก็มี แล้วสำนวนจะไม่ซ้ำกันเลย สำนวนนี่สำคัญมาก ต้องฟังทุกคำ”
    ผู้ถาม “เคยฟังเทปตอนหนึ่งที่หลวงพ่อบันทึกถวายในเรื่องบารมี 10 ที่พระองค์ทรงถามเรื่อง จาคะ”
    หลวงพ่อ “ท่านถามว่า จาคะตัวเดียวไปนิพพานได้ไหม...ชักอึ้งเลยเรา เราไม่เคยเจอะตำราเลย ก็ต้องนั่งนึก เข้าเครื่องเตรียมบันทึกเทปแล้ว แต่ยังไม่เปิดสวิทซ์ไฟ ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า คำว่าจาคะแปลว่า เสียสละ ถ้าเสียสละแสดงว่ายังขี้ตืดอยู่มาก”
    ผู้ถาม “เป็นยังไงครับ”
    หลวงพ่อ “ขี้เหนียวน่ะ ดึงไม่ค่อยออก ต้องตัดสินใจอย่างหนัก ถ้าให้ต้องให้ในเกณฑ์ของบารมีต้น ถ้าบารมีต้นเขาจะให้แบบเสียสละ ต้องดึงใจหน่อย “เอ้า ให้มันหน่อย” แต่ความจริงเสียดายนิด ๆ ถ้าหากว่า อุปบารมี ความเข้มข้นมันขึ้นมาแล้ว ก็ใช้คำว่า “สละ” ตัดตัว “เสีย” ออก สละเพื่อตัดโลภะในจิตของเราออก
    ถ้าเป็นปรมัตถบารมี ก็ละเลย ตัดตัว “ส” ออก เหลือ “ละ” คือเราไม่ติดในวัตถุทั้งหลาย ตายแล้วเราเอาไปไม่ได้ ไม่ติดในร่างกายเราด้วย ไม่ติดในร่างกายคนอื่นด้วย ไม่ติดในวัตถุธาตุทั้งหลายด้วย ในมหาสติปัฏฐานสูตรท่านจะลงท้ายไว้ว่า
    “จงอย่าสนใจกายภายใน” คือกายของเรา
    “จงอย่าสนใจกายภายนอก” คือกายคนอื่น
    “จงอย่าสนใจในวัตถุธาตุใด ๆ ทั้งหมด”
    นี่ทุกข้อในมหาสติปัฏฐานสูตร ท่านสอนถึงนิพพานหมด ถ้าเป็นปรมัตถบารมีก็ละได้ ถ้าถึงละเฉย ๆ ก็ถึงนิพพานได้ ที่ท่านถามมานี่นักเทศน์ไม่เคยถาม เคยเจอะไหมอาจารย์”
    ผู้ถาม “ไม่เคยเลยครับ พอฟังเทปยังสะดุ้งเลยครับ คิดว่าที่เราสอนคงโมเมมะ”
    หลวงพ่อ “โมเม..โมมะ..ก็ไม่แน่นะ”
    ผู้ถาม “เป็นยังไงครับ”
    หลวงพ่อ “มองดูกันฑ์เทศน์ เขาติดเท่าไหร่หว่า อ้อ...ยายคนนี้ติดมากเทศน์ยาวหน่อย ติดน้อยเทศน์สั้นนิดหนึ่ง อย่างนั้นเขาเรียกว่า “คนฟังไปสวรรค์ คนเทศน์ไปนรก”
    ผู้ถาม “อ้าวทำไมยังงั้นล่ะครับ”
    หลวงพ่อ “คือเกิดโลภะ เทศน์แลกสตางค์ไงล่ะ”

    (คัดมาจากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 4)

    (จากหนังสือรวมคำสอนพระสุปฏิปันโน เล่ม 4 )


    ข้อมูลจาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...