ท่านที่สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ์ เป็นวัตร เชิงแบ่งบันความรู้ประสบการณ์ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย prom20, 3 กรกฎาคม 2012.

  1. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ผมเคยให้รุ่นน้องสวดบทจักรพรรดิ์ จากนั้นไม่นานเค้าก็ได้รับการทักจากอาจารย์ฆราวาสมีชื่อ ท่านหนึ่งว่าตัวเขามียันต์จักรพรรดิ์คลุมอยู่ โดยที่น้องคนนั้นก็งงๆ เพราะไม่เคยพูดหรือบอกกล่าวเลยว่าสวดบทจักรพรรดิ์อยู่
     
  2. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
  3. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ขอเขามาอีกกระทู้หนึ่ง ผมว่าเป็นประโยชน์นะ

    บริจาคโลหิตเป็นทาน

    ผู้ถาม : การบริจาคโลหิตเป็นทานนั้น อยากจะเรียนถามว่าเป็นทานขั้นไหนครับ....?

    หลวงพ่อ : เขาเรียกว่าทานภายในนะ จะถือว่าเป็นปรมัตถทานก็ยังไม่ได้ เขาเรียกทานภายในคือให้ของภายในกายนี่เป็นทานภายใน ให้ของนอกร่างกายเขาเรียกทานภายนอกนะ ยังถือว่าเป็นปรมัตถานไม่ได้นะ ถ้าเป็นปรมัตถทานต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ

    ผู้ถาม : เป็นยังไงครับหลวงพ่อ..?

    หลวงพ่อ : เชือดเนื้อเอาไปเลี้ยงเขาเลย

    ผู้ถาม : ถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : ใช่ นั่นเป็นปรมัตถทาน เอาถือว่าเป็นปกติทานก็แล้วกัน แต่เป็นทานภายในเพราะอานิสงส์สูงมาก อาจจะสูงกว่าทานภายนอกสักหน่อยหนึ่งนะ

    ผู้ถาม : แล้วการบริจาคโลหิตกับการอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาลเป็นทาน อันไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันคะ ?

    หลวงพ่อ : อุทิศให้เลือดให้ขณะที่ยังไม่ตายมีอานิสงส์สูงกว่าเมื่อตายแล้ว ตายแล้วเหมือนของเขาทิ้งแล้ว ร่างกายใช้อะไรไม่ได้ มีประโยชน์เพียงแค่วัตถุทาน จะให้มีอานิสงส์เท่ากับให้เลือดตอนมีชีวิตนั้นไม่ได้แน่ ใช่ไหม

    ดูอย่างพระพุทธเจ้าสมัยเมื่อเป็นพระเวสสันดร ตอนนั้นที่คนเขามาขอช้างหรือของต่างๆ พระองค์ก็คิดว่าไมเขาไม่ขอดวงตา ถ้าขอท่านก็จะให้ ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้าย หรือแขนขวาก็จะให้ นี่ท่านตั้งใจให้ตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนตายแล้ว ฉะนั้นถ้าให้ได้ก็เป็นปรมัตถบารมี

    ผู้ถาม : ทีนี้ถ้าจะบริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์เขาศึกษาต่อเมื่อเราตายแล้ว แต่อธิษฐานไว้ว่า เมื่อตายเมื่อไรขอพ้นจากวัฏสงสาร อย่างนี้จะมีโอกาสไม่ให้มาเกิดอีกใช่หรือเปล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : ถ้าเวลาจะตายนะ จิตตัดกิเลสแน่นอน ไม่อยากมาเกิดอีก หรือเมื่อนั้นเมื่อเวลาะตาย จิตตัดความรักในระหว่างเพศ ตัดความโกรธ ก็ไม่มาเกิดอีก มันไม่แน่นะ เดาส่งไม่ได้ มันเฉพาะจิตใช่ไหม จะเดาไม่ได้ แต่บังเอิญก่อนที่จะตาย เวลานี้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้นะ และก็ตัดสินไว้เสมอทุกเช้าว่า ร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น อันนี้จิตทรงตัวแน่นอน อย่างนี้ไปได้ทันที


    (หลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 48)
     
  4. Arrowhead

    Arrowhead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +638
  5. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ขอคัดลอกข้อมูลนะคะ จะเอาไปที่กระทู้ชมรม I am Number 1 ค่า
    เดือนหน้ามีโครงการบริจาคโลหิตร่วมกันที่สภากาชาดไทย พอดี๊
    เนื้อหานี้เข้าสถานการณ์มากเลย

    ขออนุโมทนาค่า
     
  6. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ ผมขออนุโมทนาในกุศลทั้งหมดทั้งมวลด้วยครับพี่diya
     
  7. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ขออนุญาติคัดลอกข้อมูลมาจากพี่ธรรมประธีปครับ อ่านแล้วผมน้ำตาคลอครับ (ซึ้งหลวงปู่ครับ)
    เรื่องเล่าความเมตตาของหลวงพ่อเกษม เขมโก และหลวงพ่อดู่

    สองพระอริยะในดวงใจ
    หนึ่งพระอรหันต์เจ้าและอีกหนึ่งพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม

    “…เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๓๑ วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าแต่งหน้ากำลังจะไปรับลูกที่โรงเรียน
    ก็สังเกตเห็นว่าคอของตนเองบวมจึงไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพื่อทำการตรวจ
    แพทย์พบว่ามีก้อนเนื้อขนาด เท่าลูกมะปรางอยู่ในคอ
    แพทย์บอกว่าอาจจะเป็นเนื้อร้ายต้องผ่ามาพิสูจน์

    เมื่อรู้ดังนั้นข้าพเจ้าก็รีบเดินทางไปหาหลวงพ่อดู่ที่วัดสะแก พอไปถึงก็กราบเรียนท่าน
    ท่านพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไม่ปงไม่เป็นหรอกมะเร็ง”

    แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีชาวบ้านมาหาท่าน เขาเป็นมะเร็งในมดลูก
    ท่านทำมือให้ดูว่าก้อนเนื้อมีขนาดเท่าลูกส้มโอ หมอบอกว่าต้องผ่าตัด
    เขากลัวมากเลยมาหาท่าน ท่านก็เมตตาให้เขาดื่มน้ำมนต์และให้ภาวนาไปด้วย
    ชาวบ้านผู้นั้นก็ปฏิบัติตามคือดื่มน้ำมนต์ และภาวนา
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ อย่างเคร่งครัด

    จนครบ ๓ เดือนก็ไปหาหมอตรวจดูปรากฏว่าก้อนเนื้อนั้นได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์

    หลังจากที่ท่านเล่าให้ฟังแล้วท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตดอกบัวให้ข้าพเจ้านำกลับไปต้มกับ
    น้ำมนต์ ดื่มเป็นประจำทุกวันและให้ภาวนาไตรสรณคมน์ไปด้วย

    คืนหนึ่งข้าพเจ้านอนหลับฝันไปว่า
    ข้าพเจ้ากับสามีนั่งอยู่ในเรือลำหนึ่งโดยนั่งข้างหน้าและมีคนนั่งอยู่กันเต็มลำ
    เรือลำนี้มุ่งหน้าข้ามไปยังเกาะกลางทะเล บนเกาะมีคุณตาคุณยายนั่งอยู่ในกระท่อม

    พอไปถึงคนทั้งหลายก็ขึ้นฝั่ง ไปให้ท่านทั้งสองรักษาโรคให้ด้วยการเป่า
    เมื่อท่านทั้งสองเป่ารักษาให้คนทั้งหลายก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บในทันที แล้วพากันกลับลงเรือ
    ส่วนข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปขอให้ท่านทั้งสองช่วยรักษา
    คุณตาคุณยายกลับบอกว่า “ข้าช่วยเอ็งไม่ได้”

    ได้ยินเพียงเท่านี้ข้าพเจ้าก็ร้องไห้อ้อนวอนขอให้ท่านทั้งสองช่วยด้วยเถิด
    และข้าพเจ้ายังตัดพ้อว่าคนอื่นเขามากันเต็มลำเรือท่านยังช่วยได้ ทำไมเราคนเดียวท่านไม่ช่วย

    อ้อนวอนทั้งน้ำตาอยู่นานก็ไม่เป็นผล ข้าพเจ้าจึงเดินร้องไห้กลับมาเพื่อจะลงเรือ
    ทันทีนั้นก็ได้ยินเสียงท่านเรียกแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้มีคนเดียวที่ช่วยได้”
    ข้าพเจ้ารีบถามว่าเป็นใคร
    ท่านก็บอกว่า “หลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ลำปาง”

    ข้าพเจ้าจึงพูดว่าหลวงพ่อเกษม เขมโกท่านพบยาก ไปก็ลำบากไม่รู้จักใครที่จะพาไป ท่านบอกว่า ให้ไปอยุธยา แล้วจะมีคนพาไป

    เมื่อตื่นขึ้นมาข้าพเจ้าก็รีบไปหาหลวงพ่อดู่ที่วัดสะแกทันที
    ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่าย ๓ โมงแล้ว

    ข้าพเจ้ากราบเรียนท่านให้ฟังถึงความฝัน ท่านก็เลยพานั่งสมาธิ
    กำหนดพาข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์แล้วนิมนต์หลวงพ่อเกษม เขมโกมาวัดสะแก

    เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่ หลวงพ่อเกษม เขมโก
    ท่านมาให้เห็นเป็นกายเนื้อนั่งอยู่ด้านขวามือของหลวงพ่อดู่
    แล้วข้าพเจ้าก็กราบเรียนท่าน หลวงพ่อเกษมท่านก็รักษาให้โดยการเป่า

    หลวงพ่อดู่ท่านยังเมตตาฝากข้าพเจ้ากับหลวงพ่อเกษมว่า
    วันข้างหน้า หากข้าพเจ้ามีอะไรติดขัด ก็จะขอให้กราบเรียนหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งท่านก็พยักหน้ารับ

    ข้าพเจ้านึกรู้ทันทีว่าหลวงพ่อดู่จะต้องละสังขารก่อนหลวงพ่อเกษม แน่นอน

    พอกลับมาบ้านอาการที่เป็นอยู่ก็ไม่ทรุดโทรมแต่ค่อย ๆ ดีขึ้น
    ทว่าหลังจากที่หลวงพ่อดู่ท่านละสังขาร ข้าพเจ้างานยุ่งมากทำให้จิตไม่ค่อยมั่น ภาวนาบ้างไม่ภาวนาบ้าง

    แล้วก็เชื่อผู้อื่นที่หวังดีแนะนำไปหาหมอหลายหมอ จิตจึงไม่นิ่งนั่งสมาธิไม่ค่อยดี
    ร่างกายจึงเริ่มทรุดโทรมต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด

    เมื่อผ่าตัดเสร็จและฟื้นขึ้นมา ข้าพเจ้าได้เห็นวิญญาณของผู้ชายคนหนึ่งกลายเป็นไก่ตัวผู้ตัวใหญ่มากยืนอยู่ เห็นเหนียงที่คอยาวจนเกือบถึงพื้น
    เขาบอกว่า ข้าพเจ้าเคยช่วยแม่จับขาเขาทำร้ายเขาถึงชีวิต ไปทำเขาไว้
    เขาโกรธ ก็เลยตามมาจะแก้แค้น รอโอกาสที่จะแก้แค้นข้าพเจ้ามานาน
    จนกระทั่งตัวเขาแก่มากเหนียงยาวเกือบถึงพื้น

    หลังจากผ่าตัด ๖ เดือนหมอก็ให้กลืนน้ำแร่ฆ่าเชื้อและป้องกันมะเร็งที่คอ ๗ วัน
    วันแรกประมาณบ่าย ๓ โมง กลืนน้ำแร่หยดเล็ก ๆ พอบ่าย ๕ โมงคอเริ่มบวมแดงไปหมด
    กลืนน้ำลายกลืนน้ำไม่ได้ ต้องนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม
    เตียงที่นอนล้อมรอบด้วยแผ่นตะกั่วกันรังสีอยู่คนเดียวห้ามเยี่ยม
    หมอและพยาบาลจะเข้ามาต้องใส่ชุดกันรังสี
    ข้าพเจ้าเกิดอาการแพ้มากจึงกดออดเรียกหมอบอกหมอถึงอาการ
    แต่หมอก็ไม่เชื่อคงเพราะกรรมมาบังไว้
    ตอนทุ่มครึ่งพยาบาลนำยานอนหลับมาให้ทานก็แอบเอาไว้ไม่ยอมทาน

    ข้าพเจ้าสวดมนต์ไหว้พระ-รับศีลเพื่อเตรียมตัวตาย
    เพราะจำได้ว่าหลวงพ่อดู่ท่านสั่งแล้วสั่งอีกเป็นสิบ ๆ ครั้งก่อนที่ท่านจะละสังขารว่า..
    “ก่อนตายสำคัญมาก ต้องมีสติ ภาวนา รักษาศีล”

    และเนื่องจากข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเขียนไว้ว่า
    ก่อนตายให้นึกถึงพระนิพพานและให้ภาวนาว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง”

    ข้าพเจ้าจึงได้ทำตามแล้วก็นอนทำสมาธิภาวนาไปเรื่อย ๆ จิตก็ดี
    พอภาวนาไปได้พักหนึ่งจิตก็หวนคิดถึงลูกคนเล็กซึ่งมีอายุเพียงขวบกว่าๆ
    เกิดความคิดว่าเมื่อตายแล้วหากไปนิพพานก็จะไม่ได้กลับมาเห็นลูกอีก
    เลยเปลี่ยนคำภาวนาเป็น
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ จิตก็รวมดี

    ไม่นานนัก ข้าพเจ้าก็เห็นตัวเองสวมชุดขาวออกเดินไปในทุ่งอันกว้างใหญ่
    มีต้นข้าวเขียวขจีอ่อนพลิ้วไปตามกระแสลม
    ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นดวงสว่างปรากฏขึ้นและเห็นหลวงพ่อดู่ท่านมา จึงรีบตรงเข้าไปกราบท่าน
    ท่านก็พาไปยังกุฎิที่ท่านอยู่ ซึ่งหน้ากุฎิท่านนั้นมีลำธารเป็นแก้วใส
    และมีต้นโพธิ์ทองแก้วเป็นแก้วใส ๒ ต้นสูงประมาณ ๒ เมตรอยู่ด้านหน้ากุฎิ

    ท่านนั่งห้อยขาอยู่บนกุฎิ ซึ่งเป็นทองสวยอร่ามมาก
    ข้าพเจ้าก็เข้าไปกราบท่านแล้วบอกว่า จะขออยู่กับท่านตลอดไปไม่กลับ
    ท่านก็บอกว่า “อยู่ไม่ได้ บุญยังไม่พอ”

    ข้าพเจ้าร้องไห้ทวงสัญญาว่า หลวงพ่อเคยรับปากลูกว่า จะให้ลูกเกาะชายผ้าเหลืองไปทุกภพทุกชาติลูกจะไม่ขอกลับไปแล้ว

    ท่านจึงพูดว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันลงไปทำความดีอีก ๑๐ ปี…แล้วค่อยว่ากันใหม่”

    ก็เลยตกใจตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกาเป็นเวลาเกือบตี ๔ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    เพราะอาการที่ป่วยอยู่ทุกอย่างได้เริ่มหายเป็นปกติ

    ข้าพเจ้าอยู่โรงพยาบาลครบ ๗ วัน ก็ได้กลับบ้าน
    และหายจากโรคร้ายอย่างเด็ดขาดไม่มีอาการเจ็บป่วยอีกเลย

    ข้าพเจ้าได้แต่กราบแทบเท้าหลวงพ่อทั้งสองเพื่อขอบพระคุณที่ท่านมีเมตตา
    อนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัวในทุก ๆ เรื่องตลอดมากระทั่งทุกวันนี้…”



     
  8. รุ้งกินน้ำ

    รุ้งกินน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +328
    ผมและน้องที่จ.แพร่ ได้รับหนังสือจาก จขกท.แล้ว ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง ขอโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ !
     
  9. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    วันนี้ผมโอนเงินทำบุญ 13 บุญครับ
    1.ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองคำ ขนาด๙ศอก ถวายวัดบางนมโค
    2.ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ขนาด๘ศอก วัดเขาพลวงทอง
    3.ร่วมสร้างกุฏิปฏิบัติธรรม ถวายหลวงพ่อ พระมหาสิงห์วิสุทโธ
    4.ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อหาปัจจัยสร้าง รอยพระพุทธบาทจำลอง4ลอย ถวาย สวนพุทธธรรม จ. สุพรรณบุรี
    5.ร่วมเป็นเจ้าภาพ หาปัจจัยซื้อที่ดินถวายวัดศาลพันท้ายนรสิงห์
    6.ร่วมทำบุญสมทบกองทุน สงอาพาธโรงพยาบาลฝาง
    7.ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างโรงครัวโรงทาน ที่ วัดป่าสิมารักษ์
    8.ร่วมทำบุญเข้ากองทุนบึงลับเเล เพื่อใช้ในทุกๆกิจจกรรมทางพระพุทธศาสนา
    9.ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง พระอุโสถสมเด็จองค์ปฐมที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ (ทำบุญรอบที่3)
    10.ร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดกฐิน กับวัดกลางชูศรีเจริญสุข ประจำปี2555
    11.ร่วมเป็นเจ้าภาพโครงการสร้างพระพุทธพลังจิต(ทองคำ) ปางห้ามสมุทรเพื่อเป็นพุทธบูชา พระคุณพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เเละทุกๆพระคุณตลอดทั้งพระนิพพานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล...ฯลฯ
    12.ร่วมเป็นบุญร่วมกุศลเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม บรมมหาจักรพรรดิ์ ประทับยืนปางเปิดโลก ความสูง59 เมตร ปดิษฐานที่เชียงดาว (ร่วมกับหลวงตาม้า และสาธุชนทั้งหลาย ตั้งเเต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต ) เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา(อันนี้โอนไปหลายรอบเเล้วครับ โอนเรื่อยๆครับ)

    13.ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างวัไทยต่างเเดน กับ สาธุชนทั้งหลาย
    โอนเข้า ธ.กรุงเทพ /บัญชี นายภาณุพล ปานสายลม เลขที่บัญชี 003 7 09507 2

    คือวันนี้ผมโอนไป 13 บัญชีห่นะครับ (ร่วมกับคณะครับ)จึงโอนไปแต่ละบัญชี ก็ตามความคล่องตัวครับ สาธุๆๆ อนุโมทามิ สาธุๆๆ นิพพานะปัจจะโยโหตุ สาธุ


    ผมมาแชร์ก็เพื่อญาติธรรมทั้งหลาย จะได้สาธุหน่ะครับ
    เจ้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิฐานต่อพระศรีรัตนตรัย และด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลทั้งหมดทั้งปวงนี้ที่ข้าพเจ้าร่วมกับคณะทั้งหลายนี้ จะมีผลกับข้าพเจ้าเเละคณะเพียงใด ขอท่านทั้งหลายโปรดอนุโมทนาเอาเถิด ขอให้มีผลเหมือนที่ข้าพเจ้าเเละคณะได้รับทุกๆประการเทอญ พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวารัง สังฆังนิพพานะปัจจะโยโหตุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 สิงหาคม 2012
  10. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ถาม : (ถามเกี่ยวกับสุนทรภู่)
    ตอบ : เขาอธิษฐานทีไร เขาจะอธิษฐานแสดงถึงความปรารถนาพระโพธิญาณทุกที อย่างไปไหว้ภูเขาทอง
    ขอเดชะพระเจดีย์คิรีมาศ บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์ ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวัน เป็นอนันต์อานิสงส์ดำรงกาย จะเกิดชาติใด ๆ ในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย ทั้งทุกข์โศกโรคภัยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์ ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าไหลหลง ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง อีกทั้งทรงศีลขันธ์ในสันดาน อีกสองสิ่งหญิงร้ายและชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ตราบนิพพานชาติหน้าให้ถาวร เป็นไง....เขาเลี้ยวเข้าหาพระโพธิญาณจนได้เลย
    เพราะฉะนั้นสุนทรภู่ รับประกันว่าต้องเป็นพระโพธิสัตว์แน่ ๆ ไปเถอะไปอธิษฐานเอาตรงนั้น แต่อย่าไปอธิษฐานตราบนิพพานเอาชาติหน้านะ เราเอาชาตินี้นะโว้ย
    วันก่อนหลวงพี่กิตติชัย เขาก็ไปอยู่ที่วัดท่าขนุนด้วย รายนี้ก็พระโพธิสัตว์ พวกเราพอทำกรรมฐานทำวัตรเสร็จก็อธิษฐานขอนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ แกสะดุ้งยึก (หัวเราะ) รีบปฏิเสธพัลวันไม่เอาด้วย ไปคนละทางกันล่ะสิ ของเขา ๆ จะเกิดใหม่ ของเรา ๆ เอานิพพานในชาติปัจจุบันนี้แกก็เลยต้องเปลี่ยน ให้แกให้ศีลแทนที่แกจะให้ เขาขอศีลห้านี่ ไปกาเมสุมิฉา จะหลุดอะพรัหมจริยาออกมา ไอ้เรานี่ขำก็ขำ เขาก็รีบเปลี่ยนเป็นกาเม เขาไม่ได้หลุดออกมาหรอก แต่ใจมันคิดแล้ว ว่าให้ศีลเสร็จก็เลยถามเขาว่าจะให้อะพรัหมจริยา แล้วเสือกอมกลับเข้าไปทำไม เขาหัวเราะใหญ่ ตัวเองมันชินกับอะพรัหมจริยาเวระมะนีใช่มั้ย ? โยมขอศีลห้าก็จะให้อะพรัหมจริยา
     
  11. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : หนูมีข้อสงสัยอีกข้อหนึ่งค่ะว่า ในช่วงที่เราท่องสหัสเนตโตปึ๊บ ความรู้สึกเหมือนบอกว่าช่วงท่องเวลาที่เรานั่งอ่านหนังสือ เทวดาท่านจะมา รู้สึกน่ะค่ะ ว่าจะมีเทวดาท่านจะมา มาหมดเลย ตอนนั้นหนูขอบารมีกรมหลวงชุมพรด้วยค่ะ เพราะว่าเคยไปเรียนที่อังกฤษ และหนูก็กำลังจะไปก็เลยขอบารมีท่านมาช่วยด้วย รู้สึกว่าท่านก็มาเทวดาก็มารู้สึกเองน่ะค่ะ แล้วช่วงเวลาที่อ่านหนังสืออยู่ บังเอิญลืมท่องจบ หนูมีความรู้สึกว่า พออ่านเสร็จแล้วเราไม่ท่องปิดท่านก็ยังอยู่ท่านยังไม่ไปไหน (หัวเราะ) นี่เราเข้าห้องน้ำอยู่น่ะนี่เราอาบน้ำอยู่นี่ท่านยังอยู่น่ะ หนูเอ๊ะ...ตาย อุ๊ยตาย...เราลืมกำลังนั่งอึอยู่ในส้วม ตายแล้วลืมท่องปิดรีบนั่งท่องอยู่ในส้วมเลยเพราะกลัวท่านจะ...หนูก็เลยว่ามันเป็นอย่างนี้ตามที่หนูคิดหรือเปล่าค่ะ ?
    ตอบ : อันนั้นไม่ใช่คิดจ้ะ คิดยังไงก็คิดแบบนั้นไม่ได้ ความรู้สึกอันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามนั้นเลย เพราะอย่าลืมว่าคาถานี้เป็นของท่านปู่พระอินทร์ ท่านปู่พระอินทร์ถือว่าเป็นนายของเทวดาทั้งหมด ถ้าหากว่าเรามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือในขณะนั้น เทวดาที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องช่วยเรา เพราะอย่างน้อย ๆ เราก็ประเภทเด็กเส้นของเจ้านายอะไรอย่างนี้ ในเมื่อมาแล้ว แล้วไม่บอกให้ไปก็อยู่ก่อน คราวหน้าเลี้ยงข้าวด้วยนะ
     
  12. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : บางครั้งยังรู้สึกเลยว่ากรมหลวง ขณะเราเข้าห้องน้ำ พออึเสร็จน่ะค่ะ ลืม ๆ ต้องปิด แล้วเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเรานั่งฟังเพลง ฟังเพลงไปเรื่อยเพราะเราว่าอ่านเสร็จแล้วลืมท่องปิด ตอนนี้ฟังเพลงไปเรื่อยรู้สึกว่ากรมหลวงท่านอยู่แถวนั้น ?
    ตอบ : ยังดีที่ไม่เขกกะบาลเอา
    ถาม : หนูก็เลย อุ๊ยตาย...นี่เราลืมท่องปิด พอรู้สึกว่าท่านยืนปึ๊บเราจะเอะใจ อุ๊ยตายเราลืมท่องปิด ก็เลยต้องมาท่องปิดก่อนแล้วมาฟังเพลงใหม่ ?
    ตอบ : จ้า...แหมเชิญมาแล้วก็ส่งกลับด้วยสิ
    ถาม : การที่ท่องคาถาหลังจากอ่านจบนี่เป็นการปิดหรือคะ ?
    ตอบ : จริง ๆ แล้วมันอยู่ที่เรา ถ้าใจของเรายึดถือมั่นคง ท่านก็พร้อมที่จะสงเคราะห์ให้ คราวหน้าบอกท่านก็ได้ว่าหนูเรียกมาแล้ว ถ้าหากว่าหนูไม่ได้ส่งกลับก็กลับเองด้วยน่ะค่ะ (หัวเราะ) ถ้าอยู่ที่นี่มันจะมีแต่ประสบการณ์อย่างนี้ทั้งวันแล้วเราจะรู้ว่าตัวเราผิดปกติ คนอื่นเขาดีหมด (หัวเราะ) ไม่ใช่คนอื่นบ้าแล้วเราดีอยู่คนเดียว ตัวเราผิดปกติคนอื่นเขาดีหมด ตกลงว่าจะไปแน่ ๆ เมื่อไหร่
    ถาม : เมื่อคะแนนผ่านน่ะค่ะ ?
    ตอบ : เอา ๆ ลองดู
    ถาม : ก็อธิษฐานอยู่ทุกวันน่ะค่ะ ทำบุญทุกวันขอให้ผ่าน ?
    ตอบ : ไม่ใช่ประเภทพอผ่านเสร็จเรียบร้อยลืมทำบุญ ก็ดียังมีแรงเรียนเอาไว้ก็ดี เดี๋ยวไฟมันมอดซะก่อนกว่าจะลุ้นฝนจบด็อกได้ หลวงพ่อเหนื่อยเกือบตาย ปริญญาตรีแค่เรารู้ตามครูสอนก็พอแล้วไง ถ้าปริญญาโทนี่จะต้องเกลี้ยกล่อมให้ครูเขาคล้อยตามให้ได้ว่าเรารู้จริง ถ้าปริญญาเอกนี่มันจะต้องหลอกครูได้ เจ้าฝนเขาเรียนนี่ศศินทร์ เรียนของแพง
    ถาม : ตอนที่ท้อ ๆ น่ะค่ะ หนูก็เลยคิดว่า .....?
    ตอบ : โทรได้จ้ะ ถ้าโดนด่าแล้วจะมีไฟขึ้น
    ถาม : (หัวเราะ) กลัวโดนด่า เลยไม่กล้าโทร ?
    ตอบ : ขึ้นอยู่กับจังหวะเหมือนกัน ถ้าผิดจังหวะล่ะได้แน่ ๆ หลังสงกรานต์ลงไปปักษ์ใต้ไปเจอที่หนึ่งน่าอยู่มากเลย มันเหมือนกับเขตหวงห้ามเล็ก ๆ เนื้อที่ซัก ๒๐๐ ตารางวาเท่านั้นล่ะ จะเป็นตำหนักในลักษณะที่ว่าคล้าย ๆ กับศาลเจ้าพ่อทางบ้านเรา เขาเรียกตำหนักโต๊ะชายดำ โต๊ะชายดำปกติลงไปก็ผ่านไปผ่านมาอยู่เป็นประจำแล้วมันไม่มีอะไร งวดนี้ไปเขาขอความช่วยเหลือ ว่าให้ถวายสังฆทานให้เขาบ้าง เขาบอกว่าความจริงในอดีตก็เคยเนื่องกันมา เพราะว่าในสมัยที่กรุงแตกจากการล้อมตีของพม่าเขา คณะของเขาเห็นว่ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยอพยพหนีออกจากกรุงไปก่อน อพยพหนีไปก่อน ไปยันโน่นแน่ะ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เขาก็ไปตั้งรกรากกันอยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะทรัพย์สินอะไรที่ขนไปก็เอาไปฝังรวมกันไว้ตรงนั้น ทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดา ทำมาหากินไปตามปกติ กะว่าถ้าหากว่ามีใครกู้บ้านกู้เมืองคืนขึ้นมาได้เมื่อไร ก็จะมาร่วมงานกับเขา แต่บังเอิญว่าไปไกลไปหน่อย แล้วพระเจ้าตากสิน ท่านทำงานเร็วมากเลย แปดเดือนก็เรียบร้อยแล้ว กว่าข่าวจะไปถึงก็เลยอยู่กันตรงนั้น อยู่กันสองร้อยกว่าเกือบ ๆ สามร้อย
    เราผ่านไปผ่านมาหลายทีวาระบุญวาระกรรมมันยังไม่เปิดให้ มันก็เนื่องกันมาไม่ถึง เขาไม่สามารถที่จะติดต่อเพื่อแสดงให้รู้ได้อะไรได้ คราวนี้งวดนี้ลงไปได้รับการติดต่อมาว่าให้ทำบุญให้เขาก็เลยไปกัน ไปถวายสังฆทานก็มีพระพุทธรูป มีผ้าไตรจีวร แล้วก็ชาวบ้านเขาเลี้ยงพระซะจนไม่มีปัญญาจะฉัน ตัวเรานั่งอยู่นี่กับข้าวมันไปเลยเสาโน้นอีก แล้วมันเหลือเชื่อว่า อำเภอตากใบ คนตรงจุดนั้นมันเป็นไทยล้วน ๆ ปกติมันน่าจะมีอิสลามบ้าง แล้วสถานที่นั้นมันเป็นเขตลักษณะเหมือนเขตหวงห้าม มีต้นไม้ใหญ่มีอะไรร่มเย็นน่าอยู่มากเลย แล้วก็มีพวกลักษณะเขาทำไว้เหมือนยังกับศาลเจ้าอย่างศาลเจ้าพ่ออย่างนั้น แล้วก็จะมีลักษณะเหมือนยังกับที่นั่งเล่น เป็นที่นอนได้ มีกระทั่งห้องน้ำและก็มีบ่อน้ำ พร้อมทุกอย่างแต่ไม่มีใครอยู่ได้ โดยเฉพาะพวกที่เข้าไปบริเวณนั้นแล้วเข้าไปล่าสัตว์ เพราะว่าพื้นที่ของเขามีสัตว์ชุกชุมมาก มักจะเจอดีจนกระเจิดกระเจิงออกมาหมด ไปเห็นปุ๊บแล้วติดใจเลย สถานที่มันสงบน่าอยู่จริง ๆ ไม่มีใครไปกวน
    แต่ว่าวันนั้นพอเขาเห็นพระไปเขาก็เข้าไปกัน ไปทำบุญบ้างไปอะไรกันบ้าง มันก็เลยสบายตกลงว่าพวกเก่าเขาเลี้ยงดีกินไม่ไหว อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เขาเรียกว่า โคกอิฐ ก่อนจะถึงโคกอิฐนี่ถ้าหากว่ามาจากทางด้านปัตตานี่ไปนราธิวาส ถนนเส้นนอกมันจะมีป้ายบ้านโคกยางก่อน พอเห็นบ้านโคกยางปุ๊บก็ไปยูเทินร์เลี้ยวกลับ แล้วก็จะมีบ้านโคกกระท่อม พอเห็นบ้านโคกกระท่อมก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย ตรงนั้นเขาเรียกโคกอิฐ แสดงว่าแถวนั้นมีแต่ที่สูงมันมีแต่โคกทั้งนั้นล่ะ
    เคยไปตากใบมั้ย โห...เสียชาติเกิดจริง ๆ อยู่ใต้ไม่เคยไปตากใบ (หัวเราะ) น่าอยู่เสียดายที่เลยล่ะ สงบเหมาะที่พระจะอยู่ปฏิบัติเป็นที่สุด อย่ากลัวผีก็แล้วกัน ไปนี่พักพวกบานเบิกเลย
     
  13. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : แช่งคน .....?
    ตอบ : แช่งนี่เขา คือพุดอะไรไปมันจะเป็นตามนั้น อย่างหลวงพ่อเดิม ข้าวในนาชาวบ้านเขากำลังงาม ๆ อยู่ ๆ ม้าของหลวงพ่อเดิมก็ไปกิน เจ้าของนาแกเป็นผู้หญิงปากร้ายแกก็มาเท้าเอวด่า ๆ ๆ ไม่รู้จักจบ ไม่ใช่หลวงพ่อเดิมสิ หลวงพ่อเขียน ๆ ก็โผล่หน้าออกมาทางหน้าต่างบอกอีปากเน่า ด่ากระทั่งพระกระทั่งเจ้าไม่รู้จักเลิก ปรากฎว่าไม่รู้แกเป็นอะไรล่ะ เกิดปากเปื่อยขึ้นมาเฉย ๆ ล่ะ ลักษณะอย่างนั้นไม่ขอขมาพระไม่หายหรอก
    เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าทำคาถานี่ขึ้นอย่าเผลอ หลวงพ่อท่านถึงได้บอกว่าท่านเองท่านกลัวจะเผลอ ถ้าเผลอไปว่าไม่ดีมันจะเกิดไม่ดีกับคนจริง ๆ จริง ๆ ก็คือกำลังของเจ้าของคาถาแช่งคนนั้นมันเป็นของท้าวมหาพรหมท่าน
    ถาม : ทำอาหารถวายพระ ท่านเป็นหมูอ่อนใช่มั้ย พระพุทธเจ้าเสวยเสร็จก็บอกว่าที่เหลือให้เอาไปฝังเป็นเพราะอะไร ?
    ตอบ : ในขณะที่นายจุนทะ เขาทำอาหารนั้นน่ะ เทวดาเขาก็อยากได้บุญ ก็เขาพวกเครื่องทิพย์มาโปรยผสมลงในอาหารนั้น คราวนี้ส่วนที่มันได้รับการผสมลักษณะนั้น ธาตุของคนจะย่อยไม่ไหว คนละเรื่องกันเลยน่ะนะ จากที่ร่างกายของคนทั่วไปมันจะย่อยได้จะดูดซึมได้เอาไปใช้ง่านได้มันจะทำไม่ได้ แต่ว่าธาตุของพระพุทธเจ้ายังย่อยได้อยู่ เพราะว่าท่านเป็นบุคคลพิเศษนี่ ในเมื่อถ้าหากว่าบุคคลอื่นกินเข้าไปไม่ย่อยมันจะเป็นอาหารเป็นพิษ ท่านก็เลยสั่งให้ไปฝังทิ้งซะ แล้วก็ยังบอกเอาไว้อีกว่า หลังจากนี้ไม่นานท่านจะปรินิพพานคือจะตาย ถ้าหากว่าคนคิดว่าท่านฉันอาหารของนายจุนทะแล้วตายให้พระบอกไว้เลยว่าพระพุทธเจ้าตั้งใจจะปรินิพพานวันนั้นเวลานั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าฉันอาหารของนายจุนทะเข้าไป
    เพราะพระองค์ยังตรัสว่าทานที่บุคคลให้ในวันแรกที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมมาสัมโพธิญาณกับวันสุดท้ายที่จะปรินิพพานเป็นทานที่มีผลมากที่สุด คนที่ถวายก่อนจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณคือนางสุชาดา ถวายข้าวมธุปายาสไปแล้ว ก็คนที่ถวายคนสุดท้ายคือนายจุนทะ
    ถาม : ข้าวมธุปายาสเป็นยังไง ?
    ตอบ : มธุปายาสอย่างน้อย ๆ ต้องเลี้ยงวัว ๔๙ ตัวจ้ะ เขาจะรีดนมวัวจาก ๗ ตัวแรกกรองให้สะอาดแล้วก็ไปให้ ๗ ตัวที่สองกินเข้าไป รีดนมวัดจาก ๗ ตัวที่สองมากรองให้สะอาดให้ ๗ ตัวที่สามกินเข้าไปจนกระทั่งชุดสุดท้าย ๗ ตัวนั่นล่ะ รีดเอานมนั้นมาหุงข้าว ลองดูมั้ยล่ะ ?
    ถาม : ปัจจุบันยังมีมั้ยเจ้าค่ะ ?
    ตอบ : มีจ้ะ เพิ่งจะฉันมาเพราะว่าลงไปปักษ์ใต้งวดนี้ไปเจอสาวฮินดูคนหนึ่ง ชื่อสุภิตา คานธี นามสกุลคานธีด้วยนะ ก็แม่สาวนี่ล่ะที่ถามซะจนพระรำคาญนั่นล่ะ จนกระทั่งพระท่านบอกให้ถามได้ไม่เกินหนึ่งข้อต่อวัน เขาก็ยังสงสัยอีกว่าถ้าสงสัยเกินข้อหนึ่งแล้วทำยังไง พระท่านก็ให้มาถามอาตมา อาจจะให้ไปถามคนอื่นก็ได้ แต่บังเอิญชื่อเล็กเหมือนกัน เขามาควานเจอเราเข้าก็เอาล่ะ เขาก็เลยไปหุงข้าวมธุปายาสมาถวาย
    ครั้งแรกเราดู ๆ ก็นึกว่ากับข้าว จ้วงเข้าไปซะเต็ม ๆ ปรากฏว่ามันออกหวาน ๆ เหมือนขนมมากกว่า
     
  14. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : แล้วอย่างในปัจจุบันล่ะเจ้าคะ ที่เรานำข้าวไปถวายที่วัดแล้วถาดที่เรายกถวายท่าน ท่านฉันเสร็จท่านก็ลุกไป ชาวบ้านทั่วไปจะยกอันนั้นมาทานต่อ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าพระฉันเหลือแล้ว ชาวบ้านกินได้เขาเรียกว่าวิทาสาโท รับของที่เป็นเดนแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีน่ะ ให้พระวัดนั้นมีการอุปโลกน์ซะก่อน การอุปโลกน์นี่คือก็จะสมมติขึ้นมา อย่างเช่นว่าเขาจะประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่า ยัคเฆ ภัณเต สังโฆ ชานาตุ ขอสงฆ์ทั้งหลายโปรดฟังคำข้าพเจ้า บัดนี้ได้มีทายก ทายิกาผู้มีจิตศรัทธาน้อมนำมาซึ่งภัตตาหาร ถวายเป็นสังฆทานในท่ามกลางสงฆ์ อันว่าสังฆทานนั้นย่อมมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่มาก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ไม่ได้จำเพราะเจาะจงให้เฉพาะภิกษุ สามเณรรูปใดรูปหนึ่ง แต่ว่าสมควรแก่สงฆ์ทั้งสังฆมณฑล ให้แจกแก่สงฆ์ทั้งหลายในบรรดาที่มาถึงในสถานที่นั้น บัดนี้ข้าพเจ้าจะสมมติตนเป็นผู้แจกของสงฆ์หากสงฆ์ทั้งหลายเห็นสมควรก็ให้นิ่งอยู่ ถ้าหากว่าเห็นไม่สมควรก็ให้ทักท้วงขึ้นได้อย่าได้เกรงใจ ในเมื่อสงฆ์ทั้งหลายนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการสมควรแล้วก็จะแจกภัต ณ บัดนี้ แล้วก็เริ่มต้นว่า อะยัง ปะฐะมะภาโค มหาเถรัสสะปาปุนาต ส่วนที่ ๑ ก็พึงถึงแก่มหาเถระ ผู้เป็นใหญ่เหนือกว่าข้าพเจ้าอะวะเสสาภาคาอัมหากังสามเณรัญจะ ปาปุนาติ ส่วนที่เหลือก็ถึงแก่ข้าพเจ้าจนภิกษุสามเณรทั้งมัชชิมะ และนะวะกะคือผู้กลางและผู้ใหม่ทั้งหลายตลอดจนถึงสามเณร เมื่อเหลือจากพระภิกษุและสามเณรแล้วไซร้ ก็มอบให้เป็นของทายก ทายิกา ตลอดจนถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ต้องการมีส่วนร่วมในอาหารนี้ด้วยเทอญ อย่างนี้ถ้าพระสาธุก็เป็นอันว่ากินไปเถอะ
    ถาม : ยังไม่เคยเห็นมีใครทำแบบนี้ ?
    ตอบ : เขาทำกันเยอะเหมือนกัน หลายวัดเขาทำกัน วัดที่อาตมาอยู่ก็ทำเป็นปกติ กันนรกให้ เพราะว่าส่วนใหญ่นี่เขาไม่รู้กัน
    ถาม : เห็นเขาใส่เป็นถาดแล้วก็ถวาย แล้วพระก็ฉัน พอฉันเสร็จ....?
    ตอบ : ถ้าพระฉันเหลือแล้วจริง ๆ กินต่อได้น่ะ แต่ว่าอย่าเอาไปบ้าน ส่วนที่เหลือแล้วไม่ต้องขออนุญาตก็ได้แต่ห้ามเอาไปบ้าน ถ้าหากว่าลักษณะที่ว่านี่ ถ้าหากว่าเป็นพระสงฆ์อุปโลกน์ขึ้นมาแล้วทุกองค์ มีความเห็นร่วมกันว่าได้อย่างนั้นกินเสร็จถ้าเหลือขนกลับบ้านต่อไปเลย
    ถาม : การใส่บาตรนี่ถ้าเราเตรียมข้าวไปแล้ว จำเป็นมั้ยจะต้องตักจนเหลือไว้ก้น ๆ หนึ่ง ?
    ตอบ : ไม่จำเป็น แล้วแต่เรา ถ้าหากว่าพระมีมากข้าวมีน้อยก็ตักกันจนหมดขูดกันไปเลยก็ได้ แต่ถ้าหากว่าพระมีน้อยข้าวมีมากก็เหลือกลับไปกินเป็นของเราก็ได้ เพราะว่าอันนั้นยังเป็นสมบัติของเราอยู่ ยังไม่ใช่ของสงฆ์
    ถาม : ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ของเรา บางทีไปถวายแล้วพระบางองค์เขาบอกไม่ต้องตักหมดหมดหรอกเดี๋ยวเก็บไปบ้านอะไรอย่างนี้ ?
    ตอบ : เผื่อไว้ส่วนที่เหลือจากการทำบุญถือว่าเป็นมงคล เก็บไว้กินเองบ้างเผื่อฟลุคจะได้รวย (หัวเราะ)
     
  15. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : แล้วอย่างในปัจจุบันล่ะเจ้าคะ ที่เรานำข้าวไปถวายที่วัดแล้วถาดที่เรายกถวายท่าน ท่านฉันเสร็จท่านก็ลุกไป ชาวบ้านทั่วไปจะยกอันนั้นมาทานต่อ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าพระฉันเหลือแล้ว ชาวบ้านกินได้เขาเรียกว่าวิทาสาโท รับของที่เป็นเดนแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีน่ะ ให้พระวัดนั้นมีการอุปโลกน์ซะก่อน การอุปโลกน์นี่คือก็จะสมมติขึ้นมา อย่างเช่นว่าเขาจะประกาศในท่ามกลางสงฆ์ว่า ยัคเฆ ภัณเต สังโฆ ชานาตุ ขอสงฆ์ทั้งหลายโปรดฟังคำข้าพเจ้า บัดนี้ได้มีทายก ทายิกาผู้มีจิตศรัทธาน้อมนำมาซึ่งภัตตาหาร ถวายเป็นสังฆทานในท่ามกลางสงฆ์ อันว่าสังฆทานนั้นย่อมมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่มาก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ไม่ได้จำเพราะเจาะจงให้เฉพาะภิกษุ สามเณรรูปใดรูปหนึ่ง แต่ว่าสมควรแก่สงฆ์ทั้งสังฆมณฑล ให้แจกแก่สงฆ์ทั้งหลายในบรรดาที่มาถึงในสถานที่นั้น บัดนี้ข้าพเจ้าจะสมมติตนเป็นผู้แจกของสงฆ์หากสงฆ์ทั้งหลายเห็นสมควรก็ให้นิ่งอยู่ ถ้าหากว่าเห็นไม่สมควรก็ให้ทักท้วงขึ้นได้อย่าได้เกรงใจ ในเมื่อสงฆ์ทั้งหลายนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นการสมควรแล้วก็จะแจกภัต ณ บัดนี้ แล้วก็เริ่มต้นว่า อะยัง ปะฐะมะภาโค มหาเถรัสสะปาปุนาต ส่วนที่ ๑ ก็พึงถึงแก่มหาเถระ ผู้เป็นใหญ่เหนือกว่าข้าพเจ้าอะวะเสสาภาคาอัมหากังสามเณรัญจะ ปาปุนาติ ส่วนที่เหลือก็ถึงแก่ข้าพเจ้าจนภิกษุสามเณรทั้งมัชชิมะ และนะวะกะคือผู้กลางและผู้ใหม่ทั้งหลายตลอดจนถึงสามเณร เมื่อเหลือจากพระภิกษุและสามเณรแล้วไซร้ ก็มอบให้เป็นของทายก ทายิกา ตลอดจนถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ต้องการมีส่วนร่วมในอาหารนี้ด้วยเทอญ อย่างนี้ถ้าพระสาธุก็เป็นอันว่ากินไปเถอะ
    ถาม : ยังไม่เคยเห็นมีใครทำแบบนี้ ?
    ตอบ : เขาทำกันเยอะเหมือนกัน หลายวัดเขาทำกัน วัดที่อาตมาอยู่ก็ทำเป็นปกติ กันนรกให้ เพราะว่าส่วนใหญ่นี่เขาไม่รู้กัน
    ถาม : เห็นเขาใส่เป็นถาดแล้วก็ถวาย แล้วพระก็ฉัน พอฉันเสร็จ....?
    ตอบ : ถ้าพระฉันเหลือแล้วจริง ๆ กินต่อได้น่ะ แต่ว่าอย่าเอาไปบ้าน ส่วนที่เหลือแล้วไม่ต้องขออนุญาตก็ได้แต่ห้ามเอาไปบ้าน ถ้าหากว่าลักษณะที่ว่านี่ ถ้าหากว่าเป็นพระสงฆ์อุปโลกน์ขึ้นมาแล้วทุกองค์ มีความเห็นร่วมกันว่าได้อย่างนั้นกินเสร็จถ้าเหลือขนกลับบ้านต่อไปเลย
    ถาม : การใส่บาตรนี่ถ้าเราเตรียมข้าวไปแล้ว จำเป็นมั้ยจะต้องตักจนเหลือไว้ก้น ๆ หนึ่ง ?
    ตอบ : ไม่จำเป็น แล้วแต่เรา ถ้าหากว่าพระมีมากข้าวมีน้อยก็ตักกันจนหมดขูดกันไปเลยก็ได้ แต่ถ้าหากว่าพระมีน้อยข้าวมีมากก็เหลือกลับไปกินเป็นของเราก็ได้ เพราะว่าอันนั้นยังเป็นสมบัติของเราอยู่ ยังไม่ใช่ของสงฆ์
    ถาม : ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ของเรา บางทีไปถวายแล้วพระบางองค์เขาบอกไม่ต้องตักหมดหมดหรอกเดี๋ยวเก็บไปบ้านอะไรอย่างนี้ ?
    ตอบ : เผื่อไว้ส่วนที่เหลือจากการทำบุญถือว่าเป็นมงคล เก็บไว้กินเองบ้างเผื่อฟลุคจะได้รวย (หัวเราะ)
     
  16. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : ....................................
    ตอบ : เจ้านั่นไปเที่ยวบางแสน ๔ วันหลับมาแอร์เปิดคาอยู่ดีที่ไม่ไหม้แสดงว่ามันอึดน่าดูเลยน่ะ ๔ วัน ๔ คืนเปิดอยู่ได้ยังไง บ้านเขาติด ธงมหาพิชัยสงคราม เลยมั่นใจว่าเป็นอานุภาพของธง ลักษณะเดียวกับตอนที่ไฟมันไหม้ตึกแถว พอไหม้มาถึงบ้านที่เขาติดธงเอาไว้ไม่รู้มันกระโดดข้ามไปได้ยังไงมันไหม้ห้องต่อไป เว้นห้องนั้นเอาไว้ ไอ้เราก็ยังงง ๆ เลยไม่ว่าจะเป็นกฏฟิสิกส์หรือหลักของอากาศพลศาสตร์อีท่าไหนก็ตาม มันไม่มีทางที่กระโดดข้ามห้องแถวที่ติดกันไปห้องหนึ่งได้หรอก แต่มันไปได้ (หัวเราะ) ไปไหม้ห้องถัดไป ตกลงคนอื่นเขาดำเป็นตอตะโกกันหมด มีขาวอยู่ห้องเดียว
    งวดก่อนไปหาดใหญ่ซักสามปีมาแล้วมั้ง ตรงช่วงในเป็นห้องแถวไม้ก็ไฟไหม้ เขาเก็บของหนีกันอลหม่าน พวก ท่านแสงชัย ตอนนั้นยังไม่ได้บวช ก็ไปช่วยเขาเก็บของอะไรด้วย เก็บเสร็จก็มานั่งหอบแฮก ๆ อยู่ เราก็ถามว่าที่บ้านติดธงมหาพิชัยสงครามด้วยรึเปล่า ? เขาบอกว่าติด พอถามว่าติดธงไว้รึเปล่า เขาบอกว่าติด เราก็สบายใจ ถ้ามีธงละก็ไม่เป็นไรหรอก ให้มันไหม้ไปเถอะ ไหม้ที่อื่นเดี๋ยวมันไม่มาถึงเราหรอก ปรากฏว่าคุณแสงชัยเขายกพานใส่วัตถุมงคลให้ดูอยู่นี่ครับ ผมถอดมาด้วย (หัวเราะ) แหมมันเก็บเกลี้ยงจริง ๆ อยู่นี่ครับผมถอดมาด้วย ยังดีนะที่รถดับเพลิงสกัดเอาไว้อยู่ก่อน ไม่งั้นก็คงมีโอกาสโทษกันให้วุ่นไปเลย ด้วยความหวังดีเก็บให้ก็เลยเก็บมาเกลี้ยงเลย
    ถาม : แสดงว่าไฟไหม้นี่ให้เหลือธงไว้ เก็บอย่างอื่นไป ?
    ตอบ : อย่างอื่นเก็บไปเถอะ อันนั้นเขาเอาไว้กันโดยตรง เรื่องอย่างนี้ฟัง ๆ ดูแล้วเหมือนยังกับว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่ว่ามันพิสูจน์ได้เห็นมาเยอะต่อเยอะด้วยกัน เจ้าแข กลับไปแล้วใช่มั้ย ? เจ้า ดวงแข นี่บ้านเขาอยู่ด่านช้าง เขาทำไร่อ้อยอยู่สองร้อยกว่าเกือบสามร้อยไร่ แล้วก็มีพวกเห็นแก่ตัวมันจะเผาไร่อ้อยกันประจำเลย โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลมันจ้างเผา เหตุที่จ้างเผาเพราะว่า ถ้าโรงงานที่อยู่ไกล ๆ ให้ราคาดีกว่าเขาจะขายให้โรงงานที่อยู่ไกลไม่ขายให้ของเขา เขาก็จะมาจ้างคนเผาไร่ อ้อยที่ผ่านการเผาไฟมาจะบูดเร็วมากเลย ไม่เหมือนกับอ้อยที่ตัดสดไป ทิ้งอยู่เป็นอาทิตย์มันอยู่ได้ แต่อ้อยเผาไฟนี่อยู่ได้วันสองวันมันจะบูด ก็เลยต้องเข้าโรงงานใกล้ ๆ คือวิ่งไปเข้าโรงงานของมันนั่นล่ะ ยายนี่ประสาทกลับเลยรอบข้างมีแต่ไฟไหม้ไปหมด ก็เลยบอกให้เอาธงไปติดเอาไว้ ขนาดธงไปติดไว้มันก็ยังประสาทกินอยู่นั่นล่ะ ไฟไหม้ล้อมมาทุกด้านเลย แต่ปรากฏว่ามาไม่ถึง ใช้คำว่าบังเอิญดับซะก่อน แต่เรื่องบังเอิญนี่มันบังเอิญบ่อยจังเลย
    จริง ๆ แล้วธงมหาพิชัยสงครามท่านใช้คำว่าดีทุกอย่าง ตามตำราโบราณสมัย พระร่วง อยู่บอกว่า แม้แต่ถือด้ามธงเข้าป่าไปก็จะไม่อด อานุภาพถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าของเราเองจิตใจยึดมั่นแค่ไหน ? วัตถุมงคลทุกชนิดเหมือนกับเครื่องส่งกำลังสูงในเมื่อเครื่องส่ง ๆ เต็มที่ สำคัญตรงเครื่องรับกำลังใจของเรามันเปิดรับเท่าไหร่ ถ้าหากว่ามีจิตเลื่อมใสมีการอาราธนาถูกต้องตามรูปแบบของเขา เท่ากับเอาเปิดรับเต็มที่มันก็จะได้ผลมาก คนที่เขาไม่เลื่อมใสไม่เชื่อถือผลก็จะน้อย เพราะฉะนั้นเครื่องส่ง ๆ แล้วสำคัญตรงเครื่องรับของเรานั่นล่ะ ถึงว่าทุกสิ่งทุกอย่างถ้าหากว่ามันจะดีมันต้องประกอบด้วยศรัทธาก่อน แต่ว่าศรัทธาอันนี้มันต้องมีปัญญประกอบ ไม่ใช่เชื่อหัวทิ่มหัวตำไปอย่างเดียวพิสูจน์ซะก่อน เขาบอกกันไฟได้เราก็เอาน้ำมันราดเผามันซะเองเลย ดูซิมันกันได้จริงมั้ย ? เจอข้อหาวางเพลิงบ้านตัวเองแหง ๆ
    ถาม : เอาธงไว้ที่ไหนในบ้านหรือเอาไว้หน้าบ้าน ?
    ตอบ : ที่ไหนก็ได้แต่ว่าให้หันหน้าไปทิศเหนือหรือทิศตะวันออกผืนเดียวคุ้มได้ทั้งสถานที่ สมมติว่าบ้านเรามีที่ดินซักพันไร่ก็คุ้มได้ทั้งพันไร่นั่นล่ะ เพียงแต่ว่าเวลาอธิษฐานขอให้ท่านป้องกันให้ครบด้วยนะ ไม่ใช่ประเภทไปถึงแปะฉับก็ทิ้งเอาไว้ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยนึกถึงท่านเลย
    ถาม : ต้องดูวันปิดมั้ยเจ้าค่ะ ?
    ตอบ : ดูจ๊ะ ดูวันที่เรามีธง วันที่ไม่มีติดไม่ได้แน่เลย
    ถาม : ต้องดูฤกษ์ ดูยามนี่จริงมั้ยเจ้าค่ะ ?
    ตอบ : ไม่ค่อยจะจริงจ้ะ เรื่องของฤกษ์ยามมันเหมือนกับคนข้ามถนนเปรียบให้ฟังง่าย ๆ ถ้าข้ามถนนในจังหวะที่ไม่มีรถมันก็ปลอดภัยแน่นอนนะ แต่ว่าคนที่เขาเก่ง ๆ เขาก็ข้ามโดยที่รถเยอะ ๆ เขาก็ข้ามได้ปลอดภัยดีแต่ว่ามันประมาทเกินไป สักวันหนึ่งอาจจะชราหูตาฝ้าฟางพลาดท่าให้รถชนเดี้ยงไปก็ได้ถ้าไม่เป็นการยุ่งยากลำบากเกินไปนักก็อาศัยฤกษ์ยามซะหน่อยหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าเห็นว่ามันยุ่งยากมันลำบาก กำลังใจกำลังใจของเราเข้มแข็ง เกิดอะไรขึ้นรับได้อยู่แล้ว ลุยไปเลยวันไหนก็ได้
    ถาม : หนูไปติดหนูก็ไม่ได้ดูวัน ?
    ตอบ : ก็บอกแล้วไงว่า ถ้าเป็นวันที่มีธงก็ใช้ได้แล้วล่ะจ้ะ
    ถาม : ใส่กรอบเสร็จแล้วก็ตอกตะปูแขวนหน้าบ้าน ?
    ตอบ : นั่นล่ะ สะดวกที่สุด
    ถาม : แล้วต้องระลึกถึงท่านทุกวัน ?
    ตอบ : ตั้งใจสวดมนต์ภาวนานึกถึง โดยเฉพาะธงนี่เป็นของ ท้าวมหาชมพู ท่าน จะมีคาถาปลุกสั้น ๆ ว่า “ พุท - ธะ – สัง – มิ ” ก็คือ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ เขาตัดมาอย่างละตัว เราจะใช้ “ อิทธิฤทธิ พุทธนิมิตตัง ” ก็ได้ แล้วแต่ลักษณะของการปลุก ก็คือเปิดกำลังใจของเรารับอานุภาพของเขา บอกแล้วเครื่องส่ง ๆ อยู่ตลอดอยู่แล้วมันสำคัญตรงใจเรา เครื่องรับของเราดีแค่ไหน
     
  17. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : การที่เราฟังเทปธรรมครับ ถ้าเกิดเราทำอะไรไปด้วยได้ไหม ?
    ตอบ : จริง ๆ คือว่าให้ตั้งใจฟังด้วยความเคารพ ถ้าไม่ใช้สมาธิจริง มันจะฟังได้ไม่ตลอด การที่ทำงานไปอะไรไป บางทีมันไม่ได้สนใจเสียด้วยซ้ำไป จะกลายเป็นปรามาสพระรัตนตรัยไป
    ถาม : แล้วอิริยาบถในการฟังจะฟังอย่างไร ?
    ตอบ : ไม่มีปัญหา จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ได้
    ถาม : แล้วประเภทอยู่ในโบสถ์แล้วใส่หมวก ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นพวกคริสต์ หรือ ฮินดู ไม่เป็นไร มันเป็นระเบียบการถือของศาสนาเขา แต่ถ้าหากว่าบุคคลอื่น ๆ เขาใส่หมวกให้เขาถอดหมวกเสีย ถ้ามีผ้าคลุมหัวให้เอาผ้าลงเสีย ถ้าหากว่าเขายังทำอยู่ก็อย่าไปสนทนาธรรมด้วย เพราะมันเป็นการไม่เคารพ ยิ่งประเภทขัดสมาธิคุยกับพระนี้ อยากจะเตะให้หงายท้องไปเลยเชียว
    ถาม : แล้วลักษณะเดินกระโย่ง โคลงกาย สั่นศีรษะเป็นอย่างไร ?
    ตอบ : ก็เหมือนกับย่องเบานึกออกไหม โคลงกายก็โยกตัวไปโยกตัวมา สั่นศีรษะก็รู้อยู่แล้ว พูดไปอย่าไปสั่นหัว ลักษณะนั้นถ้าเด็กพูดกับผู้ใหญ่ก็ถือว่าไร้มารยาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พูดกับพระก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
     
  18. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : แล้วอนามาสคืออะไร ?
    ตอบ : คือ เงิน ทอง สิ่งที่ใช้แทนเงิน ทอง รัตนชาติทุกอย่าง อนามาส คือ ไม่ควรจับ ผู้หญิง วัตถุที่เนื่องด้วยกายหญิง เช่น เส้นผม เสื้อผ้า รูปที่ทำเป็นรูปผู้หญิง เครื่องประโคมทุกอย่าง หรือเครื่องดนตรีทุกชนิด ศาสตราอาวุธทุกชนิด เครื่องมือจับสัตว์ทุกชนิด แล้วก็ผลไม้และข้าวเปลือกทึ่เกิดอยู่กับต้น กลัวจะไปขโมยเขา ถึงไม่ให้จับ
    ถาม : แล้วถ้าไปจับเข้า ?
    ตอบ : จริง ๆ มันดูเจตนาของเรา ที่ท่านห้าม ห้ามเพราะว่ากันการสะสม กันการมีจิตกำหนัด
    ถาม : ...........................
    ตอบ : การลาพุทธภูมิใช้ธูปห้าดอก เทียนขาวห้าดอก บัวขาวห้าดอก ตั้งใจลาหน้าหิ้งพระ
    ถาม : การอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แม้กลางแจ้งก็ไม่ได้ ?
    ตอบ : ไม่ได้ คือว่าการอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ถ้าคนอื่นไม่ได้ยินว่าเรา คุยเรื่องอะไรกัน ถึงอยู่กลางแจ้ง เรียกว่าที่ ลับหู ถ้าหากว่าอยู่ในที่มุงที่บังพร้อมไม่เห็น เรียกว่าที่ลับตา ก็ปรับอาบัติทั้งคู่ ถ้าหากว่าเขาโจทย์ขึ้นมาด้วย อาบัติอะไรก็ปรับตามนั้นเลย บอกปาราชิกก็ปาราชิก สังฆาทิเสสก็ สังฆาทิเสส ปาจิตตีย์ก็ปาจิตตีย์ หรือว่ารับว่าต้องอาบัติอะไรก็ปรับตามนั้น อันนี้มันเกิดจากพระอุทายีนั่นแหละ อันนี้นางวิสาขาท่านโจทย์ขึ้นมา ก็ท่านเป็นพระโสดาบันเรื่องที่ท่านโจทย์ขึ้นมาเชื่อถือได้
     
  19. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : ถ้าเกิดเอ่ยชื่ออาหารนี้ ท่านจะไม่รับ ?
    ตอบ : ยกเว้นได้รับอานิสงส์กฐินให้ฉันคณะโภชนาคือสิ่งที่เจ้าภาพเขาประกาศบอกชื่ออาหารแล้วร่วมฉันเกินสี่รูปได้ แต่ถ้าไม่ได้อานิสงส์กฐินฉันได้แค่สามองค์เป็นอย่างมาก เกินนั้นแล้วต้องอาบัติทุกคำที่กลืน
    จริง ๆ แล้วเกิดจากสมัยก่อนเวลาพระมหากษัตริย์หรือมหาเศรษฐีนิมนต์ก็ดี อย่างเช่นบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมธุปายาส ได้ยินอยากกินขึ้นมา ก็ตะบี้ตะบันแย่งกันไป อย่าลืมว่าพระสมัยก่อนไปกันทีสามร้อย ห้าร้อย เจ้าภาพเลี้ยงไหวไหมล่ะ ? ท่านก็เลยต้องกำหนดห้ามเอาไว้ ไม่ฉะนั้นออกชื่อโภชนะ หรือว่าบ้านนี้เลี้ยงอาหารดี ก็แย่งกันไปอีก ถ้าไม่ถึงคิวของตัวเอง ถ้าไม่กิจนิมนต์ให้ก็ไปด่าเขาอีก ไปโกรธเขาอีก หาเรื่องลงนรก
     
  20. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ถาม : ถ้าเกิดว่าพระวิดพื้น ออกกำลังกาย ?
    ตอบ : ได้ แต่อย่าให้โยมเห็น ทำในกุฏิ อย่าให้เขาเห็น ออกกำลังกายออกได้อยู่หรอก แต่จริง ๆ แล้วถ้าหากว่าพระเดินจงกรม ภาวนาอยู่มันหนักกว่าออกกลังกายเสียอีก เพราะเขาเล่นกันเป็นวัน แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปวิดพื้นล่ะ ?
    ถาม : แล้วเวลาบิณฑบาต ต้องวางอารมณ์อย่างไรครับ ?
    ตอบ : จริงแล้ว ต้องจับภาพพระหรือทรงอารมณ์ภาวนาไว้ได้ตลอดยิ่งดี แต่มันยาก อาตมาเองปล้ำอยู่เป็นพรรษา กว่าจะทำได้ตลอด ส่วนใหญ่มันจะเผลอแว๊บหลุด พอเผลอก็เกาะใหม่
    ถาม : แล้วเวลาที่โยมใส่บาตรจะอวยพร ?
    ตอบ : ตั้งใจอธิษฐานว่า ขอให้โยมที่สงเคราะห์เรา เป็นผู้มีความเป็นอยู่คล่องตัว มีปรารถนาที่สมหวังทุกอย่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...