ธรรมทั้งหลาย มิใช่ อัตตา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 3 มิถุนายน 2013.

  1. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คำว่า “สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา” ต้องตีความว่า คำว่า “ธรรม”คืออะไร
    ในอภิธรรม ธรรมสังคณี จูฬันตรทุกะ (๓๔/๗๐๑-๗๐๒/๒๔๗)
    ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ธรรมมีปัจจัย เป็นไฉน
    ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่าธรรมมีปัจจัย
    ธรรมไม่มีปัจจัย เป็นไฉน อสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่มีปัจจัย

    ธรรมเป็นสังขตะ เป็นไฉน ธรรมที่มีปัจจัยเหล่านั้นอันใดเล่า ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นสังขตะ
    ธรรมเป็นอสังขตะ นั้น เป็นไฉน ธรรมที่ไม่มีปัจจัยนั้นอันใดเล่า ธรรมนั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นอสังขตะ
    สรุปว่า “ธรรม” คือสังขตธรรม สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งคือขันธ์ ๕ กับอสังขตธรรม สิ่งที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่งคือนิพพาน
    ถ้าหากคำว่า “ธรรม” มีความหมายตามนี้ก็แสดงว่านิพพานก็ต้องเป็นอนัตตาด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มิถุนายน 2013
  2. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ที่จริง เวลาใครบอกว่านิพพานเป็นนิพพาน เขาก็จะแสดงว่าหมายถึงอะไร จึงจะได้สรุปอย่างนั้น เจตนามีการแสดงด้วยบริบทขยายไปเพื่อความกระจ่าง
    เวลาใครว่านิพพานเป็นอัตตา เขาก็จะแสดงว่าเพราะอะไร ต้องมีอธิบายเพื่อรับรู้ร่วมกัน

    จะมีใครสักกี่คน ที่แทงทะลุเข้าใจคำสอนเพียงคำพูดไม่กี่คำ
    (เข้าใจว่าผู้สอนจะสอนอะไรและเข้าใจสิ่งที่จะสอนได้ทันที)

    ใครแสดงได้ดี ได้เข้าใจ ก็ทำให้ผู้ฟังเข้าถึง ใช่ไม่ใช่แล้วแต่ระดับคนฟังด้วยนะ ไม่ใช่ว่า เขาบอกว่านิพพานเป็นนิพพาน เพราะไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด ด้วยการตรึก ด้วยการใช้เหตุผลใด.... บลาๆๆๆๆๆ
    ก็แทนที่จะเข้าใจการอุปมาหรือการขยายความว่ามีจุดมุ่งหมายใด ก็ไปสนใจเพียงจับยึดภาษาไว้แค่ที่จำได้...

    คำสอนของพระพุทธองค์ มีอุปมา เปรียบเทียบ เปรียบเปรย เพื่อทำของยากให้เข้าใจได้มากมายมหาศาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2013
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถามความเห็น ในเมื่อเป็นวิสังขาร แล้วไฉนจะต้องไปทางอัตตา อนัตตาอีกครับ หลุดพ้นไปเลยไม่ดีกว่าหรือ
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พระอรหันต์ ถ้าจะกลับมาสอน ก็ต้องใช้บัญญัติสอน
     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    แสดงว่าไม่เข้าใจอนัตตลักขณสูตร
    กลับไปศึกษาอนัตตลักขณสูตรใหม่ให้ละเอียดแล้วกัน

    อธิบายรวบรัดเลยนะ
    ถ้าพิจารณาขันธ์ 5 เป็น อนัตตา
    ว่าขันธ์ 5 นั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    เมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงแล้ว
    จิตจะเบื่อหน่ายในขันธ์ 5
    เมื่อเบื่อหน่ายก็สิ้นกำหนัด
    เมื่อสิ้นกำหนัดก็หลุดพ้น

    ที่ต้องบัญญัติขันธ์ เป็น อนัตตา เพื่อให้พิจารณาอย่างนี้
     
  6. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เมื่อวัจฉโคตรปริพาชก กราบทูลถามพระพุทธองค์
    พระพุทธองค์พิจารณาแล้วว่าไม่ควรตอบ
    พระองค์ก็ทรงดุษณีเสีย ไม่ใช่เหรอ

    แล้วถ้าคำถามไหนไม่ควรตอบ
    ก็หาเรื่องโวยวายอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วไม่ตอบ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ
     
  7. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็ นิพพานัง ปรมัง สุขัง
    นิพพานัง ปรมัง สูญญัง ไง
    แค่นี้ก็พอแล้ว มีใครค้านมั้ยล่ะ

    แต่พอ นิพพาน เป็น อนัตตา เถียงกันข้ามปียังไม่จบ
     
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ก็จะพยายามให้ นิพพาน พ้นไปจาก ธรรม คือใช้คำพูดว่า นิพพาน คือ นิพพาน

    นิพพาน เป็น ขันธวิมุติ
    นิพพาน เป็น ธรรมายตนะ
    นิพพาน เป็น ธรรมธาตุ
    นิพพาน เป็น สัจจวิมุติ
    นิพพาน เป็น ธรรม ภายนอก

    อย่างนี้ได้ชื่อว่า นิพพาน เป็น "ธรรม" ไหม
    ในเมื่อพระองค์ตรัสไว้ชัดเจนว่า ธรรมทั้งหลาย เป็น อนัตตา
     
  9. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็ต้องมีคนสงสัยล่ะ ว่าสุขอย่างไร ว่างอย่างไร
    ลองตอบไม่ถูก ดูซิ..จะมีคนค้านไหม...
    หรือตอบถูก แต่ไม่ถูกใจคนไม่เข้าใจ เขาก็คงค้านตามอารมณ์เขา
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เค้าค้านตามกิเลสของเค้า
    ถ้าเค้ามีศรัทธาเค้าก็ไม่ค้าน
    ตรงนี้มันเกี่ยวกับบุพเพนิวาสชาติปางก่อน
    เคยเกี่ยวพันกันมามันก็ลงใจกัน
    ไม่เคยเกี่ยวพันกันมาหรือเป็นคู่เึคียดแค้นกันมา
    มันก็ไม่ลงใจกัน

    ถ้าเค้าจะค้านมันก็เรื่องของเค้าล่ะ
    เค้าอาภัพอับวาสนาไปเอง

    แม้แต่พระพุทธก็ไม่ได้ทรงรื้อขนสัตว์โลกไปหมดซะที่ไหน
    ใครเค้าไม่เชื่อก็ให้เค้าเวียนตายเวียนเกิดอยู่นี่แหละ
     
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    จะว่าแต่ใครมาค้านความเห็นตน แล้วจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    แล้วกระทู้นี้ ใครมาค้านใครล่ะ

    ก็ใครค้านใคร ใครถูกใครผิด
    ใครค้านด้วยปัญญา ใครค้านด้วยกิเลส..
    ใครจะเลือกเชื่อใคร เพราะด้วยเคยปฏิบัติมาหรือไม่เคยปฏิบัติมา...
    ฯลฯ
    มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
    เพราะต่างก็อ้างพระวัจนะ ครูบาอาจารย์... ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2013
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็อย่าไปยึดกับคำว่า นิพพาน ต้องเป็น อนัตตา สิ
    นิพพานัง ปรมัง สุขัง ก็ได้
    นิพพานัง ปรมัง สูญญัง ก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2013
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถ้ารู้เองเห็นเองก็ไม่ต้องอ้างใคร
     
  14. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แล้วทำไมอ้างหลวงตาล่ะ..
     
  15. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    จะให้ผมอ้างคุณก็ได้
    แต่ผมขอตัวก่อนแล้วกัน
    โอกาสหน้าค่อยสนทนากันใหม่
     
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ..........อะนะ......
     
  17. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เออ...พอดีผมมีพุทธพจน์ เกี่ยวกับอนัตตา
    พุทธพจน์ว่า

    "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา

    สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    ข้อนี้พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้"

    ความหมายของ อนัตตา ตามพุทธพจน์ ชี้ไว้ชัดตรงนี้
    "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา"

    แล้วนิพพาน เที่ยงหรือไม่เที่ยง
    แล้วนิพพาน เป็นสุขหรือทุกข์

    ถ้านิพพาน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
    นิพพาน เป็น อนัตตา แน่

    จะ สัพเพ ธัมมา อะไรก็ตามเถอะ
    ก็ต้องเข้าข้อที่ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ด้วย
    จึงจะเป็นอนัตตา

    เพราะผมดู ๆ ไปก็มีแค่ สอง พุทธพจน์แค่นี้คือ

    "สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
    สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา"

    "สัพเพ ธัมมา อนัตตา"

    อะไรก็ตามจะเป็นอนัตตาได้ ต้องลงได้ทั้งสองพุทธพจน์
    ลองวินิจฉัยกันดูแล้วกันครับ
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เฮ้อ!!!

    หมดคำพูดจริงๆ ชัดขนาดนี้ ยังเลี่ยงพระบาลีได้

    อย่าต้องให้เศร้าใจไปกว่านี้เลย จากใจจริง ลงมือ"ภาวนา"เถอะท่าน

    เมื่อรู้แล้วจะเลิก ดัน...ไปเอง

    ของจริงต้องพิสูจน์ ธรรมที่พ้นโลก เหนือโลก ตรึกเอาไม่ได้

    เจริญในธรรมที่เป็นสัจธรรมเถิดจะเกิดผลทุกๆท่าน

     
  19. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ก็ต้องลองดูครับ

    พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
    สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
    ข้อนี้ อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง อย่างนี้
    เวทนาไม่เที่ยง ฯลฯ
    สัญญาไม่เที่ยง ฯลฯ
    สังขารไม่เที่ยง ฯลฯ
    วิญญาณไม่เที่ยง
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นไม่ใช่ของ
    เรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ข้อนี้อริยสาวก พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็น
    จริงอย่างนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์
    อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗ หน้าที่ ๒๑/๓๑๐

    ผลของการเห็นตามนี้เรียกว่าถึงพระนิพพานไหมครับพี่เตช
     
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็เหมือนหลวงตามหาบัวท่านว่านั่นแหละ
    อนัตตาเป็นทางเดินเพื่อนิพพาน
    เหมือนกับเดินขึ้นบันไดบ้าน
    เมื่อก้าวพ้นบันไดถึงตัวบ้านแล้วยังจะเอาบันไดมาเป็นตัวบ้านอีกเหรอ

    จะนิพพานได้ ก็ต้องการผ่านอัตตา อนัตตา ทั้งนั้น

    ไปศึกษาเทศน์หลวงตาดูนะ

    หรือจะเปรียบเทียบกับแพข้ามฟากก็ได้
    ก็เคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ
    เมื่อข้ามไปอีกฝั่งได้แล้ว จะแบกแพไปบนฝั่งอีกทำไม

    อนัตตา ท่านให้พิจารณาเพื่อ ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น
    เมื่อปล่อยความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงได้แล้ว จะเอาอนัตตามาพิจารณาอะไรอีก
    จะกอดอนัตตาไว้อยู่อย่างนั้นเหรอ
    อย่างนี้ก็ไม่ต่างกับยึดมั่นถือมั่นกับความเป็นอนััตตาน่ะ่สิ

    ก็ลองดูนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...